Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เนื้อหาบทที่ 6 กัญชาและกัญชงกับการแพทย์แผนปัจจุบัน

เนื้อหาบทที่ 6 กัญชาและกัญชงกับการแพทย์แผนปัจจุบัน

Published by paitoon.nfe, 2020-07-15 02:25:33

Description: กัญชาและกัญชงกับการแพทย์แผนปัจจุบัน

Search

Read the Text Version

235 หวั เร่ืองท่ี 6 กญั ชาและกัญชงกับการแพทยแ์ ผนปัจจบุ ัน สาระสาคญั 1. ประวตั ิการใชก้ ญั ชาและกัญชงทางการแพทยแ์ ผนปจั จบุ ัน 1.1 ต่างประเทศ ในต่างประเทศ มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาในทางการแพทย์หลายรูปแบบ ได้แก่ น้ามันหยดใต้ล้ิน แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ลิ้น ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง มกี ารศึกษาวิจยั และใชก้ ัญชาเป็นยารักษาโรค เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมรกิ า และแคนาดา เปน็ ต้น นอกจากน้ีในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจดสิทธิบัตร และพบฤทธ์ิของกัญชาที่อาจมีผลดีต่อโรคทาง ระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคที่เกิดจากเซลล์ถูกท้าลาย โดยอนุมลู อิสระ (Oxidative) เป็นตน้ แตย่ งั ตอ้ งการการศึกษาวจิ ยั ในมนุษยเ์ พ่มิ เติมอีกในอนาคต 1.2 ประเทศไทย ประวัติการใช้กัญชาในการแพทย์แผนปัจจุบันในประเทศไทย ไม่ปรากฏข้อมูล หลักฐาน สืบเนื่องจากกัญชา ได้ถูกบรรจุให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงท้าให้ขาดการศึกษาวิจัย มาพัฒนาเพื่อใช้เป็นยาในทางการแพทย์ แผนปัจจุบัน ส่งผลใหไ้ ม่มีประวตั ิการใช้กัญชาในประเทศไทย ท่ีถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในปัจจุบันได้ มีการแก้ไขกฎหมายเพ่ิมเติม ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ก้าหนดให้ ใชเ้ พอื่ ประโยชน์ทางราชการ ประโยชน์ทางการแพทย์ ประโยชน์การรกั ษาผ้ปู ว่ ย และประโยชน์ในการ ศกึ ษาวจิ ยั ในปจั จบุ ันจึงอยู่ระหว่างการศกึ ษาวจิ ัย 2. กญั ชาและกัญชงทีช่ ว่ ยบรรเทาโรคแผนปจั จบุ นั 2.1 กัญชาและกัญชงกบั โรคพาร์กินสัน สาร CBD เป็นสารสกัดท่ีได้จากกัญชงและกัญชา ไม่มีฤทธ์ิต่อจิตและประสาท ช่วยใหผ้ ู้ป่วย ลดความวติ กกงั วล บรรเทาอาการเกรง็ ของกล้ามเนื้อ มฤี ทธริ์ ะงับปวด และมีกลไกที่เชื่อ ว่าอาจท้าให้ลดอาการสั่นจากโรคพาร์กินสัน ท้าให้การเคลื่อนไหวดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการ ออกฤทธ์ิท่ีชัดเจน คาดว่าสาร CBD มีส่วนช่วยชะลออาการของ โรคพาร์กินสัน จากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์สมอง ซึ่งต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในอนาคตถึงสดั ส่วนสารส้าคัญทใี่ ช้ ในโรคพาร์กนิ สัน

236 2.2 กัญชาและกัญชงกบั โรคมะเรง็ ในต่างประเทศ มีผลการศึกษาวิจัยสารในกัญชา สาร THC และสาร CBD ที่สามารถ เชื่อถือได้ ในการรักษาโรคมะเร็งปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในประเทศไทย มีการศึกษาการใช้ กญั ชาตอ่ ตา้ นมะเร็งพบว่า กัญชาสามารถออกฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งในการเพาะเลย้ี งเซลล์ในห้องทดลอง แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลของกญั ชาต่อโรคมะเร็งในมนุษย์ 2.3 กัญชาและกัญชงกับการลดอาการปวด มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถบรรเทา อาการปวดแบบเร้ือรัง (Chronic pain) ท่ีเป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ สว่ นการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น หลงั ผ่าตัด ยงั ไมไ่ ดใ้ ห้ผล ที่ดี ส้าหรับอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยมะเร็ง ยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกท่ีชัดเจน สารสกัดกัญชาอาจมี ประโยชน์ในการรักษาอาการปวด แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอ ในด้าน ความปลอดภยั และประสทิ ธผิ ล ซ่งึ ยงั ตอ้ งศกึ ษาวจิ ัยต่อไปเพื่อให้ผู้ป่วยไดร้ บั ประโยชนส์ งู สดุ 2.4 กญั ชาและกัญชงกบั โรคลมชัก ส้าหรับกัญชาท่ีองค์การอาหารและยา (Food and Drug Administration) ของ ประเทศสหรัฐอเมริกา อนุมัติยาจากสารสกัดกัญชา ตัวแรก (ไม่ใช่สารสังเคราะห์) ชื่อการค้า Epidiolex® ประกอบด้วยตัวยา CBD 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ในรูปแบบสารละลายให้ทางปาก (Oral solution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผู้ป่วยอายุ 2 ปีขึ้นไป ในประเทศไทย กรมการแพทย์ ประกาศถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชาทาง การแพทย์ ในการน้าตัวยา CBD มาใช้กบั โรคลมชักทร่ี กั ษายาก และโรคลมชักท่ดี ื้อต่อยารักษาเท่านน้ั 2.5 กัญชาและกัญชงกับโรคผิวหนัง นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการน้าน้ามันกัญชามาใช้ใน โรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธุ์ผิวหนังชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับในต่างประเทศ นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา โดยผลิตน้ามันกัญชา เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่แก่ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา และ ประเทศองั กฤษ ทางอินเทอร์เนต็ 2.6 กัญชาและกัญชงกับโรคตอ้ หิน การศึกษาวิจัยเก่ียวกับการรักษาโรคต้อหิน ด้วยกัญชา พบว่าการใช้กัญชา ท้าให้ ความดันในลูกตาลดลงได้ มีฤทธ์ิอยู่ได้เพียง 3 ชั่วโมง และขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้กัญชาด้วย ซ่ึงอาจ เพิ่มการเกิดผลข้างเคยี ง จากการได้รับขนาดยากัญชามากเกินไป ไดแ้ ก่ ความดนั โลหิตต่้าลง และหวั ใจ เต้นเร็วขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามีหลายปัจจัยเข้ามาเก่ียวข้องในการควบคุมความดันลูกตา ไม่ว่าจะเป็น

237 ระยะเวลาการออกฤทธ์ิ ความแรงของยากัญชา ท้าให้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ยอมรับ การน้ากัญชามาใช้รักษาโรคต้อหิน เนื่องจากยาแผนปัจจุบันสามารถคุมความดันในลูกตาได้อย่างมี ประสิทธิภาพคงที่ และสมา่้ เสมอมากกว่า 3. การใช้น้ามนั กัญชาและกัญชงกบั การแพทย์แผนปัจจุบัน น้ามันกัญชา คือ สารสกัดกัญชา (Cannabis extract) ท่ีเจือจางอยู่ในน้ามันตัวพา (Carrier oils หรือ Diluent) สว่ นมากนิยมใช้น้ามนั มะกอก และน้ามันมะพร้าวสกดั เยน็ โดยหากผ่านการผลิตที่ ได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ ปรมิ าณความเข้มข้นของตัวยา THC และ CBD รูปแบบของน้ามนั กัญชามีสเี หลืองออ่ นจนถึงสนี ้าตาล ลักษณะ ข้นหนืด น้ามนั กัญชาท่ีมีการผลิต อย่างได้มาตรฐาน ในประเทศไทยจากองค์การเภสัชกรรม และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปัจจุบนั มีอยู่ 3 สตู ร สตู รท่ี 1 นา้ มันสตู ร THC สูง สูตรที่ 2 นา้ มนั สตู ร THC : CBD ในอัตราสว่ นเท่า ๆ กัน สูตรท่ี 3 น้ามันสูตร CBD สูง วิธีการสกัดน้ามันกัญชา ด้วยตนเองเป็นวิธีการท่ีไม่ปลอดภัย และเป็น อันตรายต่อผู้ใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาที่มีมาตรฐาน ได้รับจากคลินิกกัญชา ท่ีมีแพทย์อนุญาต ให้ใช้น้ามันกัญชาในการรักษาโรคจึงจะมีความปลอดภัย ขนาดการใช้น้ามันกัญชาจะต้องอยู่ภายใต้ การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมีหลักการ คือ เร่ิมใช้น้ามันกัญชาท่ีขนาดต้่า ๆ โดยแนะน้าให้ เริ่มท่ี 0.05 - 0.1 ซีซี หรือเท่ากับ 1 - 2 หยด และปรับเพ่ิมขนาดมากข้ึนตามคาแนะนาของแพทย์ เท่านั้น น้ามันกัญชาอาจจะท้าให้มีภาวะง่วงซึม จึงแนะน้าให้ใช้เวลาก่อนนอน และหลีกเล่ียงการ ทา้ งานใกลเ้ ครอื่ งจกั ร หรือขบั รถ 4. ผลติ ภณั ฑ์กญั ชาและกัญชงทางการแพทย์ ผลติ ภัณฑ์สา้ เรจ็ รปู จากกัญชาเพื่อใชป้ ระโยชน์ทางการแพทย์ สา้ หรบั คนมรี ปู แบบน้ามัน หยดใต้ล้ิน แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ลิ้น ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง ผลิตภัณฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดส่วน และปริมาณสารส้าคัญ THC และ CBD ผลิตภัณฑ์ กัญชาท่ีได้รับการขึ้นทะเบียน (Registered drug) ขณะน้ีมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์ THC สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบินอยด์จากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD นอกจากนี้ ในตา่ งประเทศยงั มผี ลติ ภัณฑ์รักษาอาการเจบ็ ป่วยในสัตว์ 5. การใชผลิตภัณฑกัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน แนะน้าโดย กรมการแพทย์ เพือ่ ใช้ในการดแู ลรกั ษา และควบคุมอาการของผู้ป่วย เน่อื งจากมหี ลักฐานทางวชิ าการ ที่มีคุณภาพสนับสนุนชัดเจน โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด (Chemotherapy induced nausea and vomiting) โดยแพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อ รักษาภาวะคลน่ื ไสอ้ าเจยี นจากเคมีบ้าบดั ที่รักษาดว้ ยวธิ ีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล (2) โรคลมชกั ที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา (Intractable epilepsy) ผู้สั่งใช้ควรเป็นแพทย์ผู้เช่ียวชาญด้านระบบ ประสาท และได้รับการอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาเพ่ือการรักษาผู้ป่วย (3) ภาวะกล้ามเนื้อ

238 หดเกร็ง (Spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) แพทย์สามารถใช้ ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อบรรเทาอาการปวดและเกร็งในกรณีท่ีรักษาด้วยวิธีอ่ืน ๆ แล้วไม่ได้ผล และ (4) ภาวะปวดจากระบบประสาท (Neuropathic pain) แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาในกรณีที่ รกั ษาภาวะปวดจากระบบประสาทท่ดี ้ือต่อการรักษาดว้ ยยามาตรฐาน 6. การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์น่าจะได้ประโยชน์ ในการควบคุมอาการ ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้ว ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ หากจะน้า ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชง มาใช้กับผู้ป่วยเฉพาะราย ปฏิญญาเฮลซิงกิ ของแพทยสมาคมโลก (ปี ค.ศ. 2013) ระบุว่า มีความเป็นไปได้หากไม่มีวิธีการรักษาอ่ืน ๆ หรือมีวิธีการรักษา แต่ไม่เกิดประสิทธิผล ภายหลังจากได้ปรึกษากับผู้เช่ียวชาญ และได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย หรือญาติโดยชอบธรรมแล้ว แพทยอ์ าจเลือกวธิ ีการใชผ้ ลติ ภัณฑก์ ัญชาและกัญชงมาช่วยชีวติ ผปู้ ่วย ฟืน้ ฟสู ขุ ภาพ หรือลดความทุกข์ ทรมานของผูป้ ว่ ย ตัวช้วี ัด กกกกกกก1. บอกประวัติการใช้กัญชาและกัญชงทางการแพทย์แผนปัจจุบันทั้งในต่างประเทศ และ ประเทศไทยได้ กกกกกกก2. บอกการใช้กัญชาและกัญชงที่ช่วยบรรเทาโรคพาร์กินสัน มะเร็ง ลดอาการปวด ลมชัก ผิวหนงั และโรคตอ้ หนิ ได้ กกกกกกก3. ประยุกตใ์ ช้ความรกู้ ญั ชาและกัญชงทช่ี ่วยบรรเทาโรคแผนปัจจุบัน ศึกษาโรคท่สี นใจได้ กกกกกกก4. วิเคราะห์หลักการใช้น้ามันกัญชาและกัญชงกับการแพทย์แผนปัจจุบันตามกรณีศึกษา ท่กี ้าหนดให้ได้ กกกกกกก5. อธิบายผลติ ภัณฑ์กญั ชาและกัญชงทางการแพทย์ได้ กกกกกกก6. บอกวธิ ีการใช้ผลิตภณั ฑ์กญั ชาและกญั ชงใหไ้ ด้ประโยชนท์ างการแพทย์ในปจั จบุ นั ได้ กกกกกกก7. บอกวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์ที่น่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุม อาการได้ กกกกกกก8. ตระหนักถึงความส้าคัญของการน้ากัญชาและกัญชงไปใช้รักษาโรค และลดอาการปวด ในการแพทยแ์ ผนปัจจบุ ัน

239 ขอบขา่ ยเนอื้ หา กกกกกกก1. ประวตั กิ ารใชก้ ญั ชาและกัญชงทางการแพทย์แผนปัจจุบัน 1.1 ตา่ งประเทศ 1.2 ประเทศไทย กกกกกกก2. กญั ชาและกัญชงที่ช่วยบรรเทาโรคแผนปจั จบุ ัน 2.1 กญั ชาและกญั ชงกบั โรคพารก์ นิ สนั 2.2 กัญชาและกัญชงกับโรคมะเร็ง 2.3 กญั ชาและกัญชงกบั การลดอาการปวด 2.4 กญั ชาและกญั ชงกบั โรคลมชัก 2.5 กัญชาและกัญชงกบั โรคผวิ หนงั 2.6 กญั ชาและกัญชงกบั โรคตอ้ หนิ กกกกกกก3. การใชน้ ้ามันกัญชาและกัญชงกบั การแพทย์แผนปัจจบุ นั 3.1 น้ามันกญั ชาคืออะไร 3.2 ลกั ษณะของนา้ มนั กญั ชา 3.3 สตู รของน้ามนั กัญชา 3.4 วิธีการสกดั น้ามนั กญั ชา 3.5 วธิ ีการใชน้ ้ามันกัญชา กกกกกกก4. ผลิตภณั ฑ์กญั ชาและกัญชงทางการแพทย์ 4.1 ผลิตภัณฑ์ THC สงั เคราะห์ (Synthetic THC) 4.1.1 ยาโดรนาบินอล (Dronabinal) 4.1.2 นาบิโลน (Nabilone) 4.2 ผลติ ภัณฑ์สารสกัดแคนนาบนิ อยดจ์ ากธรรมชาติ (Natural Purified Cannabinoid) 4.3 ผลติ ภัณฑ์สารสกดั CBD 4.4 ผลิตภัณฑ์ส้าหรบั สตั ว์ กกกกกกก5. การใชผ้ ลติ ภณั ฑ์กัญชาและกญั ชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจบุ นั 5.1 ภาวะคล่ืนไส้อาเจยี นจากเคมบี า้ บดั 5.2 โรคลมชักท่รี กั ษายากและโรคลมชกั ท่ีดอื้ ต่อยารกั ษา 5.3 ภาวะกลา้ มเนื้อหดเกรง็ ในผ้ปู ว่ ยโรคปลอกประสาทเสื่อมแขง็ 5.4 ภาวะปวดประสาท กกกกกกก6. การใช้ผลิตภณั ฑ์กญั ชาและกัญชงทางการแพทยน์ ่าจะไดป้ ระโยชนใ์ นการควบคมุ อาการ

240 รายละเอียดเนอ้ื หา 1. ประวตั กิ ารใชก้ ญั ชาและกัญชงทางการแพทย์แผนปัจจบุ ัน 1.1 ต่างประเทศ ในต่างประเทศใช้กัญชาเป็นยารักษาโรค ได้แก่ ประเทศอังกฤษ อนุญาตให้ใช้ กัญชาในลักษณะเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ทางการแพทย์ ในรูปของยาเม็ด ยาแคปซูล น้ามันกัญชา แต่ไม่ อนุญาตให้มีการสูบ ในประเทศเยอรมนี ใหใ้ ช้ในรูปแบบ สเปรย์ (Spray) ส้าหรบั รักษาอาการปวดเกร็ง กลา้ มเนอ้ื ในประเทศสเปน มกี ารวจิ ัยทางคลนิ กิ การใช้กัญชารกั ษามะเรง็ หรือเนื้องอกชนิด กลยั โอบลาสโตมา (Glioblastoma หรือ GBM) ผลการวิจัย ปรากฏว่าได้ผลดี ในประเทศสหรัฐอเมริกา มี การจดสิทธิบัตรกัญชา และพบฤทธิ์ของกัญชาท่ีอาจมีผลดีต่อโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคท่ีเกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative) โรคหัวใจ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเบาหวาน เป็นต้น โดยรัฐโคโลราโด อนุญาตให้ใช้กัญชา อย่างถูกกฎหมาย และอีก 33 รัฐ อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาทางการแพทย์ได้ นอกจากนี้ ประเทศ อิสราเอล โคลัมเบยี และแคนาดา อนญุ าตให้ใช้ผลติ ภัณฑจ์ ากกญั ชาเปน็ ยารกั ษาโรค ในปี ค.ศ. 1893 หรือ พ.ศ. 2382 นายแพทย์วิลเลียม บรูก โอชอเนสซี (William Brooke O'Shaughnessy) ชาวอังกฤษ ปฏิบัตงิ านอยู่ในประเทศอินเดีย ไดท้ า้ การทดลอง และค้นพบ ว่า กัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์ สามารถใช้ระงับอาการปวด เพ่ิมความอยากอาหาร ลดการ อาเจยี น คลายกล้ามเนื้อ และลดอาการชักได้ โดยไดต้ พี ิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารทางยาในสมัยน้ัน ปี ค.ศ. 1937 หรือ พ.ศ. 2480 มีรายงานว่า การใช้กัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกา ท้าให้ผู้ใช้ขาดสติ เกิดอาการประสาทหลอน ประเทศอังกฤษจึงเพิกถอนกัญชาออกจากบัญชียา แต่ใน ปัจจุบันรัฐบาลอังกฤษ ประกาศให้แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เพื่อการรักษาทางการแพทย์ได้ อย่างถูกกฎหมาย และอนุญาตให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ในทางตอนใต้ของกรุง ลอนดอน ปี ค.ศ. 1992 หรือ พ.ศ. 2535 ยาโดรนาบินอล (Dronabinol) ได้รับการรับรองให้ ใช้รักษาโรคเอดส์ ที่เกิดจากอาการน้าหนักลดมากจนผอมแห้ง (AIDS-wasting syndrome) ได้ใน ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ปี ค.ศ. 1996 หรอื พ.ศ. 2539 รัฐแคลฟิ อร์เนีย (California) เปน็ รัฐแรกในประเทศ สหรัฐอเมริกา ทีอ่ นุญาตใหใ้ ชก้ ัญชาทางการแพทย์ จากน้ันจงึ ตามด้วยประเทศแคนาดา ปี ค.ศ. 1997 หรือ พ.ศ. 2540 นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) ชาวแคนาดา ซ่ึงเคยท้างานเป็นวิศวกรอยู่ในโรงพยาบาล ต่อมาประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติงาน ล้มหัวฟาดพื้น เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ และตาลาย จากการรักษาโดยแพทย์ทั่วไปไม่ดีขึ้น เขาได้ยินสรรพคุณของ กญั ชาวา่ มปี ระโยชน์ จงึ แอบน้ามาใช้กบั ตนั เอง และพบว่าอาการต่าง ๆ ดขี ้นึ อย่างมาก

241 ปี ค.ศ. 1999 หรอื พ.ศ. 2542 รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จดสทิ ธิบตั รกัญชา หมายเลข US6630507 B1 อ้างสิทธิการใช้กัญชาในการรักษาโรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคที่เกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress) เป็นตน้ แต่ในขณะเดียวกนั กฎหมาย และองค์การอาหารและยา ยงั คงปฏิเสธกัญชาเพอ่ื ใช้เป็นยา ปี ค.ศ. 2003 หรือ พ.ศ. 2546 บริษัท GW Pharmaceuticals ในประเทศอังกฤษ ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพ่ือการทดลอง ด้วยความหวังว่าจะได้รับอนุญาตให้ท้าการผลิต และ จ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ท้ามาจากกัญชา และมีตัวอย่างการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งผิวหนัง นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) ได้สังเกตเห็น ตุ่ม ผิดปกติที่ผิวหนังบนแขน จ้านวน 3 ตุ่ม และเม่ือ ไปพบแพทย์ ผลการตรวจช้ินเน้ือยืนยันว่าเป็น มะเร็งผิวหนัง เขาจึงตัดสินใจจะใช้กัญชาในการรักษา มะเร็งผิวหนังด้วยตนเอง เพราะเคยอ่าน และได้ยินมาว่าสาร THC สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในหนู ทดลองได้ เขาจึงสกัดกัญชาแล้วน้ามาประคบไว้บริเวณท่ีเป็นตุ่มเน้ือมะเร็งบนผิวหนัง หลังจากน้ัน 4 วัน พบว่าตุ่มเนื้อน้ันมีขนาดลดลงอย่างมาก จากนั้นจึงพัฒนาสูตรในการผลิตกัญชาสกัดเป็นของ ตนเอง เรยี กวา่ รคิ ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แลว้ น้ามาเผยแพร่โดยรักษาประชาชน ชาวสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5,000 ราย โดยการสกัดกัญชา และใช้สารเอทานอล ท่ีมีความเข้มข้น ร้อยละ 99 สกัดประมาณ 2 วัน จะได้คลอโรฟิลล์ติดออกมาด้วย ซ่ึงสารสกัดท่ีได้จากวิธีการน้ีจะมี สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC รอ้ ยละ 90) แคนนาบิไดออลออยล์ (CBD ร้อยละ 2 - 6) ปี ค.ศ. 2005 หรือ พ.ศ. 2548 บริษัท GP Pharmaceuticals ได้รับอนุญาตให้ จา้ หนา่ ยผลิตภณั ฑ์จากกญั ชาในประเทศแคนาดา (Canada) ปี ค.ศ. 2013 หรือ พ.ศ. 2556 บริษัท โอซูก้า ฟาร์มาซูติคอล จ้ากัด โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริษัทยาในประเทศญ่ีปุ่น และประเทศอังกฤษ ได้จดสิทธิบัตรพบฤทธ์ิต้านมะเร็งของ กญั ชาในหลอดทดลอง และหนทู ดลอง ปี ค.ศ. 2014 หรอื พ.ศ. 2557 รัฐโคโลราโด ประเทศสหรฐั อเมริกา มีการใช้กัญชา ถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบภายใต้การควบคุมทั้งการผลิต ซ้ือขาย และเสพ เป็นสัญญาณแห่งการ จบสนิ้ ยคุ มดื ของกัญชา ปี ค.ศ. 2018 หรือ พ.ศ. 2561 องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S.FDA) อนุมัติยาจากสารสกัดกัญชาตัวแรก (ไม่ใช้สารสังเคราะห์) ช่ือการค้า Epidiolex® ประกอบดว้ ยตัวยา แคนนาบนิ อยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) 100 มิลลิกรมั ตอ่ มิลลลิ ิตร ในรปู แบบ สารละลายให้ทางปาก (Oralsolution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผ้ปู ่วยอายุ 2 ปขี ึน้ ไป กล่าวโดยสรุป ประวัติการใช้กัญชาและกัญชงทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ในต่างประเทศ มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาในทางการแพทย์หลายรูปแบบ ได้แก่ น้ามันหยดใต้ลิ้น

242 แคปซูล สเปรย์ฉีดพ่น ใต้ล้ิน ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบนผิวหนัง มีการศึกษาวิจัย และใช้กัญชาเป็นยารักษาโรค เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นต้น นอกจากนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจดสิทธิบัตร และพบฤทธ์ิของกัญชาที่อาจมีผลดีต่อโรคทางระบบ ประสาท เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคท่ีเกิดจากเซลล์ถูกท้าลายโดยอนุมูล อสิ ระ (Oxidative) เป็นตน้ แต่ยงั ตอ้ งการการศึกษาวจิ ยั ในมนษุ ยเ์ พิ่มเติมอีกในอนาคต 1.2 ประเทศไทย ประวัติการใช้กัญชาในการแพทย์แผนปัจจุบันในประเทศไทย ไม่ปรากฏข้อมูล หลักฐาน สืบเน่ืองจากกัญชา ได้ถูกบรรจุให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยา เสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงท้าให้ขาดการศึกษาวิจัย มาพัฒนาเพ่ือใช้เป็นยาในทางการแพทย์ แผนปัจจุบัน ส่งผลใหไ้ ม่มีประวตั ิการใชก้ ัญชาในประเทศไทย ท่ีถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในปัจจุบันได้ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ก้าหนดให้ ใชเ้ พอื่ ประโยชนท์ างราชการ ประโยชนท์ างการแพทย์ ประโยชนก์ ารรกั ษาผปู้ ่วย และประโยชนใ์ นการ ศึกษาวิจัยในปัจจบุ ันจึงอยู่ระหวา่ งการศึกษาวิจัย 2. กญั ชาและกญั ชงที่ช่วยบรรเทาโรคแผนปจั จุบนั 2.1 กัญชาและกัญชงกับโรคพาร์กินสัน โรคพาร์กินสัน คือ โรคทางสมองท่ีเกิดจากเซลล์ประสาทในบางต้าแหน่ง เกิดมี การตายโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ท้าให้สารส่ือประสาทในสมองท่ีช่ือว่า โดปามีน (Dopamine) ซ่ึงเป็นสารท่ีมีหน้าท่ีควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายมีปริมาณลดลง จึงส่งผลกระทบต่อ การเคลื่อนไหวของผู้ป่วย และสาเหตุส้าคัญของการเกิดโรคพาร์กินสัน มี 10 สาเหตุ ได้แก่ (1) ความ ชราของสมองโดยมากพบในผ้ทู ่มี อี ายุ 65 ปีขึน้ ไป ทั้งเพศชายและเพศหญิง (2) ยากลอ่ มประสาท หรอื ยานอนหลับ ที่ออกฤทธ์ิกดหรือต้านการสร้างสารโดปามีน โดยมากพบในผู้ป่วยโรคทางจิตเวช ที่ต้อง ไดร้ ับยากลมุ่ น้เี พ่อื ป้องกันการควบคมุ อาการ (3) ยาลดความดนั โลหติ สูง (4) ภาวะหลอดเลอื ดในสมอง อุดตัน (5) สารพิษท้าลายสมอง ได้แก่ สารแมงกานีสในโรงงานถ่านไฟฉาย พิษจากสารคาร์บอนมอน นอกไซด์ (6) ภาวะสมองขาดออกซเิ จน ในกรณีท่ีจมน้า ถกู บีบคอ เกดิ การอดุ ตนั ในทางเดินหายใจจาก เสมหะหรืออาหาร (7) ศีรษะถูกกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ (8) เกิดการอักเสบของสมอง (9) โรค ทางพันธกุ รรม เช่น โรควลิ สนั เป็นตน้ และ (10) ผ้รู ับยากลมุ่ ต้านแคลเซียมทใี่ ช้ในโรคหวั ใจ โรคสมอง ยาแกเ้ วียนศีรษะ และยาแกอ้ าเจียนบางชนดิ การรักษาโรคพาร์กินสัน มี 3 วิธี คือ รักษาด้วยยา ส้าหรับยาท่ีใช้ในปัจจุบัน คือ ยากล่มุ เลโวโดปา (LEVODOPA) และยากลุม่ โดพามีน อะโกนสิ ต์ (DOPAMINE AGONIST) เปน็ หลกั (การใช้ยาแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยจากแพทย์ ตามความเหมาะสม) และการท้ากายภาพบ้าบัด

243 การผ่าตัด ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน จ้าเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้างในการพัฒนาฟื้นฟู ทางด้านร่างกาย รวมถงึ จติ ใจ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวฒั น์ เหมะจุฑา กล่าววา่ จากข้อมลู ภาวะ และโรคที่ ควรรวบรวมบรรจุเพ่ิมเติมอยู่ในรายการท่ีกัญชาจะสามารถน้ามาใช้ได้ในคนป่วยในประเทศไทย อาทิ อาการแข็งเกร็ง ที่อาจร่วมกับการบิดของกล้ามเนื้อท่ีเกิดจากความผิดปกติของสมอง รวมถึงโรคทาง สมอง เชน่ โรคพาร์กนิ สนั จากการศึกษางานวิจัยพบว่า สาร THC ช่วยป้องกันเซลล์สมองจากอันตราย โดยอนุมูลอิสระ ส่วนสาร CBD จะช่วยป้องกันเซลล์สมองจากการเสื่อมสภาพ และพบว่าหลังจากใช้ สารสกัดกัญชา 30 นาที ก็ท้าให้อาการของโรคดีข้ึน และหลาย ๆ งานวิจัยแสดงผลการวิจัยตรงกันว่า สาร CBD ทา้ ใหอ้ าการของโรคดีขึน้ ชดั เจน หลงั จากใชย้ าไป 1 อาทติ ย์ กล่าวโดยสรุป สาร CBD เป็นสารสกัดท่ีได้จากกัญชงและกัญชา ไม่มีฤทธ์ิต่อจิต และประสาท ช่วยให้ผู้ป่วย ลดความวิตกกังวล บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเน้ือ มีฤทธิ์ระงับปวด และมีกลไกที่เช่ือว่าอาจท้าให้ลดอาการสั่นจากโรคพาร์กินสัน ท้าให้การเคล่ือนไหวดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่ ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่ชัดเจน คาดว่าสาร CBD มีส่วนช่วยชะลออาการของ โรคพาร์กินสัน จาก ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์สมอง ซึ่งต้องการงานวิจัยเพ่ิมเติมในอนาคตถึง สัดสว่ นสารส้าคญั ทีใ่ ช้ในโรคพาร์กนิ สนั 2.2 กัญชาและกัญชงกบั โรคมะเรง็ มะเร็ง เป็นโรคท่ีสามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย ต้ังแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึง ผู้สูงอายุ แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยท่ีเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และจะพบได้มากในผู้ป่วยท่ีอายุ ตัง้ แต่ 50 ปีขึ้นไป “มะเร็ง” หรือทางการแพทย์เรียกว่า “เนื้องอกท่ีเป็นเนื้อร้าย” เป็นกลุ่มโรค ท่ีเก่ียวข้องกับการเจริญของเซลล์ที่มีความผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัว และเจริญเติบโตอย่างควบคุม ไม่ได้ก่อเป็นเน้ือร้าย และรุกรานไปยังอวัยวะส่วนข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายที่อยู่ห่างไกล ผ่านระบบน้าเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไมร่ า้ ยจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะขา้ งเคียง และไมก่ ระจายไปทั่วร่างกาย สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ร้อยละ 90 - 95 ของสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็ง มาจากปัจจัยส่ิงแวดล้อม ส่วนที่เหลืออีก ร้อยละ 5 - 10 มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ค้าว่า “ส่ิงแวดล้อม” ที่ใช้โดย นักวิจัยมะเร็ง หมายถึง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และพฤติกรรม ปัจจัยท่ีพบบ่อยท่ีน้าไปสู่การตายของ โรคมะเร็ง ได้แก่ ยาสูบ ร้อยละ 25 - 30 อาหาร และโรคอ้วน ร้อยละ 30 - 35 การติดเช้ือ ร้อยละ

244 15 - 20 การสมั ผัสกบั รังสี ร้อยละ 10 นอกจากน้ียังมีสาเหตุมาจากความเครยี ด ขาดการออกก้าลังกาย และมลพิษจากส่ิงแวดลอ้ มอกี ดว้ ย อาการของโรคมะเร็ง ในระยะแรกของการเกดิ โรคมะเร็งข้ึนในรา่ งกาย อาจไมท่ ราบไดว้ า่ มีอาการอย่างไร แต่เมื่อระยะเวลานาน หรือหลายปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลีย เบ่ืออาหาร รับประทานอาหารไดน้ อ้ ยลง อ่มิ เรว็ ผอมซบู น้าหนักลด ร่างกายเรมิ่ ทรดุ โทรมลง ไม่สดชน่ื เหมือนเดิม ต่อมาเม่ืออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้น จะเริ่มปรากฏอาการอย่างชัดเจน โดยในระยะน้ี จะรู้สึกเจ็บปวด และทรมานเป็นอย่างมากตามจุดต่าง ๆ ที่เกิดมะเร็งข้ึน ทั้งนี้จะมีอาการมากน้อย อย่างไรขึ้นอยู่กับเป็นมะเร็งชนิดนั้น ๆ และการกระจายของเซลล์มะเร็งภายในร่างกายไปเบียดบัง อวยั วะสว่ นใดในขณะนั้น ๆ 2.2.1 กัญชาและกญั ชงกับโรคมะเร็งปอด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภญ.สุรางค์ ลีละวัฒน์ ผู้อ้านวยการสถาบันวิจัยกัญชา เพ่ือการแพทย์ กล่าวว่าเคยมีการรายงานวิจัยพบว่า สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากกัญชา ได้แก่ สาร THC และ สาร CBD ที่สามารถลดการเพ่ิมจ้านวนเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหลอดทดลอง ดังนั้น จึงได้น้าไปศึกษาต่อ ด้วยการฉีดสารทั้ง 2 ตัวลงไปท่ีเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ ในหนูทดลองทุกวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ พบว่าหนูทดลองท่ีได้รับสารมีขนาดของก้อนมะเร็งเล็กลง จึงสรุปได้ว่า สารทั้ง 2 ตวั มฤี ทธิ์ต้านมะเรง็ ปอดของมนุษยใ์ นหลอดทดลอง และสัตวท์ ดลอง 2.2.2 กญั ชาและกัญชงกบั โรคมะเร็งเม็ดเลอื ดขาว โรคมะเรง็ เมด็ เลอื ดขาวแบบรุนแรงเฉียบพลนั (Acute Leukemia) คอื กลมุ่ โรคมะเร็งทางโลหิตวิทยาทเ่ี กิดจากความผิดปกตขิ องเซลล์ต้นกา้ เนิดเมด็ โลหติ กรณีศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร Case Reports in Oncology ในหัวข้อ Cannabis extract treatment for terminal acute lymphoblastic leukemia with a Philadelphia chromosome mutation ซึ่งรายงานโดย Yadvinder Singh และ Chamandeep Bali เป็นการ รายงานของผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Acute Lymphoblastic Leukemia) อายุ 14 ปี ซ่ึงผ่าน การรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบัน ท้ังการคีโมบ้าบัด และการฉายแสงเป็นเวลา 34 เดือน แต่ล้มเหลว แพทย์จึงยอมให้ครอบครัวใช้สารสกัดแคนนาบินอยด์ ในรูปของน้ามันกัญชง (Hemp Oil) ครั้งแรก ผู้ป่วยได้รับน้ามันกัญชงด้วยการหยดใต้ลิ้น ทยอยเพิ่มข้ึนจากน้อยไปหามาก ปรากฏว่า มะเร็งเม็ด เลือดขาวลดลงหลังการใช้น้ามันกัญชงในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ แต่เนื่องจากมีการเปล่ียนแปลง แหล่งท่ีมาของกัญชงแต่ละช่วง พบว่าเซลล์มะเร็งกลับขยายตัวมากขึ้น และเซลล์มะเร็งกลับลดลงได้ อีกเม่ือเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของกัญชง ซ่ึงรายงานดังกล่าวได้ระบุอาการอย่างละเอียด จนถึงวันท่ี 78 ปรากฏว่า แม้เซลล์มะเร็งจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ป่วยกลับป่วยด้วยอีกโรคหน่ึง คือเกิดเลือด

245 ไหลในกระเพาะอาหาร และเสียชวี ิตดว้ ยโรคลา้ ไสท้ ะลใุ นที่สุด แมส้ ดุ ทา้ ยผ้ปู ว่ ยรายดังกล่าวจะเสียชีวิต แต่ท้าให้รู้ตัวแปรการใช้น้ามันกัญชงในหลายมิติ ทั้งในเร่ืองความถ่ีและปริมาณที่ใช้ รวมถึงศักยภาพ ของพันธุ์กัญชง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส้าคัญอย่างยิ่งในการใช้กัญชงรักษาโรค และอย่างน้อยก็ท้าให้เห็นเรอ่ื ง ของการลดปริมาณเซลล์มะเร็งเมด็ เลอื ดขาวได้จริง ส้าหรับในประเทศไทย รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.วโิ รจน์ ศรีอุฬารพงศ์ อดตี นายกสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงเรื่องบทบาทของ “กัญชา” กับโรคมะเร็งไว้ว่า ในปัจจุบัน มีแรงผลักดันให้มีการน้ากัญชามาใช้ในประเทศไทยอย่างมาก จากหลายภาคส่วนเน้น เป้าหมายว่า กัญชาไม่ควรที่จะถูกจัดกลุ่มอยู่ในสารเสพติด และควรเปิดกว้างให้มีการใช้อย่าง แพร่หลายมากข้ึน เสียงเรียกร้องที่ออกมาคล้ายกับว่า กัญชาเป็นพืชท่ีมีแต่ประโยชน์สูงมาก มีผลเสีย น้อย ไม่ควรที่จะถูกปิดกั้นให้อยู่ในกลุ่มสารเสพติด หนึ่งในประเด็นส้าคัญที่มีการอ้างอย่างมาก คือ ประโยชนข์ องกญั ชาในการรกั ษาโรคมะเรง็ ด้านฤทธิ์ต่อต้านมะเร็ง มีการศึกษาในประเทศไทย พบว่า กัญชาสามารถ ออกฤทธ์ิฆ่าเซลล์มะเร็ง ในการเพาะเลี้ยงเซลล์ในห้องทดลอง แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลของกัญชาต่อ โรคมะเร็งในมนุษย์ กล่าวคือ แม้ว่าจะมีการศึกษากัญชาในห้องปฏิบัติการมานานแล้ว กลับไม่มี หลักฐาน การน้าเอากัญชามาใช้วิจัยเพื่อรักษามะเร็งในมนุษย์ นอกจากน้ีปัจจุบันยังไม่มีข้อมูล การน้ากัญชามาใช้บรรเทาอาการ หรือผลข้างเคียงจากโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ จากหลักฐานทตี่ ีพิมพ์เผยแพร่ทางวชิ าการ กล่าวโดยสรุป ในต่างประเทศ มีผลการศึกษาวิจัยสารในกัญชา สาร THC และสาร CBD ที่สามารถเชื่อถือได้ ในการรักษาโรคมะเร็งปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในประเทศไทย มีการศึกษาการใช้กัญชาต่อต้านมะเร็งพบว่า กัญชาสามารถออกฤทธ์ิฆ่าเซลล์มะเร็งในการเพาะเล้ียง เซลลใ์ นหอ้ งทดลอง แต่ยงั ไม่มีการศกึ ษาถงึ ผลของกัญชาต่อโรคมะเรง็ ในมนุษย์ 2.3 กญั ชาและกญั ชงกับการลดอาการปวด มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถบรรเทา อาการปวดแบบเรื้อรัง (Chronic pain) ที่เป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) เช่น ปวดเสียวแปลบเหมือนไฟช็อต แสบร้อน รู้สึกยิบ ๆ ชา ๆ ที่มีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการ รักษาในยามาตรฐาน เป็นต้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้ ส่วนการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น หลังผ่าตัด เป็นต้น ยังไม่ได้ให้ผลที่ดีนัก เภสัชกรหญิง ดร.ผกาทิพย์ ร่ืนระเริงศักด์ิ กล่าวว่า มีการ ทดลองทางคลินกิ พบวา่ สาร THC ในขนาด 2.5 หรือ 2.7 มิลลกิ รมั สามารถชว่ ยลดอาการปวดเรอ้ื รัง ท่ีเกิดจากระบบประสาทส่วนกลาง (Central neuropathic pain) และช่วยให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ เพิ่มข้ึน มีการต้ังต้ารับยาสเปรย์ (Oromucosal spray, Nabiximols) โดยใช้ส่วนผสมของสาร THC

246 และ สาร CBD ซ่ึงสามารถช่วยลดอาการปวดข้อ (Rheumatoid arthritis) แต่ส้าหรับอาการปวด เรือ้ รังในผู้ป่วยมะเรง็ นั้น ยังไม่มีขอ้ สรปุ ทางคลนิ กิ ท่ีชดั เจน สารสกัดกัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษา อาการปวด แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอในด้านความปลอดภัย และ ประสทิ ธผิ ล ซึ่งยงั ต้องศึกษาวิจัยต่อไปเพอื่ ให้ผ้ปู ่วยไดร้ ับประโยชนส์ งู สุด กล่าวโดยสรุป มีการศึกษาการน้ากัญชามาใช้ลดอาการปวด ส่วนใหญ่พบว่า สามารถ บรรเทาอาการปวดแบบเรื้อรัง (Chronic pain) ที่เป็นการปวดทางระบบประสาท (Neuropathic pain) สามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ ส่วนการบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น หลงั ผ่าตัด ยังไม่ได้ให้ผล ที่ดี ส้าหรับอาการปวดเร้ือรังในผู้ป่วยมะเร็ง ยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน สารสกัดกัญชาอาจมี ประโยชน์ในการรักษาอาการปวด แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนท่ีชัดเจนเพียงพอในด้าน ความปลอดภยั และประสทิ ธิผล ซ่งึ ยังต้องศึกษาวจิ ัยต่อไปเพื่อใหผ้ ปู้ ่วยไดร้ บั ประโยชน์สูงสุด 2.4 กัญชาและกัญชงกบั โรคลมชกั โรคลมชักชนิดรุนแรงมี 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome พบได้ในผู้ป่วยอายุ 2 ปีขึ้นไป อาการชักท่ีมักพบได้บ่อย มี 7 อาการซึ่งข้ึนอยู่กับ แต่ละบุคคล ได้แก่ (1) อาการชักแบบเหม่อลอย (Absence Seizures) (2) อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) (3) อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Atonic Seizures) (4) อาการชักแบบชัก กระตุก (Clonic Seizures) (5) อาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง (Tonic - clonic Seizures) (6) อาการชักแบบชักสะดุ้ง (Myoclonic Seizures) และ (7) อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures การใช้ยาผู้ป่วยโรคลมชักส่วนใหญ่ จะรักษาโดยการใช้ยาต้านอาการชัก (Anti - Epileptic Drugs, AEDs) เพือ่ ควบคุมอาการชกั ส้าหรับสรรพคุณกัญชาทางการแพทย์ท่ีใช้รักษาโรคลมชัก พบว่าในกัญชา มีสาร CBD มีคุณสมบัติลดอาการชักเกร็ง ซึ่งมีงานวิจัยท่ีระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคลมชัก ในเด็กท่รี ักษายาก หรือในผ้ปู ่วยเด็กโรคลมชักทีด่ ื้อต่อการรักษาดว้ ยวธิ ีต่าง ๆ โดยแพทย์หญิงอาภาศรี ลสุ วสั ดิ์ กมุ ารประสาทวิทยา สถาบนั ประสาทวทิ ยา กล่าวว่า การใช้น้ามันกญั ชาทมี่ สี าร CBD สงู หรือ แคนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) ร้อยละ 99 ในผู้ป่วยโรคลมชักในเด็ก มีผลการศึกษาว่า ใช้ได้ผลดีกับกลุ่มอาการชักรักษายาก คือ ชักเกร็งกระตุกทั้งตัวอย่างรุนแรง และชักแบบผงกหัว ท่ีเสี่ยงต่อการหัวแตก ส่วนหลักเกณฑ์ในการขอใช้แคนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) นายแพทย์อรรถสิทธ์ิ ศรีสุบัติ ผู้อ้านวยการสถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กล่าวว่า สถานพยาบาลที่จะใช้แคนนาบินอยด์ ออยล์ (Cannabinoid Oil) จะต้องขอ อนุญาตกับส้านักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนการน้ามาใช้กับผู้ป่วยต้องเป็นผู้ป่วยท่มี ี ความจา้ เป็นจรงิ ๆ เช่น การใชย้ าหรือผา่ ตดั แล้วไมไ่ ดผ้ ล เปน็ ต้น

247 ในประเทศไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเม่ือวันท่ี 8 พฤศจิกายน 2561 ถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ ในการน้าสาร CBD มาใช้กับ โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ด้ือต่อยารักษา ซ่ึงกัญชาเองก็ไม่ได้ท้าให้โรคลมชักหายขาด แตช่ ่วยลดความถขี่ องการชกั ได้ กล่าวโดยสรุป ส้าหรับกัญชาที่องค์การอาหารและยา ( Food and Drug Administration) ของประเทศสหรฐั อเมริกา อนุมตั ยิ าจากสารสกัดกัญชาตัวแรก (ไมใ่ ช่สารสงั เคราะห์) ช่ือการค้า Epidiolex® ประกอบด้วยตัวยา CBD 100 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ในรูปแบบสารละลายให้ ทางปาก (Oral solution) โดยมีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคลมชักชนิดรุนแรง 2 ชนิด คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผู้ป่วยอายุ 2 ปีข้นึ ไป ในประเทศไทย กรมการแพทย์ ประกาศถึงประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชา ทางการแพทย์ ในการน้าตัวยา CBD มาใช้กับโรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ด้ือต่อยารักษา เท่านนั้ 2.5 กญั ชาและกญั ชงกบั โรคผวิ หนงั โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) คือ โรคผิวหนังเรื้อรัง เป็นสภาพผิวที่น้าไปสู่การสะสม ของเซลล์บนพื้นผิวหนัง ท้าให้เกิดการอักเสบเป็นผื่นหนาหยาบขนาดใหญ่สีแดง และมีสะเก็ดสีเงิน ปกคลุมท่ีผิวหนัง ซึ่งเกิดท่ีต้าแหน่งใดของร่างกายก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไปตามชนดิ ของโรคสะเก็ดเงินท่ีผู้ป่วยเป็น ความผิดปกติท่ีพบได้บ่อยตามร่างกาย เช่น ผิวหนังมีลักษณะแดง ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว เป็นผื่นแดงนูน เกิดการอักเสบของผิว ผิวแห้งมากจนแตก และมีเลือดออก หนังศีรษะลอกเป็นขุย เล็บมือและเล็บเท้าหนาข้ึน มีรอยบุ๋ม ผิดรูปทรง ปวดข้อต่อ และมีอาการบวม ตามข้อต่อ และยังท้าให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บ คัน หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวหนัง ซึ่งอาการของโรค แต่ละชนิดมีความคล้ายคลึงกัน อาการอาจคงอยู่นานหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ แล้วค่อย ๆ บรรเทาลง แตเ่ ม่ือมสี ง่ิ มากระตุ้นก็อาจทา้ ให้อาการของโรคกา้ เรบิ ขน้ึ มาได้ สาเหตกุ ารเกิดโรคสะเก็ดเงนิ ยังไม่ชัดเจน แต่คาดการณ์ว่าปัจจัยส้าคัญ ที่ท้าให้เกิดการพัฒนาของโรคอาจมาจากเซลล์ เมด็ เลือดขาว ในระบบภูมิคุ้มกนั เกิดความผดิ ปกติ จงึ ได้ทา้ ลายเซลล์ผิวหนังแทนส่ิงแปลกปลอมที่เข้าสู่ ร่างกาย และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ท่ีช่วยกระตุ้นให้เกิดโรคได้ เช่น การบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง การติดเชื้อ HIV ยาหรืออาหารบางชนิด ความเครยี ด เป็นต้น ซง่ึ ปจั จยั ที่เป็นตัวกระตุ้นเหล่าน้ีจะแตกต่างกันไปใน แตล่ ะบคุ คล การรักษา โรคสะเก็ดเงินไม่สามารถรักษาได้หายขาด แต่การรักษาท้าได้เพียง บรรเทาอาการให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น ลดการอักเสบ และผิวหนังที่ตกสะเก็ด ชะลอการเติบโตของเซลล์ ผิวหนัง และขจัดผิวหนังที่เป็นแผ่นแข็ง ซึ่งการรักษาสามารถท้าได้หลายวิธี ผู้ป่วยท่ีมีอาการ เพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง อาจรักษาด้วยการใช้ยาทาภายนอก ส่วนในรายที่มีอาการปานกลาง

248 ไปจนถึงรุนแรง แพทย์อาจรักษาด้วยการให้ยารับประทาน ยาฉีดหรือการฉายแสงด้วยรังสี อัลตราไวโอเลต การรักษาอาจใช้หลายวิธีควบคู่กัน เพ่ือช่วยให้อาการดีขึ้น นอกจากน้ีผู้ป่วยควรมี การดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ระมัดระวังการรับประทานวิตามินเสริม หลีกเล่ียงการด่ืม แอลกอฮอล์ หรอื สูบบุหร่ี ควบคุมน้าหนักให้อยใู่ นเกณฑป์ กติ ส้าหรับกัญชาที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ที่ปรึกษา ผู้อ้านวยการด้านวิชาการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศึกษาวิจัย เก่ียวกับการน้าน้ามันกัญชา เมดิคัลเกรด ท่ีองค์การเภสัชกรรมจะผลิตมาใช้ในการวิจัยรักษาโรค โดยในส่วนของสถาบันโรคผิวหนัง เบื้องต้นจะด้าเนินการศึกษาวิจัยสารสกัดน้ามันกัญชา ส้าหรับโรค ผิวหนัง 2 โรค ได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธ์ุผิวหนัง ชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับ ในต่างประเทศ มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา ในปี ค.ศ. 2003 นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) สังเกตเห็น “ตุ่ม” ผิดปกติที่ผิวหนังบนแขน จ้านวน 3 ตุ่ม และเม่ือไปพบแพทย์ ผลการตรวจช้ินเน้ือยืนยันว่าเป็น “มะเร็งผิวหนัง” เขาจึงตัดสินใจจะใช้กัญชาในการรักษามะเร็ง ผวิ หนงั ดว้ ยตวั เขาเอง เพราะเคยอา่ นได้ยนิ มาวา่ สาร THC สามารถฆา่ เซลลม์ ะเร็งในหนทู ดลอง เขาจึง สกัดกัญชาแล้วน้ามาประคบไว้บริเวณที่เป็นตุ่มเนื้อมะเร็งบนผิวหนัง หลังจากนั้น 4 วัน เขาพบว่า ตุ่มเน้ือ มีขนาดลดลงอย่างมาก จากนั้นมาเขาก็พัฒนาสูตรในการผลิตกัญชาสกัดเป็นของตนเอง เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่แก่ประชาชนชาว สหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษทางอินเทอร์เน็ต แต่ในประเทศไทย ยังไม่มีการวิจัยที่ชัดเจน เกยี่ วกับประสทิ ธผิ ลของการใช้สารสกัดน้ามนั กญั ชารักษา ทัง้ 2 โรคนี้ กล่าวโดยสรุป นายแพทย์เวสารัช เวสสโกวิท ศึกษาวิจัยเก่ียวกับการน้าน้ามันกัญชา มาใช้ในโรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธ์ุผิวหนังชนิดหนังหนาแต่ก้าเนิด ส้าหรับในต่างประเทศ นายริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) มีการค้นพบการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังด้วยกัญชา โดยผลิตน้ามันกัญชา เรียกว่า ริค ซิมป์สัน ออยล์ (Rick Simpson Oil, RSO) แล้วน้ามาเผยแพร่แก่ประชาชนชาว สหรฐั อเมรกิ า และประเทศอังกฤษ ทางอนิ เทอร์เน็ต 2.6 กญั ชาและกัญชงกับโรคตอ้ หิน การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคต้อหินด้วยกัญชา พบว่าการใช้กัญชา ท้าให้ ความดันในลูกตาลดลงได้ มีฤทธ์ิอยู่ได้เพียง 3 ช่ัวโมง และข้ึนอยู่กับปริมาณการใช้กัญชาด้วย ซึ่งอาจ เพม่ิ การเกิดผลข้างเคยี งจากการไดร้ ับขนาดยากญั ชามากเกินไป ได้แก่ ความดนั โลหติ ต้่าลง และหัวใจ เต้นเร็วข้ึน ด้วยเหตุผลท่ีว่ามีหลายปัจจัยเข้ามาเก่ียวข้องในการควบคุมความดันลูกตา ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความแรงของยากัญชา ท้าให้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่ยอมรับ การน้ากัญชามาใช้รักษาโรคต้อหิน เน่ืองจากยาแผนปัจจุบันสามารถคุมความดันในลูกตาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพคงท่ี และสม้า่ เสมอมากกวา่

249 ถาม กญั ชาช่วยลดความดนั จรงิ หรือไม่ ตอบ จรงิ สารในกญั ชามผี ลท้าใหห้ ลอดเลอื ดขยาย ดังนั้นจึงมีผลท้าใหค้ วามดนั ลดลงได้จริง แต่ไมค่ วรใชแ้ ทนยาลดความดนั เนอื่ งจากยงั มผี ลข้างเคียงอื่น ผู้ปว่ ยความดนั ควรรบั ประทานยาตามท่ีแพทยส์ ่ัง 3. การใช้นา้ มนั กัญชาและกัญชงกับการแพทยแ์ ผนปัจจุบนั 3.1 น้ามนั กัญชาคอื อะไร น้ามันกัญชา คือ สารสกัดกัญชา (Cannabis extract) ท่ีเจือจางอยู่ในน้ามันตัวพา (Carrier Oils หรอื Diluent) ส่วนมากนยิ มใช้น้ามันมะกอก และนา้ มันมะพร้าวสกัดเย็น โดยหากผ่าน การผลิตที่ได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ หรือตัวยาให้มีสัดส่วน และ ปริมาณตรงตามที่ระบุในฉลากหรือเอกสารก้ากับยา แต่น้ามันกัญชาท่ีผลิตขึ้นมาใช้เอง และไม่ผ่าน การควบคุมคุณภาพ ผู้ใช้จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าปริมาณความเข้มข้นของตัวยา THC และ CBD มีอยู่ปรมิ าณเทา่ ใด เนือ่ งจากความเข้มข้นของตัวยาไม่ข้นึ อยู่กับความเขม้ ของสีนา้ มนั กัญชาแต่อย่างใด 3.2 ลกั ษณะของนา้ มันกัญชา น้ามันกัญชาท่ีรู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ปัจจุบันมักจะเป็นรูปแบบ ของน้ามันที่มีสีเหลอื งอ่อนไปจนถึงสนี ้าตาล ลักษณะข้นหนืด ข้ึนอยู่กับการเตรียมต้ารบั และการสกดั ของผู้ผลติ และนิยมบรรจใุ นขวดแก้วทึบแสงทีม่ ีหลอดหยด 3.3 สูตรของน้ามนั กัญชา น้ามันกัญชาที่มีการผลิตอย่างได้มาตรฐานในประเทศไทย มีท้ังจากองค์การ เภสัชกรรม (GPO) และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในที่นี้ขอน้าเสนอเฉพาะสูตรน้ามันกัญชา ของโรงพยาบาลเจา้ พระยาอภัยภูเบศร โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ สูตรท่ี 1 น้ามันสูตร THC สูง (ร้อยละ 1.7 หรือ 0.5 มิลลิกรัมต่อหยด) ข้อบ่งใช้ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด กระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ และอาจใช้ในภาวะ ปวดจากระบบประสาท เพม่ิ คณุ ภาพชีวติ ในผปู้ ่วยมะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ย หรือใชต้ ามแพทยส์ ง่ั สูตรท่ี 2 น้ามันสูตร THC : CBD ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน (ร้อยละ 2.7 : 2.5) ข้อบ่งใช้ ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และอาจใช้ในภาวะปวดจาก ระบบประสาท หรือใช้ตามแพทย์ส่ัง

250 สูตรท่ี 3 น้ามันสูตร CBD สูง (มี CBD ร้อยละ 10) ข้อบ่งใช้ รักษาโรคลมชัก ทร่ี กั ษายากหรือดอ้ื ตอ่ การรกั ษา โรคพารก์ นิ สนั หรอื ใช้ตามแพทย์สงั่ ภาพท่ี 78 ตวั อยา่ งน้ามันกัญชา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเู บศร นอกจากนม้ี ตี วั อยา่ งน้ามันกญั ชาจากองค์การเภสชั กรรม (GPO) ใหไ้ ดศ้ กึ ษา ดังภาพ ภาพที่ 79 ตวั อย่างน้ามนั กญั ชาทง้ั 3 สตู รขององค์การเภสัชกรรม (GPO) ในต่างประเทศ อาจจะพบน้ามันกัญชาสูตรอื่น ๆ ที่แตกต่างกับประเทศไทย เนื่องจาก ในบางประเทศมีการอนุญาตให้ใช้มานานมากกว่าในประเทศไทย น้ามันกัญชาจึงมี การพฒั นา และคดิ คน้ ไว้หลากหลายสูตร แตโ่ ดยท่ัวไปแล้วผลติ ภัณฑ์ที่มกี ารวางขายอย่างถูกต้อง จะมี การควบคุมคุณภาพ และระบุปริมาณตัวยาส้าคัญคือ THC และ CBD อย่างชัดเจน เช่น ในประเทศ

251 แคนาดา มีน้ามันกัญชาสูตรท่ีมี THC สูงกว่า ร้อยละ 20 มีสูตร THC : CBD ในอัตราส่วนแตกต่างกัน ตง้ั แต่ 0 : 1, 1 : 2, 1 : 1, 2 : 1, 1 : 0, 30 : 1 และ 1 : 30 เปน็ ตน้ 3.4 วธิ กี ารสกัดนา้ มนั กญั ชา การสกัดน้ามนั กญั ชาด้วยตนเองเป็นวธิ ีการที่ไม่ปลอดภยั และเป็นอนั ตรายต่อผู้ใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาท่ีมีมาตรฐาน ได้รับจากคลินิกกัญชาที่มีแพทย์อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชา ในการรกั ษาโรค จึงจะมคี วามปลอดภัย 3.5 วธิ ีการใชน้ ้ามันกัญชา ขนาดการใช้น้ามันกัญชา จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมี หลักการ คอื เรม่ิ ใช้นา้ มันกัญชาท่ีขนาดต้่า ๆ โดยแนะน้าให้เริ่มที่ 0.05 - 0.1 ซีซี หรอื เท่ากบั 1 - 2 หยด และปรับเพ่ิมขนาดช้า ๆ ตามค้าแนะน้าของแพทย์ การหยดน้ามันให้หยดก่อนนอน บริเวณใต้ล้ิน เพื่อให้ตัวยาสามารถซึมผ่านเส้นเลือดใต้ลิ้น และออกฤทธ์ิอย่างรวดเร็ว เพ่ือหลีกเล่ียงการถูก เปล่ียนแปลงยาที่ตับ เน่ืองจากอาจท้าให้ประสิทธิภาพของยาลดลง หลังหยดน้ามันกัญชา ห้ามด่ืมน้า กลนื น้าลาย และรบั ประทานอาหาร หลงั หยดน้ามันกัญชาทนั ที ควรเว้นระยะใหต้ วั ยาดูดซึมประมาณ 5 นาที หากลมื ใช้ยาไมค่ วรเพ่ิมขนาดยาเป็น 2 เทา่ น้ามันกญั ชาอาจจะทา้ ให้มีภาวะงว่ งซึม จงึ แนะน้า ใหใ้ ช้เวลาก่อนนอน และหลกี เล่ียงการท้างานใกล้เคร่ืองจกั ร หรือขบั รถ กลา่ วโดยสรปุ นา้ มันกญั ชา คือ สารสกดั กญั ชา (Cannabis extract) ทีเ่ จือจางอยู่ ในน้ามันตัวพา (Carrier oils หรือ Diluent) ส่วนมากนิยมใช้น้ามันมะกอก และน้ามันมะพร้าวสกัดเย็น โดยหากผ่านการผลิตท่ีได้มาตรฐานจะมีการควบคุมคุณภาพของปริมาณสารส้าคัญ ปริมาณความ เข้มข้นของตัวยา THC และ CBD รูปแบบของน้ามันกัญชามีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีน้าตาล ลักษณะ ข้นหนืด น้ามันกัญชาที่มีการผลิตอย่างได้มาตรฐาน ในประเทศไทยจากองค์การเภสัชกรรม และ โรงพยาบาลเจา้ พระยาอภยั ภเู บศร ปจั จบุ ันมอี ยู่ 3 สตู ร สูตรที่ 1 น้ามันสตู ร THC สงู สตู รท่ี 2 นา้ มนั สูตร THC : CBD ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน สูตรที่ 3 น้ามันสูตร CBD สูง วิธีการสกัดน้ามันกัญชา ด้วยตนเอง เป็นวิธีการที่ไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์น้ามันกัญชาที่มีมาตรฐาน ได้รับ จากคลินิกกัญชา ท่ีมีแพทย์อนุญาตให้ใช้น้ามันกัญชาในการรักษาโรคจึงจะมีความปลอดภัย ขนาด การใช้น้ามันกัญชาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และเภสัชกร โดยมีหลักการ คือ เร่ิมใช้น้ามัน กัญชาท่ีขนาดต่้า ๆ โดยแนะน้าให้เริ่มที่ 0.05 - 0.1 ซีซี หรือเท่ากับ 1 - 2 หยด และปรับเพิ่มขนาด มากข้ึนตามคาแนะนาของแพทย์เท่านน้ั นา้ มนั กัญชาอาจจะทา้ ใหม้ ีภาวะง่วงซึม จึงแนะนา้ ให้ใชเ้ วลา ก่อนนอน และหลีกเล่ยี งการทา้ งานใกล้เครื่องจกั ร หรือขับรถ

252 ถาม การดม่ื หรอื กนิ ผลิตภัณฑ์ทีม่ กี ัญชาเป็นส่วนประกอบท้าให้เมาคา้ งนาน มากกวา่ การสูบกัญชาหรือใชน้ ้ามนั กญั ชาหยดใต้ล้ิน จริงหรือไม่ ตอบ จรงิ ในปรมิ าณท่ีเท่ากนั การดื่มหรือกินผลิตภณั ฑ์ท่มี กี ัญชาเปน็ ส่วนประกอบจะถูกเปลี่ยนแปลงที่ตับ ท้าให้เปล่ียนแปลงไปเป็นสารที่มี ฤทธิ์เมาแรงข้นึ และเกิดการขับออกจากร่างกายไดช้ ้ากวา่ ถาม การด่มื หรอื รับประทานผลติ ภัณฑ์ทมี่ กี ัญชาเปน็ ส่วนประกอบท้าให้ออก ฤทธ์ชิ า้ กวา่ การสบู กญั ชาหรอื ใช้น้ามนั กญั ชาหยดใต้ลิ้น จรงิ หรือไม่ ตอบ จรงิ เนอ่ื งจากการดื่มหรอื รบั ประทานผลติ ภณั ฑ์ที่มกี ัญชาเป็น ส่วนประกอบจะต้องผ่านทางเดินอาหารก่อนจึงจะเกิดการดูดซึม ท้าให้ ออกฤทธ์ชิ ้า แตก่ ารสูบกญั ชาหรอื ใชน้ า้ มนั กญั ชาหยดใตล้ ้นิ จะซึมเข้าส่กู ระแสเลือดโดยตรง จึงออกฤทธิ์เร็วกว่า 4. ผลติ ภณั ฑ์กญั ชาและกญั ชงทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ส้าเร็จรูปจากกัญชาเพ่ือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ส้าหรับคน ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กัญชา ท่ีได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือผลิตภัณฑ์กัญชาท่ีใช้ในทาง การแพทย์มีหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบน้ามันหยดใต้ล้ิน ที่มีการส่ังใช้โดยแพทย์ในประเทศอิสราเอล และประเทศไทย รูปแบบแคปซูล สเปรย์ฉีดพ่นใต้ล้ิน ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรูปแบบแผ่นแปะบน ผิวหนัง ซ่ึงผลิตภัณฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดส่วน และปริมาณสารส้าคัญ สาร THC และ สาร CBD และใช้ในกลุ่มโรคท่ีแตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน (Registered drug) ขณะน้ีมีอยู่ 3 รูปแบบ นอกจากน้ียังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ส้าหรับสัตว์เพื่อใช้ในการรักษาโรคใน ต่างประเทศด้วย

253 4.1 ผลิตภัณฑ์ THC สงั เคราะห์ (Synthetic THC) 4.1.1 ยาโดรนาบินอล (Dronabinol) ช่ือการค้าคือ มารนิ อล (Marinol®) เปน็ เมด็ เจลลาตินแคปซูล บรรจุตัวยา THC มีความแรงต้ังแต่ 2.5 - 10 มิลลิกรัม มีข้อบ่งใช้ เพ่ือลดอาการ คล่ืนไส้อาเจียนจากยาเคมบี ้าบัดในผู้ปว่ ยมะเรง็ ในกรณีที่ใชย้ าอนื่ แล้วไม่ไดผ้ ล และกระตุน้ ความอยาก อาหารในผูป้ ่วยเอดส์ ท่มี ีภาวะนา้ หนกั ลด และเบอ่ื อาหารรนุ แรง (Anorexia) ภาพที่ 80 โดรนาบนิ อล (Dronabinol) 4.1.2 นาบิโลน (Nabilone) ช่ือการค้า คือ ซีซาเมท (Cesamet®) เป็นผลิตภัณฑ์ รูปแบบแคปซูลตัวยา คือ อนาล็อก ของสาร THC ขนาดความแรง 1 มิลลิกรัมต่อเม็ด ใช้ป้องกัน การคลื่นไส้ การอาเจยี น ท่ีเกิดจากยารกั ษาโรคมะเร็ง ใช้ในกรณีท่ใี ช้ยาอ่นื ไม่ไดผ้ ล ภาพที่ 81 นาบโิ ลน (Nabilone)

254 4.2 ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบินอยด์จากธรรมชาติ (Natural purified cannabinoid) ไดแ้ ก่ นาบกิ ซีมอล (Nabiximol) ช่อื การค้า คอื ซาติเวกซ์ (Sativex®) เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบสเปรย์ใช้ ในช่องปากบริเวณฉีดพ่นใต้ล้ิน ปริมาณ THC : CBD อัตราส่วน 1.08 : 1 ใช้บรรเทาอาการเกร็งและ ปวด ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเส่ือมแข็ง (Multiple sclerosis) ในกรณีที่ใช้ยาอ่ืนแล้วไม่ได้ผล และบรรเทาอาการปวดในมะเรง็ ระยะรกุ ราน ทีไ่ ม่ตอบสนองตอ่ ยาในกลุ่ม Opioids ภาพท่ี 82 ซาตเิ วกซ์ (Sativex) 4.3 ผลิตภัณฑ์สารสกดั CBD ช่ือการค้า คือ เอพิดิโอเล็กซ์ (Epidiolex®) เป็นยาน้า (Oral Solution) ที่สกัด สาร CBD และ THC จากต้นพืชกัญชา พัฒนาโดยบริษัท GW Pharmaceuticals (UK) เป็นยาที่ใช้ใน การรักษาควบคุมอาการของโรคลมชัก (Epilepsy) ลมชักชนิดรุนแรง คือ Lennox - Gastaut syndrome และ Dravet syndrome ในผู้ใหญ่ และเด็กทมี่ อี ายุต้ังแต่ 2 ปีขึน้ ไป ท่ไี ม่ตอบสนองต่อยา รักษามาตรฐาน EPIDIOLEX® เป็นยาที่สกัดมาจากพืชกัญชาโดยมีความเข้มข้น CBD 100 มิลลิกรัม ตอ่ มิลลลิ ติ ร ไดร้ ับการอนุมตั ิจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา เม่ือเดอื น มิถนุ ายน ค.ศ.2018 ภาพที่ 83 เอพิดโิ อเลก็ ซ์ (Epidiolex)

255 4.4 ผลติ ภณั ฑ์สา้ หรับสตั ว์ ในต่างประเทศ มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือรักษาอาการเจ็บป่วยในสัตว์ ข้อบ่งใช้ จะคล้ายกับการรักษาในมนุษย์ คือ ใช้ในสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากการได้รับเคมีบ้าบัด เพ่ือเพ่ิม ความอยากอาหาร ลดอาการเจ็บปวดหรืออักเสบ รักษาอาการชัก ช่วยให้สัตว์เล้ียงผ่อนคลาย ไม่ตื่น ตกใจ มีท้ังรูปแบบเป็นน้ามันหยด ท่ีมีสูตร THC และ CBD ในอัตราส่วนต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์เสริม อาหารสา้ หรบั สตั วเ์ ลย้ี ง โดยใช้นา้ มันจากกัญชาผสมในคกุ กสี้ ้าหรับสุนัข เพ่อื ให้สนุ ัขกินได้งา่ ย รูปแบบ คล้ายกับขนมปังกรอบ (Snack) แต่ในประเทศท่ีมีการอนุญาตให้ใช้ในสัตว์ เช่น ประเทศแคนาดา การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือการรักษาในสัตว์ ห้ามใช้เพ่ือเป็นขนมทานเล่นของสัตว์ แต่อนุญาตใช้เพ่ือ วตั ถุประสงค์ในการรกั ษาเท่านัน้ เภสัชกรหญิง ดร.สภุ าภรณ์ ปิตพิ ร เลขาธกิ ารมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภูเบศร ให้ข้อมูลว่า ในอดีตทางกลุ่มชาติพันธ์ุกะเหร่ียงมีการใช้พืชกัญชาในการขุนหมู เพื่อให้หมูกินอาหารได้ มลี ักษณะอว้ นพี แต่ไม่ระบุว่ามีการใช้เพื่อเปน็ การรักษาโรคในสัตว์ ภาพท่ี 84 นา้ มนั กญั ชาในรปู แบบคกุ กสี้ า้ หรับสุนัข

256 ภาพที่ 85 น้ามนั กัญชาส้าหรับรักษาสัตว์ กล่าวโดยสรุป ผลิตภัณฑ์ส้าเร็จรูปจากกัญชาเพ่ือใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส้าหรับคน มีรูปแบบน้ามันหยดใต้ล้ิน แคปซลู สเปรย์ฉีดพน่ ใตล้ ้ิน ยาเม็ด ยาเหน็บทวาร หรือรปู แบบแผ่นแปะบน ผิวหนัง ผลิตภัณฑ์กัญชาจะมีสูตรแตกต่างกันตามสัดส่วน และปริมาณสารส้าคัญ THC และ CBD ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ได้รับการข้ึนทะเบียน (Registered drug) ขณะน้ีมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ ผลิตภัณฑ์ THC สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์สารสกัดแคนนาบินอยด์ จากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD นอกจากนใ้ี นต่างประเทศยังมผี ลติ ภัณฑ์รกั ษาอาการเจ็บป่วยในสตั ว์ ถาม กัญชาและกัญชงสามารถใช้ในการรักษาโรคในสัตว์ได้จริงหรือไม่ ตอบ จริง ในตา่ งประเทศมีการใช้กัญชาและกัญชงในการรักษาโรคในสัตว์โดย กล่มุ โรค เหมือนกับการใชร้ ักษาในคน เชน่ ชว่ ยลดการปวดจากการรับ คีโม เพิม่ การอยากอาหารในสัตวป์ ว่ ย และในอดตี ประเทศไทยมกี ารใช้กญั ชาและกญั ชง เพอื่ ช่วยในการขนุ หมูให้อ้วนพี และเคยมกี ารน้ามาใช้ในการรกั ษาอาการเจบ็ ป่วยในสัตว์ ด้วยเช่นกัน

257 5. การใชผลิตภัณฑกัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน แนะน้าโดย กรมการแพทย์ เพอ่ื ใช้ในการดแู ลรกั ษา และควบคมุ อาการของผ้ปู ว่ ย เน่ืองจากมีหลักฐานทางวชิ าการ ท่ีมคี ุณภาพสนบั สนนุ ชัดเจน โดยแบง่ เปน็ 4 กล่มุ ได้แก่ 5.1 ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัด (Chemotherapy induced nausea and vomiting) โดยแพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือรักษาภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัดได้ ภายใต้ขอ้ พิจารณาดงั ต่อไปนี้ 5.1.1 ไม่แนะนา้ ให้ใช้ผลติ ภณั ฑก์ ัญชาเปน็ การรักษาเร่มิ ต้น 5.1.2 แนะน้าใหป้ รกึ ษากบั ผปู้ ่วยถึงประโยชน์ และความเส่ียงของผลิตภัณฑ์กญั ชา กอ่ นใช้ 5.1.3 ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อรักษาอาการคลื่นไส้จากเคมีบ้าบัดท่ีรักษาด้วยวิธี ต่าง ๆ แลว้ ไม่ได้ผล 5.1.4 ไมแ่ นะน้าใหใ้ ชใ้ นกรณขี องภาวะคลื่นไสอ้ าเจยี นทว่ั ไป 5.1.5 ไม่แนะน้าให้ใช้ในกรณีของภาวะคลื่นไส้อาเจียนในหญิงต้ังครรภ์ หรือ มอี าการแพท้ อ้ งรุนแรง 5.1.6 แนะน้าใหใ้ ช้ผลติ ภัณฑ์กัญชาเป็นการรักษาเสรมิ หรอื ควบรวมกับการรักษา ตามมาตรฐาน 5.2 โรคลมชักท่ีรักษายาก และโรคลมชักท่ีดื้อต่อยารักษา (Intractable epilepsy) ผู้สั่งใช้ควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท และได้รับการอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชา เพ่อื การรกั ษาผปู้ ว่ ย ภายใตข้ อ้ พิจารณาดังตอ่ ไปน้ี 5.2.1 ใช้ในโรคลมชักที่รักษายากในเด็ก ได้แก่ ดราเวท (Dravet) และเลนนอค แกสโท ซนิ โดรม (Lennox - Gastaut Syndrome) 5.2.2 โรคลมชักท่ีดื้อต่อยารักษา ต้ังแต่ 2 ชนิดขึ้นไป หากคาดว่าจะเ กิด ดรกั อนิ เตอร์แอคชนั่ (Drugs interaction) อาจพิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์กญั ชาท่ีมี CBD สงู 5.2.3 แพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคลมชักที่เข้าเกณฑ์โรคลมชักท่ีรักษายาก ควรส่งต่อ ผู้ป่วยไปยังสถานบริการสุขภาพระดับตติยภูมิ เพ่ือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบประสาท เพอื่ ประเมิน และใหก้ ารรกั ษาต่อไป ในกรณตี ่อไปนี้ 1) ลมชกั ทยี่ งั ควบคุมดว้ ยยาไมไ่ ด้ 2) ผู้ปว่ ยเดก็ ทมี่ ีอายตุ ้า่ กวา่ 2 ปี 3) ผู้ป่วยลมชักท่ีมีความเส่ียง หรือไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของ การรักษาลมชักได้ 4) มีความผิดปกติทางจิต หรือมีโรคจิตรว่ มด้วย

258 5) มขี อ้ สงสยั ในการวนิ จิ ฉยั ลักษณะลมชัก หรือกลุม่ อาการลมชกั 5.3 ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (Spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เพื่อบรรเทาอาการปวดและเกร็ง ในกรณีที่ รกั ษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งทดี่ ือ้ ตอ่ การรักษาภายใต้ข้อพิจารณาดังต่อไปน้ี 5.3.1 ไม่แนะน้าให้ใช้ผลิตภณั ฑ์กญั ชาเป็นการรกั ษาเรม่ิ ตน้ 5.3.2 แนะน้าใหป้ รึกษากับผปู้ ว่ ยถึงประโยชน์ และความเสย่ี งของผลิตภัณฑ์กัญชา ก่อนใช้ 5.3.3 แนะน้าให้ใช้ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีมาตรฐานอย่างเหมาะสม (รวมถึงวิธีท่ี ไม่ใช้ยา) แล้วไม่ไดผ้ ล 5.4 ภาวะปวดจากระบบประสาท (Neuropathic pain) แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ กัญชาในกรณีท่ีรักษาภาวะปวดจากระบบประสาทท่ีดื้อต่อการรักษาด้วยยามาตรฐาน ภายใต้ ขอ้ พิจารณาต่อไปนี้ 5.4.1 ไม่แนะน้าให้ใชผ้ ลิตภณั ฑ์กญั ชาเปน็ การรกั ษาเริ่มต้น 5.4.2 แนะนา้ ให้ปรกึ ษากับผู้ปว่ ยถึงประโยชน์ และความเสย่ี งของผลติ ภัณฑ์กญั ชา ที่ใช้ 5.4.3 แนะน้าให้ใช้ในกรณีท่ีทดลองใช้ยาบรรเทาอาการปวด อย่างสมเหตุผลแลว้ แต่ผู้ป่วย ยงั คงมอี าการปวด 5.4.4 แนะน้าให้ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เป็นการรักษาเสริม หรือควบรวมกับวิธี มาตรฐาน กล่าวโดยสรุป การใชผลิตภัณฑกัญชาและกัญชงให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์ ในปจั จุบนั แนะน้าโดยกรมการแพทย์ เพอื่ ใช้ในการดูแลรกั ษา และควบคุมอาการของผ้ปู ว่ ย เน่อื งจาก มีหลักฐานทางวิชาการที่มีคุณภาพสนับสนุนชัดเจน โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) ภาวะคล่ืนไส้ อาเจียนจากเคมีบ้าบัด (Chemotherapy induced nausea and vomiting) โดยแพทย์สามารถใช้ ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือรักษาภาวะคล่ืนไส้อาเจียนจากเคมีบ้าบัดท่ีรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล (2) โรคลมชักท่ีรักษายาก และโรคลมชักที่ด้ือต่อยารักษา (Intractable epilepsy) ผู้ส่ังใช้ควรเป็น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท และได้รับการอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อการรักษา ผู้ป่วย (3) ภาวะกล้ามเน้ือหดเกร็ง (Spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเส่ือมแข็ง (Multiple sclerosis) แพทย์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพ่ือบรรเทาอาการปวดและเกร็งในกรณีท่ีรักษาด้วยวิธี อื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล และ (4) ภาวะปวดจากระบบประสาท (Neuropathic pain) แพทย์สามารถใช้ ผลิตภณั ฑก์ ัญชาในกรณีทีร่ กั ษาภาวะปวดจากระบบประสาททด่ี ้ือต่อการรักษาด้วยยามาตรฐาน

259 6. การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์น่าจะได้ประโยชน์ ในการควบคุม อาการ ผลิตภัณฑ์กัญชาประเภทน้ีมีหลักฐานทางวิชาการท่ีมีคุณภาพสนับสนุน มีจ้านวนจ้ากัด ซง่ึ ตอ้ งการขอ้ มูลการศกึ ษาวจิ ยั เพ่ือสนบั สนนุ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีท่ีผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้ว ไม่สามารถควบคุม อาการของโรคได้ หากจะน้าผลิตภัณฑ์กัญชามาใช้กับผู้ปว่ ยเฉพาะราย ปฏิญญาเฮลซิงกิ ของแพทยสมาคม โลก (ปี ค.ศ. 2013) ข้อ 37 ระบุว่ามีความเป็นไปได้หากไม่มีวิธีการรักษาอื่น ๆ หรือมีวิธีการรักษาแต่ ไม่เกิดประสิทธิผล ภายหลังจากได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ และได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย หรือญาติ โดยชอบธรรมแล้ว แพทย์อาจเลือกวิธีการที่ยังไม่ได้พิสูจน์ หากมีดุลยพินิจว่า วิธีการน้ัน ๆ อาจ ช่วยชีวิตผู้ป่วย ฟ้ืนฟูสุขภาพ หรือลดความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยได้ วิธีการดังกล่าว ควรน้าไปเป็น วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย โดยออกแบบใหป้ ระเมินความปลอดภยั และประสิทธผิ ลควบคู่กนั ไป รวมถึง ตอ้ งบันทึกขอ้ มลู ผปู้ ว่ ยทกุ ราย และหากเหมาะสมควรเผยแพร่ให้สาธารณชนไดท้ ราบ การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วยเฉพาะราย และด้าเนินการเก็บข้อมูลวิจัยควบคู่ กันไป อาจมีรูปแบบการวิจัยในลักษณะการวิจัยเชิงสังเกต (Observational study) หรอื การวิจัยจาก สถานการณ์ท่ีใช้รักษาผู้ปว่ ยจริง (Actual used Research) โรคและภาวะของโรค ในกลุ่มนี้ อาทิเช่น ผูป้ ่วยทไ่ี ดร้ บั การดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) ผปู้ ่วยมะเร็งระยะสดุ ท้าย (End - State cancer) โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวลไปท่ัว (Generalized anxiety disorders) โรคปลอกประสาทอักเสบ (Demyelinating diseases) เป็นต้น การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เพ่ือบรรเทาความปวดในผู้ป่วยท่ีได้รับการดูแลแบบ ประคับประคอง หรือผู้ป่วยในวาระสุดท้ายของชีวิต (End of Life) ซึ่งเป็นการตัดสินใจของผู้รักษา มขี อ้ แนะน้าดงั นี้ ข้อแนะน้าท่ี 1 ไม่แนะน้าใหใ้ ชผ้ ลิตภณั ฑ์กญั ชาเป็นการรักษาเริม่ ตน้ ข้อแนะน้าท่ี 2 ผู้ป่วยท่ีได้รับยาแก้ปวดอย่างสมเหตุผลแล้วยังมีอาการปวดมาก ท้ังท่ี ยาแก้ปวดที่ได้รบั อย่ใู นปรมิ าณที่เหมาะสมแลว้ ขอ้ แนะน้าที่ 3 แนะน้าให้ใชผ้ ลิตภัณฑก์ ญั ชาเป็นการรักษาเสริม หรือควบรวมกับวิธกี าร รกั ษาตามมาตรฐาน กล่าวโดยสรุป การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงทางการแพทย์ น่าจะได้ประโยชน์ใน การควบคุมอาการ ในกรณีที่ผปู้ ่วยได้รบั การรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้ว ไม่สามารถควบคุมอาการของ โรคได้ หากจะน้าผลิตภัณฑ์กัญชามาใช้กับผู้ป่วยเฉพาะราย ปฏิญญาเฮลซิงกิ ของแพทยสมาคมโลก (ปี ค.ศ. 2013) ระบุว่ามีความเป็นไปได้หากไม่มีวิธีการรักษาอื่น ๆ หรือมีวิธีการรักษาแต่ไม่เกิด ประสิทธิผล ภายหลังจากได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ และได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย หรือญาติ

260 โดยชอบธรรมแล้ว แพทย์อาจเลือกวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชามาช่วยชีวิตผู้ป่วย ฟ้ืนฟูสุขภาพ หรือ ลดความทุกขท์ รมานของผู้ปว่ ย การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ 1. บรรยายสรุป 2. กา้ หนดประเด็นศกึ ษาค้นคว้ารว่ มกนั 3. ศกึ ษาค้นควา้ จากส่อื ทหี่ ลากหลาย 4. บนั ทกึ ผลศกึ ษาค้นคว้าท่ีไดล้ งในเอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.) 5. พบกลุม่ 6. อภิปราย แลกเปลีย่ นเรียนร้ขู ้อมูลท่ไี ด้ 7. คิดสรุปการเรยี นร้ทู ี่ไดใ้ หมร่ ่วมกัน บันทึกลงในเอกสารการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง (กรต.) 8. น้าขอ้ สรปุ การเรยี นร้ทู ่ีได้ใหมม่ าฝึกปฏิบตั ิด้วยการทา้ แบบฝกึ หัด 9. จัดทา้ รายงานการศึกษาการน้ากัญชาและกัญชงไปใชท้ างการแพทย์แผนปจั จบุ นั 10. น้าเสนอผลการศึกษาการน้ากัญชาและกัญชงไปใช้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันท่ีสนใจ แก่เพือ่ นผูเ้ รยี นและครูผสู้ อน 11. บันทกึ ผลการเรียนรูท้ ่ีได้จากการปฏิบัตลิ งในเอกสารการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ 1. สื่อเอกสาร 1.1 ใบความรูท้ ่ี 6 1.2 ใบงานท่ี 6 1.3 ส่ือหนังสือเรียนสาระทักษะการด้าเนินชีวิต ทช33098 กัญชาและกัญชงศึกษา เพื่อใช้เป็นยาอย่างชาญฉลาด ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ส้านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั กรงุ เทพมหานคร 1.4 หนังสือทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 1.4.1 ชื่อหนังสือ สุริยัญกัญชา อัมฤตย์โอสถแห่งความหวัง ชื่อผู้แต่ง ปานเทพ พวั พงษพ์ นั ธ์ โรงพมิ พ์ บคุ๊ ด็อท คอม ปที ่พี มิ พ์ 2562 1.4.2 ช่ือหนังสือ กญั ชารักษาโรคมะเรง็ ช่ือผแู้ ต่ง สมยศ ศุภกจิ ไพบูลย์ และ พรรคเขียว จรรโลงโลก โรงพิมพ์ ปัญญาชน ปีทพี่ ิมพ์ 2562 1.4.3 ช่ือหนังสือ รักษาโรคด้วยกัญชงและกัญชา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook