คานา ค ณ ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ก า ร ป ร ะ ม ง แ ล ะ ท รั พ ย า ก ร ท า ง น้ า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกลั ยาณวิ ฒั นา จงั หวดั เชยี งใหม่ ได้จัดทาหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็น ผลสาเร็จของการดาเนินงานของ U2T ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอ กลั ยาณิวฒั นา จังหวดั เชยี งใหม่ ภายใต้ โครงการยกระดับเศรษฐกิจ สังคมรายตาบลแบบบรู ณาการ 1 ตาบล 1 มหาวิทยาลัย ได้มาจาก ความร่วมมือ การช่วยเหลือขององค์กรภาคีเครือข่ายในพ้ืนที่ ทั้ง หน่วยงานภารรัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน รวมท้ัง ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนมากท่ีทางานร่วมกัน ทั้งที่ปรึกษาคณะทางาน โครงการ คณะทางานปฏิบัติงานในพ้ืนที่ ซ่ึงคณะทางาน U2T ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ หวังเป็น อ ย่ า ง ย่ิ ง ว่ า จ ะ ไ ด้ พั ฒ น า ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง า น ท่ี หลากหลายยงิ่ ขนึ้ ต่อไปและท่ีสาคัญขอขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการ ที่ได้เล็งเหน็ ถึงความสาคญั ของการดูแลสขุ ภาพแบบองค์และร่วมกัน ทางานจนเกิดผลสาเรจ็ หากหนังสือเล่มนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด คณะทางาน คณะทางาน U2T ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัด เชียงใหม่ ข้อน้อมรับด้วยความเต็มใจ พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขและ ขอขอบคณุ มา ณ โอกาสน้ี
สารบัญ หนา้ คานา ก สารบัญ ข การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพแบบองค์รวมของชนเผา่ ปกาเกอะญอ สาระสาคญั 1 จุดประสงค์ 1 รายละเอียดเนื้อหา ระบบความเช่ือท่ีเกย่ี วกับการดูแลสขุ ภาพ 3 ระบบความเช่ือท่ีเกี่ยวกับการเจ็บปว่ ย 3 .วธิ กี ารรกั ษาอาการเจบ็ ป่วย 7 การวินจิ ฉยั โรค 8 วธิ ดี ูแลรักษาสุขภาพ 8 ขอ้ ห้ามและข้อปฏบิ ตั ิ 11 .ประเภทของการเสี่ยงทาย 13 เนอื้ หา รายละเอียด ของสมนุ ไพร 17
1 การดแู ลรักษาสุขภาพแบบองคร์ วมของชนเผา่ ปกาเกอะญอ 1. สาระสาคญั การใช้สมุนไพร การเส่ียงทาย การทานายและการใช้คาถา เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านท่ีใช้ในการตรวจวินิจฉัย ป้องกันและรักษา โรควธิ หี นง่ึ ของชนเผ่าปกาเกอะญอ 2. จดุ ประสงค์ 1. เพือ่ ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับการดูแลรักษา สุขภาพตามระบบความเชื่อของชนเผา่ และการดูแล รักษาสุขภาพตามวิธที ี่ถกู ต้อง 2. เพอ่ื ใหร้ ูค้ ณุ คา่ ของสมุนไพรและภมู ปิ ัญญาพ้ืนบ้าน 3. เพอื่ ให้ปฏบิ ตั ติ นในการดูแลรักษาสุขภาพได้อย่าง ถกู ต้อง 4. เพ่ือให้เกิดการอนรุ ักษ์สมุนไพรพ้นื บา้ นและสืบทอดภูมิ ปญั ญาท้องถ่ิน 3. เนอื้ หา 3.1 ความเชอ่ื เกยี่ วกับการเจ็บป่วย - มาจากการกระทาของผปี ่า - มาจากอาหารการกนิ ทเ่ี ป็นพิษ - มาจากการทาพธิ ีกรรมระดับครอบครัว ระดบั เครือญาติและในหมูบ่ ้านไมค่ รบวงจร
2 - มาจากชุมชน ทาผิดด้านชสู้ าว หรือหวั หนา้ หมบู่ ้านทาพธิ ไี ม่สมบรู ณห์ รอื ไมค่ รบวงจรหรือคนใดคนหน่ึงใน ชมุ ชนทาผดิ ต่อกฎธรรมชาติ 3.2 วธิ กี ารรกั ษาอาการเจบ็ ปว่ ย - หมอพ้ืนบา้ น สมุนไพร คาถา นวด - แพทย์แผนปัจจบุ นั 3.3 การดูแลรกั ษาสขุ ภาพของหญิงท่ีตั้งครรภ์ - ขอ้ ห้ามและขอ้ ปฏิบตั สิ าหรบั หญงิ มีครรภ์ - การทาคลอด การดแู ลรกั ษาหลังคลอด (การอยู่ ไฟ) 3.4 การดแู ลรักษาสุขภาพของเด็กทารกตามความเชอ่ื ของชนเผา่ และของแพทย์แผนปจั จุบนั - การปฏบิ ัตติ ่อทารกแรกเกดิ - การดูแลด้านอาหารของทารกแรกเกิด 3.5 การดูแลรกั ษาสุขภาพของผ้สู งู อายุ - การปฏิบตั ติ ่อผ้สู งู อายใุ นการดูแลสขุ ภาพ ขนั้ ตอนการรกั ษาและการวนิ ิจฉยั โรค 1. การวนิ ิจฉยั โรคหรอื การเสยี่ งทายหาสาเหตุ - ใช้ขา้ วสาร - ใช้ขา้ วสกุ - ใช้กระดกู ไก่ - ใชไ้ ข่ไก่ - ใช้เหลา้
3 - การจบั ชีพจร 2. การรักษาอาการของคนไข้ - การมัดมือ - การเรียกขวัญมดั มอื - การมใช้ยาสมุนไพร รายละเอยี ดเนือ้ หา 1. ระบบความเช่ือทเ่ี ก่ยี วกับการดแู ลสุขภาพ ชาวปกาเกอะญอเชื่อว่าคนเราจะมีสุขภาพท่ีแข็งแรง สมบูรณ์ได้น้ันข้ึนอยู่กับสภาพของขวัญ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 37 ขวัญ คือถ้าคนใดมีขวัญอยู่กับเนื้อกับตัวหรือขวัญแข็ง จะทาให้มีสุขภาพ ที่แข็งแรงสมบูรณ์ส่วนคนที่มีขวัญอ่อนหรือขวัญไม่อยู่กับตัวหรือทา ผิดกฎทาให้เจ้าที่เจ้าทางหรือสิ่งศักด์ิสิทธิ์ลงโทษทาให้เกิดการ เจบ็ ป่วยข้นึ 2. ระบบความเชือ่ ท่เี กยี่ วกับการเจ็บปว่ ย สาเหตุของการเจ็บป่วยทุกชนิดเช่ือว่าเกิดมาจากสาเหตุ 2 ประการ ประการแรกเกดิ จากการทาของผีซงึ่ เป็นผรี ้าย ผีตายโหง ผี หิวโหย จับเอาขวัญไปเป็นตัวประกันเพื่อแลกเปล่ียนกับอาหารของ ตน ประการท่ีสองเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การบริโภค อาหารการกินท่ีมีพิษทาให้เกิดโรคได้ การผิดกฎจารีตของสังคม ครอบครัว ทาให้สิ่งศักด์ิสิทธิ์ท่ีคุ้มครองหมู่บ้านลงโทษ ดังนั้นชน เผา่ ปกาเกอะญอ ไดแ้ บง่ สาเหตุการเจบ็ ปว่ ยออกเป็น 2 ประเภท 2.1 การเจ็บป่วยสาเหตมุ าจากการกระทาของผี ก. การเจ็บปว่ ยแบบฉบั พลนั
4 การเจบ็ ปว่ ยประเภทน้ีเช่ือว่าเป็นการทาของผีร้ายประเภท ต่างๆ ซงึ่ มีวธิ กี ารรักษาโดยการไปหาผู้เสี่ยงทายเรียกว่า เซอะ-หระ- ก่า-ต่า เพ่ือดูว่าถูกผีตนไหนกระทาจับขวัญไปเม่ือไร ท่ีไหนต้องการ อะไร หลงั จากนน้ั จะเลือกวิธกี ารรักษาดงั น้ี - หว่ี ต่า เช่ือว่าผีก๊ะป่าออกไปหากินและจับขวัญของ ผู้ปว่ ยไว้ ดังน้ันจะต้องนาอาหารไปแลกเพื่อใหข้ วัญกลับมาอยู่กับตวั - เซอ ต่า (การส่งสตวง) เช่ือว่าผีตายโหงจับขวัญคนป่วย ไป - เคลาะ แกว๊ ต่า เช่ือว่าผีช้างผีม้า จับขวัญคนป่วยต้อง นาไปแลกด้วยข้าวเปลือก ข้าวสารขมิ้น ส้มป่อยเศษหม้อดิน ขนไก่ เปลือกไข่ - ต่า ต่อ เส่ เช่ือว่าผีก๊ะป่าจับขวัญของคนป่วยไปดังน้ัน ต้องนาอาหารไปแลก ข. การเจ็บปว่ ยแบบคอ่ ยเป็นค่อยไป การเจ็บป่วยในลักษณะน้ีเช่ือว่าเป็นการกระทาของผี เช่นกันแต่อาการน้ันจะไม่ปรากฏทันทีทันใด แต่อาการจะเกิดข้ึนที ละน้อย เช่น เจ็บตา เจ็บข้อมือข้อเท้า รวมทั้ง อาหารไม่เป็นปรกติ ของสภาพติดใจ เช่น ไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน พูดเพ้อเจ้อ นอน ละเมอ เลอะเลือน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทางานเป็นต้น การรักษานั้นเริ่มจากการไปหา เซาะ- หระ – ก่า – ต่า (หมอดู) ใน หมบู่ ้านเพ่อื ตรวจสาเหตแุ ละมวี ิธีการรักษาดงั นี้ - แบล ถ่อ ที (การโรยข้าวสาร ท้ิงไข่ลงในน้า) เป็นวิธีการ รักษาตามความเช่ือว่าเป็นการกระทาของผีน้าที่เรียกว่า นา-ที ซ่ึง
5 สาเหตุน้ันมาจากผู้ป่วยไปรบกวน นา – ที ทาให้ นา – ที ไม่สบาย ดังนัน้ นา-ที กท็ าใหป้ ่วยไม่สบายดว้ ย - กี่ ฉู่ จือ (การมัดมือ) เช่ือว่าผีป่าจับขวัญไปโดยผู้ป่วยจะ มีอาการในสภาพจิตใจไม่ปกติ ฟุ้งซ่าน ละเมอ อาการอ่อนเพลียจึง ทาการมัดมอื เพ่อื ใหข้ วัญกลบั มาอย่กู ับผู้ป่วย - ต่า แกว๊ะ พือ เชื่อว่าวิญญาณของพ่อแม่ที่ตายแล้วจับ เอาขวัญไปอยู่ใน ปลือก่อ (ปรโลก) ดังนั้นจะต้องเตรียมเหล้า ขา้ วต้ม เหล็กงอ ลูกปัด ไก่ 1 คู่ (ตัวผู้-ตัวเมีย) ไปทาพิธีท่ี เส่-คะ-ทิ (oh.C;xH;)(ตน้ ไม้ทต่ี ายแล้ว) หลังจากนั้นกลับไปมัดมือผู้ป่วยที่บ้าน วธิ ีการรกั ษาแบบน้ี ใช้สาหรับ คนอายตุ ั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป - ต่า ต่อ เส่ เชื่อว่า ผีป่าจับวิญญาณของคนป่วยไปเพ่ือ แลกกบั อาหารของตน 2.2 การเจ็บปว่ ยจากเชื้อโรค ของมีพษิ และอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยประเภทนี้เช่ือว่าสาเหตุมาจากพฤติกรรมของ มนษุ ยโ์ ดยแยกออกไดด้ ังน้ี ก.เกิดจากการรับประทานอาหารโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือ อาหารมีพิษทาใหเ้ กดิ การเจบ็ ป่วยขน้ึ 1. เจ็บท้อง แน่นท้อง เกิดจากการรับประทานอาหารที่ ผดิ เวลา 2. ท้องร่วง (ลู) เช่ือว่าเกิดจากการรับประทานอาหารที่มี เชอ้ื โรค เชน่ อาหารบูดเนา่ อาหารทเี่ สยี แลว้ 3. พกู (zSLR)เชื่อว่าเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ ถกู กับธาตลุ ม ทาให้เกดิ อาการแพ้อาหารจะมีผ่ืนสแี ดงตามตวั
6 4. มู (เมา) เช่ือว่าเกิดจากการรับประทานอาหารท่ีมีพิษ ร้ายแรง เช่น เห็ด อาการของคนป่วยอาเจียนและท้องร่วงอย่าง รนุ แรง 5. แจวะ (pGJm)เกดิ จากการรับประทานอาหารผิดทาให้ เกิดอาการปวดทอ้ งอยา่ งรนุ แรงแต่ไม่มีอาการท้องรว่ ง ข. เกิดจากการทาผิดกฎของหมู่บ้าน สังคม เช่น การผิด ลกู เมียผอู้ น่ื ทาให้ผู้ปว่ ยหรอื ญาติพ่ีน้องผู้ปว่ ยเองไม่สบายหรือคนใน ชมุ ชนก็เป็นได้ ค. เกิดจากการกระทาผิดกฎของระบบทามาหากินท่ี เรียกว่า ทิ แปลวา่ หนีบหรือทบั ทาให้เจ้าของไร่ – นาไม่สบายซึ่งใน บางรายถงึ กับชีวติ ง. เกิดจากการกระทาผิดกฎบรรพบุรุษ เชื่อว่า ซิ-โข่- หมื่อ-คา หรือผีบรรพบุรุษถูกกระตุ้นจากผีร้ายญาติ (นาจิ๊ชิ นาจ๊ิเทาะ) ให้ไปทาให้ถูกลูกหลานเจ็บป่วยข้ึนจึงต้องทาพิธี เอาะ- บก๊ะ การเจ็บป่วยที่เกิดข้ึนตามข้อ ข-ง เชื่อว่าเกิดจากการ กระทาผิดกฎจารีตของสงั คม ทาใหข้ าดความสมดุลในความสัมพันธ์ กนั ของกฎธรรมชาติดงั นั้นเมื่อมีคนทาผิดจะทาให้ เกิดอุบัติเหตุ เช่น งูกัด ตกต้นไม้และอื่นๆ หรือบางครั้งจะมีการเจ็บอย่างเร้ือรังไม่ สามารถที่จะรกั ษาใหห้ ายได้
7 3.วธิ กี ารรักษาอาการเจ็บปว่ ย ประเภทของหมอพน้ื บา้ น คาว่าหมอในภาษาปกาเกอะญอ น้ันจะไม่มีคาแปล โดยตรงแต่จะมีความหมายที่ตรงกับผู้รู้ ผู้ชานาญ ในแต่ละด้าน เรียกว่า เซอะ-หระ ซึ่งแปลว่า ครู ในที่น้ีหมายถึงผู้มีความรู้ ความสามารถที่รักษาผู้ป่วยได้ ดังนั้นจากการศึกษาสามารถจาแนก ออกไดด้ งั น้ี 3.1 กลุ่ม เซอะ-หระ-ก่า-ต่า เป็นกลุ่มคนท่ีมีความรู้ ความสามารถในการทานาย หาสาเหตุของการเจ็บป่วยที่เช่ือว่ามา จากผี เช่น อาการปวดหัว เจ็บข้อมือข้อเท้าอาการหน้ามืดตาลาย ดังนั้นคนไข้หรือญาติจะไปหา เซอะ-หระ-ก่า-ต่า ในหมู่บ้านเพื่อ ทานายหาสาเหตุ โดยใชข้ ้าวสารหรอื ข้าวหรือผ้า 3.2 เซอะ-หระ-แง-เลาะ-ต่า (*JRvD;w>)เป็นกลุ่มคนที่มี ความรู้คว ามสามารถในด้านการรักษาอาการของคนไข้ ประกอบดว้ ย กลุ่มหมอยาสมุนไพร กลุ่มนี้จะมีความรู้ ความสามารถ การใช้ยาสมุนไพรบางคนก็มีความรู้ด้านคาถาอาคมด้วย เพราะใน การรักษาคนไขน้ ั้นจะใชย้ าสมนุ ไพรและคาถาอาคมควบคู่ไปดว้ ยกนั กลุ่มหมอประเภทบีบ นวด จับชีพจร (จือ-เซ) กลุ่มน้ีแบ่ง ออกเปน็ 3 กลุ่มยอ่ ย คอื - หมอตาแย จะมีความรู้ความสามารถในการทาคลอด ทารก
8 - หมอจบั เสน้ บีบนวด เปน็ ผรู้ ้ดู า้ นการบีบนวดอาการเคล็ด ขดั ยอก - หมอจบั ชีพจร เป็นกล่มุ มคี วามรู้ความสามารถในการชีพ จรแต่ใช้ควบคกู่ ับคาถาอาคมในการวินจิ ฉัยโรค 3.3 หมอผี เป็นผู้ท่ีมีความรู้ความสามารถด้านการใช้ คาถาอาคมโดยเฉพาะประกอบดว้ ย - เซอะ หระ ปะ๊ ตา่ จะรักษาคนไข้ท่ีผจี บั เอาขวญั ไป - เซอะ หระ หวี่ โดะ ต่า จะรกั ษาคนไขท้ ี่มีสุขภาพอ่อนแอ ที่เชื่อวา่ - ผปี า่ จบั ขวญั คนปว่ ยไป - หมอผที ไี่ ล่ผกี ๊ะ 4. การวินิจฉยั โรค การวินิจฉัยอาการโรคของกลุ่มหมอต่างๆ น้ันข้ึนอยู่กับ ประสบการณ์ความรู้ความสามารถท่ีได้ร่าเรียนมา จะเห็นได้ว่ากลุ่ม หมอพื้นบ้านที่มีความรู้ด้านการจับเส้น บีบนวด จะวินิจฉัยโรคโดย อาศัยการสังเกตอาการของโรค หมอผีจะวินิจฉัยโรค โดยอาศัย คาถาอาคมการจับชีพจรผู้ป่วยและเครื่องมือ อุปกรณ์พื้นบ้านช่วย หมอสมนุ ไพรจะวินิจฉัยโดยการสังเกตอาการของผู้ป่วยว่าเป็นอะไร ท่ีผา่ นได้ทาอะไรบา้ งและประสบการณ์ของหมอพ้นื บา้ น 5. วธิ ดี ูแลรักษาสุขภาพ การรักษาอาการเจ็บป่วยของหมอพ้ืนบ้านแต่ละคน แต่ละ ประเภทจะใช้ความรู้ ความสามารถประสบการณ์และระบบความ
9 เช่ือที่ฝีมือยาซ่ึงชาวปกาเกอะญอเกี่ยวกับการรักษาการเจ็บ ว่า คนเราแต่ละคนจะมีโชคชะตาที่ไม่ตรงกัน ดังน้ันหมอบ้านแต่ละคน ไม่สามารถรกั ษาคนไข้ให้หายไดท้ ุกคน คือ หมอพื้นบ้านคนหน่ึงอาจ รกั ษาคนป่วยคนหน่งึ ใหห้ ายไดแ้ ตล่ ะคนปว่ ยอีกคนหนึ่งอาจรักษาไม่ หาย ดงั นั้นวิธีการรกั ษาอาจจะมรหลายรปู แบบหลายวิธกี ารดงั นี้ 5.1 การรกั ษาด้านร่างกาย การรักษาด้านร่างกาย หมายถึง การรักษาอาการของโรค ของคนป่วยท่ีเกิดจากท้ังภายนอกภายใน ซ่ึงสาเหตุของโรคมาจาก หลายสาเหตุ เชน่ เช้ือโรค อุบัติเหตุ และอ่ืนๆ วิธีการรักษานั้นหมอ พื้นบ้านใช้หลายรูปแบบทั้งนี้ข้ึนอยู่กับความรู้ความสามารถและ ระบบความเช่อื ของหมอพ้นื บา้ นซึง่ สามารถแยกวิธีออกเป็นดังนี้ การรกั ษาดว้ ยยาสมนุ ไพร ตัวยาสมุนไพรที่ใช้ได้มาจากพืช สัตว์แรธาตุ และพลังงานการรักษาจะมีความหลักหลายข้ึนอยู่กับ ลกั ษณะและรปู แบบของการเจบ็ ป่วย ตัวอยา่ งดังนี้ - อาการชา้ ใน รกั ษาโดยการต้มยาให้ดม่ื - อาการฟกช้า เคล็ดขัดยอก รักษาโดยการนวด การพอก ยา - อาการท้องเสีย กินอาการพิษ รักษาโดยการให้ รับประทานยาสมนุ ไพร - อาการฟน้ื ไข้ ผู้หญิงหลังคลอดลูกรักษาโดยการอบไอน้า สมุนไพร ฯลฯ สมุนไพรที่รักษาการเจ็บป่วยได้มาจาก ท้ังพืช สัตว์ แร่ธาตุและ พลงั งาน ตวั อยา่ งเชน่
10 - สมุนไพรท่ีได้จากพืช เช่น ว่านชนิดต่างๆ ขิง ขม้ิน ซอ ซอย - สมุนไพรท่ีได้จากสัตว์ เช่น เขากวาง ก้างปลา กระเพาะ ตวั นิ่ม - สมนุ ไพรท่ไี ดจ้ ากแร่ธาตุ เช่น ดนิ จอมปลวก - สมนุ ไพรทไี่ ด้จากพลังงาน เชน่ การเผากอ้ นหนิ ใหร้ อ้ น การรักษาโดยการใช้คาถาอาคม หมอพ้ืนบ้านบางคนมี ความรู้ความสามารถด้านคาถาอาคมโดยเฉพาะดังน้ัน กลุ่มน้ีจะใช้ คาถาในการรักษาโรค ซึ่งสามารถรักษาโรคที่เกิดจากท้ังภายนอก และภายในร่างกายดงั ตัวอย่างดงั นี้ - คาถาใชร้ ักษาอาการปวดหวั - คาถาใชร้ กั ษาโรคงสู ะหวัด - คาถาใช้รักษาแผลสด จากอุบตั เิ หตุ - คาถาใชร้ กั ษาอาการชา้ ใน เลือดตกในจากอุบัตเิ หตุ ฯลฯ การรักษาโดยใช้คาถาและยาสมุนไพร โดยปกติแล้วคนที่ เป็นหมอพ้ืนบ้านท่ีเป็นผู้ชายทุกคนจะมีความรู้ความสามารถทั้งตัว ยาสมุนไพร และคาถา ดังน้ันหลายครั้งจะมีการรักษาโดยใช้ท้ังสอง แบบควบคู่กันไป เช่น กระดูกหักจะมีการใช้ยาสมุนไพรและคาถา พรอ้ มๆกนั ไป รักษาโดยการจบั เสน้ บีบนวด เป็นการรักษา อาการเคล็ด ขัดยอก ปวดเม่อื ยตามรา่ งกาย
11 5.2 การรักษาดา้ นจติ ใจ การรักษาด้านจิตเป็นวิธีการรักษาอาการของคนไข้ท่ีใช้ภูมิ ปัญญาองค์ความรู้และความเชื่อเพื่อเป็นกาลังใจให้แก่คนไข้เพื่อให้ สามารถต่อสู้กับโรคภัยได้ในระบบหมอพ้ืนบ้านของปกาเกอะญอ พอสรปุ ไดด้ ังน้ี - ต่า-ก่ี-จือ (การมัดมือ) เป็นการรักษาคนไข้ท่ีมีการ ออ่ นเพลยี การฟ้ืนไข้ หรือสภาพจิตใจท่ไี มป่ กติ - ต่า-เก๊าะ-เก่อ-ลา (การเรียกขวัญ) เป็นการรักษาคนไข้ ตามความเชื่อว่าขวัญไม่อยู่กับเน้ือกับตัว หนีไป เนื่องจากสาเหตุ การตกใจ การสะดุ้งอยา่ งรนุ แรง - ต่า-แกวะ-พือ เป็นการรักษาคนไข้ที่มีอายุมากแล้วท่ี อาการอ่อนเพลีย เบ่ืออาหารและสภาพจิตใจไม่ปกติ ซ่ึงเช่ือว่าพ่อ แมท่ ่ตี ายแลว้ นา เก่อ-ลา ไปไว้ที่ ปลอื กอ่ - ต่า-เดาะ-หล่ือ เป็นการรักษาคนไข้ที่มีอาการหนักมาก โดยเช่อื วา่ วญิ ญาณของคนไขไ้ ปอย่ทู ่ี ปลอื ก่อ แลว้ - การลงผเี จา้ นายและการเซ่นผีด้วยวธิ ตี า่ งๆ 6.ข้อหา้ มและขอ้ ปฏิบตั ิ ขณะรักษาหมอสมุนไพรหรือหมอพ้ืนบ้านบางคนจะมีห้าม และข้อปฏิบัติสาหรับ ผู้ป่วยอดอาหารบางประเภท เช่น เน้ือสัตว์ บางชนดิ ที่มีกล่ินแรง (ต่า เนอ ปก่า) พชื บางชนิด เช่น ฟักทอง ส่วน ข้อปฏิบัตินั้นหลังรักษาเสร็จแล้วผู้ป่วยทุกคนต้องมาดาหัวให้หมอ พน้ื บา้ น
12 ภมู ิหลังการดแู ลรักษาสุขภาพ จากความเช่ือท่ีการเจ็บป่วยเกิดจากการกระทาของผี คือ ผีจับเอาขวญั มนุษย์ไปหรือมาจากการละเมิดกฎจารีตของสังคม ถูก เจ้าท่ีเจ้าทางลงโทษทาให้มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น ดังน้ันการรักษา คนไข้หมอพื้นบ้านอาจมีวิธีรักษาหลายวิธี และคนไข้บางคนอาจใช้ หมอรักษาหลายคน การเจ็บป่วยจึงหาย ท้ังนี้ชาวปกาเกอะญอเช่ือ อกี ว่า คนเราแตล่ ะคนจะมีจิตผูกพันในระดบั ทแี่ ตกต่างกนั การดูแลรักษาสุขภาพของผู้หญิงตงั้ ครรภ์ ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพให้มีความเข็งแรงนั้นได้รับ การถ่ายทอดองค์ความรู้จากบรรพบุรุษเดิมเช่นเดียวกับชนเผ่าอ่ืนๆ คือเริ่มต้ังแต่เด็กท่ีอยู่ในท้องมารดาจนถึงวัยชราภาพซึ่งจะเห็นได้ จากข้อห้ามและขอ้ ปฏบิ ัตทิ ้งั บดิ า มารดา จะมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติ ดงั นี้ ขอ้ ห้ามของมารดาชว่ งตัง้ ครรภ์ หา้ มกนิ ตวั ออ่ นของตัวตอ่ หา้ มกินอาหารทม่ี ียาง เชน่ เผือก ขนนุ หา้ มกนิ เน้อื หมูปา่ และสัตว์ทถ่ี ูกเสอื กัดตาย ห้ามนอนหลับมากเกนิ ไปและทางานหนกั เกนิ ไป ข้อหา้ มสาหรับบดิ า ห้ามทะเลาะกับผอู้ น่ื ห้ามมีคดีความฟ้องรอ้ ง หา้ มดุดา่ ลูกเมีย ห้ามล่าสตั ว์บางชนิดและกนิ เนอ้ื สัตว์ปา่ ท่คี นล่าได้
13 ขอ้ พงึ ปฏบิ ตั สิ าหรบั บดิ ามารดา มารดาให้กินผักบารุงร่างกาย รักษาความสะอาด ทางานให้มีความพอเหมาะ และรักษาอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ สาหรับ บิดาให้รักษาอารมณ์จิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ และจัดอาหารให้ เหมาะสมแกภ่ รรยา 7.ประเภทของการเสย่ี งทาย การดูดวงชะตาหมายความว่าหลายคร้ังชีวิตการทามาหา กินและความเป็นอยู่ไม่เป็นไปตามท่ีเราคาดหวังเอาไว้ และซ้าร้าย ไปกว่านั้นชีวิตต้องพบกับอุปสรรคเกินกว่าที่เราแก้ปัญหาและทาใจ ยอมรบั ได้ เมือ่ เป็นเชน่ นี้เราจะตอ้ งหาทางออกด้วยการไปหาผู้ที่เคย มีประสบการณ์มาก่อน และผู้น้ันก็จะให้คาแนะนาหรือเตือนเราให้ ระวังสง่ิ นี้ที่จะเกดิ ขึ้น การปฏบิ ัติเช่นนหี้ ลายครั้งและหลายคนมีชีวิต ทด่ี ีข้นึ ได้ การเส่ียงทายแยกได้หลายประเภทตามวัตถุประสงค์ เช่น การเสี่ยงทายสาหรับคนปว่ ย การเส่ยี งทายสาหรบั และการเสีย่ งทาย เพื่อดูขวัญว่าอ่อนหรือแข็ง เป็นต้น เร่ืองราวจะเป็นเช่นไรหรือจะ เกดิ อะไรข้ึนในอนาคตก็จะปรากฏออกมาในการเสี่ยงทายท้ังสิ้น นอกจากการเสี่ยงทายจะแยกตามวัตถุประสงค์แล้วยัง สามารถแยกไดต้ ามวัสดุอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการเสีย่ งทายได้ดว้ ย
14 การเส่ียงทายด้วยกระดกู ไก่ การเส่ียงทายด้วยกระดูกไก่สามารถเส่ียงทายได้ท้ังสาหรับ การเจ็บป่วย ทรัพย์สมบัติหรือส่ิงของใดๆหาย การทามาหากินและ อนื่ ๆ อกี หลายอย่างหรืออาจจะเรียกได้ว่าใช้ในพิธีเส่ียงทายได้เกือบ ทุกประเภทปกาเกอะญอเช่ือว่าไก่เป็นสัตว์ที่มีญาณมองเห็นการณ์ ไกลกว่าสัตว์อื่นๆ โดยมีตานานเล่าว่าครั้งก่อนโน้นพระเจ้าตรัสถาม สัตว์ท้ังหลายว่า “จะมีผู้ใดเล่าท่ีรู้เร่ืองกาลเวลาได้ดี เวลาเช้า เวลา เย็น เวลาเที่ยง เวลาบ่าย ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศ ตะวันตก ข้าจะอวยพรผนู้ ัน้ ให้ได้รับทุกสิ่ง” นกตัวหนึ่งทูลตอบทันที ว่า “ข้าพระพุทธเจ้าน่ีแหละ พญาคะ” พระเจ้าตรัสว่าถ้าเช่นนั้นข้า จะทดสอบเจ้าดูก่อน ในเวลากลางคืนพระเจ้าทรงลงมาประทับใน บ้านหญิงสาวผู้หน่ึงบังเอิญทาให้ผืนแผ่นดินสว่างไสวไปทั่ว กระท่ัง เท่ียงคนื นกกกตนื่ ข้นึ มาและเห็นวา่ สว่างมากแล้วโดยไม่รู้ว่าเป็นแสง สว่างของพระจันทร์ จึงร้องล่ันอกมาเพ่ือปลุกหญิงสาวและพระเจ้า ให้ต่ืนนอน พระเจ้าทรงต่ืนจากบรรทมแล้วทรงออกจากบ้านหญิง สาวลงไปประทับในศาลาประจาหมู่บ้านแทน ฝ่ายหญิงก็ลุกข้ึนตา ขา้ ว ตาขา้ วเสรจ็ กลับมาหุงข้าว หุงข้าวเสร็จไปตักน้า ไปตักน้าเสร็จ กลับมากินข้าวและห่อข้าวเตรียมพร้อมท่ีจะออกไปทางาน แต่จน แล้วจนรอดตะวันไม่สางสักทีพระเจ้าก็เลยทรงทราบว่านกกกไม่ได้ เร่ืองเสียแล้ว เมื่อนกกกไม่ประสบความสาเร็จนกผาดา (จิซู) ก็บิน เข้าทูลกับพระเจ้าว่า “ข้าพระพุทธเจ้าน่ีแหละ พญาคะ” ในเวลา กลางคืนพระเจ้าทรงลงมาประทับในบ้านหญิงสาวอีกคร้ังหน่ึง จนกระทั่งจวนจะสว่างแล้วนกผาดาต่ืนข้ึนมาและร้องปลุกหญิงสาว และพระเจ้า พระเจ้าทรงตื่นจากพระบรรทมแล้วทรงออกจากบ้าน
15 หญงิ สาวลงไปประทับในศาลาประจาหม่บู ้านแทน ฝ่ายหญิงก็ลุกขึ้น ตาข้าว ตาข้าวเสร็จกลับมาหุงข้าว หุงข้าวเสร็จไปตักน้า ไปตักน้า เสร็จจะกลับมากินข้าวแต่ปรากฏว่าตะวันสายมากแล้ว พระเจ้าก็ ทรงทราบว่านกผาดาไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกัน เม่ือเป็นเช่นนั้นไก่บิน เข้ามาทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระพุทธเจ้าน่ีแหละ พญาคะ” เวลา กลางคืนพระเจ้าทรงลงมาประทับในบ้านหญิงสาวเหมือนเช่นเคย อีกครั้ง เม่อื ถึงเวลาใกล้รุ่ง (ไก่ขันครั้งแรกราวๆ 04:00 น.) ไก่ก็ต่ืน ขึ้นมาขนั เพ่ือปลุกหญิงสาวและพระเจ้า พระเจ้าทรงตื่นจากบรรทม แลว้ ทรงออกจากบ้านหญิงสาวลงไปประทับในศาลาประจาหมู่บ้าน แทน ฝ่ายหญิงก็ลุกขึ้นตาข้าว ตาข้าวเสร็จกลับมาหุงข้าว หุงข้าว เสร็จไปตักน้า ไปตักน้าเสร็จกลับมากินข้าวและห่อข้าวเตรียม ออกไปทางาน เมอ่ื ทกุ อยา่ งเรียบรอ้ ยก็ได้รุ่งเช้าพอดี พระเจ้าตรัสว่า “เจ้านี่แหละเป็นผู้รู้เร่ืองเวลาอย่างดี รู้ว่าเวลาไหนเป็นเวลาเช้า เวลาไหนเป็นเวลาเย็น เวลาไหนเป็นเวลาเท่ียงและเวลาไหนเป็น เวลาบ่าย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปอวัยวะทุกส่วนของเจ้าจะใช้ ประโยชน์ได้ท้ังส้ิน ไม่มีส่วนใดท่ีจะถูกท้ิงไป” ก็เป็นเร่ืองราวจริงว่า ไม่มใี ครทงิ้ ส่วนใดของไก่เลยแม่กระทั่งกระดูกก็ยังใช้เป็นอุปกรณ์ใน การเส่ยี งทายมาจนถงึ ปจั จบุ นั การเส่ียงทายด้วยกระดูกไก่ผู้ทาพิธีเสี่ยงทายจะนากระดูก โคนขาไก่สองข้างมาขูดพอเห็นรูจากน้ันก็จะนาซ่ีไม้ไผ่เล็กๆ สองอัน เสยี บลงไปทรี่ ูกระดูกไกน่ ั้น วางลงบนพ้นื ใหอ้ ยู่ในระดับเดียวกันและ สังเกตความลาดเอียงของซี่ไม้ท้ังสองว่ามีความลาดเอียงเช่นไร ซ่ึง โดยปกติแต่ละครั้งของการทาพิ ธีความลาดเอียงของซ่ีไม้ ไผ่จะมี
16 ความแตกต่างกันไป ผู้ทาพิธีก็จะใช้ความลาดเอียงน้ีแหละเป็น เกณฑ์ในการทานาย การเส่ยี งทายด้วยไขไ่ ก่ การเสี่ยงทายด้วยไข่ไก่ส่วนใหญ่จะใช้กับคนเจ็บป่วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงคนป่วยท่ีมีอาการหนักๆ การทาพิธีเพื่อดูว่า สาเหตุของการอาการปว่ ยนมี้ าจากไหน ข้ันตอนการทาพิธีไม่ยุ่งยาก มากนกั ผู้ทาพิธีจะนาไข่มาหน่ึงฟอง เปา่ โดยใช้คาถา จากนั้นก็จะทุบ แตกและหยอดลงในถ้วย และจะสังเกตว่าลักษณะของไข่เป็นเช่นไร ผิดปกติหรือไม่ เช่น มีเลือดปนอยู่ มีก้อนเน้ือปนอยู่ ไข่ขาวและไข่ แดงคลุกเคล้ากันท้ังฟอง เป็นต้น ซึ่งผู้ทาพิธีก็จะรู้ว่าลักษณะไข่ท่ี ผิดปกติเหลา่ นไ้ี ด้บ่งบอกถึงอะไร การเสยี่ งทายด้วยขา้ วสาร การเส่ียงทายด้วยข้าวสารจะเป็นการเส่ียงทายเพื่อหาหมอ ท่ีถูกชะตากรรมกับคนป่วยและสามารถรักษาคนป่วยให้หายจาก โรคได้ เพราะเช่ือว่าคนคนแต่ละคนจะมีหมอประจาของตนเอง หมอคนอ่ืนจะไม่สามารถรักษาเขาให้หายจากโรคได้ ด้วยเหตุนี้คน ทาพิธีเสี่ยงทายมักจะรู้จักหมอหลายๆคน หลักการก็คือ หมอคนใด ท่ีผู้ทาพิธีเรียกช่ือขณะท่ีหยิบเม็ดข้าวสารขึ้นมาและได้รับคู่ท้ังสาม คร้ังแสดงว่าหมอผู้นั้นจะรักษาคนป่วยให้หายจากโรคได้ หากไม่ เป็นไปตามนี้ก็จะหยบิ ข้าวสารและเรียกชื่อหมออื่นจนกวา่ จะได้หมอ ทเี่ ขา้ หลกั การดงั กลา่ วมาแล้วขา้ งต้น
17 การเสีย่ งด้วยใบไม้ การเส่ียงทายด้วยใบไม้ส่วนใหญ่จะเสี่ยงทายสาหรับการ เลือกสถานท่ีที่จะไปหาของป่า เช่น จับปลา ล่าสัตว์ เป็นต้น หาก การเสี่ยงทายบ่งชี้ว่าสถานท่ีใดเมื่อไปแล้วจะได้อาหารกลับมาก็จะ เลือกไปท่ีน่ัน ข้ันตอนการทาพิธีคือผู้ทาพิธีจะเด็ดใบไม้มาแล้วย่ืน ออกไปทางทิศใดทิศหน่ึงและสังเกตว่าใบไม้มีลักษณะอาการเช่นไร และได้บ่งชี้อะไรหากบ่งชี้ว่าไปแล้วดีก็จะไปท่ีน่ัน แต่หากบ่งชี้ว่าไป แล้วไม่ดีก็จะเด็ดใบไม้ใหม่และย่ืนไปในทิศใหม่ จะกระทาเช่นน้ี จนกวา่ จะไดส้ ถานท่ที ่ีนา่ พอใจ การเสยี่ งทายดว้ ยการสัมผัสมอื การเสยี่ งทายด้วยการสัมผัสมือก็คือการจับชีพจรเพื่อตรวจ ลักษณะการเต้นของหัวใจของผู้ป่วย ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการ อ่อนเพลีย เหนื่อยอ่อน เม่ือยล้าหรือเบื่ออาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ทาพิธีจะจับข้อมือผู้ป่วยและสามารถบอกได้ว่าอาการเหล่านี้มี สาเหตุมาจากอะไร และจะต้องรักษาด้วยวิธีใด เช่น ผูกเรียกขวัญ สะเดาะเคราะห์ เล้ยี งผีป่า เป็นตน้ 8.เน้อื หา รายละเอียด ของสมนุ ไพร ลักษณะของพ้ชื สมุนไร วธิ ีการปลูก สรรพคณุ ของสมุนไพร วธิ กี ารใช้
18 กระชาย ชือ่ ท้องถนิ่ กะเหร่ียง เปา๊ ะสี เปา๊ ะซอเท้ะ ลักษณะของพืช ลาต้นของกระชายเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน จัดเป็นพืชล้มลุก เนื้อช้างในของเหง้ามีสีเหลืองเช่นเดียวกับราก กาบใบมีสีแดงเชื่อๆ ดอกออกเป็นชอ่ กลบี ดอกสขี าวแกมชมพู การปลกู กระชายชอบดินรว่ นปนทราย ใช้เหงา้ ในการปลูก โดยปลกู ในชว่ งฤดูฝนจงึ จะดีมาก แต่ต้องระวังนา้ ขงั หรอื ดินแฉะจนเกนิ ไป ส่วนทใ่ี ช้รากและเหง้า สดหรือแหง้ ก็ไดร้ สขมและเผ็ดร้อน คณุ สมบัติท่ัวไป มนี ้ามันหอมระเหยมีฤทธใ์ิ นการยบั ยงั้ เชอื้ แบคทเี รียใลาไส้ ช่วยขบั ลม ทาให้กระเพาะและลาไสท้ างานได้ดี สรรพคุณทางยา ช่วยบารุงกาลัง แก้ชัก บาบัดอาการท้องอึดท้องเพ้อ แก้ ปวดมวนในทอ้ ง รกั ษาโรคบิด แกล้ มวงิ เวยี น รักษากลาก - ฝี วิธีใช้ ใชร้ ากและเหง้าสักครง่ึ กามือ บบุ พอแหลก ตม้ กบั นา้ หรอื ผสมน้าผึ้งก็ได้
19 กระเทียม ช่อื ทอ้ งถน่ิ กะเหรย่ี ง ปะเซวา ลักษณะของพืชลาต้นของกระเทียมเป็นหัวอยู่ใต้ดิน หัว กระเทียมจะประกอบด้วยกลีบหลายกลีบ ดอกจะออกเป็นช่อ มีสี ชมพูแกมขาว กระเทียมจะชอบอากาศเย็นและดินร่วนซุย ในการ ปลูกจะใชห้ ัวกระเทียมฝังลงดินเพยี ง 4 เดือนกโ็ ตเต็มท่ี คุณสมบตั ิท่ัวไป ช่วยลดนา้ ตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด และมฤี ทธิ์ ขับลมในกระเพาะอาหาร สรรพคณุ ทางยา แก้ไข้ รักษากลากเกลื้อน ขับเสมหะ และช่วยขบั ลมใน ลาไส้ วิธใี ช้ ใช้รักษากลากเกลื้อน ผ่ากลีบกระเทยี มใหเ้ หน็ เนอ้ื ใน แลว้ นามาทาถูบ่อยๆรักษาอาการท้องอึด แน่นจุกเสียด รับประทาน กระเทียมสด4 - 5 กลีบ หลังอาหารหรือเวลามีอาการแน่นหน้าอก แนน่ ทอ้ ง
20 กลว้ ยนา้ วา้ ชอ่ื ท้องถ่นิ กะเหรี่ยง (เส่อกวิ) ลักษณะของพชื กล้วยมลี าตน้ สูงและกลม มีใบเป็นกาบหมุ้ ซอ้ นกัน กา้ นของโบยาว ดอกจะออกทปี ลายของช่อเรียกว่าหวั ปลี ผลจะต่อกนั เปน็ หว)ี หลาย ๆ หวีมารวมกนั เรยี กวา่ \"เครอ่ื \" กลว้ ย ถูกจัดเป็นพขื ล้มลุก การปลูกดินร่วนซุยปนเหนียวจะปลูกกล้วยได้ดี และ สว่ นมากนยิ มใช้หน่อปลูกผลดบิ หรือใกล้สุกรสฝาด คุณสมบตั ทิ ั่วไป มฤี ทธ์ิต้านเชอื้ ราและแบคที่เรียทมี่ สี าเหตมุ าจากการเกิด หนองรกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร สารแทนนินในกล้วยดบิ บาบดั อาการทอ้ งเสยี ได้ สรรพคุณทางยา รักษาแผลในกระเพาะอาหาร วธิ ใี ช้ ผ่ากลว้ ยนา้ ว้าดิบเป็นแว่นบางๆ ตากแดดให้แหง้ บดให้ ละเอยี ดแลว้ ชงด่ืม อาจผสมกับนา้ ขิงหรือพรกิ ไทย ป้องกันอาการ ทอ้ งอึดกะเพรา
21 กอมก้อ กะเพราขาว กะเพราแดง ชอื่ ท้องถิ่นกะเหรยี่ ง(ห่อวอเซ) ลักษณะของพืช ลาต้นของกะเพรามีขนอ่อนปกคลุมอยู่ ตลอด ใบท่ีมีกลิ่นหอมฉุนก็มีขนอ่อนเช่นกัน กะเพราเป็นไม้ล้มลุม ขนาดเล็ก โคนตน้ ท่ีแกเ่ ปน็ ไมเ้ นื้อแขง็ ออกดอกเป็นช่อ ดอกย่อยขึ้น รอบๆแกนกลางเรียงกันเป็นชั้นๆ กิ่งก้านของกะเพราแดงจะมีสี เขยี วอมมว่ งแดงส่วนของกะเพราขาวจะมีกง่ิ ก้านสีเขียวอ่อน การปลูก จะเพาะกลา้ ก่อนหรือหยอดเมลด็ ลงในหลุมตืน้ ๆ แล้วกลบ ดนิ เพียงเล็กน้อยก็ได้ คณุ สมบัตทิ ่ัวไป มนี ้ามนั หอมระเหยจึงมีฤทธิ์ขับลม ขบั นา้ ดี ชว่ ยยอ่ ยไขมนั ลดอาการจุกเสียดและลดการบีบตวั ของลาไส้ สรรพคณุ ทางยา บาบดั รักษาอาการจุกเสียด ท้องขึน้ ท้องเฟ้อ แกป้ วดท้อง เปน็ ยาต้งั ธาตุ วธิ ใี ช้ ใช้ใบสดหรือใบแห้ง 2 กามอื ตม้ นา้ ดม่ื แกจ้ ุกเสยี ด แน่นทอ้ งหรือ คล่ืนไส้อาเจียน
22 กระเจย๊ี บแดง ชอ่ื ท้องถนิ่ กะเหรี่ยง (แบมีฉี่) ลักษณะของพืชลาต้นของกระเจี๊ยบสงู ประมาณไม่เกิน 2 เมตร กระเจ๊ยี บเป็นไม้ล้มลกุ ที่มสี มี ่วงแกมแดงทั้งใบและก่ิงก้าน ส่วนดอกนัน้ สชี มพูเข้มกลบี เลี้ยงจะมีสีแดงเขม้ เม่อื แก่ เมล็ดมี จานวนมาก การปลูก กระเจ๊ยี บขึน้ ไดด้ ีในดินทุกชนิด แต่จะชอบอากาศร้อนเปน็ พเิ ศษกลีบเลีย้ งและกลีบรองดอกรสเปร้ียว สรรพคณุ ทางยา มีวิตามินเอ ช่วยบารุงสายตา มีแคลเซียมช่วยบารุงกระดูก และฟันชว่ ยกัดเสมหะ ขับปสั สาวะ บรรเทาอาการของผูป้ ว่ ยโรคน่วิ วธิ ีใช้ นาเอากลีบเลี้ยงและกลีบรองดอกไปตากแดดให้แห้งแล้ว จึงค่อยนามาบดเป็นผงละเอียด ชงผงกระเจ๊ียบ 1 ช้อนชาในน้า เดอื ด 1 ถว้ ย ด่ืมวนั ละ 3 เวลา เพอื่ บาบดั รักษาอาการขดั เบา
23 ขมิ้นชัน ชื่อท้องถน่ิ กะเหรี่ยง (สะยอ) ลักษณะของขมิน้ มีเหงา้ อยู่ใต้ดนิ เนอื้ ของเหง้ามีสีเหลอื ง เข้ม ดอกจะออกเปน็ ช่อ กลีบประดบั เป็นสีเขยี วแกมชมพู ผลเป็น รูปกลมมี 3 พู ขม้นิ จัดให้เปน็ พชื ลม้ ลกุ ต้นสูง 50 - 70 ชม. การปลูก ขมิ้นปลกู ได้ดใี นดนิ ร่วนซยุ ทรี่ ะบายนา้ ไดด้ ี จะใช้เหงาใน การปลูกโดยใช้เหงา้ ที่แก่ 11 - 12 เดอื นตัดเปน็ ท่อน สรรพคณุ ทางยา เหง้าสดและเหงา้ แห้งรสฝาดชว่ ยขบั นา้ ดี มฤี ทธ์ชิ ว่ ยคลาย กลา้ มเนือ้ ลดอาการอักเสบขับลม แกจ้ กุ เสยี ด แก้ท้องเดิน แกโ้ รด ผิวหนงั ผดผ่นื คนั ตาม รา่ งกาย วธิ ใี ช้ ผ่านเป็นชิ้น ตากแดดจดั จนแหง้ นาไปตาใหล้ ะเอียด ผสม ในนา้ อุ่น แล้วด่มื
24 ขิง ช่ือท้องถนิ่ กะเหร่ียง (สะเอ) ลักษณะของพืชจัดเป็นพืชล้มลุกมีเหง้าอยู่ใต้ดิน ดอกสี เหลืองปลายดอกสีม่วง ออกเป็นช่อจากเหง้า มีก้านช่อชูออกมาพ้น ดนิ ประมาณ 10เซนตเิ มตร การปลกู ขงิ ชอบแสงแดดพอเหมาะ และหากปลกู ในดนิ รว่ นปน ทรายจะขึ้นไดด้ ีมาก สรรพคุณทางยา ใช้เหง้าขิงที่แก่สด รสมีสารประเภทแอนต้ีฮีสตามีน ช่วย รักษาการคลื่นไส้ ไอและเจ็บคอได้ และมีสารจิงเจอรอลช่วยลดพิษ ไข้ได้ผลดี มฤี ทธ์ิขบั ลมในกระเพาะอาหารและลาไส้ ชว่ ยต่อตา้ นเช้ือ แบคท่ีเรียท่ที าใหเ้ กดิ หนอง และยังสามารถแกอ้ าการเมารถ เมาเรือ และแก้อาการคล่นื เหียนอาเจยี นของคนท้อง วิธใี ช้ เอาเหงา้ ชิงแกม่ าฝนกับน้ามะนาว หรอื อาจใชเ้ หง้าขิงสด บดละเอียดผสมน้าเลก็ น้อย ค้ันเอาแตน่ า้ และผสมเกลอื เลก็ น้อย เพ่ือใชจ้ ิบและกวาดคอได้
25 ขา่ หยวก ข่าตาแดง ขา่ หลวง ชือ่ ท้องถ่ินกะเหรย่ี ง (สะเอเช) ลักษณะของพืชลาตน้ ของขา่ เป็นเหงา้ มสี ขี าว ใบออกสลบั ขา้ งกัน ดอกออกเปน็ ช่อแตล่ ะดอกมีขนาดเล็กและมสี ชี มพู ใบขา่ มีสี เขยี วเข้มและเปน็ มนั การปลกู หากปลกู ในดนิ รว่ นซยุ ข่าจะขึ้นได้ดี ถา้ มีอากาศชมุ่ ช้นื เหมาะสมสว่ นมากนยิ มใช้เหง้าหรอื แง่งปลูก พอเหง้าแกก่ ็เก็บได้ สรรพคุณทางยา เหง้าแห้ง หรือสดก็ได้รสค่อนข้างเผ็ด มีฤทธิ์ขับลมใน กระเพาะอาหาร ต้านเชื้อแบคท่ีเรียและฆ่าเช้ือรา แก้ฟกช้าดาเขียว ขบั ลมลดกรดในกระเพาะอาหาร รักษา กลากเกลอ้ื น วธิ ีใช้ ทุบหัวขา่ แกให้แตก แช่เหลา้ ขาวทิง้ ไว้ 1 คนื แล้วนามาทา บรเิ วณท่ีเป็นกลากเกล้อื น
26 คูน ชอ่ื ท้องถิ่นกะเหร่ียง (กุเพยะ) ลกั ษณะของพชื ต้นคณู จะมีกล่นิ หอมจากฝักกลมยาว ฝกั อ่อนมีสีเขยี ว หากแกจ่ ะมีสีนา้ ตาล ตน้ คูณจะมีลาต้นขนาดใหญ่ ถูก จัดให้เป็นพืชยนื ตน้ การปลกู ปลูกง่ายและขึ้นได้ดี ในดินทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนปน ทราย จะใช้ก่งิ ตอนหรือเพาะเมล็ดก็ได้เน้ือในของฝักแก่ รสหวานจัด สรรพคุณทางยา แก้ท้องผกู ปวดและแนน่ ท้องช่วยการขบั ถา่ ยไดด้ ี วธิ ใี ช้ ใช้ดื่มก่อนนอนหรือก่อนรับประทานอาหารโดยใช้เนื้อใน ฝกั แก่เท่าหัวแม่มอื มาต้มกับน้าใส่เกลือเล็กน้อยเหมาะสาหรับคนที่ ท้องไม่ดีอยู่เป็นประจา และสตรีมีครรภ์ใช้เป็นยาระบายได้ โดยไม่ เป็นอันตราย
27 ตะไคร้ ช่อื ท้องถิ่นกะเหรย่ี ง (ห่อวอตะโป) ลกั ษณะของพชื ลาตน้ ของตะไคร้ตั้งตรง และอยู่รวมกันเป็น กอ ใบซ้อนกันอย่างแน่นหนา เนื้อใบหยาบ คม และมีขนอยู่ท่ัวไป ตะไคร้ จัดอยูใ่ นตระกูลพชื ล้มลุก เหงาใตด้ นิ มกี ลน่ิ หอม การปลกู ส่วนมากนิยมใชเ้ หงา้ ปักชา โดยปักลงบนดินใหล้ าต้นเอยี ง ประมาณ 7ร องศา ดนิ ร่วนซุยจะปลกู ตะไครไ้ ด้ผลดีมาก สรรพคณุ ทางยา เหง้าแก่ สดหรือแห้ง และลาต้น แต่มีกลิ่นหอมมีน้ามัน หอมระเหย ขบั ลมได้ดี และยังสามารถแกอ้ าการ จุกเสยี ดได้ ชว่ ยบารุงไฟธาตุ แกโ้ รคปสั สาวะไม่ปกติ ขับลมในลาไส้ ทาให้ รบั ประทานอาหารได้มากกว่าปกติ วธิ ใี ช้ แกป้ ัสสาวะไมป่ กติ โดยเอาลาต้นหน่ั เป็นแวน่ บางๆ ใช้ 1 วนั ต่อ1 กามอื ต้มกบั น้า ดื่มวันละ 1 ถ้วย ควรดม่ื ก่อนอาหาร
28 ต้าลงึ ชอื่ ทอ้ งถนิ่ กะเหร่ียง (แคเดา๊ ะ) ลักษณะชองพืช ตาลึงเป็นพันธุ์ไม้เถา เถามีสีเขียว ใบเดียว ติดสลับ ตาลึงมีดอกสีขาว ผลคล้ายแตงกวาลูกเล็ก เมื่อสุกจะมีสี แดงสด การปลุก ใชเ้ มล็ดเพาะ เอาเมลด็ จากผลทแ่ี ก่จนแดงมาหยอดลงหลุม ทเ่ี ตรียมไว้ หรือใช้เถาปกั ชาก็ได้ สรรพคณุ ทางยา ใบสด รสเย็น ชว่ ยลดน้าตาลในเลอื ด แกแ้ พ้ แกอ้ กั เสบ แก้พิษเมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยให้หายจากการปวดแสบปวดร้อนและ อาการคนั หรือแพ้ วิธใี ช้ นาใบสดประมาณ 1 กามอื ตาใหล้ ะเอียด ค้นั เอาแตน่ า้ เพ่อื ใชท้ าบริเวณแมลงกดั ต่อย หรอื ตรงที่มผี ่นื แดง หรืออักเสบ
29 ทบั ทิม ชอื่ ท้องถนิ่ กะเหรยี่ ง (เชาะเบอเล) ลกั ษณะของพืชลาต้นของทบั ทิมเปน็ ต้นขนาดเล็ก ถูกจัด อยูใ่ นกลุ่มไม้ยนื ต้นเมลด็ ภายในมีจานวนมาก ดอกมีหลายสีสดสวย ใบเรยี วเลก็ การปลกู สว่ นมากนิยมเพาะเมล็ดมากกวา่ ตอนก่งึ ทบั ทมิ ชอบดิน เหนยี วปนหิน หรือดินลกู รัง ควรปลกู ในฤดูฝนจะได้ผลดี สว่ นทีใ่ ช้ สรรพคณุ ทางยา เปลือกผลแห้งแก่เต็มท่ี รสยาฝาดสมาน หรือรสฝาดมีสาร แทนนินและกรด รักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน ถ่ายไม่เป็นปกติ แกป้ วดทอ้ ง และบรรเทาอาการโรครักษาอาการทอ้ งเสีย ถ่ายบอ่ ย วิธีใช้ บรรเทาอาการท้องเดิน นาเปลอื กผลทีแ่ ห้งจดั มาผา่ คร่งึ ฝนกับนา้ ปูน แล้วดม่ื หรืออาจนามาต้มกับน้าปูนใส แลว้ ด่ืมตาม ชอบของแต่ละคน
30 นอ้ ยหน่า ชอื่ ท้องถิน่ กะเหร่ียง (เสอ่ คส่ี ่า) ลกั ษณะของพชื น้อยหนา่ มีดอกสีเหลืองอมเขียว กล่ินหอม ผลกลมมตี ุ่มนูนรอบผล เมล็ดสีดาเป็นมัน นอ้ ยหนา่ เป็นไม้ยืนต้น ใบ ทรงรปี ลายอ่อนขา้ งแหลม การปลูก ใช้การเพาะเมลด็ แล้วจึงยา้ ยต้นกล้าไปปลูกในหลมุ ที่ เตรยี มไว้ชอบดนิ รว่ นปนทราย สรรพคณุ ทางยา เมลด็ และใบสดรสหวาน มนี ้ามนั หอมระเหยและมีฤทธฆ์ิ า่ เหาชว่ ยรักษากลากเกลือ้ นและฆ่าเหา วธิ ีใช้ ใช้ใบสดทุบใหแ้ หลกผสมน้าเล็กนอ้ ย ชโลมเส้นผม เอาผ้า ช่วยคลุมเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทาความสะอาดผมให้สะอาด หรือบุบเมลด็ เอาเนอื้ ในมาโขลกผสมน้ามันพืชทารกั ษาเหา
31 บัวบก ชือ่ ทอ้ งถิน่ กะเหร่ียง (ปะหนะเอชาเดาะ) ลักษณะชองพืชลาต้นจะเลื้อยไปตามพ้ืนดิน เรียกว่าไหล รากและใบจะงอกออกตรงข้อของลาต้น บัวบกถูกจัดให้เป็นพืชไม้ เลื้อย ขอบใบเป็นคลน่ื หยักดอกขนาดเลก็ สมี ่วงแก่ ใบทรงกลม การปลกู บวั บกชอบท่ชี ้ืนแฉะ และ แสงแดด ส่วนมากจะนยิ มใช้ไหล หรอื ลาต้นเลอ้ื ยที่มรี ากงอกออกมาตัดเปน็ ท่อนๆ มาปักชา สรรพคุณทางยา ใบสดและต้น รสขมเล็กน้อยสามารถฆ่าเช้ือแบคทีเรียที่มี สาเหตุเกิดจากหนอง ฆ่าเช้ือราลดอาการอักเสบ และมีฤทธ์ิทาให้ แผลหายเรว็ แกอ้ ่อนเพลีย แก้เม่ือยล้า สมานแผลสดใหห้ ายเรว็ วิธใี ช้ แก้แผลน้ารอ้ นลวกหรือไฟไหม้นาใบบวั บกสด 1 กามือ มา คัน้ น้าชโลมบรเิ วณทีเ่ ปน็ แผล ถ้าใชก้ ากพอกด้วยจะยิ่งดี โดยทาวัน ละ 3 – 4 ครั้ง
32 ฝรงั่ ช่ือทอ้ งถิ่นกะเหร่ียง (มะแกว๋โม๊) ลักษณะชองพืชลาต้นของฝร่ัง มีก่ิงก้านสาขามากและ จดั เปน็ ไมย้ นื ต้นขนาดเล็กใบเดียวจะติดกับลาต้น ใบจะมีรูปร่างรี มี ดอกสีขาวออกเป็นชอ่ ผลจะมีหลายรูป มที ้ังกลม รี ไข่ การปลกู นิยมใช้การตอนกงิ่ หรือจะเพาะเมลด็ ทาบกิ่งก็ได้ ปลูกใน ดนิ รว่ นปนทรายจะดี แตร่ ะวังอย่าให้นา้ ขังแฉะผลอ่อน และ ใบแก่- สรรพคณุ ทางยา มีนา้ มนั หอมระเหย ชว่ ยลดการระคายเคืองของลาไส้ และ ลดการสูญเสยี น้าช่วยระงับกลิ่นปากและแกโ้ รคบดิ วธิ ีใช้ แกท้ ้องเสยี นาใบแก่สมบรู ณ์ 10 - 15 ใบ มายา่ งไฟ ใชช้ ง กับนา้ รับประทาน หรอื ใชผ้ ลออ่ น 1 ผล ฝนกับนา้ ปูนใส
33 พลู ช่ือทอ้ งถ่ินกะเหรี่ยง (เส่อบอื หลา่ ) ลกั ษณะของพชื พลมู ีลาตน้ เป็นไมเ้ ถาเล้ือย ลาตน้ กง่ิ ดอก และใบมีกล่นิ หอมใบพลูจะมรี ูปรา่ งคล้ายใบโพธิ์ ปลายแหลม ใบมนั ขอบใบเรยี บ หน้าใบมนั การปลกู พลูเล้ือย ดินที่อุดมสมบรู ณด์ ี พลจู ะเจริญเติบโตไดอ้ ย่าง รวดเร็ว นิยมใช้การปกั ชาโดยตดั เอาตน้ เถาของพลู มาปัก ใชไ้ ม้แกน่ ทาเปน็ เสาให้เลอ้ื ย สรรพคณุ ทางยา ใบสดรสเผด็ มีวิตามนิ กรด แร่ธาตตุ ่างๆ เช่น แคลเซยี ม ฟอสฟอรสั เหล็กไอโอดนี ฟลูออไรด์ ลดอาการอักเสบ บารุงฟัน ใช้ เป็นยาฆ่าแมลงไดแ้ กล้ มพษิ ขับลมในกระเพาะอาหารและลาไส้ ใช้ เป็นยาฆ่าแมลงพืช วธิ ีใช้ แก้ลมพิษและโรคกลากเกลือ้ น นาใบพลู 2 - 3 ใบมาตาให้ ละเอียด ผสมกับเหลา้ ขาว คน้ั เอาแตน่ ้า ทาบรเิ วณท่ีเปน็
34 พรกิ ไทย ชื่อท้องถ่นิ กะเหรี่ยง (มูส่าโพ) ลกั ษณะของพชื พริกไทยจดั เป็นไมเ้ ถาเนือ้ แขง็ ดอก ออกเป็นช่อมสี ีขาวแกมเขียวผลกลมจดั เรยี งตัวแน่นอยู่บนแกน ผล ออ่ นจะเขียว แก่จะแดง ใบมรี ูปไข่กวา้ ง 5 - 8 ชม. ตามขอ้ โปง่ นนู มี รากฝอย การปลกู พริกไทยชอบอากาศอบอุ่นและช้ืน ปลกู โดยใช้ก่ิงปกั ชา ปลกู ในดินชนิดใดก็ไดผ้ ลดี สรรพคณุ ทางยา ผลแกจ่ ัดท่ีไม่สกุ นกั รสเผด็ รอ้ น ระบายทอ้ งได้ดี ช่วยแตง่ กลิน่ รสและถนอมอาหารได้บารงุ ธาตุ ชว่ ยขบั ลม แกอ้ าการท้องอดึ ทอ้ งเฟอ้ ทาใหไ้ มเ่ บ่ือนาผลมาตาให้ละเอียดแล้วป้นั เปน็ ลูกกลอน ใชร้ บั ประทาน หรือ บดให้เป็นผงละเอียดชงดืม่ ก็ดี (หญิงมีครรภห์ ้ามรับประทาน)
35 ไพล ชื่อท้องถิน่ กะเหรีย่ ง เเปลโข่ ลกั ษณะของพชื ไพลจะมีลาต้นอยใู่ ตด้ ิน คือเหงา้ ลาตน้ ท่ี แทงขน้ึ มาจะมสี ีเขยี วมใี บออกสลบั ตรงกันข้าม ใบเรียวยาว ดอกสี เหลอื งเป็นชอ่ เนื้อในเหง้ามีสีเหลอื งอมเขยี วมกี ลน่ิ หอม การปลูก ไพลชอบดินเหนยี วปนทราย โดยจะใช้เหงา้ จากกอเดิม ระวังน้าขงั เม่ือชาไพลงอกออกแลว้ นาไปปลกู โดยวางสว่ นท่ีแตก หน่อ ตง้ั ขึน้ กอ่ นกลบดินเลก็ น้อย สรรพคุณทางยา เหง้าแกจ่ ัด หรอื หัวสดๆบรรเทาอาการปวด ชว่ ยลดการ อกั เสบ และรักษาฝี หนองต่างๆใช้เปน็ ยาหลังคลอดบตุ ร แก้ ประจาเดือนมาไม่ปกติ บรรเทาอาการฟกชา้ ดาเขียว บวม เคล็ดขดั ยอก แก้ผืน่ พษิ จากอาการแพ้ฝ่นุ แพอ้ าหารทะเล วธิ ีใช้ แก้เคล็ดขดั ยอก นาเหง้าแห้ง 1 เหง้ามาตา่ ละเอียด คน้ั เอา นา้ มาทาถูบริเวณที่เคลด็ หรืออาจตาผสมกบั เกลือเล็กนอ้ ย ห่อแลว้ องั กบั ไฟประคบตรงบรเิ วณที่ปวดเมอ่ื ยฟกช้า หรือบริเวณที่เป็นผ่นื แพ้
36 ฟ้าทะลายโจร ลักษณะของพชื ลาต้นของฟา้ ทะลายโจรสูงประมาณไม่เกนิ 60 เมตร จัดอยูใ่ นกลุ่มไม้ล้มลุก ใบเรียว ปลายแหลม มีสเี ขียว ดอก มสี ขี าวแกมมว่ งทองฝักคลา้ ยตอ้ ยต่ิง ดอกสีขาวประสีแดงม่วง การปลกู ฟ้าทะลายโจรเหมาะปลูกไดด้ ีในฤดฝู น การปลูกใชเ้ มล็ด หว่านลงบนดินกลบดนิ ไม่ลึก ประมาณ 4 เดอื น สามารถนามาใช้ ปลูกในฤดฝู นจะโตเร็ว สรรพคุณทางยา ลาต้นและใบ รสขมแก้อาการลดไขต้ วั ร้อนและเจบ็ คอ วธิ ใี ช้ นาใบฟ้าทะลายโจรสด ตาละเอียดผสมกับน้าผึ้งป้ันเป็น ลูกกลอนนาใบแห้ง ห่ันเป็นช้ินเล็กๆ แช่เหล้าขาว 7 วัน กรองเอา น้าไว้ดื่มครั้งละ 1 - 2 ซ้อนโต๊ะ วันละ 3 - 4 คร้ังก่อนอาหาร นาใบ 3 กามอื ตม้ น้านาน 15 นาที แล้วดื่มก่อนอาหาร
37 มะขาม ช่ือท้องถิน่ กะเหรีย่ ง (เส่อมอเกล๊ะ) ลักษณะของพืชลาต้นของมะขาม มีเปลือกหนา ขรุขระ มะขามจัดเป็นไม้ยืนต้นดอกสีเหลืองส้ม ออกรวมเป็นช่อ ผลจะเป็น ฝักยาว เปลือกแข็งแต่เปราะเน้ือข้างในหนาหุ้มเมล็ด ปลายใบมน ขอบใบเรียบ ลกั ษณะใบเปน็ ใบย่อยขนาดเล็กๆ การปลกู มะขามจะปลูกได้ดีในดินรว่ นปนดนิ เหนียว นยิ มใชก้ าร ปักก่ิง ติดตา และทาบ ควรจะปลกู ในฤดูฝนจะดีทส่ี ุด แตม่ ะขามก็ ทนแลง้ ไดด้ ี ผลอ่อน เมลด็ ผลแก่ และเน้ือฝกั แก่ รสเปรย้ี วและมัน คณุ สมบตั ทิ ัว่ ไป สรรพคุณทางยา ละลายเสมหะ มีฤทธิเ์ ปน็ ยาระบาย ลดความร้อนของ รา่ งกาย เน้ือฝักแกเ่ ป็นยาระบาย ใชข้ ับพยาธิ วิธใี ช้ นามะขามที่มีรสเปรยี้ วจม้ิ กับเกลือรับประทานดื่มน้า ตามมากๆหรือดั้นกบั น้าผสมเกลอื ดม่ื เป็นนา้ สมุนไพร
38 มะขามป้อม ชอ่ื ทอ้ งถน่ิ กะเหร่ียง (เส่อยาสา่ ) ลักษณะของพืชมะขามป้อมเป็นไม้ยนื ต้น เปลอื กของลาต้น คอ่ นข้างเรยี บ ปลายใบยาวรี มีสเี ขียวเข้ม ดอกเป็นช่อมสี เี หลือง ผล แกส่ ีนา้ ตาล ผลอ่อนสเี ขยี วลาตน้ สูง 7 เมตร การปลกู นิยมการตอนกงิ่ ทาบก่งิ และเพาะเมลด็ ถ้าตอนก่ิงมาปลกู หลังรากงอกตอ้ งกลบดนิ ให้แน่น สรรพคุณทางยา ผลสด รสฝาดอมเปร้ยี ว มวี ิตามินซสี งู รักษาโรดกระเพาะ อาหารอักเสบ มฤี ทธิ์กระตนุ้ น้าลายช่วยให้เจรญิ อาหาร แก้กระหาย นา้ รักษาโรคหวดั ขับปสั สาวะแก้เลือดออกตามไรฟนั วิธใี ช้ นาผลที่แห้งผ่าเอาเมล็ดออกประมาณ 4 ลูก นาไปผสมกับ นมปั่นให้เหลวด่ืม เช้า กลางวัน เย็น 1 สัปดาห์ จะช่วยแก้อาการ ออ่ นเพลียบารงุ ร่างกายให้สดช่ืนแข็งแรงข้ึนหากรักษาอาการไอ ขับ เสมหะใช้ผลสดๆ โขลกพอแหลกจ้ิมกบั เกลอื เคยี้ ววันละ 3 - 4 ครงั้
39 มะแว้ง ชื่อท้องถิ่นกะเหร่ียง (เส่อกอข่าสา่ ) ลกั ษณะของพชื มะแวง้ เครือจัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้เลือ้ ย ทุก สว่ นมหี นามโคง้ แหลมผิวใบเรียบ ขอบใบหยัก และเวา้ ประมาณ 2 - 5 แฉก ผลอ่อนสเี ขยี วแกจ่ ะมีสแี ดง ดอกสีมว่ งออกเป็นช่อ ๆ การปลูก ใช้เมล็ดสดจากผลมะแวง้ เครือสแี ดงทีแ่ ก่เต็มท่ี ปลูกกับดนิ ได้ทกุ ชนดิ และควรทาไม้ตง้ั ไว้ ใหม้ ะแว้งเครือเลื้อยได้ สรรพคุณทางยา ผลแก่ รสขมเปน็ ยาช่วยในการกดั เสมหะ ช่วยบาบัด บรรเทาอาการแก้ไอ วิธีใช้ นาผลสด 5 - 10 ผล ตาพอแตก คั้นเอานา้ ผสมเกลือ รับประทานหรือจะเค้ยี วสดๆ ก็ได้ เพือ่ แก้ไอและลดเสมหะ
40 มะนาว ช่ือท้องถิน่ กะเหร่ยี ง (เสอะมะนอ) ลกั ษณะของพชื ลาตน้ ของมะนาวมหี นามคมท่วั ท้งั ต้น มีใบ รปู ไข่รี ใบเป็นมนั ขอบใบจักเล็กนอ้ ย มดี อกสีขาวอมเหลือง มีกลน่ิ หอม ผลจะกลมโตเวลาดิบสเี ขยี วและเมื่อสุกจะเปน็ เหลือง การปลูก ดินร่วนชุยจะทาให้มะนาวข้ึนได้ดี สว่ นมากจะนิยมใชก้ ง่ิ ตอนในการปลูก และควรปลูกในฤดูฝน สรรพคุณทางยา นา้ และเปลอื กน้ารสเปรี้ยวจดั เปลอื กมรี สขมเปลือกช่วย ขับลม นา้ ช่วยขบั เสมหะ บรรเทาอาการไอชว่ ยชบั ลม แกท้ ้องอึด ทอ้ งเฟอ้ และยังมวี ติ ามนิ ชี ชว่ ยรักษาโรคลักปดิ ลักเปดิ ได้อีกด้วย วธิ ใี ช้ เอามะนาวมาผ่าครึ่งคน้ั เอาน้าสดๆ ผสมเกลอื เล็กน้อย ใช้ จิบบ่อยๆ แก้ไอได้ดีใชเ้ ปลอื กสดครึ่งผล บบุ พอแหลกแลว้ ชงกับน้า ดมื่ แกท้ ้องอึดท้องเฟ้อ
41 มังคดุ ชื่อท้องถน่ิ กะเหร่ียง (มากะสา่ ) ลักษณะของพชื ลาตน้ ของมงั คุด มีท้งั ขนาดกลางและใหญ่ ดอกสแี ดงออกเป็นช่อมใี บหนาและเป็นมนั ผลจะมี 5 - 8 เมลด็ เมล็ดจะมเี ยื่อขาวๆหุ้มอยูซ่ ่ึงเป็นส่วนทีใ่ ชร้ ับประทาน การปลูก มังคุดชอบดินเหนียวปนทรายโดยจะใชเ้ มลด็ ในการเพาะ แตส่ ่วนใหญจ่ ะนิยมการตอนก่ิงมากกว่า โดยชว่ งตอนกง่ิ ควรเป็น ในช่วงฤดูฝน สรรพคุณทางยา เปลือกมีฤทธ์ิฆา่ เชื้อแบคท่เี รยี ที่เป็นสาเหตุใหเ้ กิดหนอง ชว่ ยสมานแผลและบรรเทาอาการทอ้ งเดนิ เปลอื กมงั คุดตม้ นา้ นามา ล้างแผล ช่วยให้แผลหายเร็วแก้ท้องเดิน บรรเทาอาการบิด ถ่าย เปน็ มูกเลอื ด ลดอาการอกั เสบ วิธีใช้ นาเปลือกมังคดุ แห้งครึ่งผลมายา่ งไฟไมใหไ้ หม้ ฝนกับนา้ ปนู ใสคร่งึ แก้ว หรอื จะบดเปน็ ผง ละลายกบั น้าขา้ ว (นา้ เชด็ ข้าว) หรอื น้าสกุ ดื่มบ่อยๆ แก้อาการท้องร่วง ชอื่ ทอ้ งถ่นิ
42 สะเหลียม ชอื่ ท้องถิ่นกะเหรี่ยง (พล่าสะเล) ลกั ษณะของพืชลาตน้ ของสะเดามีเปลือกสีนา้ ตาลเทา ดอก สีขาวเป็นชอ่ ผลอวบนา้ ทรงกลมรี ขอบใบหยัก สะเดาเปน็ ไม้ยนื ตน้ สงู ไม่เกิน 15 เมตร การปลูก ใช้การเพาะเมล็ด ออกดอกในฤดูหนาวยอดและดอกปลูก ไดก้ ับดนิ ทกุ ชนดิ สรรพคณุ ทางยา ยอดและดอก ชว่ ยกาจดั ศตั รูพืช มีฤทธ์ฆิ ่าแมลงได้ และยัง เปน็ วติ ามินเสริมทาใหร้ บั ประทานทานอาหารได้ดี ไมเ่ กิดอาการเบ่อื อาหาร วธิ ใี ช้ นาดอกอ่อนและยอดสะเดาอ่อนมาต้มหรือลวก จ้มิ น้าพริก หรือรับประทานกับนา้ ปลาหวาน จะช่วยใหร้ ับประทานอาหาได้ มากกวา่ ปกติ
43 สีเสยี ดเหนือ ลักษณะของพชื ต้นสีเสียดมีดอกสขี าวอมเหลอื ง ผลเปน็ ฝกั ยาว ใบเป็นใบยอ่ ยๆปลายใบแหลมและมขี น ลาต้นเป็นเปลอื กสี เทาแตกเปน็ ทางยาวมหี นามตามแขนง เป็นไมย้ นื ต้นสูงไม่เกิน 15 เมตร การปลกู สเี สียดเหนือปลกู ง่ายกับดนิ ทุกชนิด ชอบแสงสว่าง ปลกู โดยใชเ้ มล็ดเพาะเปน็ ตน้ กล้าสูงเลก็ น้อยประมาณ 50 ชม. แลว้ ยา้ ย ไปปลูกแปลงที่เตรียมไว้ ระวังน้าขัง สรรพคณุ ทางยา ก้อนยางสเี สียด รสฝาด มีฤทธฆ์ิ ่าเช้อื แบคท่ีเรีย ชว่ ย บรรเทาอาการท้องเดนิ มีฤทธิ์ฝาดสมานแผลฟอกชา้ วธิ ีใช้ นากอ้ นยางสีเสียดมาบดให้เป็นผงละเอยี ด ใชค้ รั้งละครึ่ง ช้อนชานามาต้มกบั น้าด่ืม
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: