คู่มือประชาชน ในการจดั การภยั พิบตั ิโดยอาศยั ชมุ ชนเป็ นฐาน เอกสารประกอบการฝึ กอบรมผนู้ าชมุ ชน ตามโครงการเสริมสรา้ งศกั ยภาพชมุ ชน ดา้ นการป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรมป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทย
คานา ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าภัยพิบัติท้ังท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ และท่ีเกิดข้ึนจาก การกระทาของมนุษย์ ได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรพั ย์สนิ ของประชาชนในทกุ ภมู ิภาค และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงมากข้ึน ดังน้ันการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในระดับชุมชน จึงเป็ นสิ่งจาเป็นท่ีจะต้องเร่งเสริมสร้างให้เกิดข้ึน และเช่ือมโยงเป็นเครอื ข่าย เพ่ือให้หม่บู ้าน/ชมุ ชน ในพ้นื ท่เี ส่ยี งภัยสามารถป้ องกันและ ช่วยเหลือตนเอง รวมท้งั ช่วยเหลือชมุ ชนข้างเคียงได้ ซ่ึงจะช่วยลดความสูญเสียในชีวิต และทรพั ยส์ นิ ของประชาชนได้อย่างดี กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้เร่ิมดาเนิน โครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาต้ังแต่ ปี งบประมาณ 2547 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้เกิดการจัดการภัยพิบัติ โดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน คือ ชุมชน/หม่บู ้าน ท่อี ย่ใู นพ้ืนท่เี สี่ยงภัยมีความร้คู วามเข้าใจ และตระหนักถึงความสาคญั ของการมสี ว่ นร่วมในการบริหารจัดการสาธารณภัยในเบ้ืองต้น มีการจัดทาแผนชุมชนและฝึกซ้อมเพ่ือเตรียมรับมือกับภัยพิบัติท่อี าจเกิดข้ึนในพ้ืนท่ี การปฏบิ ัตกิ ารในภาวะฉกุ เฉินขณะเกดิ ภัยรวมถงึ การอพยพประชาชนไปยงั พ้ืนท่ปี ลอดภัย อันเป็นการเตรียมความพร้อมและเพ่ิมศักยภาพของชุมชนในการป้ องกันและบรรเทา สาธารณภัย กรมป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย หวังเป็นอย่างย่ิงว่า คู่มือประชาชนในการ จัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานฉบับน้ี นอกจากจะเป็นเอกสารประกอบการ ฝึกอบรมผู้นาชมุ ชนตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการป้ องกันและบรรเทา สาธารณภัยแล้ว จะเป็ นประโยชน์ต่อผู้เก่ียวข้องทุกๆฝ่ ายในการนาไปถ่ายทอดและ เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนในการสร้างความเข้มแข็งได้อย่างย่ังยืน และขอขอบคุณทุกท่าน ทเ่ี ก่ยี วข้องไว้ ณ โอกาสน้ดี ้วย (นายอนุชา โมกขะเวส) อธิบดกี รมป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั 2
การจดั การภยั พบิ ตั โิ ดยอาศยั ชมุ ชนเป็ นฐาน ในปัจจุบันภัยพิบัติท่ีเกิดข้ึน ท้ังภัยธรรมชาติ และภัยท่ีเกิดจากการกระทา ของมนุษย์ ย่ิงทวีความรุนแรงข้ึนทุกที ท้งั น้ีเน่ืองมาจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ถูกทาลายไปด้ วยน้ามือของมนุษย์ ท่ีใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างส้ินเปลื อง เพ่ือสนองตอบความสะดวกสบายในชีวิตประจาวัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทาลายป่ า เพ่ือนามาใช้ปลูกสร้างบ้านเรือนและสิ่งอุปโภค การระเบิดภเู ขาเพ่ือนาสินแร่มาใช้ในการ ประกอบอุตสาหกรรม การใช้ประโยชน์ดินและน้าอย่างไม่คานึงถึงความสมดุล ตามธรรมชาติ การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ เป็ นต้น ส่ิงเหล่าน้ีก่อให้เกิดการ เปล่ียนแปลงของระบบนิเวศและส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติ ซ่ึงส่งผลให้ภัยธรรมชาติ ท่เี กิดมีความรุนแรงมากข้ึน เช่น ภัยแล้ง/ภัยหนาว มีระยะเวลาท่ียาวนาน นอกจากน้ี ยังมีการบุกรุกทาลายป่ า เม่ือเกิดฝนตกหนักหรือวาตภัยจึงทาให้เกิดอุทกภัย และดิน โคลนถล่มรุนแรงในหลายพ้นื ท่ี กรมป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย มีภารกิจหลัก ประการหน่ึงในด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การสร้างเครือข่ายป้ องกัน และบรรเทาสาธารณภัย การสร้างความตระหนกั และเตรยี มความพร้อมของประชาชน ในการป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงึ มีความจาเป็นต้องดาเนินการเสรมิ สร้างความ เข้มแข็งให้กับชุมชนในพ้ืนท่ีเส่ียงภัยได้มีการเตรียมความพร้อมในการป้ องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนด้านการป้ องกันและ บรรเทาสาธารณภยั มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ให้มกี ารจดั การภัยพบิ ตั ิโดยอาศัยชมุ ชนเป็นฐาน (Community Based Disaster Risk Management : CBDRM) คื อ ให้ ชุ ม ช น มี ค ว าม เข้มแขง็ สามารถบริหารจัดการภยั พิบัติ หรือสาธารณภัยในเบ้ืองต้นได้ด้วยตนเอง 3
เน่อื งจากชุมชนมคี วามร้ถู งึ สภาพพ้นื ทต่ี ้งั ของบ้านเรือนตนเอง เคร่อื งมือและอุปกรณ์ท่ี จาเป็นจะต้องใช้เม่ือเกิดภัย เช่น เรือ รถบรรทุก เส้อื ชูชีพ รวมถึงช่วงเวลาท่มี ักเกิดภัย ในพ้ืนท่ี เพราะเม่ือเกิดภัย ชาวบ้านในชุมชนจะต้องเผชิญสถานการณ์และได้รับ ผลกระทบโดยตรง ดังน้ันชุมชนจึงต้องมีการรวมตัวหรือรวมกลุ่มกันเพ่ือช่วยเหลือ ตนเองก่อนท่ีส่วนราชการ หรือองค์กรการกุศล หรือมูลนิธิต่างๆ จะเข้าไปช่วยเหลือ โดยเร่ิมท่ีมีการจดั ต้ังคณะกรรมการชุมชนกลุ่มต่างๆ ให้มีหน้าท่รี ับผิดชอบในการเฝ้ า ระวงั แจ้งเตือน เผชิญเหตุ อพยพ จัดหาเสบียง ปฐมพยาบาล ฯ มีการจัดทา/ฝึกซ้อม แผนระดับชุมชน เป็นต้น โดยในปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 – 2549 ดาเนินโครงการ ในพ้นื ทห่ี ม่บู ้านเสยี่ งภัยไปแล้วทง้ั ส้นิ จานวน 819 แห่ง 4
• การจดั การภยั พบิ ตั ใิ นระยะทีผ่ า่ นมา ทผ่ี ่านมาการบรหิ ารจัดการภยั พบิ ตั ขิ องชมุ ชนจะเร่มิ หลังการเกิดภยั พิบตั ิ กล่าวคือ ก่อนเกิดภัย ประชาชนจะดาเนนิ ชีวติ ประจาวันกนั ตามปกติ ขณะเกิดภยั กพ็ ยายามรักษาชวี ิตให้รอด หรืออพยพหนีภยั เพ่ือรอรับความ ช่วยเหลือ หลังเกิดภัย กม็ ีการฟ้ื นฟู บรู ณะ ท้งั สภาพบ้านเรอื น สงิ่ ปลูกสร้าง ถนนหนทาง การประกอบอาชพี และสภาพจติ ใจ ก่อนเกดิ ภยั ใช้ชีวิตตามปกติ หลงั เกดิ ภยั ฟ้ื นฟู บรู ณะ ขณะเกิดภยั เอาชวี ติ รอด อพยพ รอรบั ความชว่ ยเหลือ เป็นท่ียอมรับกันในระดับสากลว่า รูปแบบของการจัดการภัยพิบัติในอดีตท่ีผ่านมา ไม่ใช่รูปแบบท่ีเหมาะสม เพราะเป็ นเพียงการดาเนินงานของหน่ วยราชการ หรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการช่วยเหลือประชาชน ซ่ึงไม่ก่อให้เกิดความย่ังยืน อกี ท้งั ไม่สนองตอบความต้องการของชุมชนท่เี ส่ียงภัยอย่างเพียงพอ 5
• การจดั การภยั พบิ ตั ิรูปแบบท่ีจะนามาใชต้ ่อไป ในการประชมุ นานาชาติเก่ียวกับการลดความเสีย่ งจากภยั พิบัติ มกี ารเสนอให้มีการ ใช้พลังของคนในชุมชนให้เข้ามามสี ่วนร่วมในการวางแผนลดความเสยี่ ง และเสริมสร้าง ขีดความสามารถของคนในชุมชนให้มีการเตรียมความพร้อม ท้ังด้านแผนการแจ้ง เตือนภัย แผนการอพยพประชาชน และมีการฝึกซ้อมแผนกันเป็นประจาสม่าเสมอ ซ่งึ เรยี กโดยรวมว่า “ การจัดการภยั พบิ ตั โิ ดยอาศัยชุมชนเป็นฐาน” หลงั เกิดภยั กอ่ นเกิดภยั 8.การฟ้ื นฟูบรู ณะ 1. การประเมินความลอ่ แหลมเสยี่ งภยั 2. การป้ องกนั และลดผลกระทบ 3. การเตรยี มพรอ้ มของประชาชน,เครอื่ งมือ,แผน 7.การประเมินความเสยี หาย 4. การเตือนภยั ขณะเกดิ ภยั 6. การชว่ ยเหลือบรรเทาภยั 5.อพยพไปยงั พ้ืนทปี่ ลอดภยั 6
• การจดั การภยั พบิ ตั ิโดยอาศยั ชมุ ชนเป็ นฐาน คอื อะไร คือการใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการดาเนินการป้ องกัน แก้ไข บรรเทา ฟ้ื นฟูความ เสียหายจากภัยพิบัติด้วยตนเอง โดยชุมชนมีสว่ นร่วมในการวางแผน ตัดสินใจ กาหนด แนวทางแก้ปัญหา และบริหารจัดการภัย โดยใช้ทรัพยากรและบุคลากรภายในชุมชน โดยมีจุดม่งุ หมายเพ่ือลดความเสี่ยงภัยของชุมชน และเพ่อื เพ่ิมขีดความสามารถในการ จดั การกับภัยต่างๆ ให้กับคนในชุมชนเอง ก่อนท่หี น่วยงานภายนอกจะเข้าไปให้ความ ช่วยเหลือ • ทาไมชุมชนจึงตอ้ งมกี ารจัดการภยั พบิ ตั ิโดยอาศยั ชมุ ชนเป็ นฐาน แน่นอนว่าความเสียหายและผลกระทบท่เี กิดข้นึ ย่อมส่งผลโดยตรงกับประชาชนท่ี อยู่ในพ้ืนท่เี สี่ยงภัย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อความปลอดภัยของชีวิต ต่อสภาพการ ดารงชีวิต ต่อการประกอบอาชีพ และต่อทรัพย์สิน ในเม่ือไม่อาจอพยพออกจาก ชุมชนได้ ไม่ว่าจะด้วยเพราะความรักถ่นิ ฐานบ้านเกิด เพราะเป็นพ้ืนท่ที ากิน หรอื เพราะ ความขาดแคลนทุนทรัพยใ์ นการโยกย้ายถิ่นฐานกต็ าม ท่ที าให้เราต้องดารงชีวติ อยู่ใน ชมุ ชนทง้ั ๆ ท่รี ้วู ่าเป็นพ้นื ทเ่ี ส่ยี งภยั ดงั น้ัน การจัดการภัยพิบตั ิโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานจึงเป็นแนวทางท่ดี ี ท่ีชุมชน ในพ้ืนท่ีเส่ียงภัยจะสามารถพ่ึงพาตนเองให้มีความปลอดภัย โดยการเตรียมตนเอง และเตรียมชุมชนให้มีความพร้อมท่จี ะเผชิญภัย โดยได้รับผลกระทบน้อยท่สี ุด หรือ สามารถอยู่ร่วมกับภัยได้อย่างสงบสุข และพ่ึงพาความช่วยเหลือจากภายนอกให้น้อย ทส่ี ุด 7
• ข้นั ตอนของการจัดการภยั พบิ ตั ิโดยอาศยั ชุมชนเป็ นฐาน การเตรียมพร้อมของชุมชนในการจัดการภัยพิบัติน้นั จะต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของ ชุมชนในทุกข้ันตอน โดยชุมชนจะต้องจัดให้มีการประชุมชาวบ้านเพ่ือร่วมกันแสดง ความคิดเห็น ร่วมกันตัดสินใจ ร่วมกันวางแผนและร่วมกันทางาน ซ่ึงจะมีข้ันตอนการ เตรยี มพร้อม ดงั น้ี 1. การศกึ ษาขอ้ มูลภยั ของชมุ ชน การศึกษาข้อมลู ภยั ท่เี คยเกิดข้ึน จะสามารถช่วยให้ชุมชนสามารถคาดเดาได้ ว่า มีโอกาสมากน้อยเพียงใดท่จี ะมีภัยเกิดข้ึน และเม่ือเกิดแล้วจะได้รับผลกระทบมาก น้อยเพียงใด ซ่ึงข้อมูลภัยท่ีได้น้ีจะทาให้ชุมชนสามารถวางแผนล่วงหน้า เพ่ือป้ องกันภัย เผชิญเหตุขณะเกิดภยั อันจะสามารถป้ องกันความเสียหายหรือลดความรนุ แรงของภัย ซ่ึงจะช่วยลดการสญู เสยี ชวี ิต และทรัพย์สนิ ลงได้ในระดบั หน่งึ โดยศกึ ษาในหัวข้อเหล่าน้ี ประเภทของภัยและช่วงเวลาท่ีเกิดภัย โดยบันทึกว่าในอดีต - ปัจจุบัน เคยเกิดภัยประเภทใดข้ึนในชุมชนบ้าง ภัยแต่ละคร้ังเกิดข้ึนในช่วงเวลาใดเป็ นประจา หรือไม่และภัยประเภทใดก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายมากท่สี ุด โดยจัดในรูปแบบ ของปฏทิ นิ ภยั การสารวจพ้ืนท่ี ชุมชนจะทราบดีว่า บริเวณใดในชุมชนเป็ นพ้ืนท่ี เสีย่ งภัย เช่น เป็นพ้นื ท่แี อ่งกระทะ เสย่ี งต่อการถกู นา้ ท่วมขัง ท่เี ชิงเขาเส่ียงต่อการเกิด ดินถล่ม ก็กาหนดให้บริเวณน้ันเป็นพ้ืนท่ีเส่ียงภัย และบริเวณใดเป็นพ้ืนท่ีท่ีไม่ได้รับ 8
ผลกระทบและอันตรายจากภัย กก็ าหนด ให้บริเวณน้ันเป็นพ้ืนท่ปี ลอดภัยและเป็นจุด อพยพ โดยการจัดทาแผนทช่ี ุมชน แหล่งทรัพยากรภายในพ้นื ท่ี ชมุ ชนควรจะต้องสารวจข้อมลู เคร่อื งมือ/ เคร่อื งจกั ร/อปุ กรณ์ ท่ใี ช้ในการเผชญิ เหตแุ ละก้ภู ยั ว่า มีอะไรบ้าง และอย่ทู ่ใี ด เพ่อื ท่จี ะ สามารถนามาเป็นข้อมูลติดต่อประสานงานยามเกิดภัย โดยอาจบันทึกในรูปแบบของ ตาราง เช่น รายการ จานวน ผ้เู ป็นเจ้าของ สถานท่ตี ิดต่อ/โทรศัพท์ ท่าข้าว ก. เจรญิ พาณชิ ย์ / 1. รถบรรทกุ 6 ล้อ 3 คนั เสย่ี ส่ง โทร........................ 2. เรือท้องแบน 4 ลา อบต. มะละกอ อบต. มะละกอ/ โทร........................... 3. เคร่อื งสบู นา้ 8 เคร่อื ง นายดารง มบี ุญ บ้านเลขท่ี ................/ โทร.......................... 4. เคร่อื งป่ันไฟ 2 เคร่อื ง วัดชยั มงคลราม วัดชัยมงคลราม/ โทร........................... ข้อมูลเม่อื วันท.่ี .............เดือน.........................พ.ศ................ ท้งั น้ี จะต้องมกี ารติดตอ่ ประสานงานกับผ้เู ป็นเจ้าของไว้ล่วงหน้าในยามปกติ 9
การสารวจและรวบรวมข้อมูลหน่วยงาน/องค์กรท่ีเกี่ยวข้องในพ้ืนท่ี ชุมชนควรจะต้องสารวจและรวบรวมข้อมลู ของหน่วยราชการ/องค์กร/มลู นิธิ ทม่ี ีหน้าท่ี เกี่ยวข้องกับการป้ องกัน บรรเทาภัย ให้การช่วยเหลือ และสงเคราะห์ผู้ประสบภัย เพ่ือเกบ็ ไว้เป็นข้อมูลติดต่อประสานงาน แจ้งเหตุ หรือขอรับการช่วยเหลือเม่ือเกิดภัย โดยอาจบันทกึ ในรูปแบบของตาราง เช่น หน่วยงาน ให้ความช่วยเหลือ สถานทต่ี ดิ ต่อ หมายเลขโทรศพั ท์ ด้าน • สานักงานป้ องกัน .......................... ศาลากลาง .......................... และบรรเทาสาธารณ .......................... จังหวดั .......................... ภยั จงั หวัด .......................... .................... .......................... • เหล่ากาชาดจงั หวัด .......................... .................. .......................... .......................... ................... .......................... ข้อมูลเม่อื วนั ท.่ี .............เดือน..............................พ.ศ................ 10
2. การวเิ คราะหข์ อ้ มูลภยั ของชุมชน เม่อื ทราบถึงประเภทภัย และช่วงเวลาท่มี ักเกดิ ภยั แล้ว ชุมชนจะต้องร่วมกัน คดั เลือกและจดั ลาดับความสาคญั ว่าภัยประเภทใดก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อ การดาเนินชีวิตประจาวนั ต่อการประกอบอาชีพ ต่อพ้ืนท่ี โดยจะต้องมีความเหน็ เป็น เอกฉนั ทว์ ่า จะให้ความสาคญั ในการเลอื กป้ องกันและบรรเทาภยั ประเภทใดเป็นลาดับแรก และร่วมกันวเิ คราะห์ว่า ภัยท่ชี มุ ชนเลอื กมีสาเหตมุ าจากอะไร สาเหตเุ กดิ จากปัจจัยภายใน/นอก ชุมชน - ปัจจยั ภายใน เช่น มีการท้งิ ขยะมูลฝอยลงในคู คลอง ทาให้คู คลอง ต้ืนเขิน เม่ือเกิดฝนตกหนักจึงทาให้น้าฝนระบายลงสู่คู คลองไม่ทัน จึงเกิดน้าท่วมขัง ภายในชมุ ชน - ปัจจัยภายนอก เช่น ส่วนราชการเข้ามาสร้างถนนท่ีตัดผ่านชุมชน โดยถนนท่สี ร้างขวางทางนา้ เม่ือเกิดฝนตกหนักจึงทาให้ น้าฝนระบายลงสู่ทางไหลตาม ธรรมชาตไิ ม่ได้ จงึ เกิดนา้ ทว่ มขงั ภายในชมุ ชน 11
วธิ ีดาเนินการแก้ไข หากเกดิ จากปัจจยั ภายในชมุ ชนกส็ ามารถแก้ปัญหา เองได้ และควรจะต้องรีบดาเนินการทันทเี พราะจะเป็นแนวทางสาคัญในการป้ องกัน ไม่ให้ภัยคร้ังใหม่เกิดข้ึน หรือหากเกิดกจ็ ะลดความเสียหายลงได้ ท้งั ในด้านชีวิตและ ทรัพย์สิน แต่หากเกิดจากปัจจัยภายนอก ชุมชนต้องร่วมกันร้องเรียนและเสนอเร่ือง แก้ไขไปท่ีหน่วยงานตามลาดับ เช่น อบต./เทศบาล อาเภอ และจังหวัด เพ่ือให้ หน่วยงานทเ่ี ก่ียวข้องเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา 3. การแจง้ เตือนภยั ชมุ ชนจะต้องตกลงกนั และยอมรับร่วมกันว่า เม่อื เกิดภัยหรือเหตุฉุกเฉิน จะมี การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าอย่างไร เพ่ือให้ชาวบ้านในชุมชนรับรู้กันได้อย่างท่ัวถึงใน ระยะเวลาท่สี ้ันท่ีสุด เพ่ือจะได้มีเวลาเพียงพอท่จี ะอพยพหนีภัยไปอยู่ในท่ีท่ปี ลอดภัย เช่น แจ้งเตือนทางหอกระจายข่าวของชุมชน แจ้งเตือนโดยใช้เสียงกองเพล แจ้งเตือน โดยใช้เสียงปืน หรือใช้สัญญาณตา่ ง ๆ ผสมกนั เพ่อื ให้ได้รบั ร้ไู ด้ในเวลาอันรวดเรว็ 4. การแบง่ กลุ่มและหนา้ ทคี่ วามรับผิดชอบ ชมุ ชนจะต้องมสี ่วนร่วมในการป้ องกนั และบรรเทาภยั ในพ้นื ท่รี ่วมกนั โดยจะต้อง แบง่ กลุ่ม/คณะกรรมการด้านต่างๆ เพ่ือให้มีหน้าท่รี บั ผิดชอบท้งั ก่อนเกดิ ภยั ขณะเกดิ ภัย และหลงั เกิดภัย ตามความเหมาะสมของแตล่ ะชุมชน เช่น คณะกรรมการด้านการประชาสัมพันธใ์ ห้ความรู้ มหี น้าท่เี สาะหาความรู้ เกี่ยวกับการเกิดภัยและวิธีป้ องกัน มาบอกเล่าให้คนในชุมชนฟังโดยตรง หรือผ่านหอ 12
กระจายข่าว หรือจัดหาเอกสาร เช่น โปสเตอร์ หนังสือ หรือส่ืออ่ืนๆ ไว้ประจาชุมชน เพ่อื ประชาสมั พันธ์และเผยแพร่ความร้ใู ห้ชาวบ้านร้กู นั อย่างท่วั ถึง คณะกรรมการเฝ้ าระวังและแจ้งเตือนภัย มีหน้าท่ีจัดเวรคอยเฝ้ าระวัง และแจ้งเตือนภัย เช่น เม่ือเกิดฝนตกหนัก คณะกรรมการจะต้องจัดเวรยามเพ่ือเฝ้ า จดบันทึกปริมาณน้าฝนจากเคร่ืองวัดปริมาณน้าฝน หากมีปริมาณมากเกินปกติและ ฝนยงั คงตกหนักอย่างต่อเน่อื ง และมีแนวโน้มว่าอาจเกิดนา้ ท่วมฉบั พลนั เน่อื งจากชมุ ชน ต้ังอยู่ในหุบเขา และเคยเป็นพ้ืนท่ีท่เี คยเกิดน้าท่วมฉับพลันอยู่เป็นประจา กค็ วรแจ้ง เตอื นภยั ตามท่ไี ด้มีการตกลงกันไว้ คณะกรรมการฝ่ ายอพยพ มีหน้าท่ีในการจัดเจ้าหน้าท่ี ยานพาหนะ เส้นทางทใ่ี ช้ในการอพยพ ให้เป็นไปด้วยความรวดเรว็ ปลอดภยั และเป็นระเบียบ คณะกรรมการฝ่ ายสถานท่ี มีหน้าท่ใี นการปรับปรุงพ้ืนท่ภี ายในชุมชน ให้มีความปลอดภัย จัดเตรียมสถานท่อี พยพให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และมีระบบ สาธารณปู โภคพร้อมอุปกรณ์อานวยความสะดวกตามความจาเป็น คณะกรรมการฝ่ ายเสบียง มีหน้าท่ีจัดเตรียมเสบียง เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้าด่ืม ไว้ใช้ประกอบอาหารไว้เล้ยี งชาวบ้านยามฉุกเฉิน ในสถานท่ที ่ใี ช้เป็น จุดอพยพ คณะกรรมการฝ่ ายปฐมพยาบาล มีหน้าท่ใี ห้การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นแก่ ชาวบ้านท่ไี ด้รบั บาดเจบ็ จากภัย ก่อนทจ่ี ะสง่ ตอ่ ไปสถานพยาบาล 13
คณะกรรมการประสานงาน มหี น้าท่ใี นการแจ้งเหตุภัยของชุมชนให้หน่วย ต่าง ๆ ท่เี ก่ียวข้องทราบ เพ่อื ขอรับการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ฯลฯ 5. การจดั ทาและฝึ กซอ้ มแผน หลังจากมกี ารแบ่งกลุ่มชาวบ้านในชุมชนเป็นคณะกรรมการฝ่ ายต่าง ๆ แล้ว ข้นั ตอนต่อไปซ่ึงสาคัญท่สี ุด คือ การจัดทาและฝึกซ้อมแผน เพราะหากเกิดภัยจะได้ มี การดาเนินการอย่างเป็นข้ันตอน เป็นระบบ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่สับสน ว่นุ วาย สาหรับการฝึกซ้อมแผนในระดับชุมชนน้ัน อาจทาได้ โดยการสร้างสถานการณ์ สมมุติว่า ได้มีภัยเกิดข้ึนในพ้ืนท่ี คณะกรรมการแต่ละฝ่ ายจะเร่มิ ปฏิบัติการอย่างไร และ เม่อื ปฏิบัติหน้าท่ขี องตนแล้ว จะส่งหน้าท่ตี ่อให้แก่คณะกรรมการชุดใด จนกระท่งั ภัยได้ ผ่านพ้นไป 14
6. การประเมนิ ผล ภายหลังจากเม่อื มกี ารฝึกซ้อมแผนแล้ว คณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ และชาวบ้าน จะต้องร่วมกันประเมินผลและแสดงความคิดเห็นว่า ยังมีสิ่งใดบกพร่อง และควร ดาเนินการแก้ไขปรบั ปรุงให้ดีข้นึ อย่างไร และเม่อื ปรบั ปรงุ แล้วกค็ วรดาเนนิ การฝึกซ้อม เป็นระยะจนคณะกรรมการทกุ ฝ่ายร้หู น้าทแ่ี ละปฏิบตั ิได้อย่างถูกต้องสมบูรณแ์ ล้ว ชมุ ชน กอ็ าจจดั ทาและฝึกซ้อมแผนป้ องกันภยั ประเภทอ่ืนทม่ี ีความสาคัญเป็นลาดับต่อไป บทสรปุ การท่ีชุมชนมีความเข้มแข็ง มีความพร้อมท่จี ะรับมือกับภัยพิบัติท่ีเกิดข้ึน จะ เป็นการลดผลกระทบและความสูญเสยี จากภัยพิบัตทิ จ่ี ะเกดิ ข้นึ ในอนาคตได้อย่างย่ังยืน และทาให้สามารถอย่ใู นชุมชนเสี่ยงภัย ซ่ึงเป็นท้งั ท่เี กิด ท่อี าศัย ท่ที ากิน และเป็นท่ที ่ี จะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุขไปจนวาระสุดท้าย การท่ีความหวังเหล่าน้ีจะ ประสบความสาเรจ็ และเป็นจรงิ ได้หรอื ไม่น้นั อย่ใู นมือของพวกทา่ นทุกคน 15
ตวั อยา่ งของแผนชมุ ชน 16
แผนป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั บ้านเชงิ ดอย หม่ทู ่ี 1 ตาบลบ้านเชงิ ดอย อาเภอ……................ จงั หวัด……….. พ.ศ. 2549 (สถานทแ่ี ละข้อมลู สมมุติ) 17
1. ความสอดคลอ้ ง 1.1 พระราชบญั ญัติป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 1.2 แผนป้ องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 1.3 แผนป้ องกันภยั ฝ่ายพลเรอื นจงั หวดั …………… 1.4 แผนป้ องกันภยั ฝ่ายพลเรอื นอาเภอ…………… 2. วตั ถุประสงค์ 2.1 เพ่อื ใช้เป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมการแจ้งเตอื นภัย และการ ดาเนนิ การช่วยเหลอื กรณเี กดิ สาธารณภยั ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ไม่สับสนในการปฏบิ ตั ิ 2.2 เพ่อื ให้ประชาชนหม่บู ้านเชิงดอยมีความปลอดภัยในชวี ิตและทรัพย์สิน จากเหตสุ าธารณภัย 3. ขอ้ มูลพ้ ืนฐานของชมุ ชน 3.1 ทตี่ ้งั และอาณาเขต บ้านเชิงดอย หม่ทู ่ี 1 ตาบลบ้านเชิงดอย อาเภอ…………. จงั หวัด……………. ต้งั อย่ใู นเขตองค์การบรหิ ารส่วนตาบลเชงิ ดอย มีอาณาเขตตดิ ต่อดังน้ี ทศิ เหนอื ติดต่อกับดอยช้างมบู ทศิ ใต้ติดต่อกบั หม่บู ้านเชิงราก ทศิ ตะวันออกติดต่อกับพ้นื ท่เี กษตรกรรม ทศิ ตะวันตกตดิ ต่อกบั พ้นื ทเ่ี กษตรกรรม 3.2 ประชากร ศาสนา ประชากรทง้ั หมดเป็นชาวไทย นบั ถอื ศาสนาพุทธ จานวนประชากรทง้ั ส้นิ 142 คน เพศหญงิ 56 คน เพศชาย 86 คน 3.3 การประกอบอาชพี ประชากรร้อยละ 95 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สว่ นท่เี หลือ ประกอบอาชพี ค้าขายและหาของป่ า 18
4. ขอ้ มูลดา้ นสงั คมและเศรษฐกจิ 4.1 สถานท่ีต่าง ๆ ในชุมชน 1. โรงเรียนบ้านเชงิ ดอย 2. สถานอี นามัยตาบลเชิงดอย 3. วดั เชงิ ดอย 4. หน่วยดบั ไฟป่ า 5. ท่ที าการองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลเชงิ ดอย 4.2 รายไดข้ องชุมชน ประชากรมรี ายได้ประมาณ 60,000 บาท ตอ่ ครอบครวั ต่อปี 5. สภาพความเส่ยี งต่อสาธารณภยั ของชมุ ชน หม่บู ้านเชิงดอยในอดตี ได้เกิดอทุ กภยั เป็นบางคร้งั ประมาณ 60 ปีกอ่ น ได้เกิด เหตุโคลนถล่มบริเวณเชิงเขามผี ้เู สยี ชีวิตจานวนหน่งึ 6. แผนทข่ี องชมุ ชน 19
แผนทแ่ี สดงตาแหน่งท่ตี ้งั บ้านเรือน พ้นื ทเ่ี สี่ยงภัย พ้นื ท่ปี ลอดภัยและเส้นทางอพยพ บริเวณพ้นื ท่ปี ลอดภยั 1. โรงเรยี นบ้านเชิงดอย 2. สถานอี นามัยตาบลเชิงดอย 3. วดั เชงิ ดอย 4. หน่วยดับไฟป่ า การอพยพสู่จุดปลอดภยั หวั หน้าครอบครัวนาสมาชิกสพู่ ้นื ท่ปี ลอดภยั ตามแผนทเ่ี ส้นทางอพยพ 20
7. คณะกรรมการป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั บา้ นเชิงดอย 7.1 คณะกรรมการป้ องกนั และบรรเทาภยั หมู่บา้ น มีรายชื่อดงั น้ ี 1. นาย..........................................ประธาน โทร......................................... 2. นาย...........................................รองประธาน โทร......................................... 3. นาย...........................................รองประธาน โทร............................................ 4. นางสาว........................................เลขานุการ โทร............................................ 5. นาย...........................................กรรมการ โทร............................................ 6. นาย...........................................กรรมการ โทร............................................ มหี นา้ ท่ีและความรบั ผิดชอบ ดงั น้ ี 1. สารวจ ตรวจสอบ และประเมินความเส่ียงจากภัยพิบัติต่าง ๆ ในหมู่บ้าน เชงิ ดอยอย่างละเอยี ดและสม่าเสมอ 2. พิจารณากาหนดมาตรการ แนวทางในการป้ องกันและการเตรียมความ พร้อมการป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชนหมู่บ้าน ทกุ คน และร่วมมือประสานงานกบั หน่วยงานใกล้เคียง 3. พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนป้ องกันภัยฝ่ ายพลเรือนหมู่บ้านตามท่ี คณะกรรมการเสนอ 4. เฝ้ าระวังตดิ ตามสถานการณเ์ กิดภัยพิบัติต่างๆ ในหม่บู ้าน 5. ทากิจกรรมและประสานการดาเนินการกับส่วนราชการและองค์กรต่างๆ ด้านการป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั 21
7.2 คณะกรรมการฝ่ ายต่างๆ 7.2.1 คณะกรรมการฝ่ ายป้ องกนั และเตรยี มความพรอ้ ม - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... - นาง...........................................โทร... มีหน้าท่แี ละความรับผิดชอบ ดงั น้ี 1. จัดฝึกอบรมด้านการเตรยี มความพร้อมในการจดั การความเส่ยี งจาก ภัยพิบตั ิแกช่ มุ ชน เพ่อื เสรมิ สร้างจิตสานกึ แกช่ มุ ชนในสง่ิ ท่คี วรทากอ่ นเกดิ ภยั ขณะเกดิ ภยั และหลงั เกิดภัย 2. จัดเตรยี มวสั ดุอุปกรณใ์ ห้พร้อมเผชญิ เหตุ จดั การฝึกซ้อมแผน การป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั 7.2.2 คณะกรรมการฝ่ ายเฝ้ าระวงั และแจง้ เตือนภยั - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... มีหน้าท่แี ละความรับผิดชอบ ดงั น้ี 1. เฝ้ าระวังตดิ ตามสถานการณส์ าธารณภยั อย่างสม่าเสมอ 2. แจ้งเตือนภยั เม่อื มสี าธารณภัยให้ชุมชนทกุ คนได้รบั ทราบ พร้อมแนวทางปฏิบัติสาหรบั การอพยพ 7.2.3 คณะกรรมการฝ่ ายอพยพ - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... 22
มีหน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบ ดงั น้ี 1. ประสานงานกับคณะกรรมการฝ่ายเฝ้ าระวงั เหตุ 2. ดาเนินการอพยพประชาชนจากจุดเสี่ยงภัยไปยงั จุดปลอดภัย 3. ดาเนินการอพยพประชาชนกลบั สูบ่ ้านเรอื น เม่อื เหตกุ ารณส์ าธารณภยั คล่คี ลายแล้ว 7.2.4 คณะกรรมการฝ่ ายคน้ หา กภู้ ยั และช่วยชีวติ - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... - นางสาว......................................โทร... มหี น้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบ ดงั น้ี 1. การดาเนนิ การค้นหา ก้ภู ัยและช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภยั โดยการมีส่วน ร่วมของชมุ ชน 2. ดาเนนิ การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นแกผ่ ้ปู ระสบภัย และสง่ ตอ่ ให้กับ สถานพยาบาล 7.2.5 คณะกรรมการฝ่ ายสงเคราะห์ - นาย...........................................โทร... - นางสาว......................................โทร... มีหน้าทแ่ี ละความรับผิดชอบ ดังน้ี 1. ดาเนินการให้การช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภัยอย่างเร่งดว่ น โดยเฉพาะ จดั หาอาหารสาเรจ็ รูป นา้ ด่มื 2. รบั บริจาคเคร่อื งอปุ โภค บรโิ ภค และดาเนินการมอบให้แก่ ผ้ปู ระสบภัย 7.2.6 คณะกรรมการฝ่ ายสขุ ภาพอนามยั - นางสาว...........................................โทร... - นาย...............................................โทร..... 23
สาธารณภยั มีหน้าทแ่ี ละความรับผิดชอบ ดงั น้ี 1. ดาเนินการรกั ษาพยาบาลแกผ่ ้เู จบ็ ป่ วยหรอื ผ้ไู ด้รบั บาดเจบ็ จาก 2. ฟ้ื นฟสู ภาพจติ ใจ วถิ ชี ีวิตของผ้ปู ระสบภยั 7.2.7 คณะกรรมการฝ่ ายรกั ษาความปลอดภยั - นาย...........................................โทร... - นาย...........................................โทร... มหี น้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบ ดงั น้ี 1. ดูแลรกั ษาความปลอดภัยบ้านเรอื นและทรพั ยส์ นิ อ่นื ๆ ของผ้อู พยพ 2. อานวยความสะดวกด้านการสญั จร การจราจรของผ้อู พยพ ขณะดาเนินการอพยพ 7.2.8 คณะกรรมการฝ่ ายประสานงาน - นาย..........................................โทร.... - นาย...........................................โทร... - นาง...........................................โทร... - นาง...........................................โทร... มหี น้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบ ดงั น้ี 1. ประสานงานกับ อบต. อาเภอ สถานอี นามยั สถานตี ารวจ ในการ รายงานเหตกุ ารณเ์ พ่อื ให้เข้ามาช่วยเหลอื สนับสนุนการบรรเทาภัยตอ่ ไป 2. ประสานงานกบั หน่วยปฏบิ ตั ิการก้ชู ีพ – ก้ภู ยั ของ อบต. และองคก์ ร ปกครองส่วนท้องถ่ินใกล้เคียง 24
8. ข้นั ตอนการปฏิบตั เิ ม่ือเกดิ สาธารณภยั ระยะเวลา ภาระหน้าท่ี ผ้รู ับผดิ ชอบ 1. กอ่ นเกิดภัย 1. ให้ความรู้กับประชาชนในเร่ือง - ฝ่ายป้ องกันและเตรียม การป้ องกันภัยจากอุทกภัย น้าป่ า ความพร้อม ไหลหลากและดินถล่ม 2. เตรียมเคร่ืองมือ อุปกรณ์แจ้ ง - ฝ่ายป้ องกนั และเตรียม เตือนภัย เช่น เคร่ืองไซเรนมือหมุน ความพร้อม เคร่อื งวัดปริมาณนา้ ฝน วทิ ยุส่อื สาร 3. จัดเตรียมศูนย์อพยพ เตรียมทพ่ี ัก - ฝ่ายอพยพ ฉุกเฉิน สารวจเส้นทางอพยพ และ จุดปลอดภัย 4. แจ้งข่าวสารและให้ ความรู้แก่ - ฝ่ายป้ องกนั และเตรียม ประชาชนในเร่ืองแผนป้ องกันและ ความพร้อม บาเทาสาธารณภัยของหม่บู ้าน 5. จัดทมี เฝ้ าระวังเหตุ และแจ้งเตอื น - ฝ่ายเฝ้ าระวงั ภัยแจ้งชุมชนให้เตรยี มพร้อมอพยพ และแจ้งเตอื นภัย 25
2. ขณะเกดิ ภยั 1. การเตรยี มการอพยพ 1.1 การเรยี กรวมพล ฝ่ ายอพยพ 1.2 กาหนดจุดเตรยี มความ พร้อมสาหรับอพยพ - ฝ่ายรกั ษาความ 1.3 จัดให้มีผ้คู วบคมุ การอพยพ ปลอดภยั 2. การอพยพไปยังพ้นื ทป่ี ลอดภยั - ฝ่ายสุขภาพอนามยั 2.1 การบรหิ ารการอพยพ - ฝ่ายค้นหา ก้ภู ัย และ 2.2 ตรวจสอบจานวนผ้อู พยพ ช่วยชีวิต 2.3 การดแู ลความปลอดภัยและ - ฝ่ายรักษาความ ความสงบของศูนย์อพยพ ปลอดภยั 2.4 การให้บรกิ ารทางการแพทย์ - ฝ่ายสขุ ภาพอนามยั 3. ดาเนนิ การค้นหา ช่วยชวี ิต ผ้ปู ระสบภัย 4. ดแู ลความสงบเรยี บร้อยของศนู ย์ อพยพและบ้านเรือนของผ้อู พยพ 5. รกั ษาพยาบาลผ้บู าดเจบ็ และ ผ้ปู ่ วยในศนู ยอ์ พยพ และฟ้ื นฟู สภาพจิตใจผ้ทู ไ่ี ด้รับผลกระทบจาก ภยั พิบตั ิ 26
ระยะเวลา ภาระหน้าท่ี ผ้รู บั ผดิ ชอบ 3. หลังเกิดภัย 1. จัดต้งั ศนู ยบ์ รรเทาทุกข์ - ฝ่ายสงเคราะห์ 2. ดาเนนิ การค้นหา ช่วยชวี ิต - ฝ่ายค้นหา ก้ภู ัย และ ช่วยชีวติ ผ้ปู ระสบภยั - ฝ่ายสงเคราะห์ 3. ตรวจนบั จานวนผ้สู ญู หาย และ - ฝ่ายอพยพ จานวนผ้เู สยี ชีวิต 4. อพยพประชาชนสู่บ้านเรือนหลัง - ฝ่ายสงเคราะห์ เหตุการณป์ กติ - ฝ่ายประสานงาน 5. สารวจความเสียหายด้าน บ้านเรอื น ทรพั ย์สนิ เคร่อื งมอื ประกอบอาชพี เพ่อื ขอรบั ความ ช่วยเหลอื จากทางราชการ 6. ประสาน อบต. สารวจความ เสียหายด้านสาธารณูปโภค เช่น ถนน สะพาน ทานบ ฝาย 27
ภาคผนวก ภาคผนวก ก บญั ชีรายชื่อเครอ่ื งมอื อปุ กรณใ์ นการป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ท่ี รายการ จานวน สถานที่ติดต้งั หมาย หรือเก็บรกั ษาไวใ้ ชง้ าน เหตุ 1 - เสยี งตามสาย/หอกระจาย 1 วัด ข่าวประจาหม่บู ้าน 2 -บ้านมิสเตอรเ์ ตือนภยั 2 - ไซเรนมือหมนุ -บ้านผ้ใู หญ่บ้าน 3 - เคร่อื งวัดปรมิ าณนา้ ฝน 1 -บ้านมสิ เตอร์เตือนภัย 4 -เคร่อื งป่ันไฟ 2 - วัด - ท่ที าการ อบต. ภาคผนวก ข แบบสารวจยานพาหนะเพอ่ื เตรยี มการอพยพประชาชน ท่ี รายการ จานวน จานวนท่ี เจ้าของ 1 รถกระบะ บรรทุกได้ 2 รถบรรทุกหกล้อ 3 รถอีแตน๋ 5 15 นายสามารถ 7 40 นายอ้น 2 20 - นายแดง - นางเขยี ว 4 รถเคร่อื งสามล้อ 3 6 - นายน้อย - นายอมุ่ - นางสมศรี 28
ภาคผนวก ค ส่วนราชการทีต่ ้งั อย่บู รเิ วณหมูบ่ า้ น 1. วัดเชงิ ดอย 2. โรงเรยี นบ้านเชงิ ดอย 3. สถานอี นามัยประจาตาบล 4. ทท่ี าการองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลเชงิ ดอย 5. ท่พี ักสายตรวจชุมชน ภาคผนวก ง รายชือ่ หนว่ ยงานราชการ อาเภอปาย 1. ทท่ี าการองคก์ ารบริหารสว่ นตาบลเชงิ ดอย 2. สถานีตารวจภธู รอาเภอ 3. ทว่ี ่าการอาเภอ 4. สานกั งานสาธารณสุขอาเภอ 5. วิทยาลัยการอาชีพ 6. โรงพยาบาลอาเภอ 7. หน่วยทหาร ฉก. ร.7 พนั 5 ภาคผนวก จ ผรู้ บั ผิดชอบการควบคุมการอพยพ ณ จุดรวมพล (วดั ) จุดเตรียมอพยพ ผคู้ วบคุม 1. วดั เชิงดอย สรุ พนั ธ์ (คนไทย) ลีซอ (ไทยภเู ขา) 2. โรงเรียนบ้านเชิงดอย สาเรือง (คนไทย) มิตุ (ไทยภเู ขา) 3. เนนิ เชิงเขา (ท่ลี าด) กรณุ า (คนไทย) ทราย (ไทยภเู ขา) ------------------ 29
ความรูเ้ กยี่ วกบั การเฝ้ าระวงั ภยั ดินถล่ม 30
การเฝ้ าระวงั ภยั ดินถลม่ 1. รูจ้ กั ดินถลม่ ดินถล่มหรอื โคลนถล่ม คือ การเคล่อื นท่ขี องมวลดินและหินลงมาตามลาดเขา ด้วยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก โดยในขณะเกิดฝนตกหนักจนดินชุ่มน้าและ สูญเสียกาลังจนไม่สามารถคงตัวอยู่ได้ ดินก็อาจจะถล่มลงมาจากไหล่เขาพร้อมๆ กับนา้ ท่ีไหลหลากโดยผสมกันเป็นน้าโคลนท่ีมีความหนาแน่นมากกว่าน้าปกติ และมี พลงั ในการทาลายล้างสงิ่ ท่กี ีดขวางสูงกว่านา้ มาก ดนิ ถล่มมักเกดิ ตามมาหลังจากมนี า้ ป่ าไหลหลากในขณะเกิดพายุหรอื ภายหลัง พายฝุ นทม่ี ฝี นตกหนักรนุ แรงต่อเน่อื ง สาเหตุดนิ ถลม่ มี 4 สาเหตุ คือ เกิดจาก... 1) ลกั ษณะหินและดิน ในแต่ละพ้ืนท่ีมีหินและดินท่ีต่างกัน ทาให้อัตราการ เสีย่ งตอ่ ดินถล่มจึงแตกตา่ งกนั 2) ลกั ษณะภมู ิประเทศ พ้ืนท่ีท่ีมีโอกาสเสี่ยงต่อดินถล่มมักเป็นเขาสูงชันและ หน้าผา มีประชากรอาศัยอย่บู ริเวณตนี เขามาก และปลกู สิ่งก่อสร้างขวางทางนา้ 31
3) ลกั ษณะส่งิ แวดล้อม มีการทาลายป่ าไม้ ตัดถนนบนภูเขาสูง ถนน สะพาน ท่อ สร้างขวางทางนา้ สร้างบ้านและสวนรกุ ลา้ พ้นื ท่ลี าน้าและภูเขาฝายและอ่างเกบ็ น้าขนาดเลก็ ขวางทางระบายนา้ 4) ปริมาณนา้ ฝน ฝนตกหนักมปี ริมาณนา้ ฝนมาก หรอื ฝนตกต่อเน่อื งหลายวัน ลักษณะการเกิดดนิ ถลม่ 1) แบง่ ตามลกั ษณะการเคล่อื นตวั ได้ 3 ชนิด คือ เคล่อื นตวั อย่างช้าๆ เคล่อื น ตวั อย่างรวดเรว็ เคล่อื นตวั อย่างฉบั พลัน (เรว็ มาก) 2) แบง่ ตามลักษณะของวัสดุท่รี ่วงหล่นลงมาได้ 3 ชนิด คือ ผวิ หน้าดนิ ของ ภเู ขาวัตถทุ ย่ี งั ไม่แขง็ ตวั (เช่น โคลน) ช้นั หิน (หินหล่น ลงมา) ความรนุ แรงของดินถลม่ ข้นึ อย่กู บั ... 1) ปรมิ าณนา้ ฝนท่ตี กบนภเู ขา 2) ความลาดชนั ของพ้นื ท่ี 3) ความสมบูรณข์ องป่ าไม้ 4) ลกั ษณะทางธรณีวทิ ยาของภเู ขา 32
2. รูเ้ รือ่ งลมฟ้ าอากาศ ลมฟ้ าอากาศ หรือภมู ิอากาศ คือ สภาวะของอากาศบนพ้ืนท่ใี ดๆ ในช่วงเวลา หน่ึง ลมฟ้ าอากาศ หรือภูมิอากาศมีส่วนเก่ียวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจาวัน เช่น การเลอื กเส้ือผ้าให้สวมใส่สบาย ต้องเหมาะสมกับสภาพภมู ิอากาศ การสร้างบ้านเรอื นท่ี อย่อู าศัยให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ทศิ ทางลม หรือทศิ ทางท่ไี ด้รบั แสงอาทติ ยจ์ ะช่วย ให้อยู่อาศัยได้สบายมากข้ึน เป็นการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย การทราบสภาพ ลมฟ้ าอากาศล่วงหน้าก่อนออกไปทางาน หรือออกเดินทางจะช่วยให้สะดวกสบาย และ สามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างเหมาะสม ด้วยเหตุน้ี ถ้าหากทุกคนมีความรู้ความ เข้าใจกับลมฟ้ าอากาศจะทาให้ สามารถรับมือกับการเฝ้ าระวังดินถล่มได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ การพยากรณ์อากาศ คือ การคาดหมาย สภาพลมฟ้ าอากาศล่วงหน้ า ท่จี ริง การพยากรณ์อากาศมาจากการเฝ้ าสังเกต และจดบันทึกไว้ของมนุษย์ ซ่ึงเราควรจะรู้ เร่ืองเหล่าน้ีไว้เพราะมนุษยอ์ ยู่ใต้อิทธิพลของลมฟ้ าอากาศ จึงมีความจาเป็นท่ตี ้องรู้จัก ลักษณะลมฟ้ าอากาศท่เี ป็นประโยชน์และลักษณะอากาศทเ่ี ป็นภัยตอ่ มนุษย์ ฤดกู าลบา้ นเรา ประเทศไทยโดยท่วั ๆ ไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู ดังน้ี 1) ฤดูรอ้ น ระหว่างกลางเดือนกมุ ภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2) ฤดูฝน ระหว่างกลางเดอื นพฤษภาคมถงึ กลางเดอื นตลุ าคม 3) ฤดูหนาว ระหว่างกลางเดอื นตลุ าคมถงึ กลางเดอื นกุมภาพนั ธ์ ลมมรสมุ กับภมู ิอากาศของประเทศไทย ประเทศไทยอย่ภู ายใต้อทิ ธพิ ลของมรสมุ 2 ชนดิ คอื มรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ และมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 33
1) มรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ พัดปกคลมุ ประเทศไทยระหว่างกลางเดือน พฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม โดยมแี หล่งกาเนิดบริเวณมหาสมทุ รอินเดีย มรสุมน้จี ะ นามวลอากาศช้นื จากมหาสมุทรอินเดีย มาสปู่ ระเทศไทย ทาให้มีเมฆมากและฝนตกชุก ท่วั ไป โดยเฉพาะอย่างย่งิ ตามบริเวณชายฝ่ังทะเล และเทอื กเขาด้านรบั ลมจะมีฝน มากกว่าบริเวณอ่นื 2) มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมประเทศไทย ประมาณกลางเดือน ตลุ าคมจนถึงกลางเดือนกมุ ภาพันธ์ มีแหล่งกาเนิดจากแถบประเทศมองโกเลียและจีน โดยพัดพาเอามวลอากาศเย็นและแห้งจากแหล่งกาเนิดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทา ให้ ท้องฟ้ าโปร่ง อากาศหนาวเย็นและแห้ งแล้งท่ัวไป โดยเฉพาะภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคใต้จะมีฝนชุกโดยเฉพาะภาคใต้ฝ่ังตะวันออก เน่อื งจากมรสมุ น้นี าความช่มุ ช้นื จากอ่าวไทยเข้ามาปกคลมุ เฝ้ าระวงั ลมฟ้ าอากาศ อิทธิพลจากลมมรสุมท้ัง 2 ทิศทางท่ไี ด้กล่าวมาแล้ว มีผลต่อปริมาณน้าฝนใน ประเทศ ทาให้เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า ช่วงใดต้องติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศ และปรมิ าณนา้ ฝนเป็นพิเศษ เพ่อื รับมือได้อย่างทนั ท่วงที ซ่ึงสามารถสรุปได้ดังน้ี ภาค ช่วงเส่ยี งภยั ภาคเหนอื พฤษภาคม – กันยายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื สงิ หาคม – ตุลาคม ภาคตะวนั ออก พฤษภาคม - ตุลาคม ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตลุ าคม - ธันวาคม ภาคใต้ฝ่ังตะวันตก พฤษภาคม - ตุลาคม 34
3. การป้ องกนั ภยั จากดนิ ถล่ม ผู้นาชุมชน เช่น กานัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตาบล ครู หัวหน้าส่วนราชการท่ีประจาอยู่ในท้องถ่ิน นายอาเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ควรเป็น ผ้นู าในการรวบรวม ระดมพลประชาชนท่อี าศยั อย่ใู นท้องถิ่น ดาเนินการดังน้ี 1) ป้ องกันมใิ ห้มกี ารตดั ไม้ทาลายป่ าในพ้นื ทต่ี ้นนา้ ลาห้วย 2) ปลูกป่ าไม้ทดแทน ในพ้นื ท่ตี ้นนา้ ลาธารท่ปี ่ าไม้ถกู ทาลาย ไปแล้ว โดยการ ปลูกไม้ยนื ต้นโตเรว็ ไม้ยนื ต้นโตช้า สลบั กับการปลูก หญ้าแฝก 3) สารวจพ้ืนท่ีต้นน้าลาธาร ท่ีอาจมีโอกาสเกิดดินถล่มหรือ โคลนถล่ม โดยให้สังเกตพ้นื ท่ี ดังน้ี • เป็นภเู ขาหวั โล้นเน่ืองจากป่ าไม้ถูกทาลาย ทาให้ดินขาดรากไม้ยึดเหน่ยี ว อาจเกดิ การถล่มได้ง่าย • มีช้ันดนิ หนาวางตวั อยู่ตามลาดภเู ขาท่มี ีความลาดเอียงสูงหรอื เป็นหน้าผาดิน • มีช้ันหินท่ีรองรับช้ันดินเป็นหินชนิดท่ผี ุง่าย เช่นหินดินดาน หินโคลน หินเถ้าภเู ขาไฟผุ หรอื หนิ แกรนิตผุ 4) ให้จัดการทาลายหรือขนย้าย กองกิ่งไม้ ต้นไม้แห้งท่หี ักและถูกน้าพัดพา มาสะสมขวางทางน้า ซ่ึงอาจเกิดเป็นฝายก้ันทางเดินของน้าขนาดเล็กๆ ท่ีไม่มีความ แข็งแรงทนทาน เม่ือเกิดฝนตกหนัก น้าหลาก ฝายน้าลักษณะน้ีจะพังทลายทาให้ ตล่ิงพงั และจะลกุ ลามไปจนทาให้ดนิ ถล่มตามมาได้ 35
5) อพยพประชาชนท่ีต้ังบ้านเรือนกีดขวางทางน้า ลาห้วย ข้ึนไปอยู่บนเนิน หรือท่สี ูงช่ัวคราว เม่ือมีพยากรณ์อากาศว่ามีพายุโซนร้อนหรือพายุไต้ฝ่ ุน หรือฝนจะ ตกหนกั ตดิ ตอ่ กนั 6) สรา้ งเครือข่ายเฝ้ าระวงั จากดนิ ถล่มหรอื โคลนถลม่ โดย • ผ้นู าชมุ ชน รวบรวมอาสาสมัครทางานเป็นเครอื ขา่ ยเฝ้ าระวงั • สารวจหาท่ีต้ังจุดสังเกตการณ์ท่ีอยู่ทางต้นน้า ท่ีสามารถเห็นการไหล หลากของน้าป่ า และห่างจากท่ตี ้ังชุมชนพอสมควรในระยะท่สี ามารถตดิ ต่อส่ือสารกัน ได้อย่างรวดเรว็ และอพยพประชาชนได้ทนั โดยอาจจะมมี ากกว่าหน่งึ จุด • การจดั เวรยาม อาสาสมคั รเฝ้ าระวัง ณ จุดสังเกตการณ์ในช่วงท่มี ีพายุฝน หรือฝนตกหนกั ตดิ ต่อกัน • การจัดเวรยามอาสาสมัครเฝ้ ารับข่าวการพยากรณ์ อากาศจาก กรมอุตนุ ิยมวิทยา วทิ ยุ โทรทศั น์ หรือหนังสือพมิ พ์ • การจัดระบบการแจ้งข่าวสาร การใช้เคร่ืองมือส่ือสารชนิดต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์ หรือสญั ญาณทอ่ี าจคดิ หรือประดษิ ฐ์ข้นึ มาจากภมู ิปัญญาท้องถ่ิน 36
7) มแี ผนการอพยพเม่อื เกิดนา้ ป่ าไหลหลากหรอื ดินถล่ม โดยขอคาแนะนา หรือวางแผนร่วมกับเจ้าหน้าท่ปี ้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือฝ่ ายปกครอง เช่น นายอาเภอ 8) มีแผนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยจากดินถล่ม โดยวางแผน ร่วมกับเจ้าหน้าทป่ี ้ องกนั และบรรเทาสาธารณภัย หรอื ฝ่ายปกครอง 9) มีแผนการฟ้ื นฟูสภาพภายหลังจากประสบภัย โดยวางแผนร่วมกับ เจ้าหน้าท่ปี ้ องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรอื ฝ่ายปกครอง 10) ให้ความร้คู วามเข้าใจในการป้ องกนั ภยั ดินถล่มแก่ประชาชน 4. เฝ้ าระวงั น้า – ดนิ ปรมิ าณนา้ และดนิ ทสี่ ง่ ผลใหด้ ินถล่ม ปริมาณน้าฝนท่มี ีปรมิ าณมาก ฝนตกถ่ีติดต่อกันหลายวัน และระยะเวลาท่พี ายุ ฝนพัดผ่านเป็นปัจจัยสาคญั ปัจจยั หน่งึ ทท่ี าให้เกิดดนิ ถล่ม ประกอบกับลักษณะดินท่มี ี ผวิ หน้าดินท่มี ีรากของต้นไม้ยึดไว้น้อย และดินท่มี ีรอยแยกจากการผุพังตามธรรมชาติ เช่น ดนิ ทรายปนดินเหนยี วทม่ี ีหน้าดินหนา ในขณะท่ีฝนตกหนักต่อเน่ือง น้าจะซึมลงไปในดินจนกระท่ังอ่ิมตัวด้วยน้า เม่อื ดินอ่ิมตัวด้วยนา้ จะกลายเป็นดินเหลวปะปนอย่กู บั เศษหิน ขณะทฝ่ี นยังตกต่อเน่อื ง นา้ ใต้ผิวดินท่อี ยู่สูงกจ็ ะไหลภายในช่องว่างของดินและหินลงมาตามความลาดชันของ ภูเขา เม่ือมีการเปล่ียนความชัน น้าใต้ผิวดินก็จะไหลออกมาเป็ นน้าผุด ซ่ึงเป็นจุด เร่ิมแรกท่ีมีการเล่ือนไหลของตะกอนมวลดินและเศษหิน เม่ือตะกอนมวลดินและหิน เร่มิ เล่อื นไถลท่จี ุดแรกแล้วกจ็ ะตอ่ เน่อื งข้นึ ไปตามลาดเขาตอนบน ขอ้ สังเกตหรือส่งิ บอกเหตุว่าจะเกิดดนิ ถลม่ - มีฝนตกหนักถงึ หนักมากตลอดท้งั วนั - ปรมิ าณนา้ ฝนมากกว่า 100 มลิ ลิเมตร / วนั 37
- ระดบั นา้ ในลาห้วยสงู ข้นึ อย่างรวดเรว็ - นา้ ไหลหลากล้นตล่งิ - มีเสียงดงั อู้ อ้ือองึ มากผิดปกติบนภเู ขาและในลาห้วย เน่อื งจากการถล่ม และ เล่ือนไหลของนา้ และดิน และต้นไม้ล้ม - ต้นไม้ขนาดเลก็ ไหลมากับนา้ ทง้ั รากและใบ - สีของนา้ ข่นุ ข้นและเปล่ียนเป็นสดี นิ ของภเู ขา ลกั ษณะทีต่ ง้ั ชมุ ชนทีเ่ สยี่ งภยั ดินถลม่ ลักษณะของพ้นื ทเ่ี ส่ียงต่อภยั ดนิ ถล่ม มักเป็นพ้นื ท่ที ่อี ย่ตู ามทล่ี าดเชงิ เขาหรอื บรเิ วณท่ลี ุ่มท่อี ยู่ติดกับภูเขาท่มี ีการพังทลายของดินสงู หรือสภาพท่เี ป็นพ้ืนท่ตี ้นนา้ มี การทาลายป่ าไม้สูง นอกจากน้นั ในบางพ้นื ท่ที ่เี ส่ยี งจะเป็นบรเิ วณท่เี ป็นภเู ขาหรอื หน้าผาท่เี ป็นหินผพุ งั ง่าย ซ่ึงมักจะก่อให้เกดิ เป็นช้นั ดินหนาโดยเฉพาะอย่างย่งิ ในบริเวณท่ี หนิ รองรบั ช้นั ดนิ น้นั มีความลาดชันสูง และเป็นช้นั หนิ ท่ไี ม่ยอมให้นา้ ซมึ ผ่านได้ง่าย ลกั ษณะดังกล่าวท้งั หมดพบได้ทว่ั ไปในประเทศไทย ลกั ษณะทีต่ ้งั ของชมุ ชนท่ีเส่ยี งภยั ดนิ ถลม่ มขี อ้ สงั เกต ดงั น้ ี • อย่ตู ดิ ภเู ขาและใกล้ลาห้วย • มรี ่องรอยดนิ ไหลหรอื ดินเล่อื นบนภเู ขา • มีรอยแยกของพ้นื ดินบนภเู ขา • อย่บู นเนนิ หน้าหุบเขาและเคยมโี คลนถล่มมาบ้าง • ถูกนา้ ป่ าไหลหลากและทว่ มบ่อย • มกี องหิน เนินทรายปนโคลนและต้นไม้ในห้วยหรือใกล้หม่บู ้าน • พ้นื ห้วยจะมีก้อนหินขนาดเลก็ ขนาดใหญ่อย่ปู นกนั ทว่ั ตลอดท้องนา้ 38
5. เคร่อื งมืออุปกรณเ์ ฝ้ าระวงั สถานการณน์ ้า เคร่อื งวัดปรมิ าณนา้ ฝน การแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนมีความสาคัญและจาเป็ นอย่างย่ิง ต่อการลด ผลกระทบจากภยั ให้เหลือน้อยท่สี ุด ซ่ึงปัจจุบันเคร่อื งมือทจ่ี ะสามารถบ่งบอกถงึ โอกาส ในการเกิดอุทกภัยในชมุ ชน ซ่ึงจะนาไปสกู่ ารแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถงึ ภยั ได้อย่าง ทนั ท่วงที ได้แก่ เคร่อื งวดั ปริมาณนา้ ฝน กรมป้ องกนั และบรรเทาสาธารณภัย ได้รบั การสนบั สนุนงบประมาณในการผลิต และติดต้ังเคร่ืองวัดปริมาณนา้ ฝนสาหรับชุมชน ในพ้ืนท่เี ส่ียงภัยตามรูปแบบและตาม แบบซ่ึงกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มอบให้กรมป้ องกันและบรรเทาสาธารณภัยผลิต โดยมี แผนทจ่ี ะตดิ ต้งั ให้แก่พ้นื ทเ่ี สยี่ งภัยท่วั ประเทศท่ีมีอย่ทู ้งั หมด ประมาณ 17,500 หม่บู ้าน เคร่อื งมอื วดั ปรมิ าณนา้ ฝนสาหรับชมุ ชนเหล่าน้จี ะเป็นระบบเครือข่ายเคร่อื งมือในชมุ ชน ท่ีใช้ ประโยชน์ในการ บ่งช้ ีถึงโอกาสในการเกิดอุทกภัย ให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการ บนั ทกึ ข้อมูล โดยใช้อาสาสมัครจากชุมชนและใช้ข้อมูลทบ่ี ันทึกได้ในการแจ้งเตือนภัย ให้แกช่ ุมชนของตนเอง ลักษณะรูปร่างเครอ่ื งวัดปริมาณฝน คุณลกั ษณะทวั่ ไปของเครื่องวดั ปริมาณฝนสาหรบั ชมุ ชน 1) เป็นเคร่อื งวัดปริมาณนา้ ฝนขนาดเลก็ ใช้งานง่าย สะดวกในการตรวจวัดและ อ่านค่า 2) มีขาต้งั เหลก็ ติดต้งั บนฐานคอนกรีตเสรมิ เหลก็ 3) ทรงกระบอกรบั นา้ ผลิตข้นึ จากพลาสติกใส 4) มีสเกลอ่านได้ละเอยี ด 1.0 มม. 5) ความหมายของสเกล - สเกลต้งั แต่ 0 – 50 มม. ตวั เลขเป็นสดี า หมายถึง ปริมาณฝนเลก็ น้อย ถึงฝนปานกลาง - สเกลต้งั แต่ 51 – 100 มม. ตัวเลขเป็นสเี ขียว หมายถึง ปรมิ าณฝนหนัก - สเกลต้งั แต่ 101 – 150 มม. ตัวเลขเป็นสแี ดง หมายถึง ปริมาณฝนหนกั มาก 39
- สเกลต้งั แต่ 151 – 200 มม. ตวั เลขเป็นสีแสด หมายถงึ ปรมิ าณฝน หนกั มากทส่ี ดุ 6) ปริมาณนา้ ฝนอ่านค่าได้สงู สุด 200 มิลลิเมตร การใชง้ านและการอ่านค่าปรมิ าณน้าฝน 1) การใชง้ าน การใช้งานเคร่ืองวัดปริมาณนา้ ฝนน้ไี ม่ยุ่งยากซบั ซ้อน วธิ ีใช้โดยการดูระดับ นา้ ในเคร่อื งว่า มีระดับสงู ตรงกับตัวเลขสเกลของเคร่อื งเท่าไร แล้วจดบนั ทกึ ลงในตาราง บันทึกประจาวัน จากน้ันก็ถอดเคร่ืองออกจากฐานโดยการบิดไปทางขวาให้หลุดจาก ลอ็ กแล้วเทนา้ ท้งิ ไป แล้วนากลับมาติดต้งั ลงในฐานใหม่ พอครบรอบ 24 ช่วั โมง ทาการ อ่านใหม่ แล้วปฏบิ ตั เิ หมือนเดมิ ทกุ วัน 2) การอ่านคา่ การอ่านค่าปริมาณน้าฝนจากเคร่ืองวัดปริมาณน้าฝนท่ีกรมป้ องกันและ บรรเทาสาธารณภัยดาเนินการตดิ ต้งั ให้น้ัน เป็นการอ่านค่าสเกลตามปกติธรรมดาทว่ั ไป โดยสเกลท่ีกาหนดไว้มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร และยังได้กาหนดเป็นสีในการแสดงค่า ปรมิ าณนา้ ฝนในช่วงตา่ ง ๆ ให้มีความแตกตา่ งเพ่อื ความสะดวกในการอ่าน สาหรับการอ่านค่า จะต้องอ่านเม่ือครบรอบ 24 ช่ัวโมง หรือใกล้เคียง (เวลาท่ีอ่านไม่ควรเกิน 1 ช่ัวโมง) โดยการจดบันทึกลงในตารางจดบันทึกข้อมูล ประจาวนั หลังจากน้นั ให้ถอดเคร่อื งออกจากฐานแล้วเทนา้ ท้งิ ไป แล้วจงึ ตดิ ต้งั เคร่อื งเข้า ไปใหม่ วนั ตอ่ มาในเวลาเดียวกันกใ็ ห้ปฏบิ ตั ิเช่นเดมิ ทกุ ๆ วนั 40
การประยกุ ตใ์ ชเ้ ครอื่ งวัดน้าฝน นอกจากเคร่ืองวัดนา้ ฝนตามแบบท่ีกรมอุตุนิยมวิทยามอบให้ กรมป้ องกันและ บรรเทาสาธารณภัยผลิตแล้ว ชมุ ชนสามารถทาเคร่ืองวดั นา้ ฝนอย่างง่าย โดยประยุกตใ์ ช้ วสั ดุเหลือใช้ในพ้ืนท่ี เช่น ขวดน้าพลาสติก ขนาด 1.5 ลิตร ซ่ึงวิธีการทาสามารถศึกษา ได้จากค่มู อื การใช้เคร่อื งวดั นา้ ฝนสาหรับชมุ ชนของกรมป้ องกันและบรรเทาสาธารณภยั การรายงาน “มสิ เตอร์เตือนภัย” ท่ไี ด้รบั มอบหมายให้รบั ผดิ ชอบและดแู ลเคร่ืองวัดปรมิ าณ นา้ ฝนของชุมชน จะต้องจัดส่งสาเนาข้อมูลการจดบันทึกข้อมูลปริมาณน้าฝนประจาวัน รวบรวมเป็นข้อมูลรายเดอื นสง่ ให้กับ อบต. เพ่ือส่งตอ่ ให้สานักงานป้ องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดทุก ๆ วันท่ี 15 ของแต่ละเดือน สาหรับตัวจริงให้เกบ็ ไว้ ณ ท่ตี ้ัง ของชมุ ชน เม่อื มีฝนตกหนักมากจนมีปรมิ าณอย่ใู นขีดอนั ตรายว่า อาจเกดิ นา้ ท่วมฉับพลัน หรือดินโคลนถล่ม เช่น ในกรณีท่ปี ริมาณน้าฝนมากเกิน 100 มิลลิเมตร ติดต่อกัน ต้ังแต่ 2 วันข้ึนไปให้รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านหรือหัวหน้าชุมชน องค์การบริหารส่วนตาบล หรืออาเภอทราบ เพ่ือแจ้งเตือนประชาชนในพ้ืนท่ีให้ระวังน้าท่วมทรัพย์สินในทันที โดยใช้อุปกรณ์แจ้งเตือนภัยท่ีมีอยู่ เช่น ไซเรนมือหมุน หรือหอกระจายข่าวสาหรับ เตรยี มการอพยพไปอย่ใู นพ้นื ท่ปี ลอดภัย 41
6. ขอ้ ปฏิบตั ิในการเฝ้ าระวงั ภยั จากดนิ ถลม่ หากเป็นผ้มู ที อ่ี ย่อู าศัยในพ้นื ท่ที ่เี ส่ียงต่อการเกดิ ดินถล่มควรมกี ารเตรยี มความ พร้อมดงั น้ี การเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื รับมอื ก่อนเกิดเหตุการณด์ นิ ถล่ม 1) ตรวจสอบพ้ืนท่ีปลูกสร้างท่ีอยู่อาศัยและอาคารต่าง ๆ ว่า อยู่ในพ้ืนท่ี เสี่ยงภยั ดินถล่มหรอื ไม่ 2) ตรวจสอบการไหลของนา้ ว่ามสี ่ิงปลูกสร้างขวางหรือไม่ 3) ถ้ามีฝนตกตดิ ตอ่ กันนานหลายวัน มปี ริมาณนา้ มากกว่า 100 มลิ ลเิ มตร/วนั ควรตรวจสอบลักษณะช้นั ดินโดยรอบชมุ ชน 4) ชมุ ชนทอ่ี ย่บู นไหล่เขาควรตรวจวดั ปรมิ าณนา้ ฝนทุกวัน การเตรยี มความพรอ้ มเพอื่ รบั มอื ก่อนเกดิ เหตุการณด์ นิ ถลม่ 1) ต้องศึกษาลักษณะธรณีวทิ ยาในพ้นื ทข่ี องท่าน 2) ตดิ ตามขา่ วสารพยากรณ์อากาศเกีย่ วกับพายฝุ น 3) ติดตามตรวจสอบปริมาณนา้ ฝนจากท้องถิน่ 4) วัดปริมาณนา้ ฝนอย่างง่ายๆ โดยใช้ภาชนะทรงกระบอก และไม้บรรทดั 5) เฝ้ าระวังส่ิงบอกเหตุเม่อื ฝนตกหนกั ต่อเน่อื งหลายวัน 6) เกบ็ ส่ิงของเคร่ืองใช้ไว้บนท่สี งู เกบ็ เอกสารสาคัญไว้ในท่ซี ่ึงหยิบฉวยติดตัว ไปด้วยง่าย 7) มองหาสถานทป่ี ลอดภัย ซักซ้อมการอพยพ การเตรยี มตวั รับมือขณะเกดิ เหตุการณด์ นิ ถล่ม 1) ต้งั สติเพ่อื รับมอื กบั สถานการณ์ทจ่ี ะเกิด 2) นาสง่ิ ของจาเป็น ไปยงั จุดท่ปี ลอดภยั ให้เรว็ ท่ีสุด 42
การแจง้ เตือนภยั การแจ้งเตอื นภัยเป็นการบอกให้คนท่อี ย่ใู นหม่บู ้านหรอื พ้นื ท่ที ่อี าจเกดิ ดินถล่ม เตรียมตวั ให้พร้อมและหนีภัยได้ทนั แบ่งได้ 2 ระยะ ดงั น้ี 1. การแจง้ เตือนเพอ่ื เตรียมพรอ้ ม ในช่วงฤดูฝน หรือฤดนู า้ หลาก ฝนมักจะตกบอ่ ยคร้งั เหตกุ ารณ์ดินถล่มหรือ นา้ ทว่ มกม็ กั จะเกดิ ในช่วงน้ี ดงั น้นั เม่อื มขี ่าวการพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกหนัก หรอื การแจ้งเตือนจากทางราชการ “มิสเตอร์เตอื นภัย” กจ็ ะต้องบอกให้ชาวบ้านเตรยี มตวั เกบ็ ข้าวเกบ็ ของให้เรียบร้อย รวมทง้ั เอกสารสาคญั เช่น ทะเบยี นบ้าน โฉนดทด่ี นิ และ อ่นื ๆ รวมไว้ด้วยกันให้หยิบฉวยได้ง่ายเม่อื จะต้องอพยพ ข้าวของทเ่ี สยี หายง่ายเม่อื ถูก นา้ ท่วมกใ็ ห้วางไว้บนทส่ี ูงให้เรียบร้อย เพ่อื ป้ องกนั ความเสยี หาย แผนการเตอื นภยั และอพยพ การแจ้งเตอื นภัยและการอพยพจะต้องจดั ทาแผนไว้ล่วงหน้าเพ่อื ให้ทกุ คนเข้าใจ ตรงกัน ในเร่อื งการปฏิบตั ิตวั เม่อื อย่ใู นช่วงฤดูฝน หรอื เม่อื มีการแจ้งเตือนให้ระวัง การหนภี ัย การอพยพฯ “มิสเตอร์เตือนภยั ” จะต้องประสานกับผ้ใู หญ่บ้าน หวั หน้าค้มุ (หวั หน้าป๊ อก) และชาวบ้าน รวมทง้ั หน่วยราชการในพ้นื ท่จี ัดทาแผนร่วมกัน เน่อื งจาก คนในหม่บู ้านอย่ใู นพ้นื ทม่ี านานจงึ ร้สู ภาพพ้นื ท่ดี ี และแผนจะเป็นประโยชนใ์ นการ ช่วยชีวิตทุกคนทอ่ี ย่ใู นพ้นื ทเ่ี สย่ี งภัย แผนการแจง้ เตอื นภยั และอพยพ ประกอบดว้ ย 1) ข้อมลู พ้นื ทเ่ี สย่ี งภัยจากนา้ ท่วมและดนิ ถล่ม จะต้องมกี ารประชุมชาวบ้าน เพ่อื กาหนดและรับร้รู ่วมกนั ว่า มีบ้านไหนบ้างท่เี สยี่ งตอ่ การถูกนา้ ป่ าไหลหลากหรือ ดินถล่ม รวมถึงพ้นื ทท่ี ากนิ ด้วย 2) ข้อมลู พ้นื ทป่ี ลอดภยั เขยี นไว้ในแผนให้ร้วู ่าพ้นื ทไ่ี หนบ้างปลอดภัยจาก อทุ กภัยและดนิ โคลนถล่ม พ้นื ทป่ี ลอดภยั โดยปกตจิ ะเป็นพ้นื ท่สี ูง ซ่งึ สามารถใช้เป็นจุด รวมพล และอพยพได้
3) เส้นทางคมนาคม คอื ถนนหรอื ทางเดนิ เท้าท่สี ามารถไปยังจุดปลอดภยั ได้ จะต้องเขียนไว้ในแผนให้ร้วู ่า เม่อื ได้รับการเตือนให้หนีภัยจะหนไี ปยังจุดรวมพลและ ศูนยอ์ พยพโดยเส้นทางใดและโดยวิธใี ด ตกลงกนั ไว้ให้ชดั เจนจะได้ไม่ต้องเบียดเสยี ด กันทาให้เดินทางได้ช้า 4) สญั ญาณท่ใี ช้ในการเตือนภัย เช่น การหมนุ ไซเรน ตีเกราะไม้ ตีกลองรวั เป่ านกหวีด 5) วิธกี ารอพยพ บอกวธิ กี ารหนีภัย การรวมพล และการเดนิ ทางไปศูนยอ์ พยพ 6) การรายงานตวั และการจดั ศนู ย์อพยพ “แผนการแจง้ เตือนภยั และอพยพ จะตอ้ งแบง่ พ้นื ทแี่ ละกาหนดคนรบั ผดิ ชอบให้ ชัดเจน” เม่อื กาหนดพ้นื ท่เี สยี่ งภยั พ้นื ทป่ี ลอดภยั รวมทง้ั เส้นทางหนภี ัย ฯ แล้ว ให้แบ่ง พ้นื ท่หี ม่บู ้านเพ่อื ให้ดูแลกันได้ท่วั ถึง โดยอาจแบ่งตามค้มุ บ้านหรือป๊ อกบ้าน ให้หัวหน้า ค้มุ หรอื หวั หน้าป๊ อกเป็นคนดแู ลแจ้งเตอื นและประสานกับคนในค้มุ บ้านหรอื ป๊ อกบ้าน สาระสาคญั ในการแจง้ เตือนภยั ในการแจ้งเตือนภยั “มิสเตอร์เตือนภยั ”จะต้องบอกวิธปี ฏิบตั แิ กช่ าวบ้าน ดังน้ี 1) ให้คอยติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากวทิ ยุ โทรทศั น์อย่างสมา่ เสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและหน้ามรสมุ เพราะอาจมีข่าวเตือนถึงสภาวะฝนตกและ โอกาสการเกดิ นา้ ทว่ มหรอื ดนิ ถล่มในบางพ้นื ท่ี 2) ต้องเรียนร้แู ละร่วมกันวางแผนในการหนีภัยนา้ ทว่ ม หรอื ดนิ ถล่ม บอกสมาชิก ในครอบครวั ให้ทราบด้วย ร่วมกันกับชาวบ้านคดิ ว่าถ้าเกิดนา้ ทว่ มหรอื ดนิ ถล่มจรงิ ๆ เราควรจะอพยพตนเองและครอบครัวไปยงั สถานทป่ี ลอดภยั ทไ่ี หน และจะอพยพไป อย่างไร รวมท้งั ร่วมในการฝึกซ้อมทุกคร้งั เม่อื เวลาเกิดนา้ ทว่ มหรอื ดนิ ถล่มจะได้ช่วย ตนเองและครอบครัวให้ปลอดภยั 3) ควรรวบรวมวสั ดุอุปกรณ์ก่อสร้างในยามฉกุ เฉนิ ไว้ให้พร้อม ในกรณที อ่ี าจ ต้องมกี ารสร้างบ้านเรือนช่วั คราวในระหว่างหรือหลังนา้ ลดแล้ว 44
4) จดรายละเอยี ดของสถานทต่ี ดิ ตอ่ ของทางราชการไว้เพ่ือใช้ในยามฉกุ เฉิน เช่น เบอรโ์ ทรศพั ท์ หรอื ท่อี ย่ขู ององคก์ ารบริหารสว่ นตาบล ทว่ี ่าการอาเภอ สถานี ตารวจ สถานีดับเพลงิ โรงพยาบาล สถานอี นามัย ไฟฟ้ า หรอื ประปา เป็นต้น ในกรณที ่ี เราต้องการตดิ ตอ่ ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน 5) ควรนาเอกสารสาคัญจัดรวบรวมไว้ให้สะดวกและพร้อมเสมอเม่อื ต้องอพยพ หนภี ยั เช่น บตั รประจาตัวประชาชน ทะเบยี นบ้าน สาเนาทะเบียนรถยนต์ ใบขบั ข่ี รถยนต์ โฉนดท่ดี นิ เป็นต้น 6) สงิ่ ของมคี ่า เช่น เคร่อื งประดับ ฯ จดั เกบ็ ไว้ให้เรียบร้อย ให้หยบิ ฉวยได้ง่าย เม่อื เกิดภยั ข้นึ โดยเกบ็ ไว้ในถงุ กันนา้ ได้ในท่ปี ลอดภัย 7) เตรียมอปุ กรณ์ เคร่อื งมือ เคร่อื งใช้ในยามฉุกเฉนิ ไว้เสมอ เพ่อื ใช้ในยาม จาเป็น ได้แก่ - วิทยกุ ระเป๋ าห้วิ ไฟฉาย และถา่ นไฟฉายใหม่ (สารองไว้) - เทยี นไขและไม้ขดี ไฟ - เชอื ก - เคร่อื งมือประกอบอาหาร เช่น หม้อข้าว จาน ชาม ช้อน - กกั ตุนนา้ ด่มื สะอาด อาหารกระป๋ อง และอาหารแห้ง ไว้ให้อย่ไู ด้ กอ่ นท่จี ะได้รบั การช่วยเหลอื - ยารกั ษาโรคและเคร่อื งมอื ปฐมพยาบาล - รองเท้าบู๊ทและถงุ มือยาง (ถ้ามี) - เส้อื ผ้า ผ้าห่ม และเคร่อื งใช้จาเป็นเพ่อื ใช้ในเวลานา้ ท่วม 8) อย่าปล่อยให้เดก็ เลก็ ว่ายนา้ หรือพายเรอื เล่นตามลาพงั โดยไม่มผี ้ใู หญ่อยู่ด้วย ในช่วงฤดูฝนเด็ดขาด 9) หากเกดิ ดนิ โคลนถล่มและตดิ อย่ใู นนา้ อย่าว่ายนา้ หนี เพราะอาจถูกซากไม้ ก้อนหินท่ไี หลมากับโคลนกระแทกถงึ ตายได้ ให้หาต้นไม้หรือส่งิ ปลกู สร้างท่แี ขง็ แรงและ ปีนข้นึ ไปบนท่สี งู 45
วธิ เี ตือน 1) ประกาศเสียงตามสาย 2) ประชุมกรรมการหม่บู ้านและให้ไปบอกตอ่ 3) ประชมุ ชาวบ้าน 4) ประกาศในงานทาบญุ ท่วี ัด 5) ติดประกาศทศ่ี าลากลางหม่บู ้าน โรงเรียน วดั 2. การแจ้งเตือนเพ่ือหนภี ยั เป็นการบอกให้ร้วู ่าเกิดภัยหรอื ภยั จากดินโคลนถล่มจะเกิดในเวลาอันใกล้น้ี เน่อื งจากมฝี นตกหนกั นา้ หลากแรงจากการวดั ปรมิ าณฝนตกและปรมิ าณจากแม่นา้ ลาธารเหนือหม่บู ้านข้นึ ไป ซ่งึ มกี ารแจ้งมาเป็นระยะ “มสิ เตอรเ์ ตือนภยั ” ต้องบอกให้ ชาวบ้านหนีหรอื อพยพไปยังทป่ี ลอดภยั ตามท่ตี กลงกันไว้ในทนั ที วธิ ีเตอื น ต้องตกลงกนั ไว้กอ่ นว่าจะเตอื นโดยวธิ ใี ด ซ่ึงอาจใช้ได้หลายวธิ ี ดังน้ี 1) ไซเรนมือหมนุ หมุนให้เกดิ เสยี งดงั ให้ชาวบ้านได้ยินและหนไี ปตามแผนทไ่ี ด้ ตกลงกนั ไว้ 2) ตเี กราะไม้ท่หี ม่บู ้านใช้เวลามีเหตุร้าย 3) ตกี ลองเพล โดยต้องตกลงกันไว้ก่อนว่าถ้าตีในเวลาท่ไี ม่ใช่เวลาปกตใิ ห้ถือว่า เป็นการเตือนภัย 4) เป่ านกหวีดเสียงยาว 5) จุดพลุ เครอ่ื งมอื อปุ กรณใ์ นการเตอื นภยั (ไซเรนเตอื นภยั แบบมอื หมุน) ไซเรนเตอื นภยั เป็นอุปกรณส์ าหรบั ให้สัญญาณเตือนภยั ในหม่บู ้าน ชมุ ชน หรือ อ่นื ๆ ตามทผ่ี ้คู วบคุมและผ้รู บั ฟังสัญญาณไซเรนจะทาข้อตกลงนาไปกาหนดใช้งาน และ สามารถใช้งานในสถานทท่ี ไ่ี ม่มีไฟฟ้ าได้ โดยใช้มอื หมุนซ่ึงง่ายตอ่ การใช้งานและการ บารุงรักษา 46
สว่ นประกอบของไซเรนเตือนภยั แบบมอื หมุน วธิ กี ารใชง้ านและการบารุงรักษา 1) วธิ ีการใชง้ าน หมนุ ด้ามท่จี บั ท่อี ย่ดู ้านข้างของตวั เคร่ืองในทศิ ทางตามเขม็ นาฬิกา (หมนุ ออกจากตัวของผ้ใู ช้ไปยังตวั เคร่อื ง) และเพ่อื ให้ได้เสียง 2 เสียง (Two Tone) จะต้อง หมนุ ด้ามจับสาหรับควบคมุ เสยี งทอ่ี ย่ดู ้านบนของตัวเคร่อื งด้วย เพ่อื ให้การหมุนน้ไี ป หมุนการทางานของแผน่ เล่อื นภายในตวั เคร่อื งด้านในซ่งึ จะทาให้เกิดเสยี งสองเสียงสลับ ไปมา (Two Tone) 2) วิธกี ารบารงุ รกั ษา - ใช้ถุงคลมุ ตวั เคร่อื ง เพ่อื ป้ องกันฝ่นุ และความช้นื - หยอดนา้ มันหลอ่ ล่ืนตรงตาแหน่งท่มี ีการเคล่อื นไหว ทุกคร้งั หลงั ใช้งาน - ทดสอบหมุนเคร่อื งเพ่อื สงั เกตการณท์ างานว่าปกตดิ หี รอื ไม่อย่างน้อย เดือนละ 2 คร้งั - ใช้ผ้านุ่ม ฟองนา้ เชด็ ทาความสะอาดทุกคร้งั หลังจากมีการทดสอบ หรือใช้งาน 47
การอพยพ การอพยพเป็นส่วนหน่งึ ของการหนีภัย เพ่อื ไปยังจุดปลอดภยั ซ่ึงมีข้นั ตอนและ วิธีการอพยพดงั น้ี 1. แจ้งเตอื นประชาชนไปยงั จุดปลอดภยั เป็นการแจ้งประชาชนให้ทราบว่าเม่อื ได้รบั การแจ้งให้หนภี ยั แล้ว ให้รบี หนไี ปยงั พ้นื ทส่ี งู หรือท่ปี ลอดภยั โดยปฏบิ ัติดงั น้ี 1) แจ้งคนในครอบครวั ให้ทราบ และรวบรวมคนในครอบครัว ให้พร้อม และไปด้วยกนั สาหรับหัวหน้าค้มุ บ้านหรือหัวหน้าป๊ อกให้แจ้งคนในค้มุ บ้านหรอื ป๊ อกบ้าน ให้ทราบ และอพยพโดยทนั ที 2) เกบ็ ของมีค่า และเอกสารสาคัญซ่งึ ได้จดั เตรยี มไว้แล้วไปกับตวั 3) หนไี ปทส่ี งู ตามเส้นทางท่ตี กลงกนั ไว้ตามแผนอพยพไปยังทป่ี ลอดภยั 2. เม่อื แตล่ ะคนแต่ละครอบครวั หนีภัยจากจุดทม่ี ีนา้ ท่วมหรอื ดินถล่มถงึ ทป่ี ลอดภัย แล้วให้ไปรายงานตวั ทจ่ี ุดรวมพลตามท่ตี กลงกนั ไว้โดยให้ “มสิ เตอรเ์ ตอื นภัย” ปฏิบัติ ดังน้ี 1) สารวจยอดผ้อู พยพ โดยจดช่อื -นามสกุล ให้ทราบว่าเป็นหญิงกคี่ น เป็น ชายก่คี น เดก็ ชายกคี่ น เด็กหญงิ กคี่ น คนชราอายุเกนิ 60 ปีก่ีคน มคี นบาดเจบ็ กคี่ น และรวบรวมไว้ 2) ประสานกาหนดคนออกตดิ ตามผ้ตู กค้างซ่งึ อาจพลัดหลงระหว่างทางทอ่ี พยพ 3) เม่อื ติดตามผ้อู พยพตามเวลาสมควรแล้ว ให้ดาเนินการดงั น้ี - ถ้าตามมาได้ครบไม่มผี ้สู ูญหาย ให้เดนิ ทางไปศนู ย์อพยพโดยทนั ที - ถ้าพยายามตามแล้ว แตม่ าไม่ครบมผี ้สู ูญหายให้จดช่อื ผ้สู ญู หายไว้ เพ่อื แจ้งกองอานวยการเฉพาะกจิ ทาการค้นหา และให้ความช่วยเหลือตอ่ ไป 4) รายงานยอดจานวนผ้อู พยพให้กองอานวยการเฉพาะกิจทราบ (ถ้าสามารถ รายงานทางเคร่อื งมือส่อื สารได้) เพ่อื จัดเตรียมพ้นื ท่แี ละส่ิงอานวยความสะดวกรองรบั การอพยพของประชาชน 3. แบ่งกล่มุ ผ้อู พยพออกเป็นสว่ น ๆ โดยมผี ้ดู ูแลในแต่ละกล่มุ เพ่อื ให้ช่วยเหลือ ดแู ลกันได้ท่วั ถงึ ระหว่างเดินทางไปศูนยอ์ พยพ
4. เม่อื เดนิ ทางไปถงึ ศูนย์อพยพแล้วให้แจ้งยอดผ้อู พยพให้ผ้รู บั ผิดชอบประจาศนู ย์ เพ่อื ประสานอานวยความสะดวกในการจัดพ้นื ท่แี ละส่ิงอานวยความสะดวกให้แกผ่ ้อู พยพ รวมถึงการให้การรกั ษาพยาบาลเบ้ืองต้นแก่ผ้บู าดเจบ็ 5. ประสานกบั เจ้าหน้าทป่ี ระจาศนู ย์ กานัน ผ้ใู หญ่บ้าน ในการจัดสถานท่แี ละ จัดระเบียบประชาชนเข้าทพ่ี ักในศนู ย์อพยพโดยจัดให้พักเป็นครอบครัว กรณีท่เี ป็นชาย โสด และหญิงโสดไม่มคี รอบครัวให้จัดทพ่ี กั แยกกนั อย่าจดั ทพ่ี ักปนกนั รวมทง้ั จัดท่ไี ว้ สาหรับการรักษาพยาบาลแกผ่ ้ปู ่ วยและผ้บู าดเจบ็ ด้วย 6. แบ่งหน้าท่ใี ห้ผ้อู พยพช่วยเหลือกนั ดแู ลศูนย์อพยพในเบ้ืองต้น โดยแบ่งเป็น ฝ่ายดงั น้ี 1) ฝ่ายจัดเตรยี มอาหาร มีหน้าท่จี ัดเตรียมหุงหาอาหารให้แก่ผ้อู พยพ 2) ฝ่ายจัดเตรยี มนา้ มีหน้าท่จี ดั เตรยี มนา้ สะอาดสาหรับด่มื และสาหรบั ชาระ ล้าง (อาบนา้ นา้ ใช้ในห้องนา้ นา้ สาหรบั ซกั ล้าง) 3) ฝ่ายจดั เตรียมเคร่อื งนอน มหี น้าทจ่ี ัดเตรียมเคร่อื งนอนแก่ผ้อู พยพ โดยประสานกบั ผ้ดู แู ลศนู ย์อพยพ จดั หาหมอน เส่อื ผ้าห่ม ท่นี อน เพ่มิ เตมิ แก่ผ้อู พยพ นอกเหนอื จากสิ่งของทน่ี าติดตวั มา 4) ฝ่ายจัดเตรยี มส้วม ท่อี าบนา้ และทซ่ี ักล้าง มีหน้าท่ี - จัดเตรียมห้องส้วมแยกชาย-หญิง โดยทาความสะอาดส้วมท่มี อี ย่แู ล้ว หรอื ประสานกับเจ้าหน้าทศ่ี นู ยอ์ พยพในการจัดทาส้วมเพ่มิ เติม - จัดเตรยี มทอ่ี าบนา้ แยกชาย-หญงิ - จัดเตรียมทซ่ี ักเส้อื ผ้า ล้างจานชามเคร่อื งใช้ - ประสานกับฝ่ายจัดเตรียมนา้ จดั หาภาชนะเกบ็ นา้ และเกบ็ นา้ ไว้ให้ แก่ผ้บู ริโภคใช้ ตามพ้นื ท่ที จ่ี ดั เตรยี มไว้ (ส้วม ทอ่ี าบนา้ ท่ซี กั ล้าง) 5) ฝ่ายรกั ษาความปลอดภัย มีหน้าท่ดี แู ลความปลอดภยั แก่ผ้อู พยพ ไกล่เกล่ยี และป้ องกันการทะเลาะวิวาทระหว่างผ้อู พยพ 49
แนวทางปฏิบตั ิของผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งในการปฏิบตั งิ าน ตามโครงการเครือข่ายอาสาสมคั รเตือนภยั ดนิ ถล่ม “มิสเตอรเ์ ตอื นภยั ”
Search