Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศศ หน่วยที่ 10

ศศ หน่วยที่ 10

Published by aporn_onn11, 2021-05-12 03:04:50

Description: ศศ หน่วยที่ 10

Search

Read the Text Version

หนว่ ยที่ 10 วฏั จกั รเศรษฐกิจ Aporn On-nual หนว่ ยท่ี 10

เงนิ เฟ้อ เงนิ ฝืด และวฎั จกั รเศษฐกิจ การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อและเงนิ ฝดื เงินเฟ้อ เป็นภาวะท่ีระดับราคาของสินค้าและบริการสูงข้ึนเร่ือยๆ เน่ืองมาจาก อุปทานมวลรวม (AS) ไม่สามารถปรับตวั ให้ตามทนั กับการเพมิ่ ข้ึนของอปุ สงค์มวลรวม (AD) สาเหตุสาคัญประการหน่ึงท่ีทาใหอ้ ุปสงค์มวลรวมเพ่ิมขึน้ มากคือระบบเศรษฐกิจมีปรมิ าณเงิน หมุนเวียนอยู่ในท้องตลาด มากเกินกว่า ความต้องการหรือความจาเป็นที่จะใช้ สาหรับ เงิน ฝืด จะเป็นกรณีตรงกันข้ามคือระบบเศรษฐกิจมีปริมาณเงินหมุนเวียน ไม่เพียงพอ กับความ ต้องการหรือความจาเป็นที่จะใช้ แนวทางการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและเงินฝืดตามหลัก เศรษฐศาสตรโ์ ดยท่ัวไปจะใชม้ าตรการทางด้านการเงินและการคลงั 1. นโยบายการเงิน (monetary policy) หมายถึงมาตรการทางการเงินที่ธนาคารกลาง ของแต่ละประเทศนามาใช้ในการควบคุมดูแลปริมาณเงนิ และสินเช่ือรวมของระบบเศรษฐกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ อันได้แก่ การ รกั ษาเสถยี รภาพทางราคา การสง่ เสรมิ ให้มีการจ้างงานเตม็ ท่ี การรกั ษาความเจริญเตบิ โตทาง เศรษฐกจิ การรกั ษาดลุ การชาระเงนิ ระหวา่ งประเทศ และการกระจายรายไดท้ ีเ่ ปน็ ธรรม *เงินสดสารองตามกฎหมาย (legal reserve ratio) หมายถึงเงินสดท่ีธนาคาร พาณิชย์ต้องดารงตามท่ีกฎหมายซ่ึงให้อานาจธนาคารกลางเป็นผู้กาหนด เงินสดสารอง ดงั กล่าวกาหนดไว้เปน็ ร้อยละของเงินฝาก หรืออาจแสดงเป็นอัตราส่วนของเงินสารองต่อเงิน ฝาก 2. นโยบายการคลัง (fiscal policy) หมายถึงนโยบายเก่ียวกับการใช้รายได้และรายจ่าย ของรัฐเป็นเคร่อื งมือสาคัญในการกาหนดแนวทาง เป้าหมาย และการดาเนนิ งานเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายทางเศรษฐกิจเชน่ เดียวกบั การดาเนินนโยบายการเงนิ

โดยสรุป นโยบายการเงินจะเป็นนโยบายท่ีมีผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณเงินท่ี หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แล้วปริมาณเงินจึงจะส่งผลกระทบถึงอุปสงค์มวลรวมอีกครั้งหนึ่ง ซ่ึงความสัมพันธ์จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือปริมาณเงินเพ่ิมจะทาใหก้ ารใช้จ่ายรวมหรืออุป สงค์มวลรวมเพ่ิม โดยผ่านตัวการใช้จ่ายของครัวเรือน ในทางกลับกัน ถ้าปริมาณเงินลดก็จะ ส่งผลให้อุปสงค์มวลรวมลดตาม ซ่ึงแตกต่างไปจากนโยบายการคลัง การดาเนินนโยบายการ คลังไม่ว่าจะเป็นการดาเนินมาตรการทางด้านรายจ่ายหรือรายได้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์มวลรวมเกือบจะทันที กล่าวคือ ทางด้านรายจ่ายโดยผ่านตัวการ ใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งเป็นองค์ประกอบตัวหน่ึงในอุปสงค์มวลรวม ส่วนรายได้ (ภาษี) ผ่าน ตัวการใช้จ่ายของภาคเอกชน (ครัวเรือน + ธุรกิจ) ซึ่งเป็นองค์ประกอบในอุปสงค์มวลรวม เช่นเดียวกัน

ความหมายของวฏั จกั รเศรษฐกิจ จากการศึกษาและการสังเกตการเคลื่อนไหวของรายได้ประชาชาติในระยะยาวทาให้ นกั เศรษฐศาสตร์พบว่าการหมุนเวียนของภาวะเศรษฐกจิ ในระยะต่างๆนั้น จะมีการเคลื่อนไหว ขึน้ ลงสลบั ไปสลบั มาเหมอื นลูกคลืน่ (phases) จากระยะท่เี ศรษฐกิจมกี ารเจริญเติบโตจนถึงขีด สุดแล้วคอ่ ยๆ ชะลอตวั ลงมาจนถึงจุดตา่ สุด และจะค่อยๆฟ้ืนตัวขนึ้ ไปใหม่ หมนุ เวียนเปน็ วงจร ทางเศรษฐกิจอย่างน้ีเรื่อยไป นักเศรษฐศาสตร์จึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าวัฏจักรเศรษฐกิจ (economic cycles) การแบง่ ระยะวฏั จักรเศรษฐกจิ จาแนกออกเป็น 4 ระยะ คอื 1. ระยะเศรษฐกิจฟื้นตัว (economic recovery) เป็นภาวะเศรษฐกิจท่ีเกิดขึ้น หลังจากเศรษฐกิจตกต่าถึงขีดสุด ในระยะนี้เศรษฐกิจโดยท่ัวไปเร่ิมจะดีข้ึน สินค้าท่ีเหลือค้าง สต็อกเริ่มค่อยๆ ทยอยขายออก ราคาสินค้าเร่ิมมีแนวโน้มสูงขึ้น การคาดคะเนกาไรของผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการเป็นไปในแนวทางท่ีดีข้ึน ผู้ผลิตจะหันมาลงทุนในกิจการมา กขึ้น ผลิต ผลผลิตเพ่ิมขึ้น การจ้างงานก็จะสูงขึ้น กอปรกับประชาชนเริ่มมีรายได้ดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะ เริ่มฟ้ืนตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ธนาคารรวมท้ังสถาบันการเงินอื่นๆจะเร่ิมปล่อยสินเช่ือในอัตรา ดอกเบย้ี ตา่ ลงเพือ่ กระตุ้นใหผ้ ู้ผลติ และผูป้ ระกอบการลงทนุ เพ่มิ ข้นึ 2. ระยะเศรษฐกิจรุ่งเรือง (economic prosperity) เป็นระยะที่เศรษฐกิจเฟ่ืองฟู มี บรรยากาศแห่งการลงทุนท่ีดี ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการคาดคะเนกาไรไปในทางท่ีดีมากคือมี ความมั่นใจ ในอัตราผลตอบแทนท่ีจะได้รับ การลงทุนต่างๆจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว การจ้าง งานจะเพ่ิมขึ้นมาก ประชาชนมีรายได้สูงข้ึนมาก และสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการ ได้มากข้ึน เป็นระยะท่ีมีการซื้อง่ายขายคล่อง เศรษฐกิจจะมีการเจริญเติบโตในอัตราสูง ราคา ของสินคา้ และบริการมีแนวโนม้ ปรับตัวสูงขนึ้ จนอาจจะก่อใหเ้ กดิ แรงกดดนั เงนิ เฟอ้ ข้นึ มาได้ 3. ระยะเศรษฐกิจถดถอย (economic recession) เป็นระยะที่ต่อเนื่องกับระยะ เศรษฐกิจรุ่งเรอื ง เม่ือภาวะเศรษฐกิจเจริญรงุ่ เรืองอย่างเต็มทแี่ ลว้ ผลท่ีจะตามมาอย่างหลีกเลีย่ ง ไม่ได้ก็คือแรงกดดันท่ีจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้น เนื่องจากการที่มีการผลิต การลงทุน และ การบริโภครวมเกินกว่ากาลังการผลิตของประเทศ รวมท้ังการท่ีต้นทุนการผลิตโดยรวมสูงขึ้น เพราะจะต้องแขง่ ขันกันในการแย่งทรัพยากรการผลิตมาใช้ผลิตสินค้าและบริการในกิจการของ ตน สภาพการแข่งขันกันผลิตทาให้ราคาและผลตอบแทนลดต่าลง ผู้ผลิตเกิดความไม่ม่ันใจใน

อนาคตทาให้ลดการลงทุน สง่ ผลใหก้ ารผลิตและการจ้างงานลดลง รายไดข้ องประชาชนนอ้ ยลง สภาพเศรษฐกจิ โดยท่วั ไปเร่มิ มีแนวโน้มทีเ่ ลวลง 4. ระยะเศรษฐกิจตกต่า (economic depression) เป็นระยะท่ีต่อเนื่องจากระยะ เศรษฐกจิ ถดถอย การลงทุนรวมจะลดลงมาก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น ธนาคารและ สถาบันการเงินจะเร่งรัดให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการชาระเงินต้นและจ่ายคืนดอกเบี้ย และมี แนวโน้มท่ีจะปฏิเสธการขยายวงเงนิ สินเช่ือออกไป ผผู้ ลติ และผู้ประกอบการจะไม่มีความมั่นใจ ในกาไรและอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ ไม่คุ้มกับความเสี่ยงท่ีจะตัดสินใจลงทุน ทาให้การ ลงทุนชะงักงัน ในท่ีสุดเศรษฐกิจจะเกิดการหดตัวลงถึงจุดต่าสุด ภาวะการซื้อง่ายขายคล่องจะ หายไป สินค้าเดิมที่ผลิตออกมาแล้วก็ขายไม่หมด มีสินค้าค้างสต็อกจานวนมาก มีการลดการ ผลิต การจ้างงาน เกิดภาวะการว่างงานกระจายตัวโดยทั่วไป ประชาชนไม่ค่อยมีกาลังซ้ือ เพราะมีรายไดล้ ดลงมาก สาเหตทุ ีท่ าใหเ้ กดิ วฏั จักรเศรษฐกิจ ประเด็นสาคัญประการหน่ึงท่ีนักเศรษฐศาสตร์พยายามท่ีจะอธิบายก็คือ อะไรเป็น สาเหตุท่ีทาให้เกิดวัฏจักรเศรษฐกิจ ซ่ึงทฤษฎีท่ีได้รับความเช่ือถือมากท่ีสุดได้แก่ทฤษฎีของ เคนส์ เคนส์อธิบายว่าวฏั จักรเศรษฐกิจเกดิ จากการทีผ่ ู้ผลติ และผู้ประกอบการคาดคะเนกาไรใน อนาคตท่ีตนจะได้รับ กล่าวคือ ถ้าคาดคะเนว่าจะได้กาไรสูงข้ึนก็จะเร่งขยายการผลิต ความ ต้องการสินค้าทุนจะสูงขึ้น การจ้างงานและรายได้ประชาชาติจะเพิ่มขึ้นจนกระท่ังเข้าสู่ภาวะ เศรษฐกิจรุ่งเรือง หลังจากน้ัน จะมีปัจจัยต่างๆท้ังภายในและภายนอกมาทาให้ผู้ผลิตและ ผู้ประกอบการคาดคะเนว่าในระยะต่อมากาไรจะมีแนวโน้มลดลง เช่น อัตราดอกเบี้ยใน ทอ้ งตลาด ค่าแรงงาน รวมทัง้ ตน้ ทุนการผลิตอ่ืนๆเริ่มสงู ขึ้น กอปรกบั การใช้จ่ายอุปโภคบริโภค รวมของประเทศลดลง อันเนื่องจากผลของภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น สินค้าท่ีผลิตข้ึนมาแล้วขาย ไม่หมดทาให้กาไรลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการเริ่มชะลอการลงทุน ลดการผลติ การ จ้างงานลดลง เศรษฐกิจเร่ิมขยายตัวในอัตราท่ีลดลงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่าในท่ีสุด หลังจากน้ัน เศรษฐกิจจะค่อยๆมีการฟื้นตัวขึ้นมาอีกสลับไปสลับมาอย่างน้ีเร่ือยไปเป็นวัฏจักร เศรษฐกจิ การแกไ้ ขวฏั จักรเศรษฐกจิ

การแก้ไขวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยท่ัวไปเป้าหมายทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศคือการพยายามทาให้เศรษฐกิจมี การเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากเศรษฐกิจจะมีการเคลื่อนไหวใน ลักษณะที่หมุนเวียนเป็นวัฏจักรเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นในช่วงท่ีเศรษฐกิจซบเซาจนถึง ระยะเศรษฐกิจ ตกต่าซ่ึงเป็นภาวะท่ีไม่พึงประสงค์ รัฐบาลจะต้องพยายามดาเนินนโยบายเพ่ือ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ขึ้นโดยเร็ว ซ่ึงนโยบายดังกล่าวคงหนีไม่พ้นการใช้นโยบายการเงิน นโยบายการคลงั หรือนโยบายใดๆ ในลักษณะแบบผ่อนคลาย เพอ่ื ที่จะกระตุ้นเศรษฐกจิ ให้หลุด พ้นจากภาวะดงั กลา่ ว สรปุ ทา้ ยบท เงินเฟ้อหมายถึงภาวะท่ีระดับราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปมีแนวโน้มสูงขึ้น เรื่อยๆ อย่างต่อเน่ือง ซ่ึงแบ่งออกเป็นเงินเฟ้ออย่างอ่อน น้อยกว่า 5% เงินเฟ้อปานกลาง 5- 20% และเงินเฟอ้ อย่างรนุ แรง มากกวา่ 20% สาเหตุของเงินเฟอ้ ทางดา้ นอุปสงค์แบ่งเป็นเงินเฟอ้ ที่เกดิ จากอุปสงคด์ ึง และเงินเฟอ้ ท่ี เกิด จากการเปลย่ี นแปลงในโครงสร้างของอุปสงค์ ทางดา้ นอุปทานคือเงนิ เฟ้อทเ่ี กดิ จากต้นทุน ผลิตเพม่ิ ขนึ้ หรือผู้ผลติ เพ่มิ กาไรมากขน้ึ ผลกระทบของเงินเฟ้อ ได้แก่ ผลท่ีมตี ่อความต้องการถอื เงนิ มาตรฐานการครองชีพของ ประชาชน เจ้าหน้ีและลูกหน้ี ระดับการผลิต การลงทุนของประเทศ ดุลการค้า และ ดลุ การชาระเงนิ เงินฝืดหมายถึงภาวะท่ีระดับราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปมีแนวโน้ มลดลง เรื่อยๆ อย่างตอ่ เน่อื ง ซง่ึ แบง่ ออกเปน็ เงินฝืดอยา่ งอ่อน น้อยกวา่ 5% เงินฝืดปานกลาง 5-20% และเงินฝดื อยา่ งรุนแรง มากกว่า 20% สาเหตขุ องเงินฝดื เกดิ จากความไมส่ มดุลระหว่างอปุ ทานมวลรวมของระบบเศรษฐกิจท่ี มีมากกว่าอุปสงค์มวลรวม เน่ืองจากปริมาณเงินที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจมีไม่เพียงพอกับความ ต้องการถือเงินหรอื ความต้องการใชเ้ งินของประชาชน

ผลกระทบของเงินฝดื ทาใหผ้ ผู้ ลติ ชะลอการลงทุน การผลติ ลดลง การจา้ งงานลด ทาให้ เกิดปัญหา การว่างงาน ประชาชนมีรายได้ลดลง สง่ ผลให้เศรษฐกิจถดถอย ซบเซา เข้าสู่ภาวะ เศรษฐกจิ ตกต่า การแก้ไขภาวะเงนิ เฟ้อและเงนิ ฝดื โดยสรปุ รัฐบาลสามารถดาเนินนโยบายการเงินการ คลัง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มกี ารเปล่ยี นแปลงในทศิ ทางที่พงึ ประสงค์ ระยะของวัฏจักรเศรษฐกิจแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะเศรษฐกิจฟ้ืนตัว ระยะ เศรษฐกจิ รงุ่ เรอื ง ระยะเศรษฐกจิ ถดถอย และระยะเศรษฐกิจตกตา่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook