หนังสือเรียนสาระการพฒั นาสังคม ระดับประถมศึกษา รายวิชา ประชาธิปไตยในชุมชน สค12010 หลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั พจิ ติ ร สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
คานา ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโพธ์ิประทบั ชา้ ง ไดด้ าเนินการจดั ทาหนงั สือ เรียนวิชาเลือก รายวิชา สค12010 ประชาธิปไตยในชุมชน เพื่อสาหรับใชใ้ นการเรียนการสอนตามหลกั สูตร การศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ท่ีมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการพฒั นาผูเ้ รียนให้มี คุณธรรม จริยธรรมมสี ติปัญญาและศกั ยภาพในการประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ และสามารถดารงชีวิตอยใู่ น ครอบครัว ชุมชน สังคมไดอ้ ยา่ งมีความสุข โดยผเู้ รียนสามารถนาหนงั สือเรียนไปใช้ ดว้ ยวธิ ีการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองปฏิบตั ิกิจกรรมรวมท้งั แบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความรู้ความเขา้ ใจในสาระเน้ือหา โดยเม่ือศึกษาแลว้ ยงั ไม่เขา้ ใจ สามารถกลับไปศึกษาใหม่ได้ ผูเ้ รียนอาจจะสามารถเพ่ิมพูนความรู้หลงั จากศึกษาหนงั สือเรียนน้ี โดยนาความรู้ไปแลกเปลยี่ นกบั เพื่อนในช้ันเรียน ศึกษาจากภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น จากแหล่งเรียนรู้และจากส่ืออื่น ๆ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโพธ์ิประทบั ชา้ ง หวงั ว่าหนังสือเรียนชุดน้ีจะ เป็ นประโยชน์ในการจดั การเรียนการสอนตามสมควร หากมีขอเสนอแนะประการใด ศูนยก์ ารศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโพธ์ิประทบั ชา้ ง จงั หวดั พจิ ิตร ขอนอ้ มรับไวด้ ว้ ยความขอบคณุ ยิ่ง
สารบัญ หน้า คานา 1 บทท่ี 1 ประชาธิปไตยในชุมชน 2 8 ความหมายของประชาธิปไตย 9 รูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย 11 รูปแบบต่าง ๆ ของประชาธิปไตย 12 ประเภทของประบอบประชาธิปไตย กิจกรรมการเรียนรู้ 13 14 บทท่ี 2 การเลือกต้งั 14 ความหมายของการเลือกต้งั 14 ความสาคญั ของการเลอื กต้งั 15 การเลอื กต้งั ผแู้ ทนในระดบั ต่าง ๆ 18 ประเภทของการเลอื กต้งั กิจกรรมการเรียนรู้ 20 21 บทที่ 3 การมีจิตสาธารณะ 26 ความสาคญั ของการมจี ิตสาธารณะ กิจกรรมการเรียนรู้
บทที่ 1 ประชาธปิ ไตยในชมุ ชน สาระสำคญั ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครองและวธิ กี ารดำเนินชีวติ ซึง่ ยึดหลักของความเสมอภาค เสรีภาพ และศักดศิ์ รีแห่งความเปน็ มนุษย์ การปกครองระบอบประชาธิปไตยถอื วา่ ทกุ คนมีสิทธิเสรภี าพเทา่ เทียมกัน และ อำนาจอธปิ ไตยต้องมาจากปวงชน คำวา่ ประชาธปิ ไตย เปน็ ศัพทท์ น่ี ำมาใชก้ ันอยา่ งแพร่หลายมากในโลกปัจจุบนั เป็นทนี่ า่ สังเกตวา่ ประเทศตา่ งๆ แม้จะมีรปู แบบการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสงั คมทีแ่ ตกตา่ งกัน แต่ต่างกอ็ า้ งว่าประเทศ ของตนเป็นประชาธปิ ไตยกันท้ังส้ิน ในประเทศสังคมนิยมหลายประเทศ เช่น อดตี สหภาพโซเวยี ต และจีน ตา่ งก็ อ้างวา่ ประเทศของตน ปกครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตย แตเ่ ป็นประชาธิปไตยในอกี แงห่ นึ่งทเี่ รยี กวา่ ประชาธปิ ไตยแบบรวมศนู ย์ กลา่ วคือ ยินยอมใหป้ ระชาชนมสี ทิ ธแิ ละเสรีภาพในขอบเขตทจ่ี ำกัด สว่ นการ ดำเนนิ การทางการเมือง ยังคงตกอย่ใู นมือของผู้มอี ำนาจเพียงไม่กคี่ นเทา่ น้นั นอกจากนีป้ ระเทศอินโดนเี ซียซ่งึ เป็น ประเทศเพือ่ นบา้ นของไทย หลงั จากไดร้ ับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ในสมัยของประธานาธบิ ดซี กู าร์โน ได้ ประกาศใชร้ ะบอบประชาธิปไตยนำวถิ ี จากความหลากหลายของการใหค้ วามหมายนเ้ี พอ่ื ไม่ให้เกิดความสับสน ในทน่ี จี้ ะขออธบิ ายประชาธิปไตยในความหมายของเสรปี ระชาธิปไตย หรอื ประชาธปิ ไตยแบบตะวันตกเท่าน้ัน ความหมายของประชาธปิ ไตย 1.ความหมายของคำวา่ ประชาธปิ ไตย ตรงกับคำในภาษาอังกฤษวา่ Democracy ซงึ่ มาจากคำ ภาษากรกี ว่า Democratia ซงึ่ ประกอบดว้ ยคำ 2 คำ คอื Demos กบั kratein คำว่า Demos หมายถงึ ประชาชน และ Kratein หมายถึง การปกครอง ฉะนน้ั ประชาธปิ ไตย (Demoskratia) จึงหมายถึง ประชาชน ปกครอง หรือการปกครองโดยประชาชน 2.ความหมายท่ีเนน้ เร่อื งสิทธิเสรภี าพ และความเสมอภาค นกั ปรัชญาการเมอื งหลายท่านท่ีชใี้ ห้เหน็ วา่ รูปแบบการปกครองที่ดีก็คือ การปกครองทีเ่ คารพสิทธิและความเสมอภาคของมนษุ ย์ เชอ่ื วา่ สมาชิกของสังคม ทกุ คนมีสทิ ธเิ ทา่ เทียมกันทจี่ ะเข้ามีสว่ นรว่ มในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเมือง และสงั คมเพ่ือพัฒนาตนเองและ สงั คมโดยส่วนรวม ยอกจากนีร้ ะบบการเมืองจะต้องเปดิ โอกาส หรอื ให้เสรภี าพแก่ประชาชนในการดำเนินการใดๆ ภายใตก้ ฎระเบียบของสังคมดว้ ย ซงึ่ รปู แบบการปกครองดังกลา่ ว ก็คือระบอบประชาธปิ ไตย 3.ความหมายที่เนน้ การเขา้ มสี ว่ นร่วมหรอื เสยี งของประชาชน ในเมือ่ ระบอบประชาธปิ ไตยให้ ความสำคัญกบั ประชาชนในฐานะที่เปน็ เจ้าของอำนาจอธปิ ไตย ใช้อำนาจน่ีผ่านทางองค์กรทางการเมืองต่างๆ เพือ่ ประโยชนส์ ขุ ของตนเอง บาทบาทของประชาชนในทางการเมือง จงึ มคี วามสำคญั มากในระบอบน้ี จนมผี กู้ ลา่ วว่า ประชาธปิ ไตยน้ันถือวา่ ประชาชน คอื เสยี งสวรรค์ เป็นระบอบท่ีเปิดโอกาสให้ประชาชนรว่ มดำเนินการเพื่อ สรา้ งสรรค์สงั คมของตนเอง กิจกรรมการเขา้ รว่ มทางการเมืองของประชาชน อาจเป็นทางอ้อมโดยผ่าน กระบวนการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรเ์ ข้าไปทำหนา้ ท่แี ทน หรืออาจเป็นทางตรง เช่นการประท้วง การ รอ้ งเรียน ในรปู แบบต่างๆ เพ่อื ให้รัฐบาลรบั ทราบถงึ ปญั หา เปน็ ตน้ 4.ความหมายทเ่ี น้นเจตนารมณข์ องประชาชน ประธานาธิบดีอบั ราฮมั ลินคอลน์ แหง่ สหรัฐอเมรกิ า ไดใ้ หค้ วามหมายของคำว่าประชาธิปไตยไว้อย่างกระชับและคมคายวา่ เป็นการปกครองของประชาชน โดย ประชาชน และเพอ่ื ประชาชน ในระบอบประชาธิปไตยน้นั ผนู้ ำทางการเมืองเปน็ ผู้ทถี่ อื เสมือนเปน็ ตัวแทน เจตนารมณข์ องประชาชน รฐั บาลเปน็ ตัวแทนของพรรคการเมอื งท่มี เี สียงข้างมาก หรอื ได้รับเสียงสนับสนนุ ส่วน ใหญ่ รฐั บาลจะคงอยู่ในอำนาจตอ่ ไปไดเ้ ม่ือวาระส้ินสุดลง ก็โดยการแสดงให้ประชาชนผู้เลือกตง้ั เหน็ ว่า รัฐบาล สามารถสนองตอบต่อเจตนารมณ์ของประชาชนไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพเท่าน้ัน
5.ความหมายตามทมี่ าและขอบเขตอำนาจ มีผู้ให้ความหมายของประชาธิปไตยไว้วา่ อำนาจสูงสุดมา จากประชาชน ทั้งนี้โดยอ้างวา่ มนุษยท์ ุกคนเกิดมาย่อมมีสิทธแิ ละเสรภี าพ โดยธรรมชาติ พวกเขาสามารถที่คิด และกระทำการใดๆ ได้ แต่เม่ือมนษุ ย์มาอยรู่ วมกนั เปน็ สังคม เขาจะสละสิทธ์ิและอำนาจบางประการให้กับ ผู้ปกครอง เพอ่ื ใช้อำนาจนั้นดำเนินการภายในกรอบที่กำหนด ฉะนั้นเราจะพบว่ารัฐบาลในประเทศที่ปกครองด้วย ระบอบประชาธปิ ไตยนน้ั จะมอี ำนาจทมี่ ีขอบเขต จากความหมายอันหลากหลายของคำวา่ ประชาธปิ ไตย น้ี จึงอาจสรุปความหมายหลกั ได้ 3 ประการ คือ 1.ความหมายในเชิงอดุ มการณ์ทางการเมือง 2.ความหมายในเชงิ รูปแบบการปกครอง 3.ความหมายในเชิงวิถีวชิ ีวิตของประชาชน 1. ความหมายในเชงิ อดุ มการณ์ทางการเมอื ง อุดมการณ์ทางการเมอื ง คอื ระบบความคดิ ทางการเมอื งอยา่ งหนงึ่ อดุ มการณป์ ระชาธิปไตยเปน็ ท่ี ยอมรบั กันอย่างกวา้ งขวางในฐานะท่ีเปน็ ระบบความคิดทางการเมอื งชนดิ หน่ึง ท่ีให้ความสำคัญกับหลักการ 3 ประการ 1.หลกั มนุษย์เป็นผมู้ ีสติปญั ญา รจู้ กั ใช้เหตุผล รูด้ ีรู้ชั่ว และสามารถปกครองตนเองได้ ประชาธปิ ไตย นัน้ เป็นระบบทสี่ มาชกิ จะตอ้ งแสดงออกซึง่ เหตุผล เพอ่ื ให้ไดม้ าซ่ึงขอ้ สรุปท่เี ป็นทย่ี อมรับกันเช่ือกันวา่ ถา้ การ ดำเนนิ การใดๆ เปน็ ไปตามหลักการแห่งเหตุผลแล้ว ย่อมจะส่งผลให้เกดิ การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของสังคมอยา่ งไมม่ ี ขีดจำกดั 2.หลกั สิทธิเสรภี าพ คำวา่ สทิ ธิ หมายถึง อำนาจอันชอบธรรม เสรีภาพ หมายถึง ความมีอิสระทจ่ี ะ กระทำการใดๆ ได้ แต่การใช้เสรีภาพจะตอ้ งไมไ่ ปละเมิดสทิ ธิและเสรภี าพของผอู้ นื่ ด้วย เสรีภาพในสังคม ประชาธปิ ไตยมขี อบเขตจำกัดในระดบั หนงึ่ สงิ่ ท่จี ะมาเป็นตวั จำกัดเสรีภาพคอื กฎหมาย ขอ้ บังคบั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี เสรภี าพขน้ั พืน้ ฐานในระบอบประชาธิปไตยอาจจำแนกได้ดงั ต่อไปนี้ 1) เสรีภาพในการแสดงความคดิ เห็น การแสดงความคิดเห็นซึง่ อาจแสดงออกในรูปของการพูด การเขียน และการโฆษณาถอื เป็นเสรภี าพขนั้ พืน้ ฐานประการหนง่ึ ในสังคมประชาธิปไตยนน้ั เปน็ สังคมที่ถอื วา่ ประชาชน คอื เสียงสวรรค์ เปน็ สงั คมทย่ี ินยอมให้ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธปิ ไตยเข้ามสี ว่ นร่วมใน กิจกรรมทางการเมืองโดยเสรี การแสดงความคดิ เห็นจงึ ถือเปน็ กจิ กรรมท่ีสำคญั ยงิ่ ด้วย 2) เสรภี าพในการรวมกลมุ่ อาจจะเปน็ การรวมตวั กนั ของเกษตรกรทป่ี ลกู ออ้ ย จัดต้ังเป็นสหกรณ์ ชาวไรอ่ ้อย หรอื อาจจะเป็นการรวมตัวกนั ของผู้ที่มีความสนใจในกจิ กรรมทางสังคมอยา่ งหนึ่งอยา่ งใด ร่วมกันจดั ตง้ั เปน็ สมาคม เปน็ ต้น และยงั รวมไปถงึ การรวมตวั กนั ของประชาชนเพ่อื เข้ามสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งในรูปแบบต่างๆ เพอ่ื เรยี กรอ้ งใหร้ ฐั บาลดำเนนิ การใดๆอกี ดว้ ย แต่ทั้งนกี้ จิ กรรมอันเกิดจากเสรภี าพในการรวมกลุม่ จะต้องอยูใ่ น กรอบแหง่ กฎหมายและศีลธรรมอนั ดขี องสังคม 3) เสรีภาพในการนบั ถือศาสนา มนุษยแ์ ต่ละคนย่อมมีความเชอื่ ท่เี หมอื นกันบา้ ง ต่างกนั บ้างเปน็ ธรรม การนบั ถือหรอื ศรัทธาทม่ี นุษยพ์ ึงมตี ่อความเช่ือศาสนาใดๆ จงึ นับไดว้ ่าเปน็ เสรีภาพขั้นพื้นฐานประการหนึง่ 4) สิทธิและเสรีภาพอ่นื ๆ นอกจากสิทธิและเสรภี าพขา้ งต้นแลว้ อดุ มการณ์ประชาธิปไตยยังให้ ความสำคญั กบั สทิ ธิและเสรภี าพขน้ั พ้นื ฐานของบคุ คลด้านอน่ื ๆ อีก เช่น สิทธิจะได้รบั การคุม้ ครองทั้งทางรา่ งกาย และทรพั ยส์ ินจากรัฐ สิทธิในเคหสถาน สิทธิและเสรีภาพในการเคลื่อนยา้ ยท่ีอย่อู าศยั สิทธแิ ละเสรีภาพในการ เดนิ ทาง สิทธแิ ละเสรภี าพในการประกอบอาชพี โดยสุจรติ เสรีภาพในทางรา่ งกาย เป็นตน้ 3.หลกั ความเสมอภาค ความเสมอภาพหรอื ความเทา่ เทียมกนั เปน็ หลักทีส่ ำคญั ของอุดมการณ์ ประชาธปิ ไตยอีกหลกั การหน่งึ ระบอบประชาธปิ ไตยเชอ่ื ว่ามนุษย์ทุกคนไมว่ ่าจะอยู่ในชนชนั้ ใด เพศใด มีฐานะทาง เศรษฐกจิ หรอื ฐานะทางสงั คมอย่างไรต่างเทา่ เทยี มกนั ความเทา่ เทียมกนั ในทน่ี ีไ้ ม่ใชค่ วามเทา่ เทียมกนั ในสติปัญญา
ความสามารถ หรอื ความสูงความตำ่ แตเ่ ปน็ ความเท่าเทยี มกันในศกั ดิศ์ รขี องความเป็นคน ซ่งึ ทุกคนมสี ิทธทิ จ่ี ะอยู่ รอดในสงั คม ความเสมอภาคในระบอบประชาธปิ ไตยอาจจำแนกไดเ้ ปน็ 4 ประการ ดังต่อไปนี้ 1) ความเสมอภาพในการมีส่วนร่วมทางการเมอื ง จากแนวความคิดทว่ี า่ ประชาธิปไตย เปน็ เร่อื ง ของการปกครองโดยประชาชน ถือว่าเสยี งของประชาชนเปน็ เสยี งสวรรค์ รฐั ประชาธิปไตยจงึ ตอ้ งเปิดโอกาสให้ สมาชิกเข้ามีสว่ นรว่ มในการปกครองของประชาชนอยา่ งกวา้ งขวาง ทกุ คนมีสทิ ธิท่ีจะเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมอื ง มีสทิ ธอิ อกเสียงเลอื กตง้ั เมอ่ื อายถุ งึ เกณฑท์ กี่ ฎหมายระบไุ ว้ และบัตรเลือกตง้ั แตล่ ะใบจะมเี สียงเพยี ง 1 เสียงเท่า เทยี มกนั ซึ่งตรงกบั ปฏิญญาสากลแห่งสิทธมิ นุษยชนข้อ 21 (3) ที่ระบุวา่ เจตจำนงของประชาชนจะตอ้ งเป็นมูล ฐานแห่งอำนาจของรฐั บาล เจตจำนงเชน่ วา่ นจี้ ะต้องแสดงออกทางการเลือกตง้ั ตามกำหนดเวลาและอย่างแทจ้ ริง โดยอาศยั การออกเสยี งทัง่ ไปและอยา่ งเสมอภาค และลงคะแนนเสียงลับ หรือการลงคะแนนโดยอิสระอย่างอืน่ ทำนองเดยี งกนั 2) ความเสมอภาคที่จะไดร้ บั การค้มุ ครองตามกฎหมาย ในรัฐประชาธปิ ไตยนัน้ จะถือว่า กฎหมาย เปน็ เสมอื นข้อกำหนดสของสังคมทอี่ อกมาโดยมวี ัตถุประสงค์ในการควบคุมพฤตกิ รรมที่มีผลรา้ ยต่อสงั คมโดย ส่วนรวม น่ันคือกฎหมายจะให้ความคุม้ ครองปอ้ งกันแก่คนทกุ คนโดยเทา่ เทยี มกัน และผู้ท่ลี ะเมิดกฎหมายกจ็ ะ ไดร้ ับโทษทัณฑต์ ามทีก่ ำหนดหรอื ถา้ มีเหตุอนั ควรปรานีใหม้ ีการลอดหย่อนหรือยกเว้นโทษ ก็ควรจะได้รบั การ พจิ ารณาโดยเทา่ เทียมกันด้วย 3) ความเสมอภาคที่จะแสวงหาความก้าวหน้าในชีวติ ในระบอบประชาธปิ ไตยนัน้ รัฐจะตอ้ งเปิด โอกาสให้สมาชกิ ทกุ คนสามารถพัฒนาตนเองได้ เช่น จดั ให้มีโรงเรยี น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย ให้เพยี งพอ สำหรับคนท่ีปรารถนาแสวงหาความรู้มีโอกาสรับการศกึ ษาได้รับความรู้ และมีโอกาสใชค้ วามรู้ความสามารถสรา้ ง ความก้าวหน้าและความมัน่ คงในชีวิตใหก้ บั ตนเอง และตอ้ งบริหารระบบของสังคมให้เปิดโอกาสสำหรับทกุ ๆ คนใน การที่จะได้ ทำงานโดยสิทธิเท่าเทยี มกัน เชน่ การเปิดโอกาสใหท้ ุกคนมสี ทิ ธเิ สมอภาคในการสอบคัดเลือกเข้าเป็น ขา้ ราชการ เปน็ ตน้ 4) ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสงั คม ในท่ีน้ีไมไ่ ดห้ มายความวา่ รัฐประชาธิปไตยจะต้องทำ ใหส้ มาชิกทกุ คนมีฐานะทางเศรษฐกิจสังคมสงู กล่าวคือ มีรายได้สูง และมีความเปน็ อยู่ที่หรูหรากนั ทุกคน แต่ จะต้องพยายามกระจายรายได้ นำเอาทรัพยากรทางสังคมมาใช้ประโยชน์ ลดชอ่ งว่างระหวา่ งชนชัน้ ใหน้ ้อยลงโดย การสนับสนุนหรอื ช่วยเหลอื กล่มุ ที่ด้อยโอกาสว่าให้เติบใหญแ่ ละแขง็ แรงพอทีจ่ ะชว่ ยเหลือตนเองไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพ เช่น การท่รี ัฐสนับสนนุ โครงการจดั ตัง้ กลมุ่ ส่งเสริมอาชีพในชนบท โครงการจดั ตง้ั สหกรณ์ผู้ผลติ สหกรณผ์ ู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ใด ๆ โครงการสาธารณสขุ ขัน้ พนื้ ฐาน เพอื่ ยกระดับความกนิ ดี อยดู่ ี เป็นตน้ 2. ความหมายในเชงิ รปู แบบการปกครอง แนวคิดพืน้ ฐานของประชาธิปไตยในฐานะทเี่ ป็นรปู แบบการปกครองมาจากความเช่อื ที่วา่ ประชาธปิ ไตยเป็นระบอบการปกครองท่ปี ระชาชนมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ การปกครองตนเองของ ประชาชนดำเนนิ การโดยผ่านผ้แู ทนทป่ี ระชาชนเลือกเข้าไปทำหนา้ ท่ีแทนตนตามระเบยี บวธิ ที บี่ ัญญตั ิไวใ้ น รัฐธรรมนูญ เราจงึ อาจสรุปหลักการทีส่ ำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้ดังตอ่ ไปน้ี 1.หลกั อำนาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชน หมายความว่า ประชาชนเป็นเจา้ ของอำนาจสูงสุดของรัฐ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินปัญหาและกำหนดความเป็นไปของพวกเขาเอง แตม่ ไิ ดห้ มายความวา่ ประชาชนท้งั ประเทศจะต้องมานงั่ ถกเสียงหาทางแกป้ ัญหา 2.หลักอำนาจอธิปไตยโดยปวงชน หมายถงึ การใหป้ ระชาชนมีส่วนรว่ มในทางการเมอื ง รูปแบบของ การเข้ามสี ่วนรว่ มของประชาชนจงึ มีอยูห่ ลายทางด้วยกันทสี่ ำคัญ คือ การเลอื กตวั แทนของตนขึน้ ไปทำหนา้ ที่ใน รัฐสภา นอกจากน้ปี ระชาชนอาจทำได้โดยการช่วยรณรงคห์ าเสียงให้ผู้สมัครทต่ี นนิยมอยู่หรือเขา้ เป็นสมาชิกพรรค การเมอื งท่มี อี ดุ มการณเ์ ดยี วกัน เพ่ือหาทางผลกั ดันให้นโยบายของพรรคนำมาใชป้ ฏบิ ัติ เป็นต้น 3.หลักอำนาจอธิปไตยเพ่ือประชาชน สงั คมประชาธปิ ไตยนัน้ ผูป้ กครองหรอื ผมู้ อี ำนาจในการบริหาร ประเทศและรฐั บาลจะต้องไมก่ ระทำไปเพยี งเพื่อผลประโยชนข์ องคนในกลุ่มตนเท่านนั้ ผ้ปู กครองที่มาจาก
ประชาชนในระบอบประชาธปิ ไตยนัน้ จะตอ้ งเป็นผู้ท่กี ระทำเพอ่ื ประโยชน์สขุ ของประชาชนส่วนใหญด่ ว้ ยให้สมกบั ความไวว้ างใจของประชาชนที่เลือกตนเข้ามารับหน้าท่ี ไม่เชน่ นนั้ เมือ่ ครบวาระอาจจะไม่ไดร้ ับเลือกใหเ้ ป็นตวั แทน ในสมยั ตอ่ ไปก็ได้ 4.หลักเหตุผล ประชาธิปไตยประกอบด้วยหลักเหตุผล ท้งั นเี้ น่อื งจากคนแตล่ ะคนตา่ งก็มแี นวความคิด ในการแก้ไขปัญหาที่แตกตา่ งกันไป ถ้าคนปราศจากเหตผุ ลแล้ว สังคมก็อาจยุง่ เหยงิ ไม่ไดข้ อ้ ยตุ ทิ ีด่ แี ละถกู ต้อง ดังน้นั ในระบอบประชาธิปไตยน้นั ทุกคนจะตอ้ งร่วมกนั คดิ โดยตา่ งก็เสนอความคดิ เห็นแล้วอาจมกี ารเปิดอภปิ ราย มกี ารวพิ ากษว์ ิจารณก์ นั อย่างกวา้ งขวาง ตา่ งคนตา่ งรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ น่ื ด้วยใจเปน็ ธรรม ข้อเสนอหรอื ความคดิ เห็นของใครที่มีเหตุผลดีกวา่ กจ็ ะไดร้ ับเลือกให้เปน็ วิธีการแกไ้ ขปญั หานั้นๆ ตอ่ ไป 5.หลกั เสยี งขา้ งมาก วธิ กี ารหนงึ่ ทีจ่ ะรูไ้ ดว้ ่าระบอบประชาธิปไตยเปน็ หลักการเพอื่ ปวงชน คือ หลัก เสยี งข้างมาก นัน่ คอื หลงั จากท่ีผแู้ ทนราษฎรไดม้ ีโอกาสแสดงความคดิ เห็น วิพากษว์ จิ ารณ์โดยการอภปิ รายกัน พอแลว้ กจ็ ะมีการออกเสียงลงคะแนนกัน ข้อเสนอที่ได้รับเสียงขา้ งมากจากทป่ี ระชมุ ก็จะไดร้ ับเลือกให้นำไปปฏบิ ตั ิ ทง้ั น้เี พราะถอื ได้ว่าเปน็ ขอ้ เสนอที่มีเหตุผลของคนส่วนใหญ่ 6.หลักความยนิ ยอม ประชาธิปไตยจะต้องมพี ้ืนฐานมาจากความยนิ ยอมอกี ด้วย เมือ่ อำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชน และปวงชนไดเ้ ลอื กตัง้ ตวั แทนของตนเพ่ือใช้อำนาจ ดังกล่าว จงึ ถือไดว้ า่ ผทู้ ไ่ี ดร้ ับเลือกใหเ้ ขา้ มาใช้ อำนาจเหล่านไี้ ดร้ บั ความยินยอมจากปวงชน แต่จะมีอำนาจจำกัดตามรัฐธรรมนญู และยงั ถูกจำกัดชว่ งเวลาทไี่ ดร้ ับ ความยินยอม คอื อาจอยู่ในวาระชว่ งระยะเวลาหนึง่ (วาระครบ 4 ปี เป็นตน้ ) เมื่อครบวาระหรอื มกี ารยบุ สภากจ็ ะมี การเลือกต้งั ใหม่ หากผ้แู ทนราษฎรผู้ใดไดร้ ับความไวเ้ น้อื เชอื่ ใจจากประชาชนจะได้รับเลอื กเข้ามาทำหน้าทต่ี อ่ ไป 7.หลกั ประนีประนอม ในหลายกรณี หลงั จากท่ีผูแ้ ทนราษฎรได้อภิปรายกนั แลว้ และเลง็ เหน็ ว่า ข้อเสนอต่างๆ ท่ีผู้แทนแต่ละคนเสนอไปนน้ั มลี ักษณะทคี่ ล้ายคลึงกันมาก หรือมีขอ้ ขดั แยง้ กนั ไม่มากนักที่ประชุมก็ อาจใช้การประนปี ระนอมกนั โดยยดึ หลกั ผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นเกณฑ์ ไมจ่ ำเป็นตอ้ งมกี ารลงคะแนนเสยี ง ข้างมากก็ได้ 8.หลักความเสมอภาค ประชาธิปไตยเช่ือวา่ มนษุ ยต์ ่างก็มีศกั ด์ิศรเี ทา่ เทียมกนั แม้แตร่ ัฐธรรมนญู ไทย กย็ อมรบั ในหลักการนีโ้ ดยเขยี นไว้วา่ บคุ คลย่อมเสมอภาคกันในกฎหมาย ฐานันดรศกั ดโ์ิ ดยกำเนดิ ก็ดี โดยแตง่ ตง้ั ก็ ดี โดยประการอืน่ ก็ดี ไมก่ ระทำให้เกิดอภิสทิ ธิ์แต่อยา่ งใดเลย ฉะนั้นกฎหมายในสงั คมประชาธิปไตย จึงบังคับใช้กับ บุคคลทกุ คนโดยเสมอหนา้ กันหมด 9.หลักเสรภี าพ สงั คมประชาธปิ ไตย นอกจากจะใหค้ วามสำคัญกับหลักความเสมอภาคแล้ว ยังให้ ความสำคัญกับหลกั เสรภี าพดว้ ย กลา่ วคือ รฐั ในระบอบประชาธปิ ไตยจะต้องส่งเสริมเสรีภาพต่างๆของปวงชน เชน่ เสรีภาพในการพูด การเขยี น การอบรมศกึ ษา การรวมตัวกนั เปน็ สมาคม เปน็ ตน้ แต่ทั้งนเี้ สรภี าพเหลา่ น้ีจะถูก จำกดั โดยกฎหมายนัน้ คอื ประชาชนตอ้ งไม่ใช้เสรีภาพนีเ้ พ่ือทำลายหรอื รบกวนเสรีภาพของผู้อ่นื 10.หลกั นติ ิธรรม หมายถงึ การยดึ ถอื กฎหมายเป็นเกณฑก์ ติกา และหลักประกนั ความเสมอภาคให้ ประชาชนไดร้ ับการคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพ และการรกั ษาผลประโยชน์ ส่วนรวม เพือ่ ความถูกตอ้ ง สงบเรียบรอ้ ย และชอบธรรม โดยรฐั บาลจะตอ้ งบงั คบั ใช้กฎหมายแกค่ นทุกคนโดยเท่าเทยี มกัน ไม่ให้มีการละเมิดสทิ ธิ เพราะเหตุ แหง่ ความเปน็ ผูม้ ีอทิ ธิพล ยศฐาบรรดาศกั ดิ์ เงนิ ทอง หรืออภสิ ทิ ธ์อิ ่ืนๆ 11.หลักการปกครองตนเอง เมือ่ สงั คมประชาธิปไตยให้ความสำคญั กับหลักความเสมอภาคและหลกั เหตุผล เชอื่ วา่ มนุษย์สามารถปรบั ปรงุ ตวั เองให้ก้าวหน้า รวมทง้ั แกไ้ ขปัญหาของตนเองได้ โดยเปิดโอกาสให้ ประชาชนได้ปกครองตนเอง ท้ังน้ีเพราะพวกเขา้ รูด้ ีกวา่ คนอ่นื ๆ ว่าตนเองต้องการอะไร หรือส่ิงใดทีเ่ ป็น ผลประโยชนข์ องพวกเขา ซงึ่ ผลประโยชนเ์ หล่านอ้ี าจจะอยู่ในแง่รูปธรรม เช่น สวัสดิการทางสงั คมต่างๆ หรือ อาจจะอยใู่ นแงข่ องนามธรรม เช่น เสรภี าพในการรวมตวั กันเป็นสมาคมก็ได้ 3. ความหมายในเชิงวิถวี ิชวี ติ ของประชาชน วถิ ีชวี ิตของประชาชน หมายถึง วธิ ีการในการดำเนินชีวติ ของคนในสงั คมทีเ่ อ้อื อำนวยต่อการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย มคี วามเชอื่ อย่วู ่าการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยจะไรเ้ สถียรภาพ ถ้าบุคคล
หรอื สมาชิกของสงั คมขาดแบบแผนของความเชอื่ ทศั นคติและค่านยิ มที่เป็นประชาธปิ ไตย วิถีชวี ติ แบบ ประชาธิปไตยอาจจำแนกไดด้ ังตอ่ ไปน้ี 1.ใชเ้ หตุผลในการตดั สินปญั หาหรอื ข้อขดั แยง้ ระหวา่ งกัน ในทางปฏบิ ตั ิแมว้ า่ มนษุ ย์จะไมไ่ ด้ใชเ้ หตผุ ล ตลอดเวลา แตก่ ็ควรใชเ้ หตุผลมากกว่าอารมณ์ เพราะการแสดงออกซงึ่ ความคดิ เหน็ โดยการใช้เหตุผล จะนำมาซ่งึ ข้อสรุปที่เป็นทีย่ อมรบั กันโดยไม่กอ่ ใหเ้ กิดความรนุ แรง ซ่งึ จะเป็นผลให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสงั คม 2.รู้จกั รับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ อยา่ งมสี ติสัมปชัญญะ ปราศจากอคติ และมีความอดทนตอ่ ความ คิดเห็นทแี่ ตกต่างไปจากตน 3.มนี ้ำใจประชาธิปไตย กล่าวคอื มีความคิดเหน็ เป็นของตนเอง ไมน่ ยิ มการยอมตามความคิดเห็นของ ผอู้ น่ื นอกจากจะถูกลบล้างด้วยเหตุผลที่นา่ เชือ่ ถอื กว่า ยอมรับเสยี งข้างมาก เคารพในศกั ด์ิศรี สทิ ธิเสรีภาพ และ ความเสมอภาคของเพ่ือนมนุษยด์ ้วยกนั มีจิตใจกว้างขวาง พร้อมท่จี ะยอมรบั การวพิ ากษว์ จิ ารณจ์ ากผอู้ ืน่ และ พรอ้ มทีจ่ ะปรับปรุงตนเองอย่เู สมอ 4.สนใจกจิ การบา้ นเมอื งและเข้ามีสว่ นร่วมทางการเมือง โดยถือวา่ เปน็ หนา้ ที่ เคารพกฎเกณฑ์หรือ กตกิ าทางการเมอื งในระอบประชาธิปไตยอยา่ งเครง่ ครดั 5.รู้จักประนีประนอมมากกวา่ ทจี่ ะดงึ ดนั เอาชนะกันโดยอาศัยการขูเ่ ข็ญ บงั คบั ใหอ้ กี ฝ่ายหน่งึ ยอมรับ ในเงอ่ื นไขของฝา่ ยตนแต่ฝ่ายเดยี ว 6.มองโลกในแงด่ ี สมาชกิ ของสังคมประชาธิปไตยจะตอ้ งมีศรัทธาและความหวงั ตอ่ ชวี ิตเสมอกกระ บวนการในระบอบประชาธปิ ไตยน้ันอาจตอ้ งใชเ้ วลา ความอดทน อดกลนั้ จงึ เปน็ สิง่ จำเป็นยงิ่ 7.มีความรบั ผิดชอบตอ่ สว่ นรวม เมอ่ื สมาชกิ ของสงั คมประชาธิปไตยเกดิ ความรู้สกึ ว่าตนเองเปน็ เจ้าของประเทศ และประเทศเปน็ ของทกุ คนแล้ว ทุกคนจะเกิดความรกั ความภกั ดีตอ่ ชาตบิ า้ นเมอื ง ตา่ งพยายามท่ี จะประพฤติตนใหอ้ ยใู่ นกรอบของกฎหมาย และศีลธรรมอันดีงาม และตา่ งก็จะพยายามทำตนเป็นพลเมอื งดี ช่วยกนั บำรงุ รักษาสาธารณสมบัติ ช่วยเหลือผู้ท่ตี กทกุ ขไ์ ด้ยากในรปู ของสงั คมสงเคราะห์ เขา้ มีส่วนรว่ มในการ พัฒนาบ้านเมอื งให้สะอาดรม่ เย็น เปน็ ตน้ รปู แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในประเทศประชาธปิ ไตยนัน้ ไม่ไดม้ ีรปู แบบการปกครองเหมือนๆ กนั ท้งั หมด นกั วชิ าการได้พยายาม เสนอหลกั เกณฑ์ต่างๆ ทอ่ี าจใชแ้ บ่งรปู แบบการปกครองของประเทศประชาธปิ ไตยมากมายด้วยกนั สรปุ ไดเ้ ปน็ 2 หลกั เกณฑ์ ดังนี้ 1.หลกั ประมุขของประเทศ แบ่งรปู แบบประชาธิปไตยได้ 2 ลกั ษณะคอื 1) มพี ระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมขุ พระมหากษัตรยิ ์จะทรงใช้อำนาจอธิปไตย ซึ่งเปน็ ของปวงชน โดยใช้องค์กรแยกกนั เป็น 3 ทางคอื ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัตโิ ดยผา่ นทางรฐั สภา อำนาจบรหิ ารโดยผ่านทางคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการโดยผา่ น ทางศาล ส่วนองค์พระมหากษตั ริย์จะทรงเป็นกลางในทางการเมือง เช่น ไทย อังกฤษ เป็นต้น 2) มปี ระธานาธบิ ดเี ป็นประมุข ผอู้ ำรงตำแหน่งประธานาธิบดมี าจากการเลือกตั้งของ ประชาชน ทำหนา้ ท่ีเป็นประมขุ ของรฐั เพยี งหน้าท่ีเดยี ว เชน่ สิงคโปร์ อินเดีย ฯลฯ และบางประเทศประธานาธบิ ดี ทำหน้าที่เป็นประมขุ ของฝ่ายบรหิ ารด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา อินโดนเี ซยี ฯลฯ 2.หลกั การรวมและการแยกอำนาจ แบ่งออกเปน็ 3 ลกั ษณะ 1 )แบบรฐั สภา ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ไดแ้ ก่ การมีเฉพาะผแู้ ทนราษฎรเพียงสภา เดยี วหรอื อาจมี 2 สภากไ็ ด้ มีท้งั สภาผแู้ ทนราษฎร ซงึ่ ตวั แทนหรอื สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรที่ประชาชนเปน็ ผู้ ลงคะแนนเสยี งเลอื กตัง้ ซึง่ มาจากการเลือกตั้ง และวุฒสิ ภาซ่ึงเปน็ สภาของผู้ทรงคณุ วุฒิ สว่ นมากสมาชิกไดม้ าจาก การแตง่ ตัง้ แต่สมาชกิ วุฒสิ ภาในบางประเทศก็มาจากการเลือกต้ัง ชื่อสภาอาจเรยี กตา่ งกนั ได้ เชน่ ในอังกฤษเรยี ก สภาผแู้ ทนราษฎรว่า สภาล่างและวุฒิสภาว่า สภาสูงหรอื สภาขนุ นาง แตโ่ ดยหลักการสภาทั้งสองต้องประชุม ร่วมกันรวมกันเปน็ รัฐสภา ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติและอำนายบรหิ าร คือมีอำนาจในการออกกฎหมายเพอื่ ใช้
ปกครองประเทศ และมีอำนาจบรหิ ารในการให้ความเห็นชอบหรือจัดตัง้ รัฐบาล และควบคมุ การบริหารของรัฐบาล ดว้ ย คอื รัฐบาลบริหารดว้ ยความไวว้ างใจของรัฐสภา ในทางปฏิบัติถอื กนั เปน็ หลักเกณฑ์ว่า สมาชิกสภากลุ่มหรอื พรรคการเองท่ีมเี สยี งขา้ งมากสนบั สนนุ จะได้สิทธิในการจัดตั้งรฐั บาล เพ่อื ทำหน้าท่บี ริหารบ้านเมอื ง แตร่ ัฐบาล จะต้องอยู่ในความควบคมุ ของสมาชิกรฐั สภา ลกั ษณะดงั กล่าวนี้ รัฐสภาและรฐั บาลตา่ งทำหน้าทข่ี องตน แตร่ ัฐสภา ควบคมุ รัฐบาลด้วยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และอาจลงมติไมไ่ วว้ างใจเพือ่ ให้รัฐบาลลาออกได้ สว่ นรัฐบาลก็ อาจยบุ สภาได้ ทำให้เกดิ ความสมดุลแห่งอำนาจ 2) แบบประธานาธิบดี ระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีมลี ักษณะคล้ายคลงึ กับแบบ รัฐสภา การมรี ัฐสภาเหมอื นกนั แตม่ ีลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั คือ การมปี ระธานาธิบดีเปน็ ผใู้ ช้อำนาจบรหิ าร โดย ประธานาธบิ ดมี สี ิทธิและหนา้ ที่ในการจะแตง่ ตัง้ คณะรฐั มนตรขี ้นึ มาชดุ หนึง่ เพอื่ บรหิ ารประเทศและรบั ผดิ ชอบ รว่ มกัน ส่วนอำนาจนิตบิ ัญญตั ินนั้ ก็ยงั คงตกอยทู่ รี่ ฐั สภา การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีน้ี ทัง้ ประธานาธิบดีและสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรต่างก็ได้รบั เลอื กจากประชาชน ทั้งสองฝ่าย จึงตอ้ งรับผดิ ชอบ โดยตรงต่อระชาชน ส่วนอำนาจตุลาการยังคงเปน็ อสิ ระ ฉะนั้นอำนาจนิตบิ ญั ญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลา การ ต่างก็เปน็ อสิ ระและแยกกนั สถาบนั ผู้ใชอ้ ำนาจทัง้ สามจะเป็นตัวท่ีคอยยับยั้งและถว่ งดุลกนั และกัน ไมใ่ ห้ฝา่ ย หนึ่งฝา่ ยใดใช้อำนาจเกนิ ขอบเขต เช่น การปกครองของสหรัฐอเมริกา เปน็ ต้น 3) แบบก่ึงรฐั สภากง่ึ ประธานาธิบดี ระบอบประชาธปิ ไตยแบบนีป้ ระธานาธิบดเี ป็นทงั้ ประมขุ ของรัฐและบรหิ ารราชการแผ่นดนิ รว่ มกบั นายรฐั มนตรี ในด้านการบรหิ ารนัน้ นายกรฐั มนตรี เป็นผู้ลงนาม ประกาศใชก้ ฎหมาย และคณะรฐั มนตรกี ย็ งั คงเปน็ ผใู้ ชอ้ ำนาจบรหิ าร แต่ตอ้ งรับผิดชอบต่อรัฐสภา ส่วนรัฐสภาเองก็ ยังคงทำหนา้ ทีส่ ำคญั คือ ออกกฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดนิ ประธานาธิบดใี นระบอบ ประชาธปิ ไตย แบบนี้เป็นผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศและการเมืองโดยทว่ั ๆ ไปท้ังยังทำหนา้ ท่ีอนุญาโตตลุ าการ ระหว่างรัฐสภากับคณะรัฐมนตรี นอกจากนยี้ ังมีอำนายยบุ สภาไดด้ ้วย จงึ มีอำนาจมาก เช่น อนิ เดีย ฝร่งั เศส ประเภทของประบอบประชาธปิ ไตย แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท 1.ประชาธปิ ไตยโดยทางตรง เปน็ รปู แบบการปกครองทใ่ี ห้ประชาชนทัง้ ประเทศ เป็นผู้ใชอ้ ำนาจใน การปกครองโดยตรง ดว้ ยการประชุมรว่ มกนั พิจารณา ตัดสินปญั หาร่วมกันในทป่ี ระชุมโดยตรง และจะเปน็ ผู้ เลือกตัง้ เจา้ หนา้ ทป่ี ฏิบัติงานของรัฐโดยตรง เราจะเห็นวา่ ประชาธปิ ไตยประเภทนจ้ี ะใชไ้ ด้ในเชิงปฏบิ ัตจิ รงิ ๆ ก็แต่ เฉพาะในสงั คมเล็กๆ หรือประเทศเลก็ ๆ ที่มสี มาชิกจำนวนน้อย ซ่ึงแต่ละคนมโี อกาสอภปิ ราย วิพากษ์วจิ ารณ์ และ พิจารณาปญั หาต่างๆ อย่างละเอยี ดและมีเหตุผล แต่ถา้ นำเอาประชาธิปไตยประเภทนม้ี าใช้กับสงั คมขนาดใหญ่ทมี่ ี สมาชกิ จำนวนมากแล้วจะเปน็ อุปสรรค เน่ืองจากความไมพ่ ร้อมเพรียงกนั และการทจ่ี ะหาสถานที่ประชมุ ขนาด ใหญ่ เพ่อื จะใหป้ ระชาชนทงั้ ประเทศมาประชมุ ในท่เี ดยี วกนั ยอ่ มเปน็ ไปไดย้ ากย่ิง 2.ประชาธิปไตยโดยทางออ้ ม เปน็ ประชาธปิ ไตย เป็นประชาธปิ ไตยอกี ประเภทหนง่ึ ซ่งึ เป็นผล เนือ่ งมาจากประเทศตา่ งๆ ของโลกไดข้ ยายตวั ออกไปมาก ประชาชนพลเมอื งเพมิ่ ขึ้นปัญหาตา่ งๆเกิดขนึ้ มามาก ฉะน้นั โอกาสที่ประชาชนทง้ั ประเทศจะมานัง่ ปรึกษาหารือกัน เพ่อื แกป้ ญั หากนั แบบประชาธิปไตยโดยทางตรงย่อม เปน็ ไปไมไ่ ด้ เพอ่ื แกไ้ ขอุปสรรคนี้แทนท่ีประชาชนทุกคนจะตอ้ งมาประชุมร่วมกนั เพ่ือพจิ ารณาตดั สินปัญหาใด กจ็ ะ ให้ประชาชนไดม้ โี อกาสเลอื กตวั แทนหรือที่รู้จักในนาม สมาชกิ รัฐสภา เข้าไปสู่ท่ีประชุมแทน สว่ นลักษณะและ วิธีการเลือกสมาชกิ รฐั สภาของประชาชนในแต่ละประเทศจะแตกตา่ งกันไป หวั ใจและกระบวนการของระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากในระบอบประชาธิปไตยน้นั ถอื ว่าเป็นการปกครองของประชาชน บทบาททางการเมอื งของ ประชาชนในฐานะทีเ่ ปน็ เขา้ ของอำนาจอธิปไตยจึงเปน็ หวั ใจของระบบนี้ ดังนน้ั การเข้ามสี ว่ นรว่ มในการปกครอง ตนเองของประชาชน จึงถอื เป็นกระบวนการที่สำคัญยิง่ การเข้ามสี ว่ นรว่ มทางการเมืองของประชาชนน้ันอาจ เกดิ ขนึ้ ไดใ้ นหลายลักษณะ เชน่ การไปลงคะแนนเสยี งเลือกต้งั การพูดคยุ เร่อื งการเมือง การชว่ ยพรรคการเมอื งใน การรณรงคห์ าเสยี ง การเข้าร่วมประชุมทางการเมอื งการเปน็ ผสู้ มคั รเขา้ รบั เลอื กต้งั หรือแม้แต่การเดนิ ขบวน ประทว้ ง หรอื สนับสนนุ การดำเนนิ การของรัฐทย่ี ังผลให้ตนเองไดป้ ระโยชนห์ รือเสยี ประโยชน์
ลักษณะหรอื รูปแบบของการเขา้ มีสว่ นร่วมทางการเมืองท่ีสำคญั ยงิ่ ในประเทศประชาธปิ ไตย อาจแบง่ ออกเป็น 4 รูปแบบ คือ 1.การเข้ามีส่วนร่วมในกลุ่มผลประโยชน์ กลมุ่ ผลประโยชน์ หมายถึง กลุ่มบุคคลที่มีความตอ้ งการ มี ผลประโยชนใ์ นลกั ษณะใดๆ เหมือนๆ กนั รวมตวั กันโดยมกี ารจัดองคก์ ารอยา่ งเปน็ ระบบ กลมุ่ ผลประโยชน์นจี้ ะทำ หน้าท่ใี นการรักษาผลประโยชนข์ องกลุ่ม โดยการเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนนิ การสนองตอบต่อความต้องการของ กล่มุ เช่น กรรมการรวมตวั กันจดั ตง้ั สหภาพแรงงานขึ้น และใช้สหภาพแรงงานเป็นฐานในการเรียกรอ้ งใหร้ ัฐบาล ประกันค่าจ้างขนั้ ตำ่ ในอตั ราทกี่ ำหนด ตวั อย่างของกล่มุ ผลประโยชนโ์ ดยทว่ั ไปมกั รวมตวั กันเปน็ องคก์ รต่างๆ เช่น สโมสร สมาคม ชมรม กลุ่มอาชพี ฯลฯ ทั่งนี้ยอมแตกตา่ งไปในแตล่ ะประเทศ ซง่ึ ขนึ้ อยูก่ บั ระบบการเมอื ง การปกครอง สภาพแวดล้อม ทางวฒั นธรรม สงั คม และเศรษฐกจิ แต่ละกลุ่มผลประโยชนข์ องทกุ สงั คมมักมคี วามคล้ายคลงึ กันในเรอื่ งตอ่ ไปน้ี 1.ความพยายามท่ีจะมอี ทิ ธิพลต่อเจ้าหนา้ ที่ของรฐั 2.ความมงุ่ หมายที่จะเข้าถงึ หนว่ ยงานทีก่ ำหนดนโยบายของรัฐ 3.การใช้โอกาส และวิธกี ารเทา่ ที่จะดำเนนิ การไดเ้ พอ่ื ทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ เช่น การเรียกร้อง การบริการและสวัสดิการ การคัดค้านนโยบายบางอย่าง การเข้าไปแทรกแซงในการแกไ้ ขปัญหา เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง กล่มุ ผลประโยชนท์ ี่มีความสำคญั ทางการเมอื ง คือ ความสามารถในการรวบรวม ประชาชนให้เป็นปกึ แผ่นได้ และเป็นตัวกระตุน้ ให้บุคคลไดค้ ำนงึ ถงึ ประโยชนอ์ นั เปน็ พลังทีท่ ำให้เกิดความสำนึก ทางการเมือง และเสรมิ สร้างพฒั นาการทางการเมืองให้มีความกา้ วหน้ามัน่ คงในประเทศประชาธิปไตยน้นั รัฐจะให้ เสรภี าพกบั ประชาชนในการจัดตง้ั กลมุ่ สมาคม ประเทศประชาธิปไตยท่ีมีการพฒั นาเศรษฐกิจสงั คมย่ิง เจรญิ กา้ วหนา้ มาก กลมุ่ องค์กร หรือสมาคมทีเ่ กิดจากการรวมตวั กันของประชาชนกจ็ ะมากตามไปด้วย แต่ละกล่มุ ตา่ งก็มีผลประโยชนท์ เี่ ปน็ ตัวของตนเอง และต่างก็จะพยายามเรียกรอ้ งให้รัฐบาลสนองตอบต่อความต้องการของ กลุ่ม รฐั บาลในฐานะผู้ใชอ้ ำนาจบริหารจงึ จำเป็นตอ้ งรับฟังขอ้ เรียกร้องของประชาชน และจำเปน็ ตอ้ งปรับปรุง กลไกทางการบริหารให้มปี ระสิทธิภาพพร้อมท่ีจะสนองตอบต่อข้อเรยี กร้องได้อย่างเหมาะสม 2.การเขา้ มีส่วนรว่ มในพรรคการเมอื ง พรรคการเมอื ง คอื กลุ่มบคุ คลทม่ี อี ุดมการณ์และนโยบาย ทางการเมืองสอดคล้องกนั รวมตัวกันโดยมีจดุ มุ่งหมายท่ีจะเข้าไปมบี ทบาททางการเมือง นำเอานโยบายไปปฏบิ ัติ หรอื เพ่ือที่จะจัดต้ังรฐั บาล การาเขา้ มีส่วนรว่ มทางการเมืองของประชาชนโดยการสมคั รเปน็ สมาชิกของพรรค การเมืองใดๆ ทีเ่ ชอ่ื ว่ามีแนวนโยบายตรงกับความตอ้ งการของตนมากที่สดุ การช่วยพรรคการเมืองในการรณรงค์ หาเสยี งหรือการโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ ตลอดจนการสมัครเขา้ รบั การเลือกตัง้ โดยสังกัดพรรคการเมืองใดๆ น้นั ถอื ไดว้ ่าเป็นพฤติกรรมที่จำเป็นยง่ิ ของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบบ การปกครองของประชาชนและโดย ประชาชน ถา้ พรรคการเมืองท่ีสงั กัดไมท่ ำตามนโยบายทป่ี ระกาศไว้ สมาชกิ ก็อาจถอนตัวไปให้การสนบั สนุนพรร การเมืองอ่ืนทีป่ ระชาชนไม่ศรทั ธา พรรคการเมอื งนน้ั ก็จะไมอ่ าจดำรงอยูไ่ ด้ 3.การาเขา้ มีสว่ นร่วมในการเลอื กตง้ั การเลือกตงั้ หมายถึง กระบวนการทปี่ ระชาชนเลือกบคุ คล หือ กลุม่ บุคคลเพื่อเข้าไปเป็นตวั แทนรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เมอ่ื ยอมรับกนั ว่าประชาธิปไตยเป็นการ ปกครองของประชาชน อำนาจสูงสดุ ในการปกครองประเทศเป็นของประชาชน รปู ธรรมของแนวคดิ น้อี าจเห็นได้ จากการที่ประชาชนใช้สิทธิของตนเลอื กตัวแทนหรอื การผา่ นทางกระบวนการเลอื กตัง้ สิทธิในการเลอื กตง้ั จงึ เป็น สิทธิขน้ั พื้นฐานทบ่ี ุคคลแต่ละคน จะพึงไดร้ ับในระบอบประชาธปิ ไตย แต่ประเทศท่ีเปิดโอกาสให้ประชาชนไปใช้ สทิ ธใิ นการเลือกต้งั กห็ าได้หมายความว่า ประเทศนั้นจะเป็นประชาธิปไตย การเลือกต้งั ในระบอบประชาธิปไตย นั้นจะตอ้ งต้ังอยบู่ นหลักการท่ีสำคญั 6 ประการ คือ 1) หลกั การเลอื กตง้ั โดยอิสระ จะต้องใหบ้ ุคคลผู้ใช้สิทธิมโี อกาสใช้ดุลยพินจิ เลือกผู้สมัครใดๆ อยา่ งเต็มที่ ไม่มกี ารกระทำในลกั ษณะของการขม่ ขบู่ ังคบั จ้างวานหรือใช้อิทธิพลบบี คน้ั ใหบ้ ุคคลไปใชส้ ิทธเิ ลือก ผสู้ มคั รคนใดคนหนึง่ 2) หลกั การเลือกตงั้ โดยลบั หมายความว่าผูใ้ ชส้ ิทธลิ งคะแนนเสียงเท่านั้นท่จี ะร้วู ่าลงคะแนนให้ ผ้สู มัครคนใด หลกั การน้จี ะชว่ ยสนบั สนนุ หลักการแรก เปน็ การเปิดโอกาสไม่ให้มีการขม่ ขู่บงั คบั ในการเลือกต้ัง
เพราะจะไมม่ ใี ครทราบนอกจากผู้ไปใช้สทิ ธิเอง แม้จะมีการข่มขบู่ ังคับเกดิ ขึน้ บ้าง แต่ก็ไร้ผลทางการเมอื ง เพราะจะ ไมอ่ าจหาหลกั ฐานใดๆ มาพสิ จู น์ได้วา่ ผ้ทู ่ีถกู ข่มขู่ไดล้ งคะแนนเสียงไปตามนัน้ หรือไม่ 3) หลักการเลอื กตง้ั อยา่ งแทจ้ ริง การเลือกต้งั ในระบอบประชาธิปไตยนนั้ จะตอ้ งเปดิ โอกาสให้มี ผู้สมัครเขา้ รับการเลือกตง้ั อย่างกวา้ งขวาง เมอ่ื มีผสู้ มัครมากกเ็ ท่ากบั เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมตี วั เลอื กที่ หลากหลาย ผู้สมัครต่างก็มีแนวคดิ มีนโยบาย ตลอดจนแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดนิ ทเี่ ปน็ ของตนเอง ประชาชนก็จะมโี อกาสเลือกผูแ้ ทนท่ตี รงกับเจตนารมณ์ของตนมากท่ีสุดเข้าไปเป็นปากเสียงแทนตนเองได้ นอกจากนี้การเลือกต้งั ท่แี ทจ้ ริงยังต้องคำนึงถงึ ความบริสุทธิ์ยตุ ิธรรม จะตอ้ งไมม่ ีการโกงการเลือกตัง้ เกิดข้นึ ไม่วา่ จะ อย่ใู นรปู แบบใดๆดว้ ย 4) หลกั การเลือกต้งั ในระยะเวลาที่กำหนด หมายถงึ วาระการดำรงตำแหนง่ ของผทู้ ีไ่ ด้รบั การ เลือกตงั้ ไปทำหน้าท่เี ปน็ ผู้แทนปวงชนนนั้ จะต้องแน่นอน เช่น 4 ปี ทัง้ นกี้ เ็ พ่อื เปดิ โอกาสให้ประชาชนในฐานะ เจ้าของอำนาจไดต้ รวจสอบและประเมนิ การทำงานของผู้แทนของตนวา่ มผี ลงานมากนอ้ ยเพยี งไร สอนงตอบตอ่ เจตนารมณข์ องพวกเขาไดม้ ากน้อยเพียงใด ทง้ั นีจ้ ะช่วยกระตุ้นใหผ้ แู้ ทนกระตือรือรน้ ทจี่ ะปฏิบตั หิ นา้ ท่ี โดย รบั ผดิ ชอบตอ่ ประชาชนเจ้าของประเทศอยา่ งเตม็ ความสามารถ 5) หลกั ความเสมอภาค หมายความวา่ คะแนนเสยี งของประชาชนท่ไี ปใช้สิทธใิ นการเลือกตงั้ นนั้ ทกุ คนจะมีคา่ เทา่ กบั หนึง่ หรือ หนึง่ คนหนึ่งเสียง เท่ากันหมดไม่วา่ จะยากดีมีจนหรือมตี ำแหนง่ ระดบั ใด จะไมม่ ีใคร ทีม่ อี ภิสิทธิ์เหนอื บุคคลอืน่ ๆ 6) หลักการให้สิทธทิ ่วั ถว้ น หมายความ การเลอื กตัง้ ท่ีเปน็ ประชาธิปไตยนนั้ จะต้องไม่มีการจำกัด เพศ ไม่วา่ เพศชายหรือหญิงต่างมคี วามเทา่ เทยี มกันในสทิ ธิทางการเมอื ง และรฐั ประชาธิปไตยจะต้องอำนวยความ สะดวกใหแ้ ก่ผมู้ ีสิทธสิ ามารถไปใช้สทิ ธิของตนเองได้ เชน่ จัดให้มีหน่วยเลอื กต้ังอย่างท่ัวถึงทกุ เขต มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรูแ้ ละเข้าใจถึงวนั เวลา หลักเกณฑ์ และวิธีการในการเลอื กตงั้ ในประเทศ ประชาธปิ ไตยบางประเทศยนิ ยอมให้มีการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีได้ด้วย 4.การเข้ามสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็ ปละวิพากษ์วิจารณรฐั บาล ในประเทศประชาธิปไตย รัฐบาลจะตอ้ งรับฟงั ความคดิ เหน็ ซึ่งเปน็ ความตอ้ งการของประชาชน รัฐบาลถือเปน็ ตวั แทนของประชาชนทีเ่ ข้าไปใช้อำนาจในการบริหารราชแผ่นดินเพอื่ บำบดั ทุกข์ บำรุงสุขใหก้ บั ประชาชน การบริหารงานของรัฐบาล จงึ สง่ ผลโดยตรงต่อประชาชน การกระทำการบางอย่างของขา้ ราชการใน ฐานะทเี่ ป็นผู้นำเอานโยบายของรฐั บาลไปปฏิบัติอาจไม่เป็นไปตามเปา้ หมาย หรือแม้แต่นโยบายเองอาจก่อใหเ้ กดิ ผลเสียต่อการดำรงชีวติ ตามปกติของบุคคลบางคนบางกลมุ่ คน เหล่านใี้ นฐานะเจ้าของประเทศต่างมีสิทธิท่จี ะแสดง ความคดิ เหน็ วพิ ากษ์วจิ ารณ์รฐั บาลได้ ปจั จัยท่ีเอ้ือตอ่ ระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบประชาธิปไตยไม่อาจดำรงอยู่ไดด้วยตวั ของมนั เอง จงึ จำเป็นตอ้ งมีปจั จยั อื่นๆ ท่ีจะเป็นตวั คอยใหก้ ารสนบั สนุนหรือชว่ ยให้ระบอบน้ีดำรงอยู่ไดอ้ ยา่ งมีเสถยี รภาพ 1.ระดบั การศึกษาของประชาชน เป็นปัจจัยหนง่ึ ท่ีเอ้อื ตอ่ ระบอบประชาธปิ ไตย คือ ในเม่อื คนในสังคม ได้รับการศกึ ษาดี มีเหตผุ ล มกั จะตดิ ตามข่าวสารทางการเมอื ง มคี วามสนใจทางการเมอื งและมคี วามรู้ความเขา้ ใจ วา่ ตนเองเปน็ สมาชิกคนหนง่ึ ของสังคม นโยบายใดๆทส่ี ังคมออกมาก็ย่อมท่จี ะมีผลกระทบตอ่ เขาโดยตรง จึงเปน็ สาเหตุหน่ึงท่ที ำให้ผทู้ ีไ่ ดร้ บั การศกึ ษาดีมักจะเขา้ ไปมีส่วนร่วมทางการเมืองไมท่ างใดก็ทางหนงึ่ 2.การพัฒนาเศรษฐกิจ จะพบวา่ ประเทศพฒั นานั้นจะมรี ะดบั ของความเสมอภาคทางเศรษฐกิจสงู กวา่ ประเทศดว้ ยพัฒนาท่ัวไป นอกจากนี้ยงั เป็นผลใหส้ ังคมมีสวัสดิการต่างๆที่ดี เช่น การศกึ ษา การรกั ษาพยาบาล ฯลฯ นอกจากเศรษฐกจิ ที่ดีมั่นคงจะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้ามีส่วนรว่ มทางการเมอื งดว้ ยความสมคั รใจ ไม่ ตกอยู่ภายใต้อิทธพิ ลหรือการถกู ชักจูง ขู่เข็ญใดๆ และยังมผี ลให้ระบอบประชาธปิ ไตย ดำเนนิ ไปดว้ ยดี และมี เสถยี รภาพดว้ ย 3.บุคลิกภาพแบบประชาธิปไตย เป็นปจั จัยหน่งึ ท่ีจะส่งผลให้ระบอบประชาธปิ ไตยยั่งยืนอยไู่ ด้
ลักษณะของบุคลกิ ภาพเหลา่ น้คี ือความสนใจทีจ่ ะมตี ่อกจิ การบา้ นเมือง เมอื่ สนใจแล้วกม็ คี วามกระตอื รือร้นท่จี ะ ติดตามความเป็นไป มกี ารถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตผุ ล ไรอ้ คติ และท่ีสำคัญได้แก่ การเขา้ มีสว่ นรว่ ม ทางการเมืองโดยถอื เสมอื นวา่ เป็นหน้าท่ีท่ตี นจะต้องทำ หรอื ที่ตนจะต้องรับผดิ ชอบในฐานะสมาชิกผหู้ นึง่ ของสงั คม 4.เสถียรภาพของสถาบนั ทางการเมือง มีส่วนชว่ ยใหร้ ะบอบประชาธปิ ไตยก้าวหน้าม่นั คงด้วย นัน่ คือ เม่ือสถาบันหรอื องคก์ รทางการเมืองเป็นทยี่ อมรบั ของประชาชน ประชาชนก็จะมีความศรัทธา และจะเข้าไปเปน็ สมาชกิ หรือเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มมากขึน้ เชน่ เมื่อพรรคการเมอื งมัน่ คงสามารถแสดงออกซ่งึ เจตนาของสมาชิกไดอ้ ย่าง แจ่มชัด นโยบายท่ีออกมาก็ได้รับการเช่อื ถอื และนำมาปฏิบตั ิ ประชาชนจะมคี วามศรัทธาพรรคการเมืองน้นั และ เข้ามาเปน็ สมาชกิ เพ่ิมขึน้ ซึ่งกเ็ ท่ากบั เป็นการเกอื้ กลู ใหร้ ะบอบประชาธปิ ไตยมเี สถยี รภาพย่งิ ขึ้นดว้ ย 5.พัฒนาการทางการปกครองและการบริหาร ปัจจยั หนง่ึ ทเี่ อ้ือต่อระบอบประชาธปิ ไตย คือการ ปกครองและการบรหิ ารต้องมีประสทิ ธภิ าพและตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของประชาชน นโยบายของรัฐบาลตรง ตามเจตนารมณแ์ ละมีผลดีตอ่ ประชาชน คอื ประชาชนไดม้ ีโอกาส ได้มีส่วนร่วมและไดร้ ับประโยชนจ์ ากการ ดำเนนิ งานอยา่ งท่ัวถงึ สง่ ผลใหป้ ระชาชนเข้าใจศรัทธาและยดึ มน่ั การเมืองระบอบประชาธิปไตยเพ่ิมขึ้น เจา้ ของมี ส่วนรว่ มสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ ความม่ันคงทางการเมืองมากขึน้ ไปดว้ ย คณุ คา่ ของประชาธปิ ไตย 1.คุณคา่ ต่อบุคคล ระบอบน้ีให้คุณค่าแก่บุคคล โดยมองวา่ บุคคลมีเสรภี าพและเทา่ เทยี มในศกั ดิศ์ รี และความเป็นคน การที่คนจะมเี สรีภาพได้อยา่ งแท้จรงิ หมายความว่า คนจะตอ้ งไมต่ กอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ของ ผอู้ ่นื เพราะประชาธปิ ไตยเป็นรูปแบบของการปกครองท่ียึดถือว่า อำนาจอธิปไตยเปน็ ของประชาชน และ ประชาชนเป็นผูป้ กครองเอง การทป่ี ระชาชนจะปกครองตนเองไดจ้ ะต้องมีเสรภี าพอย่างแทจ้ รงิ ประชาธปิ ไตย ยอมรบั ในคณุ ค่าของบุคคล โดยให้เสรภี าพทางการเมืองและเสรีภาพในการพูด เขยี นและวพิ ากษว์ จิ ารณ์ดว้ ย เสรภี าพในทางการเมอื ง ไดแ้ ก่ เสรภี าพในการเลือกผู้แทนเพื่อทจี่ ะะไปทำหน้าทหี่ รือแสดงเจตนารมณ์แทนปวงชน และมีความเท่าเทยี มกัน คือ ประชาชนแต่ละคนต่างมคี ะแนนเสยี ง 1 เสียงไมว่ ่าจะเป็นเศรษฐีหรอื ยาจก สว่ น เสรภี าพในการพดู เช่น วพิ ากษ์วิจารณน์ นั้ เปน็ สง่ิ ควบคกู่ ับเสรภี าพทางการเมอื ง คอื ถ้ารฐั บาลให้เสรภี าพแก่ ประชาชนในการเลือกต้งั แต่ไมใ่ ห้ประชาชนพูด เขยี นหรือวิพากษ์วิจารณโ์ ดยเสรีแลว้ ประชาชนกจ็ ะไมม่ โี อกาสได้ แสดงออกให้รฐั บาลหรือรัฐสภาได้ทราบความตอ้ งการของประชาชน เมอื่ เป็นเชน่ น้ปี ระชาธิปไตยจะไรค้ วามหมาย เสรีภาพในการพดู การเขยี นและการวพิ ากษว์ ิจารณ์นหี้ มายรวมถงึ การท่ีรฐั เปิดช่องทางให้ประชาชนได้แสดงออก ซง่ึ ความคิดเหน็ ในด้านตา่ งๆตอ่ นโยบาย ตลอดจนการดำเนินงานของรฐั อีกดว้ ย เป็นตวั ควบคมุ หรอื ตัวกระต้นุ อย่าง หนง่ึ ที่จะทำให้การดำเนนิ งานได้ทำไปเพอ่ื ผลประโยชนข์ องส่วนรวมจรงิ ๆ มากกวา่ ทจี่ ะการะทำเพอ่ื ผลประโยชน์ คนบางคนบางกลมุ่ 2.คุณคา่ ต่อสังคม สงั คมประชาธปิ ไตยน้ันเป็นสงั คมทีเ่ ชอื่ ม่ันในศกั ด์ศิ รีของเพือ่ นมนษุ ยม์ คี วาม ไวว้ างใจซง่ึ กนั และกัน ประชาชนเปน็ ผูม้ ีเหตุผล รู้จกั คิดอย่างมีวิจารณญาณ มคี วามเตม็ ใจท่ีจะประนีประนอมผ่อน ปรนให้กนั และกนั มนี ้ำเปน็ นกั กีฬา และพรอ้ มทจ่ี ะยอมรับการเปล่ียนแปลงเสมอ สงั คมท่ปี ระกอบไปดว้ ยบคุ คลท่ี มีวถิ ชี วี ติ แบบประชาธิปไตย จงึ ไดช้ ่อื ว่าเปน็ สังคมทมี่ คี ณุ ค่า เปน็ สงั คมท่มี นี า่ อยูอ่ าศยั ข้อดแี ละข้อเสยี ของประชาธปิ ไตย ขอ้ ดี 1.ประชาชนมีสทิ ธิ เสรีภาพและเสมอภาค ประชาชนทุกคนมีสิทธแิ ห่งความเป็นคนเหมือนกันไมว่ า่ ยากดีมจี น เชน่ สิทธิในรา่ งกาย สิทธิในทรพั ย์สิน ทกุ คนมีเสรภี าพในการกระทำใดๆ ไดห้ ากเสรีภาพน้ันไมล่ ะเมิด สิทธิเสรภี าพของผอู้ ื่น เช่น เสรีภาพในการนับถอื ศาสนา เสรภี าพในการพดู การเขยี น การวพิ ากษว์ ิจารณ์ และทุก คนมคี วามเสมอภาค หรอื เทา่ เทียมกันทจ่ี ะได้รับการคุม้ ครองโดยกฎหมาย มคี วามเสมอภาคในการประกอบอาชพี เป็นตน้ 2.ประชาชนปกครองตนเอง ประชาชนสามารถเลือกตวั แทนไปใชอ้ ำนาจนติ ิบัญญตั ใิ นการออก กฎหมายมาใช้ปกครองตนเอง และเปน็ รฐั บาลเพอื่ ใชอ้ ำนาจบริหาร ซ่งึ สามารถสนองตอบความต้องการของ
ประชาชนส่วนรวมไดด้ ี เพราะผู้บรหิ ารท่เี ป็นตัวแทนของปวงชนยอ่ มรคู้ วามตอ้ งการของประชาชนไดด้ ี 3.ประเทศมคี วามเจรญิ มนั่ คง การมีสว่ นร่วมในการปกครองตนเองทำใหป้ ระชาชนมีความพรอ้ ม เพรียงในการปฏบิ ัตติ ามกฎ และระเบียบท่ีตนกำหนดข้ึนมายอมรับในคณะผบู้ รหิ ารที่ตนเลอื กขนึ้ มาและประชาชน ไมม่ คี วามร้ตู ่อตา้ น ทำใหป้ ระเทศมีความสงบสขุ เจรญิ ก้าวหน้าและมน่ั คง ขอ้ เสยี 1.ดำเนินการยาก ระบอบประชาธิปไตยเปน็ หลกั การปกครองท่ดี ี แตก่ ารทจ่ี ดั สรรผลประโยชน์ตรง กับความตอ้ งการประชาชนทกุ คนย่อมทำไม่ได้ นอกจากนัน้ ยังเป็นการยากทจ่ี ะให้ประชาชนทกุ คนมีความร้คู วาม เข้าใจและปฏบิ ัติตามสิทธิ เสรภี าพทุกประการ ทัง้ น้ีเพราะวสิ ยั ของมนษุ ยย์ อ่ มมีความเหน็ แก่ตัว เห็นแกไ่ ด้ การ ดำเนนิ ชีวิตของมนษุ ย์ในสังคมจงึ มีการกระทบกระทง่ั และละเมดิ สิทธเิ สรีภาพของผูอ้ ่ืนได้ 2.เสยี คา่ ใช้จ่ายสูง การปกครองระบอบประชาธิปไตย จำเปน็ ตอ้ งใหป้ ระชาชนไปใช้สทิ ธเิ ลอื กตง้ั ผู้แทน เพือ่ ให้ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีแทนตน การเลือกต้ังในแตล่ ะระดบั ต่างตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยมาก ทงั่ งบประมาณดำเนินงาน ชองทางราชการและคา่ ใชจ้ ่ายของผสู้ มัครรับเลอื กตัง้ 3.มีความล่าชา้ ในการตดั สนิ ใจ การตัดสนิ ใจในระบอบประชาธิปไตยตอ้ งใช้เสยี งส่วนใหญ่ โดยผ่าน ข้ันตอนการอภปิ ราย แสดงเหตุผลและมติท่ีมีเหตุผลเปน็ ที่ยอมรับของสมาชิกส่วนใหญ่ จงึ ต้องดำเนินตามข้นั ตอน ทำใหเ้ กิดความลา่ ช้า เช่น การตรากฎหมาย ตอ้ งดำเนินการตามลำดับขน้ั ตอนของวาระ อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรอื บางฉบับต้องใช้เวลาเปน็ ปี จงึ จะตราออกมาเปน็ กฎหมายได้
บทท่ี 2 การเลือกตัง้ การเลอื กตงั้ ส.ว. ประเทศไทยเปน็ ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ พระประมขุ หลักการสำคญั ของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย คือ ประชาชนทกุ คนเปน็ เจ้าของอำนาจในการปกครอง บรหิ ารประเทศ แตก่ ารจะให้ ประชาชนทง้ั ประทศเขา้ ประชมุ พร้อมกนั เพอื่ กล่นั กรองกฎหมายและควบคมุ การทำงานของรัฐบาลยอ่ มทำไม่ได้ จงึ ตอ้ งเลือกสมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว.) เป็นผูแ้ ทนของเราไป ทำหน้าท่แี ทน หลกั การสำคญั ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จงึ เป็นการปกครองโดยประชาชน แต่ ประชาชนได้มอบอำนาจให้ตัวแทนของ ตนหรอื ส.ว.ที่เลือกเข้าไปไดใ้ ชอ้ ำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย และควบคุมทำงานของรัฐบาล ทำไมตอ้ งไปเลอื กต้งั การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองทอี่ ำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนโดย ประชาชนเพ่อื ประชาชน แท้จริงแลว้ ประชาชนจะต้องปกครองกนั เอง ออกกฎหมายเอง บรหิ ารเอง แตป่ ระชาชนมีจำนวนมากไมส่ ามารถหาสถานที่ และเวลาในการประชุมหารือกัน ได้ จึงตอ้ งมีการเลอื กตงั้ มอบอำนาจให้บคุ คลหรอื คณะบุคคลไปทำหนา้ ทแ่ี ทนตน การมอบอำนาจหรอื การเลือกต้ัง ของแตล่ ะประเทศแตกต่างกนั บางประเทศมอบอำนาจให้แก่ผู้ท่จี ะไปทำหน้าท่แี ทนตน แต่บางประเทศมอบอำนาจให้บางสว่ น รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มอบอำนาจใหบ้ ุคคลหรือคณะบคุ คลเพียงบางสว่ น ประชาชนยงั มีชอ่ งทางแห่งอำนาจที่จะเสนอกฎหมายได้ โดยตรง ดงั นัน้ การมอบอำนาจให้ใครกต็ ามทำหน้าทีแ่ ทนเราจะต้องมอบด้วยความระมดั ระวัง เพราะ ผลกระทบจากการท่เี ราใช้อำนาจในทาง ท่ผี ดิ หรือใชไ้ มเ้ กิดประสทิ ธิภาพจะส่งผลตอ่ ตวั เรา ครอบครัว และสงั คมอยา่ งหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยปี พ.ศ.2540 กำหนดใหก้ ารเลอื กต้ังเปน็ หน้าท่ีของคนไทย ทกุ คนท่เี ราตอ้ งใช้ สิทธลิ งคะแนนในการเลือก ผูแ้ ทนเข้าไปทำหนา้ ท่ีปกครองผลประโยชนแ์ ละดูแลทกุ ข์สุขของประชาชน
หน้าท่ขี องปวงชนชาวไทย การไปเลือกตัง้ เป็นความรบั ผิดชอบต่อบ้านเมือง ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยถือวา่ การ เลอื กตง้ั เป็นเร่อื งสำคัญที่สดุ เพื่อ ใหไ้ ด้ตัวแทนทต่ี นตอ้ งการ นอกจากนก้ี ฎหมายยงั กำหนดให้การไปใช้สิทธเิ ลือกตัง้ เปน็ หน้าทข่ี องทกุ คน ถา้ ไมไ่ ป โดยไม่แจง้ เหตกุ ็จะทำให้เสีย สิทธิตามทกี่ ฎหมายกำหนด ดงั น้ี สทิ ธทิ เี่ สียไปหากไม่ไปเลอื กตั้ง ส.ว. ผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกต้งั จะเสยี สิทธิการเมือง 8 ประการดงั น้ี ในทางทจุ ริต • เสยี สทิ ธิสมคั รรับเลอื กตั้ง ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาทอ้ งถิน่ และผูบ้ ริหารทอ้ งถิ่น ท้องถิน่ • เสยี สิทธิสมัครรับเลอื กเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บา้ น • เสียสิทธริ ้องคดั ค้านการเลอื กตั้ง ส.ส. ส.ว. สมาชกิ สภาท้องถิน่ และผู้บริหารทอ้ งถ่ิน • เสยี สิทธิร้องคดั ค้านการเลอื กกำนนั ผูใ้ หญ่บ้าน ถ้าเห็นวา่ การเลอื กไม่สุจริต • เสียสทิ ธิเข้าชื่อร้องขอเพอ่ื ใหร้ ัฐสภาพิจารณากฎหมาย • เสยี สิทธเิ ขา้ ชื่อรอ้ งขอเพ่อื ให้ ส.ว. มีมตถิ อดถอนบุคคลในตำแหน่งสำคัญ ทม่ี พี ฤตกิ ารณส์ อ่ ไป • เสยี สทิ ธเิ ขา้ ชือ่ ขอให้สภาทอ้ งถน่ิ เชน่ สภา อบต. สภาเทศบาล พิจารณาออกข้อบัญญัติ • เสียสิทธิเข้าชื่อรอ้ งขอใหถ้ อดถอนสมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรอื ผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ สิทธิตา่ ง ๆ ท่ีเสยี ไปจะกลบั คืนมา เมื่อได้ไปใช้สทิ ธิในการเลือกตั้ง ส.ส.หรือ ส.ว. ครั้งต่อไป การแจง้ เหตไุ มส่ ามารถไปใชส้ ทิ ธิเลือกตั้ง กรณที ม่ี เี หตุจำเปน็ ทำให้ไปเลอื กตง้ั ไม่ได้ เชน่ มธี ุระจำเปน็ เร่งดว่ นสำคญั ตอ้ งเดนิ ทางไปพ้นื ท่ี หา่ งไกลจากท่ีเลือกตง้ั หรอื อาศยั อยู่ ไกลจากหนว่ ยเลือกตงั้ เกินกวา่ 100 กโิ ลเมตร และไม่สามารถไปใช้สิทธิ เลือกตั้งในวันเลือกตั้งได้ หรอื เจ็บป่วย พิการ สูงอายุ จนทำให้ไมอ่ าจ เดนิ ทางไปใช้สิทธิเลือกตัง้ ได้ ขอให้แจ้ง เหตผุ ลตามแบบ ส.ว.30ได้ท่นี ายอำเภอ ปลดั เทศบาลหรอื ผอ.เขตของ กทม. ดว้ ยตนเองหรือมอบหมาย ผู้อนื่ ไป ยน่ื แทนหรอื สง่ ทางไปรษณยี ล์ งทะเบียน สำหรบั ผู้ทไ่ี มไ่ ดแ้ จ้ง ให้ตรวจสอบรายชอ่ื ผูไ้ ม่ไปเลอื กตง้ั ไดท้ ่ที ี่ทำการผู้ใหญบ่ ้าน อบต. ฯลฯ หากมี รายชอื่ ก็ให้แจ้งเหตุอกี คร้งั ภายใน 30 วัน มิฉะนนั้ ท่านจะเสียสิทธิ 8 ประการ
ความสำคัญของสมาชกิ วุฒสิ ภา สมาชกิ วุฒิสภาเปน็ ผู้แทนของประชาชนในวฒุ สิ ภาเพ่ือใชอ้ ำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย การ ควบคุมการทำงานของรัฐและเปน็ ผคู้ ัดเลือกและถอดถอนคนไปดำรงตำแหน่งหรือออกตำแหนง่ ในองค์กรอสิ ระทกี่ ำหนดไว้ในรฐั ธรรมนูญ ท่วั ประเทศมี ส.ว. ได้ 200 คน แบง่ กนั ไปตามจังหวัดต่างๆตามจำนวนประชากร มีวาระการดำรง ตำแหน่งครงั้ ละ 6 ปี ไม่มกี ารยบุ สภา เหมอื นส.ส. ถ้าได้เปน็ ส.ว. แลว้ จะเป็นสองสมยั ติดต่อกันไมไ่ ด้ ตอ้ งเวน้ ระยะเวลา 6 ปี จงึ จะสมัครใหมไ่ ด้ การท่ี ส.ว. ตอ้ งไปทำหนา้ ท่ีสำคัญท้ังกลน่ั กรอง-คดั เลือก-ตรวจสอบ และถอดถอน เช่นนจ้ี งึ มขี ้อห้าม สำหรบั ส.ว. หลายประการ เชน่ - หา้ มเป็นสมาชกิ พรรคการเมอื ง เพราะตอ้ งทำหน้าที่อย่างอสิ ระ และต้องตรวจสอบการทำงาน ของนักการเมือง รวมทั้งถอดถอน นกั การเมืองทท่ี ุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบไว้ดว้ ย ดังน้ัน จึงตอ้ งไม่เกย่ี วข้องกับพรรคการเมือง และหา้ มพรรค การเมืองสนบั สนนุ - หา้ มผู้สมคั รหรือผู้ใดหาเสยี ง (ผใู้ ด หมายถงึ ผใู้ กล้ชิด เพอื่ น ญาติพ่ีนอ้ ง หรอื หัวคะแนนของ ผสู้ มคั ร) ผู้สมคั รควรเปน็ ที่รจู้ กั และ ได้รบั ความศรัทธาจากประชาชนวา่ มีคณุ ธรรม ซ่ือสัตย์ สจุ รติ มีผลงานในอดีต ทีเ่ ดน่ ชดั สามารถไปทำหน้าที่ถอดถอนคนไมด่ อี อกจากตำแหน่ง ไปกลัน่ กรองกฎหมาย จึงไม่ต้องโฆษณาหาเสยี ง เหตุผลท่หี า้ มหาเสียงอกี ประการหนึ่งก็คือ ไม่ต้องการให้ผู้สมัครไปขอรบั การสนับสนุน จากพรรคการเมืองหรอื บคุ คลใดอันอาจทำให้ ส.ว. ตอ้ งอยู่ภายใต้อทิ ธพิ ลของพรรคการเมอื งหรอื บุคคลนัน้ และไมส่ ามารถทำหนา้ ทไี่ ด้ อย่างอิสระ ดังน้นั พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิก วฒุ ิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 91 จึงห้ามมิให้ผู้สมคั รรับเลอื กตงั้ เปน็ สมาชิกวฒุ ิสภาหรือบคุ คลใดดำเนินการหาเสียง เลือกตัง้ เวน้ แตก่ าร แนะนำตัว ผู้สมคั รเท่านนั้ ประชากร ผ้มู ีสทิ ธิเลือกต้งั แตล่ ะคนจะเลือก ส.ว.ได้เพยี ง 1 คน หรอื ประทบั ตราเคร่อื งหมายกากบาท ไดเ้ พยี ง 1 ครงั้ เทา่ นั้น หน้าทข่ี อง ส.ว. มดี งั นี้ 1. กล่ันกรองกฎหมาย 2. ควบคมุ การบรหิ ารราชการแผ่นดิน โดยการต้งั กระทถู้ ามรัฐมนตรี หรือเปดิ อภปิ รายทัว่ ไปเพอื่ ให้ คณะรัฐมนตรแี ถลงขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ชี้แจงปญั หาโดยไมม่ ีการลงมติ ฯลฯ 3. เลือก แต่งต้งั ให้คำแนะนำ หรือใหค้ วามเห็นชอบใหบ้ ุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง ดังน้ี • ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตงั้ • ผู้ตรวจการแผ่นดินของรฐั สภา • ประธานกรรมการและกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ
• ประธานศาลรฐั ธรรมนญู และตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ • กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิในคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม • ประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการในศาลปกครองสงู สุด • กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิในคณะกรรมการตลุ าการศาลปกครอง • ประธานกรรมการและกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ และเลขาธกิ าร คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ • ประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน และผ้วู ่าการตรวจเงินแผ่นดนิ 4. วฒุ ิสภามหี น้าท่ีพิจารณาและมีมตใิ หถ้ อดถอน • นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี ส.ส. ส.ว. ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรฐั ธรรมนูญประธานศาล ปกครองสงู สดุ อยั การสูงสุด • กรรมการการเลือกตัง้ ผ้ตู รวจการแผ่นดินของรฐั สภา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการตรวจ เงินแผ่นดิน • ผ้พู พิ ากษาหรอื ตุลาการ พนกั งานอัยการ หรอื หัวหน้าสว่ นราชการระดับกรมหรอื เทยี บเท่า ออกจากตำแหนง่ ถา้ มพี ฤตกิ ารณ์ ร่ำรวยผิดปกตสิ ่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อวา่ กระทำผิดต่อตำแหน่งหนา้ ทร่ี าชการ สอ่ วา่ กระทำผดิ ต่อหนา้ ที่ในการยุตธิ รรม หรอื สอ่ ว่าจงใจใชอ้ ำนาจหน้าทีข่ ดั ต่อบทบัญญัตแิ ห่งรฐั ธรรมนูญหรอื กฎหมาย จำนวน ส.ว. ส.ว. ท้งั ประเทศมี 200 คน ใชจ้ ังหวดั เป็นเขตเลือกต้ัง จำนวน ส.ว. แต่ละจังหวัดข้นึ อยูก่ บั จำนวน ราษฎรของจังหวัดนัน้ ๆ โดยคำนวณ ดงั น้ี x (จำนวนราษฎร : ส.ว. 1 คน) = จำนวนราษฎรทัง้ ประเทศ/200 • จงั หวัดทม่ี ีราษฎรนอ้ ยกวา่ x จะมี ส.ว. ได้ 1 คน • สำหรับจังหวัดอ่นื ๆ ทม่ี รี าษฎรมากกว่า x นำ x ไปหารประชากร ดังนี้ ราษฎรของจังหวดั ใด/x = จำนวน ส.ว.ของ จังหวัดนนั้ + เศษ • เม่ือคำนวณทงั้ ประเทศแล้ว ยงั ได้ ส.ว. ไมค่ รบ 200 คนให้เพิ่มจำนวน ส.ว. แกจ่ ังหวัดที่มเี ศษสูงกวา่ ตามลำดับไปจนครบ 200 คน หมายเหตุ คำนวณจำนวนราษฎรต่อ ส.ว. 1 คน จากจำนวนราษฎรท้ังประเทศตามทะเบยี นราษฎรทั่วประเทศในปี สุดทา้ ยก่อนปีท่ีมีการเลอื กตงั้
คุณสมบตั ิของผสู้ มัคร ส.ว. • มีสญั ชาตไิ ทยโดยการเกิด • มีอายไุ ม่ต่ากว่า 40 ปี บริบูรณ์ในวันเลอื กตัง้ • จบการศกึ ษาไม่ตำ่ กวา่ ปริญญาตรี หรอื เทียบเท่า • ผู้สมคั รตอ้ งมีลกั ษณะเขา้ ขอ้ หน่ึงขอ้ ใด ดังน้ี • มีช่ืออยใู่ นทะเบยี นบ้านในจังหวัดที่สมัครเลือกตง้ั ไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมคั ร หรอื • เคยศึกษาในสถานศึกษาท่ตี งั้ อยู่ในจังหวัดท่สี มัครรับเลอื กต้ังติดตอ่ กันไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ปี การศึกษา หรอื • เคยรับราชการ หรือเคยมชี ่อื อยูใ่ นทะเบยี นบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลอื กตง้ั ตดิ ต่อกันไมน่ อ้ ยกว่า 2 ปี • เปน็ บุคคลท่เี กิดในจงั หวดั ที่สมัครรับเลือกต้ัง • ไมเ่ ป็นสมาชิกหรอื ดำรงตำแหนง่ ในพรรคการเมือง • เคยเปน็ ส.ส.จังหวัดที่สมัครรบั เลือกตั้งและพน้ จากการเป็นส.ส.มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 1 ปี นบั ถึงวัน สมคั ร หรือเคยเปน็ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ หรอื ผู้บรหิ ารทอ้ งถนิ่ ในจังหวัดนนั้ นอกจากน้ตี ้องไม่มลี กั ษณะตอ้ งหา้ มอีกหลายประการ ดงั น้ี • เปน็ สมาชกิ หรือผดู้ ำรงตำแหนง่ อน่ื ของพรรคการเมือง • เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร และพ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร มาแล้วยังไมเ่ กนิ 1 ปี นบั ถงึ วนั สมัครรบั เลอื กต้งั • เปน็ หรอื เคยเป็นสมาชิกวุฒสิ ภาตามรฐั ธรรมนญู พ.ศ.2540 ในอายขุ องวฒุ ิสภาคราวกอ่ นการสมคั ร รบั เลอื กตง้ั • ตดิ ยาเสพติดใหโ้ ทษ • เปน็ บุคคลล้มละลายซงึ่ ศาลยงั ไมส่ ่ังพ้นคดี • วิกลจริต หรอื จิตฟ่ันเฟือนไม่สมประกอบ • เป็นภกิ ษุ สามเณร นกั พรตหรอื นกั บวช • อยู่ในระหว่างถกู เพิกถอนสิทธิเลือกตงั้ • ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและคุมขัง • เคยตอ้ งคำพิพากษาให้จำคกุ ตั้งแต่ 2 ปขี น้ึ ไป โดยพ้นโทษมายังไมถ่ งึ 5 ปี ในวันเลือกตง้ั เว้นแตเ่ ป็น ความผดิ โดยประมาท • เคยถูกไลอ่ อก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ เพราะทุจรติ ตอ่ หนา้ ท่ี หรอื กระทำการทุจริต และประพฤติมชิ อบในวงราชการ • เคยตอ้ งคำพิพากษา หรือคำสงั่ ศาลใหท้ รัพย์สนิ ตกเปน็ ของแผน่ ดนิ เพราะร่ำรวยผิดปกติ • เป็นขา้ ราชการทีม่ ีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ นอกจากขา้ ราชการการเมอื ง • เป็นสมาชกิ สภาท้องถิ่น หรือผูบ้ รหิ ารทอ้ งถิน่ • เป็นพนกั งานหรือลกู จา้ งของหน่วยงานของรัฐ รฐั วสิ าหกิจหรือราชการสว่ นท้องถน่ิ หรือเปน็ เจ้าหน้าทอี่ ่ืนของรัฐ • เปน็ กรรมการการเลอื กตง้ั ผตู้ รวจการแผน่ ดินของรัฐสภา กรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชาติ ตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง กรรมการ ป.ป.ช. หรอื กรรมการตรวจเงินแผน่ ดนิ • อยู่ในระหว่างตอ้ งหา้ มมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมอื งเพราะจงใจไมย่ ื่นบญั ชที รัพยส์ ินและหน้ีสิน หรอื • เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งและยงั ไมพ่ น้ กำหนด 5 ปี นับแต่วนั มีมตจิ นถึงวัน เลือกตงั้ • เป็นผู้เสยี สิทธทิ างการเมอื ง การแนะนำตวั การแนะนำตวั กระทำได้ 2 วิธี คือ 1. การแนะนำตวั โดยการจดั พิมพ์เอกสารท่ผี ู้สมคั รหรอื บุคคลใดจดั พิมพ์ข้ึนตามหลกั เกณฑ์และวิธีการ ที่คณะกรรมการการเลือกตง้ั กำหนด (มาตรา 91) 2. การแนะนำตัวโดยหน่วยงานของรฐั (มาตรา 92 ) การแนะนำตวั นอกเหนือจากทง้ั 2 วธิ ขี ้างตน้ ไม่อาจกระทำได้ (ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา 129 ท่ี บัญญตั ิวา่ การแนะนำตัวผสู้ มคั รรับ เลอื กตั้งโดยผู้สมัครรับเลือกตง้ั หรือบคุ คลอนื่ จะกระทำไดเ้ ฉพาะเท่าท่ีมีบัญญตั ิ ไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการเลือกตงั้ สมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒสิ ภาเท่านั้น) การจดั พมิ พเ์ อกสารแนะนำตวั กฎหมายเลอื กตัง้ มาตรา 91 บัญญัตวิ ่า ห้ามมิให้ผู้สมัครรบั เลอื กตั้งเปน็ สมาชกิ วุฒิสภา หรือบุคคล ใดดำเนินการหาเสียงเลอื กตั้ง เว้น แตก่ ารแนะนำตัวผ้สู มัครและให้กระทำได้เฉพาะการจดั พิมพ์เอกสารเพ่อื แนะนำ ตัวผู้สมคั ร นอกจากนัน้ กกต.ได้ออกขอ้ กำหนดคณะกรรมการการเลือกตงั้ วา่ ด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการ แนะนำตัวของผู้สมัครรับเลอื กต้ังเป็น สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2548 มสี าระสำคญั ว่า การแนะนำตวั ของผสู้ มคั รในการเลือกต้ังแต่ละครัง้ ให้ทำไดเ้ ฉพาะการ จดั พิมพ์เอกสารเพอ่ื แนะนำ ตวั ผู้สมคั รตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี าร ต่อไปนี้ 1. แผ่นปลวิ หรือแผน่ พบั ขนาดไมเ่ กิน 32 x 46 ซม. จำนวนไมเ่ กนิ 2 เทา่ ของจำนวนผู้มีสทิ ธเิ ลอื กต้งั 2. แผน่ ประกาศหรือแผ่นป้าย ขนาดไมเ่ กนิ 45 x 65 ซม.จำนวนไมเ่ กนิ 20 เท่าของจำนวนหนว่ ย เลอื กตั้ง (หากนำแผน่ ปลวิ หรอื แผน่ พบั มาติดแทนใหน้ ับรวมดว้ ย) 3. เอกสารเปน็ รูปเลม่ ขนาดไมเ่ กนิ 21 x 30 ซม. จำนวนไม่เกินรอ้ ยละ 50 ของจำนวนผมู้ ีสทิ ธิ เลอื กต้ัง ดังนนั้ การจัดเผยแพร่ขอ้ มูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เชน่ การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต โทรศัพท์ SMS ฯลฯ ซง่ึ กำหนดขนาดและนับจำนวนไมไ่ ด้ จงึ ไม่สามารถกระทำได้
ขอ้ ความในเอกสาร เอกสารทจ่ี ดั พิมพด์ งั กลา่ ว ใหม้ ีขอ้ ความและขอ้ มลู ไดเ้ ฉพาะ 1. ประวตั สิ ว่ นตวั ของผู้สมัคร 2. ประวัตกิ ารศึกษาของผู้สมัคร 3. ประวตั ิการทำงานหรือประสบการณ์ในการทำงานของผู้สมัคร 4. มไี ด้เฉพาะภาพถา่ ยของผู้สมคั รและหมายเลขประจำตวั ผู้สมัครเทา่ น้นั ห้ามนำภาพถ่ายบุคคลอืน่ มาประกอบในเอกสาร หมายเหตุ เอกสารทุกฉบับ ต้องระบุชอ่ื ชอ่ื สกลุ ท่อี ยู่ของผูว้ า่ จ้าง ผู้พมิ พ์ และผูโ้ ฆษณาจำนวนท่ี พิมพ์ และวันเดือนปที ีพ่ มิ พ์ วิธกี ารแจกจ่ายเอกสาร ในการแจกจา่ ยเอกสารเพอ่ื แนะนำตวั ผู้สมัครสามารถกระทำได้ ดังน้ี 1. แจกจา่ ยให้แกป่ ระชาชนโดยตรง 2. แจกจ่ายโดยส่งทางไปรษณีย์ ข้อหา้ ม 1. ห้ามใชเ้ ครอื่ งขยายเสียง 2. ห้ามโปรยในทีส่ าธารณะ 3. ห้ามแจกจ่ายควบไปกับสง่ิ ใดอนั อาจคำนวณเปน็ เงินได้ 4. หา้ มแจกจ่ายหรือแทรกไปกบั เอกสารสงิ่ พิมพ์อ่นื การปดิ ประกาศเอกสาร ตามมาตรา 92(1) ในการปดิ ประกาศเอกสาร • ปดิ ได้เฉพาะบริเวณสถานที่ที่รัฐกำหนดใหเ้ ท่านนั้ (สถานที่ของเอกชน เช่น รา้ นคา้ บ้านเรอื น รถยนต์ ฯลฯ ไมส่ ามารถปิด ประกาศได้ แมเ้ จา้ ของสถานทจ่ี ะยนิ ยอมกต็ าม) • ห้ามปิดเอกสารตดิ ต่อกนั เรยี งเปน็ แถวหรอื เปน็ กลมุ่ เกินจำนวน 4 แผน่ • ให้หนว่ ยงานของรฐั หรอื เจา้ พนกั งานทอ้ งถิ่นตามกฎหมายว่าดว้ ยการรักษาความสะอาดและความ เปน็ ระเบียบเรียบร้อยของ บ้านเมือง กำหนดสถานทีเ่ พอ่ื ปิดประกาศหรือแผ่นปา้ ยแนะนำตัวผสู้ มัครในที่สาธารณะไว้ให้ เพียงพอและเทา่ เทยี มกัน โดยดำเนนิ การใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน 30 วนั นบั แตว่ ันท่ีขอ้ กำหนดนี้ใช้ บงั คบั (ภายใน 3 กนั ยายน 2548) เมื่อหนว่ ยงานของรัฐหรือเจา้ พนักงานท้องถ่นิ (รวมทัง้ นายก อบต.) ได้ออกประกาศแล้ว กกต.จังหวดั จะประชาสมั พันธ์ใหท้ ราบ เพอ่ื ใหด้ ำเนนิ การปิดประกาศไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
กำหนดระยะเวลาแนะนำตัว ห้ามมิให้ผสู้ มัครรับเลอื กต้งั หรอื บุคคลใดท่ีไม่มีอำนาจหนา้ ทีแ่ จกจา่ ยหรือปิดประกาศเอกสารหรือ ดำเนินการแนะนำตัวผู้สมัครรับ เลือกตั้งโดยวิธกี ารใดๆนับต้งั แตเ่ วลา 18.00 น.ของวนั กอ่ นวันเลอื กต้ังหนงึ่ วันจนส้ินสดุ วนั เลอื กตั้ง (24.00 น.) เกณฑก์ ารวินจิ ฉัยของคณะกรรมการการเลอื กต้ัง กรณฝี ่าฝืนขอ้ กำหนดการแนะนำตวั อาจมีความผดิ ตาม ม.91 ประกอบ ม.101 ของพรบ.ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการเลือกตงั้ ส.ส. และ ส.ว. พ.ศ.2541 ดงั น้ี 1. หากมพี ฤติการณ์ปรากฏหลกั ฐานเปน็ ท่ีเช่ือได้วา่ การฝ่าฝืนขอ้ กำหนดการแนะนำตัวมีผลใหก้ าร เลอื กต้ังเปน็ ไปโดยไม่สจุ รติ และ เท่ยี งธรรม กกต.จะนำเหตุดังกล่าวมาประกอบการพจิ ารณาการประกาศรับรองผลการเลอื กตงั้ ส.ว.ดว้ ย 2. กรณีไดจ้ ดั ทำเอกสารผิดไปจากข้อกำหนด ก่อน ทข่ี ้อกำหนดจะบงั คบั ใช้ ใหร้ ะงับหรือยุตกิ าร กระทำน้ันเสยี ถา้ พฤตกิ ารณ์ การ ฝ่าฝนื ปรากฏหลกั ฐานเป็นทเี่ ช่อื ไดว้ ่า มีผล ใหก้ ารเลอื กตง้ั เป็นไปโดยไม่สุจริตและเทย่ี งธรรม กกต.จะนำเหตุดงั กล่าวมา ประกอบการพิจารณาการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ด้วย การแนะนำตัวผ้สู มคั รโดยรฐั เพ่ือประโยชนใ์ นการแนะนำตวั ผ้สู มคั รโดยเทา่ เทียมกัน พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วย การเลอื กตง้ั สมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎร และสมาชกิ วุฒิสภา พ.ศ. 2541 มาตรา 92 บญั ญตั ใิ หค้ ณะกรรมการการเลอื กตัง้ ประสานงานกบั หน่วยงานของรัฐทเี่ กี่ยวขอ้ งเพ่ือ ดำเนนิ การ ดังน้ี 1. จดั ใหม้ กี ารปิดประกาศและติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลอื กตงั้ และผู้สมัครรบั เลอื กตั้ง ณ ศาลา กลางจังหวดั ท่วี ่าการอำเภอ หรือ ทที่ ำการขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน หรอื ในทชี่ ุมชน หนาแน่นที่เหน็ สมควร (ทง้ั นเ้ี ปน็ ไปตามที่หน่วยงานของรฐั และท้องถิ่น ออกประกาศซงึ่ กกต.จงั หวัดจะแจ้งใหท้ ราบต่อไป) 2. พิมพ์และจดั ส่งเอกสารเกีย่ วกบั การเลอื กต้ังและผสู้ มัครรบั เลอื กต้ังไปให้ผู้มีสิทธเิ ลือกตง้ั (ส่งเจา้ บ้านทกุ หลงั คาเรือน) 3. จัดหาสถานท่ีเพอื่ แนะนำตัวผสู้ มัครรบั เลือกตง้ั ( กกต.จงั หวดั จะจัดใหม้ ีการแนะนำตัวโดยเท่า เทยี มกนั ทั้งนสี้ ามารถใช้ เคร่อื งขยายเสยี งได้ แตเ่ นอ้ื หาขอ้ ความในการพดู แนะนำตวั คงมไี ดเ้ ฉพาะประวตั สิ ่วนตวั ประวัติ การศึกษา ประวตั ิการทำงาน หรอื ประสบการณ์ในการทำงานของผู้สมัครเทา่ น้ัน) 4. จดั สรรเวลาออกอากาศทางวิทยุกระจายเสยี งและวิทยโุ ทรทศั น์เพอื่ แนะนำตัวผสู้ มคั รรบั
เลือกตั้ง (กกต.จงั หวดั จะแจ้งให้ผสู้ มัคร ทกุ คนทราบวิธกี ารออกอากาศหลังการรับสมัคร) 5. กจิ การอ่ืนท่คี ณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประกาศกำหนด การพิมพแ์ ละจดั ส่งเอกสารให้ผูม้ ีสทิ ธิเลือกตงั้ ตามมาตรา 92(2) ในวันสมคั รรบั เลือกตง้ั เจ้าพนักงานผรู้ ับสมัครได้ขอให้ผสู้ มัครกรอกขอ้ ความในแบบพิมพ์ขอ้ มลู แนะนำตัว (แบบพมิ พ์ 1) เขียนด้วยลายมอื ตัวบรรจงหรือพิมพข์ ้อความลงในช่องท่ีกำหนด พรอ้ มท้ังแนบรปู ถา่ ย จำนวน 1 ใบ มาด้วย (ใช้รูปถ่ายภาพเดยี วกบั ทนี่ ำไป สมคั ร)เม่ือกรอกขอ้ ความแลว้ โปรดส่งแบบพิมพ์ 1 พรอ้ มรปู ถ่าย 1 ใบ (เขยี นช่อื -นามสกุล หลงั รูปถ่าย) คืนให้เจา้ พนักงานผรู้ ับสมคั รใน วนั สมคั รรับเลือกตงั้ หลังจากตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนและไดป้ ระกาศรบั สมัครเลอื กตั้งสมาชกิ วุฒิสภาแล้ว สำนกั งานคณะกรรมการการเลือกต้ัง ประจำจังหวัดจะจดั พมิ พ์เอกสารแนะนำตวั ผสู้ มัครรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ วฒุ ิสภา จดั สง่ ถงึ เจา้ บ้าน เพ่ือที่ผูม้ สี ิทธเิ ลอื กต้ังจะไดศ้ ึกษาข้อมูลและประวตั ิ ิของผสู้ มัครกอ่ นการตัดสนิ ใจลงคะแนน เลือกตั้ง ข้อหา้ มในการหาเสียง กฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการเลอื กตั้งสมาชกิ วฒุ สิ ภา ตามมาตรา 91 ห้ามมใิ ห้ผู้สมัคร หรอื ผ้ใู ดหาเสียงเลือกตั้ง กระทำได้ เพียงการแนะนำตัวเท่านน้ั โดยการจัดพมิ พเ์ อกสารข้อมลู ส่วนตัว ประวตั ิ สว่ นตวั ประวตั กิ ารศึกษาและประวตั ิการทำงาน ซ่งึ กกต.จะเป็นผู้ กำหนดสถานที่ปดิ ประกาศและแผ่นปา้ ย แนะนำตัว รวมท้ังจัดเวทใี หผ้ ู้สมคั รแนะนำตวั จดั สรรเวลาออกอากาศทางวิทยุและโทรทศั น์ ตลอดจน การจัดสง่ เอกสารถงึ ผู้มสี ิทธเิ ลอื กตง้ั เป็นหนา้ ท่ีของ กกต. กฎหมายห้ามกระทำอย่างไรทเ่ี รียกวา่ ผิดกฎหมายเลอื กตั้ง วิธีการกระทำดงั ตอ่ ไปน้ี เป็นการต้องหา้ มในการหาเสียงเลือกต้งั ของผู้สมคั รรบั เลอื กตง้ั • หา้ มซ้อื เสียงหรือจัดเตรยี มซือ้ เสียง • หา้ มบรจิ าค หรอื สญั ญาว่าจะบริจาคใหแ้ กช่ มุ ชน สมาคม มลู นิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถาน สงเคราะห์หรอื สถาบนั อน่ื ใด • หา้ มทำการโฆษณาหาเสียงดว้ ยการจดั ให้มมี หรสพ หรือการรื่นเรงิ ต่าง ๆ • หา้ มเลยี้ งหรือรบั จะจดั เลยี้ งผู้ใด • หา้ มหลอกลวง บงั คับ ขเู่ ขญ็ ใชอ้ ิทธิพลคุกคามใสร่ า้ ยดว้ ยความเทจ็ หรือจูงใจเข้าใจผิดในคะแนน นยิ มของผสู้ มคั ร
ผมู้ สี ิทธิเลอื กตั้ง คณุ สมบตั ิผู้มสี ทิ ธิเลอื กตัง้ • มีสัญชาติไทย ถา้ แปลงสญั ชาติต้องไดส้ ญั ชาตไิ ทยมาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี • มอี ายคุ รบ 18 ปีบรบิ รู ณใ์ นวันท่ี 1 มกราคมของปที ีม่ ีการเลือกตง้ั • มีชอ่ื ในทะเบียนบ้านในเขตเลอื กต้ังมาแล้วไมน่ ้อยกว่า 90 วัน นับถงึ วนั เลอื กตัง้ นอกจากน้ีในวนั เลอื กต้งั ยงั ตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งห้าม ดังนี้ • วิกลจรติ หรอื จติ ฟนั่ เฟือนไม่สมประกอบ • เป็นภิกษุ สามเณร นกั พรต หรือนักบวช • ตอ้ งคุมขงั อยูโ่ ดยหมายศาลหรอื โดยคำส่ังที่ชอบดว้ ยกฎหมาย • อยู่ระหว่างถูกเพกิ ถอนสทิ ธิเลอื กต้ัง หลกั คดิ การตัดสินใจเลือกผู้สมัครรบั เลือกต้ังสมาชิกวฒุ ิสภา • พจิ ารณาความรู้ความสามารถของผูส้ มัครรบั เลือกต้ัง จากการพจิ ารณาจากการแนะนำตวั ความรู้ ความชำนาญ จากประสบการณ์ ของผู้สมัคร • ชื่อเสยี งและความประพฤตสิ ว่ นตน การเสียสละเพอ่ื สังคม จากพฤตกิ รรมของผ้สู มัครที่ปรากฏใน สงั คม • ผใู้ ด หรือผู้สมคั รท่ใี ช้อามิสสนิ จ้าง ทง้ั ให้ตัวเองของเราหรือรับทราบอยา่ งแน่ชดั วา่ มีพฤติกรรม เชน่ น้นั ไม่สมควรเลือกโดยเดด็ ขาด เพราะขาดจรยิ ธรรมตง้ั แต่เร่มิ ตน้ การเตรียมพร้อมก่อนไปเลือกต้งั 1. การตรวจสอบชอื่ – นามสกุล และทีเ่ ลือกตั้ง • 20 วนั กอ่ นการเลือกต้งั ไปอ่านประกาศที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ทว่ี ่าการ อบต. ว่าเราอยูใ่ นหน่วยเลอื กตั้งใด และ ทเี่ ลอื กตงั้ อย่ทู ใี่ ด เรามชี อ่ื ในบัญชผี ู้มีสทิ ธิเลอื กต้งั หรือไม่ • 15 วันก่อนการเลือกตงั้ เจ้าบ้านจะได้รับแจง้ รายช่อื ผ้มู ีสทิ ธเิ ลือกต้ัง ทีอ่ ยู่ในทะเบียนบ้านของ ตน 2. การเพ่มิ ช่อื ถอนชือ่ ผู้มสี ทิ ธเิ ลอื กตัง้ • ไมน่ ้อยกวา่ 10 วนั ก่อนวนั เลอื กตง้ั หากชื่อตกหล่นไป ใหย้ ื่นคำ ร้องขอเพิ่มหรอื ถอนช่ือผูไ้ ม่มีสทิ ธิเลอื กตัง้ ออกจากบญั ชีต่อ นายทะเบียนอำเภอหรือนาย ทะเบียนท้องถิน่ ทที่ ำการแทน กกต.เขต • จนถึงวันเลือกต้งั เจ้าบ้านสามารถนำหลกั ฐานทะเบียนบา้ นมาแสดงตอ่ คณะกรรมการประจำ หน่วยเลือกต้งั (กปน.) เพ่อื ถอนช่ือ บุคคลทป่ี รากฏช่ือในบัญชผี ู้มีสิทธเิ ลือกต้งั อยู่ในทะเบยี น บา้ นของตน
3. การเตรยี มหลักฐานเพอ่ื ใชใ้ นการไปลงคะแนน ก่อนไปลงคะแนนให้เตรยี มความพรอ้ มหลกั ฐานอย่างใดอย่างหน่งึ เพื่อใช้ในการลงคะแนนเลือกตงั้ ดังน้ี • บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัว ประชาชนที่หมดอายุ • ใบรับคำขอมีบตั รหรอื เปล่ียนบัตรใหม่ทตี่ ิดรปู ถา่ ย และประทับตราเจา้ หนา้ ท่ี (ใบเหลอื ง) • ใบแทนใบรับตำขอมีบัตรที่ตดิ รูปถา่ ย และประทบั ตราเจ้าหน้าที่ (ในสชี มพ)ู • บัตรประจำตัวเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ หรอื บตั รประจำตัว เจา้ หนา้ ที่ของรัฐ รับบำเหนจ็ บำนาญ • หนังสอื เดนิ ทางที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศท่มี หี มายเลขประจำประชาชน และรปู ถ่าย (กรณีการลงคะแนนในตา่ งประเทศ) ขั้นตอนการลงคะแนน 1. ตรวจลำดบั ท่ีของตนในบัญชรี ายชื่อผู้มสี ิทธเิ ลือกต้ังท่ีปิดประกาศไวห้ น้าหนว่ ยเลอื กตง้ั 2. ย่นื บัตรประจำตัวประชาชน ลงลายมอื ช่อื ในบัญชีรายชอ่ื พรอ้ มพิมพ์ลายน้ิวหัวแม่มือขวาท่ีตน้ ขว้ั บตั ร 3. กรรมการจา่ ยบตั รเลือกตงั้ ให้ 1 ใบ4. เขา้ คูหาลงคะแนน ทำเครอ่ื งหมายเลอื ก โดยใช้ตรายางรูป เคร่ืองหมายกากบาท ประทับหมึก และประทับลงที่ชอ่ งทำเครอื่ งหมายในบตั รเลือกต้งั ไมเ่ กินบตั ร ละ 1 หมายเลข ถ้าไม่ตอ้ งการเลอื กใครก็ทำเครื่องหมายทีช่ อ่ ง ไมล่ งคะแนน 4. พบั บัตรและหยอ่ นบัตรดว้ ยตนเองลงในหีบบตั ร การลงคะแนนเลอื กต้ังลว่ งหน้า การลงคะแนนเลือกต้ังล่วงหนา้ มี 2 กรณี กรณที ี่1 เลอื กตั้งลว่ งหนา้ ณ ท่ีเลอื กตัง้ กลางของเขตเลอื กตั้งโดยไม่ตอ้ ง ลงทะเบยี น • สามารถลงคะแนนเลือกตั้งลว่ งหนา้ ณ ที่เลอื กต้งั กลางของแตล่ ะเขตเลือกต้งั เขตละ 1 แห่ง ยกเว้น กทม.จัดไว้ที่ สำนกั งานเขตทั้ง 50 เขต • สำหรบั ผูม้ ีสิทธิเลอื กตัง้ ในเขตน้นั ทไ่ี ม่อาจอย่ใู นวันเลอื กตง้ั โดยมคี วามจำเปน็ ต้องเดินทางออกจาก เขตเลือกตัง้ ในวนั เลือกตัง้ • หรอื อาศัยอยู่ต่างเขตเลอื กตั้งท่ีสามรถเดนิ ทางกลับไปลงคะแนนในเขตเลอื กต้ังตามทะเบียนบ้าน และนำหลกั ฐานว่าจะไม่อยใู่ น เขตเลือกตงั้ หรอื ยูน่ อกเขตเลือกตงั้ ไปแสดงด้วย • กรณีไม่มหี ลกั ฐานไปแสดงว่าอยนู่ อกเขตเลือกต้ังให้ไปกรอกแบบ ทก.1 เพ่ือขอลงคะแนน ณ ท่ี เลอื กต้งั • เลือกผู้สมัครของเขตเลือกตั้งในจังหวดั ท่มี ชี ่อื ตามทะเบยี นบา้ น 1 คน กรณีท่ี 2 สำหรับผู้ท่อี าศัยอย่นู อกเขตจงั หวดั ที่ทา่ นมชี อ่ื ตามทะเบยี นบา้ น หรอื ย้ายออกนอกจงั หวัดเปน็ เวลาน้อยกวา่ 90 วัน สามารถ ไปใช้สทิ ธิเลือกต้ังลว่ งหนา้ ได้ ณ ที่เลือกตง้ั กลางของ
จงั หวดั ทที่ ่านอาศยั อยู่โดยไม่ต้องเดนิ ทางกลบั ภมู ิลำเนา ซ่งึ กกต.จัดไวจ้ งั หวัดละ 1 แหง่ ยกเวน้ กทม.จัดไวท้ ่ีสำนกั งานเขตทง้ั 50 เขต แต่ต้อง ยนื่ คำรอ้ งขอลงทะเบียนเลอื กต้ังก่อน ดังน้ี • ขอรับแบบพมิ พล์ งทะเบยี นเลือกต้ังลว่ งหน้า และยน่ื ต่อนายอำเภอ ปลดั เทศบาล และผอ.เขตของ กทม. ในจงั หวดั ท่ีเราอาศัยอยู่ ดว้ ยตนเอง ทางไปรษณยี ์ หรือทำหนงั สือมอบหมายใหผ้ ้มู ีสิทธเิ ลือกตง้ั อน่ื ทำหนา้ ที่แทน • หลักฐาน สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรทีม่ ีรูปถา่ ยซง่ึ ทางราชการออกให้และมหี มายเลข ประจำตวั ประชาชน สำเนาทะเบียนบา้ น หนงั สือรบั รองสถานที่อยูป่ จั จุบันจากบรษิ ทั นายจ้าง สถานศกึ ษา หรอื ผใู้ ห้ เช่า ฯลฯ (กรณีย้ายทะเบยี นบ้าน มาแลว้ แต่ไม่ถงึ 90 วนั ไมต่ อ้ งมหี นงั สือรับรองน)ี้ พร้อมซอง เปล่าตดิ แสตมป์ จา่ หน้าซองถงึ ตนเอง เพอ่ื รอคำตอบรับจากอำเภอ เทศบาล หรอื เขต ขอ้ ควรจำ เมอื่ ขอใชส้ ิทธเิ ลือกตั้งล่วงหนา้ ณ ทเี่ ลือกตั้งกลางของจงั หวดั แล้วจะกลับไปใช้สิทธเิ ลอื กตั้ง ณ บ้านเดมิ ที่มที ะเบียนบา้ นอย่นู ัน้ ไม่ได้ จนกว่าจะขอเปลี่ยนแปลงการลงทะเบยี นกลบั ที่เดมิ ส่วนผทู้ เ่ี คยลงทะเบยี นไว้ไมต่ ้อง ลงทะเบยี นลงทะเบยี นอกี เวน้ แตป่ ระสงค์จะกลับไปใช้สทิ ธิลงคะแนนตามภมู ิลำเนาทม่ี ีชื่อในทะเบยี นบ้านจะต้อง แจ้งขอเปลี่ยนแปลงการลงทะเบยี นใหม่ ณ ทีว่ ่าการอำเภอทีท่ ่านมีชอ่ื ยู่ในทะเบยี นบ้านต้งั แต่บดั นเ้ี ป็นตน้ ไป การเลอื กต้งั นอกราชอาณาจกั ร การลงทะเบียนขอใช้สทิ ธิเลอื กต้งั ลว่ งหน้านอกราชอาณาจักร การลงคะแนนเลือกตงั้ ตา่ งประเทศของผู้มีสิทธเิ ลือกต้ังท่อี าศัยอยตู่ ่างประเทศ ต้องลงทะเบียนขอใช้ สทิ ธิลงคะแนนลว่ งหนา้ ที่ สถานทตู สถานกงสลุ หรือท่เี ลอื กตง้ั กลางในประเทศน้ัน สำหรับผู้มีสทิ ธิเลอื กตง้ั ในตา่ งประเทศหากประสงคจ์ ะกลับมาใช้สิทธใิ นประเทศไทยให้แจ้งขอถอนช่อื จากฐานข้อมูลผมู้ สี ิทธเิ ลือกต้งั ต่อ นายทะเบยี นอำเภอ ณ ที่วา่ การอำเภอ หรอื นายทะเบียนทอ้ งถ่ิน ณ ทีท่ ำการท้องถ่ินทท่ี า่ นมชี อื่ อยู่ในทะเบยี นบา้ น
บทท่ี 3 จิตสาธารณะ จติ สาธารณะ การปลูกฝงั จิตใจให้บุคคลมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม เปน็ การสรา้ งคณุ ธรรมจริยธรรมซ่ึงเปน็ เรอ่ื ง ที่เกดิ จากภายใน \"จติ สาธารณะ\" เปน็ สิง่ หนง่ึ ท่ีมคี วามสำคญั ในการปลูกจิตสำนึกให้คนรูจ้ ักเสยี สละ ร่วมแรง รว่ มใจ มีความรว่ มมือในการทำประโยชนเ์ พอื่ สว่ นรวม ชว่ ยลดปญั หารทีเ่ กิดขึ้นในสังคม ชว่ ยกันพฒั นาคณุ ภาพ ชีวิต เพื่อเปน็ หลกั การในการดำเนนิ ชีวิต ช่วยแกป้ ัญหาและสรา้ งสรรคใ์ ห้เกิดประโยชน์สุขแกส่ ังคม ความหมายของจิตสาธารณะ จติ สารธารณะ (Public mind) หมายถึง จิตสำนึกเพอื่ ส่วนรวม เพราะคำว่า “สาธารณะ” คอื สง่ิ ท่ีมไิ ด้ ้เป็นของผู้หน่ึงผใู้ ด จิตสาธารณะจงึ เป็นความรสู้ กึ ถึงการเปน็ เจา้ ของในสิ่งทีเปน็ สาธารณะ ในสิทธิและหน้าที่ ทจ่ี ะดูแลและบำรงุ รักษาร่วมกนั เช่น การชว่ ยกนั ดแู ลรักษาสง่ิ แวดลอ้ ม โดยการไม่ทิ้ง ขยะลงในแหลง่ น้ำ การดูแลรักษาสาธารณะสมบัติ เช่นโทรศพั ทส์ าธารณะ หลอดไฟท่ใี ห้แสงสว่างตามถนนหนทาง แมแ้ ตก่ าร ประหยดั น้ำประปา หรือไฟฟา้ ท่เี ป็นของส่วนรวม โดยให้เกิดประโยชน์คุ้มคา่ ตลอดจนชว่ ยดแู ลรกั ษาให้ความ ชว่ ยเหลือผู้ทุกข์ไดย้ าก หรือผู้ทร่ี ้องขอความชว่ ยเหลอื เท่าท่จี ะทำได้ ตลอดจนรว่ มมอื กระทำเพือ่ ใหเ้ กิดปัญหา หรือช่วยกนั แก้ปัญหา แต่ตอ้ งไม่ขดั ตอ่ กฎหมาย เพ่อื รกั ษาประโยชน์ส่วนร่วม จติ สาธารณะเพือ่ สว่ นรวม จิตสำนกึ เพือ่ สวนรวมนนั้ สามารถกระทำได้ โดยมีแนวทางเป็น 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 1. โดยการกระทำตนเอง ตอ้ งมีความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง เพื่อไม่ใหเ้ กดิ ผลกระทบและเกดิ ความเสยี หาย ต่อส่วนรวม จติ สาธรณะเพอ่ื ส่วนร่วมคอื ต้องมคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม 2. มีบทบาทตอ่ สังคมในการรกั ษาประโยชนข์ องสว่ นรวม เพอ่ื แกป้ ัญหา สร้างสรรคส์ ังคม ซึ่งถอื วา่ เป็น ความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสังคม
การช่วยกันเก็บขยะ วิธหี นึ่งแสดงถงึ การมีจิตสารณะสว่ น ร่วม ความสำคญั ของจิตสาธารณะ จติ สาธารณะเปน็ ความรับผิดชอบทเ่ี กิดจากภายใน คอื ความรู้สกึ นกึ คดิ จิตใต้สำนกึ ตลอดจจนคุณธรรม จรยิ ธรรม ซึง่ อย่ใู นจติ ใจ และส่งผลมาสกู่ ารกระทำภายนอก ปญั หาตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ข้นึ จะเหน็ วา่ เกดิ จากการขาดจติ สำนกึ ของคนส่วนรวมในสังคมเป็นสำคัญ เช่น 1. ปัญหายาเสพตดิ ซ่ึงเกดิ จากความเหน็ แก่ตัวของผ้ชู าย ไมน่ กึ ถงึ ปัญหาทีเ่ กิดขน้ึ ต่อไปกับสงั คม ผู้ขาดจิตสำนึกคา้ ยาเสพตดิ ถูกตำรวจจบั ดำเนิคดี 2. ปัญหามลพิษต่าง ๆ ที่เกดิ จากความไม่รับผิดชอบ ขาดจิตสำนกึ เชน่ - การปล่อยนำ้ เสียออกจากโรงงาน โดยไมผ่ ่านการบำบดั - การจอดรถยนตโ์ ดยไม่ดบั เครอ่ื งยนต์ ทำใหเ้ กดิ ควนั พิษ โดยเฉพาะในเมอื งใหญ่ - ทรพั ยากรป่าไมถ้ ูกทำลาย - ปัญหาเดก็ ถกู ทอดทิ้ง - การใช้ทางเทา้ สาธารณะเพ่อื ประโยชนส์ ่วนตัว โดยไมค่ ำนึงถึงสว่ นรวม - การทง้ิ ขยะลงแม่นำ้ ลำคลอง - การฉีดสารเรง่ เน้อื แดงในสตั วเ์ ล้ยี ง โดยเฉพาะสุกร ซงึ่ มผี ลต่อโรคภยั ไข้เจ็บในมนุษย์ เชน่ โรคมะเรง็ เป็นต้น จิตสาธารณะจึงเป็นส่ิงสำคัญในสงั คม เยาวชนตอ้ งให้ความสำคัญและตระหนกั ในสิ่งนี้ ความรับผดิ ชอบต่อตนเอง
จิตสำนึกในความรับผดิ ชอบต่อตนเอง นบั ว่าเป็นพื้นฐานตอ่ ความรับผดิ ชอบ ตอ่ สงั คม ตัวอย่างความ รับผิดชอบ ต่อตนเองดังนี้ 1. ตัง้ ใจศกึ ษาเล่าเรยี นหาความรู้ 2. รู้จักการออกกำลังกายเพือ่ สขุ ภาพใหแ้ ข็งแรงสมบรูณ์ 3. มีความประหยัดรจู้ กั ความพอดี 4. ประพฤติตวั ใหเ้ หมาะสม ละเวน้ การกระทำท่ีกอ่ ให้เกิดความเส่อื มเสยี 5. ทำงานทีร่ ับมอบหมายให้สำเรจ็ 6. มีความรบั ผิดชอบ ตรงเวลา สามารถพึง่ พาตนเองได้ ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม เป็นการช่วยเหลือสงั คม ไมท่ ำให้ผูอ้ นื่ หรือสังคมเดอื ดร้อนไดร้ บั ความ เสียหายเช่น 1. มีความรบั ผิดชอบต่อครอบครัว เช่น เชื่อฟังพอ่ แม่ ช่วยเหลืองานบ้าน ไม่ทำให้พอ่ แม่เสียใจ 2. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ โรงเรยี น ครอู าจารย์ เชน่ ตง้ั ใจเล่าเรยี น เช่ือฟังคำส่ังสอนของครอู าจารย์ ปฏิบัติตามกฎระเบียบวินัยของโรงเรยี น ช่วยรักษาทรพั ย์สมบตั ิของโรงเรยี น 3. มีความรับผิดชอบตอ่ บุคคลอื่นเช่นให้ความช่วยเหลือให้คำแนะนำไม่เอาเปรียบเคารพสิทธซิ ่ึงกันและกนั 4. มีความรบั ผิดชอบในฐานะพลเมอื ง เชน่ ปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บของสงั คม ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย รกั ษา สมบตั ิของสว่ นรวม ให้ความรร่วมมือต่อสงั คมในฐานะพลเมอื งดี ใหค้ วามชว่ ยเหลือ แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ การสร้างจิตสาธารณะ เป็นความรับผิดชอบในตนเอง แมว้ ่าจะได้รับการอบรมสงั่ สอนถ้าใจตนเองไมย่ อมรบั จติ สาธารณะกไ็ ม่เกิด ฉะน้นั คำวา่ \"ตนเปน็ ทพ่ี ่ึงแห่งตน\" จึงมีความสำคญั สว่ นหน่งึ ในการสรา้ งจติ สาธารณะ ถา้ ตนเองไมเ่ ห็นความสำคัญแลว้ คงไมม่ ีใครบังคับได้ นอกจากใจของตนเองแล้ว แนวทางทีส่ ำคญั ในการจิตสาธารณะยังมอี ีกหลายประการถ้าปฏิบัตไิ ดก้ จ็ ะเป็น ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม ดงั น ี้ 1. สร้างวนิ ยั ในตนเอง ตระหนักถึงการมีส่วนรว่ มในระบบประชาธปิ ไตย รูถ้ ึงขอบเขตของสิทธิ เสรภี าพ หน้าที่ ความรบั ผดิ ชอบ ต่อตนเองและสงั คม 2. ให้ความสำคัญตอ่ ส่งิ แวดล้อม ตระหนักเสมอวา่ ตนเอง คือสว่ นหนงึ ของสังคมต้องมคี วามรบั ผิดชอบ ในการรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม ซง่ึ เป็นเร่อื งของส่วนรวม ท้งั ต่อประเทศชาติ และโลกใบนี้ 3. ตระหนักถึงปญั หาและผลกระทบท่เี กดิ ข้นึ กับสังคม ให้ถอื ว่าเปน็ ปญั หาของตนเอง เช่นกันอย่าง หลีกเลี่ยง ไมไ่ ด้ ต้องช่วยกนั แก้ไข เชน่ ชว่ ยกันดำเนินการให้โรงงานอุตสาหกรรมสร้างบอ่ พักนำ้ ทิง้ กอ่ น
ปลอ่ ยลงสู่แหลง่ นำ้ สาธารณะ 4. ยดึ หลกั ธรรมในการดำเนินชวี ติ เพราะหลักธรรมหรือคำสงั่ สอนในทกุ ศาสนาท่ีนบั ถือ สอนให้คน ทำความดีท้งั ส้ิน ถ้าปฏิบัตไิ ด้จะทำใหต้ นเองมีความสุข นอกจานยี้ งั กอิ่ ให้เก้ ดิ ประโยชนต์ อ่ สังคมดว้ ย ทำให้เราสามารถอยูใ่ นสังคมได้อย่างมีความสุข ตวั อย่างหลกั ธรรมทางศาสนาท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ตนเอง พระพทุ ธศาสนา หลกั คำสอนในการชว่ ยเหลอื หรอื พ่ึงพาตนเอง ทพี่ ทุ ธศาสนกิ ชนไดย้ นิ จากพทุ ธสุภาษิตอยู่เสมอ คือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ หรือตนเปน็ ทพ่ี ึง่ แห่งตน คริสต์ศาสนา หลกั คำสอนในศาสนาคริสต์ คอื ตอ้ งรูจ้ ักช่วยเหลอื ตนเองก่อน แลว้ พระเจา้ จะชว่ ยทา่ น ศาสนาอสิ ลาม หลกั คำสอนจะคลา้ ยกับครสิ ต์ศาสนา ก็คอื ให้ร้จู กั ช่วยตนเอง และรจู้ ักเปล่ียนแปลงตนเองไปในทางท่ดี ี เสยี ก่อนแล้วพระเจา้ จะช่วยทา่ น
บรรณานุกรม การเลอื กต้งั . [ออนไลน]์ . http://www.ect.go.th/thai/senator/senate1.htm, 21 มถิ นุ ายน 2553. จิตสาธารณะ. [ออนไลน์]. http://webcache.googleusercontent.com, 21 มถิ ุนายน 2553. บวรศกั ด์ิ อวุ รรณโณ.(2548). ประชาธิปไตยแบบมสี ่วนร่วม. พิมพค์ ร้ังท่ี 3. กรุงเทพ : สถาบนั พระปกเกลา้ . ระบอบประชาธิปไตย. [ออนไลน]์ . http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/Democracy- System.htm, 21 มถิ นุ ายน 2553. วรทพิ ย์ มีมาก, และชีวนิ ทร์ ฉายาชวลิต. (2547). หน้าท่ีพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข. กรุงเทพฯ : กองทนุ เพื่อการพฒั นาพรรคการเมอื ง คณะกรรมการการเลอื กต้งั .
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: