บทที่ 3 การบริหารจัดการในภาวะการณเ์ ป็นผนู้ าและผู้ตาม ในปจั จบุ นั การจะเป็นผ้บู ริหารหรอื หวั หนา้ หนว่ ยงานการกีฬามักจะมีการพูดถึง “ผ้นู า” ทีต่ อ้ งมี“ภาวะผู้นา” ในหนว่ ยงานนั้น ๆ ผู้บริหารทด่ี ีจงึ ต้องมกี ารเรียนรู้ศลิ ปะในการเข้าถงึ ศาสตร์แห่งภาวะผู้นาแตป่ จั จัยสาคัญทีจ่ ะทาให้องค์กรหรอื หน่วยงานการกีฬาสามารถดาเนนิ ไปได้อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หรือเหนือคแู่ ขง่ ได้นน่ั ก็คงต้องอาศยั บทบาทของของฝ่ายปฎบิ ตั กิ าร ที่ตอ้ งรับรู้ในเรอ่ื งราวของ “ภาวะผ้ตู าม” หากบุคคล (ฝา่ ยปฎบิ ตั )ิ เหล่านน่ั ไดร้ ับการพฒั นาและสรา้ งความเขา้ ใจทถี่ ูกตอ้ งเกีย่ วกบั บทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองกจ็ ะสง่ ผลใหบ้ ุคคลเหล่านั่นสามารถทางานได้เปน็ อยา่ งดี และการพฒั นาศกั ยภาพของผตู้ ามให้มอี ยใู่ นระดับท่ีเหมาะสมแก่การปฏิบัตงิ านทต่ี นเองรบั ผดิ ชอบ จึงมีความสาคญั และความจาเปน็ อยา่ งมาก รวมทั้งองคก์ รหรอื หน่วยงานการกีฬา ก็จาเป็นตอ้ งสรา้ งใหผ้ ตู้ าม มีความรู้ ทกั ษะและทัศนคตไิ ปในทศิ ทางเดยี วกับการความตอ้ งการขององคก์ รหรอื หน่วยงานนนั้ ๆ ซงึ่ ก็จะส่งผลใหอ้ งค์กรหรอื หน่วยงานมศี ักยภาพในการปฎบิ ตั งิ าน ในการแข่งขันหรือการสรา้ งความไดเ้ ปรยี บเหนอื คู่แขง่ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล
ดังนั้น องค์กรหรือหนว่ ยงานการกีฬาควรสร้างความเขา้ ใจเกย่ี วกับภาวะของการเป็นผตู้ ามที่ดี เพ่อื สร้างทัศนคตทิ ่ดี ขี องภาวะผตู้ าม และสร้างแนวทางในการพัฒนาตนเองสกู่ ารปฏบิ ตั งิ านท่ดี ีมีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลใหแ้ กอ่ งคก์ ร ในสภาวะการณข์ อง “องค์กรแห่งการเรียนรู้”ความหมายของ ภาวะผ้นู า (Leadership) ผูน้ า (Leader) หมายถงึ ผกู้ าหนดวัตถุประสงค์ ของหน่วยงาน ผู้ให้ความคดิ รเิ ริ่มในการปฏิบตั ิงาน ผ้มู คี วามรับผิดชอบต่อความสาเรจ็ ภาวะผนู้ า (Leadership) เป็นเร่ืองของการใชศ้ ลิ ปะในการจูงใจคน ให้คนทางาน โดยผทู้ างานเต็มใจถา้ ผู้บรหิ ารทมี่ ีภาวะผูน้ า จะทาใหเ้ กดิ ความสาเร็จ 3 ประการ คอื 1. นาคนได้ 2. นาการเปล่ยี นแปลงมาสูอ่ งคก์ รได้ 3. ใช้สยบปญั หาได้
ผบู้ ริหารทจี่ ะบรหิ ารงานให้สาเรจ็ จะต้องรู้จกั การครองตน ครองคน ครองงาน การครองตน ( มีคุณธรรมและจรยิ ธรรมตอ่ ตนเอง) หรือใช้หลัก “สัปปรุ ิสธรรม 7”- เปน็ แบบอยา่ งท่ีดขี องคนในองคก์ ร)- มีกริยามารยาทและแตง่ กายดี- พดู จาไพเราะ- มีความเป็นผใู้ หญ่ เชือ่ ถอื ได้- มวี ินยั ในตนเอง- ยดึ หลักธรรม คาสั่งสอนของศาสนา ฯลฯ การครองคน ( มีคุณธรรมและจริยธรรมตอ่ ผอู้ ่ืนและสังคม) หรือใช้หลกั “ พรหมวหิ าร 4 ”- ประพฤตดิ ปี ระพฤติชอบ- มคี วามหนักแน่นอดทน- มีความยุตธิ รรม- มอี ัธยาศัยดี ฯลฯ การครองงาน ( มีคณุ ธรรมจริยธรรมตอ่ หน้าทก่ี ารงาน ) หรือใช้หลัก “อิทธิบาท 4”- มีความรู้ แสวงหาประสบการณ์- มีวิสยั ทศั น์กวา้ งไกล- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์- มคี วามรบั ผดิ ชอบสูง- ยดึ หลกั ธรรมประจาใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ
ความหมายของ ผู้ตาม (Followership) และภาวะผ้ตู าม (Followership) ผ้ตู าม หรือภาวะผู้ตาม หมายถึง ผปู้ ฏิบัติงานในองคก์ ารท่ีมหี น้าท่ี และความรบั ผดิ ชอบท่จี ะตอ้ งรบั คาสัง่ จากผูบ้ ังคบั บญั ชามาปฏิบตั ใิ ห้สาเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ แบบของภาวะผ้ตู าม (STYLE OF FOLLOWSHIP)แบง่ ตามประเภทคุณลกั ษณะไดด้ ังน้ี- ความอสิ ระ(INDEPENDENT) พง่ึ พาตนเอง และความคิดสงั สรรค์ (UNCRITICAL THINKING)- ไม่อิสระ (DEPENDENT) ต้องพ่ึงพาผู้อน่ื และขาดความคิดสร้างสรรค์ (UNCRITICAL)- ความกระตือรอื ร้น (ACTIVE BEHAVIOR)- ความเฉอื่ ยชา(PASSIVE BEHAVIOR) พฤตกิ รรมของผู้ท่มี คี วามเปน็ อสิ ระ และความคิดสรา้ งสรรค์จะมีลกั ษณะเปน็ ผทู้ มี่ คี วามคิดริเรม่ิและเสนอแนะวธิ ีการใหม่ ๆ อยเู่ สมอสว่ นบคุ คลที่มีลักษณะพง่ึ พาผู้อนื่ จะขาดความคิดริเริม และคอยรับคาส่ังจากผู้นาโดยขาดการไตร่ตรอง คณุ ลกั ษณะพฤติกรรมของผู้ตาม มีดังน้ี 1) ผตู้ ามแบบห่างเหนิ ผตู้ ามแบบนเ้ี ปน็ คนเฉ่ือยชา แตม่ คี วามเป็นอิสระ และมคี วามคิดสรา้ งสรรค์สูง ผตู้ ามแบบหา่ งเหินส่วนมาก เป็นผ้ตู ามทม่ี ีประสิทธผิ ล มปี ระสบการณ์ และผ่านอุปสรรคมากอ่ น 2) ผูต้ ามแบบปรบั ตาม ผูต้ ามแบบน้ี เรียกวา่ ผตู้ ามแบบครบั ผม เป็นผู้ที่มคี วามกระตือรอื ร้นในการทางาน แต่ขาดความคดิ สร้างสรรค์ 3) ผูต้ ามแบบเอาตวั รอด ผตู้ ามแบบนี้จะเลือกใช้ลกั ษณะผู้ตามแบบใดขึ้นอยู่กบั สถานการณท์ ี่จะเออื้ ประโยชน์กบั ตวั เองใหม้ ากทีส่ ดุ และมคี วามเสย่ี งน้อยทส่ี ดุ 4) ผู้ตามแบบเฉือ่ ยชา ผตู้ ามแบบน้ีชอบพ่งึ พาผอู้ ่นื ขาดความอิสระ ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 5) ผู้ตามแบบมปี ระสิทธผิ ล ผู้ตามแบบนเี้ ป็นผู้ทที่ คี วามตั้งใจในการปฏิบัติงานสงู มคี วามสามารถในการบรหิ ารจัดการงานได้ดว้ ยตนเอง ศิลปะการเปน็ ผู้ตาม ทด่ี ี 1. ยอมรับนายอยา่ งทเี่ ปน็ อยา่ คิดไปเปลี่ยนนาย หาทางเสริมในสิ่งท่นี ายขาด ผตู้ ามสว่ นใหญ่มักมองจุดออ่ นนายโดยเฉพาะหากเปน็ จุดแข็งของตน เช่น ตนเองเปน็ คนแครค์ วามรูส้ ึกคนแต่นายไม่เป็น กม็ กัมองวา่ นายมีจุดอ่อน แทนทจี่ ะคิดอย่างนัน้ ควรจะใชจ้ ุดแขง็ ตนเสรมิ จุดออ่ นนายต่างหาก
2. อ่านเกมนายใหอ้ อก จะทาได้กต็ ้องเข้าใจวิสยั ทศั น์ เปา้ หมายงาน เปา้ หมายอาชีพ เป้าหมายชีวติ ทส่ี าคัญคอื เข้าใจลาดับความสาคัญของเขา แลว้ วางแผนงานของตนใหส้ อดคล้องกบั เปา้ หมายและวิสัยทศั นข์ องนาย 3. ปรับตัวให้เขา้ กบั วฒั นธรรมองคก์ ร จะตรงมากกับคนทเ่ี ริม่ งานใหม่ หรือกบั คนทีอ่ งค์กรเพ่งิ จะควบรวมกบั องค์กรอืน่ หรือองคก์ รท่ีมกี ารเปลีย่ นแปลงวฒั นธรรมองค์กรหรือคา่ นิยมขององคก์ ร หรืออาจจะใชไ้ ด้ดว้ ยกับคนเก่าทีย่ งั ไม่ไดโ้ ปรโมตซักทีเพราะไม่เข้าใจวฒั นธรรมองค์กรวา่ คาดหวังอะไรจากผูบ้ รหิ าร 4. ระบุปญั หาในงานท่อี าจจะเกิด วางแผนป้องกัน และแผนสารอง วิธนี ปี้ ญั หาในงานของตนในอนาคตจะมีนอ้ ยลง นายจานวนมากเสียเวลาไปกบั การแก้ปัญหาให้ลกู นอ้ งท่ไี มร่ ะบุปัญหาล่วงหนา้ แทนท่ีนายจะใชเ้ วลาไปกับงานทีเ่ ขาคดิ ว่าสาคัญและจาเปน็ เพอ่ื บรรลวุ สิ ยั ทศั นข์ องเขาได้เร็วขนึ้ 5. ทางานให้เกินความคาดหวงั ซ่ึงตอ้ งเข้าใจวสิ ัยทัศน์และลาดบั ความสาคัญของนายให้ถอ่ งแท้ มีบางคนท่ขี ยนั มากแต่กลับไมเ่ ข้าตานาย อาจจะเปน็ ไดว้ ่าเพราะกาลงั ทุ่มเทในส่งิ ท่มี คี ุณค่าหรือมีลาดับความสาคัญนอ้ ยในสายตาของนายหรือเปลา่ 6. รกั ษาสัญญา เม่อื คนสามารถทางานได้ตามสัญญา หรือมากเกินทรี่ ับปากไว้ แนน่ อนว่าความไว้เนอื้ เช่อื ใจกจ็ ะมีพอกพนู ตามมา ยิ่งทาได้ตามสัญญานายยิ่งไว้วางใจ ในทางกลับกัน หากทาไม่ได้ นายกจ็ ะเรมิ่ ไม่ม่นั ใจ หากทาไมไ่ ดม้ ากขึ้น กจ็ ะมีการตรวจสอบมากขึน้ เรื่อยๆ 7. ส่อื สารและสามารถถา่ ยทอดความคดิ ออกมาได้อย่างดเี ยี่ยม นายเราตอ้ งรบั ขอ้ มลู และข่าวสารมากมายในแตล่ ะวัน เขาไม่สามารถจาอะไรไดท้ ้ังหมด ส่ิงทีเ่ ขาจะจดจาได้ก็คอื สิง่ ท่ีเขาสนใจหรือสิ่งที่นาเสนอใหเ้ ขาสนใจ หากวา่ พดู จาสือ่ สารไม่เก่ง รายงานอะไรไปนายก็ลมื หมด หรือพูดทตี ้องใช้เวลามากนายอาจไม่มเี วลาให้ คณุ อาจจะเจอนายทีล่ ิฟตก์ อ่ นขึน้ ไปสานักงาน คณุ สามารถสือ่ สารอย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลาหน่งึ นาทไี ดห้ รอื ไม่ 8. เขียนได้ดีมปี ระสทิ ธภิ าพ เขยี นได้ตรงประเดน็ กระชบั และชัดเจน จะต้องมีความชดั เจนกอ่ นลงมอื เขียนว่าส่ิงท่ีคาดหวงั ใหผ้ ู้อ่านได้รับเม่อื อา่ นจบคืออะไร ตอ้ งการใหเ้ ขาเข้าใจเนื้อหาเพยี งอย่างเดียวหรือตอ้ งการให้เขาลงมอื ทาอะไรบางอยา่ ง มภี าพที่ชดั เจนในใจเราก่อนที่จะลงมอื เขยี น 9. กล้าทจ่ี ะใหข้ ้อมูลย้อนกลบั ทง้ั ดา้ นดแี ละด้านรา้ ย คนสว่ นใหญ่คดิ วา่ นายคงตอ้ งการได้ยินแต่สิ่งดีๆ ความเช่อื แบบน้ันอาจจะโบราณไปแล้ว ผบู้ รหิ ารมืออาชพี เขารูด้ วี า่ เหรียญมีสองด้านเสมอ ไมม่ ีทางที่จะมีเพียงด้านดีด้านเดยี ว ในทางกลับกนั เขาอาจจะระแวงหากมีลูกนอ้ งทพี่ ยายามรายงานแตข่ ่าวดี หรือพยายามประจบประแจง บอกสิง่ ทดี่ เี กย่ี วกับเขา อาจจะคิดไปวา่ ลูกนอ้ งพยายามทจี่ ะคดิ ไม่ดอี ะไรบางอย่าง
หรอื ไมจ่ ึงไมย่ อมให้ขอ้ มลู ด้านลบเลย 10. ทางานเปน็ ทมี เปน็ ทางานเปน็ ทมี หมายความวา่ เขาสามารถทางานกับคนไดท้ กุ แบบ คนส่วนใหญ่มักจะทางานกับคนที่พดู ง่ายได้ แตจ่ ะทางานกับคนท่ีเจา้ ปัญหาไม่ได้ จึงมกั มาขอแรงนายเสมอ หรอื ไม่กไ็ ม่กลา้ ไปคยุ กับคนทอ่ี าวโุ สกวา่ ต้องใหน้ ายออกหนา้ แนวทางการพฒั นาศักยภาพตนเองของ ผูต้ าม ทด่ี มี ดี ังต่อไปนี้ 1) เร่มิ ตน้ จากส่วนลกึ ในจติ ใจ (BEGIN WITH THE END IN MIND) 2) ตอ้ งมีนิสยั เชิงรุก (BE PROATIVE) หมายถึงไมต่ อ้ งรอให้นายส่ัง 3) คดิ แบบชนะทง้ั สองฝ่าย (THINK WIN-WIN) 4) เข้าใจคนอน่ื ก่อนจะให้คนอืน่ เขา้ ใจเรา (SEEK FIRST TO UNDERSTAND, THEN TO BEUNDERSTOOD) 5) การรวมพลงั (SYNERGY) หรอื ทางานเป็นทมี (TEAM WORK) 6) ลบั เลอ่ื ยให้คม (SHARPEN THE SAW) คือพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ แนวทางการส่งเสรมิ และการ พัฒนาใหผ้ ู้ปฎิบตั กิ ารมคี ณุ ลักษณะ ผู้ตาม อันพง่ึ ประสงค์ตามวตั ถุประสงค์ขององคก์ รหรอื หนว่ ยงาน 1) การดูแลเอาใจใส่ เร่ืองความตอ้ งการขน้ั พ้ืนฐานของมนุษยใ์ หก้ บั บคุ ลากรเป็นธรรม 2) การจงู ใจดว้ ยการใหร้ างวลั คาชมเชย 3) การใหค้ วามรู้ และพฒั นาความคิดโดยการจัดโครงการฝึกอบรมสัมมนาและศกึ ษาดูงาน 4) ผู้นาต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง 5) มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านอย่างต่อเนื่อง 6) ควรนาหลักการประเมนิ ผลงานท่เี น้นผลสัมฤทธ์มิ าพจิ ารณาความดคี วามชอบ 7) สง่ เสริมการนาพทุ ธศาสนามาใชใ้ นการทางาน 8) การส่งเสรมิ สนบั สนุนให้ผู้ตามนาหลักธรรมมาภิบาลมาใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานอย่างจรงิ จงั
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: