Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore powerpoint-04

powerpoint-04

Published by aporn_onn11, 2020-11-21 12:08:38

Description: powerpoint-04

Search

Read the Text Version

แต่เดิมมนุษยม์ ีเพียงอาหารเท่านัน้ ท่ีเป็นแหล่งพลงั งาน โดยปริมาณ ท่ีแต่ละคนได้รบั ในแต่ละวนั เทียบเท่ากบั ความรอ้ นเพียง 2,000 กิโลแคลอรี ต่อมามนุษย์เร่ิมรู้จกั ไฟโดยมีการใช้ไฟทาให้อาหารสุก รู้จกั ใช้ แรงงานสตั วใ์ นการเพาะปลูก และเริ่มใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิงให้ความร้อนในการ ทากิจกรรมต่างๆ เช่น ผลิตอาวุธสาหรบั ล่าสตั ว์ และป้องกนั ตวั ในยุคนี้ ความจาเป็ นในการใช้พลงั งานเพิ่มสูงขึ้น ในศตวรรษท่ี 1 มนุษยเ์ ร่ิมร้จู กั ทา กงั หนั วิดน้าซึ่งมีกาลงั เพียงประมาณ 0.3 กิโลวตั ต์เท่านัน้  ต่อมาศตวรรษที่ 4 สามารถเพิ่มกาลงั ได้เป็ น 2 กิโลวตั ต์ ในศตวรรษที่ 12 เริ่มร้จู กั ใช้กงั หนั ลม เพื่อยกของหนัก สบู น้า และบดเมลด็ ธญั พืช กนั มากในประเทศองั กฤษ 41

อย่างไรกต็ าม จนถึงยุคก่อนศตวรรษที่ 18 ความต้องการใช้พลงั งานก็ ยงั นับว่าตา่ เม่ือเทียบกบั ปัจจุบนั  มีการใช้พลงั งานเพียง 12,000 กิโลแคลอรี ต่อคนต่อวนั เท่านั้น และแหล่งพลงั งานในสมยั นั้นก็ยงั จากัดอยู่ที่ไม้ และ พลงั น้าในรปู กงั หนั น้า ซึ่งมีใช้กนั มากในประเทศองั กฤษ มนุษยเ์ ร่ิมใช้พลงั งานในอตั ราที่เพ่ิมขึ้น อย่างรวดเร็วในยุคปฏิ วัติ อุตสาหกรรมใน ศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีการประดิษฐเ์ ครื่องจกั รไอน้า และเริ่มมีการใช้ถ่านหินเป็ นเชื้อเพลิงแทนไม้ และใช้กังหันน้าและลม ขณะที่ปลายศตวรรษ ท่ี 19 เริ่มมีการใช้ถ่านหิ นในการผลิตไฟฟ้ า ความต้องการใช้พลงั งานจึงเพิ่มขึน้ อย่างรวดเรว็ โดยมีค่าเฉล่ียต่อคนต่อวนั เท่ากบั  24,000 กิโล แคลอรี 42

ต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีการค้นพบปิ โตรเลียม ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงพลงั งาน ท่ีมีคณุ สมบตั ิอเนกประสงค์ สามารถใช้ให้แสงสว่าง ใช้ผลิตไฟฟ้า ใช้ขบั เคล่ือน เครื่องจกั ร โดยเฉพาะเคร่ืองยนต์ท่ีมีการสนั ดาปภายใน นอกจากนี้การขนส่ง น้ามนั ยงั ทาได้ง่ายกว่าการขนส่งถ่านหิน ดงั นัน้ ปิ โตรเลียมจึงถกู ใช้แทนถ่าน หิน ในระยะต่อมามีการใช้ปิ โตรเลียมในเครื่องยนต์ และใช้ผลิตไฟฟ้า ทาให้มี การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในประเทศตะวนั ตก และเป็ นจุดสาคญั ที่ทาให้ การใช้พลงั งานของมนุษยโ์ ดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปตะวนั ตก และอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ประเทศต่างๆ รวมทัง้ ประเทศไทยรบั เอารูปแบบการใช้ชีวิตของชาวตะวนั ตกมาเป็ นแบบอย่างใน การดารงชีวิต ปริมาณความต้องการพลงั งานในประเทศเหล่านี้เพิ่มสงู ขึน้ อย่าง รวดเรว็ มนุษยใ์ นยคุ นี้ใช้พลงั งาน 240,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวนั 43

วิวฒั นาการการค้นพบพลงั งานกบั การนามาใช้นัน้  มีความเป็ นมาควบค่กู บั ความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย ์ นักวิทยาศาสตรไ์ ด้แบ่งยุคสมยั ของ ความเจริญทางอารยธรรมของมนุษยต์ ามวิวฒั นาการในการใช้พลงั งาน ดงั นี้ ยคุ เร่ิมแรก (ยคุ หินเก่า) ยคุ ล่าสตั ว์ (ยคุ หินใหม)่ ยคุ เกษตรกรรม มนุษยด์ ารงชีวิตแบบง่ายๆ มีการรวมกล่มุ เพ่ือรว่ มกนั เกิดขึน้ เมื่อราว 10,000 ปี มาแล้ว มนุษยเ์ ร่ิมรจู้ กั เลี้ยงสตั ว์ และเพาะปลกู อย่ตู ามธรรมชาติ การใช้พลงั งาน ล่าสตั วข์ นาดใหญ่ขึน้ ร้จู กั พืช ใช้สตั วเ์ ป็นพาหนะ และท่นุ แรง ต่อคนต่อวนั มีเพียงการอาศยั ใช้ไฟล่าสตั วอ์ อกจากท่ีซ่อน ในการทางาน การเกษตรในยคุ นี้มี ความอบอ่นุ จากแสงอาทิตย์ จดุ มุ่งหมายเพียงเพ่ือเลี้ยงตนเองและ ตามธรรมชาติซ่ึงคิดเป็นพลงั งาน และทาเนื้อสตั วใ์ ห้สกุ การใช้ ครอบครวั การใช้พลงั งานจงึ มีประมาณ พลงั งานของคนในยคุ นี้ ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรีต่อ เพ่ิมขึน้ ราว 5,000 กิโลแคลอรี 12,000 กิโลแคลอรตี ่อคนต่อวนั คนต่อวนั เท่านัน้ ต่อคนต่อวนั 44

ยคุ เกษตรกรรมก้าวหน้า ยคุ อตุ สาหกรรมเร่ิมต้น ยคุ อตุ สาหกรรมก้าวหน้า เกิดขึน้ ราว 5,000 ปี ก่อน นับตงั้ แต่มีการประดิษฐ์ หลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 1 (พ.ศ. คริสตกาล มนุษยเ์ ริ่มมีการตงั้ คิดค้นเคร่ืองจกั รไอน้า ปี 2457-2461) มนุษยไ์ ด้ใช้เชื้อเพลิง ถ่ินฐานอย่กู บั ท่ีมีสงั คมเมอื ง พ.ศ. 2308 มนุษยเ์ ร่ิมร้จู กั ใช้ ประเภทน้ามนั ถ่านหิน และกา๊ ซ เกิดขึ้น เร่ิมมีความรดู้ ้านการ เชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น ถ่าน ธรรมชาติมากขึน้ มีการประดิษฐ์ หิน น้ามนั และกา๊ ซธรรมชาติ ชลประทาน หรอื การนาน้ามาใช้ เครอื่ งจกั ร เครือ่ งยนต์ และใช้ แทนการใช้แรงงานสตั ว์ การ ในการเพาะปลกู แทนการพ่งึ พา เปล่ียนแปลงนี้ เร่ิมขึ้นใน เทคโนโลยีมากขึ้น การใช้พลงั งานต่อ น้าฝนตามธรรมชาติ การใช้ ยโุ รปตะวนั ตกและอเมริกา คนโดยเฉล่ียเพิ่มขึน้ มาก สาหรบั พลงั งานมีประมาณ 20,000 กิโล เหนือก่อน อตั ราการใช้ ประเทศที่พฒั นาแล้วประมาณ แคลอรีต่อคนต่อวนั 125,000 กิโลแคลอรีต่อคนต่อวนั โดย พลงั งานต่อคนในระยะนี้ ประชากรในสหรฐั อเมริกามีการบริโภค เพิ่มขึ้นราว 60,000 กิโล พลงั งานสงู สดุ คือราว 230,000 กิโล แคลอรีต่อคนต่อวนั แคลอรีต่อคนต่อวนั 45

การใช้พลงั งานในอดีตตงั้ แต่สมยั สโุ ขทยั อยธุ ยา จนถึงรตั นโกสินทร์ ตอนต้น ส่วนใหญ่เป็นการใช้ความรอ้ น และแสงสว่างในเวลากลางคืน มี ส่วนน้อยที่ใช้ผลิตในงานหตั ถกรรม เช่น ทาเครอื่ งถ้วยชาม สงั คโลก หรือหล่อพระพทุ ธรปู ทาอาวธุ และก่อสร้าง เชื้อเพลิง ท่ีใช้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น ฟื น ถ่าน และแกลบ สาหรบั เชื้อเพลิงพลงั งานที่ให้แสงสว่างมกั ใช้น้ามนั พืช หรอื ไขสตั ว์ 46

การใช้พลงั งานยุคใหม่ ของไทย เริ่ มในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หวั  โดยเริ่มมีโรงสีไฟที่ใช้ เครื่องจกั รไอน้า แต่กย็ งั ใช้แกลบ ภาพ รถรางไฟฟ้าสมยั รชั กาลที่ 5 เป็นเชื้อเพลิง ต่อมาในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั  ประเทศไทยเริ่มพฒั นาตาม แบบยุโรป มีการจดั สร้างสาธารณูปโภคใหม่ๆ ขึ้น เช่น รถไฟ และเรือกาปัน่ แต่ก็ยงั ใช้พลงั งานประเภทฟื น และแกลบอยู่ จนมีการสงั่ ซื้อยานพาหนะ ประเภทรถยนตเ์ ข้ามา จึงต้องนาเข้าน้ามนั เบนซินเพื่อใช้กบั รถ รวมทงั้ นาเข้า น้ามนั กา๊ ด เพื่อใช้จดุ ตะเกียงให้แสงสว่างตามถนนหนทาง และบา้ นเรือน 47

กิ จการไฟฟ้ าในประเทศไทยเริ่ม ดาเนิ นการในปี พ.ศ. 2427 สมยั รชั กาลท่ี 5 โดยจอมพลเจ้าพระยาสุรศกั ด์ิมนตรี (เจิม แสงชูโต) ซึ่งขณะนั้นดารงตาแหน่ งหมื่น ไวยวรนาถได้ซื้อเครื่องกาเนิ ดไฟฟ้ า 2 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ โคมไฟฟ้ าจากสหราช อาณาจักรมาติ ดตัง้ ท่ีกรมทหารม้าหน้ า กระทรวงกลาโหมปัจจุบนั  และจ่ายไฟฟ้ า เพ่ือใช้ในพระบรมมหาราชวงั เป็ นครงั้ แรก เม่ือวนั ที่ 20 กนั ยายน พ.ศ. 2427 ซึ่งเป็ นวนั ภาพ จอมพลเจ้าพระยาสรุ ศกั ดิม์ นตรี ค ล้ า ย (เจิม แสงชโู ต) ปวนรั ะพเทระศรไาทชยสนมาภไพฟขฟอ้างมราชั ใกชา้กล่อทนี่ ป5รนะับเทไศดใ้วด่าในทวีปเอเชียต่อมาในปี  พ.ศ. 2437 รฐั บาลไทยในสมยั นัน้ เห็นความสาคญั ของการใช้ไฟฟ้า จึงได้ทาสญั ญาผลิต และส่งกระแสไฟฟ้าไปใช้ในส่วนราชการ และถนนหลวง 48

การผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดาเนิ นการโดยหลายบริษทั  จนกระทงั่ การไฟฟ้า นครหลวงได้สรา้ งโรงไฟฟ้าขึน้ ท่ีวดั เลียบ เป็นโรงไฟฟ้าพลงั ความร้อนที่มีกาลงั ผลิต 1,250-6,000 กิโลวตั ต์ รฐั บาลไทยได้เข้าไปมีหน้าท่ีควบคุม และผลิต โดยตรงตงั้ แต่ พ.ศ. 2493 และใน พ.ศ. 2455 ได้สร้างโรงไฟฟ้าอีกแห่งท่ีสาม เสนเพ่ือนาไฟฟ้ าไปใช้ในการผลิ ตน้าประปา และจ่ายกระแสไฟฟ้ าบางส่วนให้ ประชาชนด้วย สาหรบั ต่างจงั หวดั ที่จังหวัดราชบุรี มีไฟฟ้ าใช้เม่ือ พ.ศ. 2460 และจงั หวดั เชียงใหม่มี ไฟฟ้าใช้เม่ือ พ.ศ. 2474 ภาพ โรงไฟฟ้าวดั เลียบในยคุ ต้น 49

หลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 สิ้นสดุ ลง พลงั งานท่ีใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า หายาก และมีราคาสูง และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เสียหายจากระเบิด รฐั บาลไทยจึง ศึกษาหาวิธีผลิตกระแสไฟฟ้ าโดยพลงั งานอื่นๆ ในปี  พ.ศ. 2500 โรงไฟฟ้ า พลงั น้าจากเข่ือนภูมิพล จงั หวดั ตาก ได้สร้างขึ้นเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้ า แก่ จงั หวดั ในภาคเหนือ และภาคกลาง รวม 36 จงั หวดั  ส่วนโรงไฟฟ้ าถ่านหิน ลิกไนตท์ ี่อาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง ได้สร้างขึน้ ในปี  พ.ศ. 2503 ต่อมาการ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้กระจายไปทวั่ ประเทศอย่างรวดเรว็  และมีการนาพลงั งาน หลายประเภทมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้ า เช่น น้ามนั  ก๊าซธรรมชาติ พลงั น้า ถ่านหินลิกไนต์ รวมทงั้ พลงั งานจากแสงอาทิตย์ จากความร้อนใต้ พิภพ และจากชีวมวล 50

พลงั งานส่วนใหญ่เม่ือมีการนามาใช้ประโยชน์โดยมีการแปรรูปตาม ขนั้ ตอนต่างๆ รูปแบบสุดท้ายของพลงั งานที่ได้มกั จะอยู่ในรูปของความ ร้อน งานกล และไฟฟ้า ความร้อนจะถกู นาไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการ ผลิตต่างๆ ในอตุ สาหกรรม งานกลจะถกู นาไปใช้ในการขบั เคล่ือนรถยนต์ รถโดยสาร ในระบบขนส่งเครื่องจกั รในการผลิต และใช้ในการยกสิ่งของ หรือขดุ ดิน เช่น รถขดุ ดิน ไฟฟ้าจะถกู นาไปใช้ในเคร่ืองใช้ไฟฟ้าแบบต่างๆ การจาแนกลกั ษณะการใช้พลงั งานในสาขาเศรษฐกิจต่างๆ มีดงั ต่อไปนี้ 51

ภาพ พลงั งานเพอื่ การพฒั นาประเทศ 52

1 การใช้พลงั งานในภาคขนส่งและคมนาคม 2 การใช้พลงั งานในภาคอตุ สาหกรรม 3 การใช้พลงั งานในอาคารพาณิชย์ 53

มนุษย์มีการใช้พลงั งานมาตัง้ แต่อดีต การใช้พลงั งานในอดีตเป็ นการใช้ พลงั งานจากชีวมวล และพลงั งานจากธรรมชาติ เช่น การใช้ไม้เป็ นเชื้อเพลิง การใช้กงั หนั ลม การใช้ระหดั วิดน้าต่อมาเมื่อมนุษยม์ ีการผลิตเครื่องจกั รจึงมีการนาพลงั งานจากฟอสซิล มาใช้ เช่น ถา่ นหิน กา๊ ซธรรมชาติ น้ามนั เป็นต้น สาหรบั ประเทศไทย การใช้พลงั งานได้พฒั นาเป็นสมยั ใหมใ่ นรชั กาลท่ี 5 มีการ นาพลงั งานมาใช้ในกิจการรถไฟ เรอื กาปัน่ รถยนต์ และเริ่มมีการใช้ไฟฟ้าเพอ่ื ให้แสงสว่างใน พระบรมมหาราชวงั ถนนหลวง และส่วนราชการ ปั จ จุ บ ันมี กา รใ ช้ พ ล ัง งา นอ ย่ า งม าก มา ยใ นก าร อ า นว ยค วา มส ะด วก ใ น ชีวิตประจาวนั และพฒั นาประเทศในสาขาต่างๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง การอตุ สาหกรรม ตลอดจนการพาณิชย์ และบา้ นที่อยอู่ าศยั 54


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook