Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 41311-1

41311-1

Published by inuthai_monta, 2022-07-20 03:28:30

Description: 41311-1

Search

Read the Text Version

มส การหมั้น 1-51 กจิ กรรม 1.3.2 1. นาย​สมชาย​ทำการ​หม้ัน​นางสาว​สนธยา​ด้วย​แหวน​เพชร 1 วง โดย​กำหนด​ทำการ​สมรส​กัน​ใน​วัน​ที่ 25 มิถนุ ายน พ.ศ. 2554 นางสาวส​ นธยาจ​ ึง​ได​ว้ า่ จ​ า้ ง​ชา่ ง​ตัดเ​ส้ือใ​ห​้ตัดช​ ุด​เจา้ ​สาว​เป็น​เงิน 2,000 บาท ไปต​ ดิ ตอ่ เ​ชา่ ​ สโมสรช​ าวสวนเ​พอ่ื ใ​ชเ​้ ปน็ ท​ จ​่ี ดั ง​ านก​ นิ เ​ลยี้ งว​ นั ส​ มรสโ​ดยว​ างม​ ดั จำไ​วเ​้ ปน็ เ​งนิ 3,000 บาท และไ​ปเ​ทยี่ วเ​ตรก​่ บั น​ าย​ สา​ยันตล​์ ำพงั ​สอง​ตอ่ ส​ อง ท้งั ​ยนิ ยอมใ​หม้​ ีก​ ารถ​ กู ​เนอ้ื ต​ อ้ งต​ ัวก​ ัน​บ้างต​ าม​สมควร ในว​ นั ​ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 นายส​ า​ยันตไ์​ด​้จด​ทะเบียนส​ มรสก​ ับ​นางสาว​นิทรา เช่น​น้ี นางสาวส​ มชายจ​ ะร​ บิ แ​ หวนเ​พชรแ​ ละเ​รยี กร​ อ้ งใ​หน​้ ายส​ าย​ นั ตร​์ บั ผ​ ดิ ช​ ดใชค้​ า่ ท​ ดแทนค​ วามเ​สยี ห​ ายท​ นั ที​ โดยไ​ม่ต​ อ้ ง​รอใ​ห​ถ้ งึ ​วนั ​ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 จะไ​ด​ห้ รือไ​ม่ เพยี ง​ใด 2. นายส​ มบตั ท​ิ ำส​ ญั ญาห​ มน้ั น​ างสาวม​ ยรุ ด​ี ว้ ยท​ องแ​ ทง่ ห​ นกั 10 บาท กำหนดท​ ำการส​ มรสก​ นั ภ​ ายใน 3 เดอื น หลงั จ​ ากห​ มนั้ แ​ ลว้ น​ ายส​ มบตั ไ​ิ ดใ​้ ชจ​้ า่ ยเ​งนิ เ​ปน็ ค​ า่ ป​ รบั ปรงุ ซ​ อ่ มแซมบ​ า้ นเ​รอื นเ​พอื่ ใ​ชเ​้ ปน็ เ​รอื นห​ อ ซอ้ื เ​ครอ่ื ง-​ เรอื นแ​ ละท​ นี่ อนห​ มอนม​ งุ้ ต​ ามท​ จ​ี่ ำเปน็ เพอื่ เ​ตรยี มก​ ารส​ มรสเ​ปน็ เ​งนิ ร​ วมท​ ง้ั ส​ น้ิ 30,000 บาท ครนั้ ถ​ งึ ก​ ำหนดเ​วลา​ ทำการ​สมรส นางสาวม​ ยรุ ​ไี มย​่ อมส​ มรส​กับ​นาย​สมบัตโิ​ดย​อา้ งว​ ่า​หมด​รกั น​ าย​สมบัตแ​ิ ลว้ ดงั น้ี นาย​สมบัติ​จะ​มี​สิทธิ​เรียก​ร้อง​ทอง​แท่ง​หนัก 10 บาท​คืน และ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​จำนวน 30,000 บาท​ จากน​ างสาวม​ ยุรไี​ด้​หรอื ไ​ม่ แนวต​ อบ​กิจกรรม 1.3.2 1. นาย​สมชาย​ผิด​สัญญา​หมั้น​ท่ี​ทำ​ไว้​กับ​นางสาว​สนธยา​แล้ว​ตั้งแต่​เม่ือ​วัน​ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 นางสาวส​ นธยาจ​ ึง​มส​ี ทิ ธ​ิเรยี ก​ร้อง​ใหช​้ ดใช้​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ให​้แกต่​ น​ได้​ทันที โดยไ​มต่​ อ้ งร​ อใ​ห้​ถงึ ว​ นั ​ท่ี 25 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2554 นางสาวส​ นธยาจ​ งึ ม​ ส​ี ทิ ธเ​ิ รยี กร​ อ้ งใ​หช​้ ดใชค​้ า่ ท​ ดแทนค​ า่ ต​ ดั เ​สอ้ื ช​ ดุ เ​จา้ ส​ าว เพราะเ​ปน็ ค​ า่ ใ​ชจ้ า่ ย​ ในก​ ารเต​รี​ยมก​ าร​สมรส แต่​คา่ ว​ างม​ ัดจำ​สโมสร​จัด​งานเ​ลีย้ งว​ นั ​สมรส ไมใ่ ชค​่ ่าใ​ช​้จ่าย​ในก​ ารเต​รยี​ ม​การ​สมรส ตาม​ มาตรา 1440 (2) จึง​เรยี ก​ไม​่ได้ นอกจาก​น​ี้นางสาว​สนธยา​ยัง​มี​สทิ ธิ​อย่าง​สมบูรณ์​ใน​แหวน​เพชร​ซ่งึ ​เป็น​ของ​หม้ัน ตามม​ าตรา 1437 วรรค​สอง และเ​รยี กค​ า่ ​ทดแทน​ความเ​สยี ​หาย​ตอ่ ก​ าย​ได้​อีกด​ ้วย ตาม​มาตรา 1440 (1) 2. นายส​ มบตั เ​ิ รยี กข​ องห​ มน้ั ท​ องแ​ ทง่ ห​ นกั 10 บาทค​ นื ไ​ด้ ตามม​ าตรา 1439 เนอื่ งจากฝ​ า่ ยห​ ญงิ ผ​ ดิ ส​ ญั ญา​ หมนั้ จึง​ตอ้ ง​คืน​ทอง​แท่ง​ซงึ่ ​เป็น​ของ​หมนั้ ​แก่​นาย​สมบัต​ิชาย​ค​ู่หม้ัน และ​สามารถ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จำนวน 30,000 บาท​ซึ่ง​เงิน​ค่า​ปรับปรุง​ซ่อมแซม​บ้าน​เรือน​เพ่ือ​ใช้​เป็น​เรือน​หอ​ค่า​เคร่ือง​เรือน​และ​ท่ีนอน​หมอน​มุ้ง โดย​ค่า​ใช้​จ่าย​ ดงั ​กลา่ ว​ถือ​เป็น​ค่า​ใชจ้​ า่ ยใ​นก​ ารเตร​ ี​ยม​การ​สมรสต​ าม​มาตรา 1440 (2) มสธ มสธ มสธ มสธ มส

มส 1-52 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ ตอนท​ ่ี 1.4มสธ การส​ นิ้ ​สุด​ของส​ ัญญาห​ มนั้ มสธ โปรด​อ่านห​ ัว​เรื่อง แนวคิด และ​วัตถุประสงค์ข​ อง​ตอน​ที่ 1.4 แล้วจ​ ึงศ​ ึกษาร​ ายล​ ะเอียด​ต่อ​ไป หัวเ​ร่อื ง 1.4.1 เหตุแ​ ห่งก​ ารส​ ิ้นส​ ุดข​ อง​สัญญาห​ มั้น 1.4.2 การเ​รียก​ค่า​ทดแทนใ​น​กรณี​เลิกส​ ัญญา​หมั้น 1.4.3 การเ​รียกค​ ่าท​ ดแทน​จาก​ผู้ล​ ่วงเ​กิน​คู่​หมั้น​ทางป​ ระเวณี 1.4.4 สิทธิเ​รียกค​ ่า​ทดแทน และ​อายุ​ความ แนวคิด 1. สัญญา​หมั้น​อาจ​มี​การ​ตกลง​เลิก​สัญญา​กัน​ได้​เหมือน​กับ​สัญญา​อื่น​ทั่วๆ ไป นอกจาก​นี้​หาก​มี​เหตุ​ สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ตัว​คู่​หมั้น​ฝ่าย​ใด​ฝ่า​ย​หนึ่ง​ทำให้​คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ไม่​สมควร​ที่​จะ​ทำการ​สมรส​ ด้วย คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เสีย​ได้ และ​ถ้า​การ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เป็น​ เพราะ​การก​ระ​ทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง ก็​ยัง​มี​สิทธิ​เรียก​ค่า​ทดแทน​เสมือน​หนึ่ง​ว่า​เป็น​ผู้​ผิด​สัญญา​หมั้น​ ด้วยก​ ็ได้ 2. การท​ ีค่​ ูห่​ มั้นถ​ ึงแกค่​ วามต​ ายท​ ำใหส้​ ัญญาห​ มั้นร​ ะงับส​ ิ้นไ​ป และไ​มถ่​ ือว่าค​ ูห่​ มั้นท​ ีต่​ ายผ​ ิดส​ ัญญาห​ มั้น ส่วน​ของ​หมั้น​นั้น ไม่ว​ ่าช​ ายห​ รือ​หญิงต​ าย หญิงไ​ม่​ต้องค​ ืน​ของห​ มั้น​ให้​แก่​ฝ่ายช​ าย 3. ใ น​กรณี​ที่​บุคคล​อื่น​มา​ร่วม​ประเวณี หรือ​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา หรือ​พยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ คู่​หมั้น​ของ​ตน โดย​รู้​ถึง​การ​หมั้น​แล้ว​ก็​เท่ากับ​ว่า​ผู้​กระทำ​ล่วง​ละเมิด​สิทธิ​ของ​คู่​หมั้น คู่​หมั้น​จึง​มี​ สิทธเ​รียกค​ ่า​ทดแทน​จาก​ผู้ก​ ระทำ​ได้ 4. จำนวนค​ ่าท​ ดแทนค​ วามเ​สียห​ ายอ​ ันเ​นื่องม​ าจ​ ากก​ ารผ​ ิดส​ ัญญาห​ มั้นก​ ด็​ ี การเ​ลิกส​ ัญญาห​ มั้นก​ ด็​ ี ศาล​ มี​ดุลพินิจท​ ี่​จะ​กำหนดใ​ห้​ตาม​ควร​แก่​พฤติการณ์ สิทธิ​ใน​การ​เรียกค​ ่า​ทดแทน​ใน​บาง​กรณี​เป็น​สิทธิ​ เฉพาะ​ตัว ไม่อ​ าจโ​อนก​ ันไ​ด้ และจ​ ะ​ต้อง​ฟ้อง​คดี​ภายใน 6 เดือน มิ​ฉะนั้น​คดี​ขาดอ​ ายุ​ความ วตั ถุประสงค์ เมื่อศ​ ึกษาต​ อน​ที่ 1.4 จบ​แล้ว นักศึกษาส​ ามารถ 1. อธิบายแ​ ละ​วินิจฉัยป​ ัญหา​เกี่ยว​กับ​เหตุ​แห่งก​ ารส​ ิ้น​สุดข​ อง​สัญญา​หมั้นไ​ด้ 2. อธิบายแ​ ละว​ ินิจฉัยป​ ัญหา​เกี่ยวก​ ับ​การ​เรียกค​ ่า​ทดแทนใ​น​กรณี​เลิกส​ ัญญา​หมั้นไ​ด้ 3. อธิบาย​และ​วินิจฉัย​ปัญหา​ใน​การ​ที่​ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​จะ​เรียกค​ ่า​ทดแทนจ​ าก​ผู้​ซึ่ง​ล่วง​เกิน​คู่​หมั้น​ ของต​ น​ทาง​ประเวณีไ​ด้ 4. ว ินิจฉัย​ปัญหา​เกี่ยว​กับ​การ​กำหนด​จำนวน​ค่า​เสีย​หาย​ที่​เกี่ยว​กับ​สัญญา​หมั้น การ​โอน​สิทธิ​เรียก​ ค่า​ทดแทน​ดังก​ ล่าว และ​อายุค​ วาม​ใน​การฟ​ ้อง​คดี​ได้ มสธ มส

มส การหมนั้ 1-53 เรอ่ื งท​ ่ี 1.4.1 เหต​ุแห่ง​การส​ ิน้ ​สดุ ข​ องส​ ญั ญาห​ ม้ัน มสธ มสธ ภาย​หลัง​จาก​ที่​การ​หมั้น​เกิด​ขึ้น​แล้ว สัญญา​หมั้น​อาจ​สิ้น​สุด​ลง​ได้​เช่น​เดียวกัน ใน​บาง​กรณี​การ​สิ้น​สุด​ของ​ การ​หมั้นอ​ าจม​ า​จากค​ วาม​ยินยอม​พร้อมใจ​ของท​ ั้งช​ าย​และห​ ญิงท​ ี่​เป็น​คู่​หมั้น แต่​ใน​บางก​ รณี​ก็อ​ าจจ​ ะ​เป็นการส​ ิ้น​สุด​ลง​มสธ โดย​เหตุท​ ี่​กฎหมาย​กำหนด​ไว้ ดัง​ที่บ​ ัญญัติไ​ว้​ใน ปพพ. มาตรา 1441 ถึง มาตรา 1443 มาตรา 1441 “ถ้าค​ ู่ห​ มัน้ ​ฝ่าย​หนึง่ ต​ าย​กอ่ น​สมรส อีกฝ​ ่าย​หน่งึ ​จะ​เรยี กร​ ้อง​ค่า​ทดแทนม​ ิได้ สว่ น​ของห​ มัน้ ​หรอื ​ สินสอดน​ ้ัน ไม่​ว่า​ชายห​ รอื ห​ ญงิ ต​ าย หญิงห​ รอื ฝ​ ่าย​หญงิ ​ไม่​ต้อง​คนื ให​้แกฝ่​ า่ ย​ชาย” มาตรา 1442 “ในก​ รณม​ี เ​ี หตส​ุ ำคญั อ​ นั เ​กดิ แ​ กห​่ ญงิ ค​ ห​ู่ มนั้ ท​ ำใหช​้ ายไ​มส​่ มควรส​ มรสก​ บั ห​ ญงิ น​ น้ั ชายม​ ส​ี ทิ ธบ​ิ อก​ เลกิ ​สัญญา​หมนั้ ไ​ด้ และใ​ห​้หญิงค​ นื ​ของห​ ม้ัน​แกช​่ าย” มาตรา 1443 “ในก​ รณม​ี เ​ี หตส​ุ ำคญั อ​ นั เ​กดิ แ​ กช​่ ายค​ ห​ู่ มน้ั ท​ ำใหห​้ ญงิ ไ​มส​่ มควรส​ มรสก​ บั ช​ ายน​ น้ั หญงิ ม​ ส​ี ทิ ธบ​ิ อก​ เลิก​สญั ญาห​ มนั้ ​ได้​โดยม​ ​ิตอ้ ง​คืนข​ องห​ มน้ั แ​ ก่ช​ าย” ดัง​นั้น สัญญา​หมั้นจ​ ึงอ​ าจส​ ิ้นส​ ุด​ลงต​ ามไ​ด้​ด้วยเ​หตุ​ที่ก​ ฎหมายก​ ำหนด​ไว้ 3 ประการ คือ 1. คส่​ู ัญญา​หมัน้ ​ท้ังส​ องฝ​ ่าย​ตกลง​ยินยอมเ​ลิกส​ ัญญา สัญญาห​ มั้นเ​ป็นส​ ัญญาท​ ี่​เกิดข​ ึ้น​ภายใ​ต้เ​จตนาข​ องช​ ายแ​ ละห​ ญิงเ​พื่อท​ ี่จ​ ะ​ผูกพันก​ ัน​ในเ​บื้องต​ ้น​เพื่อท​ ี่จ​ ะ​นำ​ไป​ สู่​การ​สมรส ซึ่งส​ ัญญาห​ มั้น​ก็​เหมือนส​ ัญญาอ​ ื่นๆ ทั่วไปท​ ี่เ​กิด​จาก​ความ​ยินยอมพ​ ร้อมใจ​ของช​ าย​และ​หญิง​ทั้ง​สองฝ​ ่าย ใน​กรณี​การ​เลิก​สัญญา​หมั้น​ก็​เช่น​เดียวกัน เมื่อ​คู่​สัญญา​หมั้น​ไม่​ประสงค์​ที่​จะ​ทำการ​สมรส​ต่อ​กัน คู่​สัญญา​ก็​อาจ​เลิก​ สัญญา​กันไ​ด้โ​ดย​ตกลง​ยินยอม​กันท​ ั้งส​ อง​ฝ่าย การ​ตกลงเ​ลิก​สัญญา​หมั้นก​ ัน​นี้ อาจ​จะ​ตกลงก​ ันด​ ้วย​วาจา โดย​ไม่​ต้อง​ ทำ​เป็น​หนังสือ​มี​พยาน​ลง​ลายมือ​ชื่อ​รับรอง​ก็ได้ แค่​เพียง​คู่​สัญญา​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​มี​เจตนา​ถูก​ต้อง​ตรง​กัน​ที่​จะ​เลิก​สัญญา ​หมั้น สัญญา​หมั้น​ก็​จะ​สิ้น​สุด​ลง ภาย​หลัง​จาก​ที่​เลิก​สัญญา​หมั้น​กัน​แล้ว​ฝ่าย​หญิง​มีหน้า​ที่​จะ​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น และ​สินสอด​ให้​แก่​ฝ่าย​ชาย ทั้งนี้​เพราะ​ตาม​หลัก​ใน​เรื่อง​การ​เลิก​สัญญา​ตาม ปพพ.​ มาตรา 391 นั้น เมื่อ​เลิก​สัญญา ​กัน​แล้ว คู่​กรณี​ต้อง​กลับ​คืน​สู่​ฐานะ​เดิม​เหมือน​หนึ่ง​ไม่​เคย​ทำ​สัญญา​ต่อ​กัน​เลย และ​คู่​สัญญา​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​อะไร​ จาก​กันไ​ ม่ได้ อย่างไร​ก็​ดี​การ​เลิก​สัญญา​หมั้น​จะ​ต้อง​เป็นการ​เห็น​พ้อง​ต้อง​กัน​ทั้ง​สอง​ฝ่าย หาก​เป็น​กรณี​ที่​ฝ่าย​หนึ่ง​ฝ่าย​ใด​ บอกเ​ลิกส​ ัญญาห​ มั้นเ​พียงล​ ำพังโ​ดยทีไ่​ม่มเี​หตทุ​ ีจ่​ ะอ​ ้างก​ ฎหมายไ​ด้ กรณเี​ช่นน​ ีฝ้​ ่ายท​ ีบ่​ อกเ​ลิกจ​ ะเ​ป็นผ​ ูท้​ ีผ่​ ิดส​ ัญญาห​ มั้น​ และน​ ำ​ไปส​ ู่​ความร​ ับผ​ ิดต​ าม​ที่​บัญญัติไ​ว้​ใน ปพพ. มาตรา 1439 และม​ าตรา 1440 2. ค่ห​ู มั้นถ​ ึงแก่ค​ วามต​ าย (มาตรา 1441) การท​ ี่​ชายห​ รือห​ ญิงค​ ู่​หมั้นฝ​ ่ายใ​ดฝ​ ่าย​หนึ่งถ​ ึงแก่ค​ วามต​ ายก​ ่อน​ที่จ​ ะ​ได้​ทำการ​สมรสก​ ัน เป็นเ​หตุ​ทำให้​สัญญา​ หมั้น​ระงับ​สิ้น​ลง​โดย​สภาพ เนื่องจาก​ความ​ตาย​ทำให้​สภาพ​บุคคล​สิ้น​สุด​ลง​ซึ่ง​ส่ง​ผล​ให้​ไม่​สามารถ​มี​การ​สมรส​เกิด​ขึ้น​ ใน​อนาคต​ได้​อย่าง​แน่แท้ กฎหมาย​จึง​กำหนดให้​กรณี​การ​ตาย​นี้​มิใช่​เป็นการ​ผิด​สัญญา​หมั้น มาตรา 1441 จึง​บัญญัติ​ ให้ คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​จะ​เรียก​เอาค่า​ทดแทน​จาก​กัน​ไม่​ได้ สำหรับ​ของ​หมั้น​และ​สินสอด​นั้น​เนื่องจาก​กรรมสิทธิ์​ได้​ ตกไ​ปเ​ป็นข​ องห​ ญิงแ​ ละบ​ ดิ าม​ ารดา ผูร้ ับบ​ ุตรบ​ ุญธรรมห​ รือผ​ ูป้​ กครองข​ องห​ ญิงไ​ปแ​ ล้ว ตั้งแตเ่​มื่อไ​ดส้​ ง่ ม​ อบท​ รัพย์สนิ ใ​ห​้ ไป เมื่อ​การ​ตายข​ องช​ าย​หรือ​หญิงท​ ี่​เกิด​มี​ขึ้นม​ ิได้ถ​ ือว่าเ​ป็นการท​ ี่ฝ​ ่ายใ​ดผ​ ิด​สัญญา​หมั้น​แล้ว ฝ่าย​หญิงจ​ ึงไ​ม่จ​ ำต​ ้อง​คืน​ มสธ มส

มส 1-54 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ ของห​ มั้น​และส​ ินสอด​ให้​ฝ่าย​ชาย ทั้ง​ยัง​เป็นการส​ อดคล้องก​ ับป​ ระเพณีโ​บราณข​ อง​ไทยเ​รา​ที่เ​มื่อช​ าย​คู่​หมั้นถ​ ึงแก่ค​ วาม​มสธ ตาย หญิง​คู่ห​ มั้น​จะ​เก็บ​ของห​ มั้นไ​ว้ด​ ู​ต่าง​หน้า​ชาย​ด้วย60 มสธ การ​ที่​กฎหมาย​บัญญัติ​ให้​หญิง​หรือ​ฝ่าย​หญิง​ไม่​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น​และ​สินสอด ไม่​ว่า​ชาย​ตาย​หรือ​หญิง​ตาย​นี้ เป็น​บทบัญญัติ​ที่​เด็ด​ขาด​โดย​ไม่​คำนึง​ว่า​ความ​ตาย​ที่​เกิด​ขึ้น​นั้น​เป็น​เพราะ​ความ​ผิด​ของ​ฝ่าย​ใด​หรือ​ไม่ แม้​หลัง​จาก​ที่​ มี​การ​หมั้น​แล้ว​หญิง​รู้สึก​รังเกียจ​ชาย​คู่​หมั้น​จึง​ฆ่า​ตัว​ตาย​เพื่อ​จะ​ไม่​ต้อง​สมรส​กับ​ชาย​คู่​หมั้น​ก็​ดี หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​หรือ​ บิดา​มารดา​ของ​หญิง​คู่​หมั้น​จงใจ​ฆ่า​ชาย​คู่​หมั้น​เพื่อ​ที่​จะ​ไม่​ต้อง​ให้​มี​การ​สมรส​เกิด​ขึ้น​ก็ได้ ใน​ทั้ง​สอง​กรณี​เช่น​ว่า​นี้ ฝ่าย​หญิง​ก็​ไม่​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น​และ​สินสอด​ให้​แก่​ฝ่าย​ชาย​เช่น​เดียวกัน​ด้วย ใน​ตอน​ที่​พิจารณา​เรื่อง​นี้​ที่​รัฐสภา​มี​ผู้​ให้​ ข้อ​สังเกต​ว่าการ​ที่​หญิง​ถึงแก่​ความ​ตาย​น่า​จะ​ต้อง​มี​การ​คืน​สินสอด​ให้​แก่​ฝ่าย​ชาย เพราะ​ชาย​ไม่​ได้​สมรส​กับ​หญิง​โดย​ ไม่ใช่ค​ วาม​ผิด​ของ​ชาย​ด้วย แต่​อีกฝ​ ่ายห​ นึ่ง​ให้เ​หตุผล​ว่าที่​หญิง​ถึงแก่​ความต​ ายน​ ี้​ก็ม​ ิใช่​ความผ​ ิด​ของ​หญิงเ​ช่น​เดียวกัน ฝ่ายห​ ญิงต​ ้องเ​ศร้า​โศก​เสียใจท​ ี่ห​ ญิง​มาเ​สีย​ชีวิต​ไป​แล้วย​ ังจ​ ะต​ ้องม​ า​เสียใจ​ที่ถ​ ูก​ฝ่าย​ชาย​เรียกส​ ินสอดค​ ืน​อีก แทนที่​จะ​ ยัง​คง​ความ​สัมพันธ์​ฐานะ​ผู้​สนิท​สนม​คุ้น​เคย​กัน​ต่อ​ไป​ตาม​เดิม และ​ใน​ทาง​เป็น​จริง​คง​ไม่มี​หญิง​ใด​ที่​จะ​ฆ่า​ตัว​ตาย​เพื่อ​ หนี​การ​สมรส​เป็น​แน่ จน​ใน​ที่สุด​จึง​ยอมรับ​ใน​หลัก​การ​นี้ การ​ตาย​ที่​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​สัญญา​หมั้น​ระงับ​สิ้น​ลง​นี้ หมาย​ถึง​ การ​ตาย​โดย​ธรรมชาติ ไม่​หมายความ​รวม​ถึง​การ​สาบสูญ​ด้วย แต่​หมาย​ถึง​การ​ตาย​ทุก​กรณี​ไม่​ว่า​จะ​เกิด​มา​จาก​เห​ตุ​ ใดๆ เช่น หญิง​คู่ห​ มั้น​เกิด​ไป​รักใ​คร่​ชอบพอ​กับ​ชายอ​ ื่น แต่ช​ ายอ​ ื่นน​ ั้น​ไม่​ยอม​สมรสด​ ้วย หญิงผ​ ิด​หวังเ​สียใจ​เลยฆ​ ่าต​ ัว​ ตาย​เช่น​นี้ สัญญา​หมั้น​เป็น​อัน​ระงับ​สิ้น​ลง และ​ชาย​คู่​หมั้น​ก็​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ฝ่าย​หญิง​ไม่​ได้ เนื่องจาก​มิได้​ผิด​ สัญญา​หมั้นต​ าม​มาตรา 1439 นอกจาก​นั้น​แล้ว​ใน​กรณี​ที่​ชาย​และ​หญิง​ที่​เป็น​คู่​หมั้น​ถึงแก่​ความ​ตาย​พร้อม​กัน เช่น ชาย​และ​หญิง​เดิน​ทาง​ ไป​เที่ยว​ด้วย​กัน​แล้ว​ประสบ​อุบัติเหตุ​ทาง​รถยนต์​เสีย​ชีวิต​พร้อม​กัน​ทั้ง​คู่ แม้​กฎหมาย​ไม่​ได้​บัญญัติ​ถึง​กรณี​ที่​ชาย​และ​ หญิง​คู่ห​ มั้น​ถึงแก่​ความ​ตายพ​ ร้อม​กัน​ไว้อ​ ย่างช​ ัดเจน​ว่า​จะต​ ้องค​ ืน​ของห​ มั้น​หรือ​ไม่ แต่​กรณีด​ ัง​กล่าวจ​ ะ​เห็นไ​ด้​ว่าการ​ที่​ กฎหมาย​กำหนด​ให้​ฝ่าย​หญิง​ไม่​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ฝ่าย​ใด​ฝ่าย​หนึ่ง​ตาย​ก่อน ก็​ย่อม​ที่​จะ​ครอบคลุม​ถึง​กรณี​ ที่​ทั้งส​ อง​ฝ่าย​ถึงแก่ค​ วามต​ าย​พร้อมก​ ันด​ ้วย61 ใน​กรณี​ที่​มี​คู่​หมั้น​ฝ่าย​ใด​ฝ่าย​หนึ่ง​ถึง​แก่​ความ​ตาย​ก่อน​การ​สมรส กฎหมาย​บัญญัติ​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​ไม่​ต้อง​ คืน​สินสอด​และ​ของ​หมั้น แต่​ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม หากว่า​เป็น​ทรัพย์สิน​อื่น​ที่​ไม่ใช่​สินสอด​และ​ของ​หมั้น กรณี​เช่น​นี้​ ทรัพย์สิน​ดัง​กล่าว​ต้อง​มี​การ​ส่ง​คืนให้​แก่​ฝ่าย​ชาย เช่น การ​เอา​โฉนด​ที่ดิน​ผูก​โบว์​ส่ง​ให้​ฝ่าย​หญิง​ไว้​ใน​วัน​หมั้น กรณี​ เช่นน​ ี้โ​ฉนดท​ ี่ดินด​ ังก​ ล่าวไ​ม่ใชข่​ องห​ มั้นเ​พราะก​ ารท​ ี่จ​ ะเ​ป็นข​ องห​ มั้นไ​ดต้​ ้องม​ ีก​ ารส​ ่งม​ อบใ​ห้ห​ ญิงใ​นข​ ณะท​ ำส​ ัญญาห​ มั้น การ​จะ​โอน​อสังหาริมทรัพย์​กฎหมาย​กำหนด​ให้​ต้อง​ทำ​เป็น​หนังสือ​และ​จด​ทะเบียน​จึง​จะ​มี​ผล​สมบูรณ์​ตาม​กฎหมาย ดัง​นั้น​การ​ส่ง​มอบ​โฉนด​ที่ดิน​ดัง​กล่าว​จึง​ไม่​เป็น​ของ​หมั้น หาก​ภาย​หลัง​ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​ถึงแก่​ความ​ตาย ก็​ต้อง​ ส่ง​มอบโ​ฉนดท​ ี่ดินด​ ังก​ ล่าว​กลับ​สู่ฝ​ ่าย​ชาย ฎ. 1089/2492 ฝ่ายห​ ญิงต​ กลง​เรียกท​ องห​ มั้น​หนัก 12 บาท ฝ่าย​ชายไ​ด้​มอบท​ องห​ นัก 6 บาท ส่วนอ​ ีก 6 บาท ได้​มอบ​โฉนด​ที่ดิน​ให้​ยึดถือ​ไว้​แทน โดย​ตี​ราคา​เนื้อที่​นา​ใน​โฉนด​ที่ดิน เท่ากับ​ทอง​หนัก 6 บาท เมื่อ​ชาย​ตาย​โดย​ยัง ​ไม่​ได้​จด​ทะเบียน​สมรส หญิง​ก็ได้​แต่​เก็บ​ทอง 6 บาท​ไว้​แล้ว​นั้น ตาม​มาตรา 1440 (ปัจจุบัน มาตรา 1441) ส่วน​ทอง​ อีก 6 บาท​ที่​ยัง​ไม่​ได้​มอบ​จึง​ไม่ใช่​ของ​หมั้น หญิง​จะ​เก็บ​เอา​ไว้​ไม่​ได้​เพราะ​สัญญา​หมั้น​เลิก​กัน​เพราะ​ชาย​ถึงแก่​ ความต​ าย โฉนดท​ ี่ฝ​ ่าย​ชายว​ างไ​ว้​เป็น​ประกัน จึงไ​ม่มี​หนี้​จะป​ ระกัน หญิง​ก็​ยึด​โฉนดไ​ว้​ไม่​ได้ 60 ฎ. 1089/2492 61 ชาติชาย อัครวิบูลย์ เรื่องเดียวกัน น.113 มสธ มส

มส การหมั้น 1-55 มสธ 3. มีเ​หตส​ุ ำคญั ​อนั เ​กดิ แ​ กห​่ ญิงค​ ูห​่ มนั้ ห​ รือช​ าย​คหู่​ มัน้มสธ เมื่อ​ได้​ทำ​สัญญา​หมั้น​กัน​แล้ว​ต่อ​มา​ภาย​หลัง​ปรากฏ​ว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​คู่​หมั้น​ฝ่าย​ใด​ฝ่าย​หนึ่ง​ทำให้มสธ อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ไม่​สมควร​สมรส​ด้วย คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​คู่​หมั้น​นี้​ หมาย​ถึง เหตุ​ที่​จะ​กระทบ​กระเทือน​ถึง​การ​สมรส​ที่​จะ​มี​ต่อ​ไป​ระหว่าง​ชาย​และ​หญิง​คู่​หมั้น อัน​จะ​ก่อ​ความ​ไม่​สงบ​ขึ้น ​ใน​ชีวิต​สมรส เหตุ​สำคัญ​ที่​เกิด​ขึ้น​จะ​เกิด​จาก​อะไร หรือ​ใคร​เป็น​ผู้​ก่อ​ก็​ไม่​สำคัญ จะ​เกิด​จาก​ธรรมชาติ อุบัติเหตุ จาก​ บคุ คลภ​ ายนอก หรอื จ​ ากค​ หู​่ มัน้ เ​องก​ ไ็ ด้ โดยห​ ลกั แ​ ลว้ เหตอ​ุ นั จ​ ะอ​ า้ งเ​อาม​ าเ​ปน็ เ​หตฟ​ุ อ้ งหยา่ เ​มือ่ ท​ ำการส​ มรสก​ นั แ​ ลว้ หาก เ​กดิ เ​หตน​ุ ัน้ ใ​นร​ ะหวา่ งก​ ารห​ มัน้ ก​ ถ​็ อื ไ​ดว​้ า่ เ​ปน็ เ​หตส​ุ ำคญั ท​ จี​่ ะบ​ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญาห​ มัน้ ก​ นั ไ​ดด​้ ว้ ย เชน่ เหตฟ​ุ อ้ งหยา่ ต​ ามม​ าตรา 1516 (1) การท​ ภี​่ รยิ าม​ ชี ู้ สามฟ​ี อ้ งห​ ยา่ ไ​ดเ​้ มือ่ น​ ำม​ าป​ รบั ก​ บั ส​ ถานะข​ องช​ ายห​ ญงิ ร​ ะหวา่ งห​ มัน้ การท​ หี​่ ญงิ น​ อกใจช​ ายคหู​่ มัน้ ​ ยอมเ​สียต​ ัว​กับ​ชายอ​ ื่น ก็​นับว​ ่าเ​ป็นเ​หตุ​สำคัญท​ ี่ช​ าย​จะบ​ อกเ​ลิกส​ ัญญา​หมั้น​ได้ หรือ​เหตุฟ​ ้องหย่า​ตามม​ าตรา 1516 (10) ที่​สามี​หรือ​ภริยา​มี​สภาพ​แห่ง​กาย​ไม่​สามารถ​ร่วม​ประเวณี​ได้​ตลอด​กาล​นั้น หาก​ปรากฏ​ว่า​ชาย​คู่​หมั้น​มี​สภาพ​แห่ง​กาย​ ที่​ไม่​สามารถ​ร่วม​ประเวณี​ได้​ตลอด​กาล ก็​ถือว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชาย​คู่​หมั้น ทำให้​หญิง​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​เลิก​สัญญา​ หมั้น​ได้ เป็นต้น เหตุ​อื่น​นอก​เหนือ​จาก​เหตุ​หย่า​ตาม​มาตรา 1516 ก็​อาจ​ถือ​เป็น​เหตุ​สำคัญ​ได้ เช่น ชาย​ทำ​สัญญา​จะ​ นำ​ของ​หมั้น​มา​มอบ​ให้ แต่​กลับ​ไม่​นำ​มา​มอบ​ให้​ตาม​ที่​ตกลง​กัน หญิง​มี​สิทธิ​ที่​จะ​ปฏิเสธ​ไม่​ยอม​ทำการ​สมรส​ด้วย​โดย​ บอกเ​ลิก​สัญญา​หมั้นไ​ด้ ซึ่งเ​ท่ากับ​ว่าม​ ี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชายค​ ู่​หมั้น​นั่นเอง62 การ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เพราะ​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น​หรือ​ชาย​คู่​หมั้น​นั้น โดย​หลัก​แล้ว​ไม่​ว่า​ ฝ่าย​ชาย​หรือ​ฝ่าย​หญิง จะ​บอก​เลิก​สัญญา​ก็ตาม​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​กัน​ไม่​ได้ เช่น ชาย​หญิง​ทำ​สัญญา​หมั้น​กัน ต่อ​มา​ชาย​เกิด​วิกลจริต​ไม่มี​ทาง​รักษา​ให้​หาย​ได้ ถือ​ได้​ว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชาย​คู่​หมั้น หญิง​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​บอก​ เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ แต่​หญิง​คู่​หมั้น​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​อะไร​จาก​ชาย​คู่​หมั้น​ไม่​ได้ เป็นต้น อย่างไร​ก็​ดี หาก​เหตุ​ สำคัญท​ ี่เ​กิดแ​ ก่ค​ ู่​หมั้น​นี้​เป็น​เพราะก​ ารกร​ ะท​ ำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรงข​ อง​คู่​หมั้น​ฝ่าย​นั้น​ที่ก​ ระทำล​ งภ​ าย​หลังก​ ารห​ มั้น มาตรา 1444 บัญญัติ​ข้อ​ยกเว้น​ไว้​ว่า คู่​หมั้น​ผู้​กระทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง ต้อง​รับ​ผิด​ใช้​ค่า​ทดแทน​เสมือน​เป็น​ผู้​ผิด​สัญญา​หมั้น ตัวอย่าง​เช่น ภาย​หลัง​การ​หมั้น​แล้ว หญิง​คู่​หมั้น​ยินยอม​ให้​ชาย​อื่น​ร่วม​ประเวณี​ถือ​ได้​ว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​จาก​หญิง​ คู่​หมั้น ชาย​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ และ​เหตุ​ดัง​กล่าว​ถือ​ได้​ว่า​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง​ของ​หญิง​ คู่ห​ มั้น ชายค​ ู่​หมั้น​จึงม​ ี​สิทธิเ​รียกค​ ่า​ทดแทน​จาก​หญิง​คู่ห​ มั้น​ได้​อีก​ด้วย อย่างไร​ก็ตาม​เหตุ​สำคัญ​ที่​จะ​ทำให้​สามารถ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​นั้น​อาจ​เกิด​ก่อน​หรือ​หลัง​ทำ​สัญญา​หมั้น​ ก็ได้ โดย​พฤติการณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​จะ​เป็น​เหตุ​สำคัญ​หรือ​ไม่ ให้​ใช้​ความ​คิด​เห็น​ของ​คน​ธรรมดา​ทั่วไป​มา​พิจารณา เว้น​เสีย​ แต่​ว่า คู่​หมั้น​ฝ่าย​หนึ่ง​ได้​ถือ​เอา​เหตุ​ใด​เหตุ​หนึ่ง​เป็น​สาระ​สำคัญ​และ​ได้​แสดง​ให้​อีก​ฝ่าย​ทราบ​แล้ว​ก่อน​ที่​จะ​ทำ​สัญญา ห​ มั้น เช่น สังคมไ​ทยม​ อง​ว่า​ความบ​ ริสุทธิ์​ของ​ชายไ​ม่ใช่ส​ ิ่งส​ ำคัญ​อัน​เป็นส​ าระข​ อง​การ​หมั้น แต่​หากฝ​ ่าย​หญิงไ​ด้​แสดง ออก​อย่าง​ชัดเจน​ให้​ชาย​ทราบ​ตั้งแต่​ก่อน​ทำการ​หมั้น​แล้ว​ว่า ถือ​เรื่อง​ดัง​กล่าว​เป็น​สิ่ง​สำคัญ ดังนี้ การ​ที่​ฝ่าย​ชาย​เคย​มี​ เพศส​ ัมพันธ์​กับห​ ญิงอ​ ื่นม​ า​ก่อน​จึง​เป็น​เหตุ​สำคัญ​ให้บ​ อก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ เหตุ​สำคัญ​ที่​ทำให้​เกิด​สิทธิ​ใน​การ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้​นั้น เหตุ​สำคัญ​ดัง​กล่าว​ต้อง​เกิด​กับ​ตัว​ของ​คู่​หมั้น​ เอง หาก​เป็น​เหตุ​สำคัญ​ที่​เกิด​กับ​บุคคล​อื่น​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​คู่​หมั้น​แต่​ไม่ใช่​ตัว​คู่​หมั้น เช่น บิดา มารดา​ของ​คู่​หมั้น​เป็น​ ผู้​จำหน่าย​ยาเ​สพ​ติด​รายใ​หญ่ ดังนี้ อีก​ฝ่าย​หนึ่งไ​ม่อ​ าจท​ ี่จ​ ะ​ยก​เหตุส​ ำคัญม​ าบอ​ กเ​ลิกส​ ัญญา​หมั้นไ​ด้ เพราะ ไม่ใช่เ​หตุ​ สำคัญ​ที่เ​กิดจ​ ากต​ ัวข​ องค​ ู่ห​ มั้น​แต่อ​ ย่างใ​ด 62 ฎ. 1089/2492 มสธ มส

มส 1-56 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ การ​เลิกส​ ัญญา​หมั้นโ​ดย​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​จากต​ ัวค​ ู่​หมั้น สามารถ​แบ่งอ​ อกไ​ด้​เป็น​สอง​กรณี กล่าว​คือมสธ (1) ชาย​บอก​เลิก​สัญญา​หม้ัน​โดย​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น (มาตรา 1442) ใน​กรณี​ที่​มี​เหตุ​สำคัญ ​เกิดก​ ับ​หญิงค​ ู่ห​ มั้นท​ ำให้ช​ ายไ​ม่​สมควรส​ มรสด​ ้วย กฎหมายใ​ห้​สิทธิช​ ายท​ ี่​จะ​บอกเ​ลิกส​ ัญญาห​ มั้นไ​ด้ และห​ ญิงค​ ู่​หมั้น​มสธ ก็​จะต​ ้อง​คืน​ของห​ มั้นใ​ห้แ​ ก่​ชาย​ด้วย เช่น หญิง​คู่​หมั้น​เกิด​วิกลจริตย​ ินยอมใ​ห้​ชาย​อื่นร​ ่วมป​ ระเวณี​ในร​ ะหว่าง​การ​หมั้น หน้า​ถูก​น้ำ​ร้อน​ลวก​จน​เสีย​โฉม ได้​รับ​อันตราย​สาหัส​จน​ต้อง​ถูก​ตัด​แขน​ทั้ง​สอง​ข้าง หรือ​เป็น​โรค​ติดต่อ​อย่าง​ร้าย​แรง เหล่า​นี้ ถือ​ได้​ว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น แต่​การ​ที่​หญิง​ไม่​ยอม​ให้​ชาย​คู่​หมั้น​ร่วม​ประเวณี​ด้วย ชาย​จะ​ถือ ​เป็น​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น​ไม่​ได้ เพราะ​หญิง​ยัง​ไม่มี​หน้าที่​ที่​จะ​ต้อง​อยู่​กิน​ด้วย​กัน​ฉัน​สามี​ภริยา​กับ​ชาย อย่างไร​ก็​ดี​ความ​บริสุทธิ์​ของ​หญิง​คู่​หมั้น ถือว่า​มี​ความ​สำคัญ​สำหรับ​การ​หมั้น ชาย​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​ที่​จะ​สันนิษฐาน​ไว้​ ก่อน​ว่า​หญิง​คู่​หมั้น​ยัง​คง​เป็น​พรหมจารี (chaste) เว้น​แต่​จะ​ได้​ทราบ​ข้อความ​จริง​เป็น​อย่าง​อื่น ฉะนั้น​หาก​ภาย​หลัง​ การ​หมั้น ถ้า​ชาย​คู่​หมั้น​ได้​ทราบ​ว่า​หญิง​คู่​หมั้น​ไม่​บริสุทธิ์ ไม่​ว่า​เหตุ​ดัง​กล่าว​จะ​ได้​เกิด​ขึ้น​ก่อน​หรือ​หลัง​การ​หมั้น ชาย​ คู่ห​ มั้น​ก็ม​ ีส​ ิทธิบ​ อกเ​ลิกส​ ัญญา​หมั้น​เสีย​ได้ อุทาหรณ์ ฎ. 640/2494 ชายห​ ญิงท​ ำพ​ ิธีแ​ ต่งงานก​ ันต​ ามป​ ระเพณี แต่ห​ ญิงไ​ม่ย​ อมห​ ลับน​ อนร​ ่วมป​ ระเวณีก​ ับช​ ายฉ​ ันส​ าม​ี ภริยา​โดย​แยก​ไป​นอน​เสียคน​ละ​ห้อง​กับ​ชาย อยู่​มา​ประมาณ  10  วัน  มารดา​ของ​หญิง​บอก​ให้​ชาย​พา​หญิง​เข้า​ห้อง​เอา​ เอง ชาย​จึง​เข้าไปจ​ ับ​เอว​หญิงอ​ อกม​ าจ​ าก​ห้องท​ ี่ห​ ญิง​นอน หญิงฉ​ วย​แจกัน​ตี​ศรีษะ​ชายแ​ ตก โลหิตอ​ อก​แจกัน​หักแ​ ล้ว​ยัง​ ใชแ้​ จกันต​ ชี​ ายถ​ ูกโ​หนกแ​ ก้มเ​ป็นบ​ าดแผลต​ ้องเ​ย็บถ​ ึง 7 เข็ม ชายจ​ ึงก​ ลับบ​ ้านแ​ ละไ​มย่​ อมจ​ ดท​ ะเบียนส​ มรสก​ ับห​ ญิง ดังนี​้ ถือว่าก​ ารกร​ ะท​ ำข​ องห​ ญิงเ​ป็นเ​หตุผลส​ ำคัญอ​ ันพ​ อทีจ่​ ะท​ ำใหช้​ ายป​ ฏิเสธไ​ม่ย​ อมส​ มรสด​ ้วยห​ ญิงต​ าม ปพพ.มาตรา 1441 (ปัจจุบัน มาตรา 1442) ได้ ชาย​จึงม​ ี​สิทธิเ​รียก​ของห​ มั้น​คืน​จาก​หญิงไ​ด้ ฎ. 1235/2506 ชาย​คู่​หมั้น​ตั้ง​รังเกียจ​หญิง​คู่​หมั้น  โดย​หญิง​คู่​หมั้น​นั่ง​ซ้อน​ท้าย​รถ​จักรยาน​ซึ่ง​ชาย​อื่น​ขี่​เพื่อ​ ไป​ดู​ภาพยนตร์​ใน​เวลา​กลาง​คืน  มี​เพื่อน​ไป​ด้วย​กัน​รวม  7  คน แล้ว​ชาว​บ้าน​คิด​เดา​และ​ลือ​กัน​ว่า​หญิง​นั้น​มี​ความ​ สัมพันธ์​ทาง​ชู้สาว​กับ​ชาย​ที่​ขี่​จักรยาน​นั้น การ​ที่​หญิง​คู่​หมั้น​กระทำ​เพียง​เท่า​นี้  แล้ว​ต่อ​มา​หญิง​นั้น​ไม่​ยอม​สมรส​กับ ​ชายค​ ู่​หมั้น ก็จ​ ะ​ถือว่า​เพราะ​มีเ​หตุผล​สำคัญ​อันเ​กิด​แต่ห​ ญิงน​ ั้น​หาไ​ด้​ไม่ หญิง​นั้น​จึง​มิ​ต้องค​ ืนข​ อง​หมั้นเ​พราะ​เหตุเ​ช่น​นี้ ชายค​ ู่ห​ มั้นห​ มิ่น​ประมาท​หญิง​คู่ห​ มั้น​ซึ่งเ​ป็นการร​ ้ายแ​ รง​ตาม​ความ​หมายใ​น​มาตรา 1500 (2) (ปัจจุบัน​ตรง​กับ​ มาตรา 1516 (3))แห่ง ปพพ.ย่อม​เป็น​เหตุผล​อัน​สำคัญ​อัน​เกิด​แต่​ชาย​คู่​หมั้น​ซึ่ง​หญิง​คู่​หมั้น​จะ​ไม่​ยอม​สมรส​กับ​ชาย​ นั้นโ​ดย​มิ​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น​ได้ ฎ. 1036/2524 โจทก์เ​ป็น​โรคจิต​ประสาท​อย่างอ​ ่อน มี​อาการเ​ปลี่ยนแปลง​ทางอ​ ารมณ์ สามารถร​ ักษา​ให้ห​ าย​ ได้  และ​ผู้​ที่​เป็น​โรค​นี้​สามารถ​แต่งงาน​ได้  จำเลย​เคย​พา​โจทก์​ออก​ไป​เที่ยว​นอก​บ้าน​ทั้ง​ใน​เวลา​ก่อน​และ​หลัง​หมั้น​และ​ กว่า​โจทก์​จำเลย​จะ​แต่งงาน​กัน​ก็​เป็น​เวลา​ภาย​หลัง​หมั้น​ถึง  5  เดือน​เศษ  เมื่อ​จำเลย​แต่งงาน​และ​อยู่​กิน​กับ​โจทก์​เป็น​ เวลา  3  เดือน​เศษ​แล้ว​จำเลย​ปฏิเสธ​ไม่​ยอม​ไป​จด​ทะเบียน​สมรส​กับ​โจทก์  ดังนี้  ถือ​ไม่​ได้​ว่า​เหตุ​ที่​ไม่มี​การ​สมรส​นั้น ​มี​เหตุผล​สำคัญ​อัน​เกิด​แต่​โจทก์ โจทก์จ​ ึงไ​ม่​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น ใน​กรณี​ที่​หญิง​มี​พฤติการณ์​อย่าง​ใด​อย่าง​หนึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​ทาง​ที่​ไม่​เหมาะ​สม แต่​พฤติการณ์​ดัง​กล่าว​ไม่​ถึง​กับ ​เป็น​เหตุ​สำคัญ เช่น หญิง​ตบ​หน้า​ชาย​คู่​หมั้น เนื่องจาก​โกรธ​ที่​ชาย​หลบ​หนี​ไม่​มา​ช่วย​กัน​ทำงาน กรณี​เช่น​นี้​ฝ่าย​ชาย ​ไม่มีส​ ิทธิ​ในก​ ารบ​ อก​เลิกส​ ัญญาห​ มั้น หาก​ฝ่ายช​ ายป​ ฏิเสธก​ าร​สมรส ฝ่ายช​ ายจ​ ะ​เป็นผ​ ู้​ผิด​สัญญาห​ มั้น​เสียเ​อง ฎ. 6385/2551 การท​ ี่โ​จทก์ท​ ี่ 2 ตกลง​หมั้น​หมายก​ ับ​จำเลยท​ ี่ 2 นั้น แสดงว​ ่าโ​จทก์​ที่ 2 ประสงค์จ​ ะใ​ช้​ชีวิต​คู่ ​ร่วม​กับ​จำเลย​ที่ 2 และ​ใน​ฐานะ​คู่​หมั้น​โจทก์​ที่ 2 ซึ่ง​เป็น​ฝ่าย​หญิง​ย่อม​ต้อง​คาด​หวัง​ใน​ตัว​จำเลย​ที่ 2 ว่า​จะ​เป็น​ผู้​ที่​ สามารถ​นำ​ครอบครัว​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​อนาคต​ไป​สู่​ความ​เจริญ​และ​มั่นคง การ​ที่​โจทก์​ที่ 2 พยายาม​ปลุก​จำเลย​ที่ 2 ให้ต​ ื่นเ​พื่อไ​ปช​ ่วยร​ ดน้ำข​ ้าวโพดอ​ ันเ​ป็นง​ านท​ ี่อ​ ยู่ใ​นว​ ิสัยท​ ี่จ​ ำเลยท​ ี่ 2 ช่วยเ​หลือไ​ด้ แต่จ​ ำเลยท​ ี่ 2 กลับอ​ ิดออด ซ้ำย​ ังห​ ลบ​ มสธ มส

มส การหมั้น 1-57 มสธ เข้าไปใ​น​ห้อง เมื่อโ​จทก์​ที่ 2 ตาม​เข้าไป​ก็ก​ ระโดด​หนีอ​ อก​ทางป​ ระตูห​ ลัง​บ้าน แสดงใ​ห้​เห็น​ว่าจ​ ำเลยท​ ี่ 2 หาไ​ด้​เอาใจใ​ส​่มสธ ช่วย​เหลือ​คู่​หมั้น​ของ​ตน​ตาม​ที่​ควร​จะ​เป็น จึง​ย่อม​เป็น​ธรรมดา​ที่​โจทก์ 2 จะ​รู้สึก​ไม่​พอใจ​และ​แสดงออก​ซึ่ง​ความ​รู้สึก​ ไม่​พอใจ​ดัง​กล่าว ส่วน​การ​ที่​โจทก์​ที่ 2 ใช้​มีด​งัด​กลอน​ประตู​ห้อง​รวม​ทั้ง​การ​วิ่ง​ไล่​ตาม​และ​ตบ​หน้า​จำเลย​ที่ 2 แม้​จะมสธ ​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​เหมาะ​สม​และ​เกิน​เลย​ไป​บ้าง​แต่​ก็​เชื่อ​ว่า​เป็น​เรื่อง​ของ​อารมณ์​ชั่ว​วูบ​เท่านั้น หา​ใช่​เป็น​นิสัย​ที่แท้​จริง​ของ โ​จทก์ท​ ี่ 2 ไม่ ทั้งนี้​โจทก์​ที่ 2 และจ​ ำเลยท​ ี่ 2 รู้จัก​กัน​มาต​ ั้งแต่ท​ ั้งส​ องฝ​ ่ายย​ ังเ​ป็นเ​ด็ก​ย่อมต​ ้องท​ ราบ​นิสัยใ​จคอข​ องก​ ัน​ และ​กันเ​ป็น​อย่าง​ดี หาก​โจทก์​ที่ 2 มีค​ วาม​ประพฤติ​ไม่​ดี จำเลย​ที่ 2 คงไ​ม่​ไปข​ อห​ มั้น​โจทก์​ที่ 2 เป็น​แน่ หลัง​จาก​เกิด ​เหตุ​จำเลย​ที่ 2 ยัง​ไป​บ้าน​โจทก์​ที่ 2 จำเลย​ที่ 1 พยายาม​ไกล่​เกลี่ย​ให้​จำเลย​ที่ 2 สมรส​กับ​โจทก์​ที่ 2 แสดง​ว่า​จำเลย ​ทั้ง​สอง​ไม่​ถือ​เอา​เรื่อง​ดัง​กล่าว​เป็น​สาระ​สำคัญ​และ​โกรธ​เคือง​โจทก์​ที่ 2 การก​ระ​ทำ​ของ​โจทก์​ที่ 2 ดัง​กล่าว​จึง​ยัง​ไม่ใช่​ เหตุ​สำคัญ​แก่​คู่​หมั้น​อัน​ทำให้​ชาย​ไม่​สมควร​สมรส​กับ​หญิง​นั้น เมื่อ​จำเลย​ที่ 2 ไม่​ยอม​สมรส​กับ​โจทก์​ที่ 2 จึง​ถือว่า​ จำเลย​ทั้ง​สอง​ฝ่าย​ผิด​สัญญา​หมั้น โจทก์​ทั้ง​สอง​จึง​ไม่​ต้อง​คืน​ของ​หมั้น​และ​มี​สิทธิ​เรียก​ร้อง​ให้​จำเลย​ทั้ง​สอง​ชำระ​ ค่า​ใช้​จ่าย​อันส​ มควร​ใน​การเต​รีย​ ม​การส​ มรสไ​ด้ต​ าม ​ปพพ. มาตรา 1440(2) และ​สาเหตุ​ที่​จำเลยท​ ี่ 2 ไม่​ยอม​สมรสก​ ับ ​โจทก์​ที่ 2 นั้น เนื่องจากจ​ ำเลย​ทั้งส​ อง​อ้างว​ ่าม​ ี​เหตุ​สำคัญ​อันเ​กิด​แก่โ​จทก์​ที่ 2 ดัง​นั้นก​ ำหนด​วัน​สมรส​จึงไ​ม่ใช่​ข้อ​สำคัญ ​ที่​จะ​นำ​มา​พิจารณา​ว่า​ฝ่าย​ใด​เป็น​ฝ่าย​ผิด​สัญญา​หมั้น จึง​ไม่​จำ​ต้อง​วิ​นิ​ฉัย​ว่าการ​หมั้น​ได้​กำหนด​วัน​สมรส​ไว้​ล่วง​หน้า​ หรือไ​ ม่ (2) หญิง​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​โดย​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชาย​คู่​หมั้น (มาตรา 1443) ใน​กรณี​มี​เหตุ​สำคัญ ​อัน​เกิด​แก่ช​ าย​คู่ห​ มั้น​ทำให้ห​ ญิง​ไม่​สมควรส​ มรสก​ ับช​ าย​นั้น มาตรา 1443 ให้​สิทธิ​แก่​หญิงค​ ู่​หมั้นท​ ี่​จะบ​ อกเ​ลิกส​ ัญญา​ หมั้น​ได้​โด​ยมิตัอง​คืน​ของ​หมั้น​แก่​ชาย กรณี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชาย​คู่​หมั้น​เป็น​ไป​ใน​ทำนอง​เดียว​กับ​กรณี​มี​เหตุ​ สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น​ดัง​ได้​กล่าว​มา​แล้ว เช่น ชาย​ไร้​สมรรถภาพ​ทาง​เพศ เป็น​คน​วิกลจริต หรือ​เป็น​คน​พิการ แต่​สำหรับ​การ​ที่​ชาย​คู่​หมั้น​ไป​ร่วม​ประเวณี​กับ​หญิง​อื่น ตาม​ธรรมเนียม​ประเพณี​ของ​ไทย ไม่​ถือว่า​เป็น​เรื่องชั่ว​ช้า​ น่า​ละอาย จึง​ไม่​ถือ​เป็น​เหตุ​ที่​หญิง​จะ​ไม่​ยอม​ทำการ​สมรส แต่​ถ้า​ชาย​ไป​เป็น​ชู้​กับ​ภริยา​คน​อื่น​หรือ​ไป​ข่มขืน​กระทำ​ ชำเรา​หญิงอ​ ื่น ถือ​กันว​ ่าเ​ป็น​สิ่ง​ที่น​ ่าอ​ ับอาย หญิงค​ ู่​หมั้นม​ ี​สิทธิไ​ม่​ยอมส​ มรสด​ ้วย​ได้ อย่างไร​ก็ด​ ี แม้เ​หตุ​สำคัญ​อันเ​กิด​ แก่​ชาย​คู่​หมั้น​เกิด​ขึ้น​เพราะ​ความ​ผิด​ของ​หญิง​คู่​หมั้น​เอง หญิง​คู่​หมั้น​ก็​ยัง​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เสีย​ได้ โดย​ไม่​ ถือว่า​หญิง​เป็น​ฝ่าย​ผิด​สัญญา​หมั้น เช่น หญิง​คู่​หมั้น​ขับ​รถยนต์​ไป​กับ​ชาย​คู่​หมั้น แต่​ขับ​รถ​โดย​ประมาท​เลินเล่อ รถยนต์​คว่ำ ทำให้​ชาย​คู่​หมั้น​ตาบอด​ทั้ง​สอง​ข้าง หญิง​คู่​หมั้น​ก็​ยัง​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​กับ​ชาย​คู่​หมั้น​ที่​พิการ​ นี้​ได้ อุทาหรณ์ ฎ. 234/2508 การ​ที่​ชาย​คู่​หมั้น​เลี้ยง​หญิง​โสเภณี​ไว้​เป็น​ภริยา​อยู่​ใน​บ้าน​เป็นการ​กระทำ​อัน​เป็น​ปฏิปักษ์​ต่อ​ จิตใจ​คู่​หมั้น​อย่าง​ร้าย​แรง จึง​เป็น​เหตุผล​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​ชาย​คู่​หมั้น หญิง​คู่​หมั้น​จึง​มี​สิทธิ​ขอ​ถอน​หมั้น​และ​มี​สิทธิ​จะ​ ไม่ต​ ้อง​คืนข​ องห​ มั้น ฎ. 3731/2533 การ​ที่​โจทก์​ได้​หญิง​รับ​ใช้​ใน​บ้าน​เป็น​ภริยา​มา​เป็น​เวลา​นาน​ถือ​ได้​ว่า​โจทก์​อุปการะเ​ลี้ยงด​ ู​และ​ ยกย่อง​หญิง​อื่น​ฉันส​ ามีภ​ ริยา​อยู่ จึงเ​ป็น​เหตุ​สำคัญเ​กิดแ​ ก่​โจทก์​ทำให้​จำเลยซ​ ึ่ง​เป็นค​ ู่​หมั้นไ​ม่​สมควร​สมรสด​ ้วย จำเลย​ จึง​มี​สิทธิ​บอก​เลิกส​ ัญญา​หมั้น​ได้ โดยไ​ม่ต​ ้อง​คืน​ของ​หมั้น​แก่โ​จทก์ ในก​ รณีท​ ี่​หญิง​จะอ​ ้างเ​หตุ​สำคัญเ​พื่อบ​ อกเ​ลิก​สัญญา​หมั้น​โดย​ยก​เหตุว​ ่าช​ ายค​ ู่​หมั้น​ผิด​ปกติท​ างจ​ ิตน​ ั้น อาการ​ ดัง​กล่าว​ต้อง​มี​ลักษณะ​ที่​รุนแรง​อัน​กระทบ​กระเทือน​ถึง​การ​สมรส​ของ​ชาย​และ​หญิง หาก​ไม่​สามารถ​แสดง​ให้​ศาล​เห็น​ ได้ ฝ่าย​หญิง​ก็​ไม่​อาจ​ยก​เหตุ​นั้น​มา​อ้าง​ว่า​เป็น​เหตุ​สำคัญ​ที่​เกิด​กับ​ชาย​มา​เพื่อ​ใช้​สิทธิ​ใน​การ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ตาม​ ปพพ.มาตรา 1443 ได้ มสธ มส

มส 1-58 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ ฎ.483/2533 จำเลย​ที่ 3 ไม่​ยอม​จด​ทะเบียน​สมรส​กับ​โจทก์​ที่ 1 อ้าง​ว่า​โจทก์​ที่ 1 มี​สติ​ไม่​สมบูรณ์​เหมือน​มสธ คน​ธรรมดา​และ​คล้าย​กับ​ปัญญาอ่อน​แต่​พฤติการณ์​ยัง​ไม่​พอ​ฟัง​ว่า​โจทก์​ที่ 1 เป็น​เช่น​นั้น​อัน​จะ​เป็น​ข้อ​อ้าง​ที่​มี​เหตุ​ สำคัญ​ใน​การ​ไม่​ยอมจ​ ด​ทะเบียน​สมรส จำเลย​จึงเ​ป็นฝ​ ่ายผ​ ิด​สัญญา​หมั้น จำเลยท​ ั้งส​ าม​ตกลงร​ ับ​หมั้น​จากฝ​ ่ายโ​จทก์​พร้อม​ทั้ง​รับ​ของ​หมั้น​ไว้เ​รียบร้อย​แล้ว แม้​จำเลยท​ ี่ 1 ที่ 2 ได้​มอบ​ ของ​หมั้น​ทั้งหมด​ให้​แก่​จำเลย​ที่ 3 เมื่อ​จำเลย​ที่ 3 ไม่​ยอม​จด​ทะเบียน​สมรส​กับ​โจทก์​ที่ 1 อัน​เป็นการ​ผิด​สัญญา​หมั้น จำเลย​ทั้ง​สาม​ซึ่งร​ ับ​ของ​หมั้น​ไว้​ก็ต​ ้องร​ ่วม​กันค​ ืนข​ องห​ มั้น​แก่ฝ​ ่าย​โจทก์ กจิ กรรม 1.4.1 1. สัญญา​หมน้ั จ​ ะร​ ะงับส​ นิ้ ล​ ง​ดว้ ยเ​หตุใ​ด​บ้าง 2. นาย​แดง​ทำการ​หม้ัน​กับ​นางสาว​ขาว โดย​มี​นาย​สมชาย​เป็น​พยาน​ใน​สัญญา​หมั้น หลัง​จาก​หม้ัน​แล้ว​ นายแ​ ดงไ​ดไ​้ ปเ​รยี นต​ อ่ ต​ า่ งป​ ระเทศ นายส​ มชายถ​ อื โ​อกาสม​ าเ​กย้ี วพ​ าราส​ น​ี างสาวข​ าว จนน​ างสาวข​ าวใ​จออ่ นย​ นิ ยอม​ ใหน​้ ายส​ มชายก​ อดจ​ บู ล​ บู คลำถ​ งึ ก​ บั น​ อนเ​ปลอื ยก​ ายอ​ ยด​ู่ ว้ ยก​ นั แตย​่ งั ไ​มถ​่ งึ ข​ นั้ ร​ ว่ มป​ ระเวณก​ี นั เมอ่ื น​ ายแ​ ดงก​ ลบั ม​ า​ จากต​ า่ งป​ ระเทศ​ทราบเ​รื่อง​มีค​ วาม​ประสงค​์ทจ่ี​ ะ​ปฏเิ สธ​ไมย​่ อม​ทำการ​สมรสก​ บั ​นางสาว​ขาวเ​ช่น​นี้ จงแ​ นะนำ​นาย​ แดง​ว่าจ​ ะม​ ีช​ อ่ ง​ทางก​ ระทำ​ได​ต้ าม​ความป​ ระสงคห์​ รอื ไ​ม่ 3. ร.ท.สมยศ ทำการ​หมนั้ ก​ บั น​ างสาว​สมศรี แล้วเ​ดิน​ทาง​ไปร​ าชการ​สนามท​ ​เี่ ขา​ชอ่ งช​ ้าง ระหว่างอ​ อก​ ลาด​ตระเวน ร.ท.สมยศ​ได้เ​หยียบก​ ับ​ระเบิดข​ า​ขาดท​ ้ังส​ องข​ า้ ง นางสาว​สมศรมี​ ​ีความร​ งั เกยี จ​ไม​่ตอ้ งการ​สมรสก​ ับ ร.ท.สมยศ ดังนี​้นางสาวส​ มศร​ีจะบ​ อก​เลิกส​ ัญญา​หม้ัน​กบั ร.ท.สมยศ ไดห้​ รือ​ไม่ แนว​ตอบ​กิจกรรม 1.4.1 1. สญั ญาห​ ม้นั ร​ ะงับส​ น้ิ ล​ ง​ด้วยเ​หตุ 3 ประการ คือ (1) ค​ู่หมั้นท​ งั้ ​สอง​ฝ่าย​ตกลงย​ นิ ยอมเ​ลกิ ​สญั ญา (2) ชายค​ ่​ูหมัน้ ห​ รอื ​หญงิ ค​ หู่​ ม้ันถ​ งึ แก่ค​ วามต​ าย และ (3) มเี​หตส​ุ ำคัญอ​ ันเ​กิดแ​ กห่​ ญิงค​ ห​ู่ มน้ั ​หรอื ช​ าย​คู​ห่ มัน้ 2. แนะนำน​ ายแ​ ดงว​ า่ การท​ น​่ี างสาวข​ าวย​ นิ ยอมใ​หส​้ มชายก​ อดจ​ บู ล​ บู คลำถ​ งึ ก​ บั น​ อนเ​ปลอื ยก​ ายด​ ว้ ยก​ นั ​ น้ี ถือไ​ด​้ว่า​ม​เี หตส​ุ ำคญั อ​ ัน​เกิด​แก​ห่ ญงิ ค​ หู่​ มั้น นาย​แดงค​ ห​ู่ มั้น​จึง​ม​ีสิทธบ​ิ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญา​หมนั้ ​ได้ ตาม ปพพ. ​มาตรา 1442 3. การ​ท่ี ร.ท.สมยศ เป็น​คน​พกิ าร ขา​ขาด​ทั้ง​สอง​ข้าง ถือ​ได​้ว่า​ม​ีเหต​ุสำคญั ​เกดิ ​แก่​ชาย​ค่​ูหม้ัน นางสาว​ สมศร​ีคู่​หม้นั จ​ งึ ​ม​สี ทิ ธ​ิบอก​เลกิ ส​ ญั ญาห​ ม้ันไ​ด้ ตาม​ปพพ. มาตรา 1443 มสธ มสธ มส

มส การหม้นั 1-59 เร่ือง​ที่ 1.4.2 การ​เรียกค​ า่ ท​ ดแทน​ใน​กรณเ​ี ลกิ ส​ ญั ญา​หมน้ั มสธ มสธ การ​เลิก​สัญญา​หมั้น​หรือ​การ​ถอน​หมั้น​มิใช่​เป็น​เรื่อง​ผิด​สัญญา​หมั้น ฉะนั้น​โดย​หลัก​การ​แล้ว​คู่​กรณี​จะ​เรียก ​ค่า​ทดแทนจ​ าก​กันไ​ม่​ได้ เช่น ชาย​หมั้น​หญิงแ​ ล้วต​ ่อ​มาห​ ญิง​คู่​หมั้น​เกิด​ตาบอดท​ ั้งส​ อง​ข้าง ถือ​ได้​ว่า​มี​เหตุส​ ำคัญ​อัน​เกิดมสธ ​แก่​หญิง​คู่​หมั้น ชาย​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้​และ​มี​สิทธิ​เพียง​แต่​จะ​เรียก​ของ​หมั้น​คืน​ตาม​ที่​บัญญัติ​ไว้​ใน​มาตรา 1442 เท่านั้น ชาย​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​อย่า​งอื่นๆ จาก​หญิง​อีก​ไม่​ได้ หลัก​การ​เช่น​ว่า​นี้​ยึดถือ​กัน​มา​ตั้ง​แต่​ใช้​ ปพพ. บรรพ 5 พ.ศ. 2478 เป็นต้น​มา ครั้นเ​มื่อม​ ี​การ​ปรับปรุง​แก้ไข บรรพ 5 ใน พ.ศ. 2519 กฎหมายไ​ด้เ​พิ่มเ​ติมข​ ้อย​ กเว้น​ ตามม​ าตรา 1444 เพื่อเ​ปิดโ​อกาสใ​ห้ช​ าย​คู่​หมั้นห​ รือ​หญิง​คู่​หมั้น มี​สิทธิ​เรียกค​ ่า​ทดแทนก​ รณี​เลิกส​ ัญญ​หมั้น​ได้ มาตรา 1444 “ถ้า​เหตุ​อัน​ทำให้​คู่​หมั้น​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น เป็น​เพราะ​การก​ระ​ทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง​ของ​คู่​หม้ัน​ ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ซึ่ง​ได้​กระทำ​ภาย​หลัง​การ​หมั้น คู่​หมั้น​ผู้​กระทำ​ช่ัว​อย่าง​ร้าย​แรง​นั้น​ต้อง​รับ​ผิด​ใช้​ค่า​ทดแทน​แก่​คู่​หมั้น​ผู้​ใช้​ สิทธิ​บอกเ​ลกิ ส​ ัญญาห​ มน้ั ​เสมือนเ​ปน็ ​ผผ​ู้ ิด​สัญญา​หม้นั ” ถ้า​การ​เลิกส​ ัญญา​หมั้นน​ ั้น​เป็นเ​พราะก​ ารกร​ ะ​ทำช​ ั่วอ​ ย่างร​ ้าย​แรง​ของค​ ู่ห​ มั้นภ​ าย​หลังก​ าร​หมั้น ความป​ ระพฤติ​ ที่​ถือว่าเ​ป็นการก​ ระทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้ายแ​ รง หมาย​ถึงค​ วามป​ ระพฤติป​ ฏิบัติท​ ี่​ฝ่าฝืน​ศีลธ​ รรมห​ รือ​จารีต​ประเพณี​ซึ่ง​วิญญูชน​ รู้สึก​ได้​ว่า​เป็น​สิ่ง​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง โดย​ความ​ประพฤติ​ชั่ว​ร้าย​แรง​ที่​กระทำ​ขึ้น อาจ​จะ​เป็น​กรณี​ที่​คู่​หมั้น​ฝ่าย​หนึ่ง​กระทำ​ต่อ​ ตนเอง กระทำ​ต่อ​คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง หรือ กระทำ​ต่อ​บุคคล​ที่​สาม​ก็ได้ ทั้งนี้​โดย​ไม่​คำนึง​ว่า​จะ​เป็น​ความ​ผิด​ทาง​อาญา​ หรือ​ไม่ ตัวอย่าง​เช่น ไป​ปล้น​ทรัพย์ห​ รือ​ฆ่าค​ น​ตาย ติด​เฮโรอีน ชอบ​เล่นก​ าร​พนัน​เป็น​อาจิณ เป็นช​ ู้​กับภ​ ริยา​ผู้​อื่น ชอบ​ กระทำ​ชำเรา​ต่อ​เพศ​เดียวกัน หรือ​ชำเรา​ด้วย​สัตว์​เดียรัจฉาน เหล่า​นี้​น่า​จะ​ถือว่า​เป็นการ​ประพฤติ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง​ได้ อย่างไร​ก็​ดี​การ​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​สุรา นารี พาชี กีฬา​บัตร ชั่ว​ครั้ง​ชั่วคราว​หรือ​โดย​อัธยาศัย​ใน​การ​สมาคม น่า​จะ​ไม่​ถือว่า​ เป็นการก​ ระทำช​ ั่ว แต่​การกร​ ะ​ทำ​ชั่ว​นี้​อาจจ​ ะ​เป็น​ความผ​ ิดท​ าง​อาญา​หรือไ​ม่​ก็ได้ ซึ่ง​ก็​ต้องพ​ ิจารณาเ​ป็น​เรื่องๆ ไป เช่น การ​ที่​หญิง​คู่​หมั้น​สมัคร​ใจ​ไป​ร่วม​ประเวณี​กับ​ชาย​อื่น​แม้​จะ​ไม่​เป็น​ความ​ผิด​ทาง​อาญา ก็​ชื่อ​ได้​ว่า​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​ อย่าง​ร้าย​แรง เป็นต้น การก​ระ​ทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง​ที่​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​ต้อง​รับ​ผิด​ใช้​ค่า​ทดแทน​นี้​จะ​ต้อง​เกิด​ขึ้น​ภาย​หลัง​การ​หมั้น หาก​ เกิดข​ ึ้นก​ ่อนท​ ำ​สัญญา​หมั้นจ​ ะเ​รียก​ค่า​ทดแทน​ไม่​ได้ เช่น ชายค​ ู่​หมั้น​ไปป​ ล้นธ​ นาคาร​เพื่อ​นำเ​งินสดม​ าห​ มั้น​หญิง ต่อมา​ เมื่อห​ ญิงร​ ู้เ​รื่อง หญิงค​ ู่ห​ มั้นม​ ีส​ ิทธิเ​พียงแ​ ต่จ​ ะบ​ อกเ​ลิกส​ ัญญาห​ มั้น โดยอ​ ้างว​ ่าม​ ีเ​หตุส​ ำคัญอ​ ันเ​กิดแ​ ก่ช​ ายค​ ู่ห​ มั้นเ​ท่านั้น จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ไม่​ได้ เป็นต้น ค่า​ทดแทน​ที่​จะ​เรียก​เอา​แก่​กัน​นี้ มาตรา 1444 บัญญัติ​ให้​คู่​หมั้น​ฝ่าย​ที่​กระทำ​ชั่ว​ อย่าง​ร้าย​แรง​ต้องร​ ับ​ผิดเ​สมือน​เป็น​ผู้ผ​ ิด​สัญญาห​ มั้น โดย​ต้อง​รับผ​ ิด​ใช้​ค่าท​ ดแทน​ตาม​มาตรา 1440 ที่​มี​อยู่ 3 ประการ คือ (1) ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ต่อ​กาย​หรือ​ชื่อ​เสียง (2) ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ใน​การเต​รี​ยม​การ​สมรส และ (3) ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ใน​การ​จัดการ​ทรัพย์สิน​หรือ​อาชีพ​ด้วย​การ​คาด​หมาย​ว่า​จะ​ได้​มี​การ​สมรส เช่น เมื่อ​หมั้น​ กัน​แล้ว​หญิง​คู่​หมั้น​สมัคร​ใจ​ไป​ร่วม​ประเวณี​กับ​ชาย​อื่น ถือ​ได้​ว่า​หญิง​คู่​หมั้น​กระทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง ชาย​คู่​หมั้น​ย่อม​ มี​สิทธิ​ที่​จะ​ไม่​ยอม​สมรส​กับ​หญิง​คู่​หมั้น และ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​โดย​ถือว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​แก่​หญิง​คู่​หมั้น เรียก​ ของ​หมั้นค​ ืน และ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ทั้ง 3 ประการต​ าม​ที่มา​ตรา 1440 บัญญัติ​ไว้ไ​ด้​ด้วย การท​ ี่ค​ ู่ห​ มั้น​ฝ่ายท​ ี่ม​ ี​สิทธิ​ได้ค​ ่าท​ ดแทนต​ าม​ ปพพ. มาตรา 1444 หากต​ ้องการท​ ี่​จะไ​ด้ร​ ับ​ค่าท​ ดแทนดังก​ ล่าว คู่​หมั้น​ฝ่าย​นั้น​มีหน้า​ที่​ที่​จะ​ต้อง​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เสีย​ก่อน แล้ว​ค่อย​ใช้​สิทธิ​เรียก​ค่า​ทดแทน จะ​ทำการ​เรียก​ ค่า​ทดแทน​โดยที่​ไม่​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ไม่​ได้ เนื่องจาก​การ​ที่​ไม่​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น เป็นการ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คู่​หมั้น​ มสธ มส

มส 1-60 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก ไม่​ถือว่า​การก​ระ​ทำ​ดัง​กล่าว​เป็น​เรื่อง​ใหญ่​โต หรือ อาจ​จะ​เป็นการ​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​การ​ยก​โทษ​ต่อ​การก​ระ​ทำ​ดัง​กล่าว​ แล้ว​ก็ได้ เช่น นางสาว​แดง​ทราบ​ว่า​นาย​ขาว​คู่​หมั้น​ตน​ไป​กระทำ​ชำเรา​เด็ก​ผู้ชาย การก​ระ​ทำ​ดัง​กล่าว​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว อย่าง​ร้าย​แรง แต่​เนื่องจาก​นางสาว​แดง​รัก​นาย​ขาว​เป็น​อย่าง​มาก ยัง​คง​มี​ความ​ต้องการ​ที่​จะ​สมรส​กับ​นาย​ขาว​อยู่ จึง​ตัดสิน​ใจ​ไม่​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น ดังนี้ นางสาว​แดง​จึง​ไม่​อาจ​ที่​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​เนื่องจาก​การก​ระ​ทำ​ชั่ว​อย่าง ร​ ้าย​แรง​ของน​ ายข​ าว​ชายค​ ู่​หมั้น​ได้ กิจกรรม 1.4.2 1. ชายห​ ญงิ ท​ ำส​ ญั ญาห​ มนั้ ก​ นั ตอ่ ม​ าห​ ญงิ เ​กดิ ว​ กิ ลจรติ ชายจ​ ะบ​ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญาห​ มนั้ แ​ ละเ​รยี กค​ า่ ท​ ดแทน​ จาก​หญิง​ได​้หรือ​ไม่ 2. นางสาวล​ ลนาร​ กั ใ​ครช​่ อบพอก​ บั น​ ายเ​ดอ๋ แตเ่​มอ่ื น​ ายไ​พโรจนม​์ าต​ ดิ พนั น​ างสาวล​ ลนา นาวส​ าวล​ ลนา​ กลบั ร​ บั ห​ มน้ั น​ ายไ​พโรจนด​์ ว้ ยเ​หว​ นเ​พชร 1 วง นายเ​ดอ๋ แ​ มจ​้ ะร​ ว​ู้ า่ น​ างสาวล​ ลนาม​ ค​ี ห​ู่ มน้ั แ​ ลว้ ก​ ย​็ งั พ​ ยายามม​ าม​ ค​ี วาม​ สัมพันธ์​ทาง​ชู้สาว​เช่น​เดิม โดย​มา​รับ​นางสาว​ลลนา​ไป​ค้าง​คืน​ที่​อ่ืน​และ​มี​การก​อด​จูบ​ลูบคลำ​กัน​เป็น​ประจำ โดย​ นางสาวล​ ลนาก​ ย​็ นิ ยอมด​ ว้ ย นายไ​พโรจนร์​ เ​ู้ รอ่ื งเ​ขา้ จะม​ ท​ี างบ​ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญาห​ มนั้ แ​ ละเ​รยี กค​ า่ ท​ ดแทนจ​ ากน​ างสาว​ ลลนา รวมท​ ้ัง​เรยี กข​ อง​หมนั้ ​คืนไ​ด้บ​ า้ ง​หรือไ​ม่ แนว​ตอบก​ จิ กรรม 1.4.2 1. หญิง​คู่​หม้ัน​เกิด​วิกลจริต ชาย​คู่​หม้ัน​มี​สิทธิ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ เพราะ​ถือว่า​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​ แก่ห​ ญิง​คู่ห​ ม้ัน ตามม​ าตรา 1442 แตก​่ รณี​นไ้ี​มใ่ ช่​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​อยา่ งร​ า้ ย​แรง ชาย​คห​ู่ ม้ัน​จงึ ​จะ​เรียกค​ ่า​ทดแทน​ จากห​ ญงิ ค​ ูห่​ ม้นั ​ไมไ​่ ด้ กรณี​ไม่​ตอ้ ง​ด้วยม​ าตรา 1444 2. นายไ​พโรจน์ มส​ี ทิ ธบ​ิ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญาห​ มนั้ โดยถ​ อื วา่ ม​ เ​ี หตส​ุ ำคญั อ​ นั เ​กดิ แ​ กห​่ ญงิ ค​ ห​ู่ มน้ั แ​ ละเ​รยี กแ​ หวน​ หม้นั ​คนื ไ​ด้ ตามม​ าตรา 1442 และก​ ารก​ระท​ ำ​ของน​ างสาว​ลลนา​ถอื ว่า​เป็นการ​กระทำ​ช่วั ​อยา่ งร​ ้าย​แรง จงึ ต​ ้องร​ ับ​ ผิดช​ ดใช​้คา่ ท​ ดแทนแ​ ก่​นายไ​พโรจน์เ​สมอื น​วา่ ​ตน​เป็น​ผผ​ู้ ิด​สญั ญา​หม้ัน ตามม​ าตรา 1444 ด้วย มสธ มสธ มสธ มสธ มส

มส การหม้นั 1-61 เรอื่ ง​ท่ี 1.4.3 การ​เรียก​ค่าท​ ดแทน​จาก​ผ้​ลู ่วง​เกนิ ค​ ่​ูหม้ัน​ทางป​ ระเวณี มสธ มสธ การ​ผิด​สัญญา​หมั้น​หรือ​การ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​เพราะ​เหตุ​สำคัญ​ที่​เกิด​แก่​ตัว​คู่​หมั้น​ที่​นำ​ไป​สู่​การ​รับ​ผิด​ใน​ ค่า​ทดแทน​นั้น โดย​ปกติ​จะ​เป็นการ​กระทำ​ของ​คู่​หมั้น เช่น การ​ที่​ชาย​ไม่​ยอม​สมรส​กับ​หญิง​ทำให้​หญิง​เกิด​ความมสธ ​เสีย​หาย​ใน​ชื่อ​เสียง หรือการ​ที่​หญิง​คู่​หมั้น​ติด​ยา​เสพ​ติด​ภาย​หลัง​จาก​การ​หมั้น​ซึ่ง​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​ร้าย​แรง การ ก​ระ​ทำ​ดัง​กล่าว​ส่ง​ผล​ให้​ตัว​คู่​หมั้น​ที่​กระทำ​ผิด​อาจ​จะ​ต้อง​จ่าย​ค่า​ทดแทน ซึ่ง​เห็น​ได้​ว่า​ผู้​ที่​ต้อง​รับ​ผิด​คือ​ตัว​คู่​หมั้น​เอง อย่างไร​ก็ตาม กฎหมาย​ได้​บัญญัติ​ถึง​ความ​รับ​ผิด​ใน​เรื่อง​ค่า​ทดแทน​ที่​มี​ผล​ให้​บุคคล​ภายนอก​ที่​ไม่ใช่​คู่​หมั้น​ต้อง​ จ่าย​ค่า​ทดแทนไ​ว้​ใน 2 กรณี กล่าวค​ ือ (1)ใน​กรณี​การท​ ี่​บุคคล​อื่น​ได้ร​ ่วม​ประเวณีก​ ับค​ ู่ห​ มั้น ตาม ปพพ.มาตรา 1445 และ (2) ในก​ รณีท​ ี่​การ​ที่บ​ ุคคล​อื่นอ​ ื่น​ข่มขืน​กระทำ​ชำเราค​ ู่​หมั้น ตาม​ปพพ.มาตรา 1445 และม​ าตรา 1446 1. การท​ ี​บ่ ุคคล​อืน่ ร​ ่วม​ประเวณี​กบั ค​ ่ห​ู ม้นั มาตรา 1445 “ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หม้ัน​อาจ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​ซ่ึง​ได้​ร่วม​ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ของ​ตน​โดย​รู้​หรือ​ ​ควร​จะร​ ้ถู​ ึงก​ าร​หม้นั เมือ่ ​ไดบ้​ อกเ​ลิก​สญั ญา​หมน้ั แ​ ล้ว​ตามม​ าตรา 1442 หรอื ​มาตรา 1443 แล้วแ​ ต่​กรณี” หลักก​ าร​ของม​ าตรา 1445 มี​สาระ​สำคัญ​อยู่ 3 ประการ กล่าว​คือ (1) มี​การ​ร่วม​ประเวณี​ระหว่าง​บุคคล​อื่น​กับ​คู่​หม้ัน เดิม​กฎหมาย​บัญญัติ​ให้​สิทธิ​ชาย​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​ที่​จะ​เรียก​ ค่า​ทดแทน​จาก​ชาย​อื่น​ที่​ได้​ล่วง​เกิน​หญิง​คู่​หมั้น​ทาง​ประเวณี ​ทั้งนี้​สืบ​เนื่อง​มา​จาก​หลัก​การ​ที่​กฎหมาย​ยอมรับ​ว่า​ชาย​ คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​ใน​ตัว​หญิง​คู่​หมั้น​ที่​จะ​ไม่​ให้​ชาย​อื่น​มา​ล่วง​เกิน​ทาง​ประเวณี กฎหมาย​ลักษณะ​ผัว​เมีย​เรียก​การ​ที่​ชาย​อื่น​ มาร​ ่วมป​ ระเวณีก​ ับ​หญิงค​ ู่ห​ มั้นว​ ่าเ​ป็นช​ ู้เ​หนือข​ ันหมากแ​ ละต​ ้องม​ ีก​ ารป​ รับไ​หมแ​ ก่ช​ ายช​ ู้ อย่างไรก​ ็​ดีภ​ ายห​ ลังจ​ ากท​ ี่ม​ ีก​ าร​ แก้ไข​เพิ่ม​เติม ปพพ. ได้​เพิ่ม​เติม​ความค​ ุ้มครองค​ ู่​หมั้น​ซึ่ง​แต่เ​ดิมจ​ ะใ​ห้​สิทธิเ​ฉพาะฝ​ ่ายช​ ายใ​น​การฟ​ ้องช​ ายอ​ ื่น​ที่มาเ​ป็น​ ชู้​กับ​หญิง​คู่​หมั้น​ตน มา​เป็นการ​ให้​สิทธิ​คู่​หมั้น​ทั้ง​ฝ่าย​ชาย​และ​ฝ่าย​หญิง​ใน​การ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ชาย​อื่น​หรือ​หญิง ​อื่น​ที่มา​ล่วง​เกิน​ทาง​ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ตน อัน​เป็นการ​สอดคล้อง​หลัก​การ​ตาม​รัฐธรรมนูญ​ที่​ให้​สิทธิ​ชาย​และ​หญิง อ​ ย่าง​เท่า​เทียมก​ ัน ซึ่งเ​ป็นไ​ป​ตาม​หลักก​ าร​ให้ค​ วาม​คุ้มครอง​ศักดิ์ศรี​ความ​เป็น​มนุษย์ สิทธิเ​สรีภาพ​และค​ วาม​เสมอ​ภาค โดย​ไม่​เลือก​ปฏิบัติ​อัน​เป็นการ​ไม่​เป็น​ธรรม​ต่อ​บุคคล​แตก​ต่าง​กัน​ใน​ทาง​เพศ​จึง​ส่ง​เสริม​ให้​มี​การ​บัญญัติ​ความ​ เท่า​เทียม​กัน​แห่ง​สิทธิ​ของ​ชาย​และ​หญิง ซึ่ง​ปรา​กฏ​ขึ้น​ชัดเจน​เป็นครั้​ง​แรก​ใน​รัฐธรรมนูญ​แห่ง​ราช​อาณาจักร​ไทย พุทธศักราช 2517 และ​สืบสาน​ต่อ​มา​ในฉ​ บับ 2540 จนถึง​ปัจจุบัน พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 ที่​ว่า “บุคคล​ย่อม​ เสมอ​กัน​ในกฎหมาย และ​ได้​รับ​การ​คุ้มครอง​ตาม​กฎหมาย​เท่า​เทียม​กัน ชาย​และ​หญิง​มี​สิทธิ​เท่า​เทียม​กัน” ประกอบ​ กับ​มี​แรงก​ ระตุ้นจ​ ากอ​ งค์กรพ​ ิทักษ์​สตรี จน​เป็น​เหตุใ​ห้​มี​การแ​ ก้ไข ปพพ. (ฉบับท​ ี่ 16) พ.ศ. 2550 ใน​ส่วนท​ ี่​เกี่ยว​กับ​ มาตรา 1445 และ​มาตรา 1446 ด้วยแ​ ละ​มีผ​ ลใ​ช้​บังคับ​นับแ​ ต่ว​ ัน​ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2550 ดังน​ ั้น ใน​ปัจจุบัน​หากว่า มี​หญิง​อื่น​มา​ร่วม​ประเวณี​กับ​ชาย​คู่​หมั้น หญิง​คู่​หมั้น​มี​สิทธิ​ใน​การ​บอก​เลิก​สัญญา​และ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​หญิง​ที่มา​ ร่วมป​ ระเวณี​กับ​ชายค​ ู่ห​ มั้นไ​ด้เ​ช่น​กัน สำหรับค​ วาม​หมายข​ อง​คำ​ว่า “การ​ร่วมป​ ระเวณี” นั้น ผู้​เขียน​เห็น​ว่าจะ​มี​ความ​หมาย​จำกัดอ​ ยู่​ที่​การร​ ่วมเ​พศ​ กัน​ระหว่าง​ชาย​กับ​หญิง​ตาม​วิธี​ตาม​ธรรมชาติ คือ ชาย​เอา​ของลับ​ของ​ตน​สอด​เข้าไป​ใน​ช่อง​คลอด​ของ​หญิง​ไม่​ว่า​มาก​ น้อย​แค่​ไหน​และ​จะ​สำเร็จ​ความ​ใคร่​หรือ​ไม่​ก็ได้ การก​ระ​ทำ​แก่​ร่างกาย​หญิง​โดย​วิธี​อื่น เช่น การ​สำเร็จ​ความ​ใคร่​ทาง ​ปาก​หรือ​ทวาร​หนัก หา​ใช่​เป็นการ​ร่วม​ประเวณี​ไม่ เป็น​แต่​เพียง​การ​ล่วง​เกิน​ใน​ทำนอง​ชู้สาว​ซึ่ง​ชาย​คู่​หมั้น​ยัง​ไม่มี​สิทธิ​ มสธ มส

มส 1-62 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ชาย​อื่น​นั้น หรือ​กรณี​ที่​หญิง​คู่​หมั้น​ยอม​ให้​ชาย​อื่น​เอา​วัตถุ​อื่น​ใด​สอดใส่​ใน​ช่อง​คลอด​ก็​ไม่ใช่​มสธ ความ​หมาย​ของ​คำ​ว่า​ร่วม​ประเวณี​เช่น​กัน นอกจาก​นั้น​เมื่อ​ความ​หมาย​ของ​คำ​ว่า​ร่วม​ประเวณี​จำกัด​อยู่​ที่​การ​ร่วม​เพศ ​ระหว่าง​ชาย​กับ​หญิง​เท่านั้น ดัง​นั้น​ผู้​เขียน​จึง​มี​ความ​เห็น​ว่าการ​ร่วม​เพศ​ระหว่าง​ชาย​คู่​หมั้น​กับ​ชาย​อื่น หรือการมสธ ​ร่วม​เพศ​ระหว่าง​หญิง​คู่​หมั้น​กับ​หญิง​อื่น​ก็​ไม่​อยู่​ใน​ข่าย​ที่​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ตาม​มาตรา 1445 ได้​แต่​อย่าง​ใด แม้ว่า​ จะ​มีก​ าร​ผ่าตัด​แปลงเ​พศแ​ ล้ว​ก็ตาม (ซึ่งส​ ่วนน​ ี้ต​ ่าง​จาก​คำว​ ่า “กระทำช​ ำเรา” ตาม ปอ. มาตรา 276 วรรคส​ อง) (2) ผู้​ซ่ึง​ร่วม​ประเวณี​รู้​หรือ​ควร​รู้​ว่า​บุคคล​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​ได้​หมั้น​แล้ว เงื่อนไข​สำคัญ​ที่​จะ​ทำให้​ ผู้​ร่วม​ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ต้อง​รับ​ผิด​ชดใช้​ค่า​ทดแทน​ได้​นั้น จะ​ต้อง​มี​ข้อ​เท็จ​จริง​ปราก​ฏ​ว่า​คู่​หมั้น​ได้ยิน​ยอม​ร่วม ป​ ระเวณกี​ ับบ​ ุคคลอ​ ื่นโ​ดยบ​ ุคคลอ​ ื่นท​ ี่ร​ ่วมป​ ระเวณีน​ ั้นจ​ ะต​ ้องร​ ู้ห​ รือค​ วรจ​ ะร​ ู้ว​ ่าบ​ ุคคลท​ ี่ต​ นร​ ่วมป​ ระเวณีด​ ้วยน​ ั้นไ​ด้ห​ มั้น​ แล้ว แต่​ไม่​จำเป็น​จะ​ต้อง​รู้​ถึง​ขนาด​ที่​ว่า​ได้​หมั้น​กับ​ใคร เนื่องจาก​การ​ที่​จะ​ลงโทษ​ให้​บุคคล​ใด​ต้อง​ชำระ​ค่า​ทดแทน​ให้​ คู่​หมั้นข​ อง​คน​ที่ต​ น​ร่วม​ประเวณีด​ ้วย บุคคล​นั้น​ก็​ต้อง​เป็นบ​ ุคคล​ที่ส​ มควร​จะถ​ ูก​ลงโทษ กล่าวค​ ือ รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​คนท​ ี่ต​ น ​ไป​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​ได้​หมั้น​หมาย​กับ​คน​อื่น​ไว้​แล้ว แต่​ก็​ยัง​เจตนา​ที่​จะ​กระทำ​ลง​ไป คน​ประเภท​นี้​จึง​สมควร​ที่​ถูก ​ลงโทษ แต่​หาก​ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม หาก​บุคคล​หนึ่ง​ไป​ร่วม​ประเวณี​กับ​คน​ที่​มี​คู่​หมั้น​แล้ว โดยที่​คน​นั้น​ไม่รู้​เรื่อง​อะไร​ที่​ เกี่ยว​กับ​การ​หมั้น​เลย หรือ​อาจ​จะ​เป็น​เพราะ​เชื่อ​โดย​สุจริต​ว่า​คน​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​ไม่​ได้​หมั้น​หมาย​อยู่​กับ​ใคร เนื่องจาก​ผู้​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​แสดง​ข้อความ​อัน​เป็น​เท็จ กรณี​เช่น​นี้​เห็น​ว่า​บุคคล​ที่​ร่วม​ประเวณี​นั้น​ไม่​ได้​มี​ เจตนา​จะ​ยุ่งเ​กี่ยวก​ ับค​ น​ที่ม​ ีค​ ู่ห​ มั้น​แล้ว คน​ประเภท​นี้​จึง​ไม่​ควร​ถูกล​ งโทษใ​ห้จ​ ่ายค​ ่า​ทดแทน นอกจาก​กฎหมาย​จะ​กำหนด​ให้​บุคคล​ที่​ร่วม​ประเวณี​โดย​รู้​ว่า​คน​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​มี​คู่​หมั้น​แล้ว​ต้อง​ จ่าย​ค่า​ทดแทน กฎหมาย​ยัง​ขยาย​ความ​ถึง​บุคคล​ที่​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่ “ควร​จะ​รู้” อีก​ด้วย เช่น กรณี​ที่​ชาย​ที่​ร่วม​ประเวณี​ กับ​หญิง​คู่​หมั้น​อ้าง​ว่า​ตน​ไม่​ได้​รู้​ถึง​การ​หมั้น แต่​จาก​ข้อ​เท็จ​จริง​เห็น​ได้​ว่า​บ้าน​ของ​ชาย​คน​นั้น​อยู่​ติด​กับ​บ้าน​ที่​จัด​งาน​ หมั้น​อย่าง​เอิกเกริก มี​การ​ป่าว​ประกาศ​และ​แจก​บัตร​เชิญ​ให้​ทุกๆ บ้าน​ใน​ละแวก​นั้น​รวม​ถึง​บ้าน​ชาย​คน​ดัง​กล่าว​ด้วย กรณีเ​ช่น​นี้​ชายค​ น​ดังก​ ล่าว​อยู่​ใน​ฐานะ​ควร​จะร​ ู้​ว่าค​ น​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วยน​ ั้น​ได้​หมั้น​แล้ว สำหรับ​การ​พิจารณา​ว่า​รู้​หรือ​ควร​รู้​ว่า​ผู้​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​มี​คู่​หมั้น​หรือ​ไม่ ให้​พิจารณา​ใน​ช่วง​เวลา​ ก่อน​หรือ​ขณะ​ร่วม​ประเวณี หากว่า​ผู้​กระทำ​รู้​อยู่​แล้ว​ก่อน​หรือ​ใน​ขณะ​ที่​ร่วม​ประเวณี​ว่า​คน​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​ มี​คู่​หมั้น​อยู่​แล้ว ดังนี้​จะ​ต้อง​รับ​ผิด​ชดใช้​ค่า​ทดแทน แต่​หาก​เป็น​กรณี​ที่​บุคคล​ดัง​กล่าว​มาท​ราบ​ภาย​หลัง​จาก​ที่​มี​การ​ ร่วม​ประเวณี​แล้ว​ว่า​คน​ที่​ตน​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​นั้น​มี​คู่​หมั้น ใน​กรณี​นี้​จะ​ถือว่า​บุคคล​ดัง​กล่าว​รู้​ไม่​ได้ จึง​ไม่​อาจ​เรียก​ ค่าท​ ดแทนไ​ด้ การท​ ี่จ​ ะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ได้​ตาม​มาตรา 1445 นั้น การร​ ่วม​ประเวณีท​ ี่​เกิดข​ ึ้น​ต้องม​ า​จากก​ าร​ยินยอม​พร้อมใจ​ ของ​คู่​หมั้น​กับ​บุคลล​อื่น ซึ่ง​ก็​คือ​การ​สมัคร​ใจ​ร่วม​ประเวณี​นั่นเอง เพราะ​หากว่า​เป็นการ​ที่​ถูก​บังคับ​ให้​ร่วม​ประเวณี​ หรือ​การ​ร่วม​ประเวณี​โดย​ไม่​สมัคร​ใจ​จะ​เข้า​ข่าย​เป็นการ​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ซึ่ง​จะ​มี​หลัก​เกณฑ์​ใน​การ​เรียก​ค่า​ทดแทน ท​ ี่ต​ ่าง​ออก​ไปด​ ังท​ ี่จ​ ะ​อธิบายต​ ่อไ​ปใ​น​มาตรา 1446 (3) คู่​หม้ัน​ฝ่าย​ท่ี​เสีย​หาย​ได้​บอก​เลิก​สัญญา​หม้ัน​แล้ว คู่​หมั้น​อาจ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​บุคคล​อื่น​ซึ่ง​ได้​ร่วม​ ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ของ​ตน​โดย​รู้​หรือ​ควร​จะ​รู้​ว่า​ได้​มี​การ​หมั้น​แล้ว​ได้​ก็​ต่อ​เมื่อ​คู่​หมั้น​ได้​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ตาม​ มาตรา 1442 แล้ว คู่​หมั้น​ที่​จะ​ใช้​สิทธิ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​บุคคล​อื่น​ที่​ร่วม​ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ตน​จะ​ต้อง​บอก​เลิก ส​ ัญญา​หมั้นก​ ับ​หญิงต​ าม​มาตรา 1442 โดย​ถือว่า​มี​เหตุส​ ำคัญ​อัน​เกิดแ​ ก่​หญิง​คู่​หมั้น แล้วจ​ ึง​จะ​มีส​ ิทธิเ​รียก​ค่า​ทดแทน​ จาก​ชาย​อื่น​ตาม​มาตรา 1445 นี้ และ​ยัง​อาจ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​หญิง​คู่​หมั้น​โดย​อ้าง​เหตุ​ว่า​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​อย่าง​ ร้าย​แรง​ตาม​มาตรา 1444 ดัง​ที่​กล่าว​มา​แล้ว​ได้​อีก​ด้วย อย่างไร​ก็​ดี​หาก​คู่​หมั้น​เพียง​ยินยอม​ให้​บุคคล​อื่น​กอด​จูบ​ ลูบคลำ​ใน​ทาง​ชู้สาว คู่​หมั้น​อีก​ฝ่าย​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​บุคคล​อื่น​ไม่​ได้ โดย​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ได้​แต่​เฉพาะ​จาก ค​ ู่​หมั้นข​ อง​ตนท​ ี่ย​ ินยอม​ให้ม​ ี​การกร​ ะ​ทำ​ดังก​ ล่าว​ซึ่งถ​ ือว่า​เป็นการก​ ระทำ​ชั่วอ​ ย่าง​ร้าย​แรง​เท่านั้น มสธ มส

มส การหม้ัน 1-63 มสธ ใน​กรณี​ที่​คู่​หมั้น​ฝ่าย​หนึ่ง​ไป​ร่วม​ประเวณีก​ ับบ​ ุคคลอ​ ื่น โดยที่ค​ ู่​หมั้นอ​ ีกฝ​ ่าย​หนึ่ง​รู้​เห็น​เป็นใจด​ ้วย เช่น หญิงมสธ ​คู่​หมั้น​จัดหา​หญิง​อื่น​มา​ให้​ร่วม​ประเวณี​กับ​ชาย​คู่​หมั้น กรณี​เช่น​นี้ หญิง​คู่​หมั้น​ไม่​อาจ​ที่​จะ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​แล้ว​ เรียกค​ ่า​ทดแทนจ​ าก​หญิงอ​ ื่น​นั้น เนื่องจากต​ นเอง​ได้ใ​ห้​ความย​ ินยอม​ใน​การร​ ่วม​ประเวณี​ดังก​ ล่าวแ​ ล้วมสธ 2. การท​ ​ี่ผูอ​้ ื่นข​ ม่ ขืน​หรอื ​พยายามข​ ม่ ขืนก​ ระทำ​ชำเราค​ ู่​หม้ัน มาตรา 1446 “ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​อาจ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​ซึ่ง​ได้​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​หรือ​พยายาม​ข่มขืน​ กระทำช​ ำเรา​คหู​่ มนั้ ​ของต​ นโ​ดยร​ ห​ู้ รอื ค​ วร​จะ​รูถ​้ งึ ​การห​ มัน้ น​ ้นั ​ได​โ้ ดย​ไม่จ​ ำต​ อ้ งบ​ อกเ​ลกิ ​สญั ญา​หม้ัน” สาระ​สำคัญข​ อง​มาตรา 1446 สามารถ​แบ่งอ​ อก​ได้​เป็น 3 ประการ กล่าวค​ ือ (1) มี​การ​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​หรือ​พยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​คู่​หม้ัน มาตรา 1446 ได้​ให้การ​คุ้มครอง​ชาย ​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​ให้​สามารถ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​ซึ่ง​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​หรือ​พยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​คู่​หมั้น​ของ​ ตน​ได้ ซึ่ง​ความ​ผิด​ฐาน​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ที่​บัญญัติ​ไว้​ใน ปอ. มาตรา 276 วรรค​แรก บัญญัติ​ว่า “ผู้​ใด​ข่มขืน​กระทำ​ ชำเรา​ผู้​อื่น​โดย​ขู่เข็ญ​ด้วย​ประ​การ​ใดๆ โดย​ใช้​กำลัง​ประทุษร้าย​โดย​ผู้​อ่ืน​นั้น​อยู่​ใน​ภาวะ​ที่​ไม่​สามารถ​ขัดขืน​ได้ หรือ​ ​โดย​ทำให้​ผู้​อ่ืน​น้ัน​เข้าใจ​ผิด​ว่า​ตน​เป็น​บุคคล​อื่น​ต้อง​ระวาง​โทษ” บทบัญญัติ​ดัง​กล่าว​ได้​อธิบาย​ถึง​การ​ข่มขืน​ว่า​เป็น การ​กระทำ​ชำเรา​โดยที่​ฝ่าย​หนึ่ง​ไม่​สมัคร​ใจ​ด้วย โดย​อาจ​จะ​ถูก​บีบ​บังคับ​ขู่เข็ญ ใช้​กำลัง​ประทุษร้าย หรือ​อาจ​จะ​อยู่​ ใน​สภาพ​ที่​ไม่​อาจ​ขัดขืน​ได้ รวม​ทั้ง​กรณี​ที่​เป็นการ​กระทำ​ชำเรา​โดย​ทำให้​ผู้​ถูก​กระทำ​เข้าใจ​ผิด​ว่า​ผู้​กระทำ​เป็น​บุคคล​ อื่น​ที่ต​ น​จะย​ ินยอม​ให้​กระทำ​ชำเรา เช่น คน​รัก​หรือ​คู่​หมั้น ภาย​หลัง​จาก​ที่​มี​การ​แก้ไข​ ปอ. มาตรา 276 บทบัญญัติ​ดัง​กล่าว​ได้​มี​การ​ขยาย​ขอบเขต​ของ​ผู้​ที่​ถูก​ข่มขืน​ กระทำ​ชำเรา​ที่​จาก​เดิม​ครอบคลุม​เฉพาะ​ฝ่าย​หญิง กล่าว​คือ หญิง​เท่านั้น​ที่​จะ​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ได้ โดย​ชาย​ ไม่​อาจ​ที่​จะ​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ได้​แต่​อย่าง​ใด แต่​เมื่อ​มี​การ​แก้ไข ปอ.แล้ว ขอบเขต​ของ​ผู้​ถูก​กระทำ​ก็​ขยาย​รวม​ทั้ง​ ชาย​และ​หญิง ซึ่ง​ก็​คือ ชาย​และ​หญิง​อาจ​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ได้​ทั้ง​คู่ โดย​อาจ​เป็นการ​ที่​ชาย​ข่มขืน​หญิง หญิง​ข่มขืน ​ชาย ชาย​ข่มขืน​ชาย หรือหญิง​ข่มขืน​หญิง​ก็ได้ ดัง​นั้น​หาก​กรณี​ที่​หญิง​คู่​หมั้น​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา ชาย​คู่​หมั้น​ สามารถ​ที่​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​กระทำ​ได้ หรือ​ใน​ทาง​กลับ​กัน หาก​มี​คน​มา​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ชาย​คู่​หมั้น หญิง​ คู่​หมั้น​ก็​สามารถ​เรียกค​ ่าท​ ดแทน​ได้จ​ ากผ​ ู้ก​ ระทำ​ได้​ด้วยเ​ช่น​กัน การ​ข่มขืนก​ ระทำช​ ำเรา มี​ความ​หมาย​อยู่​ใน ​ปอ. มาตรา 276 วรรคส​ อง ซึ่งไ​ด้​บัญญัติ​ว่า “การก​ระ​ทำ​ชำเรา​ ตาม​วรรค​หนึ่ง หมายความ​ว่าการ​กระทำ​เพ่ือ​สนอง​ความ​ใคร่​ของ​ผู้​กระทำ​โดย​การ​ใช้​อวัยวะ​เพศ​ของ​ผู้​กระทำ​ ก​ ระทำก​ บั อ​ วยั วะเ​พศ ทวารห​ นกั หรอื ช​ อ่ งป​ ากข​ องผ​ อ​ู้ น่ื หรอื ก​ ารใ​ชส​้ ง่ิ อ​ นื่ ใ​ดก​ ระทำก​ บั อ​ วยั วะเ​พศห​ รอื ท​ วารห​ นกั ข​ องผ​ ​ู้ อนื่ ” จาก​บทบัญญัติด​ ังก​ ล่าวเ​ห็น​ได้​ว่าการก​ ระทำ​ชำเราจ​ ะม​ ี​ความห​ มายก​ว้างก​ ว่า​คำว​ ่า​ร่วม​ประเวณี เนื่องจากห​ มาย​ถึง​ การ​ที่​ผู้​กระทำ​ใช้​อวัยวะ​เพศ​กับ​อวัยวะ​เพศ ช่อง​ทวาร​หนัก หรือ​ช่อง​ปาก และ​ยัง​รวม​ถึง​การ​ที่​ใช้​สิ่ง​อื่น​ใด​กับ​อวัยวะ​ เพศ​หรือ​ช่อง​ทวาร​หนัก​ของ​ผู้​ถูก​กระทำ​อีก​ด้วย ดัง​นั้น หาก​ชาย​คู่​หมั้น​ถูก​ชาย​อื่น​บังคับ​โดย​เอา​อวัยวะ​เพศ​หรือ​วัตถุ​ อื่น​ใด​สอดใส่​เข้า​ใน​ทวาร​หนัก กรณี​ดัง​กล่าว​ก็​อยู่​ใน​ความ​หมาย​ของ​การ​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา ซึ่ง​เปิด​โอกาส​ให้​หญิง​ คู่​หมั้นเ​รียกค​ ่า​ทดแทน​จากช​ าย​ผู้ข​ ่มขืน​กระทำ​ชำเราไ​ด้ อย่างไร​ก็​ดี การ​ล่วง​เกิน​คู่​หมั้น​ใน​ทำนอง​ชู้สาว​โดย​ไม่มี​เจตนา​กระทำ​ชำเรา เช่น การก​อด​จูบ​ลูบคลำ​อัน​เป็น การ​กระทำ​เพียง​แค่​อนาจาร​เท่านั้น ก็​ยัง​ไม่​ถึง​ขั้น​พยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา คู่​หมั้น​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​กระทำ ไ​ม่ไ​ด้ เพราะ​กฎหมาย​ถือว่าย​ ัง​ไม่เ​ป็นการล​ ะเมิด​สิทธิ​ของค​ ู่​หมั้น (2) ผู้​กระทำ​ต้อง​รู้​หรือ​ควร​รู้​ว่า​ผู้​ถูก​กระทำ​มี​คู่​หมั้น​อยู่​แล้ว การ​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​นั้น ผู้​กระทำ​มี​โทษ​ใน​ ทาง​อาญา​และ​ความ​รับ​ผิด​ใน​ทาง​แพ่ง​ต่อ​ผู้​ถูก​กระทำ​ตาม​หลัก​เรื่อง​ละเมิด​ใน ปพพ.มาตรา 420 อย่างไร​ก็​ดี ปพพ. มาตรา 1446 ได้​บัญญัติ​ให้ ผู้​กระทำ​จะ​ต้อง​รับ​ผิด​จ่าย​ค่า​ทดแทน​ให้​แก่​ชาย​หรือ​หญิง​ซึ่ง​เป็น​คู่​หมั้น​ของ​ผู้​ที่​ถูก​ข่มขืน​ มสธ มส

มส 1-64 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ กระทำ​ชำเรา​ด้วย หากว่า​ผู้​ที่​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​รู้​หรือ​ควร​รู้​ถึง​การ​หมั้น โดย​ความ​รู้​หรือ​ไม่รู้​ถึง​การ​หมั้น​ดัง​กล่าว​เป็น​มสธ ตัวช​ ีว้​ ่าผ​ ูท้​ ีข่​ ่มขืนก​ ระทำช​ ำเราค​ วรต​ ้องร​ ับผ​ ิดต​ ่อช​ ายห​ รือห​ ญิงผ​ ูเ้​ป็นค​ ูห่​ มั้นข​ องผ​ ูถ้​ ูกข​ ่มขืนก​ ระทำช​ ำเราห​ รือไ​ม่ เนื่องจาก ​หาก​รู้​แล้ว​ว่า​คน​ที่​ตน​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​มี​คู่​หมั้น​อยู่ ก็​ย่อม​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​สามารถ​เล็ง​เห็น​ถึง​ความ​ผิด​ที่​ทำ​ลง​ไป​นั้น​ ว่าน​อก​จาก​จะ​เกิด​ความ​เสีย​หายใ​นต​ ัวผู้ถ​ ูกข​ ่มขืนก​ ระทำช​ ำเราแ​ ล้ว ยังอ​ าจก​ ่อใ​ห้​เกิด​ความ​เสีย​หาย​ต่อ​คู่​หมั้นข​ อง​ผู้​นั้น​ อีกด​ ้วย จึงส​ มควรท​ ี่จ​ ะต​ ้องจ​ ่ายค​ ่าท​ ดแทนใ​ห้แ​ ก่ช​ ายห​ รือห​ ญิงท​ ี่ค​ ู่ห​ มั้นถ​ ูกข​ ่มขืนก​ ระทำช​ ำเราน​ ั้นโ​ดยถ​ ือเ​ป็นการล​ ะเมิด​ สิทธิ​ของช​ าย​หรือห​ ญิงค​ ู่ห​ มั้นข​ อง​ผู้ถ​ ูกข​ ่มขืน​กระทำช​ ำเรา​โดยตรง (3) ชายห​ รอื ห​ ญงิ ค​ ห​ู่ มน้ั ม​ ส​ี ทิ ธเ​ิ รยี กค​ า่ ท​ ดแทนจ​ ากผ​ ก​ู้ ระทำก​ บั ค​ ห​ู่ มน้ั ข​ องต​ นโ​ดยไ​ มต​่ อ้ งบ​ อกเ​ลกิ ส​ ญั ญาห​ มน้ั การ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ตาม​มาตรา​นี้​ชาย​คู่​หมั้น​ไม่​จำเป็น​ต้อง​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ก่อน ทั้งนี้​เพราะ​กรณี​นี้​ไม่ใช่​เป็น​เรื่อง​ ที่​คู่​หมั้น​ยินยอม​ให้​ร่วม​ประเวณี แต่​เป็น​เพราะ​บุคคล​อื่น​ได้​ใช้​กำลัง​ประทุษร้าย​หรือ​ขู่เข็ญ​ด้วย​ประ​การ​ใดๆ และ​ไม่ใช่​ เป็น​เรื่อง​การ​ที่ค​ ู่​หมั้น​ประพฤติ​ชั่ว​อย่าง​ร้ายแ​ รง​แต่ป​ ระการใ​ดด​ ้วย คู่ห​ มั้นจ​ ึง​จะเ​รียก​ค่าท​ ดแทน​จาก​คู่​หมั้นผ​ ู้ถ​ ูก​ข่มขืน​ กระทำ​ชำเรา​ตามม​ าตรา 1444 ด้วย​ไม่ไ​ด้ อย่างไรก​ ็ด​ ีห​ ากช​ ายห​ รือห​ ญิงค​ ู่ห​ มั้นเ​ห็นว​ ่าการท​ ี่ค​ ู่ห​ มั้นข​ องต​ นถ​ ูกข​ ่มขืนก​ ระทำช​ ำเราเ​ป็นเ​รื่องส​ ำคัญถ​ ึงข​ นาด​ ที่​ตน​ไม่​สมควร​จะ​สมรส​กับ​คู่​หมั้น​ของ​ตน ก็​สามารถ​ที่​จะ​อ้าง​ว่า​เป็น​เหตุ​สำคัญ​เพื่อ​ที่​จะ​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​ได้ เพียง ​แต่​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​คู่​หมั้น​ที่​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ไม่​ได้​เพราะ​การ​ที่​คู่​หมั้น​นั้น​ถูก​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​ไม่​ได้​เป็น​ เพราะก​ าร​ประพฤติ​ชั่วอ​ ย่างร​ ้าย​แรงข​ อง​ผู้ถ​ ูกข​ ่มขืน​กระทำช​ ำเรา อทุ าหรณ์ ฎ. 1685/2516 จำเลย​เข้าไป​กอด​หญิง​ผู้​เสีย​หาย​และ​พูด​ขอก​ระ​ทำ​ชำเรา ผู้​เสีย​หาย​ร้อง​ขึ้น จำเลย​เอา​มือ​ ปิดปาก​ผู้​เสีย​หาย กด​ผู้​เสีย​หาย​นอน​ลง​ที่​พื้น​เรือน​แล้ว​ขึ้น​คร่อม​เอา​หัว​เข่า​กด​ต้น​ขา​ไว้ ขณะ​นั้น​ผู้​เสีย​หาย​นอน​หงาย ​นุ่งก​ ระโจมอกอ​ ยู่ จำเลยก​ ้ม​ลงก​ ัด​ที่​แก้มแ​ ละถ​ ลกผ​ ้า​ซิ่น​ขึ้น​จากด​ ้านล​ ่าง ผู้​เสียห​ ายด​ ิ้นอ​ ย่างแ​ รงจ​ นห​ ลุดแ​ ล้วว​ ิ่งร​ ้องไห​้ ลง​เรือน​ไป เช่น​นี้ การก​ระ​ทำ​ของ​จำเลย​ยัง​ไม่​อยู่​ใน​วิสัย​ที่​จำเลย​จะ​กระทำ​ชำเรา​ผู้​เสีย​หาย​ได้ การก​ระ​ทำ​ของ​จำเลย​ จึง​ไม่เ​ป็นค​ วาม​ผิด​ฐานพ​ ยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา คงเ​ป็นค​ วาม​ผิด​ฐาน​กระทำอ​ นาจาร ฎ. 1436/2523 จำเลย​อายุ 30 ปี ผู้​เสีย​หาย​เป็น​เด็ก​หญิง​อายุ 8 ขวบ จำเลย​ใส่​อวัยวะ​เพศ​ใน​อวัยวะ​เพศ​ ของ​ผู้​เสีย​หาย ผู้​เสีย​หาย​บาด​เจ็บ​ร้อง​ขึ้น จำเลย​ใช้​อวัยวะ​ถู​อยู่​ภายนอก​จน​สำเร็จ​ความ​ใคร่ เป็นการ​แสดง​เจตนา​ที่​ จำเลย​จะ​ชำเรา ทำ​ตลอด​แล้ว​แต่​ไม่​บรรลุ​ผล เพราะ​อวัยวะ​เพศ​ของ​จำเลย​ไม่​อาจ​ล่วง​ล้ำ​เข้าไป​ได้ เป็น​ความ​ผิด​ฐาน​ พยายาม​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา ไม่ใช่​เพียงแ​ ต่​ทำอ​ นาจาร ใน​การ​กำหนด​จำนวน​ค่า​ทดแทน​ให้​ผู้​อื่น​ที่มา​ล่วง​เกิน​คู่​หมั้น​ทาง​ประเวณี​ตาม​มาตรา 1445 และ 1446 เพื่อ​ ชดใช้​ให้​แก่​คู่​หมั้น​นั้น คู่​หมั้น​จะ​พึง​ได้​รับ​จำนวน​ใด​ย่อม​แล้ว​แต่​ฐานะ​และ​ชื่อ​เสียง​ของ​คู่​หมั้น ประกอบ​กับ​พฤติการณ์​ ความ​ร้าย​แรง​ของ​การ​ล่วง​เกิน​คู่​หมั้น​ทาง​ประเวณี โดย​ศาล​จะ​เป็น​ผู้​กำหนด​ตาม​จำนวน​ที่​เห็น​สมควร และ​ถ้า​หาก​ คู่​หมั้น​ยินยอม​ให้​ผู้​อื่น​ร่วม​ประเวณี​กับ​คู่​หมั้น​ของ​ตน​หรือ​รู้​เห็น​เป็นใจ ให้​ผู้​อื่น​ข่มขืน​กระทำ​ชำเรา​คู่​หมั้น​ตนเอง​ย่อม ​ถือ​ไม่​ได้​ว่า​ผู้​อื่น​ละเมิด​สิทธิ​ของ​คู่​หมั้น คู่​หมั้น​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​ชาย​อื่น​ตาม​มาตรา 1445 และ​มาตรา 1446 ไม่ไ​ ด้ มสธ มสธ มส

มส การหมน้ั 1-65 กิจกรรม 1.4.3มสธ มสธ นาย​แดง​ทำการ​หมั้น​นางสาว​ขาว​ด้วย​ทอง​หมั้น​หนัก 10 บาท โดย​มี​นาย​ดำ​เป็น​พยาน​ใน​สัญญา​หม้ัน หลงั จ​ ากหมน้ั แ​ ลว้ น​ ายแ​ ดงไ​ดไ​้ ปเ​รยี นต​ อ่ ต​ า่ งป​ ระเทศ นายด​ ำถ​ อื โ​อกาสม​ าเ​กยี้ วพ​ าราส​ น​ี างสาวข​ าว จนน​ างสาวข​ าว​มสธ ใจออ่ นย​ นิ ยอมใ​หน​้ ายด​ ำก​ อดจ​ บู ล​ บู คลำถ​ งึ ก​ บั น​ อนเ​ปลอื ยก​ ายอ​ ยด​ู่ ว้ ยก​ นั แ​ ตย​่ งั ไ​มถ​่ งึ ข​ นั้ ร​ ว่ มป​ ระเวณี เมอื่ น​ ายแ​ ดง​ กลับ​มา​จาก​ต่าง​ประเทศ​ทราบ​เร่ือง มี​ความ​ประสงค์​ที่​จะ​เรียก​ทอง​หมั้น​คืน และ​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​นาย​ดำ​และ​ นางสาวข​ าว รวม​ทัง้ ป​ ฏิเสธไ​ม่​ยอมท​ ำการส​ มรสด​ ้วย​กบั ​นางสาวข​ าว เช่น​น้ี จง​แนะนำน​ ายแ​ ดงว​ ่า​จะ​มช​ี ่อง​ทาง​ท​จ่ี ะก​ ระทำไ​ด​ต้ าม​ความ​ประสงคห​์ รอื ไ​ม​่เพียง​ใด แนวต​ อบ​กจิ กรรม 1.4.3 แนะนำน​ ายแ​ ดงว​ า่ การท​ น​ี่ างสาวข​ าวย​ นิ ยอมใ​หน​้ ายด​ ำก​ อดจ​ บู ล​ บู คลำถ​ งึ ก​ บั น​ อนเ​ปลอื ยก​ ายด​ ว้ ยก​ นั น​ ้ี ถอื ​ ไดว้​ ่าม​ เ​ี หตสุ​ ำคญั อ​ นั เ​กิดแ​ กห่​ ญงิ ค​ ห​ู่ มน้ั นายแ​ ดงค​ หู่​ มน้ั จ​ ึงม​ สี​ ิทธบ​ิ อกเ​ลิกส​ ญั ญาห​ มนั้ แ​ ละเ​รียกท​ องห​ มนั้ ห​ นัก 10 บาทค​ นื ไ​ด้ ตามม​ าตรา 1442 และก​ ารกร​ ะท​ ำข​ องน​ างสาวข​ าวด​ งั ก​ ลา่ วเ​ปน็ การก​ ระทำช​ ว่ั อ​ ยา่ งร​ า้ ยแ​ รง นางสาวข​ าว​ จึง​ต้อง​รบั ​ผดิ ​ใช้​ค่า​ทดแทนใ​ห้​แก่​นาย​แดง ตามม​ าตรา 1444 ซ่ึง​เรยี ก​คา่ ท​ ดแทน​ได้ ตาม​มาตรา 1440 ส่วนน​ ายด​ ำ​แมจ้​ ะ​ร้​ูวา่ น​ างสาว​ขาวม​ คี​ ่ห​ู ม้ัน​คือน​ าย​แดงก​ ต็ าม แต​่เน่อื งจาก​นาย​ดำย​ งั ม​ ิได​้รว่ ม​ประเวณ​กี บั ​ นางสาว​ขาว เป็น​แต่​เพียง​ล่วง​เกิน​ใน​ทำนอง​ชู้สาว​เท่าน้ัน นาย​ดำ​จึง​ยัง​ไม่​ต้อง​รับ​ผิด​ชดใช้​ค่า​ทดแทน​ให้​แก่​นาย​ แดง ตามม​ าตรา 1445 เรอ่ื งท​ ี่ 1.4.4 สิทธ​เิ รียก​คา่ ​ทดแทน​และอ​ ายุค​ วาม ใน​กรณี​ที่​มี​สิทธิ​ใน​ค่า​ทดแทน​เกิด​ขึ้น​ตาม​กฎหมาย​แล้ว ปพพ.ได้​วาง​หลัก​เกณฑ์​ไว้​ใน​มาตรา 1447 ถึง​ มาตรา 1447/2 มาตรา 1447 “ค่า​ทดแทน​อัน​จะ​พึง​ชดใช​แ้ ก​ก่ ัน​ตามห​ มวด​นใี​้ ห​้ศาลว​ ินิจฉยั ต​ ามค​ วร​แก่​พฤติการณ์ สทิ ธเ​ิ รยี กร​ อ้ งค​ า่ ท​ ดแทนต​ ามห​ มวดน​ ้ี นอกจากค​ า่ ท​ ดแทนต​ ามม​ าตรา 1440 (2) ไมอ​่ าจโ​อนก​ นั ไ​ด้ และไ​มต​่ กทอด​ ไป​ถงึ ท​ ายาท เวน้ แ​ ต​ส่ ทิ ธิ​น้นั จ​ ะ​ไดร​้ ับส​ ภาพก​ ันไ​ว​้เป็นห​ นงั สือ หรอื ​ผู้เ​สยี ​หายไ​ด้เ​รมิ่ ​ฟอ้ งค​ ด​ตี าม​สิทธ​ินน้ั ​แลว้ ” มาตรา 1447/1 “สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​ตาม​มาตรา 1439 ให้​มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ผิด​สัญญา​ หมนั้ สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​ตาม​มาตรา 1444 ให้​มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​รู้​หรือ​ควร​รู้​ถึง​การก​ระ​ทำ​ช่ัว​ อยา่ ง​รา้ ย​แรง อัน​เปน็ เ​หตุใ​ห​้บอกเ​ลิก​สญั ญา​หมัน้ แต่ต​ ้อง​ไม่​เกนิ ​หา้ ​ป​ีนบั แ​ ต​่วันก​ ระทำก​ ารด​ งั ก​ ล่าว สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​ตาม​มาตรา 1445 และ​มาตรา 1446 ให้​มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ชาย​หรือ​ ​หญิง​คู่​หม้ัน​รู้​หรือ​ควร​รู้​ถึง​การก​ระ​ทำ​ของ​ผู้​อ่ืน​อัน​จะ​เป็น​เหตุ​ให้​เรียก​ค่า​ทดแทน​และ​รู้ตัว​ผู้​จะ​พึง​ใช้​ค่า​ทดแทน​น้ัน แต่​ ตอ้ งไ​มเ​่ กนิ ห​ ้า​ป​นี ับแ​ ตว่​ นั ​ท​ผ่ี ้อ​ู น่ื ​ไดก​้ ระทำก​ าร​ดัง​กลา่ ว” มสธ มส

มส 1-66 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก มสธ มาตรา 1447/2 “สิทธ​ิเรียก​คนื ​ของห​ มน้ั ต​ ามม​ าตรา 1439 ให​ม้ อี าย​ุความห​ ก​เดอื นน​ ับ​แต่​วนั ​ที่ผ​ ดิ ​สญั ญา​หมน้ัมสธ สิทธ​ิเรยี ก​คนื ข​ องห​ มัน้ ​ตาม​มาตรา 1442 ใหม​้ อี ายุ​ความห​ กเ​ดือน​นบั แ​ ต​่วัน​ทไ่​ี ดบ้​ อก​เลิกส​ ญั ญา​หมน้ั ” ใน​การ​คำนวณ​ค่า​ทดแทน​อัน​เนื่อง​มา​จาก​การ​ผิด​สัญญา​หมั้น ค่า​ทดแทน​อัน​เนื่อง​มา​จาก​การ​บอก​เลิก​สัญญา​มสธ หมั้น​เพราะ​มี​เหตุ​สำคัญ​เกิดแก่​ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​ที่​เป็นการ​กระทำ​ชั่ว​อย่าง​ร้าย​แรง หรือ​ค่า​ทดแทน​จาก​ชาย​อื่น​ที่มา​ ล่วง​ประเวณี​หญิง​คู่​หมั้น​นั้น มาตรา 1447 กำหนด​ให้​ศาล​วินิจฉัย​ตาม​ควร​แก่​พฤติการณ์ โดย​ศาล​มี​ดุลพินิจ​ที่​จะ​ คำนึง​ถึง​เหตุ​และ​ความ​ร้าย​แรง​แห่ง​กรณี​ด้วย เช่น ชาย​หมั้น​หญิง​และ​กำหนด​จะ​สมรส​กัน หลัง​จาก​หญิง​ไว้​ทุกข์​ให้​ บิดา​แล้ว 3 ปี ระหว่าง​นั้น​หญิง​ตั้ง​ครรภ์​กับ​ชาย ชาย​แนะนำ​ให้​หญิง​ทำแท้ง เมื่อ​หญิง​ทำแท้ง​แล้ว​เกิด​ป่วย​หนัก​ชาย​ หาย​หน้า​ไป และ​กลับ​ไป​สมรส​กับ​หญิง​อื่น หญิง​ได้​รับ​ความ​เสีย​หาย​ทาง​ร่างกาย​ชื่อ​เสียง​และ​ต้อง​เจ็บ​ป่วย​เสีย​เงิน ​รักษา​โดย​ชาย​มิได้​สนใจ ชาย​จึง​ต้อง​ใช้​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ดัง​กล่าว​จน​เต็ม​จำนวน จะ​อ้าง​ว่า​หญิง​ได้​ของ​หมั้น​ ไป​เป็นการ​เพียง​พอแล้ว​ไม่​ได6้ 3 หรือ​ชาย​หญิง​ทำ​พิธี​สมรส​กัน​ตาม​ประเพณี​แล้ว​ฝ่าย​หญิง​กลับ​ไม่​ยอม​ไป​จด​ทะเบียน​ สมรส อัน​เป็นการ​ผิด​สัญญา​หมั้น ชาย​ย่อม​มี​สิทธิ​ฟ้อง​เรียก​ของ​หมั้น​คืน​จาก​หญิง​ได้ ส่วน​ค่า​ทดแทน เช่น ค่า​ใช้​จ่าย​ ที่​ต้อง​ทำ​ตาม​ประเพณี​นั้น แม้​การ​สมรส​จะ​มิได้​สำเร็จ​ไป​โดย​ชอบ แต่​เมื่อ​ชาย​ได้​หลับ​นอน​กับ​หญิง​ตาม​ประเพณี​แล้ว ค่า​ใช้จ​ ่ายท​ ี่​ต้อง​ทำ​ตาม​ประเพณี​จึงไ​ม่ใช่​ค่าเ​สีย​หายอ​ ัน​ควร​คิด​เอา​แก่ก​ ัน64 เป็นต้น สิทธิ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ใน​หมวด​เรื่อง​การ​หมั้น​ทั้งหมด ยกเว้น​สิทธิ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​เนื่อง​ใน​การ เต​รี​ยม​การ​สมรส​ตาม​มาตรา 1440 (2) เป็น​สิทธิ​เฉพาะ​ตัว คู่​สัญญา​หมั้น​ผู้ทรง​สิทธิ ไม่​อาจ​มี​การ​โอน​สิทธิ​เรียก​ร้อง ​ค่า​ทดแทน​นี้​ให้​แก่​ผู้​อื่น​ได้ และ​หาก​คู่​สัญญา​หมั้นผู้ทรง​สิทธิ​ถึงแก่​ความ​ตาย​ไป​แล้ว สิทธิ​ดัง​กล่าว​ก็​ไม่​เป็น​มรดก​ ตกทอด​ไป​ยัง​ทายาท เว้น​แต่​สิทธิ​นั้น​จะ​ได้​รับ​สภาพ​กัน​ไว้​เป็น​หนังสือ​หรือ​ผู้​เสีย​หาย​ได้​เริ่ม​ฟ้อง​คดี​ตาม​สิทธิ​นั้น​แล้ว ตัวอย่าง​เช่น หญิง​ผิด​สัญญา​หมั้น​ไม่​ยอม​สมรส​กับ​ชาย ชาย​มี​สิทธิ​ที่​จะ​เรียก​ร้อง​ให้​หญิง​ใช้​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ ต่อ​กาย​หรือ​ชื่อ​เสียงข​ อง​ตน มาตรา 1440 (1) ชายจ​ ะ​โอน​สิทธิเ​รียก​ร้อง​นี้​ไปใ​ห้น​ าย​ดำเ​พื่อ​ไป​ฟ้อง​หญิงไ​ม่​ได้ หรือ​ชาย ​ทำ​สัญญา​หมั้น​กับ​หญิง​และ​ได้​ร่วม​ประเวณี​กับ​หญิง ต่อ​มา​ชาย​ผิด​สัญญา​หมั้น​ไม่​ยอม​สมรส​กับ​หญิง หญิง​จึง​มี​สิทธิ​ เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​ต่อ​กาย​จาก​ชาย​ได้ แต่​ก่อน​ที่​หญิง​จะ​ฟ้อง​คดี หญิง​ได้​ถึงแก่​ความ​ตาย​ไป เช่น​นี้​ ทายาท​ของ​หญิง​จะ​รับ​มรดก​สิทธิ​เรียก​ร้อง​เช่น​ว่า​นี้​มา​ฟ้อง​ชาย​ไม่​ได้ เพราะ​สิทธิ​เรียก​ร้อง​ดัง​กล่าว​เป็น​สิทธิ​เฉพาะ​ตัว หรือ​ชาย​ทำ​สัญญา​หมั้น​กับ​หญิง ต่อ​มา​หญิง​คู่​หมั้น​ได้​ร่วม​ประเวณี​กับ​นาย​แดง​โดย​สมัคร​ใจ โดย​นาย​แดง​ก็​ทราบ​ว่า ​หญิง​ได้​หมั้น​กับ​ชาย เมื่อ​ชาย​ได้​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น​กับ​หญิง​แล้ว ชาย​ก็​มี​สิทธิ​เรียก​ร้อง​ให้​นาย​แดง​ชดใช้​ค่า​ทดแทน​ ให้​แก่​ตน​ได้ นาย​แดง​จึง​ได้​มา​ทำ​หนังสือ​รับ​สภาพ​หนี้​กับ​ชาย​ว่า​จะ​ชดใช้​ค่า​ทดแทน​ให้ 50,000 บาท ภายใน 3 เดือน เช่นน​ ี้ช​ าย​สามารถ​ที่จ​ ะ​โอนส​ ิทธิ​เรียกร​ ้องต​ าม​หนังสือ​รับ​สภาพ​หนี้​นี้ใ​ห้​กับน​ ายข​ าวไ​ด้ เพราะเ​ข้าข​ ้อ​ยกเว้น​ตาม​ที่บ​ ัญญัติ​ ไว้​ใน​มาตรา 1447 วรรค​สอง นาย​ขาว​ผู้รับ​โอน​สิทธิ​สามารถ​ฟ้อง​คดี​ให้​นาย​แดง​ชำระ​หนี้​จำนวน 50,000 บาท ให้​กับ​ ตน​โดยตรงไ​ ด้ สำหรับ​อายุ​ความ​ใน​หมวด​เรื่อง​การ​หมั้น​นั้น กฎหมาย​กำหนด​ไว้​สั้นๆ เพียง 6 เดือน เพื่อ​ให้​ผู้ทรง​สิทธิ​ได้​ รีบ​จัดการ​ฟ้อง​คดี​ให้​แล้ว​เสร็จ​ไป​โดย​รวดเร็ว​อัน​เป็น​นโยบาย​ของ​รัฐ​ที่​ไม่​ประสงค์​จะ​ให้​ทอด​ทิ้ง​คดี​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​ เอา​ไว้​นานๆ โดย​อายุ​ความ​เริ่ม​นับ​ตั้งแต่​ขณะ​ที่​อาจ​บังคับ​สิทธิ​เรียก​ร้อง​ได้​เป็นต้น​ไป เรื่อง​อายุ​ความ​ใน​การ​เรียก ​ค่า​ทดแทนแ​ บ่ง​เป็น 6 กรณี ซึ่งม​ ี​ราย​ละเอียด​ดังนี้ คือ 63 ฎ. 1223/2519 64 ฎ. 1586/2494 มสธ มส

มส การหมน้ั 1-67 มสธ (1) สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​จาก​คู่​สัญญา​หม้ัน​ใน​กรณี​การ​ผิด​สัญญา​หม้ัน​ตาม​มาตรา 1439 มีอายุ​ความ​มสธ หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ผิด​สัญญา​หมั้น​นั้น ตาม​มาตรา 1447/1 เช่น ชาย​ปฏิเสธ​ไม่​ยอม​ทำการ​สมรส​กับ​หญิง​คู่​หมั้น หญิง​คู่​หมั้น​จะ​ต้อง​ฟ้อง​เรียก​ค่า​ทดแทน​ความ​เสีย​หาย​แก่​กาย​หรือ​ชื่อ​เสียง ฯลฯ ตาม​มาตรา 1440 ภายใน​กำหนด 6มสธ เดือน​นับแ​ ต่​วัน​ที่​ชายป​ ฏิเสธ​ไม่​ยอมท​ ำการ​สมรส​ด้วย​กับต​ น มิฉ​ ะนั้น​คดี​ขาดอ​ ายุ​ความ (2) สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​จาก​คู่​สัญญา​หมั้น​ใน​กรณี​การ​บอก​เลิก​สัญญา​หม้ัน เพราะ​การก​ระ​ทำ​ชั่ว​อย่าง​ ร้าย​แรง​ของ​คู่​หม้ัน​ภาย​หลัง​การ​หม้ัน​ตาม​มาตรา 1444 มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​รู้​หรือ​ควร​รู้​ถึง​การก​ระ​ทำ​ชั่ว​ อย่าง​ร้าย​แรงอ​ ันเ​ป็นเ​หตุ​ให้บ​ อก​เลิก​สัญญาห​ มั้น แต่ต​ ้องไ​ม่เ​กิน​ห้า​ปี​นับ​แต่ว​ ันก​ ระทำก​ าร​ดัง​กล่าว ตามม​ าตรา 1447/1 วรรค​สอง เช่น หลัง​จาก​หมั้น​แล้ว หญิง​คู่​หมั้น​ยินยอม​ให้​ชาย​อื่น​ร่วม​ประเวณี​ด้วย​ใน​วัน​ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2544 ชาย​คู่​หมั้น​รู้​เรื่อง​วัน​ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2544 ชาย​คู่​หมั้น​จึง​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น เพราะ​ถือว่า​หญิง​คู่​หมั้น​ประพฤติ​ ชั่ว​อย่าง​ร้ายแ​ รง​ใน​วัน​ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2544 เช่น​นี้ ชายค​ ู่​หมั้น​จะต​ ้อง​ฟ้อง​คดี​เรียก​ค่าท​ ดแทนจ​ ากห​ ญิงต​ ามม​ าตรา 1440 โดย​ถือ​เสมือน​ว่า​หญิง​ผิด​สัญญา​หมั้น​เสีย​ภายใน 6 เดือน นับ​แต่​วัน​ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2544 อัน​เป็น​วัน​ที่​ ตน​ได้​รู้​เหตุ แต่​ถ้า​หาก​ไม่รู้​เหตุ​จน​กระทั่ง​เวลา​ได้​ผ่าน​ไป​แล้ว 4 ปี 10 เดือน คือ​มา​รู้​เหตุ​เมื่อ​วัน​ที่ 1 มกราคม ของ​ปี​ สุดท้าย เช่น​นี้ ชาย​คู่​หมั้น​มี​เวลา​อีก​เพียง 2 เดือน​โดย​จะ​ต้อง​ฟ้อง​คดี​ภายใน​วัน​ที่ 1 มีนาคม​ของ​ปี​ที่​ห้า (พ.ศ.2549) อัน​เป็นว​ ัน​ที่ก​ ารกร​ ะ​ทำ​ชั่ว​ได้เ​กิด​ขึ้น มิฉ​ ะนั้นค​ ดี​ขาด​อายุ​ความ (3) สิทธิ​เรียก​ร้อง​ค่า​ทดแทน​จาก​ผู้​ซ่ึง​ร่วม​ประเวณี​กับ​หญิง​คู่​หมั้น​ตาม​มาตรา 1445 หรือ​ที่มา​ข่มขืน​กระทำ​ ชำเรา​คู่​หม้ัน​ตาม​มาตรา 1446 มีอายุ​ความ​หก​เดือนนั​บ​แต่​วัน​ที่​ชาย​หรือ​หญิง​คู่​หมั้น​ได้​รู้​หรือ​ควร​รู้​ถึง​การก​ระ​ทำ​ของ​ บุคคล​ดัง​กล่าว​เช่น​ว่า​นั้น และ​รู้ตัว​ผู้​จะ​พึง​ใช้​ค่า​ทดแทน แต่​ทั้งนี้​ต้อง​ไม่​เกิน​ห้า​ปี​นับ​แต่​วัน​ที่​บุคคล​ดัง​กล่าว​นั้น​ได้​ กระทำการ​ดัง​กล่าวต​ าม​มาตรา 1447/1 วรรค​สาม เช่น นาย​เขียวม​ า​ข่มขืน​กระทำ​ชำเราห​ ญิง​คู่​หมั้น ชายค​ ู่​หมั้นจ​ ะต​ ้อง​ ฟ้อง​คดี​เรียก​ค่า​ทดแทน​จาก​นาย​เขียว​ภายใน​กำหนด 6 เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ตน​รู้​เหตุการณ์​ที่​นาย​เขียว​ได้​ทำการ​ข่มขืน กระทำชำเรานั้น เป็นต้น (4) สิทธิ​เรียก​ร้อง​ให้​คืน​ของ​หม้ัน​จาก​ฝ่าย​หญิง​ใน​กรณี​ท่ี​ฝ่าย​หญิง​เป็น​ฝ่าย​ผิด​สัญญา​หม้ัน​ตาม​มาตรา 1439 มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ผิด​สัญญา​หมั้น​ตาม​มาตรา 1447/2 เช่น ชาย​หมั้น​หญิง​ด้วย​ทองคำ​หนัก 10 บาท โดย​กำหนดท​ ำการส​ มรส​กัน​ใน​วัน​ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ต่อ​มาใ​น​วันท​ ี่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554 หญิงค​ ู่​หมั้น​ได้ท​ ำ การ​สมรส​กับช​ ายอ​ ื่น เช่น​นี้ ถือไ​ด้ว​ ่า​หญิงค​ ู่ห​ มั้น​ผิดส​ ัญญา​หมั้น​แล้ว​ตั้งแต่ว​ ันท​ ี่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ชายจ​ ะต​ ้อง​ ฟ้อง​หญิง​คู่​หมั้น​ให้​คืน​ทองคำ​หนัก 10 บาท นี้​ภายใน 6 เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2554 มิ​ฉะนั้น​คดี​ขาด อ​ ายุ​ความ (5) สิทธิ​เรียก​ร้อง​ให้​คืน​ของ​หมั้น​จาก​ฝ่าย​หญิง​ใน​กรณี​ที่​ชาย​บอก​เลิก​สัญญา​หม้ัน​โดย​มี​เหตุ​สำคัญ​อัน​เกิด​ ​แก่​หญิง​คู่​หม้ัน​ตาม​มาตรา 1442 มีอายุ​ความ​หก​เดือน​นับ​แต่​วัน​ที่​ได้​บอก​เลิก​สัญญา​หมั้น ตาม​มาตรา 1447/2 วรรคสอง เช่น ชาย​หมั้น​หญิง​ด้วย​แหวน​เพชร ต่อ​มา​ใน​วัน​ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 หญิง​ทำร้าย​ชาย​จน​บาด​เจ็บ​ สาหัส วันท​ ี่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ชาย​จึง​บอกเ​ลิกส​ ัญญาห​ มั้นก​ ับ​หญิง เช่นน​ ี้ ชาย​จะต​ ้องฟ​ ้อง​เรียกแ​ หวน​เพชรค​ ืน​ จากห​ ญิงภ​ ายใน 6 เดือน นับ​แต่​วันท​ ี่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 มิ​ฉะนั้น​คดี​ขาดอ​ ายุ​ความ (6) สิทธิเ​รียกร​ ้องใ​หค้​ ืนส​ นิ สอด​จาก​บิดาม​ ารดา ผู้รับบ​ ตุ รบ​ ญุ ธรรม หรือ​ผ​ปู้ กครองฝ​ ่ายห​ ญงิ ในก​ รณี​ที่​ไม่ม​ี การส​ มรสโ​ดย​มี​เหตุ​สำคัญ​อันเ​กิดแ​ ก่​หญิง หรือ​โดยม​ ี​พฤติการณ์ซ​ ึ่ง​ฝ่ายห​ ญิงต​ ้อง​รับผ​ ิด​ชอบ ทำให้​ชาย​ไม่ส​ มควรห​ รือ​ ไม่อ​ าจ​สมรส​กับห​ ญิงน​ ั้นต​ ามม​ าตรา 1437 วรรค​สาม กฎหมายม​ ิได้​กำหนดอ​ ายุ​ความ​ไว้ จึงต​ ้อง​ถือ​อายุ​ความส​ ิบ​ปี65 65 ฎ. 1353/2492 มสธ มส

มส 1-68 กฎหมายแพ่ง 3: ครอบครัว มรดก กจิ กรรม 1.4.4 นายส​ นธยา​ทำ​สญั ญาห​ มั้นก​ ับ​นางสาวส​ มห​ ญิงด​ ้วย​แหวน​เพชร 1 วง ตกลงจ​ ะ​ทำการ​สมรสก​ นั ​ใน วนั ​ท่ี 3 มีนาคม พ.ศ. 2554 นายส​ นธยาไ​ดป​้ รับปรงุ บ​ า้ น​ทจ่ี​ ะใ​ชเ​้ ปน็ ​เรือนห​ อ ซ้อื ท​ น่ี อน หมอน​มุ้ง และ​เครอ่ื งใ​ช​้ในค​ รวั ​ เรอื นอ​ นั จ​ ำเปน็ เ​พอ่ื เ​ตรยี มก​ ารส​ มรสเ​ปน็ เ​งนิ ร​ วมท​ ง้ั ส​ น้ิ 35,000 บาท ครน้ั ถ​ งึ ก​ ำหนดน​ างสาวส​ มห​ ญงิ ไ​มย​่ อมท​ ำการ​ สมรส​กบั ​นายส​ นธยา​อ้างว​ ่าห​ มด​รกั ​เสยี แ​ ล้ว ในว​ ัน​ที่ 14 พฤศจิกายน ปเ​ี ดยี วกนั ​น้ี นาย​สนธยา​มา​ปรกึ ษาท​ ่าน​โดย​ ประสงค​์จะ​เรยี กแ​ หวนเ​พชรค​ ืนแ​ ละเ​รยี กค​ า่ ท​ ดแทน​จำนวน 35,000 บาท จงแ​ นะนำน​ ายส​ นธยา แนวต​ อบ​กิจกรรม 1.4.4 แนะนำ​นาย​สนธยา​ว่า นางสาว​สม​หญิง​ผิด​สัญญา​หมั้น ต้อง​รับ​ผิด​ใช้​ค่า​ทดแทน​และ​คืน​ของ​หม้ัน ตาม​ มาตรา 1439 และ​มาตรา 1440 แต่​การ​ที่​นาย​สนธยา​จะ​เรียก​ค่า​ทดแทน​ใน​กรณี​ผิด​สัญญา​หมั้น​นี้​จะ​ต้อง​ใช้​สิทธิ​ ภายใน 6 เดือน นับ​แต่​วัน​ที่​ผิด​สัญญา​วัน​ที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2554 ตาม​มาตรา 1447/1 ฉะนั้น​เมื่อ​นับ​ถึง​วัน​ท่ี 14 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2554 เกิน​กำหนด 6 เดอื น​แล้ว นาย​สนธยา​จงึ ​ไมม่ สี​ ทิ ธิ​เรียก​ค่าท​ ดแทน​ได้ สำหรับ​การ​เรียก​แหวน​เพชร​ของ​หมั้น​คืน​นั้น นาย​สนธยา​ก็​ไม่มี​สิทธิ​เรียก​คืน​ได้ เพราะ​มาตรา 1447/2 กำหนด​ให้​สิทธิ​เรยี กค​ ืน​ของ​หมัน้ ม​ อี ายคุ​ วาม 6 เดือน เชน่ เ​ดียวกัน มสธ มสธ มสธ มสธ มส