โครงงาน เรื่อง เครื่องบินมอเตอร์ จดั ทาโดย 1.นาย วุฒิชยั งามเสมอ เลขท่ี1ม5/5 2.นาย คฑาวุธ กองสุข เลขท่ี 2 ม5/5 3.นางสาว ชวิศา ศรีรักษ์ เลขท่ี 14 ม5/5 4.นางสาว นภทั สร เคลือบศิลป์ เลขท่ี 15 ม5/5 5. นางสาว ประภาศิริ คมจิตร เลขที่ 20 ม.5/5 ครูท่ปี รึกษาโครงงาน ครูธนั พงศ์ พานิชวงศ์ รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการเรียนรู้รายวิชา โครงงานเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31285 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11
บทคดั ย่อ โครงงานน้ีมีจุดประสงค์ เพื่อศึกษาการบินในอากาศของเครื่ องบินมอเตอร์ โดย เปรียบเทียบกบั ชนิดของมอเตอร์ ว่ามอเตอร์ชนิดใด สามารถบินอยไู่ ดน้ านแลว้ นาขอ้ มูลท่ี ไดม้ าจดั กระทา เรียบเรียงขอ้ มูลในรูปตาราง จดั ทารูปเล่มรายงาน จดั ทาแผงโครงงานและ นาเสนอผลงาน ผลการศึกษาทดลองพบว่า การบินของเคร่ืองบินมอเตอร์ สามารถบินไดร้ ะยะทางเทา่ กบั 8.13 เมตร นาน 1.27 วินาที การบินของเครื่องบินมอเตอร์จาก มอเตอร์สามารถบินไดร้ ะยะทาง เท่ากบั 8.09 เมตร นาน 1.18 วินาที การบินของเครื่องบินมอเตอร์ สามารถบิน ไดร้ ะยะทาง เท่ากบั 10.17 เมตร นาน 1.67 วินาที การบิน ของเครื่องบินมอเตอร์ โฆษณาสินคา้ สามารถ บิน ไดร้ ะยะทางเท่ากบั 5.47 เมตร นาน 0.64 วินาที ซ่ึงทาให้มอเตอร์ในอากาศไดไ้ กลและ นาน อาจเน่ืองมาจากกาลงั ของมอเตอร์ จึงทาใหร้ ่อนไดไ้ กลและนานที่สุด
กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานวิทยาศาสตร์การคานวณ เร่ืองเครื่องบินมอเตอร์ สาเร็จลุล่วงไดด้ ว้ ยดี กเ็ พราะ ไดร้ ับ การช่วยเหลือจาก ครูธนั พงศ์ พานิชวงศ์ ที่ให้คาปรึกษา และให้คาแนะนาตลอดเวลา ของ การทาโครงงาน คณะผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณท่านที่ไดใ้ หค้ วามชว่ ยเหลือในเรื่องตา่ งๆ และหวงั เป็นอยา่ ง ย่ิงวา่ โครงงานเรื่องน้ี พอจะมีประโยชนต์ ่อผทู้ ่ีมีความสนใจไมม่ ากก็นอ้ ย คณะผู้จดั ทา นาย วฒุ ิชยั งามเสมอ เลขที่1 ม5/5 นาย คฑาวุธ กองสุข เลขท่ี 2 ม5/5 นางสาว ชวิศา ศรีรักษ์ เลขท่ี 14 ม5/5 นางสาว นภทั สร เคลือบศิลป์ เลขที่ 15 ม5/5 นางสาว ประภาศิริ คมจิตร เลขท่ี 20 ม.5/5
สารบญั หน้า ก เรื่อง ข กิตติกรรมประกาศ ค บทคดั ยอ่ สารบญั 1 บทที่ 1 บทนา 1 1 ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน 2 จุดประสงค์ 2 สมมติฐาน 2 ตวั แปรท่ีศึกษา 3 ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ 7 นิยามเชิงปฏิบตั ิการ 7 บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง 7 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการ 8 อปุ กรณ์ 10 วิธีดาเนินงาน 11 บทท่ี 4 ผลการศึกษาค้นคว้า 11 บทที่ 5 สรุปผลและอภปิ รายผลการศึกษาค้นคว้า 11 สรุปผล 11 อภิปรายผล 12 ประโยชน์ ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม
บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน ในปัจจุบนั มีของเลน่ มากมายหลายชนิดที่ต่างมีความหลากหลายในการเล่นและแตกตา่ ง ทางลกั ษณะการเล่นแต่ของเล่นบางชนิดก็มีท้งั คุณและโทษและทาให้เสียเงินในการใชจ้ ่ายซ้ือ ของเลน่ เหลา่ น้ีจาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีควรหาของเลน่ ท่ีมีประโยชน์แลว้ ประดิษฐด์ ว้ ยตนเองโดยใชว้ สั ดุ เหลือใชภ้ ายใชภ้ ายในบา้ นและให้ความรู้ทางวิชาวิทยาศาสตร์ในเร่ืองหลกั ของการบินจึงชกั ชวน เพ่ือน ๆ รวมกลุ่มกนั ประดิษฐเ์ ครื่องร่อนมอเตอร์ข้ึนมา เพ่ือทาการทดลองสมมติฐานดงั กลา่ ว ก็ จึงเกิดโครงงาน “เครื่องบินมอเตอร์” น้ีข้ึน จุดประสงค์โครงงาน 1. เพื่อเครื่องบินมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสามารถร่อนในอากาศไดไ้ กลและนานไม่ ตกลงสู่พ้ืนเร็ว 2. เพ่ือทดสอบชนิดของมอเตอร์ตา่ งๆ กบั รูปร่างการพบั ของเครื่องร่อนท่ีเหมือนกนั กบั การลอยในอากาศไดน้ านท่ีสุด 3. เป็นการรู้จกั ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ 4. การนาการละเลน่ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต เป้าหมายของโครงงาน ประดิษฐเ์ คร่ืองบินมอเตอร์ชนิดตา่ งๆ เพื่อทดสอบชนิดของมอเตอร์ที่ทาใหเ้ ครื่องบิน มอเตอร์สามารถลอยในอากาศไดไ้ กลและนาน สมมตฐิ านโครงงาน เคร่ืองบินมอเตอร์ใส่ถ่ายสามารถลอยในอากาศไดน้ านกวา่ เครื่องร่อนกระดาษชนิดอ่ืน
ระยะเวลาในการดาเนินงาน ต้งั แต่วนั ท่ี 22- 22 มีนาคม 2564 ผลท่คี าดว่าจะได้รับ 1. นกั เรียนรู้จกั วิธีการประดิษฐเ์ ครื่องบินมอเตอร์ๆ ท่ีสามารถร่อนไดไ้ กลและนาน 2. นาความรู้ดา้ นรูปเรขาคณิต และแรง มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรียนรู้ 3. นกั เรียนรู้จกั ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ ตวั แปรท่ศี ึกษา ตวั แปรตน้ = ชนิดของมอเตอร์ (ถา่ น, รางไส่ถา่ น, ลอ้ รถ, มอเตอร์ขนาดเลก็ ) ตวั แปรตาม = ผลของการร่อนไดไ้ กลและนานในอากาศของเคร่ืองบินมอเตอร์ ตวั แปรควบคมุ = ขนาดมอเตอร์, รูปร่างการพบั เคร่ืองบินมอเตอร์, สถานท่ีร่อน เคร่ืองบินมอเตอร์, แรงท่ีทาการบินะทากบั เคร่ือง ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า โครงงานเร่ืองเคร่ืองบินมอเตอร์ จากมอเตอร์ ถา่ น ลอ้ รถ มอเตอร์ขนาดเลก็ นิยามเชิงปฏบิ ัตกิ าร การร่อนนาน หมายถึง การลอยอยใู่ นอากาศไดน้ านโดยการจบั เวลาเป็นวินาที การร่อนไกล หมายถึง การร่อนไดไ้ กลโดยการวดั ในหน่วยเมตร แรง หมายถึง อานาจภายนอกท่ีสามารถทาใหว้ ตั ถเุ ปล่ียนสถานะได.้ เช่นทาให้ วตั ถทุ ่ีอยนู่ ่ิงเคล่ือนท่ีไป ทาให้วตั ถุที่เคล่ือนที่อยแู่ ลว้ เคลื่อนทเ่ี ร็วหรือชา้ ลง หรือลอยได้ เวลา หมายถึง เวลาเริ่มปล่อยเคร่ืองบินมอเตอร์จนตกพ้ืน
บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ กยี่ วข้อง มอเตอร์ไฟฟ้า (electric motor) เป็นอปุ กรณ์ไฟฟ้าท่ีแปลงพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานกลเกิดจากการทางานร่วมกนั ระหวา่ งสนามแมเ่ หลก็ ของแม่เหลก็ ในตวั มอเตอร์ และสนามแม่เหลก็ ท่ีเกิดจากกระแสใน ขดลวดทาใหเ้ กิดแรงดดู และแรงผลกั ของสนามแมเ่ หลก็ ท้งั สอง ในการใชง้ านตวั อยา่ งเช่น ใน อตุ สาหกรรมการขนส่งใชม้ อเตอร์ฉุดลากเป็นตน้ มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนาไปใชง้ านที่หลากหลาย เช่น พดั ลม เครื่องเป่ า ป๊ัม เคร่ืองมือเคร่ืองใชใ้ นครัวเรือน และดิสก์ไดรฟ์ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถ ขบั เคลอ่ื นโดยแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง (DC) เชน่ จากแบตเตอร่ี, ยานยนตห์ รือวงจรเรียงกระแส หรือจากแหลง่ จ่ายไฟกระแสสลบั (AC) เช่น จากไฟบา้ น อินเวอร์เตอร์ หรือ เคร่ืองปั่นไฟ มอเตอร์ขนาดเลก็ อาจจะพบในนาฬิกาไฟฟ้า มอเตอร์ทวั่ ไปท่ีมีขนาดและคณุ ลกั ษณะมาตรฐาน สูงจะใหพ้ ลงั งานกลท่ีสะดวกสาหรบั ใชใ้ นอุตสาหกรรม มอเตอร์ไฟฟ้าอาจจาแนกตามประเภท ของแหล่งที่มาของพลงั งานไฟฟ้าหรือตามโครงสร้างภายในหรือตามการใชง้ านหรือตามการ เคลื่อนไหวของเอาตพ์ ุต และอ่ืน ๆ อปุ กรณ์ เชน่ ขดลวดแม่เหลก็ ไฟฟ้าและลาโพงที่แปลง กระแสไฟฟ้าใหเ้ ป็นการเคลื่อนไหว แตไ่ มไ่ ดส้ ร้างพลงั งานกลท่ีใชง้ านได้ จะเรียกถกู ว่า actuator และ transducer ตามลาดบั คาว่ามอเตอร์ไฟฟ้าน้นั ตอ้ งใชส้ ร้างแรงเชิงเสน้ (linear force) หรือ แรงบิด(torque) หรือเรียกอีกอยา่ งวา่ หมุน (rotary) เท่าน้นั โครงสร้างมอเตอร์ โรเตอร์ (Rotor) ในมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนท่ีเคลื่อนที่คอื โรเตอร์ ซ่ึงจะหมนุ เพลาเพ่ือจ่ายพลงั งานกล โรเตอร์มกั จะมี ขดลวดตวั นาพนั อยโู่ ดยรอบ ซ่ึงเม่ือมีกระแสไหลผา่ น จะเกิดอานาจแม่เหลก็ ที่จะไปทาปฏิกิริยา
กบั สนามแมเ่ หลก็ ถาวรของสเตเตอร์ ขบั เพลาให้หมนุ ได้ อยา่ งไรก็ตามโรเตอร์บางตวั จะเป็น แมเ่ หลก็ ถาวรและสเตเตอร์จะมีขดลวดตวั นาสลบั ท่กี นั สเตเตอร์ (Stator) จะเป็นส่วนที่อยกู่ บั ท่ีซ่ึงจะประกอบดว้ ยโครงของมอเตอร์ แกนเหลก็ สเตเตอร์ และขดลวด ช่องว่างอากาศ ระหวา่ งโรเตอร์และสเตเตอร์จะเป็นชอ่ งวา่ งอากาศ ซ่ึงจะตอ้ งมีขนาดเลก็ ที่สุดเทา่ ท่ีจะเป็นไปได้ ชอ่ งวา่ งขนาดใหญจ่ ะมีผลกระทบทางลบอยา่ งมากตอ่ ประสิทธิภาพการทางานของมอเตอร์ ไฟฟ้า ขดลวด (Windings) ขดลวดจะพนั โดยรอบเป็นคอยล์ ปกติจะพนั รอบแกนแมเ่ หลก็ ออ่ นท่ีเคลือบฉนวน เพื่อใหเ้ ป็น ข้วั แม่เหลก็ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นมอเตอร์ไฟฟ้ามีข้วั สนามแม่เหลก็ ในสองรูปแบบ ไดแ้ ก่ แบบข้วั ท่เี ห็นไดช้ ดั เจนและแบบข้วั ที่เห็นไดไ้ มช่ ดั เจน ในข้วั ที่ชดั เจน สนามแมเ่ หลก็ ของข้วั จะ ถูกผลิตโดยขดลวดพนั รอบแกนดา้ นลา่ ง ในข้วั ที่ไม่ชดั เจน หรือเรียกวา่ แบบสนามแมเ่ หลก็ กระจาย หรือแบบรอบๆโรเตอร์ ขดลวดจะกระจายอยใู่ นช่องบนแกนรอบโรเตอร์ มอเตอร์แบบ ข้วั แฝงมีขดลวดรอบส่วนหน่ึงของข้วั เพื่อหน่วงเฟสของสนามแม่เหลก็ ของข้วั น้นั ให้ชา้ ลง ตวั สับเปลย่ี น (Commutator) ตวั สบั เปลี่ยนเป็นกลไกที่ใชใ้ นการสลบั อินพุทของมอเตอร์ AC และ DC เพื่อให้กระแสท่ีไหลใน ขดลวดในโรเตอร์ไหลทางเดียวตลอดเวลาในระหวา่ งการหมนุ ประกอบดว้ ยวงแหวนลื่นชิ้น เลก็ ๆแยกจากกนั ดว้ ยฉนวน วงแหวนน้ียงั แยกจากเพลาของมอเตอร์ดว้ ยฉนวนอีกดว้ ย วงแหวน แตล่ ะค่ทู ี่อยตู่ รงขา้ มกนั จะเป็นขดลวดหน่ึงชดุ กระแสที่จ่ายใหม้ ดั ขา้ วตม้ หรือท่ีเรียกว่า armature ของมอเตอร์จะถกู ส่งผา่ นแปรงถ่านสองตวั ท่ีแตะอยกู่ บั ตวั สบั เปล่ียนแตล่ ะดา้ นที่กาลงั หมนุ อยู่ ซ่ึงจะทาให้กระแสจากแหลง่ จ่ายไฟ AC ที่ไหลกลบั ทาง ไหลในขดลวดทิศทางเดียวใน
ขณะที่โรเตอร์หมุนจากข้วั หน่ึงไปอีกข้วั หน่ึง ในกรณีที่ไมม่ ีกระแสแหล่งจ่ายไม่กลบั ทาง มอเตอร์จะ เบรกหยดุ อยกู่ บั ที่ ในแง่ของความกา้ วหนา้ ที่สาคญั ในช่วงไมก่ ี่ทศวรรษที่ผา่ นมา อนั เนื่องมาจากเทคโนโลยีท่ีดีข้ึนในการควบคุมอิเลก็ ทรอนิกส์ มอเตอร์เหนี่ยวนาที่ควบคุมโดยไม่ ใชเ้ ซ็นเซอร์ และมอเตอร์ที่มีสนามแมเ่ หลก็ ถาวร มอเตอร์ที่มีตวั สบั เปล่ียนแบบกลไกไฟฟ้า กาลงั ถกู แทนทีเ่ พ่ิมข้ึนดว้ ยมอเตอร์เหนี่ยวนาท่ีใชต้ วั สบั เปลีย่ นภายนอกและมอเตอร์แบบ แมเ่ หลก็ ถาวร ใบพดั (propeller) ใบพดั ต้งั แต่ 2 ใบข้ึนไป ที่ติดอยบู่ นเพลาหมนุ (shaft) สาหรับขบั เคล่ือนของไหล เช่น ใบพดั ท่ี ติดต้งั ภายในถงั ผสมของเหลว (mixer) พดั ลม (fan) ปั๊ม (pump) เพ่ือทาให้ของเหลว หรืออากาศ เกิดการเคลื่อนที่ในแนวแกน (axial flow)
คาศัพท์เฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้า หมายถึง มอเตอร์ที่ใชก้ บั ระบบไฟฟ้ากระแสสลบั เป็นเครื่องกลไฟฟ้าท่ีทา หนา้ ท่ีเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าใหเ้ ป็นพลงั งานกล ส่วนที่ทาหนา้ ที่เปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าคือขดลวด ในสเตเตอร์และส่วนที่ทาหนา้ ท่ีใหพ้ ลงั งานกล คือ ตวั หมุนหรือโรเตอร์ ซ่ึงเม่ือขดลวดในสเต เตอร์ไดร้ ับพลงั งานไฟฟ้ากจ็ ะสร้างสนามแม่เหลก็ ข้ึนมาในตวั ทท่ีอยกู่ บั ท่ีหรือสเตเตอร์ ซ่ึง สนามแม่เหลก็ ที่เกิดข้ึนน้ีจะมีการเคลือ่ นท่ีหรือหมุนไปรอบ ๆ สเตเตอร์ เนื่องจากการต่างเฟส ของกระแสไฟฟ้าในขดลวดและการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า ในขณะท่ีสนามแม่เหลก็ เคลื่อนที่ไปสนามแมเ่ หลก็ จากข้วั เหนือกจ็ ะพุง่ เขา้ หาข้วั ใต้ ซ่ึงจะไปตดั กบั ตวั นาที่เป็นวงจรปิ ด หรือขดลวดกรงกระรอกของตวั หมนุ หรือโรเตอร์ ทาใหเ้ กิดการเหนี่ยวนาของกระแสไฟฟ้าข้ึน ในขดลวดของโรเตอร์ ซ่ึงสนามแม่เหลก็ ของโรเตอร์น้ีจะเคล่ือนท่ีตามทิศทางการเคล่ือนท่ีจอง สนามแมเ่ หลก็ ท่ีสเตเตอร์ ก็จะทาใหโ้ รเตอร์ของมอเตอร์เกิดจะพลงั งานกลสามารถนาไปขบั ภาระท่ีตอ้ งการหมุนได้
ใบพดั หมายถึง วตั ถทุ ่ีมีลกั ษณะแบนมีรูสาหรับใส่แกนหรือเพลาให้หมุนไดส้ าหรับพดั ลมพดั น้า เพ่ือขบั ยานมีเคร่ืองบินและเรือเป็นตน้ ใหเ้ คลื่อนที่หรือเพอื่ ใหเ้ กิดความเยน็ เป็นตน้ เชน่ ใบพดั เคร่ืองบิน ใบพดั พดั ลม ใบพดั สีลม ปื นกาว หมายถึง ส่วนที่มีลกั ษณะคลา้ ยปื น ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั ที่ทาความร้อนและชว่ ยใหเ้ รา สามารถติดกาวร้อนน้นั ในบริเวณท่ีตอ้ งการไดส้ ะดวก และอีกส่วนหน่ึงก็คอื ตวั กาวเอง ซ่ึงมี ลกั ษณะเป็นแท่ง คลา้ ยเทียนไข และจะละลายเป็นเน้ือกาวที่มีความเหนียวเม่ือเราใส่ไส้กาวลงไป ในปื นซ่ึงทาความร้อนจากกระแสไฟฟ้า ไม้บรรทดั หมายถึง อปุ กรณท์ างเรขาคณิต อาจทาจากพลาสติก ไม้ อะลมู ิเนียม หรือ เหลก็ ใชใ้ น การวดั ความยาว ส่วนใหญ่จะมี 2 สเกล คือ น้ิว และ เซนติเมตร พบไดห้ ลายขนาด ส่วนใหญจ่ ะ เป็นขนาด 15 หรือ 30 เซนติเมตร และอาจมีความยาวถึง 100 เซนติเมตร (1 เมตร) สาหรับใชว้ ดั แบบก่อสร้าง นอกจากน้ีแลว้ เราอาจใชไ้ มบ้ รรทดั ในการขีดเส้นใหต้ รง
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินการ อุปกรณ์ 1. ปื นกาว 2. มอเตอร์ขนาดเลก็ 3. ใบพดั 4. ไมไ้ อติม 5. กาวแทง่ 6. คตั เตอร์ 7. ดินสอ ยางลบ ไมบ้ รรทดั 8. ถา่ นและรางใส่ถา่ น 9. ลอ้ รถ วธิ ีดาเนินการ 1. จดั หาอปุ กรณ์ชนิดตา่ งๆ เช่นถา่ น, รางใส่ถ่าน, ลอ้ รถ, มอเตอร์ขนาดเลก็ 2. วดั ขนาดใบพดั 3. ประกอบมอเตอร์ กบั ใบพดั 4. นาเคร่ืองร่อนไปร่อนในอากาศ แลว้ วดั ระยะทาง และจบั เวลา บนั ทึกผล 5. นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าจดั กระทา ในรูปตารางและแผนภูมิ 6. จดั ทารูปเล่มรายงาน 7. จดั ทาแผงโครงงาน 8. นาเสนอผลงาน
บทท่ี 4 ผลการศึกษา ตารางที่ 1 แสดงการร่อนของเครื่องบินมอเตอร์ชนิดต่างๆ ประเภทของ การลอยในอาการของเคร่ืองบิน ระยะทางทีว่ ดั ได้ มอเตอร์ มอเตอร์(วนิ าที) (เมตร) มอเตอร์แบบ คร้ังที่ คร้ังท่ี คร้ังท่ี ค่าเฉลี่ย คร้ังท่ี คร้ัง คร้ัง ค่าเฉลยี่ มีแปรงถ่าน 123 1 ท่ี ที่ 23 1.67 1.51 1.83 1.67 10.00 9.50 11.00 10.17 มอเตอร์ แบบไม่มี 1.62 1.20 1.00 1.27 8.90 8.00 7.50 8.13 แปรงถา่ น มอเตอร์ กระแสตรง 1.37 1.01 1.17 1.18 8.24 7.96 8.07 8.09 DC จากตารางท่ี 1 แสดงใหเ้ ห็นวา่ เคร่ืองบินมอเตอร์ชนิดตา่ งๆ น้นั มีระยะเวลาการร่อนอยู่ ในอากาศตา่ งกนั ดงั ประเภทกระดาษท้งั 3 ประเภท คือมอเตอร์แบบมีแปรงถา่ น มีระยะทาง เทา่ กบั 10.17 เมตร เวลาอยใู่ นอากาศนานเฉล่ีย 1.67 วินาที , มอเตอร์แบบไม่มีแปรงถ่าน มี ระยะทางเท่ากบั 8.13 เมตร เวลาอยใู่ นอากาศนานเฉล่ีย 1.27 วินาที , มอเตอร์กระแสตรงDC มี ระยะทางเทา่ กบั 8.09 เมตร เวลาอยใู่ นอากาศนานเฉลี่ย 1.18 วินาที จากการทดสอบเคร่ืองบิน มอเตอร์แต่ละชนิดจานวน 3 คร้ัง แลว้ หาคา่ เฉลี่ยเวลาที่ลอยในอากาศไดไ้ กลและนานที่สุด
วธิ ีดาเนินการ 1. จดั หาอุปกรณ์ชนิดต่างๆ เชน่ ถา่ น, รางใส่ถา่ น, ลอ้ รถ, มอเตอร์ขนาดเลก็ 2. วดั ขนาดใบพดั 3. ประกอบมอเตอร์ กบั ใบพดั 4. นาเครื่องบินมอเตอร์ไปบินในอากาศ แลว้ วดั ระยะทาง และจบั เวลา บนั ทึกผล 5. นาขอ้ มูลท่ีไดม้ าจดั กระทา ในรูปตารางและแผนภูมิ 6. จดั ทารูปเล่มรายงาน 7. จดั ทาแผงโครงงาน 8. นาเสนอผลงาน 3) ผลการศึกษา มีดงั น้ี เคร่ืองบินมอเตอร์ชนิดต่างๆ น้นั มีระยะเวลาการร่อนอยใู่ นอากาศต่างกนั ดงั ประเภท กระดาษท้งั 3 ประเภท คือมอเตอร์แบบมีแปรงถา่ น มีระยะทางเท่ากบั 10.17 เมตร เวลาอยใู่ น อากาศนานเฉล่ีย 1.67 วินาที , มอเตอร์แบบไมม่ ีแปรงถ่าน มีระยะทางเท่ากบั 8.13 เมตร เวลาอยู่ ในอากาศนานเฉลี่ย 1.27 วินาที , มอเตอร์กระแสตรงDC มีระยะทางเท่ากบั 8.09 เมตร เวลาอยใู่ น อากาศนานเฉลี่ย 1.18 วินาที จากการทดสอบเคร่ืองบินมอเตอร์แตล่ ะชนิดจานวน 3 คร้ัง แลว้ หาค่าเฉลี่ยเวลาท่ีลอยในอากาศไดไ้ กลและนานที่สุด 4) สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
จากการศึกษาการร่อนของเครื่องบินมอเตอร์พบว่า มอเตอร์แบบแปลงถา่ นจะบินใน อากาศไดไ้ กลนานท่ีสุด อาจเป็นเพราะน้าหนกั เบา พลิ้วลมไดด้ ี จึงบินไดไ้ กลและนานที่สุด 5) อภปิ รายผล จากการทาโครงงานเคร่ืองบินมอเตอร์ พบวา่ มอเตอร์ที่ใชท้ าเครื่องบินทาให้อยใู่ นอากาศ ไดเ้ ป็นระยะเวลานานที่สุดจากมากไปหานอ้ ยไดด้ งั น้ี ลาดบั ท่ี 1 เคร่ืองบินมอเตอร์จากมอเตอร์แปลงถา่ นไดร้ ะยะทางเท่ากบั 10.17 เมตร นาน 1.67 วินาที ลาดบั ท่ี 2 เคร่ืองบินมอเตอร์จากมอเตอร์ไม่มีแปลงถานระยะทางเทา่ กบั 8.13 เมตร นาน 1.27 วินาที
บทที่ 5 ผลการศึกษา โครงงานเรื่อง เคร่ืองบินมอเตอร์ สรุปผลการศึกษาคน้ ควา้ ไดด้ งั น้ี 1) จุดประสงคข์ องโครงงาน 1. เพ่ือมอเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพสามารถบินในอากาศไดไ้ กลนานไมต่ กลงสู่พ้ืนเร็ว 2. เพื่อทดสอบชนิดของมอเตอร์ต่างๆ กบั รูปร่างเครื่องบินที่เหมือนกนั กบั การลอยใน อากาศไดน้ านท่ีสุด 3. เป็นการรู้จกั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 4. การนาการละเลน่ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต 2) วธิ ีดาเนินการ 1. จดั หาอปุ กรณ์ชนิดต่างๆ เชน่ ถ่าน, รางใส่ถา่ น, ลอ้ รถ, มอเตอร์ขนาดเลก็ 2. วดั ขนาดใบพดั 3. ประกอบมอเตอร์ กบั ใบพดั 4. นาเคร่ืองบินมอเตอร์ไปบินในอากาศ แลว้ วดั ระยะทาง และจบั เวลา บนั ทึกผล 5. นาขอ้ มูลที่ไดม้ าจดั กระทา ในรูปตารางและแผนภมู ิ 6. จดั ทารูปเล่มรายงาน 7. จดั ทาแผงโครงงาน 8. นาเสนอผลงาน
3) ผลการศึกษา มีดงั น้ี เคร่ืองบินมอเตอร์ชนิดตา่ งๆ น้นั มีระยะเวลาการบินอยใู่ นอากาศต่างกนั ดงั ประเภท กระดาษท้งั 3 ประเภท คือ มอเตอร์แบบถา่ นมีระยะทางเท่ากบั 10.17 เมตรเวลาอยใู่ นอากาศ นานเฉลี่ย 1.67 วินาที , มอเตอร์แบบไมม่ ีถ่านมีระยะทางเท่ากบั 8.13 เมตรเวลาอยใู่ นอากาศนาน เฉล่ีย 1.27 วินาที , มอเตอร์กระแสตรงDCมีระยะทางเทา่ กบั 8.09 เมตรเวลาอยใู่ นอากาศนาน เฉล่ีย 1.18 วินาที จากการทดสอบเคร่ืองบินมอเตอร์แต่ละชนิดจานวน 3 คร้ัง แลว้ หาคา่ เฉลี่ย เวลาทล่ี อยในอากาศไดไ้ กลและนานท่ีสุด 4) สรุปผลการศึกษาค้นคว้า จากการศึกษาการเคร่ืองบินมอเตอร์พบว่า เคร่ืองบินมอเตอร์จะบินในอากาศไดไ้ กลนาน ท่ีสุด อาจเป็นเพราะกาลงั ของมอเตอร์ จึงทาให้บินไดไ้ กลและนานท่ีสุด 5) อภปิ รายผล จากการทาโครงงานเคร่ืองบินมอเตอร์ พบวา่ มอเตอร์ที่ใชท้ าเครื่องบินมอเตอร์ทาให้อยู่ ในอากาศไดเ้ ป็นระยะเวลานานท่ีสุดจากมากไปหานอ้ ยไดด้ งั น้ี ลาดบั ท่ี 1 เครื่องบินมอเตอร์ จากมอเตอร์ถา่ นบินไดร้ ะยะทางเทา่ กบั 10.17 เมตร นาน 1.67 วินาที ลาดบั ท่ี 2 เคร่ืองบินมอเตอร์ จากมอเตอร์ไม่มีถา่ นไดร้ ะยะทางเท่ากบั 8.13 เมตร นาน 1.27 วินาที ลาดบั ท่ี 3 เคร่ืองเครื่องบินมอเตอร์ จากมอเตอร์กระแสไฟDC ไดร้ ะยะทางเท่ากบั 8.09 เมตร นาน 1.18 วินาที
สาเหตุหน่ึงท่ีทาให้มอเตอร์ในอากาศไดไ้ กลและนาน อาจเนื่องมาจากกาลงั ของ มอเตอร์ จึงทาให้บินไดไ้ กลและนานที่สุด ประโยชน์ 1. รู้จกั วิธีการทาเคร่ืองกาลงั ของมอเตอร์ตา่ งๆ ท่ีสามารถบินไดไ้ กลและนานที่สุด 2. การนาการละเล่นมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิต 3. รู้จกั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์
บรรณานุกรม https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/do-rn-laea-kheruxng-bin/mxtexr https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0 %B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C https://sites.google.com/site/seennoppadon015/mxtexr/mxtexr https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%95%E0 %B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: