คู่มอื การปลูก พืชผัก ปลอด สารพิษ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบอ่ พลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ี
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชดารัสชีแ้ นะแนวทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรขาวไทยมาโดย ตลอด รวมถึงการพัฒนาและบริหารประเทศที่ตัง้ อยู่บนพืน้ ฐานของทาง สายกลาง คานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทา ซ่ึงศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย อาเภอบ่อพลอย จังหวัด กาญจนบุรี พิจารณาแล้วเห็นว่า ปั จจุบันคนให้ความสนใจทางด้าน การเกษตรกนั อยา่ งแพร่หลาย จงึ จดั ทาฐานการเรยี นรใู้ หค้ วามรู้เกีย่ วกับ “การปลูกผักปลอดสารพิษ\" เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และส่งเสริม การเกษตรในพืน้ ที่ เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจชุมชน ตามแนวเศรษฐกิจ พอเพียง ซ่ึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการ พัฒนาอาชพี และความเป็นอยขู่ องเกษตรกรให้สามารถพ่ึงตนเองได้อย่าง ย่ังยืน
เรือ่ ง หนา้ ฐานการเรียนรู้ การปลูกผักสารพษิ 1 หลกั การของพืชผกั สวนครัว 2 2 ความหมายของพชื ผักสวนครวั 2 ความสาคัญของพชื ผักสวนครัว 3 การจาแนกพืชผกั สวนครัว 3 การแบง่ กลุ่มพืชผักตามส่วนของการใชป้ ระโยชน์ 4 การหาพันธุ์พืชและวิธีการปลูก 4 การคดั เลอื กเมลด็ พันธ์ุ 5 การจัดเตรียมดิน 6 การเพาะเมล็ดและเตรยี มกลา้ ผัก 7 การดูแลรักษาพืชผกั สวนครัว 7 การใหน้ า้ แปลงผัก 8 การใหป้ ๋ยุ แปลงผกั 9 การตัดแต่งและการกาจัดศตั รูพืช 10 การเก็บเกยี่ วพชื ผกั สวนครัว 11 ช่วงเวลาทีเ่ หมาะสมในการปลกู พืชผักสวนครวั
1 ฐานที่ 1 ฐานการเรียนรู้ การปลูกผักปลอดสารพิษ การถอดบทเรียนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2 หลักการของพชื ผกั สวนครวั ความหมายของพืชผกั สวนครวั พืชผัก หมายถงึ พืชทม่ี นษุ ยใ์ ช้บริโภคเป็นอาหาร ประจาวนั ทม่ี คี ณุ คา่ ทางอาหารไดค้ รบถว้ น ให้แป้ง (คาร์โบไฮเดรท) และไขมัน ซ่ึงให้พลังงานและความ อบอุ่นแก่ร่างกาย ให้โปรตีนท่ีช่วยเสริมสร้างการ เจริญเตบิ โตของรา่ งกาย ให้วติ ามินและเกลือแร่ที่ช่วย ทาให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ สามารถดารงชวี ิตได้ตามปกติ ความสาคัญของพืชผกั สวนครัว ผกั เป็นพชื อาหารที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจของโลก ประเทศต่าง ๆ ในโลก นีอ้ าจมีการปลูกพืชต่าง ๆ กันเพื่อเป็นอาหารหลัก บางประเทศปลูกข้าวเป็นอาหาร แต่บางประเทศปลกู ข้าวโพด ข้าวสาลี หรือมันฝร่ัง มันสาปะหลัง เพือ่ เป็นอาหาร แต่ พืชท่ีทุก ๆ ประเทศต้องปลูกเพื่อการบริโภคเป็นอาหาร อย่างขาดไม่ได้เลยคือ พืชผัก เพราะพืชผักมีความสาคัญต่อการตารงชีวิตของร่างกายให้ดารงอยู่ได้ ตามปกติ บางประทศมีการปลูกผักในพืน้ ที่กว้าง และเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสาคัญ สามารถทารายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล ประเทศท่ีเป็นแหล่งปลูกผักท่ีสาคัญ ของโลกได้แก่ อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ ฝร่ังเศส สเปน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ประเทศไทยก็เป็นประเทศทม่ี ีการปลูกผกั เพือ่ การบริโภค และมีการส่งพชื ผักบางชนิด อาทิเชน่ ขา้ วโพดฝักอ่อน หนอ่ ไมฝ้ ร่ัง เป็นตนั
3 หลักการของพชื ผักสวนครัว การจาแนกพืชผกั สวนครวั การจาแนกพชื ผกั ออกเป็นกลุม่ ตา่ ง ๆ นัน้ มีประโยชน์เพื่อให้ทราบแหล่งกาเนิดที่มา ทราบ ถึงลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ทราบอุปนิสัยการเจริญเติบโต สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะกับการ เจรญิ เตบิ โต และทราบถึงส่วนของลาตันทีน่ าใชป้ ระโยชน์ เป็นตน้ การจาแนกพชื ผกั จึงแยกไดห้ ลายลกั ษณะ ในทีน่ ีจ้ ะแยกเพียง 2 ลักษณะ 1. ชนิดพชื ผกั ทช่ี อบอากาศเย็น เป็นกลุม่ ผักที่เจริญเติบโตไดด้ ที ่อี ุณหภมู เิ ฉลย่ี ของ อากาศอยู่ที่ 16-18 องศาเซลเซยี ส พืชผักในกลมุ่ นจี้ งึ เหมาะท่จี ะปลูกในฤดูหนาว หรือพืน้ ท่ีสูงท่ี มีอากาศเย็นกว่าพืน้ ทีร่ าบ ทุก ๆ ระดบั ความสูงจากระดับนา้ ทะเล 100 เมตร อุณหภูมิจะลดลง 1 องศาเซลเซียส พชื ผกั กลุ่มนไี้ ด้แก่ บร๊อคโคล่ี กะหลา่ ดอก กะหลา่ ปลี กะหลา่ ปม ผักกาดเชียว ปลี ผักกาดหอม แครอท หนอ่ ไม้ฝร่งั คะนา้ กระเทียม คนื่ ฉ่าย ผกั กาดหวั หอมหวั ใหญ่ ปวยเล้ง ถ่วั ลันเตา มันฝร่ัง ฯลฯ 2. ชนิดพืชผักท่ีต้องการอากาศอบอุ่น เป็นกลุ่มผักที่เจริญเติบโตได้ดีท่ีอุณหภูมิเฉล่ีย ระหว่าง 18-30 องศาเชลเซียส พืชผักในกลุ่มนีไ้ ด้แก่ แต่งกวา แตงไทย มะเขือเทศ มะเขือยาว พริก พรกิ หยวก ฟักทอง มะระ บวบ นา้ เต้า ฟักเขยี ว ถ่วั เขียว ขา้ วโพดฝักออ่ น การแบ่งกลุม่ พชื ผักตามส่วนของการใช้ประโยชน์ การแบ่งกลมุ่ พืชผักตามสว่ นของการใชป้ ระโยชน์ ราก ไดแ้ ก่ ผักกาดหวั แครอท หัวไชเทา้ มนั เทศ มันสาปะหลัง ลาตน้ ได้แก่ หน่อไมฝ้ ร่ัง หนอ่ ไมไ้ ผต่ ง กะหลา่ ปม มันฝร่ัง เผือก กลอย ผกั บุ้ง ใบ ได้แก่ คะนา้ กะหลา่ ปลี ผักกาดขาว ผักกวางตุ้ง ผกั กาดหอม กุยช่าย ดอก ได้แก่ บรอ๊ คโคลี่ กะหลา่ ดอก ดอกโสน ดอกแค ผล ไดแ้ ก่ ถ่วั ฝักยาว ถ่ัวแขก ถ่วั เหลอื งฝักสด ขา้ วโพดหวาน กระเจีย๊ บ แตงกวา มะระ ฟักเขียว ฟักทอง พรกิ พริกหวาน มะเขือเทศ มะเขือยาว ฯลฯ
4 การหาพนั ธุพ์ ืชและวธิ กี ารปลูก การคดั เลือกเมลด็ พนั ธุ์ เมล็ดพันธ์ุมีความจาเป็นในการเร่ิมต้นการเพาะปลูก จึงควรศึกษาเลือกเมล็ด พันธ์ุทด่ี ี แข็งแรง ไม่เป็นโรคง่าย คัดสรรแล้วเก็บรักษาไว้อยา่ งดีกอ่ นปลูก หลกั ในการเลอื กเมล็ดพนั ธุค์ ุณภาพดี 1. เมล็ดถูกบรรจุในภาชนะที่สะอาดปราศจากสิ่งเจือปนต่างๆ เช่นฝุ ่ นละออง กรวด ทราย 2. ภาชนะบรรจแุ ละเมลด็ พนั ธุ์ไม่มีความชนื้ ไม่มีเชอื้ รา 3. ไมม่ ีรอยสตั ว์แทะหรือแมลงตดิ กบั เมล็ดพนั ธ์ุ 4. ไม่ซือ้ เมล็ดพนั ธ์ุจากแหลง่ ผลิตเมลด็ พันธท์ุ ีม่ ีโรคระบาด 5. ซือ้ เมล็ดพันธ์ุจากผู้ผลิตท่ีเชื่อถือได้ โดยพิจารณาจากประสบการณ์ใน การปลูกครัง้ ที่ผ่านๆ มา ว่าเมื่อนามาปลูกแล้วมีอัตราการงอกสูงหรือไม่ มีผล สูง มีรูปร่างดี มีนา้ หนกั และรสชาติดีตรงตามลักษณะท่ีโฆษณาไว้หรือไม่ ถ้าปลูก แล้วไดผ้ ลดี เมล็ดพันธ์ุจากผผู้ ลติ นนั้ กม็ คี วามน่าเชือ่ ถอื สูง 6. รูปทรงของเมล็ดตรงตามพันธุ์ ไม่บิดเบีย้ วจากพันธทุ์ ีต่ อ้ งการ
5 การหาพนั ธุ์พชื และวิธีการปลกู การจัดเตรียมดนิ การเตรียมดนิ คุณภาพของดิน จะเป็นตวั กาหนดการเจริญเติบโตของพชื การให้ อาหารแก่ดินด้วยปุ๋ยชีวภาพจะทาให้ดินมีชีวิตและช่วยย่อยอินทรียวัตถุในดิน ให้ดิน อุดมสมบูรณ์พรอ้ มแกก่ ารเพาะปลกู แปลงใหม่ (ดินไม่สมบรู ณ์) • ถ้าดนิ แขง็ มาก อาจใชเ้ ครอื่ งจกั รชว่ ยในการไถก่อนยกแปลง • ดินขาดอินทรียวัตถุ ควรแหวะท้องหมูให้ดิน ใส่จุลินทรีย์แห้ง และรดด้วย จลุ ินทรียน์ า้ • ยกร่องให้สวยงาม โรยจุลนิ ทรียแ์ หง้ ตร.ม.ละ 1 กามอื รดด้วยจุลินทรีย์นา้ คลุมด้วยฟางไว้ 5-7 วัน ปลกู พชื ดว้ ยเมลด็ หรอื กล้า แปลงเก่า (ดินสมบูรณ์) หลังจากตัดผักหรือถอนผักออกแล้ว ถอนหญ้า ปรบั ปรงุ แปลง (ไม่ตอ้ งขุด) แล้วเริม่ ต้น ดงั นี้ • ใสป่ ๋ยุ แหง้ ตร.ม.ละ 1-2 กามือ ใชจ้ อบสบั เบาๆ ใหค้ ลกุ กบั ดนิ • คลมุ ดว้ ยฟางหรอื หญา้ แหง้ • รดดว้ ยจลุ ินทรยี น์ า้ ๑-๒ วนั • หมักไว้ 7 วัน ปลูกดว้ ยเมลด็ หรือกล้า
6 การหาพันธพุ์ ชื และวิธกี ารปลกู การเพาะเมลด็ และเตรียมกลา้ ผกั การปลูกด้วยเมลด็ • นาเมลด็ ไปแชใ่ นนา้ จุลินทรยี ์ ประมาณ 30 นาที หากผิวเมล็ดแข็งใหแ้ ช่นานหนอ่ ย • แหวกหญ้าหรอื ฟางท่คี ลมุ ออก • ใช้ไมก้ ระดานหน้า 1/2 x 2 นวิ้ กดเป็นรอยลึก 1-2ซม. • หยอดเมลด็ ตามรอยที่กดไว้ แล้วคลมุ ฟางเหมือนเดิม • รดนา้ เป็นประจาทุกวัน เช้า–เย็น • โดย 2 วนั แรกใหร้ ดด้วยจลุ ินทรยี ์นา้ ช่วงเยน็ วันละ 1 ครงั้ หลงั จากนัน้ ให้รดจลุ นิ ทรีย์นา้ 3 วนั /ครงั้ นอกนนั้ รดนา้ ปกติ การปลกู ด้วยกล้า การเพาะกล้ามี 2 ชนดิ ได้แก่ การเพาะด้วยกระบะกับการเพาะในแปลงปลกู การเพาะด้วยกระบะ • อาจเป็นภาชนะสาเร็จรูป หรือใช้ไม้ 1/2 x2นิว้ หรือวัสดุอื่น ทาเป็นกระบะขนาด 50x50 หรอื 50 x70 หรอื 50x100 เซนติเมตร ให้สามารถยกยา้ ยและวางบนพืน้ ไดส้ ะดวก • ผสมจลุ ินทรยี แ์ หง้ กบั ดินรว่ น แกลบเผา อตั ราสว่ น 1:5:3 ลงในกระบะ • หยอดเมลด็ หรอื หว่านเมลด็ ให้ท่วั อยา่ ใหแ้ นน่ เกนิ ไป • คลุมด้วยหญา้ แห้ง หรอื ฟางบางๆ • รดด้วยจลุ ินทรีย์นา้ ใหช้ ุม่ • จากนนั้ รดนา้ เป็นประจาทกุ วัน เช้า – เยน็ • รดจลุ นิ ทรียน์ า้ ช่วงเยน็ ติดต่อกนั 3 วนั หลงั จากนัน้ รดจุลนิ ทรียน์ า้ 3 วนั /ครัง้ การเพาะในแปลงปลกู • นาจลุ นิ ทรยี แ์ หง้ และแกลบเผาผสมดนิ ในแปลง คลุกให้ท่ัว ทาหน้าดนิ ใหล้ ะเอยี ด • หยอดเมล็ด หรอื โรยเมล็ด • คลมุ ดว้ ยหญา้ แหง้ หรอื ฟางแหง้ บางๆ • รดจลุ นิ ทรยี น์ า้ ให้ชุ่มท่ัวแปลง • รดนา้ เป็นประจาทกุ วนั เชา้ – เย็น โดย 3 วนั แรกรดจุลนิ ทรยี น์ า้ ชว่ งเยน็ ทุกวัน หลงั จากนัน้ รด 3 วัน/ครัง้ วันปกตริ ดนา้ ธรรมดา
7 การดแู ลรกั ษาพชื ผักสวนครวั การให้นา้ แปลงผกั การให้นา้ ผักเป็นพืชอวบนา้ จึงต้องการนา้ มาก ถ้าขาดนา้ ผักจะเห่ียวเฉาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวันท่ีอากาศร้อนและมีลมแรง ซ่ึงชักนาให้พืชต้องคายนา้ มากเป็นพิเศษ ผักจะชะงัก การเจริญเตบิ โต ถ้าผักได้รับนา้ ไม่เพียงพอ ผลผลิตจะลดลงอย่างมาก ในระยะแรกเมื่อผักยัง เลก็ จะต้องการนา้ ไม่มากนัก โดยการรดนา้ ควรใช้บัวรดนา้ รูเล็กๆ ให้เป็นฝอยได้มากเท่าไหร่ ยงิ่ ดี ไม่ควรรดนา้ ด้วยสายยางทีน่ า้ พงุ่ แรง ๆ จะทาใหผ้ ักนอนราบ โดยเฉพาะผักกาดขาวจะห่อ ใบยาวขนึ้ หากถกู นา้ ซดั แรงๆ ทุกวัน การใหน้ า้ แบบฉดี พ่นฝอยเหนอื หวั ทีเ่ รยี กว่า สปริงเกอร์ ด้วยการวางท่อนา้ เข้าไปในแปลง ปลูก และจะมีท่อตัง้ ขึ้นมา ความสูงแล้วแต่ขนาดความสูงของผัก ที่ปลายสุดของท่อจะเป็นหัว จา่ ยนา้ ด้วยแรงดันของนา้ ท่ีพ่นออกมากระทบแผ่นกระจายนา้ สายนา้ จะถูกทาให้กระจายตัว ออกเป็นฝอย พน่ ออกครอบคลุมพนื้ ทสี่ ่วนหน่งึ ซ่ึงขึน้ กบั แรงดนั นา้ และลกั ษณะของหัวจา่ ย การใหน้ า้ แบบนา้ หยด เป็นการวางทอ่ นา้ เข้าไปในแปลงปลูกเช่นเดียวกัน แต่ท่อจะมีขนาดเล็ก กว่าและวางชิดกับตันพืชมากกว่า เมื่อผ่านตันพืชแต่ละตันจะมีรูเปิ ดเล็ก ๆ หรือท่อย่อยยื่น ออกมายังโคนตนั พืช เพือ่ ปลอ่ ยนา้ ให้หยดลงใกลก้ บั โคนตัน ซ่ึงเป็นบรเิ วณท่อี ยขู่ องราก วธิ ีนปี้ ระหยดั นา้ มากทส่ี ุด
8 การดแู ลรักษาพืชผกั สวนครัว การให้ป๋ยุ แปลงผัก การให้ปุ๋ยแกพ่ ชื ผกั ป๋ยุ ที่ใช้ในการปลกู ผกั แบ่งออกได้เป็น 2 กลุม่ คอื 1. ป๋ยุ อินทรยี ์ ไดแ้ ก่ ป๋ยุ คอก ป้ยุ หมกั และป๋ยุ พชื สด ป๋ยุ อินทรยี ์จะมีธาตอุ าหารท่ีพชื ต้องการครบถว้ น และ มักจะมอี ยู่ในปริมาณค่อนขา้ งมาก 2. ปุ๋ยอนินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยเคมีชนิตต่าง ๆ ปัจจุบันดินปลูกผักมักขาดความอุดมสมบูรณ์ การใส่ป๋ยุ อนิ ทรียอ์ ยา่ งเดยี วจะปลดปล่อยธาตุอาหาร ใหก้ บั ผกั ไมท่ นั ใช้ จงึ ต้องมกี ารใส่ป๋ยุ เคมีเพม่ิ ใหก้ ับผัก การให้ป๋ยุ แกพ่ ชื ผัก มี 2 ระยะคือ 1. ใส่รองพืน้ คือการใส่เมื่อเวลาเตรียมดิน หรือรองก้นหลุมก่อนปลูก ปุ๋ยที่ใส่ควรเป็นปุ๋ย คอกหรือป๋ยุ หมกั คลุกในดินใหท้ ่ัวกอ่ นปลกู เพอื่ ปรับโครงสร้างดินให้โปร่งร่วนซุย นอกจากนัน้ ยงั ช่วยในการอมุ้ นา้ และรักษาความชืน้ ของดินให้เหมาะสมกบั การเจรญิ เตบิ โตของพชื ดว้ ย 2. การใส่ป๋ยุ บารงุ ควรใสป่ ๋ยุ วทิ ยาศาสตร์ โดยแบง่ ใส่ 2 ครัง้ ครงั้ แรกเมอื่ ยา้ ยกล้าไปปลกู จนกล้าตัง้ ตัวได้แล้ว และใส่ครัง้ ที่ 2 หลังจากใส่ครัง้ แรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ การใส่ให้โรย บาง ๆ ระหว่างแถว ระวังอย่าให้ปุ๋ยอยู่ชิดต้น เพราะจะทาให้ผักตายได้ เมือ่ ใส่ปุ๋ยแล้วให้พรวน ดนิ และรดนา้ ทนั ที สูตรปุ๋ยท่ีใช้กับพืชผัก ได้แก่ ยูเรีย หรือ แอมโมเนียซัลเฟต สาหรับบารุงต้น และใบ และป๋ยุ สูตร 15-15-15 และ 12-24-12 สาหรบั เรง่ การออกดอกและผล
9 การดูแลรักษาพืชผกั สวนครัว การตดั แตง่ และการกาจดั ศัตรูพืช การตดั แต่งก่งิ ผกั บางชนดิ ท่ีมลี าตนั สงู และมีอายยุ นื เชน่ พริก มะเขอื เทศ โดยเฉพาะท่ีปลูกในโรงเรือน จะมกี ารตัดแตง่ ก่ิงบ้างเพอื่ ให้โปร่ง และตัด เอากิ่งและใบท่ีไมม่ ีประโยชนอ์ อกไป ซ่งึ ไดแ้ ก่ กง่ิ และใบด้านลา่ ง ซ่งึ มอี ายุมากแลว้ ยิ่งเรา นาใบทเ่ี สยี หายหรือเป็นโรคออกจากตน้ พืช จะย่งิ ทาให้พชื เจรญิ เตบิ โตไดด้ ี เพราะพืชจะ ได้ไมต่ ้องส่งอาหารเพอื่ ไปซอ่ มแซมในส่วน ทีช่ ารดุ หรอื เป็นโรค การกาจัดศัตรพู ชื ในส่วนของการป้องกนั กาจัดศัตรพู ชื ควรบารุงรกั ษาต้นพชื ใหแ้ ข็งแรงโดยการกาจัดวชั พชื ให้นา้ อยา่ งเพยี งพอและใส่ปุ๋ยตามจานวนท่ีกาหนด เพื่อให้ผักเจริญเติบโต แข็งแรง ทนต่อโรค และแมลง หากมีโรคและแมลงระบาดมากควรใช้สารธรรมชาติ หรือใช้วิธีกลต่างๆ ในการ ป้องกันกาจัด เชน่ หนอนตา่ งๆ ใช้มอื จับออก ใช้พริกไทยป่ นผสมนา้ ฉีดพน่ ใช้นา้ คัน้ จากใบหรือ เมล็ดสะเดา ถา้ เป็นพวกเพลยี้ เช่น เพลยี้ ออ่ น เพลยี้ แป้ง เพลยี้ หอย และเพลยี้ จัก๊ จ่ัน ให้ใช้นา้ ยา ลา้ งจาน 15 ซซี ี ผสมนา้ 20 ลติ ร ฉีดพ่นใต้ ใบเวลาเย็น ถ้าเป็นพวกมด หอย และ ทาก ให้ใช้ปูนขาวโรยบางๆ ลงบริเวณ พืน้ ดิน หรือสามารถปลูกพืชไว้ช่วยไล่ แมลง เช่น ปลูกผักกาดหอม ผักชีใบ แหลม ปนกับผักอืน่ ๆ ปลูกต้นดาวเรือง ตะไคร้หอม ผกากรอง ไว้เป็นรัว้ และใช้ ใบตะไคร้หอมมาคลุมแปลงผักจะป้องกัน แมลงไดด้ ้วย
10 การเก็บเกยี่ วพืชผกั สวนครวั การเกบ็ เก่ียวพืชผักสวนครวั การเกบ็ เกีย่ ว การเก็บเกี่ยวผักควรเก็บในเวลาเช้าจะทาให้ได้ผักสดรสดี และหากยังไม่ได้ใช้ ให้ล้างให้ สะอาด และนาเกบ็ ไว้ในตเู้ ยน็ สาหรบั ผักประเภทผลควรเก็บในขณะที่ผลไม่แก่จัด จะได้ผลท่ีมีรส ดแี ละจะทาให้ผลดก หากปลอ่ ยใหผ้ ลแก่คาตน้ ต่อไปจะออกผลน้อยลง สาหรบั ในผักใบหลายชนิด เช่น ผกั บ้งุ จนี คะน้า กะหลา่ ปลี การแบง่ เก็บผักท่สี ดอ่อนหรือโต ได้ขนาดแล้ว โดยยังคงเหลือลาต้นและรากไว้ไม่ถอนออกทัง้ ต้น รากหรือต้นที่เหลืออยู่จะ สามารถงอกงามให้ผลได้อกี หลายครัง้ ทงั้ นีจ้ ะตอ้ งมีการดแู ลรกั ษา การเก็บเก่ียวผักกิน ใบ มักจะดูจากอายุนับตัง้ แต่ปลูก ส่วนผักกิน ผล นัน้ ขึ้นอยู่กับชนิด เชน่ พรกิ และมะเขือเทศ สามารถดูได้จากสีผล หรือดูการเร่ิมเปลี่ยนแปลงของสีซ่ึงจะบอกถึง การสกุ แก่ของผกั ผกาักรเปป็นฏิ พบืชัตทิหี่อลวงั กบนารา้ เจกึง็บบเกอีย่บวบาง ไม่ทนทานต่อแรงกระแทก การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติ ใด ๆ หลังการเกบ็ เกีย่ ว ควรกระทาอย่างระมัดระวัง รวดเร็ว และมีน้อยขัน้ ตอนที่สุด จึงจะช่วย ลดความเสียหายลงได้
11 ช่วงเวลาทเี่ หมาะสมในการปลกู พชื ผกั สวนครวั ช่วงเดอื นกมุ ภาพันธ์ – เมษายน ผักชี ตน้ หอม ผกั บงุ้ จีน ผกั กาดหวั ถ่ัวฝักยาว แตงกวา มะระ ผกั กาดเขียวปลี ผกั กวางตุ้ง ผักกาดขาว ชว่ งเดอื นพฤษภาคม – กรกฎาคม ผกั คะนา้ กุยชา่ ย บวบเหลี่ยม ข้าวโพดหวาน หอมแดง ชว่ งเดือนสิงหาคม – ตุลาคม ผกั ชีลาว ผกั โขม กยุ ชา่ ย ผกั กาดขาว ผกั กาดหอม พรกิ มะเขอื เปราะ มะเขือขาว สามารถปลูกได้ทัง้ ปี ผกั สวนครวั ตา่ ง ๆ เชน่ ขงิ ขา่ ตะไคร้ โหระพา แมงลกั กะเพรา เป็นตน้
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย อาเภอบอ่ พลอย จังหวัดกาญจนบุรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: