สว นหน่งึ จากบรรดาคาํ ถามท่ี อบั ดลุ ลอฮ บิน สลาม ไดถามทานศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) กค็ อื “(โอมฮุ ัมมดั ) จงบอกแกฉ ันเถิดวา อะไรคอื การเริม่ ตน และการสน้ิ สุดของคัมภรี อัล กุรอาน!” ทานศาสนทูตกลาววา “โออบิ นิ สลาม เอย! การเร่มิ ตนของอัล กรุ อานคอื ( ) (ดว ยพระนามแหงอัลลอฮผ ทู รงกรณุ าย่งิ ผทู รงเมตตายิง่ ) และการสิน้ สุดของมนั คือ ( ) (อลั ลอฮผูทรงสูงสง ผูท รงยิ่งใหญ ทรงตรัสจริงแลว ) ทา นอัลลามะฮม ัจญลซิ ี (รฎ.) ไดอา งรวิ ายะฮบ ทนี้ไวใ นหลายที่ บางคร้ังใชส ํานวนประโยค ( ) แทนทป่ี ระโยค ( ) ดังนั้นการกลา วท้ังสองสํานวนในขณะสนิ้ สดุ การ อานคมั ภีรอลั กุรอานนั้นถอื วา ใชได แตส าํ นวนประโยคทอ่ี า งองิ ไวแ ตแ รกน้นั ถือวาดีกวา รวิ ายะฮทีส่ อง : มนั คอื ริวายะฮท ีเ่ ก่ียวกบั อะมลั้ ของ ‘อมุ มุ ดาวูด’ อะม้ลั ดังกลา วน้ีคอื การอิบาดะฮจาํ นวนหน่ึง ทีอ่ ิมามซอดกิ (อ.) ไดส่งั เสยี ใหกระทาํ ในวันที่สบิ หา ของเดอื นรอญับ สวนหนงึ่ จากอิบาดะฮเหลา นั้นคือ การอานคมั ภีรอ ลั กุรอานบางซเู ราะฮ อมิ ามซอดกิ (อ.) ไดกลา วแก อมุ มุ ดาวดู วา “ภายหลงั จากการอานซเู ราะฮต างๆ แลวให กลา วประโยคตอ ไปน้ี ขณะท่เี จา ไดหันหนาไปทางกบิ ลัตวา ( ) (2) ความจรงิ แลวคาํ พูดของอมิ าม (อ.) น้ันยังดําเนินตอ ไปอีกแตเราขอกลาวอา งไวเพยี งเทา น้ี เพราะวา ไมเ กีย่ วกับเนอ้ื เร่ืองทเ่ี ราพดู คุยกัน จากรวิ ายะฮบทน้ี เราสามารถสรปุ ไดเ ชน กันวา เปนสิง่ ท่ีดีท่ีเราจะยุตกิ ารอา นคัมภรี อ ลั กุรอาน ดว ยการกลา ววา ( ). มารยาทประการท่ี 19 ดอุ าอภ ายหลงั จากการอานคมั ภรี อ ัล กุรอาน ความจาํ เปน ของการอานดอุ าอภายหลังการอานคัมภรี อัล กรุ อาน ในมารยาทประการท่ี 3 เราไดรับรูไ ปแลววา การวอนขอดุอาอกอ นการอานนน้ั เปนมารยาท ประการหน่ึงของการอา นคมั ภรี อลั กรุ อาน และอกี ประการหนึง่ เกย่ี วกับมารยาทของการอา นคัมภรี อ ัล กุ รอาน และเปนชว งโอกาสทด่ี อุ าอจ ะถูกตอบรับไดโ ดยเร็วและงายดายทสี่ ุด นัน่ คอื ชว งเวลาภายหลงั จาก การอา นคมั ภีรอ ัล กรุ อาน 50
ผูทอ่ี านคมั ภีรอ ลั กุรอานในที่วางเปลา จากผคู น ดว ยกับการระวังรกั ษามารยาทตางๆ ของการ อา นนัน้ ยอมเปน ทม่ี งุ หวงั ไดม ากวาเงอื่ นไขตา งๆ ของการถูกตอบรับดอุ าอจ ะถกู เตรียมไวส ําหรับเขา เนอ่ื งจากวารัศมีของคัมภรี อัล กุรอาน จะกอ ใหเกดิ ความสวางไสวแกเ วลาและสถานที่ และเปนไปไดม าก ทเี ดียวท่ีผอู านคมั ภีรอลั กรุ อานภายใตร ัศมแี หง คัมภรี อลั กรุ อานนน้ั จะทาํ ใหเ ขาไดร บั การเปลย่ี นแปลง ทางดา นจติ ใจและจิตวญิ ญาณ ซ่งึ จะสง ผลทาํ ใหสภาวะของดุอาอแ ละการถกู ตอบรับของมันน้นั ถูก จดั เตรียมไวสําหรับเขา การระมดั ระวงั และการรักษามารยาทดงั กลาวนี้ ในสถานทีช่ มุ นมุ เกี่ยวกบั การอา นคมั ภรี อ ลั กุ รอาน เปน ส่งิ ที่สมควรอยางยิ่งดวยเหตผุ ลสองประการคือ 1. การชุมนุมในลักษณะเชน นโ้ี ดยสวนใหญแลวจะถูกจดั ใหม ีข้ึนในมัสยดิ ตา งๆ ในบรรดาสสุ าน ทมี่ คี วามจําเรญิ ความจําเริญและความบริสทุ ธ์ขิ องสถานท่ชี ุมนุมนั้นจะถูกเพิม่ ทวขี น้ึ และเกียรตขิ อง สถานท่นี เี่ องท่ีจะมผี ลอยา งสูงในการตอบรบั ดุอาอ 2. สถานท่ที ่ีมีการชมุ นุมกนั เกย่ี วกับคัมภรี อลั กุรอานนน้ั เปนสถานที่รวมของบรรดาบคุ คลที่มี คณุ ธรรม (ซอและห) และเปน ผูเ ครง ครัดในศาสนา โดยเฉพาะอยา งยิ่งบรรดาเยาวชนคนหนุมซงึ่ ยงั คง บริสทุ ธิจ์ ากความแปดเปอ นดวยความผดิ บาปและการละเมดิ ฝา ฝน โอกาสทีจ่ ะถกู ตอบรบั ของมนั กย็ อ ม มีมากกวา ดวยเหตผุ ลดงั กลาวนีเ้ องโดยท่วั ไปแลว การสิน้ สุดของการชุมนมุ เก่ยี วกับคมั ภีรอ ัล กรุ อาน คอื การสนิ้ สดุ ลงดวยการวิงวอนของดุอาอ ดุอาอไ มว า จะเปน ภาษาใด! และไมวา จะวอนขออยา งไร! ลว นเปน สิง่ ท่ีดที ั้งส้นิ แตสิง่ ทีถ่ ูกสง่ั เสยี เอาไวน ั้นคือ เมื่อเราจะวอนขอดอุ าอใ หเ ราใชประโยชนจากบรรดาบทดอุ าอซง่ึ ไดรบั รายงานมาจาก บรรดาผูนาํ ผูบรสิ ทุ ธิ์ (อ.) ดวยเหตผุ ลดังกลาวน้เี อง คําแนะนําของเราทมี่ ีตอบรรดาผมู คี วามรกั และ ผกู พันตอคมั ภรี อ ัล กรุ อานกค็ อื ของใหใชด ุอาอต า งๆ ท่ีถกู รายงานมาจากบรรดาผูนาํ ทางศาสนา เพอ่ื เปน การยุตหิ รอื ปดการชมุ นมุ เก่ียวกับคมั ภรี อลั กุรอาน ในสว นนเี้ ราจะขอแนะนําดุอาอส องบททีเ่ กี่ยวของ โดยเฉพาะสาํ หรับการสนิ้ สดุ และการยตุ กิ ารอา นคัมภีรอ ลั กรุ อาน ดอุ าอบ ทที่ 1 มีปรากฏในหนังสอื ฮะดีษวา อมิ ามซอดกิ (อ.) เมือ่ สิ้นสุดจากการอา นคมั ภีรอลั กรุ อาน ทาน จะอา นดอุ าอบ ทนี้ 51
“โออ ัลลอฮ! แทจริงขาพระองคไ ดอา นส่งิ ที่พระองคไ ดทรงกําหนดจากคมั ภรี ข องพระองค ซ่ึงได ทรงประทานลงมายงั ศาสดาผูสจั จริงของพระองค ดังน้นั มวลการสรรเสริญพงึ มีแดพ ระองค โออ งคพระผู อภบิ าลของพวกเรา โออ ลั ลอฮ! ไดโ ปรดบนั ดาลใหข า พระองคเ ปนผูหนึ่งท่ีไดย ึดถอื ส่ิงอนุมัติ (ฮะลาล) ของคัมภรี อัล กุรอาน เปนสิ่งอนุมตั ิ และยดึ ถอื สงิ่ ตอ งหาม (ฮะรอม) ของมัน เปนส่งิ ตองหา ม และเปนผูศรทั ธาม่ัน ทงั้ ตอส่งิ ที่ชดั แจง (มหุ ก มั ) ของมนั และส่งิ ที่คลุมเครือ (มตุ ะชาบฮิ ) ของมนั และขอพระองคไดท รง บันดาลใหค ัมภรี อลั กรุ อานนน้ั เปนผใู กลชดิ ตอ ขา พระองคในหลุมฝง ศพของขา พระองค และเปนผรู ว ม เคียงในยามเดียวดายของขา พระองค และโปรดบนั ดาลใหขาพระองคเ ปน ผหู นงึ่ ทพี่ ระองคไดเ ลือ่ น ตําแหนงแกเขาดวยกบั ทกุ ๆ โองการทเ่ี ขาไดอ านมนั โดยมอบฐานันดรหนึง่ ในสวนสวรรคอ ันสงู สดุ ดว ย เถดิ ขอพระองคท รงตอบรบั ดุอาอของขา พระองคดวยเถิด โอองคพ ระผอู ภบิ าลแหง สากลโลก” (1) ดุอาอบ ทท่ี 2 หุซัยฟะฮ ผเู ปน สาวกคนหน่งึ ของทานศาสดามุฮมั มัด(ศอ็ ลฯ) ไดก ลาววา พวกเราไดรว มนมาซ กบั ทา นศาสนทตู แหงอลั ลอฮ( ศอ็ ลฯ) ตอ จากนนั้ ทานไดเ รมิ่ ตน อานซเู ราะฮอ ลั บากอเราะฮ เม่ือทา นไดย ุติ การอาน ทา นไดอานดอุ าอซ ึ่งทา นใชอ า นเสมอเม่อื ส้ินสุดการอานคัมภีรอัล กุรอาน ตัวบทของดุอาอม ี ดังนคี้ อื “โอพ ระผูเปนเจา ! ไดโปรดเมตตาตอขาพระองคด ว ยสอื่ จากคัมภีรอัล กุรอาน และโปรดบันดาล มันใหเ ปนผูช น้ี าํ เปนแสงสวา ง เปนทางนํา และเปนความเมตตาหน่งึ สําหรบั ขา พระองค โอพ ระผูเปน เจา! ไดโปรดทําใหขา พระองคราํ ลึกถงึ ส่งิ ท่ีขา พระองคไ ดหลงลืมจากมนั และโปรดสอนขา พระองคใ หรู ส่งิ ท่ีขาพระองคไมม คี วามรูใ นมนั และไดโ ปรดประทานโชคผลแกขาพระองคใ นการอานมันทัง้ ในยามคาํ่ คืนและยามกลางวนั และโปรดบันดาลใหมันเปนขอ พิสูจนห นึง่ สําหรับขาพระองค โอพระผูอภิบาลแหง สากลโลก” (2) มารยาทประการที่ 20 ดอุ าอเ ม่อื จบคัมภีรอ ัล กรุ อาน การจบคัมภีรอ ลั กรุ อาน (คอ็ ตมุล กุรอาน) เปน ซนุ นะฮ (แบบฉบบั ) อยางหนงึ่ ท่ีถกู กระทํา อยางแพรหลายในหมชู าวมสุ ลมิ และบรรดาผูน ําทางศาสนาไดส ั่งเสียในเรอ่ื งนีไ้ วอยา งมากทีเดยี ว ซง่ึ เรา ไดกลา วถึงไปแลวในเรอ่ื งนี้ ในมารยาทประการท่ี 15 ของหนงั สอื เลม น้ี 52
การอานคมั ภรี อ ลั กุรอานจนจบนนั้ ถือเปนเตาฟก (ความสาํ เรจ็ ) ประการหนึ่งทพ่ี ระผูเปนเจา ได ทรงมอบใหเ ปน โชคผลแกปวงบา วผเู ครง ครัดของพระองค ดวยเหตนุ ้ีเองผทู อ่ี า นคัมภรี อลั กุรอานจนจบ น้ัน ควรจะตองรถู ึงคุณคา ของเนี๊ยะอมตั (ความโปรดปราน) อนั ยงิ่ ใหญน้ี โดยสอ่ื การอานคมั ภีรอลั กุ รอานจนจบนี้ ยังทําใหป ระตแู หง เตาฟก (การประทานความสาํ เร็จ) ตางๆ อีกมากมายจากพระผูเปน เจา ถกู เปด สําหรบั มนุษย ซ่ึงจําเปน ทีเ่ ขาจะตองฉกฉวยโอกาสดงั กลาวนี้ และโดยส่อื ของดอุ าอ จงวอนขอตอ พระองคใหเตาฟก เหลานดี้ าํ เนินตอ ไปสําหรบั ตนเอง และจงวิงวอนของความสาํ เร็จใหม ากยิ่งข้ึนในการ แสวงหาความรูและความเขา ใจจากคมั ภีรอ ลั กรุ อาน ดุอาอเ มือ่ จบคัมภีรอัล กรุ อาน คอื ซนุ นะฮอ ยา งหนง่ึ ในขณะที่เราอานคัมภรี อ ัล กรุ อานจนจบเลมแลวน้นั สามารถอานดุอาอใ ดๆ ก็ได แตเ ปนสิง่ ที่ ดีกวา ทีเ่ ราจะเรยี นรูว ิธกี ารขอดอุ าอแ ละการวงิ วอนขอตอพระผูเปนเจา จากบรรดาผูนาํ ทางศาสนา ใน เร่อื งนี้เราขอนาํ เสนอดอุ าอส ามบทจากบรรดาดอุ าอเ ก่ียวกบั การจบคัมภีรอ ลั กุรอาน เพ่อื เปน ประโยชน สําหรับผูม คี วามรักและความผกู พนั ตอ คมั ภรี อ ัล กุรอานท้งั หลาย ดอุ าอบ ทที่ 1 ทา น ‘อาซมิ ’ หนง่ึ จากบรรดานกั อา นทัง้ เจด็ ทา นไดรายงานจาก ‘ซรั บนิ ฮเุ บช’ วา : ฉันไดอา น คัมภรี อ ลั กรุ อานในมัสยดิ กฟู ะฮจากตน จนจบใหก ับทานอมรี ลุ มุอมนิ ีน อะลี บิน อบฏี อลบิ (อ.) รับฟง ภายหลังจากทค่ี ัมภรี อลั กรุ อานไดจ บสน้ิ ลง ทา นไดก ลาวกับฉนั วา “โอ ซรั เอย! เม่อื เจา อานอัล กรุ อานจนจบแลว เจา กจ็ งอานดุอาอบทนเี้ ถดิ เพราะผเู ปนทีร่ ักย่ิง ของฉนั คอื ทา นศาสดามฮุ ัมมดั (ศ็อลฯ) ไดสัง่ ใหฉนั วงิ วอนของตอ อลั ลอฮแบบนีเ้ มอื่ อา นคมั ภีรอ ัล กุรอาน จนจบ “โอขาแตพระผเู ปนเจา ! แทจริงขาพระองควอนขอตอพระองคในความนบนอบของปวงผูนบ นอบทงั้ หลาย และความบรสิ ทุ ธ์ใิ จ (อิคลาส) ของปวงผมู คี วามเชอื่ ม่นั ทั้งหลาย และการเปน มติ รสนิท ตอ ปวงผทู รงคณุ ธรรม และการไดรับมาซง่ึ ขอเท็จจริงตา งๆ อันเปนเนือ้ แทข องการศรทั ธา และโชคผล จากทุกๆ สิ่งท่เี ปน คณุ ธรรมความดี และความปลอดพน (สลามะฮ) จากทุกๆ ความผิดบาป และเปน เหตนุ าํ มาซง่ึ ความเมตตาของพระองค และการอภัยโทษอยา งแนนอนของพระองค และชยั ชนะดวย (การเขา สู) สรวงสวรรค และความรอดพน จากไฟนรก” (1) 53
ดุอาอบ ทที่ 2 ทานมรั ฮมู อลั ลามะฮม จั ญล ซิ ี ไดอา งรายงานไวในหนงั สอื ‘บฮิ ารลุ อันวาร’ วา อิมามอะลี (อ.) มกั จะอานดุอาอต อไปน้เี ม่ือจบคมั ภรี อ ลั กรุ อาน “โอ ขา แตพระผเู ปนเจา ! ไดโ ปรดทรงเปดหัวอกของขา พระองค และโปรดทําใหรางกายของขา พระองคไ ดป ฏบิ ัตติ ามคัมภรี อ ลั กรุ อาน และโปรดบนั ดาลใหส ายตาของขาพระองคส วางไสวดว ยกับ คมั ภีรอ ัล กรุ อาน และโปรดบันดาลใหล ิ้นของขา พระองคห มกมุนอยูกบั คัมภรี อลั กรุ อาน และโปรดให การชว ยเหลอื ขาพระองคบนหนทางน้ี ตราบเทาทข่ี า พระองคย งั คง (มชี วี ิต) อยู เพราะแทจริงไมมี อานภุ าพและพลงั ใดๆ นอกจากโดยสือ่ จากพระองค” (2) ดุอาอบ ทที่ 3 สว นหนึง่ จากบรรดาดุอาอท ีม่ ีเน้อื หาสมบูรณแ ละครอบคลุมในการจบอัล กรุ อาน คือดุอาอบ ท หนึง่ ซงึ่ อิมามซยั นุลอาบดิ นี (อ.) ไดอ าน เนื่องจากความยาวของดุอาอบ ทนี้ จึงไมข อนาํ มาเสนอไวใน หนงั สอื เลม นี้ แตห ากผใู ดประสงคก็สามารถหาอา นไดจากหนังสอื ‘อัซ ซอฮีฟะฮ อซั ซจั ญาดียะฮ’ ดอุ าอ อนั ดับท่ี 42. (1) มุสตัดร็อก-อลั วะซาอลิ , เลม 4, หนา 236. (2) อศุ ลู ลุ กาฟ, เลม 2, หนา 444. (3) วะซาอลิ ุชชีอะฮ, เลม 4, หนา 842. (4) วะซาอลิ ุชชอี ะฮ, เลม 4, หนา 826. (1) ตะหรีรลุ วะซีละฮ, อิมามโคมยั น,ี เลม 1, หนา 27, 28. (2) มีซานุลฮกิ มะฮ, เลม 8, หนา 85, 86. (1) บิฮารุลอนั วาร, เลม 70, หนา 210. (2) วะซาอลิ ุชชีอะฮ, เลม 4, หนา 838. (3) ซุนะนนุ นะบี, อลั ลามะฮ ฏอบาฏอบาอี, หนา 353. (1) บิฮารุลอลั วาร, เลม 89, หนา 207. (2) อุศลู ุลกาฟย , เลม 2, หนา 417, 418. (1) อนั นัชรุ ฟลกิรออาติลอชั ร, อิบนิ ญะซะรี, เลม 1, หนา 243. (2) มจั ญมะอุลบะยาน, เลม 1, หนา 243. (3) ซะฟน ะตุลบิฮาร, เลม 2, หนา 417. 54
(4) อาดาบุซซอลาฮ, อมิ ามโคมัยน,ี หนา 221. (1) อศุ ูลุลกาฟ, เลม 2, หนา 446. (2) วะซาอลิ ชุ ชอี ะฮ, เลม 3, หนา 493. (3) มสุ ตดั รอ็ ก วะซาอลิ , เลม 3, หนา 355. (1)“แทจริงเราไดลง (คัมภรี ) เตาเราะฮมาให ซงึ่ ในน้ันคือทางนาํ และรัศมี” (อลั มาอิดะฮ : 44) “และเราไดม อบ (คัมภรี ) อิลญีลแกเขา (อซี า) ซ่ึงในนั้นคอื ทางนาํ และรัศมี (นูร)” (อลั มาอดิ ะฮ : 46) (2) อุศูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 449. (3) บฮิ ารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 199. (4) อัล มะฮจั ญะตุลบยั ฎออ, เลม 2, หนา 321. (5) อศุ ูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 449. (6) มสิ บาฮ- อัลกฟั อะมี, เลม 1, หนา 531. (1) วะซาอิลุชชีอะฮ, เลม 4, หนา 858. (2) จากเลมเดียวกัน (3) ตฟั ซรี -นะมูเนฮ, เลม 23, หนา 344-346. (1) อศุ ูลุลกาฟ, เลม 2, หนา 450. (2) อศุ ลู ลุ กาฟ, เลม 2, หนา 450-451. (3) บฮิ ารลุ อันวาร, เลม 18, หนา 168. (4) บิฮารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 190. (5) นบุ วู ะฮ, ชะฮีดมเุ ฏาะฮฮารี, หนา 235-236. (6) บิฮารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 195. (1) อศุ ูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 450. (2) นะฮุลบะลาเฆาะฮ, ฮิกมะฮท่ี 47. (3) อศุ ลู ลุ กาฟ, เลม 2, หนา 450. (4) นุบูวะฮ, ชะฮีดมเุ ฏาะฮฮารี, หนา 226-229. (1) วะซาอิลชุ ชอี ะฮ, เลม 4, หนา 839. (2) พอเบฮ พอเย ออฟตอบ, อมรี รฎิ อ ซุตเู ดฮ, หนา 181. (3) เลม เดิม, หนา 285. (4) อศุ ลู ุลกาฟ, เลม 2, หนา 448. (5) เลม เดมิ , 55
(6) อุศูลุลกาฟ, เลม 2, หนา 446. (7) ษะวาบุลอะฮมาล, หนา 127. (1) “ดงั นั้นพวกเจาจงอานปริมาณท่ีสะดวกจากอัล กุรอาน” (อัล มุซซมั มิล : 20) (2) บิฮารลุ อนั วาร, เลม 89, หนา 211. (3) กันซลุ อมุ มาล, เลม 2, หนา 205. (1) อุศูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 448. (1) “อัล อะซาอิม” เปนพหพู จนของคําวา “อัล อะซมี ะฮ” ในทางภาษาหมายถงึ “ความประสงค” หรือความต้ังใจท่ี มน่ั คง บรรดาซูเราะฮท ีม่ โี องการ “ซะญะดะฮ วาญิบ” เมอ่ื อานหรือไดยินโองการเหลาน้ี จําเปน ตองทาํ การสุหูด ดวยเจตนาและความต้งั ใจ สว นเหตผุ ลและความสอดคลองในการตั้งช่ือโองการเหลา น้ีวา “อลั อะซาอมิ ” น้นั เน่ืองจากพระผูเปนเจา ทรงวางขอกําหนดทแ่ี นน อนและเปนการบังคบั ในการทาํ สหุ ูดนน่ั เอง. (2) สาเหตขุ องการสหุ ูด คือการอา นหรือไดยินจนจบโองการ ฉะนั้นหากอา นหรือไดยนิ เพยี งบางสวนของโองการ ไมเปนวาญบิ ตองสุหดู (3) คําฟต วาของบรรดามรั เญ๊ยี ะอสวนใหญในยคุ ปจจุบันเปน เชนน้ี ก.รซิ าละฮ เตาฎีฮลุ มะซาอิล, อมิ ามโคมยั นี, มสั อะละฮท ี่ 1096 ข.ริซาละฮ “อัจญว ะบะฮ อัล อสิ ติฟตาอาต” อายะตลุ ลอฮ คอเมนาอ,ี เลม แรก, หนา 105, คาํ ถามท่ี 509. (4) อัล อรุ วะตลุ วุษกอ, เลม 1. (5) ตะหรีรุล วะซีละฮ, อิมามโคมยั นี, เลม 2, หนา 161. (6) เลม เดิม. (1) บคุ คลท่ีไมม แี ผนการเชน นี้ ดังนนั้ จงพยายามจัดสรรเวลาสว นหนึ่งของตนในตลอดวันของเขาสําหรับอะม้ลั อัน ทรงคณุ คานี้ (แมจะเพียงไมก่ีนาทีกน็ ับวาเปนสิง่ ท่ีดีย่ิง) (2) ยกเวน ในบางกรณีทีเ่ ราเลอื กอานเปน บางซเู ราะฮหรือบางโองการจากคมั ภีรอ ัล กุรอานในวันทีถ่ ูกกาํ หนดเปน เฉพาะ หรอื ตามโอกาสอันเหมาะสมทบี่ รรดาผูนําผูบริสุทธ์ิของอิสลามไดสงั่ เสียเอาไว (3) บิฮารุล อนั วาร, เลม 89, หนา 204. (4) บฮิ ารุล อนั วาร, เลม 89, หนา 205. (5) บิฮารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 205. (6) บิฮารุล อนั วาร, เลม 95, หนา 5. (1) อุศลู ลุ กาฟ, เลม 2, หนา 418. (2) วะซาอิลชุ ชอี ะฮ, เลม 4, หนา 825. (3) มุสตดั ร็อก-อลั วะซาอิล, เลม 4, หนา 269. (4) อุศลู ุลกาฟ, เลม 2, หนา 441. 56
(5) บิฮารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 22. (6) อศุ ลู ลุ กาฟ, เลม 2, หนา 443-444. (7) อศุ ูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 420. (1) อลั มะฮัจญะตุล บัยฎออ, เลม 2, หนา 219. (2) วะซาอลิ ุชชีอะฮ, เลม 4, หนา 855. (3) อุศูลลุ กาฟ, เลม 2, หนา 449 (4) วะซาอลิ ุชชีอะฮ, เลม 4, หนา 885. (5) อลั อรุ วะตุลวุษกอ, เลม 1, หนา 204 (1) ภายหลังจากท่ีเขาไดเ ขารบั อสิ ลาม ทานศาสนทูตแหง อัลลอฮ (ศอ็ ลฯ) ไดต ้ังชื่อเขาวา ‘อบั ดลุ ลอฮ บนิ สลาม’ (2) บิฮารุล อนั วาร, เลม 95, หนา 400. (1) บฮิ ารลุ อนั วาร, เลม 89, หนา 207. (2) อัล มะฮัจญะตุลบยั ฎออ, เลม 2, หนา 227. (1) บิฮารุล อนั วาร, เลม 89, หนา 206-207. (2) บฮิ ารลุ อันวาร, เลม 89, หนา 209. 57
Search