Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี - ชีทสอน

1ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี - ชีทสอน

Published by ปกรณ์ กิต, 2022-08-30 15:40:07

Description: 1ความปลอดภัยและทักษะในปฏิบัติการเคมี - ชีทสอน

Search

Read the Text Version

ความปลอดภยั และทักษะ ในปฏบิ ัติการเคมี ฉลากสารเคมี • มี 2 ระบบ คือ ....................... • ข้อมูล........................... • .................................... สัญลกั ษณแ์ สดงความเป็นอันตรายระบบ GHS • ............................................. (Globally Harmonized System of Classification and Labeling of Chemicals) : ..................... ..................... ..................... เพ่ิมเติม ..................... ..................... ..................... ▪ จดั ทำโดยสหประชำชำติ .................................. ..................... ..................... ใชเ้ ป็นมำตรฐำนสำกล .................................. ..................... ..................... ▪ เปน็ สัญลักษณ์สีดำ .................................. ..................... .................................. บนพนื้ สขี ำว ในกรอบ .................................. ..................... .................................. ข้ำวหลำมตดั สีแดง ▪ มที ัง้ หมด 9 สัญลักษณ์ เพ่อื สอื่ ควำมหมำย อันตรำยแต่ละด้ำน ▪ แบ่งเปน็ 3 หมวด คือ • อนั ตรำยต่อกำยภำพ • อนั ตรำยต่อสขุ ภำพ • อันตรำยตอ่ สงิ่ แวดล้อม

สัญลกั ษณ์แสดงความเปน็ อันตรายระบบ NFPA (National Fire Protection Association) : ▪ ใชแ้ ถบสีและตวั เลขเพอ่ื เตอื นภัย ให้ง่ำยและรวดเรว็ ในกำรอ่ำนข้อมลู ▪ ใช้กับผลิตภณั ฑ์สำรเคมีที่ผลติ ในประเทศสหรฐั อเมริกำ 3 แอซโิ ตน ด้านสุขภาพ ดา้ นความไฟไว 10 (acetone) • 0 = ไม่เป็นอันตรำย • 0 = ไมต่ ดิ ไฟ 3 เอทลิ แอลกอฮอล์ • 1 = อนั ตรำยนอ้ ย • 1 = ติดไฟท่ี temp ≥ 93 °C 00 (ethyl alcohol) • 2 = อนั ตรำยปำนกลำง • 2 = ตดิ ไฟท่ี temp < 93 °C • 3 = อันตรำยมำก • 3 = ติดไฟที่ temp< 37 °C • 4 = อันตรำยถึงชวี ติ • 4 = ติดไฟทอี่ ุณหภมู ิห้อง ดา้ นความไวปฏกิ ิริยา ลกั ษณะพเิ ศษ • 0 = เสถียร • W = ................................ 0 • 1 = ไม่เสถียรเม่ือเพิ่มอณุ หภูมิ • OX = ............................. 31 • ACID = ............................ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ • 2 = เกดิ ปฏกิ ริ ยิ ำรุนแรง • ALK = ............................. ox (hydrogen peroxide) • 3 = ระเบดิ เมือ่ ไดร้ บั ควำมร้อน • COR = ............................ • 4 = ระเบิดไดท้ ี่อุณหภูมิห้อง • = ............................ ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการทาปฏิบตั กิ ารเคมี ก่อนทาปฏิบตั ิการ รวบผม ▪ ......................................................................... ไม่ใสเ่ คร่อื งประดบั ▪ ......................................................................... ขณะทาปฏิบัติการ สวมเส้ือคลุม ▪ แตง่ กำยให้มิดชิด, สวมแว่นตำนิรภยั , สวมถงุ มอื สวมกำงเกงขำยำว เมอื่ ใช้สำรกดั กรอ่ น, ใส่ผำ้ ปดิ ปำกเม่ือมีสำรระเหย หรือกระโปรงยำว ▪ ไม่รบั ประทำนอำหำร ตัวอยา่ งการแตง่ กาย รองเทำ้ หุม้ สน้ ▪ ไมท่ ำกำรทดลองเพียงลำพัง ปดิ มิดชดิ สน้ เตี้ย ▪ ไม่เคล่อื นยำ้ ยอปุ กรณ์ที่ใชร้ ่วมกันโดยพละกำร ▪ ดบั ไฟ และถอดปลก๊ั อุปกรณ์ทกุ ครั้งทีใ่ ช้งำนเสรจ็ หลังทาปฏบิ ัตกิ าร ▪ ......................................................................... ▪ .........................................................................

การใชแ้ ละการกาจดั สารเคมี การใชส้ ารเคมี การเทของเหลว > ..................................... การเจอื จางกรด > ..................................... .............................................................................. .............................................................................. .............................................................................. การใช้หลอดทดลอง > ............................ .............................................................................. สารเคมที ี่เหลอื จากการทาปฏบิ ตั กิ าร เคมี > .............................................................. การทดสอบกลน่ิ > ..................................... .............................................................................. ............................................................................... การกาจัดสารเคมี สารเคมที ่ีเหลอื จากการทาปฏิบัตกิ าร ของแขง็ เป็นพิษ/ติดไฟ ไมม่ ีตะกอน ไมม่ ีตะกอน ใส่ภาชนะ ติดฉลาก ใสภ่ าชนะ ตดิ ฉลาก ทิ้งลงถังขยะทั่วไป ทิ้งลงถังขยะอันตราย ทิ้งลงทอ่ ระบำยน้ำ แลว้ เปดิ น้ำตำมไปมำก ๆ สูดดมแกส๊ พิษ > ............................................ ................................................................................. การปฐมพยาบาลเมื่อได้รบั อนั ตรายจากสารเคมี ................................................................................. ................................................................................. สัมผสั สาร > .................................................. โดนความรอ้ น > ............................................ ▪ สารเคมลี ะลายน้าได้ : .............................. ................................................................................. .............................................................................. ................................................................................ ▪ สารเคมลี ะลายน้าไมไ่ ด้ : ....................... .............................................................................. สารเคมเี ขา้ ตา > .......................................... ..............................................................................

การวัดปริมาณสารเคมี อุปกรณว์ ดั ปริมาตร สเกลละเอียด 1 mL การอา่ นคา่ ปรมิ าตรของ ของเหลวทถี่ กู ตอ้ ง ...................................................... ...................................................... ...................................................... ...................................................... ...................................................... ...................................................... ใหส้ ายตาอยู่ในระดับ เดยี วกับสว่ นโคง้ ของ ของเหลวในอุปกรณ์ อ่านคา่ จากจุดทโี่ ค้ง ที่สดุ โดยประมาณค่า เพ่ิม 1 ตาแหน่ง สเกลละเอียด 0.1 mL อ่านคา่ ได้ 26.9 mL ...................................................... ...................................................... ................................................... ...................................................... ...................................................... ................................................... อุปกรณ์วดั มวล : ใชส้ ำหรับวดั มวลสำรทีเ่ ป็นท้ังของแขง็ และของเหลว มี 2 แบบ ดงั นี้ ▪ เครื่องชั่งแบบสามคาน (triple beam) : ใช้หลัก ............................. การคานสมดุล ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว เพราะอ่าน คา่ ยากและความคลาดเคลอื่ นสงู ▪ เครอื่ งช่ังไฟฟา้ (electronic balance) : ใช้งาน ............................ ................................. ได้สะดวก และไม่ต้องประมาณค่าจากการอ่าน ................................. เ ค ร่ื อ ง มื อ มี ทั้ ง แ บ บ ส เ ก ล ค ว า ม ล ะ เ อี ย ด จุดทศนิยม 1 ตาแหน่ง, 2 ตาแหน่ง และ 3 ................................. ตาแหนง่ มขี อ้ ควรระวังในการใช้งาน ดงั นี้ • กอ่ นช่งั : เช็คลกู น้าของเคร่อื งช่งั เพื่อดวู า่ เคร่อื งชั่งตงั้ ตรงไดร้ ะดบั ไมเ่ อยี ง • ขณะช่งั : ครอบฝาปิดกนั ลมขณะชัง่ น้าหนกั ทาใหน้ ้าหนกั ท่ีชงั่ ได้คงท่ี • หลังชง่ั : หมนั่ ตรวจสอบค่าความแม่นตาชัง่ โดยช่ังเปรยี บเทียบกบั ต้มุ น้าหนักมาตรฐาน

ความนา่ เช่ือถือของการวดั ปรมิ าณสาร : ประกอบดว้ ย 2 สว่ น คอื ▪ ความเทยี่ ง (precision) : ความใกลเ้ คยี งกนั ในกล่มุ ของคา่ ทท่ี าการวดั โดยความเท่ยี งเกดิ จากการเลอื กใชอ้ ปุ กรณท์ ี่ใช้วดั ปรมิ าณสารท่เี หมาะสม และความชานาญของผูว้ ัด ▪ ความแมน่ (accuracy) : ความใกล้เคียงกนั ของค่าทว่ี ดั ไดก้ บั ค่าจริง ขน้ึ อยกู่ บั ชนิดและ ประสิทธภิ าพของอปุ กรณท์ ใี่ ช้วดั ปริมาณสาร ............................................. .......................................... ............................................. ............................................. ............................................. .......................................... ............................................. ............................................. เลขนยั สาคัญ (Significant Figure) การนบั จานวนเลขนยั สาคญั : ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ำกกำรวัด มหี ลกั กำรนับเลขนัยสำคญั ดงั นี้ หลักการ ตวั อยา่ งข้อมลู ตัวอย่างขอ้ มลู ตวั อย่างขอ้ มูล เลขนยั สาคญั 3 ตัว เลขนยั สาคญั 4 ตัว เลขนยั สาคญั 5 ตวั เลขอ่ืน ๆ > ทไี่ มใ่ ชเ่ ลข 0 ...................... 1.234 ...................... นบั เปน็ เลขนัยสำคญั ท้งั หมด ...................... 45.67 ...................... เลข 0 > อยหู่ นำ้ เลขอืน่ ...................... ...................... 0.23456 ไมน่ บั เปน็ เลขนยั สำคัญ ...................... ...................... 0.00023456 เลข 0 > อยรู่ ะหวำ่ งเลขอื่น ...................... ...................... ...................... นบั เปน็ เลขนยั สำคญั ...................... ...................... ...................... เลข 0 > อยู่หลังเลขอ่นื 15.0 ...................... ...................... ท่เี ปน็ ทศนิยม 1.50 ...................... ...................... นบั เปน็ เลขนัยสำคัญ ...................... ...................... ...................... ...................... ...................... ...................... เลข 0 > อยหู่ ลังเลขอืน่ ...................... ...................... ที่เปน็ เลขจำนวนเตม็ อำจนับ เป็นเลขนยั สำคัญหรอื ไม่ก็ได้

ตัวเลขแม่นตรง (exact number) : มีเลขนยั สำคญั เปน็ อนันต์ เช่น ▪ ������ = 3.142… I ������ มเี ลขนยั สำคญั เป็นอนนั ต์ ▪ เลขจำกกำรนบั จำนวน เชน่ ทำกำรทดลอง ‘3’ คร้ัง I เลข 3 มเี ลขนัยสำคัญเปน็ อนนั ต์ ▪ คำ่ จำกกำรเทียบหนว่ ย เชน่ 1 วันมี 24 ชั่วโมง I เลข 24 มนี ัยสำคัญเปน็ อนันต์ ขอ้ มูลทอี่ ยู่ในรปู A x 10n : ใหน้ ับเลขนยั สำคัญท่ี A เช่น ▪ 3.2 x 10n ให้นับจำก ‘3.2’ จงึ มีเลขนัยสำคญั ............. ตัว ▪ 105.00 x 10n ใหน้ ับจำก ‘105.00’ จงึ มเี ลขนัยสำคญั .............. ตัว ▪ 0.12567 x 10n ให้นับจำก ‘0.12567’ จงึ มีเลขนัยสำคัญ ............... ตวั การปดั ตวั เลข (rounding the number) : ให้พิจำรณำจำกเลขตวั ถดั ไปทำงขวำของเลขท่จี ะปัดเศษ 9 9 . 5 A XX A = เลขทจี่ ะปัดเศษ XX = เลขทีต่ อ้ งพิจารณา XX > 50 XX = 50 XX < 50 ปัด A ขน้ึ A เปน็ เลขค่ี A เป็นเลขคู่ ไม่ปดั A ขึ้น ตัวอย่าง ปดั A ขึน้ ไม่ปดั A ขึ้น ตัวอย่าง 5.852 ............ 5.848 ........... 0.734893 .. ............ ตัวอย่าง ตวั อยา่ ง 0.734393 .......... 5,400.7 ........... 457.50 ........... 458.50 ......... 5,400.4 .......... 0.0950 .......... 0.0850 ........ 7.4350.7 .......... 7.4450 ........ การดาเนนิ การทางคณติ ศาสตร์กับเลขนยั สาคัญ : ใชเ้ ลขทคี่ งำมละเอยี ดน้อยท่ีสุดเป็นเกณฑ์ การบวก - ลบ > ดูที่ ‘จานวนเลขทศนยิ ม’ การคูณ - หาร > ดทู ่ี ‘จานวนเลขนัยสาคญั ’ ผลลัพธ์มีทศนยิ มเทำ่ กับข้อมูลทน่ี อ้ ยสดุ ผลลัพธ์มีเลขนัยสำคญั เท่ำกบั ข้อมูลที่น้อยสุด ▪ 2.1 + 3.89 + 4.580 = ............. ▪ 2.25 x 2.3 x 12.10 = ............. = ............. = ............. ▪ 10 + 1.759 + 0.10 = ............. ▪ 432.10 x 5.5 = ............. = ............. = ............. ▪ 0.550 + 0.12 + 1.046 = ............. ▪ 0.6214 ÷ 4.52 = ............. = ............. = .............

หนว่ ยวดั ปรมิ าณสาร หน่วยอนพุ นั ธ์ หนว่ ยประกอบของหนว่ ยฐำน หนว่ ยเอสไอ (International System : SI) ชื่อหนว่ ย ใชว้ ดั กระจายในรูป หน่วยฐาน หน่วยฐาน (base units) มี 7 หนว่ ย ดงั น้ี ลูกบำศก์เมตร ................... m•m•m กิโลกรมั (kilogram I kg) (cubic meter) ใช้วัด ................................................................ โมลำร์ ................... mol (molar) ................... dm3 เมตร (meter I m) เมตรต่อวนิ ำที ................... m ใช้วดั ................................................................ (meter/second) s วินาที (second I s) นิวตัน ................... kg ∙ m (newton) ................... s2 ใชว้ ัด ................................................................ วัตต์ kg ∙ m2 เคลวนิ (kelvin I K) (watt) s2 ใช้วัด ................................................................ โมล (mole I mol) ใช้วัด ................................................................ แอมแปร์ (ampere I A) ใช้วดั ................................................................ แคนเดลลา (candela I cd) ใช้วัด ................................................................ หนว่ ยนอกระบบเอสไอ : ช่ือหนว่ ย ใชว้ ดั เทียบค่ากบั ช่ือหน่วย ใชว้ ัด เทยี บคา่ กบั หน่วยเอสไอ หนว่ ยเอสไอ ลิตร (L หรือ ℓ) ................... บรรยำกำศ ............... 10−3 m3 (atm) 1.01 x 105 Pa 10−3 kg องั สตรอม (Å) ............... 10−30 m 4.2 kg ∙ m2 ∙ กรัม (g) ................... s−2 แคลอรี (cal) ............... 3600 s บำร์ (bar) ................... 105 Pa 133.32 Pa ชั่วโมง (h) ............... มิลลิเมตรปรอท ................... เซลเซยี ส (℃) ............... K - 273 (mmHg)

การเปล่ียนหนว่ ยดว้ ยวิธีการเทียบหน่วย (factor label method) ปรมิ าณสาร x แฟกเตอร์ = ปริมาณสาร ในหนว่ ย A เปล่ยี นหน่วย ในหน่วย B แฟกเตอรเ์ ปลี่ยนหนว่ ย คอื เศษส่วนของค่ำทเี่ ท่ำกันของ ‘หน่วย A’ และ ‘หนว่ ย B’ เช่น ค่ำที่เท่ำกนั แฟกเตอร์เปลยี่ นหน่วย 1 นำที = 60 วนิ ำที 1 นำที หรือ 60 วินำที 1 cal = 4.2 J 60 วินำที 1 นำที 1000 m = 1 km การเลอื กใชแ้ ฟกเตอร์ 1 cal หรือ 4.2 J เลือกเศษสว่ นท่ีตัดเศษ 4.2 J 1 cal คือหนว่ ยใหม่ที่ตอ้ งกำร จะเปลีย่ นค่ำ และตัวสว่ น 1000 m 1 km คอื หน่วยเดมิ 1 km 1000 m หรอื ตวั อย่ำง 1) 15 นำที เทำ่ กับก่วี ินำที วิธีทำ 15 นำที = 15 นำที x 60 วินำที = 15 x 60 วินำที = 900 วนิ ำที 1 นำที 2) 1 km เท่ำกบั ก่ี cm วิธีทำ 1 km = 1 km x 1000 m x 1 hr = 1000 x 100 cm = 105 cm 1 km 60 m 3) 60 km/h เท่ำกับกี่ m/s วธิ ีทำ 60 km/h = 60 km x 1000 m x 1 hr x 1 min = 60 x 1000 m 1 hr 1 km 60 min 60 s 60 x 60 s = 16.67 m/s 4) NaCl 1.5 g/dm3 เทำ่ กับกี่ mg/cm3 วธิ ีทำ 1.5 g/dm3 = 1.5 g x 1000 mg x 1000 dm3 x 1 m3 1 dm3 1g 1 m3 (102)3 cm3 = 1.5 x 1000 x 1000 mg 106 cm3 = 1.5 mg/cm3

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Method) ลาดบั กระบวนการ ผลของกระบวนการ 1 สงั เกต ‘ตัง้ คำถำม’ ▪ ................................................................... ท่ีจะนำไปสู่กำรหำคำตอบ ▪ ................................................................... 2 ตั้งสมมตฐิ าน รปู แบบกำรทดลอง / ▪ ................................................................... ตัวแปรตน้ / ตวั แปรตำม ▪ ................................................................... 3 ทาการทดลอง ข้อเท็จจรงิ ▪ ................................................................... อธิบำยขอ้ เท็จจรงิ ............................................................................ องค์ควำมรู้ใหม่ ▪ ตวั แปรตาม : ............................................ ............................................................................ ▪ ตัวแปรควบคมุ : ....................................... ............................................................................ ............................................................................ 4 วิเคราะหผ์ ล เปรียบเทยี บผลที่ได้จำกกำรทดลอง กับ สมมติฐำนทตี่ ้งั ไว้วำ่ สอดคล้องกันหรอื ไม่ ▪ ถ้ำสอดคล้องกัน > ................................. ▪ ถ้ำไมส่ อดคล้องกนั > ............................. 5 สรุปผล ..................................................................... ..........................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook