คานา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชดารัสชีแ้ นะแนวทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรขาวไทยมาโดย ตลอด รวมถึงการพัฒนาและบริหารประเทศทีต่ ัง้ อยู่บนพืน้ ฐานของทาง สายกลาง คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทา ซ่ึงศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย อาเภอบ่อพลอย จังหวัด กาญจนบุรี พิจารณาแล้วเห็นว่า ปั จจุบันคนให้ความสนใจทางด้าน การเกษตรกนั อยา่ งแพรห่ ลาย จึงจดั ทาฐานการเรียนร้ใู หค้ วามรูเ้ กยี่ วกับ “การปลกู ไม้ผลพนื้ บ้าน\" เพอื่ พฒั นาองค์ความร้แู ละส่งเสรมิ การเกษตรใน พืน้ ที่ เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจชุมชน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการพัฒนา อาชีพและความเป็นอยขู่ องเกษตรกรใหส้ ามารถพ่ึงตนเองไดอ้ ย่างย่งั ยนื
สารบัญ หนา้ เรือ่ ง 1 2 ฐานการเรยี นรู้ การปลกู ไม้ผลพืน้ บา้ น 4 การปลูกไมผ้ ลพนื้ บ้าน 4 วัสดใุ นการปลกู ไมผ้ ลพนื้ บา้ น 5 5 การใช้เครอื่ งมือและอปุ กรณใ์ นการปลูกพืช 6 การปลูกและการดูแลรักษาไมผ้ ลพนื้ บา้ น 7 8 การเลือกชนิดไมผ้ ลทีจ่ ะปลูก 9 การเตรียมหลุมปลูก 10 กงิ่ พนั ธทุ์ นี่ ามาปลูก 11 วิธีการปลูก 12 การใหน้ า้ 12 การใสป่ ุ๋ย 13 การใช้วสั ดุคลุมดนิ 13 การตัดแตง่ กงิ่ 14 การกาจัดวชั พืช 15 การเกบ็ เกยี่ วผลผลิตของไมผ้ ลพนื้ บ้าน ตามฤดูกาล ฤดูรอ้ น (ช่วงเดอื นกมุ ภาพนั ธุ์ – พฤษภาคม) ฤดฝู น (ชว่ งเดือนมิถุนายน – ตุลาคม) ฤดูหนาว (ชว่ งเดอื นพฤศจิกายน – มกราคม)
1 ฐานที่ 6 ฐานการเรียนรู้ การปลกู ไมผ้ ลพนื้ บ้าน การถอดบทเรยี นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2 การปลูกไมผ้ ลพืน้ บ้าน ไม้ผล คอื ตน้ ไมท้ อ่ี อกลูกออกผลใหเ้ รารบั ประทาน เราเรยี ก ลูกหรอื ผลของมนั ว่า \"ลูกไม้\" หรอื \"ผลไม้\" สาหรบั ไมผ้ ลนัน้ มที งั้ ไม้ยนื ต้นและไม้ล้มลุก ซ่งึ ไม้ผลยนื ต้นมตี งั้ แต่ลาต้นขนาดเลก็ ไป จนถงึ ลาตน้ ขนาดใหญ่ มที งั้ ทร่ี บั ประทานผลสุกและรบั ประทานผล ดบิ เมืองไทยเป็นเมืองท่อี ุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้ เรามีผลไม้ มากมายหลายอย่างตลอดทงั้ ปี เช่น กล้วย มะละกอ มะพร้าว มงั คุด เงาะ ทุเรยี น มะม่วง ละมุด ลาไย มะเฟือง มะไฟ และส้ม ชนิดต่างๆ เป็นต้น ใครๆ กช็ อบรบั ประทานผลไม้ เพราะนอกจาก จะมรี สอร่อยแลว้ ยงั มปี ระโยชน์ต่อร่างกายเป็นอยา่ งมาก มีแรธ่ าตุ และวติ ามนิ ทจ่ี ะทาใหเ้ ราแขง็ แรง และโตเรว็
3 การปลกู ไม้ผลพืน้ บา้ น ไม้ผล ทป่ี ลูกกนั อยู่ อาจแบง่ ออกโดยอาศยั ความรอ้ นเยน็ ของ อากาศ ทพ่ี ชื สามารถเจรญิ เตบิ โตได้ เป็น \"ไมผ้ ลเมอื งหนาว\" \"ไมผ้ ล เมอื งรอ้ น\" และ \"ไมผ้ ลกง่ึ เมอื งรอ้ น\" ไมผ้ ล ทป่ี ลูกกนั ในบา้ นเรา สว่ นมากเป็นไมผ้ ลเมอื งรอ้ น เพราะ ประเทศไทยตงั้ อยู่ในเขตร้อนของโลก ไม้ผลท่สี าคญั ได้แก่ กล้วย มะพร้าว มะม่วง มะม่วงหิมพานต์ น้อยหน่า มะละกอ สบั ปะรด ทุเรยี น เงาะ ลางสาด กระทอ้ น ละมุด ขนุน มงั คุด ฝรงั่ ฯลฯ ไมผ้ ลกง่ึ เมอื งร้อนก็มกี ารปลูกกนั ในเมอื งไทยเช่นกนั ได้แก่ ลาไย ล้นิ จ่ี ส้ม ชนิดต่างๆ มะเด่อื ฝรงั่ ทบั ทมิ องุน่ ฯลฯ บางทอ้ งถน่ิ ท่ีมอี ากาศเยน็ เชน่ แถบภเู ขาสงู ในภาคเหนอื ของประเทศไทย มกี ารปลูกไมผ้ ลเมือง หนาวบางชนิด เช่น ท้อ พลับ สาล่ี สตรอเบอร์รี บ๊วย แอปเป้ิล เป็นตน้
4 วัสดุอปุ กรณ์ ในการปลกู ไมผ้ ลพืน้ บ้าน การใช้เครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ในการปลกู พชื จอบ ใชส้ าหรบั ขดุ ดนิ พรวนดนิ ถากหญา้ ดายหญ้า เสยี ม ใชส้ าหรบั ขดุ หลุม ขดุ ดนิ พรวนดนิ พลวั่ ใชส้ าหรบั ตกั ดนิ สาดดนิ ตกั ป๋ยุ ป้งุ กี๋ ใชส้ าหรบั ใสด่ นิ ใสป่ ๋ ยุ เพอ่ื สะดวกในการ เคลอ่ื นยา้ ย คราด ใชส้ าหรบั เกลย่ี ดนิ คราดหญา้ หรอื คราดขยะ ไปทง้ิ ชอ้ นปลูก ใชส้ าหรบั ขดุ หลุมปลูก ยา้ ยตน้ กลา้ พรวนดนิ ตกั ดนิ ตกั ปุ๋ย สอ้ มพรวน ใชส้ าหรบั พรวนดนิ ใหร้ ว่ นซุย กรรไกรตดั หญา้ ใชส้ าหรบั ตดั หญา้ หรอื ตดั แต่งหญา้ กรรไกรตดั กงิ่ ใชส้ าหรบั ตดั แต่งกง่ิ ไมใ้ หส้ วยงาม บวั รดน้า ใชส้ าหรบั รดน้าตน้ ไม้ ถงั น้า ใชส้ าหรบั ตกั น้าหรอื ใสน่ ้าเพ่อื รดน้าตน้ ไม้ มดี ดายหญา้ ใชส้ าหรบั ดายหญา้ หรอื ลติ กงิ่ ไม้
5 การปลกู และการดแู ลไมผ้ ลพืน้ บา้ น การเลือกชนิ ดของไม้ผลที่จะปลกู การทจ่ี ะเลอื กปลูกไมผ้ ลชนิดใด ควรพจิ ารณาความตอ้ งการสภาพ ดนิ ฟ้าอากาศของไม้ผลแต่ละชนิด ต้องพจิ ารณาให้ถูกต้องเหมาะสมมี หลกั พจิ ารณา ดงั น้ี 1. ไม้ผลท่ตี ้องการอากาศค่อนข้างร้อนและช้นื ต้องการความช้นื ในดิน และในอากาศค่อนขา้ งสูง เช่น เงาะ ทุเรยี น มงั คุด ลางสาด มะไฟ เป็ น ตน้ พวกน้ีเจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นทท่ี ม่ี อี ากาศเยน็ ฝนตกชกุ เชน่ ทางภาคใต้ ภาคตะวนั ออก และบางสว่ นของภาคกลาง 2. ไม้ผลทต่ี ้องการอากาศกง่ึ ร้อน เช่น ล้นิ ช่ี ลาไย จะเจรญิ เตบิ โตได้ดี ทางภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ในบรเิ วณท่มี อี ากาศเย็น บางจงั หวดั เชน่ อาเภอปางชอ่ ง จงั หวดั นครราชสมี า จงั หวดั เลย 3. ไม้ผลทต่ี ้องการอากาศเยน็ จดั โดยเฉพาะอย่างยง่ิ บรเิ วณท่ีมนี ้าค้าง และหมอกจดั เช่น สตรอเบอร์ร่ี แอปเป้ิล เป็นต้น ไม้ผลเหล่าน้ี จะ สามารถเตมิ โตไดด้ ที างภาคเหนอื หรอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตามแถบ ภเู ขาสงู ทม่ี อี ากาศหนาวเยน็ เกอื บตลอดทงั้ ปี 4. ไมผ้ ลทป่ี ลูกได้ทวั่ ๆ ไป แมแ้ ต่ในพน้ื ทค่ี ่อนขา้ งแห้งแล้ง และอากาศ รอ้ นจดั กส็ ามารถเจรญิ เตบิ โตได้ เชน่ มะมว่ ง ขนุน ละมุด ฝรัง่ น้อยหน่า เป็นตน้
6 การปลูกและการดแู ลไมผ้ ลพนื้ บา้ น การปลกู และการดแู ลรกั ษาไม้ผล การปลกู และดแู ลรกั ษา 1. การเตรียมหลุมปลกู ขนาดของหลุมปลูกทจ่ี ะใชส้ าหรบั ปลูกไม้ ยนื ต้นนนั้ หากสามารถเตรยี มไดข้ นาดใหญ่ยง่ิ ดี ขนาดของหลุม กวา้ ง- ยาว-ลกึ ประมาณ 50-100 เซนตเิ มตร แลว้ แต่ชนิดไมผ้ ลและสภาพพน้ื ท่ี ปลกู ถา้ ดนิ ดกี ข็ ดุ หลุมปลูกขนาดเลก็ ได้ แต่ถ้าดนิ ไมค่ ่อยดี ควรขดุ หลุม ปลูกขนาดใหญ่ จะได้ปรบั ปรุงดนิ ในหลุมปลูกใหด้ ขี น้ึ แล้วผสมดนิ ด้วย ป๋ยุ คอกป๋ยุ หมกั เศษใบไม้ เมอ่ื คลุกเคลา้ กนั ดี ใหก้ ลบดนิ ลงกน้ หลุมกอ่ น ปลูก
7 การปลูกและการดูแลไมผ้ ลพืน้ บ้าน การปลกู และการดแู ลรกั ษาไมผ้ ล การปลกู และดแู ลรกั ษา 2. กิ่งพนั ธทุ์ ี่นามาปลกู กง่ิ พนั ธุไ์ มผ้ ลทน่ี ามาปลูกนัน้ สว่ นใหญ่จะ ใชก้ งิ่ ทาบ กงิ่ ตดิ ตา และกง่ิ ตอน ปกตกิ ง่ิ ทาบหลงั จากตัดแล้วจะถูก นามาชาไวใ้ นกระถาง หรอื ถุงพลาสตกิ ดาเป็นเวลาหลายเดอื นก่อนทจ่ี ะ นาไปปลูก หากเป็นกงิ่ ตดั ทต่ี ดั มาใหม่ๆจากตน้ ใหต้ ดั กิ่งใหม้ จี านวนใบ เหลือน้อยใบอ่อนท่มี ีอยู่จะทาให้น้าระเหยได้มากกว่าส่วนอ่นื จงึ ควร ตดั ทง้ิ เสยี แชก่ งิ่ ตอนใส่ถุงพลาสตกิ กระชุ หรอื กระถาง โดยตุม้ ตอน อยตู่ ่ากวา่ ระดบั ผวิ ดนิ ประมาณ 2 น้วิ กอ่ นชาอยา่ ลมื แกะเอาเชอื กและ พลาสตกิ ท่หี ุ้มออกด้วย จนกระทงั่ กิ่งตอนตงั้ ตวั ได้แขง็ แรงดแี ล้วจึง นาไปปลูก
8 การปลูกและการดูแลไมผ้ ลพืน้ บ้าน การปลกู และการดแู ลรกั ษาไม้ผล การปลกู และดแู ลรกั ษา 3. วิธีการปลกู เมอ่ื เตรยี มกง่ิ พนั ธุเ์ รยี บรอ้ ยแล้วจงึ ลงมอื ปลูก โดย ถา่ ยกง่ิ พนั ธุอ์ อกจากกระถางหรอื พลาสตกิ ทช่ี าไว้ ถ้ามรี ากหุม้ ดา้ นนอก ค่อยๆ คลใ่ี หก้ างออก กง่ิ ตอนเวลาปลูกใหก้ ลบดนิ บรเิ วณโคนตน้ สูง กว่าระดบั ดนิ เดมิ เล็กน้อย กง่ิ ทาบและกงิ่ ตดิ ตา เวลาปลูกต้องใหร้ อย ทาบหรอื รอยตดิ ตาสูงกว่าระดับดิน ข้อท่คี วรระมดั ระวงั อย่างยง่ิ คือ ต้องแกะผ้าพลาสติกท่พี นั รอยทาบออก เม่อื ตงั้ ตวั แล้วอย่าลืมท้งิ ไว้ เพราะเม่อื ต้นไมม้ กี ารขยายขนาดของกง่ิ ผา้ พลาสตกิ น้ีจะไปรดั จนลง ไปในสว่ นของเน้อื ไมท้ าใหก้ ง่ิ หกั หรอื ตายได้
9 การปลูกและการดแู ลไมผ้ ลพนื้ บ้าน การปลกู และการดแู ลรกั ษาไม้ผล การปลกู และดแู ลรกั ษา 4. การให้น้า การใหน้ ้า ต้องคานึงถงึ การใหน้ ้าแบบประหยดั ทส่ี ุด 1. ใหน้ ้าต้นไมผ้ ล ภายในบรเิ วณรศั มที รงพมุ่ เท่านัน้ อย่าให้น้ามากจน ไหลแฉะไปทวั่ สวน 2. ใหน้ ้า แบบระบบน้าหยดหรอื หวั เหวย่ี งขนาดเลก็ จะชว่ ยประหยดั น้า ไดม้ ากกวา่ การใชส้ ายยางรดน้า 3. ให้น้าครงั้ น้อยๆ แต่บ่อยครงั้ เพ่อื ลดการสูญเสยี น้าเปลย่ี นชว่ งเวลา การใหน้ ้าเป็นช่วงกลางคนื เพอ่ื ช่วยให้พชื ลดการระเหยน้าจากการถูก แดดเผา
10 การปลูกและการดแู ลไม้ผลพนื้ บ้าน การปลกู และการดแู ลรกั ษาไมผ้ ล การปลกู และดแู ลรกั ษา 5. การให้ป๋ ยุ ไมผ้ ลหรอื ไมย้ นื ตน้ เมอ่ื ปลูกกลา้ พชื ควรเตรยี มดนิ ดว้ ยการขุดหลุม นาดนิ ทข่ี ุดขน้ึ มาผสมกบั ป๋ ุยอนิ ทรยี ์ และปูนขาว (หากดนิ ค่อนขา้ งเป็น กรด) คลุกเคลา้ กอ่ นใสก่ ลบั ลงไปในหลุมใหม่ ไมผ้ ลทเ่ี รม่ิ ปลูกใหใ้ สเ่ พยี ง 2 ขดี รองกน้ หลุมปลกู ถา้ เป็นไมท้ ม่ี อี ายุ ต่ากวา่ 5 ปีหรอื ยงั ไมใ่ หผ้ ลผลติ เช่น ไมอ้ ายุ 3 ปีใหใ้ ส่ 6 ขดี วธิ กี ารใส่ ป๋ ยุ คอื โดยใชไ้ มห้ รอื เสยี มเจาะดนิ รอบๆ รศั มที รงพมุ่ ลกึ ประมาณ 15-20 ซม.ตน้ ละ 5-10หลุม แบง่ ใสป่ ๋ ุยใหท้ วั่ แลว้ กลบปากหลุม ไมผ้ ลทม่ี อี ายุ 5 ปีขน้ึ ไป หรอื ใหผ้ ลผลติ แล้ว แบ่งใส่ปุ๋ยครงั้ ทห่ี น่ึง คร่งึ หน่ึงของปรมิ าณแนะนาหลงั จากเก็บผลผลิตและตดั แต่งก่ิง ใส่ท่ี เหลอื หลงั จากใสค่ รงั้ แรก 3-4 เดอื น วิธีการใส่ โดยโรยป๋ ยุ รอบรศั มที รงพมุ่ แลว้ กลบป๋ ุย สาหรบั ไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ ทเ่ี รม่ิ ปลกู หรอื อายุน้อยกวา่ 5 ปี ใหล้ ดปรมิ าณป๋ ยุ ลง มาตามสว่ น เชน่ แนะนาใหใ้ ส่ 1 ก.ก. (10ขดี )
11 การปลูกและการดูแลไม้ผลพืน้ บา้ น การปลกู และการดแู ลรกั ษาไม้ผล การปลกู และดแู ลรกั ษา 6. การใช้วสั ดคุ ลมุ ดิน วสั ดคุ ลุมดินจะช่วยชะลออตั ราการระเหยของน้าจากผวิ ดนิ ใหช้ า้ ลง และวสั ดุเหล่าน้ีจะค่อยๆ ผุผงั เป็นอนิ ทรยี วตั ถุ ทาให้ดนิ ร่วนและมี การอุม้ น้าดขี น้ึ โดยคลุมจากโคนต้นไมผ้ ลจนถงึ แนวรศั มที รงพมุ่ วสั ดุท่ี ใช้ ไดแ้ ก่ ใบไมแ้ หง้ ทร่ี ว่ งหล่นจากตน้ ไมผ้ ลเอง ใบตองแหง้ ทางมะพรา้ ว กาบมะพรา้ ว หญา้ แห้ง เป็นต้น ในกรณที ต่ี ้นไมเ้ ลก็ ควรใชว้ ัสดุช่วย ใน การพรางแสง เพอ่ื ลดความเขม้ แสง
12 วธิ ีการปลูกไมผ้ ลพืน้ บ้าน การปลกู และการดแู ลรกั ษาไม้ผล การปลกู และดแู ลรกั ษา 7. การตดั แต่งก่ิง ไมผ้ ลทเ่ี กบ็ เกย่ี วในชว่ งตน้ ฤดูแลง้ หลงั การเกบ็ ผลแล้ว ควรทา่ การ ตดั แต่งกงิ่ ให้ทรงพุ่มโปร่ง เพอ่ื ลดการระเหยน้าทางใบ และช่วยให้การ ออกดอกตดิ ผลในฤดูต่อไป เป็นไปอยา่ งต่อเน่อื ง ไมผ้ ลบางชนดิ เชน่ ทุเรยี น หากประสบ ปญั หาการขาดแคลนน้าในชว่ งการตดิ ผล อาจ ทาใหต้ น้ โทรมและถงึ ตายได้ หรอื มงั คดุ ทต่ี ดิ ผลแล้ว หากขาดแคลนน้า ผลจะมขี นาดเล็ก ก้นผลจีบ คุณภาพไม่ดี จะต้องรีบทาการตัดท้ิงให้หมด และหาน้าจากแหล่งอ่ืนมารดอย่าง ประหยดั ทส่ี ุด 8. การกาจดั วชั พชื ควรกาจดั ตงั้ แต่ต้นฤดูแล้ง และใช้เศษวสั ดุท่ี แห้งแล้วมาคลุมโคนต้นไม้ผล แต่ในระยะท่ีขาด แคลนน้ามากๆ ไม่ควรทาการกาจดั วชั พชื หรือไถ พรวนดนิ เพราะจะทาใหผ้ วิ ดนิ แหง้ เรว็ มากขน้ึ อกี
13 การเกบ็ เกีย่ วผลผลติ ไมผ้ ลพนื้ บ้าน การเกบ็ เก่ียวผลผลิตไม้ผลพืน้ บา้ น ตามฤดกู าล ฤดรู อ้ น (ช่วงเดือนกมุ ภาพนั ธ-์ พฤษภาคม) สาหรบั ชว่ งฤดูรอ้ น ถอื เป็นชว่ งทผ่ี ลไมอ้ อกผลดมี ากหลายสาย พนั ธุ์ และมผี ลไมต้ ามฤดูกาลสุดโปรดของใครหลาย ๆ คนอกี ดว้ ย เชน่ เงาะ มะมว่ ง ทเุ รยี น เดือนกมุ ภาพนั ธ์ : มะขาม องุน่ ออ้ ย แตงโม กลว้ ยหอม สบั ปะรด เดือนมีนาคม : ขนุน มะปราง มะมว่ ง กลว้ ยน้าวา้ เดือนเมษายน : ทุเรยี น มะไฟ ลน้ิ จ่ี เดือนพฤษภาคม : เงาะ ลกู หวา้ ระกา
14 การเกบ็ เกีย่ วผลผลิตไมผ้ ลพืน้ บ้าน การเกบ็ เก่ียวผลผลิตไมผ้ ลพนื้ บา้ น ตามฤดกู าล ฤดฝู น (ช่วงเดือนมิถนุ ายน-ตลุ าคม) ชว่ งฤดฝู น จะเป็นอกี ชว่ งทม่ี ผี ลไมอ้ อกผลมากมาย มผี ลไมท้ ่ี กนิ ไดท้ กุ เพศทกุ วยั อยา่ งกลว้ ย และยงั มผี ลไมร้ สชาตอิ ร่อยเลศิ อกี มากมาย เดือนมิถนุ ายน : มงั คดุ กระทอ้ น มะละกอสุก เดือนกรกฎาคม : กลว้ ยไข่ กลว้ ยหอม กลว้ ยน้าวา้ สม้ โอ มะยม แตงไทย ออ้ ย ฝรงั่ น้อยหน่า เดือนสิงหาคม : ลาไย สม้ โอ เดือนกนั ยายน : มะเฟือง ลางสาด มะกอก เดือนตลุ าคม : สม้ เขยี วหวาน ขนุน มนั แกว มะขามป้อม สาเก
15 การเก็บเกีย่ วผลผลติ ไม้ผลพนื้ บ้าน การเกบ็ เก่ียวผลผลิตไม้ผลพนื้ บา้ น ตามฤดกู าล ฤดหู นาว (ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม) ชว่ งฤดูหนาว จะเป็นชว่ งทใ่ี คร ๆ ชอบวา่ จะหาผลไมก้ นิ ไมไ่ ด้ ขอบอกเลยวา่ คดิ ผดิ เพราะชว่ งอากาศหนาวๆ น้ี กย็ งั มผี ลไม้ใหไ้ ด้ กนิ กนั อยมู่ ากมาย เดือนพฤศจิกายน : ละมดุ มะขามป้อม องุน่ มนั แกว เดือนธนั วาคม : มะละกอ แตงโม ฝรงั่ ชมพู่ พทุ รา เดือนมกราคม : องุน่ สบั ปะรด ชมพู่ มะตูม กระจบั ลูกตาลออ่ น
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: