Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-book เรื่องธาตุทางทัศนศิลป์

E-book เรื่องธาตุทางทัศนศิลป์

Published by นิตยา เสาหงษ์, 2021-10-16 09:12:22

Description: E-book เรื่องธาตุทางทัศนศิลป์

Search

Read the Text Version

1 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ 1 ความเปน็ มาของทศั นศลิ ป์ 2 ความหมายและประเภทของทศั นศลิ ป์ 3 ลักษณะรปู แบบของทศั นศิลป์ 4 หลกั การจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ 5 ทศั นธาตุ 6 หลกั การออกแบบงานทศั นศลิ ป์ 7 ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของงานทศั นศิลป์

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หน้า | 2 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 หน่วยที่ 2 รหัสวชิ า 2204-2101 วิชา องคป์ ระกอบศิลป์สำหรับงานคอมพวิ เตอร์ สอนคร้ังท่ี 2 ช่ือหน่วย ธาตุทางทัศนศิลป์ จำนวน 3 ชัว่ โมง สาระสำคัญ ทัศนศิลป์เป็นผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นให้เห็นเป็นรปู ทรง 2 มิติและ 3 มิติ มีเนื้อที่ปริมาตรและ เนื้อที่บริเวณว่างตามปริมาตรของการรับรู้ และที่สำคัญต้องสามารถมองเห็นด้วยสายตาของผู้มองงาน ทัศนศิลป์นั้น ๆ ได้แก่ รูปภาพวิวทิวทัศน์ทั่วไปเป็นสำคัญอันดับต้น ๆ รูปภาพคนเหมือน ภาพล้อ ภาพ สิ่งของต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของทัศนศิลป์ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งรูปแบบของงานทัศนศิลป์แบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่แสดงความเป็นจริง รูปแบบแบบตัดทอนและรูปแบบตามความรู้สึก มีโครงสร้าง ทางทัศนศิลป์ ประกอบด้วย ดุลยภาพ สัดส่วน ความกลมกลืน ช่วงจังหวะ ช่องไฟและจุดเด่น มี ส่วนประกอบของศิลปะที่มองเห็นได้ประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาดสัดส่วน แสงเงา สี บริเวณว่างและพน้ื ผิว โดยงานด้านทศั นศลิ ป์มปี ระโยชนแ์ ละคุณค่าทางด้านจิตใจ ด้านความคิดสติปัญญา และคณุ คา่ ทางด้านประโยชนใ์ ชส้ อย สาระการเรยี นรู้ 1. ความเป็นมาของทศั นศิลป์ 2. ความหมายและประเภทของทัศนศิลป์ 3. ลักษณะรปู แบบของทัศนศิลป์ 4. หลกั การจัดองค์ประกอบศิลป์ 5. ทัศนธาตุ 6. หลักการออกแบบงานทัศนศลิ ป์ 7. ประโยชน์และคณุ ค่าของงานทัศนศิลป์ สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้เกีย่ วกบั ธาตุทางทัศนศลิ ปใ์ นงานองคป์ ระกอบศิลป์ 2. ใช้ความรูเ้ กยี่ วกับธาตทุ างทศั นศลิ ป์ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ผเู้ รยี บเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หน้า | 3 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. บอกความเปน็ มา ความหมายและประเภทของทศั นศลิ ป์ได้ 2. อธบิ ายลกั ษณะรปู แบบของทัศนศลิ ป์ได้ 3. ใช้หลักการจัดองคป์ ระกอบศิลป์กับงานทัศนศิลปไ์ ด้ 4. สร้างสรรค์ภาพจากองคป์ ระกอบของทัศนธาตุได้ 5. สร้างผลงานตามหลักการออกแบบงานทัศนศลิ ป์ได้ 6. บอกประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของงานทศั นศิลป์ได้ 7. มคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคแ์ ละเจตคติที่ดใี นการเรยี นวิชาชพี คอมพวิ เตอร์ธุรกิจ คุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความรับผิดชอบ 2. ความมวี นิ ัย 3. ความสนใจใฝ่รู้ 4. การมีจติ อาสา 5. การมจี รรยาบรรณต่อการใช้เทคโนโลยี (เกณฑ์การประเมินตามข้อกำหนดสถานศกึ ษาคณุ ธรรมของวิทยาลัย) กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขัน้ ตอนการ สอนครัง้ ท่ี 2 สัปดาหท์ ี่ 2 ชัว่ โมงท่ี 4 - 6 เวลาทีใ่ ช้ เรยี นการสอน กิจกรรมการเรียนการสอน 5 นาที ชน้ั นำ 10 นาที 1. ครชู ี้แจงวธิ กี ารเรยี นรู้ ระยะเวลาทท่ี ำการเรยี นการสอน หลักการ 5 นาที ขั้นสอน แนวทางการเรียน และการวัดประเมนิ ผลการเรียน 1. ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 2 จำนวน 12 ข้อ 30 นาที 2.ครเู ปิดประเดน็ ให้นักเรยี นรว่ มสนทนาแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ในประเด็น เรื่อง “ผลงานทางทัศนศิลป์” พร้อมสรุปประเด็นสำคญั ทีไ่ ด้จากการ สนทนาแลกเปล่ยี นเรียนรู้” 3.ครูอธิบายเนื้อหารายวิชาโดยสื่อมัลติมีเดยี ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ งธาตุทางทศั นศิลป์ ผ้เู รยี บเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หน่วยที่ 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 4 ขน้ั ตอนการ กจิ กรรมการเรียนการสอน เวลาท่ใี ช้ เรียนการสอน 10 นาที ข้ันสอน (ตอ่ ) 4. ครูให้นักเรียนสรุปสาระสำคัญของเนื้อหาเป็นแผนผังความคิด 10 นาที (Mind Map) โดยมีครเู ปน็ ผ้ใู ห้คำแนะนำขน้ั ตอนการเขียน 60 นาที ขน้ั สรุป 5. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝึกหัดประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ขน้ั ประเมนิ ผล 6. ครูใหน้ ักเรียนฝึกปฏิบตั ติ ามใบงานท่กี ำหนด 20 นาที 10 นาที ใบงานที่ 2.1 การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ 10 นาที ใบงานท่ี 2.2 วาดภาพจากทัศนธาตุ 10 นาที ใบงานที่ 2.3 หลักการออกแบบงานทศั นศลิ ป์ 1. ครูใหน้ ักเรยี นนำเสนอผลงานแผนผังความคดิ (Mind Map) พรอ้ ม สอดแทรกกจิ กรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหวา่ งครูผูส้ อนกับนกั เรยี น 1. ครตู รวจแบบฝกึ หดั ประจำหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 2. ครตู รวจใบงานประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 2.1, 2.2 และ 2.3 3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยท่ี 2 จำนวน 12 ข้อ ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาองค์ประกอบศลิ ปส์ ำหรบั งานคอมพวิ เตอร์ หน่วยท่ี 2 2 . แบบฝึกหดั และใบงานประจำหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 3 . ส่ือมัลตมิ ีเดียประจำหน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 4. เครอื่ งคอมพิวเตอร์และระบบอนิ เตอรเ์ น็ต Dki การวดั และประเมินผล วิธีการวดั ผล 1. ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ทำแบบฝึกหัดและใบงานประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ 3. สังเกต คุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนกั เรียน เครอื่ งมอื วัดผล 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและแบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบประเมินผลการปฏบิ ัติงาน 3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 4. แบบประเมนิ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ผ้เู รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตุทางทัศนศิลป์ หน้า | 5 1. ความเป็นมาของทศั นศลิ ป์ “ทศั นศลิ ป”์ เกิดจากแนวความคดิ ของศิลปิน เบาเฮาส์ ในเยอรมนี ซง่ึ ก็ตั้งสถาบนั “เบาเฮาส์” นี้ ขึ้นในปี ค.ศ. 1919 และก่อตั้งได้ไม่นานก็แยกย้ายไปในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งย้ายไปอยู่ ประเทศสหรัฐอเมริกามากที่สุด และได้ตั้งสถาบันศิลปะแห่งใหม่ขึ้นมาที่นครชิคาโก ชื่อ Institute of Design โดย โมโฮลี นาจ (Mr.Moholy Nagy) และพยายามทบทวนจดุ ยืนทางศิลปะขน้ึ ใหม่ตามแนวทาง ทางศิลปะมีลักษณะทางวิทยาศาสตร์มายิ่งขึ้นเม่ือผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันนี้มากขึ้นจึงได้คิดค้นคำ ใหม่ที่เหมาะสมรัดกุมจึงได้ใช้คำว่า Visual Art แต่ความเข้าใจและความหมายของคำตามสภาพสังคมที่ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจึงส่งผลต่อการรับรู้ถึงความหมายและขอบข่ายของ Visual Art ดังนั้นจึงได้มีการ ทบทวนใหม่ โดยสถาบนั “เบาเฮาส์” ในเยอรมนี ซงึ่ ได้ร่วมขอบค่ายของศลิ ปะ 3 สาขาคือ สถาปตั ยกรรม จิตกรรม และ ประติมากรรม เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็น Visual Art ซึ่งในภาษาไทยเรียกว่า “ทศั นศลิ ป”์ (ชะลดู น่มิ เสมอ, 2531) ทม่ี าของงานทศั นศลิ ป์เกดิ จาก 1. ศิลปนิ (Artist) เป็นผถู้ า่ ยทอดผลงานศลิ ปะ โดยได้รบั แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สิง่ แวดล้อม ด้วยความรู้สึกประทับใจหรือเกิดความสะเทือนอารมณ์ จึงถ่ายทอดออกมาตามอารมณ์ความรู้สึกและ จนิ ตนาการเฉพาะตน 2. สิ่งแวดล้อม (Environment) ได้แก่ ธรรมชาติ ความเชื่อทางศาสนา เรื่องจากประวตั ิศาสตร์ เรือ่ งราวจากวรรณคดี ตลอดจนขนบธรรมเนยี มประเพณี ทั้งหมดนเี้ ป็นส่ิงเรา้ เป็นตวั กระตุน้ ให้มนษุ ย์เกิด อารมณ์ความร้สู ึกและแสดงออกดว้ ยการถา่ ยทอดออกมาเปน็ ผลงานศิลปกรรม 3. ส่ือ/วัสดุ (Media) ไดแ้ ก่ กระดาษ สี ดินสอ หนิ ไม้ ปนู ฯลฯ ซ่งึ ศลิ ปนิ ได้ซึมซับประสบการณ์ จากสงิ่ แวดล้อม แล้วนำไปถา่ ยทอดลงบนสอ่ื ใหอ้ อกมาเปน็ รปู ธรรม 4. ผลงานศิลปะ (Art) เป็นผลงานที่เกิดจากแรงบันดาลใจในสิ่งแวดล้อมของมนษุ ย์ โดยผ่านสือ่ ใหป้ รากฏเป็นรปู ธรรม เรียกว่า “ผลงานศิลปะ” จากความเป็นมาของทัศนศิลป์ สามารถสรุปได้ว่า ทัศนศิลป์เป็นผลงานที่มนุษย์สร้างขึน้ ใหเ้ หน็ เป็นรูปทรง 2 มิติและ 3 มิติ มีเนื้อที่ปริมาตรและเนือ้ ท่ีบริเวณว่างตามปริมาตรของการรับรูท้ ี่มีลักษณะ เปน็ 2 มิตแิ ละ 3 มิติ และที่สำคญั ตอ้ งสามารถมองเหน็ ดว้ ยสายตาของผู้มองงานทัศนศลิ ป์นั้น ๆ ผเู้ รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทัศนศิลป์ หน้า | 6 2. ความหมายและประเภทของทศั นศลิ ป์ ทัศนศิลป์ (Visual Art) หมายถึง งานศิลปะที่สัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเอง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วิจิตรศิลป์” (Fine Arts) หมายถึง ภาพวาด ภาพจิตรกรรมฝาผนัง งานปั้น หรืองานแกะสลักต่าง ๆ ท่ี สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือมนุษย์ท่ีผ่านการฝึกฝนจนเช่ยี วชาญเพ่ือให้เกิดความงาม ความสุนทรีต่อผู้พบเห็น ศลิ ปะจงึ เกิดขนึ้ เนือ่ งจากมนษุ ย์นิยมยนิ ดีท่ีจะเขา้ ใกล้ส่งิ สวยงาม หรือแมแ้ ตข่ องส่ิงเดียวกันหลาย ๆ ชิ้นก็ มักจะเลือกอันที่สวยงามที่สุดมาเปน็ เจ้าของ ผลงานทีส่ รา้ งสรรคน์ ั้นจะขน้ึ อยู่กับตัวศิลปนิ เอง ศิลปินจะมี อิสระทางความคิดสูง และสามารถใส่ตัวตนและความรู้สึกลงไปในผลงานไดอ้ ยา่ งเต็มที่ เพื่อที่จะสื่อสาร อารมณ์ และบอกเลา่ ความร้สู กึ ออกมาเป็น “ภาษาภาพ” ใหค้ นไดม้ องและรับรูผ้ ่านทางสายตา ทัศนศิลป์เป็นศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยสายตา การรับรู้ทางการมองเห็นในแขนงจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ทำให้เกิดแรงกระตุ้นและตอบสนองทางด้านจิตใจ พร้อมกันนั้นจิตใจ ของมนุษย์ก็เป็นตัวแปรค่าและกำหนดความงาม ความประณีต เรื่องราวและประโยชน์ต่อสังคมมนุษย์ การรบั รู้คณุ คา่ ของสง่ิ เหล่าน้ี รบั รไู้ ดด้ ว้ ยอารมณ์ ความรูส้ ึกของแต่ละบุคคล ความงามและเร่อื งราวจะเกิด มีคุณค่าก็เพราะการรับรู้ทางการมองเห็น เกิดความรู้สึกประทับใจ มีความอิ่มเอิบใจในคุณค่านั้น ๆ สำหรับงานทัศนศลิ ป์ไม่วา่ รูปแบบใดย่อมมีคณุ ค่าในตวั ของผลงานเอง ผลงานทัศนศิลป์สามารถแบง่ การ รับรู้คณุ ค่าได้ 2 คุณคา่ คอื 1. คณุ ค่าทางความงาม (Aesthetic Value) เป็นการรวบรวมในเรือ่ งของความประณีต ความละเอียด มีระเบียบ น่าทึ่ง มโหฬาร ประหลาด แปลกหูแปลกตาและเป็นสิ่งที่มีคณุ งามความดี ทำให้ผู้เห็นเกิดความประทบั ใจไปอีกนาน สิ่งเหล่านี้รวม เรียกว่า “คุณคา่ ทางความงาม” โดยเกณฑ์ของความงามทีอ่ ย่ใู นงานทศั นศิลป์ ซง่ึ สามารถรบั รูแ้ ละยอมรับ ได้โดยทั่วไป เป็นการประสานกันของส่วนประกอบต่าง ๆ ของความงาม เช่นจุด เส้น รูปร่าง รูปทรง สี แสงเงา พื้นผวิ ความกลมกลืนและการจัดภาพ โดยผู้สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์จะแสดงออกตามความรู้สึก ในแต่ละเหตกุ ารณ์แต่ละสังคม เพราะความงามของแต่ละสงั คมยอ่ มมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพของ สังคม และวฒั นธรรมของสังคมนั้น ๆ 2. คณุ คา่ ทางเรอ่ื งราว (Content Value) เป็นการแสดงลักษณะบง่ บอกถงึ ความหมายเร่ืองราวความเกีย่ วข้องและจดุ ประสงค์แฝงอยู่ใน ผลงาน สามารถบอกเนื้อหาสาระสำคัญวา่ มอี ะไร จะตอ่ ไปอย่างไร เพราะทัศนศิลป์แตล่ ะช้นิ บอกเรื่องราว ตา่ ง ๆ อยู่ในตวั เอง จงึ มองเหน็ และเข้าใจไดง้ า่ ยกว่าคุณค่าทางด้านความงาม ทัศนศิลป์ได้วิวัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้เกิดจากผลความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่ เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งทัศนศิลป์ในสมัยกรีกได้จัดแบ่งเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ ประเภท ผเู้ รยี บเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยท่ี 2 ธาตทุ างทัศนศลิ ป์ หนา้ | 7 รูปร่าง , รูปทรงและการระบายสี แต่ปัจจุบันทัศนศิลป์ได้พัฒนาไปอย่างกว้างและรวดเร็วจนทัศนศิลป์ แบบใหม่ ๆ เกิดขน้ึ มา ปัจจุบนั ไดจ้ ำแนกประเภทของงานศลิ ป์ได้ 3 รปู แบบ คือ 1. ทศั นศิลป์ประเภท 2 มิติ ผลงานทัศนศิลปท์ ีป่ รากฏบนพ้ืนระนาบ ทงั้ ท่ขี รุขระและเรยี บ ทั้งนี้ จะปรากฏในลักษณะท่ีเปน็ เสน้ สี แสงเงาหรอื ลกั ษณะพืน้ ผิวใด ๆ ที่ปรากฎบนพ้ืนระนาบ สร้างมิติสร้าง รองรับเป็น 2 มิติ ส่วน 3 มิติ คือด้านลึกหรือหนาเป็นมิติลวงเกิดขึ้นโดยความรู้สึกของผู้ดู เช่น ภาพวาด ภาพเขียน ภาพพมิ พ์ ภาพถ่าย ฯลฯ ดังตวั อยา่ งภาพท่ี 2.1 ภาพท่ี 2.1 แสดงทัศนศิลปป์ ระเภท 2 มติ ิ ทมี่ า : ฑาริกา หนเู อี่ยม, ออนไลน์, 2563 2. ทัศนศิลป์ประเภท 3 มิติ คือลักษณะจริงของมติ ิทั้ง 3 ประการ มีความกว้าง มีความยาว มี ความลกึ มีความเปน็ จริงของสภาวะของภาพ จงึ แบ่งได้เปน็ 3 ประเภท คือ ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และศิลปะสื่อผสม ดังตวั อยา่ งภาพท่ี 2.2 ภาพท่ี 2.2 แสดงทศั นศิลปป์ ระเภท 3 มติ ิ ทมี่ า : ฑารกิ า หนเู อีย่ ม, ออนไลน,์ 2563 3. ทัศนศิลป์ประเภทอื่น ๆ คือผลงานทัศนศิลป์ที่ไม่สามารถจัดอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้อย่าง ชดั เจน เนือ่ งดว้ ยทศั นศิลปก์ ลมุ่ นี้ไดผ้ สมผสานรูปแบบและวธิ ีแสดงออกทางศิลปท์ ม่ี ีความแปลกใหม่ อาทิ เช่น ศิลปะการจัดวาง (Installation Art), มโนทัศนศิลป์ (Conceptual Art), ศิลปะสื่อแสดง (Performance Art), แฮปแพน นงิ่ อารต์ (Happenings Art) ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.3 ผู้เรยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศลิ ป์ หนา้ | 8 ภาพท่ี 2.3 แสดงทัศนศิลปป์ ระเภทศลิ ปะการจัดวาง มโนทัศน์และแฮปแพน นง่ิ อาร์ต ทม่ี า : ฑารกิ า หนูเอี่ยม, ออนไลน,์ 2563 3. ลกั ษณะรปู แบบของทศั นศิลป์ งานทศั นศลิ ป์เป็นสิ่งท่มี นุษย์สร้างสรรค์ขึน้ จากความคิด ความร้สู กึ และความประทับใจในแง่มุม ต่าง ๆ อนั เป็นเหตุใหเ้ กดิ รูปแบบและวธิ กี ารถ่ายทอดเป็นผลงานทศั นศลิ ป์ ซึ่งสามารถจำแนกรปู แบบของ งานทัศนศิลป์ได้ 3 รูปแบบ คือ 3.1 รปู แบบทแ่ี สดงความเหมอื นจริง/รปู แบบรูปธรรม (Realistic Form) หมายถงึ การสร้าง งานที่เหมือนจริงดังทีป่ รากฎในธรรมชาติ โดยยึดหลักการสร้างสรรค์และนำเสนอตามที่ตามองเห็น เช่น การเขยี นภาพคนเหมือน ภาพทวิ ทัศน์ ภาพหุ่นน่ิงในงานจิตรกรรม การปน้ั การแกะสลักและการหล่อรูป บคุ คลสำคญั ทีท่ ำเป็นอนสุ าวรยี ์ การสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์รปู เหมือนจริง เป็นการนำทศั นธาตตุ า่ ง ๆ มา สรา้ งสรรค์ โดยการจัดองค์ประกอบศิลป์ แสดงรายละเอยี ดของผลงานให้เหมือนจริงดงั ท่ีตามองเหน็ เช่น งานจติ รกรรม ดังตวั อยา่ งภาพท่ี 2.4 ภาพท่ี 2.4 แสดงรปู แบบของงานทัศนศลิ ป์ท่ีมีความเหมอื นจรงิ ทีม่ า : รุง่ ศกั ด์ิ บญุ เทศ, ออนไลน,์ 2563 3.2. รูปแบบกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) หมายถึง การสร้างสรรค์งานศิลปะในลักษณะ บิดเบือนหรือดัดแปลงแปลงไปจากของจรงิ โดยจะให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เหมือนจริงน้อยลง แต่ให้ ความสำคัญกับรูปแบบจากความคิดของศิลปินมากขึ้น เพื่อสื่อความงามในการรับรู้ให้เข้าใจง่ายและ ผู้เรยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หน่วยที่ 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หนา้ | 9 รวดเร็ว การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์รูปแบบแบบตัดทอน เป็นการนำทัศนธาตุมาจัดองค์ประกอบศิลป์ ของผลงาน โดยการบิดเบือนไปจากของจริงตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน เพื่อสื่อความงามในการ รับรใู้ หเ้ ข้าใจงา่ ยและรวดเรว็ ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.5 ภาพท่ี 2.5 แสดงรูปแบบของงานทัศนศลิ ปก์ งึ่ นามธรรม ท่ีมา : ร่งุ ศกั ด์ิ บุญเทศ, ออนไลน,์ 2563 3.3 รูปแบบนามธรรม (Abstract Art) หมายถึง การสร้างสรรค์งานศิลปะที่ไม่มีรูปแบบและ เรื่องราวเหมือนจริง แต่มุ่งแสดงอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินทีถ่ ่ายทอดลงในผลงาน การสร้างสรรค์งาน ทัศนศิลปร์ ูปแบบตามความรู้สึก เปน็ การนำทศั นธาตุมาใช้ในการจัดองค์ประกอบศิลปแ์ ละกระตุ้นให้เกิด อารมณ์ความรู้สึก เช่น ความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ความน่ากลัว ความเศร้า ความสับสน ความ ร้อนแรงและความรัก ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.6 ภาพที่ 2.6 แสดงรปู แบบของงานทัศนศลิ ป์แบบนามธรรม ทม่ี า : รุ่งศกั ดิ์ บญุ เทศ, ออนไลน,์ 2563 ผ้เู รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หนว่ ยท่ี 2 ธาตทุ างทศั นศิลป์ หนา้ | 10 4. หลกั การจดั องค์ประกอบศิลป์ ทัศนศิลป์ องค์ประกอบหลักในการสร้างสรรค์หรือพิจารณางานศิลปะว่ามีความงามมากน้อยเพียงใด มี ความจำเปน็ สำหรับผู้สร้างงานทัศนศิลป์ เพราะจะทำใหเ้ ขา้ ใจวิธกี ารจัดองค์ประกอบ ทำให้การสร้างงาน ศลิ ปะใหม้ ีความงดงามและมคี วามหมายอยา่ งสมบูรณ์ โดยหลกั การจดั องค์ประกอบศิลป์ ประกอบดว้ ย 4.1 ดลุ ยภาพ (Balance) ดลุ ยภาพ หมายถึง นำ้ หนักทเี่ ทา่ กันขององคป์ ระกอบ ไมเ่ อนเอยี งไปข้างใดข้างหน่งึ ในทางศิลปะ ยังรวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของสว่ นต่าง ๆ ในรปู ทรงรปู หนงึ่ หรืองานศลิ ปะชิ้น หนึ่ง การจัดวางองคป์ ระกอบต่าง ๆ ลงในงานศิลปกรรมนัน้ จะตอ้ งคำนึงถงึ จุดศูนย์ถ่วง ในธรรมชาตินั้น ทุกสิ่งท่ีทรงตวั อยไู่ ด้โดยไม่ลม้ เพราะมนี ำ้ หนกั เฉลย่ี เท่ากนั ทกุ ด้าน ดังน้นั ในงานศลิ ปะถา้ มองดูแล้วรู้สึกว่า บางสว่ นหนกั ไป แนน่ ไป หรอื เบาบางไปก็จะทำให้ภาพนนั้ ดูเอนเอยี งและเกดิ ความรู้สึกไม่สมดลุ เป็นการ บกพรอ่ งทางความงามทางทศั นศิลป์ ดุลยภาพในงานศลิ ปะแบง่ ออกเป็น 2 แบบคอื 4.1.1 ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry หรือ Static equilibrium หรือ Formal balance หรือ Passive balance) เป็นลักษณะการจัดวางวัตถุที่อยู่ซีกซ้ายและซีกขวาให้มีน้ำหนัก เท่ากัน หรือมีลักษณะเหมือนกัน ดุลยภาพแบบนี้จะสังเกตเห็นได้ง่ายตามธรรมชาติ เช่น ลักษณะทาง สรรี ะของมนุษย์ หรอื สิง่ ทีม่ นษุ ยส์ ร้างขึ้น เช่น โบสถ์ วิหาร เจดีย์ เป็นตน้ 4.1.2 ดลุ ยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry หรือ Dynamic equilibrium หรอื Informal balance หรอื Active balance) เปน็ ลกั ษณะการจัดวางที่ลกั ษณะซีกซ้ายและซีกขวาไม่เหมอื นกนั แต่ ดูแล้วมีดุลยภาพ สามารถทรงตัวอยู่ได้ ดุลยภาพแบบอสมมาตรหรือแบบสองข้างไม่เท่ากนั อาจทำได้ 2 วธิ ีคือ วิธที ี่ 1 เลอื กรูปทรงทมี่ นี ำ้ หนักมากกว่าเขา้ หาแกนและเล่ือนรปู ทรงที่มีน้ำหนักน้อยให้ห่างจาก แกนกลาง การจัดวางเช่นนี้จะทำให้เกิดดุลยภาพข้ึนได้ จัดเป็นดุลยภาพแบบอสมมาตร แบบเคลื่อนไหว ผสมกบั ดลุ ยภาพแบบหยุดนง่ิ (Dynamic static equilibrium) ดังตวั อย่างภาพท่ี 2.7 ภาพท่ี 2.7 แสดงการจดั ดุลยภาพแบบอสมมาตรวิธที ่ี 1 ท่ีมา : นิตยา เสาหงษ์, 2561. ผู้เรียบเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 11 วิธีที่ 2 การใช้หน่วยที่มีขนาดเล็ก แต่มีรูปทรงท่ีน่าสนใจกว่าถ่วงดุลกับหน่วยที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่มรี ูปรา่ งธรรมดา โดยรปู ทรงทีน่ ่าสนใจอาจมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหน่ึง เชน่ เสน้ ท่ีมีความสนใจกว่า รูปทรงทม่ี ีชีวิตมากกวา่ สีนา่ สนใจกว่า เป็นต้น ดังตวั อย่างภาพที่ 2.8 รปู ทรงท่ีมชี ีวิตมากกวา่ เสน้ ท่ีมีความนา่ สนใจกวา่ สนี ่าสนใจกว่า ภาพท่ี 2.8 แสดงการจัดดุลยภาพแบบอสมมาตรวิธที ่ี 2 ทมี่ า : นติ ยา เสาหงษ์, 2561. 4.2 สัดส่วน (Proportion) สัดส่วน หมายถึง ความสัมพันธ์ของขนาด ความยาว ความสูงและความลึก หรือสัดส่วนเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ แต่ละส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นรูปทรง สัดส่วนเป็นเรื่องของ ความรู้สึกทางสุนทรียภาพและอุดมคติ และอาจรวมไปถงึ ความสัมพันธ์กนั อย่างเหมาะสมกลมกลืนของสี แสง เงาและทัศนธาตุอื่น ๆ ด้วย สัดส่วนจึงเป็นการจัดรูปทรงให้มีขนาดสัมพันธ์กันอย่างสมส่วนกับสิ่ง ใกล้เคียง พื้นที่และกรอบภาพ โดยไม่ให้รูปทรงนั้น ๆ ใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไปและมีจังหวะช่องไฟที่ งดงาม ดงั ตัวอย่างภาพท่ี 2.9 เล็กเกนิ ไป ใหญเ่ กินไป สมสว่ นพอดี ภาพที่ 2.9 แสดงลกั ษณะของสัดสว่ น ทม่ี า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. ผเู้ รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หน่วยที่ 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 12 กฎของสัดส่วนไม่สามารถกำหนดให้เป็นสูตรตายตัวได้ ขึ้นอยูก่ ับผู้สร้างสรรค์ที่จะต้องพิจารณา ว่าขนาดใดจึงจะงดงาม เหมาะสมกับงานแต่ละลักษณะ โดยอาศัยประสบการณแ์ ละผลงานที่ยอมรับกนั แล้วเปน็ แนวทาง ซึ่งการกำหนดสดั สว่ นต้องคำนึงถงึ สิ่งต่อไปน้ี คือ 1. ทำอย่างไรจงึ จะจัดสัดส่วนให้เกดิ ความน่าสนใจได้ 2. ทำอยา่ งไรจึงจะสร้างขนาดและรปู ทรงที่งดงามได้ 3. ทำอย่างไรจึงจะให้ขนาดตา่ ง ๆ เหล่านี้ สัมพันธ์เป็นหมวดหมู่และอย่ใู นมาตราสว่ นเดยี วกัน สำหรับการกำหนดขนาดของสัดส่วนจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมกับลักษณะงานด้วย ถึงแม้ว่างานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจะมีสัดส่วนที่งดงามสมบูรณ์แบบเพียงใด ก็ไม่สามารถนำไปใช้กับทุก ลักษณะงาน โดยเฉพาะในงานที่เน้นการแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าจุดประสงค์ทาง ความงดงามของรูปทรง 4.3 ความกลมกลืน (Harmony) ความกลมกลืน หมายถึง ความประสานกันอยา่ งลงตัวของรูปทรงหรือทัศนธาตุ ความกลมกลืน เป็นโครงสร้างทางทัศนศิลป์ทีส่ ำคัญสำหรับใช้ในการสร้างสรรคภ์ าพให้ดูกลมกลืนเป็นหน่วยเดียวกันจน เกิดเป็นเอกภาพ (Unity) ซึ่งการประสานกลมกลืนต้องจัดให้พอเหมาะ เพราะถ้ากลมกลืนมากเกินไป อาจจะดไู ม่นา่ สนใจหรอื เบอ่ื หน่ายได้ง่าย แต่ถา้ น้อยเกินไปกจ็ ะดูขดั ตาหรอื สับสนได้ ความกลมกลืน แบ่ง ออกเปน็ 2 แบบ คอื 4.3.1 ความกลมกลืนแบบคลอ้ ยตามกัน หมายถึง การนำรปู ร่าง รูปทรง เสน้ หรือสี ทีม่ ีลกั ษณะ เดียวกันมาจัด เช่น วงกลมทั้งหมด สี่เหลี่ยมทั้งหมด ซึ่งแม้ว่าอาจจะมีขนาดที่แตกต่างกัน แต่เมื่อนำมา จดั เป็นภาพขนึ้ มาแล้วก็จะทำให้ความร้สู ึกกลมกลืนกัน ดงั ตัวอยา่ งภาพท่ี 2.10 ภาพท่ี 2.10 แสดงลักษะภาพท่มี ีความกลมกลืนแบบคล้อยตามกัน ท่มี า : สมพงษ์ สงิ แกว้ , ออนไลน,์ 2563 ผู้เรียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หน่วยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศลิ ป์ หนา้ | 13 4.3.2 ความกลมกลืนแบบขดั แยง้ คอื การนำเอาองค์ประกอบตา่ งชนดิ ตา่ งรูปรา่ ง รูปทรง ตา่ ง สี มาจัดวางในภาพเดียวกัน เช่น รูปวงกลมกับรูปสามเหลี่ยม เส้นตรงกับเส้นโค้ง ซึ่งจะทำให้เกิดความ ขัดแย้งกันข้นึ แตก่ ย็ งั ใหค้ วามรสู้ ึกกลมกลืนกัน ดังตวั อยา่ งภาพที่ 2.11 ภาพที่ 2.11 แสดงลกั ษะภาพทีม่ ีความกลมกลืนแบบขัดแยง้ กัน ทม่ี า : ท่ีมา : สมพงษ์ สงิ แก้ว, ออนไลน,์ 2563 นอกจากนี้การสร้างสรรค์งานศิลปะให้เกดิ ความกลมกลนื ในโครงสร้างทางทศั นศลิ ป์ อาจจะทำได้ หลายประการ คอื 1. ความกลมกลนื ของขนาด 2. ความกลมกลืนของรูปรา่ ง 3. ความกลมกลนื ของเสน้ 4. ความกลมกลืนของพ้ืนผวิ 5. ความกลมกลืนของสี การจัดองค์ประกอบของศิลปะหรือการจัดภาพนั้นควรจัดให้มีความเข้ากันได้หรือกลมกลืนกัน เป็นอย่างดี คล้ายกับการจดั ใหม้ เี อกภาพนั่นเอง แตค่ วามกลมกลืนนนั้ ถา้ ไมม่ คี วามขัดแย้งกันมาแทรกเลย กจ็ ะดูราบเรียบจนเกนิ ไป ทำให้ภาพไมน่ ่าสนใจจึงตอ้ งทำให้มขี นาดแตกต่างกันออกไปบ้าง เพ่อื ให้เกดิ การ ขัดแย้งเหมือนการเล่นดนตรี ถ้าทำนองคล้ายกันไปตลอดก็ไม่น่าสนใจ อาจต้องมีการเล่นขัดจังหวะมา แทรกเป็นช่วง ๆ เพอื่ สรา้ งความตื่นเตน้ และเร้าใจกบั ผรู้ ับฟงั เป็นตน้ 4.4 ชว่ งจงั หวะ (Rhythm) และชอ่ งไฟ (Spacing) 4.4.1 ช่วงจังหวะ หมายถึง การเคลื่อนไหวทีเ่ กิดจากการซ้ำกันขององคป์ ระกอบ เป็นการ ซ้ำที่เป็นระเบยี บ จากระเบียบธรรมดาท่มี ีชว่ งห่างเท่า ๆ กนั มาเป็นระเบียบท่สี งู ขน้ึ ซับซ้อนข้ึนจนถึงข้ัน เกิดเปน็ รูปลักษณะของศลิ ปะ โดยเกิดจากการซำ้ ของหน่วยหรือการสลับกนั ของหน่วยกับช่องไฟหรือเกิด จากการเลื่อนไหลต่อเนื่องกันของเส้น สี รูปทรง หรือน้ำหนัก เป็นลักษณะการจัดวางส่วนประกอบของ ภาพให้มีระยะพอดี ดูแลว้ เกดิ ความเคลื่อนไหวข้นึ ในภาพน้ัน ๆ ทำใหภ้ าพดมู ชี ีวิตชวี า เกดิ บรรยากาศและ จนิ ตนาการสมจรงิ ขึ้นได้ การจดั ให้มีจังหวะนนั้ สามารถทำไดห้ ลายประการ เชน่ ผเู้ รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หน้า | 14 4.4.1.1 การจัดให้มีองค์ประกอบซำ้ ๆ กัน (Repetition Rhythm) หมายถึง การ จัดช่วงจังหวะให้มีลกั ษณะซำ้ กันทางทศั นธาตุปรากฎบนเนื้อที่ของงานที่สรา้ งสรรคต์ ้ังแต่ 2 หน่วยขึน้ ไป โดยมีที่คั่นอยู่ระหว่างหน่วย ที่ว่างจะทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดความถี่ห่างของจังหวะ เช่น จุด เส้น สี รูปร่าง รูปทรง นำ้ หนัก การจัดองคป์ ระกอบด้วยวธิ กี ารทำซำ้ สามารถทำได้หลายวธิ ี คือ วิธีที่ 1 การซำ้ ด้วยรูปร่าง (Shape) รูปร่างเปน็ ส่ิงสำคญั ทสี่ ุดขององค์ประกอบ ถ้า รปู ร่างซ้ำกัน ยงั คงสร้างความแตกต่างระหวา่ งองค์ประกอบไดด้ ว้ ยขนาด สี และผิวสัมผสั ดังตวั อย่างภาพ ท่ี 2.12 ภาพท่ี 2.12 แสดงการซ้ำดว้ ยรูปรา่ ง ทมี่ า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. วิธที ี่ 2 การซำ้ ดว้ ยขนาด (Size) การสรา้ งรูปทรงให้มีขนาดเทา่ ๆ กนั มักจะเปน็ ไป ได้ที่รปู ทรงนนั้ มรี ปู รา่ งซำ้ หรอื รปู รา่ งคลา้ ยคลึงกัน ดงั ตัวอย่างภาพที่ 2.13 ภาพท่ี 2.13 แสดงการซำ้ ดว้ ยขนาด ที่มา : นิตยา เสาหงษ์, 2561. วธิ ีที่ 3 การซ้ำด้วยสี (Color) รปู ทรงทุกรปู มีสีเหมือนกนั แต่จะแตกต่างในเรอื่ งของ รปู ร่างและขนาดเทา่ น้นั ดงั ตวั อย่างภาพที่ 2.14 ภาพที่ 2.14 แสดงการซ้ำดว้ ยสี ท่มี า : นติ ยา เสาหงษ์, 2561. ผู้เรยี บเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยท่ี 2 ธาตทุ างทศั นศิลป์ หน้า | 15 วธิ ที ี่ 4 การซำ้ ดว้ ยผวิ สัมผสั (Texture) มีผวิ สัมผัสเหมือนกนั แตอ่ าจจะมีรูปรา่ ง ขนาดและสีแตกตา่ งกนั ดังตัวอย่างภาพท่ี 2.15 ภาพที่ 2.15 แสดงการซ้ำด้วยผวิ สมั ผัส ทม่ี า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. วิธีที่ 5 การซำ้ ด้วยทศิ ทาง (Direction) การสร้างภาพใหม้ ีทศิ ทางซำ้ กันนัน้ จะทำ ได้ต่อเมอ่ื รปู ทรงแตล่ ะรูปแสดงให้เหน็ และรสู้ ึกถงึ ทิศทางของรปู ทรงชดั เจน ดังตัวอย่างภาพที่ 2.16 ภาพท่ี 2.16 แสดงการซำ้ ด้วยทศิ ทาง ทีม่ า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. วิธีที่ 6 การซ้ำด้วยตำแหน่ง (Position) การจัดรูปทรงให้มีตำแหน่งซ้ำนั้น จะต้อง สัมพันธ์กับโครงสร้างของภาพ รูปทรงแต่ละรูปอาจจะเว้นระยะห่างเท่า ๆ กันทุกทิศทางจากกรอบย่อย ของโครงสรา้ ง ดงั ตัวอยา่ งภาพท่ี 2.17 ภาพที่ 2.17 แสดงการซำ้ ดว้ ยตำแหนง่ ท่มี า : นติ ยา เสาหงษ์, 2561. ผเู้ รียบเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หนา้ | 16 วิธีที่ 7 การซำ้ ดว้ ยทีว่ า่ ง (Space) รปู ทรงทุกรปู จะครอบคลุมทว่ี ่าง เช่นเดียวกัน ทัง้ หมด (Positive Form) หรือพน้ื ภาพโดยรอบรปู ทรงน้นั จะถกู ครอบคลุม โดยเว้นพ้นื ที่วา่ งเปน็ รปู ทรงไว้ (Negative Form) ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.18 Positive Form Negative Form ภาพท่ี 2.18 แสดงการซำ้ ด้วยทีว่ ่าง ที่มา : นิตยา เสาหงษ์, 2561. วิธีที่ 8 การซ้ำด้วยแรงดึงดูด (Gravity) การซ้ำวิธีนี้ค่อนข้างยากที่จะแสดงได้ว่า รูปทรงต่าง ๆ มีแรงดึงดูดในภาพเทา่ กันให้ ความรสู้ ึกหนักหรือเบา ม่นั คงหรอื ไมม่ นั่ คงเทา่ กัน ยกเว้นการ จดั วางองคป์ ระกอบอยู่ในลักษณะซ้ำที่ไมม่ ีการแปรเปล่ียน ดังตัวอย่างภาพที่ 2.19 ภาพที่ 2.19 แสดงการซำ้ ดว้ ยแรงดึงดูด ทม่ี า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. 4.4.1.2 จังหวะเกิดจากการต่อเนื่อง (Continuous Rhythm) หมายถึง การ เคลอื่ นไหวท่มี จี งั หวะ ซง่ึ อาจจะเปน็ เส้น สี รปู รา่ ง รูปทรง แสงเงา ฯลฯ ท่ตี ่อเนอ่ื ง โดยไมม่ ีบรเิ วณว่างมา คั่น การกำหนดจังหวะอยู่ที่ลักษณะการเคลื่อนไหวของวัตถเุ อง เช่น เกลียวคลื่นในทะเล ที่เลื่อนไหลไป อยา่ ง สม่ำเสมอ ให้จังหวะตอ่ เน่ืองกันของเสน้ สี นำ้ หนกั ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.20 ภาพที่ 2.20 แสดงลกั ษณะจังหวะเกดิ จากการต่อเนอื่ ง ทีม่ า : สุภาณีย์ ตุม้ คง, ออนไลน,์ 2563 ผู้เรยี บเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศิลป์ หน้า | 17 4.4.1.3 จังหวะเกิดการต่อเนื่องก้าวหน้า (Progressive Rhythm) หมายถึง การ จัดจังหวะให้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อาจเกิดขึ้นจากเส้น ขนาด น้ำหนัก รูปร่าง เส้น สี พื้นผิว เป็นการ สร้างสรรค์ระยะของจังหวะให้เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เชน่ การจัดชว่ งจงั หวะของวัตถตุ ัง้ แต่ขนาดเล็กไป ใหญ่ จากสอี ่อนไปสแี ก่ จากพ้นื ผิวเรียบไปพื้นผวิ หยาบ ฯลฯ ให้ความรู้สึกมากข้ึนหรอื น้อยลง ดงั ตัวอย่าง ภาพท่ี 2.21 การจดั ชว่ งจังหวะจากขนาดเลก็ ไปใหญ่ - การจัดช่วงจงั หวะจากสอี ่อนไปสแี ก่ การจดั ช่วงจังหวะจากพื้นผวิ เรยี บไปพน้ื ผวิ หยาบ ภาพท่ี 2.21 แสดงลักษณะจังหวะเกิดการตอ่ เนอ่ื งกา้ วหนา้ ทม่ี า : นติ ยา เสาหงษ์, 2561. 4.4.2 ช่องไฟ (Space) หรือบริเวณว่าง หมายถึง บริเวณที่เป็นความว่างไม่ใช่ส่วนที่เปน็ รูปทรง หรือเนื้อหา ในการจัดองค์ประกอบใดก็ตามถ้าปล่อยให้มีพื้นท่ีว่างมากและให้มีรูปทรงน้อย การ จัดนั้นจะให้ความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ในทางตรงกันข้าม ถ้าให้มีรูปทรงมากหรือเนื้อหามาก โดยไม่ ปล่อยใหม้ พี ื้นทีว่ ่างเลยก็จะให้ความรู้สกึ อดึ อัด คับแคบ ดงั นัน้ การจดั วางในอัตราสว่ นท่ีพอเหมาะก็จะให้ ความร้สู กึ ท่พี อดีทำให้ไดภ้ าพที่ไดส้ ัดสว่ นงดงาม ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.22 ผู้เรียบเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชวี ศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หน่วยท่ี 2 ธาตทุ างทศั นศิลป์ หนา้ | 18 ชอ่ งไฟนอ้ ยเกนิ ไป ช่องไฟมากเกินไป ชอ่ งไฟเหมาะพอดี ภาพท่ี 2.22 แสดงการจัดชอ่ งไฟหรอื บริเวณว่าง ท่ีมา : นติ ยา เสาหงษ์, 2561. ช่องไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของโครงสร้างศิลปะ โดยเฉพาะในการจัดองค์ประกอบ ศิลปะหรือการจัดองค์ประกอบภาพ เพราะถ้าหากนำรปู ทรงมาจัดไว้แนน่ เตม็ เกนิ ไป กจ็ ะดูอึดอัดหรือมาก เกินไป ถ้านำมาบรรจุไว้นอ้ ยเกนิ ไปก็จะดูว่างโล่ง ไม่มีคุณค่าและความหมายมากพอทีจ่ ะทำให้เกดิ ความ สนใจหรือความประทับใจ ซึ่งโดยปกติแล้วมักไม่ค่อยรู้สึกถึงช่องไฟของสิ่งต่าง ๆ มากนัก เพราะมองไม่ เหน็ ความแตกตา่ งดา้ นความงาม แต่ถา้ นำภาพที่มชี ่องไฟมากเกินไป น้อยเกินไปและพอดมี าเทยี บเคียงกัน ก็จะแยกออกไดท้ ันทวี า่ ภาพไหนงามท่ีสุด 4.5 จุดเดน่ (Dominance) จดุ เด่น (Dominance) หมายถึง สว่ นสำคัญท่ีปรากฏชดั และสะดุดตาทีส่ ดุ ของงานศลิ ปะประเภท ตา่ ง ๆ รวมทัง้ งานออกแบบ บางครั้งเรยี กว่าจุดสนใจ (Point of Interest) หรอื ส่วนประธาน (Principle) จะเป็นส่วนที่เน้นแสดงออกถึงเร่ืองราวและเนื้อหาของศิลปะ มีลักษณะปรากฏชัด สะดุดตา มีอำนาจ น่าสนใจ จุดเด่นเกิดจากการจัดวางที่เหมาะสมและเน้นส่วนประกอบของภาพ (Emphasis) ด้วยวิธีการ ตา่ ง ๆ ที่ชว่ ยสนับสนนุ ใหจ้ ดุ เด่น มคี วามน่าสนใจยง่ิ ขึน้ จดุ เดน่ มี 2 แบบคอื 1. จุดเด่นหลัก เป็นจุดของภาพที่มีความสำคัญมากทีส่ ุดของเร่อื งท่ีเขียน แสดงออกถึงเรือ่ งราวที่ ชดั เจนและเดน่ ชดั ทส่ี ุดในภาพ 2. จุดเด่นรอง เปน็ ภาพประกอบของจุดเดน่ หลกั ทำหน้าทสี่ นับสนุนจุดเด่นหลกั ให้ภาพมีความ สวยงามมากย่ิงข้ึน 4.5.1 องคป์ ระกอบสำคญั ของจดุ เด่น มีดังน้ี 4.5.1.1 ตำแหน่งของจดุ เด่น นิยมวางไวร้ ะยะหน้า (Fore Ground) หรอื ระยะกลาง (Middle Ground) ไม่นิยมวางไวต้ รงกลางเพราะจะทำให้เกิดความรู้สกึ นิ่งและธรรมดาเกินไป ส่วนมาก ผู้เรยี บเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หนว่ ยท่ี 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หน้า | 19 นิยมวางตำแหน่งไว้ในส่วนอื่น ซึ่งจะทำให้เกิดพลังความเคลื่อนไหวได้มากกว่า จุดเด่นในงานศิลปะ โดยท่วั ไปนยิ มวางความเด่นหรอื จุดเดน่ ไวใ้ นสว่ นอนื่ เช่น วางตรงตำแหนง่ A,B,C 4.5.1.2 การเน้นจุดเด่น 1) การเนน้ ด้วยรูปร่างรปู ทรงและขนาด คอื การใชร้ ปู รา่ งหรือรปู ทรงท่ีแตกตา่ ง กันมาจัดร่วมกันทำให้เกดิ ความเดน่ ชดั ขน้ึ ในรปู ทรงท่ตี อ้ งการเนน้ หรอื ใชข้ นาดทแ่ี ตกต่างกัน ขนาดทใี่ หญ่ กวา่ ยอ่ มเหน็ ไดง้ า่ ย หรือเดน่ ชดั กว่ารูปขนาดเลก็ 2) การเน้นด้วยค่าความเข้มของสีหรือเน้นด้วยแสง เงา คือ การใช้น้ำหนัก ความเข้มของสีจากระยะเข้มที่สุดไปยังจุดสนใจ แต่ในทางกลับกันจากระยะอ่อนท่ีสุดไปจนถึงระยะเขม้ ท่ีสุด กส็ ามารถสรา้ งจดุ เดน่ ไดถ้ ้าใช้ความแตกต่างของความเขม้ ของสที ่ีเหมาะสม 3) การเน้นด้วยสี คือการใช้สีต่างวรรณะช่วยเน้น เช่น ภาพสีที่มีวรรณะร้อน (Warm Tone) ใช้สีวรรณะเย็น (Cool Tone) เข้าไปเน้นเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง (Contrast) จะทำให้ เกิดจุดเด่นขึ้น และในทางตรงกันข้ามถ้าสีวรรณะเย็น ใช้สีวรรณะร้อนเข้าไปช่วยเน้นจะทำให้เกิดผลใน ลักษณะเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงสีวรรณะร้อนมีคุณสมบตั ิทำให้เกิดจุดเด่นแก่ผู้พบเห็นไดม้ ากกวา่ สี วรรณะเย็น 4) การเน้นดว้ ยเสน้ หมายถงึ การนำเสน้ ลักษณะต่าง ๆ มาเน้นให้เกิดความเด่น หรอื จุดเดน่ โดยการเนน้ ในลกั ษณะที่ทำให้เกิดความกลมกลนื (Harmony) และเนน้ ในลกั ษณะที่ทำให้ให้ เกิดความขดั แย้ง (Contrast) การเนน้ ให้เกดิ ความกลมกลนื และขัดแยง้ อย่างเหมาะสมจะทำให้ความเด่น หรือจดุ เดน่ มีคุณค่าทางความงามอย่างสมบูรณ์ 4.5.2 การสรา้ งจุดเด่นทางทัศนศลิ ป์ คอื การสร้างจากสว่ นประกอบมลู ฐาน (Elements) และหลักการทศั นศิลป์ (Principles) อยา่ งใดอย่างหนง่ึ หรือหลายอย่างผสมกนั ซ่ึงจุดเด่นท่ีเกดิ ขึ้นนี้ ควร มีจุดเดียว แต่บางครั้งอาจมีมากกว่าจุดเดียวก็ได้ แต่จุดเด่นที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องไม่แข่งกับจุดเด่นหลัก โดย เรียกว่า “จุดเด่นรอง” (Sub Dominance) ซึ่งการมีจุดเด่นแข่งกันหลายจุดจะเป็นการทำลายเอกภาพ ของงานออกแบบนั้น แนวทางสร้างจดุ เด่น มดี งั ตอ่ ไปน้ี 4.5.2.1 การสร้างจุดเดน่ ด้วยขนาด (Size) คอื วัตถุหรอื รูปร่าง รปู ทรง ท่ีมีขนาด ใหญ่ทส่ี ดุ จะเปน็ ส่งิ สะดุดตา ก่อให้เกิดจุดสนใจได้ทนั ที 4.5.2.2 การสร้างจุดเด่นด้วยสี (Color) คือ สีที่มีความเข้ม สดใส (Color Intensity) ที่แตกต่างกว่าสีส่วนรวมในภาพ ก็จะสร้างจุดสนใจไดด้ ี หรือสีและน้ำหนักที่แตกตา่ ง ก็สร้าง จดุ เด่น ได้เชน่ กัน 4.5.2.3 การสร้างจุดเด่นด้วยตำแหน่ง (Location) คอื การสร้างจุดเดน่ โดยจะเริ่ม จากบริเวณกลางภาพถัดข้ึนบนเล็กนอ้ ย จึงมีกฎของการจัดองค์ประกอบภาพให้เกิดความน่าสนใจหรือท่ี เรียกว่า กฎ 3 ส่วน (Rule of Third) คือ การแบ่งพื้นที่ตามแนวนอนและแนวต้ังออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ ผ้เู รยี บเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 20 กัน จดุ 4 จุด ซง่ึ เปน็ จุดตัดของเส้นที่แบง่ น้ี จะเปน็ จุดแห่งความสนใจ ในการวางตำแหนง่ องคป์ ระกอบที่ ตอ้ งการสร้างจุดเด่นไวใ้ นตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งของจุดตัดทงั้ 4 นี้ 4.5.2.4 การสรา้ งจุดเด่นด้วยบรเิ วณวา่ ง (Space) คอื งานออกแบบท่ีมีจังหวะของ การซ้ำ (Repetition) มากไป จะทำงานไม่น่าสนใจ เหมือนไม่มีจุดจบ ถ้าปรับจังหวะนั้นให้มีช่องว่างที่ แตกต่างกนั บา้ งท่ีเรียกว่า จงั หวะกา้ วหนา้ (Progressive) หรือการแยกตัวให้เกิดพืน้ ท่วี ่างก็สามารถสร้าง จุดสนใจในบริเวณทตี่ ้องการได้ 4.5.2.5 การสร้างจดุ เด่นดว้ ยความแตกต่าง (Exception) คอื รปู ร่าง รูปทรง หรือ องคป์ ระกอบใด มีความแตกต่างจากส่วนรวม ย่อมเป็นจุดเด่นท่ีสดุ ในภาพนัน้ 4.5.2.6 การสร้างจุดเด่นด้วยการแปรเปลี่ยน (Gradation) คือ การแปรเปลี่ยน หรือการลดหลนั่ ด้วยขนาด รูปร่าง สี น้ำหนัก โดยองค์ประกอบอนื่ ยงั คงเดมิ น้ันเป็นการสร้างจุดเด่นได้ง่าย ทส่ี ุดวิธีหนงึ่ 4.5.2.7 การสร้างจุดเดน่ ดว้ ยทิศทางของสายตา (Eye Direction) คอื ทิศทางของ องคป์ ระกอบท่ไี ปในทศิ ทางเดีย่ วกนั จะนำสายตาใหม้ องติดตามไปในทิศทางนั้น และเมื่อองคป์ ระกอบนั้น มกี ารกลบั ทิศทางในทนั ที จะทำให้สายตานั้นหยดุ การเคล่อื นไหวทันที จุดท่สี ายตาที่หยุดนงิ่ น้ัน เป็นจุดท่ี สร้างจุดเด่นใหเ้ กิดข้นึ ได้ 4.5.2.8 การสร้างจุดเด่นด้วยทิศทางของเส้น (Converence of Line) คอื เส้นนำ สายตาไม่ว่าจะเกิดจากเส้นลักษณะใด เช่น เส้นแท้จริง (Actual Line) หรือเส้นโดยนยั (Implied Line) จะนำไปสู่จุดสนใจตามที่ต้องการได้ เส้นนำสายตาที่เกิดจากขนาดที่แปรเปลี่ยน (Gradation) แม้ปลาย ของเส้นนำสายตานัน้ จะมีรูปร่างขนาดเล็ก แต่สามารถเป็นจดุ ดงึ ดูดสายตาได้มากกว่ารปู ร่างขนาดใหญ่ 4.5.2.9 การสรา้ งจุดเดน่ ดว้ ยการเพ่ิมองค์ประกอบอื่นเข้าไป (Composition) คือ การเพิ่มเตมิ ท่เี ปน็ ส่วนประกอบมลู ฐาน (Elements) ซงึ่ ไดแ้ ก่ จุด เสน้ รูปร่าง พน้ื ผิว นำ้ หนกั เข้าไปเป็น องค์ประกอบเสริมให้จุดทีต่ ้องการเน้นให้เป็นจุดเด่น ซึ่งบางครั้งวิธีนี้มีความจำเป็นในการแก้ปัญหาที่ไม่ สามารถใชว้ ิธอี นื่ ใดได้ การสร้างจุดเด่น มีสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ คือ เมื่อจัดวางจุดสนใจแล้วจะต้องพยายาม หลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งอื่นมาดึงความสนใจออกไป จนทำให้เกิดความสับสน การเน้น สามารถกระทำได้ด้วย องค์ประกอบตา่ ง ๆ ของศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น เสน้ สี แสง เงา รปู ร่าง รูปทรง หรอื พื้นผิว ทง้ั นี้ขึ้นอยู่ความ ตอ้ งการในการนำเสนอของศลิ ปนิ ผูส้ รา้ งสรรค์ ผู้เรียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หนา้ | 21 5. ทศั นธาตุ ทัศนธาตุ (Visual Elements) หมายถึง ส่วนประกอบของศิลปะทีม่ องเห็นได้ประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาดสัดส่วน แสงเงา สี บริเวณว่าง และพื้นผิว เป็นส่วนประกอบสำคัญของ ศิลปะที่สามารถนำมาจัดประสานกลมกลืนให้เกิดคุณค่าทางความงาม และปรากฏสู่สายตาเป็นผลงาน ศิลปะ เพอื่ ใช้สอื่ ความหมายตามแนวคดิ ของผู้สรา้ งสรรค์ องค์ประกอบศลิ ปเ์ ป็นหนว่ ยย่อยของศิลปะที่ประกอบกนั ขน้ึ ในงานออกแบบหรอื งานศิลปะแขนง ต่าง ๆ เช่น วิจิตรศิลป์ ประยุกต์ศิลป์ ภาพประกอบ การตกต่างภายใน เป็นต้น นักออกแบบสามารถนำ หลกั การทางทัศนธาตมุ าใช้เปน็ องค์ประกอบในการสรา้ งสรรค์งานศิลปะใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงคท์ ี่ตงั้ ไว้ ซึง่ มี องคป์ ระกอบที่สำคัญ คือ 5.1. จุด (Dot) จุดเป็นองค์ประกอบศิลป์เบื้องต้นที่สามารถสร้างเส้น รูปทรง รูปร่าง ลวดลาย พื้นผิว น้ำหนัก อ่อนเข้ม การเคลื่อนไหวในการออกแบบได้ จุดสร้างการรับรู้และมีประโยชน์อย่างยิ่งในการออกแบบ เน่อื งจากสามารถสร้างเป็นภาพ ลวดลาย ภาพกราฟกิ หรอื นำไปเป็นสว่ นประดบั ในการออกแบบสิ่งพิมพ์ ดังน้ี 5.1.1 ภาพจากจุดที่เกิดตามธรรมชาติ เป็นจุดท่ีกระจายอยู่ตามธรรมชาติมากมายในสิ่ง ต่าง ๆ ท่ธี รรมชาติสรา้ งขึน้ เช่น จดุ ปรากฏท่ีสว่ นต่าง ๆ ของพชื และสตั ว์บางชนิด จุดทมี่ องเห็นตามกลุ่ม ดาวบนท้องฟา้ จุดบนวตั ถธุ าตุบางชนดิ เชน่ ดนิ หิน แร่ เปน็ ต้น ดังภาพตวั อยา่ งที่ 2.23 ภาพท่ี 2.23 แสดงภาพจากจดุ ทเ่ี กิดตามธรรมชาติ ทม่ี า : วรนุช นาคแท,้ ออนไลน์, 2563 5.1.2 ภาพจากจุดทม่ี นุษย์สร้างขน้ึ เป็นจุดที่มนษุ ยใ์ ช้สง่ิ แหลมคมแตม้ กด จิ้ม เป็นรอยกลม ๆ ลงบนผิวพ้นื ท่วี า่ ง ทำให้เกิดเปน็ รอยแต้มเป็นจดุ เดยี วหรือหลายจุดไม่มคี วามหมายหรอื เป็นลวดลายที่จง ใจให้เป็น เช่น จุดที่ปรากฏบนกระดาษจุดเดียว จุดต่อเนื่องลักษณะไข่ปลา จุดที่รวมเป็นกลุ่มอย่าง อสิ ระ จุดท่ีรวมตัวเคลอ่ื นไหวกระจายเปน็ ระยะเท่า ๆ กนั อยา่ งมีระเบียบ ดังภาพตัวอยา่ งที่ 2.24 ผเู้ รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หน่วยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศลิ ป์ หน้า | 22 ภาพท่ี 2.24 แสดงภาพจากจุดที่มนษุ ยส์ รา้ งขึน้ ทม่ี า : วรนชุ นาคแท้, ออนไลน,์ 2563 จุดเป็นองค์ประกอบแรกที่ทำให้เกิดธาตุต่าง ๆ ที่นำมาประกอบสัมพันธ์กัน รวมกลุ่มกันเป็น องคป์ ระกอบศลิ ป์ จดุ เม่อื ปรากฏบนที่วา่ งจะมปี ฏิกิริยาโตต้ อบผลักดนั กันหรือดงึ ดูดกัน จุดท่ีรวมกันเป็น กลุ่มทำให้มองเหน็ โครงสร้างจากจินตนาการเปน็ รูปแบบคงทีแ่ ละรปู แบบเปลี่ยนแปลงเคล่อื นไหวได้ 5.2 เสน้ (Line or Stripe) เส้นเกิดจากจุดมาเรียงต่อกันจนกลายเป็นเส้น ใช้สร้างรูปร่าง รูปทรง ลวดลาย พื้นผิว น้ำหนัก ออ่ นแก่ แสงเงา ระยะใกล้ไกล พื้นทว่ี ่างและตวั อกั ษร การใชเ้ ส้นในการออกแบบ ยงั สามารถเลือกขนาด และลักษณะเสน้ ท่ีแตกต่างกนั เพอื่ ให้แสดงออกตามวตั ถุประสงค์ของการออกแบบ การเรียนรู้เรอ่ื งเส้นจะ คำนึงถงึ การเกดิ เส้น ขนาด ทศิ ทางและลกั ษณะของเส้นทส่ี รา้ งการรับรทู้ ี่แตกต่างกันออกไป ดงั น้ี 5.2.1 การเกดิ เสน้ (Line Occurrence) การเกดิ เสน้ แบง่ ออกได้ 3 ลกั ษณะดังนี้ 5.2.1.1 เส้นที่เกิดจริง (Actual Line) คือ เส้นที่ถูกสร้างขึ้นจากการขีดเขียนให้ ปรากฏบนระนาบรองรับ เกดิ เปน็ เส้นตรงเสน้ โคง้ เส้นซิกแซก เสน้ หนาและเส้นบาง 5.2.1.2 เสน้ เชิงนัย (Implied Line or Exiting line or Axis Line) คือ เสน้ ท่ีเกดิ จากการจดั วางองค์ประกอบหรือวตั ถใุ นแนวทีใ่ หเ้ กิดการรบั รวู้ ่าเป็นเสน้ ไมม่ เี ส้นอย่จู ริงแต่เกดิ จากการนำ สายตาให้รับร้วู ่าเป็นเส้น เชน่ การจดั วางกลอ่ งตามแนวเดียวกันทำใหม้ องเหน็ เป็นเส้นตรงได้ 5.2.1.3 เส้นขอบ (Line Formed by Edges) คือ เส้นที่เกิดจากการทับซ้อนหรือ ชนกนั ของสีและรปู ร่าง เช่น เสน้ ทเ่ี กิดจากสสี องสที ี่วางต่อกัน หรอื เส้นท่เี กิดจากรปู รา่ งสองรูปวางตอ่ กัน 5.2.2 รูปแบบของเสน้ (Line Quality) ท่นี ำมาประยกุ ต์ใช้ในการสร้างภาพ แบง่ ออกเป็น 10 ลกั ษณะ คอื 5.2.2.1 เส้นตรงแนวนอน (Straight Line) ให้ความรู้สึกสงบนิ่ง แผ่กว้าง ไม่ เคลื่อนไหว เส้นนอน ในการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง บรรจุภัณฑ์หรือป้ายผลิตภัณฑ์จะให้ความรู้สึกเรียบ ง่าย สุภาพ ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.25 ผเู้ รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หน้า | 23 ภาพท่ี 2.25 แสดงลกั ษณะภาพจากเส้นตรงแนวนอน ท่ีมา : อุทยั วรรณ พุ่มสขุ วเิ ศษ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.2 เส้นตรงแนวตง้ั (Upright-Straight Line) ให้ความรู้สกึ สง่างาม ตั้งมั่น สูง บีบ แคบลง เส้นตรงแนวตัง้ ถ้านำมาออกแบบสัญลักษณ์จะให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง ถ้าเป็นลวดลาย บรรจุภณั ฑห์ รอื ป้ายผลิตภัณฑ์จะให้ความรู้สึกสงู โปร่ง ดังตวั อยา่ งภาพที่ 2.26 ภาพที่ 2.26 แสดงลกั ษณะภาพจากเส้นตรงแนวต้ัง ที่มา : อุทยั วรรณ พุม่ สุขวเิ ศษ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.3 เส้นตรงแนวเฉียง (Oblique Line) ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว โฉบเฉี่ยว ใน การออกแบบลวดลาย ท่เี ปน็ เสน้ เฉียงมักใชใ้ นโอกาสพเิ ศษท่ีต้องการความแปลกใหม่ เสน้ ลายเฉียงจะเป็น การกระตนุ้ การรับรใู้ หต้ ่ืนตาเรา้ ใจ ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.27 ภาพท่ี 2.27 แสดงลกั ษณะภาพจากเสน้ ตรงแนวเฉยี ง ท่มี า : อุทัยวรรณ พมุ่ สุขวิเศษ, ออนไลน์, 2563 ผเู้ รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หนา้ | 24 5.2.2.4 เส้นฟันปลา (Zigzag Line) เสน้ ตรงหลายเสน้ เรียงตอ่ กันสลบั ขน้ึ ลงระยะ เทา่ กัน ให้ความรสู้ กึ รนุ แรง กระแทก ต้ืนเต้น อนั ตราย ขดั แยง้ ดังตัวอย่างภาพที่ 2.28 ภาพท่ี 2.28 แสดงลกั ษณะภาพจากเสน้ ตรงฟันปลา ที่มา : เขมณฏั ฐ์ ชูดำ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.5 เส้นประ (Jagged Lines) เสน้ ตรงทขี่ าดเป็นช่วง ๆ มีระยะเทา่ กนั ให้ ความรู้สึกตอ่ เน่ือง ขาดระยะ ใจหาย ไม่แนน่ อน ดังตวั อยา่ งภาพที่ 2.29 ภาพที่ 2.29 แสดงลกั ษณะภาพจากเสน้ ประ ที่มา : เขมณฏั ฐ์ ชูดำ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.6 เสน้ โคง้ ลง (Curved down) เส้นท่เี ป็นท้องทะเลคล้ายเชอื กหยอ่ น ให้ ความรสู้ ึกอ่อนโยน เคลือ่ นไหว ไมแ่ ข็งแรง ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.30 ภาพที่ 2.30 แสดงลักษณะภาพจากเสน้ โค้งลง ท่มี า : เขมณฏั ฐ์ ชูดำ, ออนไลน,์ 2563 ผ้เู รยี บเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยที่ 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หนา้ | 25 5.2.2.7 เส้นโค้งขึ้น (Curve up) เส้นโคง้ เปน็ หลังเตา่ คล้ายคนั ธนู ให้ความรู้สกึ แข็งแรง เชื่อมั่น เคล่อื นไหว ดงั ตัวอย่างภาพที่ 2.31 ภาพท่ี 2.31 แสดงลักษณะภาพจากเสน้ โคง้ ขนึ้ ทม่ี า : เขมณัฏฐ์ ชูดำ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.8 เส้นคด (Winding Lines) เส้นโคง้ ขน้ึ โคง้ ลงอย่างตอ่ เน่อื งคล้ายคลื่นใน ทะเล ให้ความร้สู กึ เลอื่ นไหล ต่อเนอ่ื ง อ่อนช้อย นุม่ นวล ดงั ตัวอยา่ งภาพที่ 2.32 ภาพที่ 2.32 แสดงลักษณะภาพจากเสน้ คด ทม่ี า : เขมณัฏฐ์ ชูดำ, ออนไลน,์ 2563 5.2.2.9 เส้นโคง้ กน้ หอย (Spiral curve) เส้นโค้งต่อเนือ่ งกนั วนเขา้ เล็กลงเป็นจุด คล้ายกน้ หอย ใหค้ วามรสู้ ึกอึดอัด เคลือ่ นไหว คลี่คลาย ดังตวั อยา่ งภาพท่ี 2.33 ภาพท่ี 2.33 แสดงลกั ษณะภาพจากเส้นโคง้ ก้นหอย ท่มี า : อุทัยวรรณ พมุ่ สุขวิเศษ, ออนไลน,์ 2563 ผ้เู รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ )ี

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศลิ ป์ หน้า | 26 5.2.2.10 เส้นโคง้ อิสระ (Curved lines) เสน้ โค้งตอ่ เนอื่ งกนั ไปไมม่ ที ศิ ทาง คล้าย เชือกพันกนั ใหค้ วามร้สู ึก วุ่นวาย ย่งุ เหยิง ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.34 ภาพที่ 2.34 แสดงลักษณะภาพจากเส้นโค้งอสิ ระ ท่มี า : ดนยา เชีย่ ววัฒน์, ออนไลน์, 2563 การออกแบบลายเส้น ใส่สี แสงเงา เพื่อให้ดูคล้ายของจริงได้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบ โครงสรา้ งตกึ บ้าน สะพานและสถาปัตยกรรม เพ่ือแสดงภาพในมุมมองต่าง ๆ ตามทีผ่ ู้ออกแบบต้องการ ตวั อยา่ งการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิกออกแบบโครงสร้างภาพคน โครงสร้างตกึ ดังตวั อย่างภาพท่ี 2.35 ภาพที่ 2.35 แสดงการใชเ้ สน้ ในโปรแกรมคอมพวิ เตอรก์ ราฟิก ทม่ี า : นรศิ รา ตาแล, ออนไลน์, 2563 5.3 รปู รา่ งและรูปทรง (Shape and Form) รูปร่างมี 2 มิติ คือ ความกว้างและความยาว มีลักษณะแบนราบ ในขณะที่รูปทรง มี 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความลึก นักออกแบบนำรูปร่างและรูปทรงจากธรรมชาติ เช่น ใบไม้ สัตว์ รูปร่าง รูปทรงประดิษฐ์และรูปร่าง รูปทรงเรขาคณิตมาออกแบบบรรจุภัณฑ์และป้ายเพื่อสื่อความหมาย ตา่ ง ๆ ได้ ดงั ตวั อย่างภาพที่ 2.36 ผเู้ รียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยที่ 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หนา้ | 27 ภาพที่ 2.36 แสดงลกั ษณะภาพจากรูปร่างและรปู ทรง ทมี่ า : กองทพั สิทธิเขตกานต์, ออนไลน์, 2563 5.4 ลกั ษณะผวิ (Texture) ลักษณะผวิ คอื พนื้ ทีด่ ้านนอกของวัตถทุ ีร่ ับร้ไู ด้ด้วยสายตา สัมผัส หรือการไดย้ ินเสียงที่แตกต่าง กัน พ้ืนผิวเกิดข้ึนไดจ้ ากธรรมชาติและเกดิ จากมนษุ ย์สรา้ งขนึ้ พ้นื ผิวธรรมชาติ เชน่ ผิวเปลอื กไม้ ผิวก้อน หิน ผวิ ทราย เปน็ ตน้ สว่ นพื้นผิวท่เี กิดจากมนุษยส์ รา้ งขึ้น เชน่ ผิวเรยี บของกระดาษ ผิวมันวาวของกระจก ผวิ โลหะ เปน็ ตน้ พื้นผิวก่อให้เกิดการรับรู้ที่แตกต่างกัน เช่น พื้นผิวเรียบ ละเอียดก่อให้เกิดความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์ เงียบสงบ เรียบร้อย สุภาพ ผิวมันวาวให้ความรู้สึกกว้างตื่นเต้น หรูหรา ผิวขรุขระหรือหยาบ กอ่ ให้เกิดความรูส้ กึ น่ากลัว แขง็ แรง มนี ำ้ หนัก นอกจากนี้ผวิ หยาบก่อให้เกิดความร้สู ึกวา่ อยู่ใกล้ ในขณะที่ ผิวละเอยี ดจะให้ความรสู้ กึ ว่าอยูไ่ กลออกไป ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.37 ภาพท่ี 2.37 แสดงลักษณะภาพของพ้ืนผิว ทม่ี า : นิตยา เสาหงษ์, 2561. 5.5 บริเวณว่างหรอื พนื้ หลงั (Ground) บริเวณว่างหรือพืน้ หลงั เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แบคกราวด์ (Background) เป็นส่วนหนึ่งของการ ออกแบบทม่ี ีสว่ นสง่ เสรมิ ให้รูปมีลักษณะเด่นหรอื ดอ้ ย เช่น พื้นหลังสเี ข้มจะทำใหต้ ัวอักษรหรือภาพสีอ่อน ให้เด่นชัด ถ้าพื้นหลังสีใกล้เคียงกับตัวอักษรหรือภาพสีอ่อนให้เด่นชัดถ้าพื้นหลังสีใกล้เคียงกับตัวอักษร หรือภาพจะทำให้เกิดความรูส้ กึ กลมกลนื นุ่มนวลขนึ้ ในการออกแบบพ้ืนท่ีว่างหรอื พื้นหลงั ให้เหมาะสมกับ ผเู้ รยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลยั อาชีวศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศิลป์ หน้า | 28 รูปไมม่ ากหรือนอ้ ยเกนิ ไป บางคร้ังมีเส้นนำสายตาเขา้ สจู่ ุดสำคัญของภาพ จะเสรมิ ให้ภาพมคี วามสวยงาม และสรา้ งจดุ สนใจให้เด่นยิง่ ขึ้น เป็นตน้ ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.38 ภาพท่ี 2.38 แสดงลกั ษณะภาพที่มีการจดั บรเิ วณวา่ งและพนื้ หลงั ทม่ี า : สนุ ทรี วิเศษ, ออนไลน์, 2563 5.6 น้ำหนักออ่ นเขม้ (Value and Gradation) นำ้ หนกั อ่อนเขม้ เปน็ เร่อื งของน้ำหนกั ของแสงท่ีตกกระทบบนวัตถุแล้วสะท้อนสีเข้าสู่สายตา ก่อ เกิดเป็นคา่ นำ้ หนกั ออ่ นเข้มแตกต่างกนั คา่ นำ้ หนกั อ่อนเข้มนีย้ ังแสดงออกโดยการแทนค่าความสว่างและ มืดของแสง โดยใช้สีขาวแสดงค่าส่วนที่สว่างที่สุด นอกจากนี้นำ้ หนักอ่อนเข้มยังกอ่ ให้เกิดระยะใกล้ไกล และความลกึ ในภาพอกี ด้วย ดงั ตวั อย่างภาพท่ี 2.39 ภาพท่ี 2.39 แสดงลักษณะภาพทม่ี ีการจัดน้ำหนักอ่อนเขม้ ที่มา : สนุ ทรี วิเศษ, ออนไลน,์ 2563 5.7 สี (Color) สีเป็นองค์ประกอบศิลป์ที่สำคัญยิง่ ใช้สร้างแรงดึงดูดใจต่อผู้พบเห็น สีเป็นสื่อในการแสดงออก และการรับรู้ทางจติ วิทยา แสดงบุคลิกและอุปนิสัยของบคุ คล ความรู้สึกชอบไม่ชอบ สร้างรสนิยม สร้าง ความทรงจำ สียังแสดงลกั ษณะเฉพาะของกลุม่ ชนและเช้อื ชาติ นอกจากน้กี ารใช้สีในการออกแบบยังมีท้ัง สใี นศิลปะ สีในการพิมพ์ สขี องแสง ซงึ่ แตล่ ะชนิดมีแม่สแี ละลักษณะการใช้ที่แตกตา่ งกนั นักออกแบบจึง ควรทำความเข้าใจทฤษฎีสีและคุณลักษณะของสีแต่ละประเภทเพอ่ื นำมาใชใ้ นการออกแบบงานให้บรรลุ วัตถุประสงค์ที่ต้องการ สีสามารถไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ในทุกเรื่อง และเมื่อต้องการสร้าง ผู้เรียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หน้า | 29 ผลงานท่เี ก่ยี วกบั การใช้สี เพื่อทจ่ี ะไดผ้ ลงานทตี่ รงตามความต้องการในการส่ือความหมาย และจะช่วยลด ปญั หาในการตัดสนิ ใจทีจ่ ะเลอื กใช้สตี า่ ง ๆ ได้ เชน่ 1. การแสดงเวลาของบรรยากาศในภาพเขียน เพราะสบี รรยากาศในภาพเขยี นนัน้ ๆ จะแสดงให้ ร้วู า่ เป็นภาพตอนเช้า ตอนกลางวนั หรือตอนบ่าย เป็นต้น 2. ดา้ นการค้า คอื ทำใหส้ ินค้าสวยงาม น่าซ้ือหา นอกจากนยี้ งั ใช้กบั งานโฆษณา เชน่ โปสเตอร์ ตา่ ง ๆ ช่วยให้จำหน่ายสินคา้ ได้มากข้นึ 3. ดา้ นประสิทธิภาพของการทำงาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ถา้ ทาสีสถานที่ทำงานให้ถูกหลัก จิตวทิ ยา จะเปน็ ทางหนงึ่ ท่ีชว่ ยสรา้ งบรรยากาศให้น่าทำงาน คนงานจะทำงานมากข้นึ มีประสิทธิภาพใน การทำงานสูงข้ึน 4. ด้านการตกแต่ง สีของห้องและสีของเฟอร์นิเจอร์ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความสว่างของห้อง รวมทงั้ ความสขุ ในการใช้หอ้ ง ถา้ เปน็ โรงเรยี นเดก็ จะเรยี นได้ผลดีขึ้น ถ้าเปน็ โรงพยาบาลคนไข้จะหายเร็ว ขึ้น ตวั อย่างการประยุกต์ใชง้ านสี ดังตัวอยา่ งภาพท่ี 2.40 ภาพที่ 2.40 แสดงลกั ษณะภาพท่มี ีการใช้สีวรรณะร้อนและสีวรรณะเย็น ท่ีมา : สุนทรี วิเศษ, ออนไลน,์ 2563 การออกแบบงานทัศนศิลป์ โดยใช้ทัศนธาตุรูปแบบต่าง ๆ มาจัดวางตามหลักการของ องค์ประกอบศิลป์ คือ เอกภาพ สมดุล จุดเน้น ความกลมกลืนและความขัดแย้งให้มีความเหมาะสมหรอื พอดี ตัวอย่างผลงานการประยกุ ต์ใช้ทัศนธาตุในการสรา้ งสรรคง์ านในโปรแกรมกราฟิก ดงั ตัวอย่างภาพท่ี 2.41 ภาพท่ี 2.41 แสดงการประยุกต์ใชท้ ัศนธาตุในการสร้างสรรคง์ านในโปรแกรมกราฟกิ ท่มี า : เผด็จ ภักดีนวล, ออนไลน์, 2563 ผู้เรียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 30 6. หลักการออกแบบงานทัศนศลิ ป์ งานศิลปะและการออกแบบ จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดวางตำแหน่งในงานศิลปะ งาน ออกแบบที่มีความน่าสนใจ มีการประสานกลมกลืนกันอย่างดีนั้น คือการนำทัศนธาตุ เช่น จุด เส้น สี พื้นผิว รูปร่าง รูปทรง และขนาด มาใช้ในการจัดองค์ประกอบของงานทัศนศิลป์ การออกแบบตาม หลักการจัดองค์ประกอบของการออกแบบให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ของงานศิลปะและงานออกแบบ ให้ สามารถรับรู้ได้ด้วยสายตา มีทั้งทเ่ี ปน็ 2 มติ ิและ 3 มติ ิ ซึ่งวธิ ีการจดั องคป์ ระกอบศิลป์ สามารถทำได้ดงั น้ี 6.1 การออกแบบจากการนำจดุ มาสรา้ งสรรค์ในงานทัศนศิลป์ มี 2 ลักษณะ คอื 6.1.1 ออกแบบเพื่อแสดงความงามของชิ้นงานและสร้างมิติ เป็นการนำจุดมาใช้เพื่อแสดง ความงามของรูปด้วยการรวมกลุ่มกันให้มีค่าน้ำหนักอ่อนแก่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกทางมิติ แสดง ลักษณะเฉพาะของลวดลายในจุดธรรมชาติ ดงั ตวั อยา่ งภาพท่ี 2.42 ชอื่ ภาพ : ราตรีประดบั ดาว ศลิ ปิน : วนิ เซนต์ ฟาน กอ๊ ก ใชก้ ารแต้มสีดวงดาวเป็นจดุ บนท้องฟา้ ดว้ ยนำ้ หนกั ออ่ นแก่ตดั กนั ดูงดงาม ภาพท่ี 2.42 แสดงการใช้จุดเพ่ือแสดงความงามของช้นิ งานและสร้างมติ ิ ที่มา : วรรณธนา จิรมหาศาล, ออนไลน์, 2563 6.1.2 ออกแบบเพื่อแสดงตำแหน่งรวมสายตาของภาพ โดยใช้หลักทัศนียวิทยาของการ มองเห็นตามสภาพจรงิ เพราะจากโครงสร้างวัตถจุ ะไปรวมกนั อยู่ท่ีจดุ รวมสายตา (Vanishing Point) ซ่ึง ตั้งอยู่บนเส้นระดับสายตา จุดรวมสายตาจะช่วยทำให้ภาพวัตถุที่เขียนมีความแตกต่างกันทั้งขนาดและ ระยะ วัตถุที่อยใู่ กลส้ ายตาจะมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าอยู่ไกลสายตาก็จะมขี นาดเล็กลงเร่อื ย ๆ ดังตัวอย่างภาพ ท่ี 2.43 จุดรวมสายตา ช่ือภาพ : Color of Time เสน้ ระดับสายตา ศิลปนิ : Emmanuelle Moureaux ใช้การจดั เรียงจดุ และนำมาร้อยเรียง เข้าด้วยกนั อย่างประณตี สวยงาม ภาพท่ี 2.43 แสดงการใช้จุดเพือ่ แสดงตำแหน่งรวมสายตาของภาพ ท่ีมา : วรรณธนา จริ มหาศาล, ออนไลน,์ 2563 ผู้เรียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หน้า | 31 6.2 การออกแบบจากการนำเส้นมาสรา้ งสรรค์ในงานทศั นศิลป์ มี 3 ลักษณะ คือ 6.2.1 ออกแบบผลงานการวาดเส้นในงานจิตรกรรม ภาพพมิ พ์ งานออกแบบหรอื เขียนแบบ ใหเ้ กิดเป็นรูปรา่ ง รูปทรง ขนาดและสัดส่วน รวมท้งั รายละเอียดอ่ืน ๆ เพอ่ื กำหนดรปู แบบและโครงสร้าง ของผลงาน ดงั ตวั อย่างภาพท่ี 2.44 ภาพที่ 2.44 แสดงการร่างผลงานการวาดเส้นในงานจติ รกรรม ท่มี า : ม.ป.ป., ออนไลน์, 2563 6.2.2 ออกแบบเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของภาพให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกคล้อยตาม ดัง ตัวอย่างภาพท่ี 2.45 ชอ่ื ภาพ : ห้วงอารมณ์ ศิลปนิ : สมเพ็ชร หวานชิต ใชเ้ ส้นวาดภาพเพือ่ สอ่ื ถงึ ความต้องการ ดา้ นอารมณ์และตอบสนองความรสู้ ึก ของมนุษย์ ภาพที่ 2.45 แสดงการใช้เส้นวาดภาพเพอ่ื แสดงอารมณ์ความรู้สึกของภาพ ที่มา : ม.ป.ป., ออนไลน,์ 2563 6.2.3 ออกแบบเพ่อื แสดงมติ ขิ องภาพ เปน็ การนำเสน้ มาใชร้ ่างภาพในงานทศั นศลิ ป์ เพื่อลวง ตาให้เกดิ ความรสู้ ึกในด้านมติ ิ ว่ามีระยะใกลไ้ กล หรือเคลื่อนไหว ดงั ตัวอยา่ งภาพที่ 2.46 ผูเ้ รยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หน้า | 32 ชื่อภาพ : ลวดลายภาพลวงตา ศิลปนิ : Peter Kogler ใชเ้ ส้นในการสรา้ งสรรค์หอ้ งทีว่ าด ลวดลายภาพลวงตา จนกลายเป็น อีกหนง่ึ มติ ขิ องการมองภาพ ภาพที่ 2.46 แสดงการวาดเส้นเพื่อแสดงมิตขิ องภาพ ทีม่ า : lifebuzz, ออนไลน,์ 2563 6.3 การออกแบบจากการนำรูปร่างและรปู ทรงมาสร้างสรรค์ในงานทศั นศลิ ป์ มี 3 ลกั ษณะ คือ 6.3.1 ออกแบบเพื่อเป็นสื่อลักษณะที่ต้องการจะถ่ายทอดและสื่อในสิ่งที่ได้รับรู้จาก ประสบการณ์หรือจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ออกมาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจและรับรู้ได้ว่าเป็นภาพ อะไรหรือแสดงสญั ลักษณข์ องสิ่งใด ดงั ตัวอย่างภาพที่ 2.47 ภาพท่ี 2.47 แสดงการใช้รูปรา่ งและรูปทรงในการส่อื ความหมาย ท่ีมา : pixabay, ออนไลน,์ 2563 6.3.2 ออกแบบเพอ่ื สรา้ งมิตขิ องผลงานให้เกดิ ความตน้ื ลึก มีระยะใกลไ้ กล ดว้ ยการนำ รปู รา่ ง รปู ทรงมาจดั วางเรยี งกัน ซ้อนกัน เพ่ือให้เกดิ ระยะของภาพ ใหม้ คี วามรสู้ กึ ว่ามมี ติ ิ ดังตัวอย่างภาพ ท่ี 2.48 ภาพท่ี 2.48 แสดงการใช้รูปรา่ งและรูปทรงในการสร้างมิตขิ องผลงาน ทม่ี า : pixabay, ออนไลน์, 2563 ผเู้ รยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศลิ ป์ หนา้ | 33 6.3.3 ออกแบบเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของผลงาน ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ ต้องการแสดง ดงั ตวั อย่างภาพท่ี 2.49 ใหค้ วามร้สู ึก ใหค้ วามรสู้ กึ มั่นคงแข็งแรง ไม่มั่นคง ออ่ นไหว ภาพท่ี 2.49 แสดงการใช้รูปร่างและรูปทรงเพอื่ แสดงอารมณค์ วามรู้สึกของผลงาน ท่มี า : pixabay, ออนไลน์, 2563 6.4 การออกแบบงานทศั นศิลป์จากนำ้ หนกั ออ่ นเข้มและหรือแสงเงา มีลักษณะดงั นี้คือ 6.4.1 ออกแบบเพ่อื แสดงอารมณ์ความรู้สึกของผลงาน เปน็ การนำเอาน้ำหนกั แสงเงามาใช้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมงานทัศนศิลป์เกิดอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม เกิดความงามทางด้านมิติการมองเหน็ หรอื ทำให้รูส้ ึกวา่ ภาพมีระยะใกล้ ไกล ต้ืนลึก หนาบาง ฯลฯ ดังตัวอย่างภาพที่ 2.50 ระยะไกล ระยะใกล้ ระยะกลาง ภาพท่ี 2.50 แสดงการนำนำ้ หนกั อ่อนเขม้ หรือแสงเงามาใช้ในการงานทศั นศลิ ป์ ท่ีมา : มนตรี รถมณี, ออนไลน์, 2563 6.5 การออกแบบงานทัศนศิลป์จากสี มี 4 ลกั ษณะ คือ 6.5.1 ออกแบบเพื่อแสดงความงามและความแตกตา่ งของรูป เปน็ การนำสีมาใช้เพ่ือกำหนด รูปร่าง รูปทรงต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความกลมกลืน ความแตกต่างและจุดเด่นในการมองเห็น สามารถ แยกแยะออกวา่ เปน็ ส่งิ ใด ดังตัวอยา่ งภาพที่ 2.51 ผูเ้ รียบเรยี ง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยที่ 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หน้า | 34 ภาพที่ 2.51 แสดงการนำสีมาใช้ในการสร้างสรรค์ความงามและความแตกตา่ งของรูป ท่ีมา : พงศ์ศริ ิ คดิ ดี, ออนไลน,์ 2563 6.5.2 ออกแบบเพ่ือแสดงมิตขิ องงาน เพือ่ ใหเ้ กิดการมองเหน็ ในด้านมิติมรี ะยะใกล้ ไกล ลวง ตาใหภ้ าพมีระยะ ดังตวั อย่างภาพท่ี 2.52 ระยะใกล้ ระยะไกล ภาพที่ 2.52 แสดงการนำสมี าใชใ้ นการสรา้ งสรรค์เพอื่ แสดงมติ ขิ องงาน ทีม่ า : พงศศ์ ริ ิ คดิ ด,ี ออนไลน์, 2563 6.5.3 ออกแบบเพื่อแสดงอารมณ์ความรสู้ ึก เป็นการนำสีมาใช้เพื่อกระตนุ้ ให้ผชู้ มงาน ทัศนศลิ ปเ์ กดิ อารมณ์และรสู้ กึ คล้อยตามอารมณ์ของภาพ ดังตวั อย่างภาพที่ 2.53 ภาพแสดงการใช้สีแสดงอารมณ์ ความรูส้ กึ ในยามค่ำคนื และใช้สี เหลือง สีสม้ แสดงถึงแสงไฟใน ยามคำ่ คนื ภาพท่ี 2.53 แสดงการนำสมี าใชใ้ นการสร้างสรรค์เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของภาพ ท่ีมา : พงศ์ศิริ คิดดี, ออนไลน,์ 2563 ผ้เู รยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หนา้ | 35 6.5.4 ออกแบบเพือ่ เปน็ สญั ลกั ษณ์แทนสงิ่ ต่าง ๆ ดังตวั อยา่ งภาพท่ี 2.54 ภาพแสดงการใช้สีเพอ่ื เปน็ สัญลักษณ์ แทนการสื่อความหมายต่าง ๆ เช่น ป้ายจราจรสีเหลืองคือระวัง ป้ายสี แดงคือหา้ ม ภาพท่ี 2.54 แสดงการนำสีมาใชใ้ นการสร้างสรรค์เพอื่ เป็นสัญลักษณแ์ ทนส่งิ ต่าง ๆ ท่มี า : พงศ์ศิริ คิดด,ี ออนไลน์, 2563 6.6 การออกแบบจากการนำบรเิ วณว่างมาสร้างสรรคใ์ นงานทศั นศิลป์ มี 3 ลกั ษณะ คือ 6.6.1 ออกแบบเพอ่ื จดั พน้ื ท่ีให้เกดิ ความงามและประโยชน์ใช้สอยอยา่ งเหมาะสม ดังตวั อยา่ ง ภาพที่ 2.55 จดั เพื่อความสวยงาม จัดเพือ่ ประโยชน์ใช้สอย ภาพที่ 2.55 แสดงการนำบริเวณวา่ งมาใช้ให้เกดิ ความงามและประโยชนใ์ ชส้ อย ท่มี า : วรนชุ นาคแท้, ออนไลน,์ 2563 6.6.2 ออกแบบเพ่ือสรา้ งความชัดเจนของรูปและมิติ ชว่ ยเสรมิ ความชัดเจนของรปู ร่าง รปู ทรง ระยะใกล้ไกล ชว่ ยใหม้ องเห็นภาพไดช้ ดั เจนยิ่งขนึ้ และมมี ติ ิได้ดขี ้นึ ดงั ตัวอยา่ งภาพที่ 2.56 ผู้เรยี บเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทัศนศลิ ป์ หน้า | 36 การใช้บริเวณว่างเป็นพื้นหลังเพื่อทำให้ ภาพดอกไมเ้ ดน่ ขน้ึ หรอื มองได้ชดั เจน ภาพที่ 2.56 แสดงการนำบริเวณว่างมาใช้ในการสร้างสรรค์เพื่อความชัดเจนของรูปและมติ ิ ทม่ี า : วรนุช นาคแท้, ออนไลน์, 2563 6.6.3 ออกแบบเพอ่ื ให้เกิดอารมณค์ วามรู้สึก ใหเ้ กิดอารมณ์คลอ้ ยตามลกั ษณะของ บรรยากาศของผลงานท่ีแสดงออก ให้เกิดความรู้สึกตา่ ง ๆ ดังตัวอยา่ งภาพที่ 2.57 การใชบ้ ริเวณว่างเปน็ พ้ืนหลงั เพ่ือทำให้ เกดิ ความรู้สกึ อ้างวา้ งโดดเดย่ี ว ภาพท่ี 2.57 แสดงการนำบรเิ วณวา่ งมาใช้ในการสรา้ งสรรค์เพ่อื ให้เกิดอารมณ์คล้อยตามบรรยากาศ ทม่ี า : วรนุช นาคแท้, ออนไลน,์ 2563 6.7 การออกแบบจากการนำพนื้ ผิวมาสร้างสรรคใ์ นงานทศั นศลิ ป์ มี 4 ลักษณะ คอื 6.7.1 ออกแบบเพื่อให้เกิดความงามที่แตกต่าง เป็นการนำพื้นผิวลักษณะต่าง ๆ มาใช้ สร้างสรรค์ในงานทัศนศิลป์เพื่อแสดงความงามทีแ่ ตกตา่ งกันตามความนิยมของแต่ละบุคคล ดังตัวอย่าง ภาพท่ี 2.58 การใช้พื้นผิวที่แตกต่างกันในการสร้าง งานให้มคี วามงามแตกตา่ งกันออกไป ภาพที่ 2.58 แสดงการนำพ้นื ผวิ มาใช้ในการสรา้ งสรรค์เพ่อื ให้เกดิ ความงาม ที่มา : วรนชุ นาคแท้, ออนไลน,์ 2563 ผเู้ รียบเรียง นางนิตยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยที่ 2 ธาตทุ างทัศนศิลป์ หนา้ | 37 6.7.2 ออกแบบเพอ่ื สรา้ งมิตแิ ละขนาด เปน็ การนำพืน้ ผวิ มาใชใ้ นงานทศั นศิลป์เพ่อื ให้เกิด ความรสู้ กึ ลวงตาในด้านมติ ิและขนาดของผลงาน ดงั ตวั อย่างภาพท่ี 2.59 การใช้พ้นื ผวิ ในงานจิตรกรรม เปน็ ภาพ ทิวทศั นแ์ สดงสายน้ำไหลผ่านหมูบ่ ้าน เนน้ ระยะใกล้ไกลด้วยการใช้เนอ้ื สีหนาจากการ ใช้เกรียงทาสี ภาพที่ 2.59 แสดงการนำพน้ื ผิวมาใช้ในการสรา้ งสรรค์เพอื่ สร้างมิติและขนาด ทมี่ า : วรนชุ นาคแท้, ออนไลน,์ 2563 6.7.3 ออกแบบเพื่อกระตุ้นเร้าอารมณ์และความรู้สึก เป็นการนำลักษณะพื้นผิวที่มีผลต่อ อารมณ์ของมนษุ ยม์ าสรา้ งสรรค์เพื่อให้ไดผ้ ลตามทผี่ ้สู ร้างต้องการ ดงั ตวั อย่างภาพท่ี 2.60 การนำลกั ษณะผิวสัมผัสแบบน่มุ มาใชเ้ พอื่ ให้ น่าจับ เหมาะเป็นของเล่นสำหรบั เด็ก ๆ ภาพที่ 2.60 แสดงการนำพ้นื ผิวมาใชใ้ นการสร้างสรรค์เพื่อกระต้นุ เรา้ อารมณแ์ ละความรสู้ กึ ทม่ี า : วรนุช นาคแท้, ออนไลน์, 2563 6.7.4 ออกแบบเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เป็นการนำความรู้ด้านพื้นผิวมาออกแบบ สร้างสรรค์งานดา้ นประยุกตศ์ ลิ ป์ ดังตวั อย่างภาพที่ 2.61 การนำพ้นื ผวิ แบบลวดลายนนู ตำ่ มาสร้างงาน บนผลิตภัณฑ์เพื่อสรา้ งความสวยงาม สะดุด ตา ภาพที่ 2.61 แสดงการนำพ้ืนผวิ มาใช้ในการสรา้ งสรรค์เพอื่ ประโยชนใ์ นการใชส้ อย ท่มี า : วรนุช นาคแท,้ ออนไลน,์ 2563 ผู้เรยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบรุ ี)

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หนา้ | 38 7. ประโยชนแ์ ละคุณค่าของงานทศั นศิลป์ งานศลิ ปะเปน็ สอ่ื ทีม่ คี ุณค่าและประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ในชีวิตประจำวนั ของมนุษย์ จะเห็นได้ว่าศิลปะ นอกจากจะมีความสวยงามแล้วแล้วยังเป็นสื่อที่ช่วยกระตุ้นความคิดให้สามารถรับรู้ความหมายได้ง่าย รวดเร็ว สามารถอธิบายข้อมูลที่ซับซ้อนให้มีความง่ายในการรับรู้ และสามารถนำไปสร้างสรรค์ ประยกุ ตใ์ ชง้ านในด้านต่าง ๆ ไดอ้ ย่างหลากหลาย สำหรบั ประโยชน์และคุณค่าของงานทศั นศิลป์ จำแนก ได้ดงั นี้ คอื 7.1 คุณคา่ ทางดา้ นจติ ใจ 7.1.1 เป็นสิ่งยกระดับจิตใจให้ประณีตละเอียดอ่อน เพราะผลงานด้านทัศนศิลป์แต่ละช้ิน กว่าจะสำเร็จงดงามได้ ศลิ ปินตอ้ งใชท้ ง้ั พลงั ความคิด สติปญั ญาและสมาธใิ นการสรา้ งสรรค์ความงามด้วย ความพากเพยี ร จงึ เป็นการฝึกใหผ้ ูม้ ีจิตใจรักความประณีตงดงาม ไม่หยาบกระดา้ ง ไม่อารมณร์ ้อน สว่ น ผูช้ น่ื ชมจะกจ็ ะมีความรสู้ กึ ด่มื ด่ำในความงามของงานและเหน็ คุณคา่ เช่นเดยี วกนั 7.1.2 เป็นสิ่งผ่อนคลายอารมณ์เครียด การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์และการได้ชื่นชมเป็น กิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากงานประจำ เพราะทำให้เกิดความเพลิดเพลินใจมีความสุข ปัจจุบันจึงได้มีการสง่ เสรมิ ให้ผูใ้ หญ่และเด็กใช้เวลาวา่ งในการเขยี นภาพ ปั้นแกะสลัก ทำงานศิลปะภาพ พมิ พ์ ศิลปะสื่อผสม การสร้างสรรค์งานศิลป์ดว้ ยคอมพิวเตอร์ นอกจากนจ้ี ิตแพทย์ยังใช้ศิลปะช่วยบำบัด อาการป่วยทางจิตของคนไข้ด้วยการให้เขียนภาพหรือทำงานทัศนศิลป์อื่น เพื่อให้ผู้ป่วยได้ผ่อนคลาย อารมณ์ และยังเปน็ ประโยชนต์ ่อการวเิ คราะหค์ น้ หาสาเหตขุ องอาการปว่ ยเพอื่ รักษาต่อไป 7.1.3 เปน็ ส่ิงเสรมิ สรา้ งความเชื่อม่ันทางจิตใจ โดยการนำกลวิธีการสรา้ งงานจติ รกรรม ภาพ พมิ พ์ และประติมากรรมมาสร้างสรรค์ให้เกิดคุณค่าเสริมสร้างความเช่ือมัน่ ทางจิตใจ เพื่อเป็นการสร้าง ขวัญกำลังใจ เช่น การทำเป็น “นางกวัก” ในรูปแบบของจิตรกรรม ภาพพิมพ์ และประติมากรรม สร้าง ขึ้นเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นว่าจะทำมาค้าขึ้น การทำในรูปแบบงานพิมพ์และภาพเทพเจ้าบนผิวกาย มนุษย์สรา้ งข้ึนเพื่อเป็นจิตวิทยาในการเสริมสรา้ งความเชือ่ มั่นว่าจะช่วยใหป้ ลอดภัยจากอันตรายท้งั ปวง เปน็ ตน้ 7.1.4 เป็นสิ่งจรรโลงศาสนา สร้างคุณธรรมจริยธรรม งานทัศนศิลป์สร้างสรรค์เป็นสิ่งช่วย จรรโลงศาสนาและสรา้ งคุณธรรมจริยธรรม เพราะผลงานมีสาระแสดงเน้ือหาทางศาสดา ประวัตศิ าสตร์ หลักธรรมคำสอนปรากฎอยู่ ซง่ึ จะช่วยโน้มนำใหใ้ ฝ่ธรรมยดึ มน่ั ในศาสนา 7.2 คุณค่าทางด้านความคิดสตปิ ญั ญา 7.2.1 เป็นสื่อในการศึกษา งานทัศนศิลป์สร้างสรรค์จากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นสมบัติทาง ปัญญาของมนุษยชาติ จึงเป็นเครื่องมือในการศึกษาให้ทราบถึงกลวิธีการสร้างสรรค์งานตลอดจนสาระ ทางศาสนา ปรัชญา ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมของแตล่ ะชาติ เช่น จิตรกรรมฝาผนงั ผ้เู รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครชู ำนาญการ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุรี)

หนว่ ยท่ี 2 ธาตุทางทัศนศิลป์ หน้า | 39 ไทยเป็นสื่อให้ทราบเรื่องพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี และประตูชัยซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมของ โรมันสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะมีการประดับตกแต่งด้วยงานประติมากรรม และอักษรจารกึ บรรยายไว้เป็นสือ่ ให้เราได้ศึกษาคน้ คว้า เปน็ ต้น 7.2.2 เป็นสิ่งส่งเสรมิ พฒั นาการทางความคดิ สร้างสรรค์ ผลงานทัศนศิลป์มีทั้งวิธกี ารสร้างท่ี เป็นการอนุรกั ษแ์ บบดั้งเดิม แบบที่พัฒนาต่อยอดของเดิม และแบบที่ไม่มีกฎเกณฑบ์ ังคับตายตัวตามแต่ ศิลปินจะคิดสร้างสรรค์ งานในอย่างหลังจึงเป็นโอกาสให้แสดงความงามออกมาในรูปแบบที่ต่างกัน ซ่ึง เป็นผลมาจากการไดใ้ ช้ทักษะกระบวนการคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ที่อิสระนั่นเอง ปัจจุบันจึงมกี ารส่งเสริมให้ เยาวชนได้แสดงออกทางด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเขียนภาพ ปั้นรูปและทำงานศิลปะประดิษฐ์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเติบโตจะได้เป็นนักคิดสร้างสรรค์ที่เก่ง ดี มีสุข ใน อนาคต 7.3 คณุ คา่ ทางดา้ นประโยชนใ์ ชส้ อย 7.3.1 เป็นผลิตภัณฑ์สิ่งของเครื่องใช้ โดยการนำกลวิธีการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์มา ประยุกต์ออกแบบผลิตภัณฑ์สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อเป็นประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวัน เช่น การนำทักษะทาง จิตรกรรมมาใช้ออกแบบเขียนภาพเป็นรูปร่างของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ แล้วนำทักษะทางประติมากรรมมา สร้างสรรคเ์ ป็นรูปทรงตามแบบท่ีออกไว้ เพ่ือเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมคี วามงามและใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการ เปน็ ตน้ 7.3.2 เปน็ ท่อี ยู่อาศัย โดยการนำกลวิธที างการสร้างสรรคง์ านสถาปัตยกรรมมาก่อสร้างเป็น ทีอ่ ยู่อาศยั และใชป้ ระกอบธรุ กิจใหเ้ กดิ ความเชื่อมโยงกนั กบั ส่วนต่าง ๆ ของเมอื งใหเ้ ปน็ ระเบยี บและ สะดวกรวดเรว็ ในการติดต่อกนั เพอ่ื การอย่อู าศัยที่อบอุ่นทางด้านจติ ใจ และความรม่ เยน็ สะดวกสบายทาง กาย เช่น สรา้ งเปน็ บ้านเรอื น อาคารพาณิชย์และโรงงาน เปน็ ต้น 7.3.3 เปน็ สิง่ ตกแต่ง โดยการนำจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ ศลิ ปะส่อื ผสม และภาพ ศิลปะที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์มาใช้ตกแต่งพืน้ ท่ีว่างของอาคารสถานที่ งานผลิตภัณฑ์ และการนำมาใช้ ตกแต่งรา่ งกายมนุษย์ เพอื่ ปรงุ แต่งใหส้ วยงามและแฝงไว้ซ่ึงคณุ ค่าทางด้านอนื่ ๆ ด้วย เช่นการเขียนภาพ จติ รกรรมตกแต่งฝาผนังภายในหอสวดมนต์ซีสทนี (SISTINE CHAPEL) 7.3.4 เป็นอาชีพและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยการนำผลิตผลทางทัศนศิลป์ที่ศิลปนิ สรา้ งสรรค์ขน้ึ มาเปน็ สนิ ค้าในการจำหนา่ ย เพ่อื เปน็ อาชีพและการนำกลวธิ ขี องงานทัศนศลิ ป์สร้างสรรค์มา ประยุกต์ใช้ในการออกแบบนิเทศศิลป์ พาณิชยศิลป์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ฯลฯ เพื่อช่วยพัฒนาให้ ผลติ ภณั ฑส์ นิ ค้ามีคณุ ค่าทางความงามและประโยชนใ์ ช้สอยเป็นที่ต้องการของผู้ซ้ือ ซ่งึ เป็นการส่งเสรมิ การ ขายและส่งเรมิ การพัฒนาเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการและประเทศชาตดิ ว้ ย ผ้เู รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวทิ ยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หน่วยท่ี 2 ธาตุทางทศั นศิลป์ หน้า | 40 สรปุ สาระสำคัญประจำหน่วยท่ี 2 ทศั นศลิ ป์ เป็นผลงานท่ีมนษุ ย์สรา้ งขนึ้ ให้เห็นเปน็ รปู ทรง 2 มติ แิ ละ 3 มิติ มเี น้ือที่ปริมาตรและ เนื้อที่บริเวณว่างตามปริมาตรของการรับรู้ที่มีลักษณะเป็น 2 มิติและ 3 มิติ และที่สำคัญต้องสามารถ มองเห็นดว้ ยสายตาของผ้มู องงานทศั นศลิ ป์นน้ั ๆ ผลงานทศั นศลิ ป์สามารถแบ่งการรบั ร้คู ุณค่า ได้ 2 คุณคา่ คอื 1. คณุ คา่ ทางความงาม (Aesthetic Value) เป็นการรวบรวมในเรื่องของความประณีต ความละเอียด มีระเบียบ น่าทึ่ง มโหฬาร ประหลาด แปลกหูแปลกตาและเป็นสิ่งที่มีคณุ งามความดี ทำให้ผู้เห็นเกิดความประทบั ใจไปอีกนาน สิ่งเหล่านี้รวม เรียกวา่ “คุณค่าทางความงาม” 2. คุณค่าทางเรื่องราว (Content Value) เปน็ การแสดงลักษณะบง่ บอกถงึ ความหมายเร่อื งราวความเก่ยี วข้องและจดุ ประสงคแ์ ฝงอยใู่ น ผลงาน สามารถบอกเนื้อหาสาระสำคัญวา่ มีอะไร จะต่อไปอย่างไร เพราะทศั นศลิ ปแ์ ตล่ ะชิ้นบอกเร่ืองราว ตา่ ง ๆ อยู่ในตัวเอง จงึ มองเหน็ และเข้าใจไดง้ า่ ยกวา่ คณุ ค่าทางดา้ นความงาม ประเภทของงานทศั นศลิ ป์ แบ่งได้ 3 รปู แบบ คือ 1. ทัศนศิลปป์ ระเภท 2 มิติ 2. ทัศนศิลปป์ ระเภท 3 มิติ 3. ทศั นศิลปป์ ระเภทอื่น ๆ รูปแบบของงานทศั นศลิ ป์ แบง่ ได้ 3 รปู แบบ คอื 1. รูปแบบท่แี สดงความเหมอื นจรงิ /รปู แบบรปู ธรรม (Realistic Form) 2. รูปแบบกงึ่ นามธรรม (Semi Abstract) 3. รปู แบบนามธรรม (Abstract Art) หลกั การสร้างสรรค์งานศลิ ปะ คอื การสรา้ งสรรค์หรือพิจารณางานศิลปะว่ามคี วามงามมากน้อย เพียงใด มคี วามจำเปน็ สำหรบั ผู้สรา้ งงานทัศนศิลป์ เพราะจะทำใหเ้ ข้าใจวิธีการจัดองคป์ ระกอบ ทำใหก้ าร สรา้ งงานศิลปะมคี วามงดงามและมคี วามหมายอย่างสมบูรณ์ โครงสร้างทางทัศนศลิ ป์ ประกอบดว้ ย 1. ดุลยภาพ (Balance) 2. สดั สว่ น (Proportion) 3. ความกลมกลืน (Harmony) 4. ช่วงจงั หวะ (Rhythm) และช่องไฟ (Spacing) 5. จดุ เดน่ (Dominance) ผู้เรยี บเรยี ง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาเทคโนโลยฐี านวิทยาศาสตร์ (ชลบุร)ี

หน่วยที่ 2 ธาตทุ างทศั นศลิ ป์ หนา้ | 41 ทัศนธาตุ (Visual Elements) หมายถึง ส่วนประกอบของศิลปะทีม่ องเห็นได้ประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาดสัดส่วน แสงเงา สี บริเวณว่าง และพื้นผิว เป็นส่วนประกอบสำคัญของ ศิลปะที่สามารถนำมาจัดประสานกลมกลืนให้เกิดคุณค่าทางความงาม และปรากฏสู่สายตาเป็นผลงาน ศลิ ปะ เพ่อื ใชส้ อ่ื ความหมายตามแนวคิดของผ้สู รา้ งสรรค์ ทัศนธาตุ ประกอบดว้ ย 1. จดุ (Dot) 2. เสน้ (Line or Stripe) 3. รปู ร่างและรปู ทรง (Shape and Form) 4. พืน้ ทแ่ี ละปรมิ าตร (Space & Volume) 5. ลกั ษณะผวิ (Texture) 6. บรเิ วณว่างหรอื พื้นหลงั (Ground) 7. นำ้ หนกั อ่อนเข้ม (Value and Gradation) 8. สี (Color) สำหรบั ประโยชน์และคุณค่าของงานทศั นศิลป์ จำแนกไดด้ งั นี้ คือ 1. คุณคา่ ทางด้านจิตใจ 2. คณุ ค่าทางด้านความคดิ สติปัญญา 3. คุณคา่ ทางด้านประโยชนใ์ ช้สอย  ----------------------------------------------------------------- ผ้เู รียบเรียง นางนติ ยา เสาหงษ์ ครูชำนาญการ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook