Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สงกานต์

สงกานต์

Published by bifernlex, 2017-07-24 06:55:56

Description: fern4

Search

Read the Text Version

ประเพณีสงกรานต์

2 ประเพณสี งกรานต์ วันสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีวันข้ึนปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ เป็นประเพณีที่งดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความสนุกสนาน ความอบอุ่น และการให้เกียรติเคารพซ่ึงกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเปน็ ไทยไดอ้ ย่างเดน่ ชดั โดยใชน้ า้ เปน็ สอ่ื ในการเช่อื มสมั พันธไมตรี ปัจจุบันแม้ไทยเราจะนับวันท่ี ๑ มกราคมของทุกปี เป็นวันข้ึนปีใหม่แบบสากลนิยม แต่ลักษณะพิเศษและกิจกรรมท่ีคนในชุมชนได้ถือปฏิบัติสืบเน่ืองมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการท้าบุญท้าทาน การอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ การสรงน้าพระการรดน้าขอพรผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้า และการละเล่นร่ืนเริงต่าง ๆล้วนท้าให้ชาวไทยส่วนใหญ่ยังถือประเพณีสงกรานต์เป็นปีใหม่แบบไทย ๆ ที่เทศกาลแหง่ ความเออื้ อาทร เกอ้ื กลู ผกู พนั ซ่ึงกันและกัน ชว่ งเทศกาลสงกรานต์จะตรงกับวันที่ ๑๓, ๑๔ และ ๑๕เมษายนของทุกปี ซ่ึงรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกัน เพื่อให้ประชาชนท่ีท้างานในต่างท้องท่ีได้กลับไปยังถิ่นฐานของตน เพือ่ ไปร่วมท้าบญุ เยีย่ มเยยี นญาติผู้ใหญ่ บุพการี และเลน่ สนุกสนานกบั ครอบครัว เพือ่ นฝงู นอกจากไทยแล้ว หลาย ๆ ประเทศอย่างมอญ พม่าเขมร ลาว รวมถึงชนชาติไทย เช้ือสายต่าง ๆ ในจีน อินเดีย ต่างกถ็ อื ตรุษสงกรานต์เป็นประเพณีฉลองปีใหม่เช่นเดียวกับเรา เพียงแต่ในประเทศไทยได้มกี ารสบื สานและวิวัฒนาการประเพณีสงกรานต์จนมี เ อ ก ลั ก ษ ณ์ อั น โ ด ด เ ด่ น ก ล า ย เ ป็ น วั ฒ น ธ ร ร ม ป ร ะ จ้ า ช า ติ ที่ มี ค ว า มพิเศษ จนแม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังให้ความสนใจ และรู้จักประเพณีน้ีเปน็ อย่างดีความเป็นมาและการเปล่ยี นแปลงวนั ข้ึนปีใหม่ของไทย

3 สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยประเพณีหน่ึงท่ีสืบทอดมาตัง้ แต่สมยั โบราณคู่กับประเพณีตรุษจีน หรือท่ีเรียกกันรวม ๆวา่ ประเพณตี รษุ สงกรานต์ ซง่ึ หมายถึงประเพณีสง่ ท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของไทย ก่อนท่ีจะปรับเปลี่ยนมาใช้ในวันท่ี ๓๑ ธันวาคมเป็นวันส่งท้ายปีเก่า และวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันข้ึนปีใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ เชน่ เดยี วกับประเทศอื่น ๆ ทัว่ โลก ในสมัยโบราณ ไทยเราถือเอาวันแรม ๑ ค่้า เดือนอ้ายเปน็ วันขน้ึ ปใี หม่ ซึง่ คนสมยั ก่อนจะถือวา่ ฤดูเหมันต์ (ฤดูหนาว) เป็นการเร่ิมต้นปี ซึ่งจะตกอยู่ราวปลายเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคมต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ ซ่ึงมีรากเหง้ามาจากการสังเกตธรรมชาติ และฤดูการผลิ ต วันข้ึนปีใหม่จึงเปล่ียนเป็นวันข้ึน ๑ ค่้า เดือน ๕ หรือประมาณเดือนเมษายน ซ่ึงเป็นการนับปีใหม่ตามเกณฑ์จุลศักราช โดยถือเอาวันมหาสงกรานต์เป็นวนั ข้ึนปีใหม่ ครั้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๕) ได้ก้าหนดให้วันท่ี ๑ เมษายน เป็นวันข้ึนปีใหม่ ซ่ึงเป็นการนับทางสุริยคติแทน จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๘๓รัฐบาลไทยในสมยั จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม ก็ได้ประกาศให้วันท่ี ๑มกราคม เป็นวันข้ึนปีใหม่ อันเป็นการนับปีใหม่แบบสากลนิยมดังน้ัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นต้นมา ประเทศไทยเราจึงมีวันขึ้นปีใหม่ตรงกบั วันท่ี ๑ มกราคม และใช้กันมาจนปจั จบุ ันความหมายของตรุษสงกรานต์ ค้าว่า “ตรุษ” เป็นภาษาทมิฬ ใช้ในชนเผ่าหน่ึงทางอินเดียตอนใต้ แปลว่า ตัด หรือขาด คือ ตัดปี หรือขาดปีหมายถึงการส้ินปีนั่นเอง ตามปกติการก้าหนดวันตรุษ หรือวันสิ้นปีจะถือหลักทางจันทรคติ (วิธีนับวันและเดือนถือเอาการเดินของดวงจันทร์เปน็ หลัก) คือ วนั แรม ๑๕ ค้า่ เดอื น ๔

4 สว่ นคา้ ว่า “สงกรานต์” เปน็ ภาษาสนั สกฤต แปลว่า ก้าวขึ้น ผ่าน หรือเคลื่อนท่ี ย้ายที่ หมายถึง เวลาท่ีดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหน่ึงทุก ๆ เดือน เรียกว่า สงกรานต์เดือนยกเว้นเม่ือพระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ เมื่อใดก็ตามจะเป็นสงกรานต์ปี และเรียกช่ือพิเศษว่า “มหาสงกรานต์” ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์ โดยเป็นการนับทางสุริยคติ วิธีนับวันและเดือนโดยถอื ก้าหนดตา้ แหนง่ ดวงอาทิตยเ์ ป็นหลัก) ดังนั้น การก้าหนดนับวันสงกรานต์จึงตกอยู่ในระหว่างวันที่ ๑๓, ๑๔ และ ๑๕ เมษายน ซึ่งทั้ง ๓ วัน จะมีชื่อเรียกเฉพาะดงั นี้ คือ วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า มหาสงกรานต์ หมายถึงวันที่ดวงอาทิตย์ก้าวข้ึนสู่ราศีเมษ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากท่ีผ่านการเข้าส่รู าศอี ื่น ๆ แล้วจนครบ ๑๒ เดอื น วันที่ ๑๔ เมษายน เรียกว่า วันเนา หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์เคล่อื นเข้าอยูร่ าศีเมษ ประจ้าทีเ่ รยี บรอ้ ยแลว้ วันท่ี ๑๕ เมษายน เรียกว่า วันเถลิงศก หรือวันข้ึนศกคือวันที่เร่ิมเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การก้าหนดให้อยู่ในวันน้ีน้ันเพื่อให้แน่ใจได้ว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนขึ้นอยู่ราศีเมษแนน่ อนแลว้ อย่างนอ้ ย ๑ องศา ท้งั สามวันน้ี ถ้าหากดูตามประกาศสงกรานต์ อันเป็นการค้านวณตามหลักโหราศาสตร์จริงแล้ว ก็จะมีการคลาดเคล่ือนไม่ตรงกันบ้าง เช่น วันมหาสงกรานต์ อาจจะเป็นวันท่ี ๑๔ เมษายนแทนทจี่ ะเป็นวันท่ี ๑๓ เมษายน แต่เพอื่ ให้จดจ้าได้งา่ ยและไม่สับสนจงึ ก้าหนดเรยี กตามท่ีกล่าวข้างต้นความสา้ คญั ของวนั สงกรานต์

5 ดังได้กล่าวแล้วว่า สงกรานต์เป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซ่ึงได้ยึดถือปฏิบัติมาเนิ่นนาน บรรพบุรุษของเราได้ก้าหนด ธร ร มเนียมปฏิบัติมาอย่างชัด เจนสืบทอด ต่อกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรมประจ้าชาติ เป็นความงดงาม ซ่ึงบ่งบอกถึงคุณลักษณะของความเป็นไทยอย่างแท้จริง เช่น ความกตัญญูความโอบอ้อมอารี ความเอื้ออาทรทั้งต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อมความสนกุ สนานรน่ื เรงิ เปน็ ต้นวันผสู้ งู อายแุ ห่งชาตแิ ละวันครอบครวั วั น ท่ี ๑ ๓ เ ม ษ า ย น ข อ ง ทุ ก ปี น อ ก จ า ก จ ะ เ ป็ น วั นมหาสงกรานต์แล้ว รัฐบาลยังก้าหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย เพื่อให้ลูกหลานได้เล็งเห็นความส้าคัญของผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นบุพการี ผู้อาวุโสหรือผู้ใหญ่ในชุมชนท่ีเคยท้าคณุ ประโยชน์แก่สงั คมนั้น ๆ มาแล้ว ส่วนวันที่ ๑๔ เมษายนของทุกปี รัฐบาลก็ได้ก้าหนดให้เป็น “วันครอบครัว” เพราะเห็นว่าช่วงดังกล่าว เป็นระยะเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับไปหาครอบครัวอยู่แล้ว จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความรักความอบอุ่น ท่ีจะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และทา้ กิจกรรมร่วมกันในครอบครัวกจิ กรรมในวนั สงกรานต์ จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ท่ีเราได้ถือปฏิบัติสืบต่อ ๆกันมานั้น มีความมุ่งหมายให้เกิดความสงบสุขแก่จิตใจ ครอบครัวและสังคมเป็นส้าคญั กจิ กรรมท่ีท้าก็มอี ย่างหลากหลาย และมีเหตุผลในการกระท้าดังกล่าวท้ังส้ิน ซึ่งสามารถประมวลกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดังตอ่ ไปนี้  กอ่ นวนั สงกรานต์

6 เป็นการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพ่ือความ เป็นสิริมงคล และต้อนรบั ชวี ติ ใหม่ทีจ่ ะเรม่ิ ต้นในวันปีใหมท่ ก่ี ้าลังจะมาถงึ กิจกรรมที่ท้าไดแ้ ก่ - ก า ร ท้ า ค ว า ม ส ะ อ า ด บ้ า น เ รื อ น ท่ี อ ยู่ อ า ศั ยเครื่องใช้ข้าวของต่าง ๆ รวมทั้งสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น วัดศาลา บรเิ วณชมุ ชน เปน็ - การเตรียมเส้ือผ้าท่ีจะสวมใส่ไปท้าบุญ รวมท้ังเครื่องประดับตกแต่งต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีผ้าส้าหรับไปไหว้ผู้ใหญ่เพือ่ รดน้าขอพรดว้ ย - การเตรียมอาหารในการไปท้าบุญ ทั้งของคาวของหวานท่ีพิเศษ ได้แก่ การเตรียมขนมท่ีถือเป็นสัญลักษณ์ของวันตรุษและวันสงกรานต์ น่ันคือ ข้าวเหนียวแดงส้าหรับวันตรุษ และขนมกวนหรอื กาละแมสา้ หรับวนั สงกรานต์  ชว่ งวันสงกรานต์ เมื่อถึงวันสงกรานต์ก็จะเป็นเวลาท่ีทุกคนจะย้ิมแย้ม แจ่มใส ท้าใจให้เบิกบาเพ่อื ท้ากจิ กรรมต่าง ๆ ซง่ึ มดี งั ต่อไปน้ี - การท้าบุญตักบาตรตอนเช้า หรือน้าอาหารไปถวายพระท่ีวัด การท้าบุญอัฐิ อาจจะท้าตอนไหนก็ได้ เช่นหลังจากพระภิกษุ-สามเณร ฉันเพลแล้ว หรือจะนิมนต์พระมาสวดมนต์ ฉันเพลที่บ้าน แล้วบังสุกุลก็ได้ การท้าบุญอัฐิ อาจจะนิมนต์พระไปยังสถานท่ีเก็บหรือบรรจุอัฐิ หากไม่มีให้เขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับไปแลว้ ลงในกระดาษแผน่ น้ันเสยี เชน่ เดยี วกับการเผาศพ - การสรงน้าพระ มี ๒ แบบ คือ การสรงน้าพระภกิ ษสุ ามเณรและการสรงน้าพระพทุ ธรูป 1) การสรงน้าพระภิกษุสามเณร จะใช้แบบเดียวกับอาบน้า คือ การใช้ขันตักรดที่ตัวท่าน หรือที่ฝ่ามือก็ได้

7แล้วแต่ความนิยม หากเป็นการสรงน้าแบบอาบน้าพระจะมีการถวายผา้ สบง หรอื ถวายผา้ ไตรตามแตศ่ รทั ธาดว้ ย 2) การสรงน้าพระพุทธรูป อาจจะจัดเป็นขบวนแห่หรือเชิญมาประดิษฐานในท่ีเหมาะสม การสรงน้าจะใช้น้าอบ น้าหอม หรือน้าท่ีผสมด้วยนา้ อบ น้าหอมประพรมท่ีองค์พระ  การก่อพระเจดีย์ทราย จะท้าในวันใดวันหนึ่ง ระหวา่ งวนั ที่ ๑๓ – ๑๕เมษายน โดยการขนทรายมาก่อเป็นเจดีย์ขนาดต่าง ๆ ในบริเวณวัดโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้วัดได้ใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างหรือถมพื้นต่อไป ถือเป็นการท้าบุญอีกลักษณะหน่ึงที่ได้ท้ังบุญและความสนุกสนาน  การปล่อยนกปล่อยปลา เป็นการท้าบุญท้าทานอีก รปู แบบหนงึ่ โดยเฉพาะการปล่อยนกปล่อยปลาที่ติดกับดัก บ่วงให้สู่อิสระ หรือปลาที่อยู่ในนา้ ต้นื ๆ ซงึ่ อาจจะตายได้ หากปล่อยใหอ้ ยูใ่ นสภาพแบบเดิม  การรดน้าผู้ใหญ่หรือการรดน้าขอพร เป็นการแสดงความเคารพต่อผูใ้ หญ่ของครอบครวั หรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือการรดน้าผู้ใหญ่อาจจะรดน้าหรือรดเฉพาะท่ีฝ่ามือก็ได้ ดังนั้น จึงควรมีผ้านุ่งห่มไปมอบให้ด้วย เพ่ือจะได้ผลัดเปลี่ยนหลังจากเสร็จส้ินพิธแี ล้ว  การเล่นรดน้า หลังจากเสร็จพิธีการต่าง ๆ แล้วเป็นการเล่นรดน้าเพ่ือเช่ือมความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตร โดยการใช้น้าสะอาดผสมน้าอบหรือน้าหอม หรือจะใช้น้าอบก็ได้ รดกันเบาๆ ด้วยความสภุ าพ  การเล่นรื่นเริงหรือมหรสพต่าง ๆ เป็นการเช่ือมความสามัคคีและเพื่อความสนุกสนาน รวมทั้งยังเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ให้คงอยู่ต่อไป เช่น ลิเก ล้าตัดโปงลาง หมอลา้ หนังตะลงุ นอกจากกจิ กรรมดงั กล่าวแลว้ บางแหง่ ยังมีการทรงเจ้า เข้าผเี พอื่ ความสนุกสนาน

8เช่น การเข้าทรงแม่ศรี การละเล่นสะบ้า เล่นลูกข่าง เล่นเพลงพิษฐาน (อธิษฐาน) สุดแล้วแต่ความนิยมของท้องถ่ินนั้น ๆประเพณปี ฏบิ ัติเหล่าน้ีอาจจะมีความแตกต่างกันออกไปบ้างตามแต่ละท้องถ่ิน การยึดถือปฏิบัติอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความตอ้ งการของชมุ ชนเป็นสา้ คญัประเพณสี งกรานต์ในแต่ละภมู ภิ าค ปจั จบุ ันแมป้ ระเพณีสงกรานต์ในหลายท้องท่ีจะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันมากขึ้น โดยเฉพาะตามจังหวัดใหญ่ ๆ อย่างไรก็ดีในแต่ละภมู ภิ าคก็ยงั มีเอกลกั ษณ์เฉพาะถิ่นท่ีนา่ สนใจ คอื ภาคเหนือ หรือท่ีเรียกว่า ล้านนา เขาจะเรียกวันที่ ๑๓เมษายน วา่ “วันสงกรานต์ล่อง” (อน่ าสงั ขานลอ่ ง) หมายถงึ วันท่ปี ีเก่าผ่านไป หรือวันท่ีสังขารร่างกายแก่ไปอีกปี วันน้ีตอนเช้าจะมีการยิงปืน หรือจุดประทัดเพื่อขับไล่เสนียดจัญไร จากน้ันก็จะมีการท้าความสะอาดบ้านเรือน ช้าระล้างร่างกาย รวมท้ังแต่งตัวด้วยเส้ือผา้ ใหม่พื่อต้อนรบั ปใี หม่ วันที่ ๑๔ เมษายน เรียก “วันเนา” หรือ “วันดา” จะเป็นวันเตรียมงานต่าง ๆ เช่น เครื่องสังฆทาน อาหารที่จะไปท้าบุญและแจกญาติพี่น้อง เพ่ือนบ้าน วันนี้บางทีเรียกว่า “วันเน่า” เพราะถือว่าเป็นวันห้ามพูดจาหยาบคาย เพราะเช่ือว่าจะท้าให้ปากเน่า ไม่เจริญ วันที่ ๑๕ เมษายน เรียก “วันพญาวัน” หรือ “วันเถลิงศก” ถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่เป็นวันที่ชาวบ้านจะท้าบุญประกอบกุศลเลี้ยงพระ ฟังธรรม อุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ สรงน้าพระพุทธรูปและพระสงฆ์ น้าไม้ไปค้าต้นโพธ์ิ รดน้าด้าหัวขอพรผใู้ หญ่ ค้าว่า “ด้า หัว ” ปกติแปล ว่า “สร ะผ ม ” แต่ใ นท า งประเพณีสงกรานต์ หมายถึง การไปแสดงความเคารพ ขอ

9อโหสิกรรมที่อาจจะล่วงเกินในเวลาท่ีผ่านมา และขอพรจากท่านโดยมีดอกไม้ ธูปเทียน และน้าหอมที่เรียกว่า “น้าขม้ินส้มป่อย”(ประกอบด้วยน้าสะอาดผสมดอกไม้แห้ง เช่น สารภี หรือดอกค้าฝอย และผักส้มป่อยเผาไฟ) พร้อมท้ังน้าของไปมอบผู้ใหญ่ เช่นผลไม้ เสื้อผ้า อาหาร ฯลฯ เม่ือผู้ใหญ่กล่าวอโหสิกรรม และอวยพร ทา่ นจะใช้มอื จุ่มนา้ ขมิ้นส้มป่อยลูบศรีษะตนเอง ถัดจากวันพญาวัน เรียกว่า วันปากปี จะมีการท้าพิธีสะเดาะเคราะห์ พิธีสืบชะตา และการท้าบุญข้ึนท้าวท้ังส่ี (คือการไหวเ้ ทวดาประจ้าทศิ ) รวมถึงการจดุ เทียนตอ่ อายุชะตาภายในบ้าน นอกจากนี้หลายท้องที่ยังจัดการละเล่นร่ืนเริง สนุกสนานมีมหรสพการแสดง หรือมีการจัดประเพณีวัฒนธรรมท้องถ่ินเสริมไปดว้ ย เชน่ การประกวดกลองมองเซิง กฬี าพื้นเมือง เปน็ ตน้ ภาคอีสานหรือตะวันออกเฉียงเหนือ ประเพณีสงกรานต์จะจัดกิจกรรม ๓ วันบ้าง ๕ วันบ้าง หรืออาจจะ ๗ วัน ก็แล้วแต่ท้องถนิ่ ก้าหนด โดยวันแรกจะตรงกับวันท่ี ๑๓ เมษายน กิจกรรมที่จะจัดคล้ายกับทางเหนือ กิจกรรมหลัก ๆ คือ สรงน้าพระพุทธรูปซึ่งส่วนใหญ่จะท้าอยู่วันเดียว โดยมากจังหวัดจะจัดขบวนแห่ประกอบด้วยพระพุทธรูปและบริวารอื่น ๆ เม่ือแห่เสร็จก็จะมีการสรงนา้ พระพุทธรูป และพระสงฆ์ตามลา้ ดบั จากน้ันก็มักมีการท้าบุญอัฐิบรรพบุรุษ ที่เรียกว่า สักอนิจจา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์น้ี คนอีสานท่ีไปท้ามาหากินหรือตั้งถ่ินฐานอยู่ต่างถ่ิน มักจะเดินทางกลับภูมิล้าเนาในวันสงกรานต์เพ่อื รวมญาติ และท้าบญุ อุทศิ สว่ นกุศลให้บรรพชนผลู้ ่วงลับไปแล้ว นอกจากน้ีก็มีการปล่อยสัตว์ ปล่อยนกปล่อยปลา ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ก็มีการรดน้าขอพรผู้ใหญ่ การแสดง และการละเล่นต่าง ๆ ตามประเพณีท้องถ่ิน ด้านคนหนุ่มสาวและเด็ก ๆ ก็จะเล่นสาดน้ากันด้วยความสนุกสนาน เชื่อมสัมพันธ์กันและกัน โดยก่อนวันสงกรานต์จะมีการท้าความสะอาดบ้าน การเตรียมอาหารและทุกสิ่งไว้ให้พร้อม เพ่ือจะได้งดการท้าภารกิจต่าง ๆ ในช่วงสงกรานต์ซึ่งถือเป็นวนั เฉลมิ ฉลองปีใหม่ทที่ ุกคนรอคอย

10 ภาคใต้ จะเรียก “วันสงกรานต์” ว่า “ประเพณีวันว่าง”ถือว่าเป็น วันละวางกายและใจ จากภารกิจปกติ ซ่ึงตามประเพณีจะจัดกจิ กรรม ๓ วนั คอื วันท่ี ๑๓, ๑๔ และ ๑๕ เมษายนของทกุ ปี วันที่ ๑๓ เมษายน เรยี กวา่ “วนั เจา้ เมืองเกา่ ” หรือ “วันสง่ เจ้าเมืองเก่า” เพราะเชื่อว่าเทวดารักษาบ้านเมืองกลับไปชุมนุมกันบนสวรรค์ ในวันนี้มักจะเป็นวันท้าความสะอาดบ้านเรือน และเครอ่ื งใชไ้ ม้สอยต่าง ๆ รวมทั้งท้าพิธีสะเดาะเคราะห์ ท่ีเรียกว่า ลอยเคราะห์ หรือลอยแพ เพ่ือให้เคราะห์กรรมต่าง ๆ ลอยตามไปกับเจ้าเมืองเกา่ ไป และมักจะมกี ารสรงนา้ พระพทุ ธรูปสา้ คัญในวนั นี้ วันท่ี ๑๔ เมษายน เรียกว่า “วันว่าง ” คือ วันที่ปราศจากเทวดาที่รักษาเมือง ดังนั้น ชาวบ้านก็จะงดงานอาชีพต่างๆ แล้วไปทา้ บญุ ท่วี ัด และรดน้าขอพรผใู้ หญ่ วันท่ี ๑๕ เมษายน เรียกว่า “วันรับเจ้าเมืองใหม่” คือวันรับเทวดาองค์ใหม่ท่ีได้รับมอบหมายให้มาดูแลเมืองแทนองค์เดิมวันนี้ชาวเมืองมักจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า เครื่องประดับใหม่ แล้วน้าอาหารไปท้าบญุ ท่วี ดั นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ชาวใต้ยังมีการปล่อยนกปล่อยปลา การก่อเจดีย์ทราย และการเล่นสาดน้าเช่นเดียวกับภาคอ่ืน ๆ และในสมัยกอ่ นแต่ละหมู่บ้านจะมีคระเพลงบอกออกไปตระเวนร้องตามชมุ ชนหรอื หมูบ่ ้าน โดยมีการร้องเปน็ ตา้ นานสงกรานต์ หรือเพลงอืน่ ๆ ตามทเ่ี จา้ ของบา้ นร้องขอด้วย ภาคกลาง ประเพณีสงกรานต์ในภาคกลางจะมีกิจกรรมหลัก ๆ คล้ายภาคอ่ืน ๆ เช่นกันคือ การท้าความสะอาดบ้านเรือนเคร่ืองใชต้ า่ ง ๆ ก่อนวนั สงกรานต์ คร้ันถึงวันสุกดิบ (ก่อนสงกรานต์หน่ึงวัน) ก็จะเป็นการเตรียมอาหารคาวหวานไปท้าบุญตักบาตรหรือน้าไปถวายพระท่ีวัด ซ่ึงอาหาร/ขนมที่นิยมท้าในเทศกาลนี้ได้แก่ ข้าวแช่ ขา้ วเหนยี วแดง กะละแม ลอดชอ่ ง เปน็ ต้น

11คณุ ค่าและสาระของวนั สงกรานต์ จากภาพรวมของกิจกรรมต่าง ๆ ในวันสงกรานต์จะเห็นได้ว่า สงกรานต์เป็นประเพณีที่งดงาม อ่อนโยน เอื้ออาทร และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความเคารพซ่ึงกันและกัน เป็นประเพณีท่ีให้ความส้าคัญของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ในสังคม โดยใชน้ า้ เปน็ ส่อื ในการเชื่อนความสัมพันธ์ระหว่างกนั ประเพณีที่ถือปฏิบัติและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เช่นประเพณีสงกรานต์น้ี จึงย่อมมีความหมายและมีคุณค่าต่อผู้ปฏิบัติชมุ ชน และสังคมเป็นอยา่ งยงิ่ กลา่ วคอื สงกรานต์ - คณุ ค่าตอ่ ตนเอง  วันสงกรานตเ์ ปน็ วนั แหง่ การเรม่ิ ต้นชีวิตใหม่ โดย หนั กลับมามองตนเองหรือส้ารวจตนเองว่าในรอบ ๑ ปีท่ีผ่านมา เราได้กระท้าส่ิงใดท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อครอบครัวต่อคนรอบข้าง และต่อสังคมแล้วหรือยงั เราใสใจกบั สุขภาพรา่ งกายของตนเองมากน้อยแค่ไหน บางคนมัวแต่ท้างานจนลืมดูแลตัวเอง ลืมเอาใจใส่ครอบครัว บุพการีเรามีความสุขกับส่ิงที่เป็นอยู่หรือไม่ และนับจากน้ีไปเราควรจะท้าอย่างไรเพ่ือให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุข หลาย ๆคนจึงถือเอาวันสงกรานต์หรือวันข้ึนปีใหม่นี้เป็นวันเร่ิมต้นในการด้าเนนิ ชวี ิตใหม่ สงกรานต์ - คณุ คา่ ตอ่ ครอบครัว  วั น ส ง ก ร า น ต์ เ ป็ น วั น แ ห่ ง ค ว า ม รั ก ผู ก พั น ใ น ครอบครัวอยา่ งแท้จรงิพ่อแม่จะเตรียมเส้ือผ้าใหม่พร้อมเครื่องประดับให้ลูกหลานไปท้าบุญลูกหลานก็จะเตรียมเส้ือผ้า เครื่องนุ่งห่มให้ผู้ใหญ่ได้สวมใส่หลังการรดน้าขอพร เมื่อถึงวันสงกรานต์ทุกคนจะหาโอกาสกลับบ้านไปหา

12พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ รดน้าขอพรเพ่ือเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ และเปน็ กา้ ลังใจซงึ่ กนั และกนั ในการด้ารงชวี ติ อยู่ต่อไป  วันสงกรานต์เป็นวันแห่งการแสดงความกตัญญูโดยการปรนิบัติต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณที่มีชีวิตอยู่ และท้าบุญอุทิศสว่ นกุศลใหแ้ ก่ผทู้ ล่ี ว่ งลบั ไปแลว้ สงกรานต์ - คุณคา่ ตอ่ ชุมชน  วันสงกรานต์เป็นวันที่ก่อให้เกิดความสมัครสมาน สามคั คใี นชุมชน เช่น ได้พบปะสังสรรค์ ได้ท้าบุญร่วมกัน และได้เล่นสนุกสนานรื่นเริงกันในยามบา่ ยหลังจากการทา้ บญุ โดยการเลน่ รดน้าในหม่เู พื่อนฝูงและคนรู้จัก และการละเลน่ ตามประเพณีท้องถ่ิน เป็นตน้ สงกรานต์ - คุณค่าตอ่ สังคม  สงกรานต์เป็นประเพณีท่ีก่อให้เกิดความเอ้ืออาทร ต่อสงิ่ แวดลอ้ ม เพราะก่อนวันสงกรานต์ทุกคนจะช่วยกันท้าความสะอาดบ้านเรือนสิ่งของเคร่ืองใช้ทุกอย่างให้สะอาดหมดจด เพื่อจะได้ต้อนรับปีใหม่ด้วยความแจ่มใส เบิกบาน นอกจากน้ีควรช่วยกันท้าความสะอาดวัดวาอาราม ทส่ี าธารณะ และอาคารสถานท่ขี องหนว่ ยงานต่าง ๆ ดว้ ย สงกรานต์ - คณุ คา่ ตอ่ ศาสนา  วันสงกรานต์เป็นวันท้าบุญคร้ังส้าคัญครั้งหนึ่งของ พทุ ธศาสนิกชนโดยการท้าบุญตักบาตร เลี้ยงพระ ฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม และสรงน้าพระ การศรัทธาในการท้าบุญท้าทาน ถือเป็นการเกื้อกูลสูงสุดของมนุษยชาติ และการถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต และสามารถสืบทอดพระพุทธศาสนามาได้จนถึงปจั จบุ นั

13แนวทางปฏิบัตใิ นวนั สงกรานต์ เพื่อด้ารงไว้ซ่ึงความหมาย สาระ และคุณค่าของวันสงกรานต์ดังกล่าว ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเราจึงควรเลือกประพฤติปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นแก่นแท้ หรือที่เป็นเน้ือหาสาระของประเพณีสงกรานต์อย่างแท้จริง กิจกรรมใดที่หลงเหลือแต่เพียงรูปแบบแต่ขาดซ่ึงความหมายท่ีแท้จริง เช่น การก่อพระเจดีย์ทราย ซ่ึงปัจจุบันมิได้ท้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้พระภิกษุสงฆ์ได้น้าทรายไปใช้ในการก่อสร้างวัด หรือการปล่อยนกปล่อยปลา ซ่ึงปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจเพ่ือซื้อ – ขาย ก็อาจจะมีความจ้าเป็นต้องยกเลิกไปหรือปรับปรุงเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับยุคสมัยหากจา้ เปน็ กิจกรรมท่ีสมควรประพฤติปฏิบัติในวันสงกรานต์ เพ่ือสืบทอดความดงี ามของคณุ ค่าของประเพณีนี้ไว้ มดี ังน้ี  การท้าบญุ ตกั บาตรหรือน้าอาหารไปถวายพระท่ีวัดเพ่ือสืบทอดและท้านุบ้ารุงพระพุทธศาสนา และเพื่อกล่อมเกลาจิตใจใหร้ ู้จกั การให้ เสียสละ โดยมิไดม้ งุ่ หวงั สงิ่ ใดตอบแทน  การทา้ บุญอทุ ศิ ส่วนกศุ ลใหแ้ กบ่ รรพบุรุษ เพือ่ แสดงกตญั ญูตอ่ ผ้มู ีพระคุณทีล่ ว่ งลับไปแลว้  การสรงน้าพระท้ังพระภิกษุสงฆ์และพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลและแสดงความเคารพต่อปูชนียบุคคลท่ีด้ารงสืบทอดพระพทุ ธศาสนา  การรดน้าขอพร เป็นการแสดงความเคารพและแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณโดยเฉพาะผู้อาวุโสน้อยพึงปฏิบัตต่อผู้อาวุโ สมาก เช่น ลูก กับพ่อ -แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยา ยพุทธศาสนิกชนต่อพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น เป็นการแสดงความสุภาพอ่อนนอ้ ม ออ่ นโยน และขอรับพร ซ่งึ ผูอ้ าวุโสกว่าเหล่าน้ันจะได้อวยชัยให้พรให้อยู่เย็นเป็นสุข และได้ข้อคิดเตือนใจเพ่ือเร่ิมต้นปีใหม่อย่างไมป่ ระมาท

14  การเล่นรดน้า เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างญาติพน่ี อ้ งและมติ รสหาย ดว้ ยการรดน้าเพียงเล็กน้อยลงที่ไหล่ หรือท่ีมือพรอ้ มกับอวยพรให้มคี วามสุข  การเล่นร่ืนเริงต่าง ๆ เพื่อเชื่อมความสามัคคีและเพ่ือความสนุกสนาน รวมทั้งการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยตู่ อ่ ไป อนึ่ง ในแต่ละท้องถิ่นย่อมมีค่านิยมและธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์ท่ีแตกต่างกันออกไป ก็สมควรให้ปฏิบัติไปตามน้ัน เพื่อเป็นการเคารพภูมิปัญญาของบรรพบุรุ ษท่ีได้กล่ันกรองเลือกสรรแล้วว่าเหมาะสมกับท้องถ่ินของตนเอง ดังน้ันการจะเปลี่ยนแปลงใด ๆ จึงขึ้นกับวิจารณญาณของเจ้าของวัฒนธรรมน้ัน ๆ โดยตรง ที่จะเลือกรับหรือไม่รับส่ิงท่ีแตกต่างไปจากเดิม รวมทง้ั สง่ิ ใหม่ ๆ ทีแ่ ทรกเขา้ มาอย่างไมห่ ยดุ ย้ังการจัดพธิ ีรดนา้ ขอพร การจดั รดนา้ ขอพรผูใ้ หญ่ในบา้ น - จัดสถานที่และท่ีนั่งให้เหมาะสม เช่น ในบ้านหรือ บริเวณลานบ้าน โดยจะให้ท่านนั่งบนเกา้ อ้ี หรือนัง่ กับพน้ื กด็ ูความสะดวกของทา่ น - จัดน้าผสมน้าอบหรือน้าหอม (อาจลอยดอกไม้เพิ่ม เช่น กลีบกหุ ลาบ มะลิ)ใส่ขนั หรือภาชนะทีเ่ หมาะสมไว้ส้าหรบั รดน้าพร้อมภาชนะรองรับ - การรดน้าขอพร ให้รดน้าที่ฝ่ามือทั้งสองของท่าน โดยผู้ใหญแ่ บมอื ไม่ต้อประนม เม่ือลกู หลานมารดน้า ผู้ใหญ่ก็จะให้ศีลให้พรหรืออาจจะเอาน้าท่ีรดให้ลูบศีรษะผู้มารด เม่ือรดน้าเสร็จแล้วบางครั้งก็อาจจะอาบน้าจริง คือ รดแบบท้ังตัว แล้วน้าผ้าใหม่มาให้ผู้ใหญ่เปลี่ยนก็ได้ การรดนา้ ขอพรผู้ใหญ่ในทีท่ า้ งานหรอื ชุมชนตา่ ง ๆ

15 จัดแบบไม่เป็นทางการ ส่วนใหญ่จะใช้ห้องของผู้ใหญ่/ผู้บังคับบัญชาเอง หรือห้องท่ีเห็นว่าเหมาะสม แล้วจัดน้าส้าหรับรดและภาชนะรองรับเตรียมไว้ให้พร้อม จากนั้นเชิญท่านมาน่ังในบริเวณท่ีจดั ไวพ้ รอ้ มเชิญทกุ คนมาร่วมรดนา้ ขอพร เมื่อแล้วเสร็จท่านอาจจะกล่าวให้พรอีกครั้ง ตัวแทนก็มอบของที่ระลึก อาจจะเป็นผ้าหรือของกินของใช้ ตามแตจ่ ะเหน็ สมควร จัดแบบพิธีการ มักจะมีการจัดโต๊ะสรงน้าพระพุทธรูปพร้อมจัดตกแต่งสถานท่ีอย่างเป็นระเบียบสวยงาม เมื่อเริ่มพิธี จะมีพิธีกรกล่าวแนะน้าและเชิญผู้ใหญ่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนไปน่ังยังสถานท่ีที่จัดไว้ เม่ือรดน้าเสร็จผู้ใหญ่ก็จะกล่าวอวยพร และเปน็ ตวั แทนมอบของขวัญแก่ท่านพระพทุ ธสิหงิ คก์ บั วันสงกรานต์ ก า ร อั ญ เ ชิ ญ พ ร ะ พุ ท ธ สิ หิ ง ค์ ซ่ึ ง เ ป็ น พ ร ะ พุ ท ธ รู ปคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณมายังบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อให้ประชาชนได้มาสักการบูชาและสรงน้าในวันสงกรานต์นั้น เร่ิมเม่ือปีพ.ศ. ๒๔๗๗ ในสมัยพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยทางการเป็นผ้จู ัดขน้ึ เพอ่ื ความเปน็ สิริมงคล และเป็นขวัญก้าลังใจในโอกาสเฉลิมฉลองปีใหม่ไทย ดังนั้น ทุกวันสงกรานต์เราจึงได้สรงน้าพระพุทธสิหิงค์ปีละครั้ง และถือเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนปจั จุบนั ตา้ นานพระพทุ ธสหิ งค์ ตามประวัติเล่าว่า พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปท่ีพระมหากษัตริย์ลังกา ๓ พระองค์ ได้ร่วมพระทัยพร้อมกับพระอรหันตใ์ นเกาะลงั กา สรา้ งขนึ้ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๗๐๐ โดยมีพระยานาคท่ีเคยได้เห็นพระพุทธองค์ได้แปลงกายมาเป็นแบบ และได้ประดิษฐานเป็นท่เี คารพสกั การะแกช่ าวลงั กามาเปน็ เวลาชา้ นาน ตอ่ มาสมัยพ่อขุนรามค้าแหง ได้ทราบถึงลักษณะที่งดงามของพระพุทธสิหิงค์ ก็โปรดเกล้าฯ ให้แต่งทูตเชิญพระราชสาส์นไปขอประทานมาจากพระเจ้ากรุงลังกา พระพุทธสิหิงค์จึงได้มา

16ประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย จากนั้นด้วยสถานการณ์การเมืองท่ีเปลี่ยนแปลงไปในสมัยต่อ ๆ มา พระพุทธสิหิงค์จึงถูกอัญเชิญไปป ร ะ ดิ ษ ฐ า น อ ยู่ ต า ม เ มื อ ง ต่ า ง ๆ ตั้ ง แ ต่ พิ ษ ณุ โ ล ก อ ยุ ธ ย าก้าแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ จนมาสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาท จึงได้ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมายังกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๘ และได้ประดษิ ฐานอยู่ ณ พระท่ีนั่งพุทไธสวรรยม์ าจนถงึ ปัจจบุ ัน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพระพุทธรูปที่ทรงพระนามว่า“พระพุทธสิหิงค์” อยู่ ๓ องค์ คือ ๑. ในพระท่ีนั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร คอื องคท์ กี่ ลา่ วถึงขา้ งต้น เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยวสั ดุโลหะสัมฤทธิ์ ๒. ในหอพระสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างในลักษณะปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร มีพระพักตร์กลมอมย้ิม หล่อดว้ ยวสั ดโุ ลหะสัมฤทธ์ิ ๓. ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปางมารวิชยั ขดั สมาธิเพชร หล่อด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ลงรักปิดทองเป็นศลิ ปะสมยั เชยี งแสนรุน่ แรกตา้ นานนางสงกรานต์ นอกจากความหมาย สาระ คุณค่า และแนวทางในการปฏบิ ัติเนอื่ งในเทศกาลสงกรานตแ์ ล้ว หลายคนคงสงสัยว่าแล้ว “นางสงกรานต์” มาเกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ตรงไหน เรื่องนางสงกรานต์น้ีเป็นคติความเชื่ออยู่ใน “ต้านานสงกรานต์” ซ่ึงรัชกาลท่ี๓ ให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) เป็นเร่ืองเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าว พระอาทิตย์ยกข้ึนสู่ราศีเมษและถือเป็นวันข้ึนปีใหม่ตามสุริยคติ โดยสมมุติผ่านนางสงกรานต์ทง้ั เจด็ เทียบกบั แตล่ ะวันในสัปดาห์ โดยเรื่องเล่าวา่ มีเศรษฐีคนหน่ึงไม่มีบุตร จึงถูกนักเลงสุราข้างบ้านซึ่งมีบุตรสองคนกล่าวค้าหยาบคายดูหม่ินในท้านองว่าถึงจะร่้ารวยเงิน

17ทอง แต่ก็ไม่มีบุตรสืบสกุล ตายไป สมบัติก็สูญเปล่า สู้ตนผู้มีบุตรก็ไม่ได้ เศรษฐีได้ฟังแล้วเกิดความละอาย จึงไปบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ แต่ผ่านไปสามปีก็ยังไม่มีบุตร อยู่มาวันหน่ึงเป็นวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ จึงได้ไปอธิฐานขอบุตรจากพระไทร พระไทรสงสารจึงไปขอพระอินทร์ ท่านจึงได้ส่งธรรมบาลเทวบุตรจุติมาเกิดเป็นลูกเศรษฐี มีชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร ซึ่งเม่ือเจริญวัยข้ึนก็รู้ภาษานก และเรียนไตรเพทจบเมื่ออายุเพียงเจ็ดปี ต่อมาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์ แต่ขณะน้ันท้าวกบิลพรหมเป็นผู้ท้าหน้าท่ีแสดงมงคลท้ังปวงแก่มนุษย์อยู่ก่อนแล้ว จึงเกิดความไม่พอใจไปท้าธรรมบาลกุมารใหต้ อบปรศิ นาสามข้อ โดยมีข้อแม้ว่าหากธรรมบาลกุมารตอบไม่ได้จะต้องตัดศีรษะบูชาตน หากตอบได้ตนก็จะตัดศรี ษะบูชาธรรมบาลกมุ ารแทน ปริศนาดังกล่าวมอี ย่วู า่ ข้อท่ี ๑ ราศี อยู่ท่ีใด (ราศี หมายถึง ความอิ่มเอิบความภาคภมู )ิ ข้อท่ี ๒ เที่ยง ราศี อยทู่ ่ีไหน ขอ้ ที่ ๓ ค้่า ราศีอยูท่ ีใ่ ด ธรรมบาลกุมารขอผัดไปเจ็ดวัน ปรากฏว่าเวลาล่วงถึงวันที่หก ก็ยังคิดหาค้าตอบไม่ได้ จึงไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล บังเอิญขณะน้ันได้ยนิ เสียงนกอินทรีย์สองผัวเมียคุยกันว่า วันรุ่งข้ึนจะได้กินศพธรรมบาลกุมาร เพราะตอบปริศนาไม่ได้ พร้อมกันนั้นนกตัวผู้ก็ได้เฉลยค้าตอบแก่นกตัวเมียว่า เช้า ราศีอยู่ที่หน้ามนุษย์จึงเอาน้าลา้ งหนา้ เที่ยง ราศอี ยู่ที่อกมนษุ ย์จงึ เอาเคร่อื งหอมประพรมที่อก คา่้ราศีอยู่ท่ีเท้ามนุษย์จึงเอาน้าล้างเท้า ธรรมบาลกุมารได้ยินก็สามารถตอบปริศนาได้ ดังนั้น ท้าวกบิลพรหม จึงต้องตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ก่อนจะตัดศีรษะ ท้าวกบิลพรหมก็ได้เรียกธิดาท้ังเจ็ดของตนที่เป็นบาทบริจาริกา (แปลว่านางบ้าเรอแทบเท้าหรือสนม)ของพระอินทร์มาสั่งเสียว่าในมหาสมุทร น้าก็จะแห้ง ดังนั้น จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดน้าพานมารองรับศีรษะท่ีถูกตัด แล้วน้าไปแห่รอบเขาพระสุเมรุ จากนั้นก็อัญเชิญประดิษฐานที่มณฑปถ้าคันธุลีเขาไกรลาสครั้นถึงก้าหนด ๓๖๕ วัน ซึ่งโลกสมมุติว่าเป็นปีหน่ึงเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์ เทพธิดาท้ังเจ็ดก็จะทรงพาหนะต่าง ๆ ผลัดเวรกันมา

18เชิญพระเศียรของบิดาออกแห่ โดยท่ีเทพธิดาท้ังเจ็ดน้ีปรากฎในวันมหาสงกรานต์เป็นประจ้า จึงได้ช่ือว่า “นางสงกรานต์” ส่วนท้าวกบิลพรหม ซ่ึงมีอีกช่ือว่า ท้าวมหาสงกรานต์นั้น โดยนัยก็คือ พระอาทิตย์ นน่ั เอง เพราะ กบลิ แปลวา่ สีแดง รูจ้ กั นางสงกรานต์ท้งั เจด็ น า ง ส ง ก ร า น ต์ ซ่ึ ง ป ร ะ จ้ า แ ต่ ล ะ วั น ใ น สั ป ด า ห์ จ ะ มี น า มอาหาร อาวุธ และสัตว์ทีเ่ ป็นพาหนะต่าง ๆ กันดงั ต่อไปนี้ วันอาทิตย์ นาม ทุงสะ ทัดดอกทับทิม เคร่ืองประดับปัทมราค หรือปัทมราช (พลอยสีแดง) ภักษาหารมะเดื่อ หัตถ์ขวาถอื จักร หตั ถ์ซา้ ยถือสงั ข์ มคี รุฑเปน็ พาหนะ วันจันทร์ นาม นางโคราคะ ทัดดอกปีบ เครื่องประดับมุกดา (ไข่มุก) ภักษาหารน้ามันหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า มเี สอื เปน็ พาหนะ วันอังคาร นาม นางรากษส (ราก-สด) ทัดดอกบัวหลวงเคร่ืองประดบั โมรา ภกั ษาหารโลหติ หตั ถ์ขวาถือตรีศูล หัตถ์ซ้ายถือธนู มีสุกร (หม)ู เปน็ พาหนะ วันพุธ นาม นางมณฑา ทัดดอกจ้าปา เคร่ืองประดับไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย หัตถ์ขวาถือเหล็กแหลม หัตถ์ซ้ายถือไม้เทา้ มคี สั พะ (ลา) เปน็ พาหนะ วั น พ ฤ หั ส บ ดี น า ม น า ง กิ ริ ณี ทั ด ด อ ก ม ณ ฑ าเคร่ืองประดับมรกต ภักษาหารถ่ัวงา หัตถ์ขวาถือขอช้าง หัตถ์ซ้ายถอื ปนื มชี า้ งเปน็ พาหนะ วันศุกร์ นาม นางกิมิทา ทัดดอกจงกลนี เครื่องประดับบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้า หัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือพิณ มกี ระบือ (ควาย) เปน็ พาหนะ วันเสาร์ นาม นางมโหธร ทัดดอกสามหาว (ผักตบ)เคร่ืองประดับนิลรัตน์ ภักษาหาร เน้ือทราย หัตถ์ขวาถือจักร หัตถ์ซ้ายถอื ตรศี ูรย์มนี กยูงเป็นพาหนะ อริ ยิ าบถของนางสงกรานต์

19 นอกจากนามของนางสงกรานต์แต่ละนามข้างต้น จะเป็น การบอกให้ทราบวา่ “วนัมหาสงกรานต์” หรือวันขึ้นปีใหม่ของปีนั้นตรงกับวันใดแล้ว ท่าหรืออิริยาบถที่นางสงกรานต์นั่ง/นอน/ยืน บนพาหนะ ยังเป็นการบอกว่าช่วงเวลาท่ีพระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งแต่ละปีจะไม่เหมือนกันด้วย เพราะสมยั ก่อนเขามิไดน้ ับว่าหลงั เที่ยงคืน (ท่ีปัจจุบันนิยมเคาน์ดาวน์) จะเป็นเวลาขึ้นปีใหม่ทันที แต่เขาจะนับจากช่วงเวลาท่ีพระอาทิตย์เคล่ือนจากราศีมีน มาอยู่ในราศีเมษ ซึ่งอาจจะเป็นเวลาเช้าสาย บ่าย เย็น หรือค้่าก็ได้ ดังนั้น อิริยาบถของนางสงกรานต์ที่ข่ีพาหนะมาจึงเป็นการบอกให้ทราบถึงช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งมีด้วยกัน๔ ท่า คอื ๑. ถ้าพระอาทิตย์ยกสู่ราศีเมษ ในระหว่างเวลารุ่งเช้าจนถงึ เท่ยี ง นางสงกรานต์จะยืนบนพาหนะ ๒. ถ้าพระอาทิตย์ยกสู่ราศีเมษ ในระหว่างเที่ยงจนถึงค่้านางสงกรานต์จะน่ังบนพาหนะ ๓. ถ้าพระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ ระหว่างค้่าไปจนถึงเท่ียงคืน นางสงกรานตจ์ ะนอนลืมตาบนพาหนะ ๔. ถ้าพระอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ ระหว่างเที่ยงคืนไปจนถึงรงุ่ เช้า นางสงกรานตจ์ ะนอนหลบั ตามบนพาหนะ ความเชอ่ื เกย่ี วกับนางสงกรานต์และวันสงกรานต์ คนสมัยก่อนรู้หนังสือกันน้อย อีกท้ังยังไม่มีสื่อที่จะบอกเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงวันส้าคัญต่าง ๆ ล่วงหน้าเช่นปัจจุบัน ดังนั้น ประกาศสงกรานต์ของทางราชการจึงมีสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการด้าเนินชีวิตของราษฎรที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม ซื่งนอกจากจะมีเน้ือหาข้างต้นแล้วประชาชนส่วนใหญ่ก็จะรอดูรูปนางสงกรานต์ของแต่ละปีด้วย เนื่องจากรูปนางสงกรานต์จะเป็นเครื่องบอกเหตุการณ์ หรือเป็นการท้านายอนาคตล่วงหน้า อันเป็นความเช่ือของคนสมัยนั้น ซึ่งจะมีท้ังการพยากรณ์เกี่ยวกับอิริยบถของนางสงกรานต์ว่า นางใดมาอิริยบทไหน จะเกิดเหตุเช่นไร

20รวมไปถึงการท้านายวันมหาสงกรานต์ วันเนา และวันเถลิงศกด้วยวา่ หากวนั เหลา่ นต้ี กวนั ใด จะมเี หตกุ ารณใ์ ดเกดิ ขน้ึ ส้าหรับความเชื่อในเร่ืองอิริยบทของนางสงกรานต์ เช่ือกันว่า ๑. ถา้ นางสงกรานต์ยืนมา จะเกดิ ความเดอื ดรอ้ นเจบ็ ไข้ ๒. ถ้านางสงกรานต์นั่งมา จะเกิดความเจบ็ ไข้ ผู้คนล้มตาย และเกดิ เหตเุ ภทภยั ตา่ ง ๆ ๓. ถ้านางสงกรานต์นอนลืมตา พระมหากษัตริย์จะ เจริญร่งุ เรอื งดี ๔. ถ้านางสงกรานต์นอนหลับตา พระมหากษัตริย์จะ เจรญิ รง่ เุ รืองดี ส่วนค้าท้านายเกี่ยวกับวันมหาสงกรานต์ วันเนา และวัน เถลิงศก กม็ วี า่ ๑. ถ้าวันอาทิตย์ เป็นวันมหาสงกรานต์ ปีนั้นพืชพันธุ์ ธัญญาหารไม่สู้จะงอกงามนักถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเนา ข้าวจะตายฝอย คนต่างด้าวจะเข้าเมืองยาก ท้าวพระยาจะร้อนใจ ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันเถลิงศก พระมหากษัตรย์จะมพี ระบรมเดชานุภาพ ปราบศัตรไู ด้ทวั่ ทุกทิศ ๒. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ ตลอดจนคุณหญิง คุณนาย ทั้งหลายจะเรืองอ้านาจ ถ้าวันจันทร์เป็นวันเนา มักเกิดความไข้ต่าง ๆ และเกลือจะแพง นางพญาจะร้อนใจ ถ้าวันจันทร์เป็นวันเถลิงศก พระราชินีและท้าวนางฝ่ายในจะมีความสุขส้าราญ ๓. ถ้าวันอังคาร เป็นวันมหาสงกรานต์ โจรผู้ร้ายจะชุกชุม จะเกิดการเจ็บไข้ร้ายแรง แต่ถ้าวันอังคารเป็นวันเนา ผลหมากรากไม้จะแพง ถ้าวันอังคารเป็นวันเถลิงศก ข้าราชการทุกหมู่เหล่าจะมคี วามสุข มชี ยั ชนะแก่ศัตรหู มพู่ าล ๔. ถ้าวนั พธุ เปน็ วนั มหาสงกรานต์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ ถ้าวันพุธเป็นวันเนา ข้าวปลาอาหารจะแพง แม่หม้ายจะพลัดท่ีอยู่ ถ้าวันพุธเป็นวันเถลิงศกบรรดานกั ปราชญ์ราชบณั ฑติ จะมคี วามสุขสา้ ราญ

21 ๕. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ ผู้น้อยจะแพ้ผู้เป็นใหญ่ และเจ้านาย ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันเนา ผลไม้จะแพงราชตระกูลจะมีความร้อนใจ ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันเถลิงศก สมณชีพราหมณ์จะปฏบิ ตั ิกรณียกจิ อนั ดงี าม ๖. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอดุ มสมบูรณ์ ฝนชุก พายุพัดแรงผู้คนจะเป็นโรคตาและเจ็บไข้กันมาก ถ้าวันศุกร์เป็นวันเนา พริกจะแพง แร้งกาจะเป็นโรค สัตว์ป่าจะเป็นอันตราย แม่หม้ายจะมีลาภ ถ้าวันศุกร์เป็นวันเถลิงศก พ่อค้าคหบดีจะทา้ มาค้าข้นึ มีผลกา้ ไรมาก ๗. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ โจรผู้ร้ายจะชุกชุมจะเกิดการเจ็บไข้ร้ายแรง ถ้าวันเสาร์เป็นวันเนา ข้าวปลาจะแพงข้าวจะได้น้อย ผลไม้จะแพง น้าน้อย จะเกิดเพลิงกลางเมือง ขุนนางจะต้องโทษ ถ้าวันเสาร์เป็นวันเถลิงศก บรรดาทหารทั้งปวงจะมีชยั ชนะแกข่ ้าศกึ ศตั รู การพยากรณ์ข้างต้น ก็เช่นเดียวกับท้านายดวงเมืองในปัจจุบัน อันเป็นการค้านวณทางโหรศาสตร์ที่เป็นสถิติชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์น้ัน ๆ ข้ึนก็ได้ แต่ค้าท้านายเหล่าน้ีก็เป็นเสมือนค้าเตือนล่วงหน้าให้ทุกคนด้ารงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และรจู้ ักเตรยี มวิธีปอ้ งกันหรือแกไ้ ขไว้ลว่ งหน้า ************************


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook