Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 02 หลักของวิทยากร

02 หลักของวิทยากร

Published by wi.kuntarn, 2020-06-24 11:13:49

Description: 02 หลักของวิทยากร

Search

Read the Text Version

๙ หลกั ของวิทยากร* มคี ำถำมวำ่ “คนพดู ไมเ่ กง่ เป็ นวทิ ยากรได้หรอื ไม่” คำตอบก็คือ “ไมจ่ าเป็ น” สิ่งที่ วิทยำกรจำเป็นตอ้ งมีคอื ควำมรูแ้ ละประสบกำรณใ์ นเรือ่ งทจี่ ะทำกำรสอน (ไดแ้ ก่ รูร้ ำยละเอยี ด รูส้ ำเหตุ รูส้ มมติฐำนและประยกุ ตค์ วำมรูน้ น้ั ได)้ มคี วำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอด และมคี วำมรู้ เร่ืองจิตวิทยำกำรสอน กำรถ่ำยของวิทยำกรสว่ นใหญ่นนั้ อำศยั “การพดู ” เป็นหลกั คนซง่ึ พดู เก่ง แต่ไมม่ ีควำมรู้ ประสบกำรณ์ กไ็ มอ่ ำจเรียกควำมศรทั ธำจำกผฟู้ ังได้ กำรพดู เกง่ กไ็ ม่เกิดประโยชน์ แตถ่ ำ้ ผเู้ ป็นวิทยำกรมีควำมรูว้ ำ่ ควรพดู อย่ำงไร ดเู หมอื นวำ่ จะเป็นส่ิงที่มีประโยชนแ์ ละมคี ำ่ มำกกว่ำ กำรพดู เกง่ ข้ันตอนการพดู สาหรับวิทยากร ข้นั ตอนที่ ๑ การเตรียมตัว ข้อมลู ซ่งึ วทิ ยากรควรนามาพดู ๑. เป็นเร่ืองท่ีเช่ือถอื ได้ คือตอ้ งเป็นขอ้ มลู ทว่ี ิทยำกรเคยใช้ เคยทดลองมำก่อนหรอื เคย มปี ระสบกำรณม์ ำสนบั สนนุ จะทำใหน้ ำ่ เชือ่ ยิ่งขนึ้ ๒. เป็นเรอ่ื งใหม่ ทนั สมยั ๓. เป็นประโยชนโ์ ดยตรงตอ่ ผฟู้ ัง และสำมำรถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ ริง คาพดู ทวี่ ทิ ยากรควรหลกี เล่ียง ๑. คำพดู ทีไ่ มส่ ภุ ำพ มีควำมหมำย ๒ แง่ ๒ งำ่ ม ๒. คำพดู ซึ่งมคี วำมหมำยคลมุ เครอื ไมช่ ดั เจน อำจตีควำมไดห้ ลำยอยำ่ ง ๓. เป็นคำพดู ที่ยำกต่อกำรเขำ้ ใจ เช่น กำรใชค้ ำศพั ทต์ ำ่ งประเทศ ๔. คำซึง่ สรำ้ งควำมรูส้ ึกที่ไม่ดี เช่น - คำตำหนติ เิ ตียน - กำรพดู ออกคำส่งั บงั คบั *สรุปยอ่ ใน รศ. ดร. สมคดิ อสิ ระวฒั น,์ ก้าวแรกสู่การเป็ นวิทยากร, (กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพบ์ คุ๊ แบงก,์ ๒๕๔๒).

๑๐ - คำด่ำ - คำพดู ยกตนขม่ ท่ำน - คำพดู สอ่ เสียดประชดประชนั - คำพดู ดหู มิน่ - คำพดุ คยุ โมโ้ ออ้ วด - คำพดู กระทบ - คำพดู แดกดนั - คำพดู สบถ - คำพดู เยำะเยย้ ถำงถำก - คำพดู ไม่ใหเ้ กียรติ - คำพดู ดถู กู เหยียดหยำม ฯลฯ จดุ ม่งุ หมายของการพดู จดุ มงุ่ หมำยของกำรพดู แตล่ ะครง้ั มหี ลำยประกำร ลกั ษณะของกำรพดู แตล่ ะแบบมวี ิธีกำร ท่ีตำ่ งกนั วทิ ยำกรจำเป็นตอ้ งรูว้ ำ่ ขณะพดู ตนเองมจี ดุ มงุ่ หมำยอยำ่ งไร ๑. พดู เพ่ือถ่ำยทอด ๒. พดู เพอ่ื จงู ใจ ๓. พดู เพอ่ื ใหบ้ นั เทิง ๔. พดู เพ่อื จรรโลงใจ ขน้ั ตอนท่ี ๒ ขนั้ พดู วธิ กี ารพดู แลว้ มคี นฟัง ผฟู้ ังแต่ละคนมคี วำมแตกต่ำงกนั และลกั ษณะของควำมแตกตำ่ งมีผลตอ่ กำรพดู ของวทิ ยำกร หำกวทิ ยำกรไมร่ ูถ้ งึ ธรรมชำตแิ ละลกั ษณะของผฟู้ ัง กำรเตรียมเนอื้ หำสำระ และ วิธีกำรพดู กไ็ ม่อำจผกู ใจคนฟังได้ ผฟู้ ังแตล่ ะคนจะมีควำมแตกตำ่ งกนั ในเรอื่ งตำ่ งๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. วยั วยั เด็กหรอื วยั ผใู้ หญ่ (วยั ผใู้ หญ่ตอนตน้ วยั กลำงคน และวยั สงู อำย)ุ ๒. เพศ (หญิงหรือชำย) ๓. ระดบั กำรศกึ ษำ ๔. อำชพี เช่น

๑๑ - ขำ้ รำชกำร - พนกั งำนของภำคเอกชน - พนกั งำนของรฐั วสิ ำหกจิ - พอ่ คำ้ - นกั ธุรกิจ - แมบ่ ำ้ น - เกษตรกร (ชำวนำ ชำวสวน ชำวไร)่ - กรรมกร ฯลฯ ๕. ภมู ลิ ำเนำ ๖. กำรอบรมเลยี้ งดขู องครอบครวั ๗. ตำแหนง่ ๘. ประสบกำรณใ์ นชวี ติ ๙. ควำมรูใ้ นเรื่องทค่ี วรพดู ๑๐.ทศั นคติตอ่ เรื่องท่พี ดู ควำมแตกตำ่ งในประเด็นดงั กล่ำวขำ้ งตน จะมผี ลต่อกำรรบั รูแ้ ละควำมสำมำรถในกำร ส่อื สำรของผฟู้ ัง ควำมรูเ้ ก่ยี วกบั ผฟู้ ังขำ้ งตน้ จะช่วยใหผ้ พู้ ดู รูว้ ่ำควรยกตวั อย่ำงหรืออธิบำยอยำ่ งไร จึงจะตรงกบั ประสบกำรณข์ องผฟู้ ัง ผฟู้ ังนกึ ภำพได้ เชอื่ มโยงกบั ควำมรูเ้ ดมิ ได้ ความตอ้ งการของคนฟัง คนเรำจะฟังกต็ อ่ เมอ่ื เร่ืองทฟ่ี ังเป็นประโยชน์ และตรงกบั ควำมตอ้ งกำรของบุคคลนน้ั เช่น เรื่องซึง่ เป็นปัญหำซ่ึงอยำกรูค้ ำตอบ หรือเป็นเร่อื งที่บุคคลสำมำรถเอำไปใชไ้ ด้ ทงั้ หนำ้ ทีก่ ำรงำน และเรือ่ งสว่ นตวั ธรรมชาติของคนฟัง คนฟังจะมีธรรมชำติ ดงั นี้ คอื ๑. ชอบฟังเก่ยี วกบั เรอ่ื งตนเอง และเป็นเรือ่ งทต่ี นสนใจ ๒. ไมช่ อบใหใ้ ครโตเ้ ถยี ง ๓. ไมช่ อบใหใ้ ครตำหนิ ๔. ชอบกำรใหเ้ กยี รติ ยกยอ่ งและยอมรบั ๕. ชำ่ งสงสยั

๑๒ ๖. ชอบจบั ผดิ (คอยฟังวำ่ เชอื่ ไดห้ รอื ไม่ เอำมำจำกไหน) ๗. จะฟังเร่อื งท่ีตนเองไดป้ ระโยชน์ ๘. ชอบฟังเร่อื งแปลกๆ ใหมๆ่ ผเู้ ป็นวทิ ยำกรตอ้ งคำนงึ ถงึ ประเดน็ ดงั กล่ำวทกุ ครงั้ เม่อื ทำกำรพดู หลกั การพดู ของวิทยากร เพชรบูรณ์ โรจนธรรมกลุ กลำ่ วถงึ หลกั กำรพดู ของวทิ ยำกรไวด้ งั นี้ ๑. มีควำมชดั เจน กลำ่ วคือ - ชดั เจนในกำรออกเสยี ง - ชดั เจนตำมอกั ขระภำษำ - ชดั เจนในควำมหมำย ๒. เขำ้ ใจงำ่ ย - ดว้ ยกำรใชภ้ ำษำซ่งึ ผฟู้ ังเขำ้ ใจ - ใชต้ วั อย่ำงทมี่ คี วำมสอดคลอ้ งและเป็นรูปธรรม ๓. ยกย่องและใหเ้ กียรติผฟู้ ัง เป็นกำรแสดงออกทำงกำรกระทำและคำพดู โดยมกี ำรยก ยอ่ งผฟู้ ัง มคี วำมเกรงใจ ไม่พดู ลดควำมรูส้ ึกลดศกั ดิ์ศรขี องผฟู้ ัง ๔. รกั ษำนำ้ ใจดว้ ยกำรไมใ่ ชค้ ำพดู ทีร่ ุนแรง กระทบกระเทือนใจผฟู้ ัง ควรใชค้ ำพดู ที่ แสดงถึงควำมเขำ้ ใจ เหน็ ใจ และแสดงควำมเป็นพวกเดียวกนั ๕. ใชค้ ำพดู ทเ่ี พิม่ พลงั ดว้ ยกำรไมใ่ ชค้ ำพดู ทซ่ี ำ้ ซำก จำเจ เล่ยี งคำพดู เดมิ ๆ มีกำรใช้ คำพดู ใหม่ๆ ที่พดู แลว้ ผฟู้ ังมคี วำมสนใจ และทำใหผ้ ฟู้ ังมีทศั นคติที่ดีตอ่ เร่อื งทพ่ี ดู การใชส้ ายตาในระหวา่ งการพดู ๑. กวำดสำยตำมองผฟู้ ังอยำ่ งท่วั ถงึ ๒. ไมม่ องผฟู้ ังอยำ่ งจอ้ งไม่วำงตำ ๓. ไมม่ องผฟู้ ังดว้ ยหำงตำ ๔. ไม่หลบตำผฟู้ ัง ๕. ไมท่ ำตำหวำน กรุม้ กรม่ิ ส่งิ ที่วทิ ยากรควรคานึงถึงเม่ือพูด เมอื่ พดู วิทยำกรควรคำนงึ ถงึ ประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้

๑๓ ๑. เลือกสงิ่ ท่ดี ีทสี่ ดุ ใหก้ บั ผฟู้ ัง ๒. อยำ่ พดู เพื่อสรำ้ งปัญหำ ทกุ ครง้ั ท่ีพดู ตอ้ งระวงั วำ่ พดู แลว้ จะกอ่ ใหเ้ กิดปัญหำหรือไม่ ๓.ตอ้ งคำนงึ ถึงศลี ธรรม กำรพดู ๒ แง่ ๒ ง่ำมเป็นส่ิงไม่สมควร เพรำะเป็นกำรลดคณุ คำ่ ของวทิ ยำกร ๔. ตอ้ งทำใหไ้ ดอ้ ย่ำงท่ีพดู ๕. พดู แลว้ ตอ้ งสรำ้ งสรรค์ มิใชพ่ ดู แลว้ ทำลำย ๖. พดู แลว้ ตอ้ งเกดิ ประโยชนต์ ่อทกุ ฝ่ำย ๗. ตอ้ งนกึ เสมอวำ่ เมือ่ เรำพดู แลว้ คนจะเขำ้ ใจหรอื ไม่ คนฟังจะไดอ้ ะไรจำกกำรพดู ของ เรำ ทำไมคนฟังจงึ ไมฟ่ ัง ๘. นำ้ เสยี งที่พดู - นมุ่ แตด่ งั ชดั เจน มจี งั หวะทเี่ หมำะสม - ชำ้ ชดั เจน ฉำดฉำน - เป็นธรรมชำติ - มกี ำรใชเ้ สยี งสงู – ตำ่ ไมใ่ ชเ้ สยี งเดียวตลอด กำรพดู เป็นส่งิ จำเป็นทว่ี ทิ ยำกรตอ้ งรู้ เพอ่ื เสรมิ ใหก้ ำรถำ่ ยทอดและกำรดำเนินกำรสอน ใหม้ คี วำมนำ่ สนใจยิง่ ขนึ้ ผเู้ ป็นวทิ ยำกรจำเป็นตอ้ งเตรียมตวั เมอ่ื พดู ก็รูว้ ่ำผฟู้ ังคือใคร ควำม ตอ้ งกำรของคนฟัง ธรรมชำตขิ องคนฟัง หลกั กำรพดู พฤติกรรมขณะพดู และส่ิงที่วทิ ยำกรควร คำนึง ทักษะเสรมิ สรา้ งประสทิ ธิภาพการเป็ นวิทยากร ทกั ษะที่วิทยำกรจำเป็นตอ้ งรู้ เพอื่ เสรมิ สรำ้ งประสทิ ธิภำพไดแ้ ก่ ทกั ษะต่ำงๆ ดงั ต่อไปนี้ ๑. กำรใชว้ ำจำ กริ ิยำทำ่ ทำง เพ่อื เสริมบุคลิกภำพในกำรสอน ๒. กำรนำเขำ้ สบู่ ทเรยี น ๓. กำรสรุปบทเรยี น ๔. กำรแปรเปลี่ยนควำมสนใจ ๕. กำรอธิบำยและยกตวั อยำ่ ง ๖. กำรเสริมกำลงั ใจ ๗. กำรบรรยำย ๘. กำรสำธิต ๙. กำรตงั้ คำถำม

๑๔ ๑๐. กำรใชส้ ื่อโสตทศั นศึกษำ ทกั ษะทงั้ ๑๐ ประกำรนี้ เป็นสงิ่ ท่ีวิทยำกรทกุ คนตอ้ งใชต้ ลอดเวลำ หำกวิทยำกรมี ควำมรูเ้ รื่องดงั กล่ำวขำ้ งตน้ ก็จะชว่ ยเสริมสรำ้ งประสทิ ธิภำพกำรเป็นวิทยำกรใหด้ ยี งิ่ ขนึ้ ๑. การใชว้ าจา กริ ยิ าทา่ ทาง เพือ่ เสริมบคุ ลิกภาพในการสอน จำกงำนวิจยั ของชำเดอรแ์ ละอำฟพบวำ่ วทิ ยำกรจะตอ้ งมีลกั ษณะส่วนหนึ่งดงั นคี้ อื “ทำ่ ทำงดงึ ดูดควำมสนใจ อำรมณด์ ี เสียงดี มีควำมสะอำดและเป็นระเบียบ” วิทที (Witty) ไดท้ ำกำรวจิ ยั ลกั ษณะครูที่ดพี บวำ่ ครูที่ดนี นั้ จะตอ้ งมีลกั ษณะและทำ่ ทำง ดี ส่วนลกั ษณะของวทิ ยำกรซ่ึงผเู้ รียนชอบมำกทส่ี ดุ ตำมงำนวิจยั ของฮำรท์ (Hart) เป็นอนั ดบั ๑๐ คอื วิทยำกรที่มบี ุคลกิ ดี ในกำรฝึกอบรมหรือกำรสอนแต่ละครง้ั สง่ิ แรกท่ผี เู้ รียนมคี วำมสนใจอยำกรูค้ ือ กำร ปรำกฏตวั ของวิทยำกร รูปรำ่ งหนำ้ ตำ ทำ่ ทำงเป็นอย่ำงไร แตง่ ตวั แบบไหน ดงั นน้ั เร่อื งของ บคุ ลิกภำพจึงเป็นสิ่งแรกที่ดึงดดู ควำมสนใจ สรำ้ งควำมเช่ือถอื และศรทั ธำใหเ้ กิดขนึ้ บุคลิกภาพ คอื อะไร บคุ ลกิ ภาพ ตำมควำมหมำยของเบอรน์ ำรด์ (Bernard) หมำยถงึ ผลรวมทงั้ หมดของ ลกั ษณะทำงรำ่ งกำย พฤตกิ รรมตลอดจนควำมโนม้ เอยี งต่อส่งิ ใดส่งิ หนงึ่ และศกั ยภำพในกำร กระทำสง่ิ ตำ่ งๆของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เรอ่ื งบุคลกิ ภำพจึงมไิ ดห้ มำยเฉพำะสง่ิ ภำยนอกทีม่ องเห็น เชน่ กำรแต่งกำย แต่รวมไป ถงึ กริ ิยำ วำจำ ทำ่ ทำง ควำมรูส้ กึ นกึ คิดต่ำงๆ ฯลฯ กำรแสดงออกทำงดำ้ นบุคลิกภำพของแต่ละ บุคคลจะเป็นส่ิงทีท่ ำใหผ้ เู้ รยี น หรือผพู้ บเหน็ เกิดควำมสนใจ นยิ มศรทั ธำ ตลอดจนจงู ใจใหอ้ ยำก เรยี นหรืออยำกรว่ มงำนดว้ ย ทักษะการใชว้ าจา กริ ิยา ท่าทางประกอบการสอนได้แก่ ๑. นำ้ เสยี ง วธิ ีกำรพดู ๒. กำรแสดงออกทำงสีหนำ้ สำยตำ ๓. กำรเคลือ่ นไหว ๔. กำรใชม้ ือและแขน ๕. กำรแต่งกำย

๑๕ นา้ เสียง วิธีการพดู กำรสอนท่ดี ีวิทยำกรตอ้ งพดู เสียงดงั ฟังชดั เจน มกี ำรเนน้ เสียงและมีจงั หวะในกำรพดู ไมพ่ ดู เร็ว ไม่พดู ดว้ ยนำ้ เสียงในระดบั เดียวกนั หรือทเี่ รียกวำ่ “monotone” อำจตอ้ งมีกำรใชเ้ สียง สงู ต่ำ ตำมเนอื้ หำและกำลเทศะ นอกจำกนน้ั จะตอ้ งมีกำรออกเสียงตวั ร / ล และควบกลำ้ ที่ ถกู ตอ้ ง เลือกภำษำที่เหมำะสมและถกู ตอ้ งตำมควำมนยิ ม นำ้ เสยี งของวทิ ยำกรจะบอกถึงอำรมณ์ และควำมรูส้ ึกของวิทยำกรไดเ้ ป็นอยำ่ งดี นำ้ เสยี งที่ใชจ้ ึงตอ้ งปรบั ใหเ้ หมำะกบั โอกำส สถำนทแี่ ละวยั ของผเู้ รยี น เชน่ กำรพดู ใหด้ งั ขนึ้ ใน หอ้ งที่มีสถำนทรี่ บกวน หรอื กำรลดระดบั เสียงใหเ้ บำลงในหอ้ งท่เี งยี บ พฤติกรรมที่ไมด่ ขี องการใชน้ ้าเสียง ดงั นี้ - เสยี งเบำเกนิ ไป กำรพดู ออ้ มแอม้ ไม่เตม็ เสียง และขำดควำมหนกั แน่น - พดู เสียงกระแทก ดดุ นั เสียงแข็งกระดำ้ ง หรือกำรตวำด - พดู เสยี งระดบั เดยี วกนั ตลอด - พดู เรว็ มำกจนผเู้ รียนฟังไมท่ นั - พดู หยำบคำย ไมส่ ภุ ำพ พดู เสียดสี ประชดประชนั หรือมกี ำรสบถเมอ่ื ไม่สบอำรมณ์ - ออกเสยี งควบกลำ้ ตวั ร / ล ไมช่ ดั - พดู เสยี งดงั เกนิ ไปจนเกือบจะเป็นตะโกน - พดู ตดิ ๆ ขดั ๆ เหมือนคนติดอำ่ ง พดู เสยี งส่นั เครือ - พดู ไมม่ จี งั หวะหยดุ หรอื บำงครงั้ หยดุ นำนเกนิ ไป ฯลฯ การแสดงออกทางสหี น้า สายตา กำรแสดงออกทำงสีหนำ้ สำยตำ เป็นส่อื ควำมหมำยประเภทหนง่ึ ผเู้ รียนจะอำ่ น ควำมรูส้ ึกของวิทยำกรจำกพฤตกิ รรมดงั กล่ำว ส่งิ ที่เกดิ ขนึ้ จำกกำรแสดงออกของวิทยำกร นอกเหนอื จำกกำรสรำ้ งบรรยำกำศควำมอบอนุ่ ในหอ้ ง หรือหอ้ งฝึกอบรมแลว้ ยงั เป็นกำรเสริม กำลงั ใจแกผ่ เู้ รียนดว้ ย กำรแสดงออกของวทิ ยำกรจงึ ควรเป็นสภำพทีเ่ ป็นกนั เอง ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส มิใช่บงึ้ ตึง หรอื เครง่ เครียดเกนิ ไป ในขณะทสี่ อนวทิ ยำกรควรกวำดสำยตำไปยงั ผเู้ รียนทกุ คน ไม่ควรจอ้ งเฉพำะคนใดคนหนง่ึ ยกเวน้ ขณะท่ีผเู้ รยี นตอบ เมอ่ื ตอบเสรจ็ วิทยำกรกค็ วรกวำด สำยตำไปยงั ผเู้ รยี นคนอ่ืน

๑๖ พฤตกิ รรมที่ไมด่ ีของการแสดงออกทางสีหน้า สายตา ได้แก่ - กำรหลบสำยตำ - กำรมองดสู ิง่ ทมี่ ิใชห่ นำ้ ของผเู้ รียน เชน่ กระดำน เพดำน หลอดไฟ ฯลฯ - กำรหำว กำรทำตำหวำน กรุม้ กริ่ม - กำรแสดงสหี นำ้ เมินเฉย - กำรเมม้ รมิ ฝีปำก - กำรแสดงสีหนำ้ รำคำญ - กำรมองดว้ ยหำงตำตงั้ แตศ่ ีรษะจรดปลำยเทำ้ - กำรยมิ้ เยำะหยนั หรอื ทำทำ่ ลอ้ เลน่ ฯลฯ พฤติกรรมท่ีควรทำ คอื กำรยมิ้ พยกั หนำ้ รบั เมอ่ื ผเู้ รยี นตอบถกู ตอ้ ง หรือแสดงควำม คิดเห็นทีด่ ี หรือกำรส่ำยหนำ้ พรอ้ มรอยยมิ้ เมอื่ ผเู้ รยี นตอบผดิ เป็นตน้ การเคลอ่ื นไหว กำรเคลอ่ื นไหวของวิทยำกรอำจจะมีหลำยลกั ษณะ เชน่ กำรเดนิ ไปมำ กำรเดนิ เพื่อคมุ ชนั้ เรยี น หรือผเู้ รียนทำกิจกรรม นอกจำกนยี้ งั รวมถึงอริ ยิ ำบถต่ำงๆ เช่น กำรหยดุ ยืน เพอ่ื อธิบำยหรือใชอ้ ปุ กรณ์ กำรฟังคำตอบของผเู้ รียน ฯลฯ การเคลื่อนไหวทไี่ ม่ดี ได้แก่ - กำรเดินไปเดินมำตลอด - ขณะทวี่ ิทยำกรกำลงั ทำกำรสอน จดุ รวมของควำมสนใจจะอย่ทู ี่วทิ ยำกร เดนิ ไปเดนิ มำ ผเู้ รยี นจะตอ้ งหนั หนำ้ ตำมอิรยิ ำบถของวทิ ยำกรตลอดเวลำ - กำรเดนิ เอำมอื ลว้ งกระเป๋ ำ หรอื เคำะจงั หวะตำมจงั หวะกำรเดนิ รวมถึงกำรเขย่ำส่งิ ที่ อย่ใู นกระเป๋ ำ - กำรเขยำ่ ขำ หรือบดิ มอื ตลอดเวลำ - กำรเคำะ แกะ เกำส่งิ ตำ่ งๆ - กำรสะบดั ผม เสยผม ปัดผม - กำรเคำะ หรอื หมนุ ปำกกำเล่น หรอื โยนปำกกำไปท่ีกระดำนเม่ือเขียนเสรจ็ - กำรขยบั กำงเกง หรือเสอื้ ผำ้ ฯลฯ

๑๗ กำรเคลอื่ นไหวหรอื อริ ิยำบถตำ่ งๆ มมี ำกมำย พฤติกรรมทกุ อยำ่ งมิได้หมำยควำมว่ำจะ ทำไม่ไดเ้ ลย อำจทำไดบ้ ำ้ งแตต่ อ้ งอยรู่ ะดบั ของควำมพอดี คือ ไมม่ ำกเกนิ ไป พฤตกิ รรมทด่ี ีขณะทำกำรสอน นอกเหนอื จำกวิธีกำรทว่ี ทิ ยำกรจำเป็นตอ้ งใชใ้ นกำรสอน เชน่ กำรสำธิต ฯลฯ วิทยำกรควรมกี ำรหยดุ ฟังคำตอบของผเู้ รยี น หรือเปลีย่ นท่ียนื ขณะอธิบำย หรอื เดินรอบๆ หอ้ งขณะคมุ ชนั้ หรอื เดินใกลผ้ เู้ รียนเป็นบำงโอกำส เป็นตน้ การใช้มอื และแขน กำรใชม้ ือและแขนของวทิ ยำกร เป็นอิริยำบถกำรเคลือ่ นไหวอยำ่ งหนง่ึ ซง่ึ ถำ้ กำรใชม้ อื และแขนไม่มำกเกนิ ไป (เช่น กำรใชโ้ บกขยบั แสดงท่ำทำงเหมือนๆ กนั ตลอด) กำรใชม้ ือและแขน ควรพอเหมำะกบั กำรแสดงประกอบกำรพดู หรอื ขอ้ ควำมท่ตี อ้ งกำรจะเนน้ กำรแสดงออกของ มอื จงึ ตอ้ งมีควำมหมำยสอดคลอ้ งกบั ควำมรูส้ กึ นึกคิด โอกำสและเรอื่ งท่ีจะพดู ลกั ษณะท่วั ไป ก็ควรปลอ่ ยตำมปกติ ไมค่ วรเกรง็ หรือฝืน ในกรณซี ึง่ ตกใจหรอื ประหมำ่ ก็อำจใช้มอื แตะโตะ๊ ให้ พอรูส้ ึกวำ่ “เรำมเี พ่ือน” พฤตกิ รรมทไี่ มด่ ขี องการใช้มือและแขนขณะทาการสอน ดังนี้ - กำรใชม้ อื หรือนวิ้ ลบขอ้ ควำมบนแผ่นใสหรือกระดำน - ตบหรือใชไ้ มฟ้ ำดโต๊ะแรงๆ - เขย่ำปำกกำตลอดเวลำ - ขวำ้ งของไปยงั ผเู้ รยี น - ขยบั เกำ้ อไี้ ปมำอย่เู สมอ - เทำ้ เอวเมอ่ื ไมพ่ อใจ - แคะ แกะ เกำ สว่ นต่ำงๆ ขณะทำกำรสอน - หกั นวิ้ มือเล่น - ถมู อื ไปมำขณะอธิบำย ฯลฯ การแต่งกาย กำรแตง่ กำยของวิทยำกรตอ้ งสภุ ำพเรียบรอ้ ยตำมสมยั นิยม โดยคำนึงถึงวยั รูปรำ่ ง และฐำนะของควำมเป็นวทิ ยำกร รวมไปถงึ ควำมเหมำะสมกบั โอกำส และใหเ้ กยี รติผเู้ รยี นและ สถำนท่ี

๑๘ ข้อควรพิจารณา ในกรณีวทิ ยำกรเป็น “เพศชำย” หำกสวมเสอื้ แขนยำว กำรพบั แขนเสอื้ เป็นส่ิงไม่ควร กระทำ หำกเป็น “สภุ ำพสตรี” กำรน่งุ กระโปรงสนั้ มำกๆ หรอื สวมชดุ ทค่ี ่อนขำ้ งเปิดเผย (โป้) ควรหลีกเลย่ี งเช่นกนั กำรเลอื กเสอื้ ผำ้ สำหรบั ผหู้ ญิง หำกเป็นสีสดสะดดุ ตำกจ็ ะเป็นส่งิ ทีด่ งึ ดดู ควำมสนใจผเู้ รยี นเป็นอยำ่ งดี กำรแสดงออกทำงวำจำ กริ ยิ ำทำ่ ทำงตำ่ งๆ กำรแตง่ กำย ฯลฯ เมอ่ื รวมเป็นบุคลิกของ วิทยำกรแลว้ จะกล่ำวไดว้ ่ำดีหรือไมด่ ี วดั ไดโ้ ดยอำศยั เกณฑต์ ำ่ งๆ ขำ้ งตน้ เป็นสำคญั ๒. การนาเข้าสู่บทเรยี น กำรนำเขำ้ ส่บู ทเรียน เป็นกิจกรรมกอ่ นกำรสอนเพือ่ เรยี กควำมสนใจของผเู้ รียน ตอ้ งกำร ใหเ้ กิดควำมรูส้ ึกอยำกอ่ำน อยำกติดตำม หำกนำกำรนำเขำ้ ส่บู ทเรยี นมำใชแ้ ลว้ ผเู้ รียนจะเกิด พฤติกรรมดงั ต่อไปนี้ ๑. พงุ่ ควำมสนใจมำยงั จดุ ท่ีวทิ ยำกรสอน ๒. เขำ้ ใจควำมคิดรวบยอด (Concept) หรือหลกั กำรใหม่ๆ ๓. เกิดควำมสนใจในสิง่ ท่ีจะเรียน การนาเข้าสูบ่ ทเรยี นควรใชช้ ว่ งใด ๑. เมื่อเรม่ิ บทเรียน ๒. เมอื่ เปลี่ยนหวั ขอ้ (Topic) ๓. กอ่ นกำรฉำยสไลด์ ภำพยนตร์ วดี ีโอ ฯลฯ วธิ กี ารนาเขา้ ส่บู ทเรยี น กำรนำเขำ้ ส่บู ทเรียนมี ๒ ชว่ ง ดงั นี้ ช่วงที่ ๑ เมือ่ ผเู้ รียนเริม่ เขำ้ หอ้ งเรียน กอ่ นจะเร่มิ ใชว้ ิธกี ำรนำเขำ้ สบู่ ทเรียนในช่วงท่ี ๑ ควรให้ ผเู้ รยี นมีควำมพรอ้ ม ซ่งึ อำจทำไดโ้ ดยกำรหยดุ ไมพ่ ดู มองดรู อบๆ หอ้ งจนกว่ำผเู้ รียนจะพรอ้ ม ในกรณีตอ้ งกำรควำมรวดเร็วอำจใชเ้ สียงเขำ้ ช่วยทกั ทำยผเู้ รียน ชว่ งท่ี ๒ หลงั จำกผเู้ รียนพรอ้ มแลว้ วิทยำกรจะใชเ้ ทคนิคตำ่ งๆ ดงั ต่อไปนี้ เพอื่ ดึงดดู ควำมสนใจ ของผเู้ รียน ๑. กำรใชส้ ื่อกำรสอนประกอบประเภทตำ่ งๆ เชน่ สไลด์ รูปภำพ วดี ีโอ ภำพยนตร์ ฯลฯ

๑๙ ๒. เลำ่ นิทำน หรอื เล่ำเหตกุ ำรณส์ ำคญั ทเ่ี ชือ่ มโยงกบั เรื่องที่จะสอนได้ ๓. กำรแสดงละคร หรอื กำรแสดงบทบำท ๔. กำรสนทนำซกั ถำม ๕. กำรทบทวนบทเรียนเกำ่ หรือประสบกำรณเ์ ดิม ๖.ใหผ้ เู้ รยี นทำกจิ กรรมบำงอยำ่ งทส่ี มั พนั ธก์ บั หวั ขอ้ เชน่ กำรแสดงวิธีผำยปอด วิธีกำร เย็บแผล ฯลฯ ทงั้ นวี้ ิธีกำรท่ใี ชต้ อ้ งสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั วตั ถปุ ระสงค์ และเนอื้ หำของบทเรยี น ขอ้ เสนอแนะสาหรับการฝึ กทกั ษะการนาเขา้ สู่บทเรียน กำรเลือกใชว้ ิธีกำรนำเขำ้ สบู่ ทเรยี นแบบใดนน้ั ควรคำนึงถงึ องคป์ ระกอบดงั ต่อไปนี้ ๑. ประสบกำรณเ์ ดิมหรือควำมรูเ้ ดิมของผเู้ รยี น เพรำะถำ้ ผเู้ รียนมคี วำมรูเ้ ร่อื งน้ันแลว้ ควำมสนใจอำจไม่เกิดขนึ้ เท่ำท่ีควรจะเป็น หรอื ถำ้ ไมม่ ปี ระสบกำรณเ์ ลย กำรเช่ือมโยงไปส่เู ร่อื งที่ จะสอนอำจจะทำไดย้ ำก ๒. ศึกษำเนอื้ เรื่องที่จะสอน และเลือกกจิ กรรมใหม้ ีกำรผสมผสำนกนั ใหด้ ที ส่ี ุด ๓. ศกึ ษำกจิ กรรมท่ีนำมำใชอ้ ยำ่ งถ่องแท้ เช่นถำ้ เป็นโสตทัศนปู กรณ์ ควรศกึ ษำ ขอ้ จำกดั และเทคนคิ ของอปุ กรณน์ นั้ ๆ หรือถำ้ เป็นกำรเล่ำนทิ ำน ตอ้ งมวี ิธีกำรเลำ่ ทีส่ นกุ สนำน นำ่ สนใจและนำ่ ติดตำมชม ๔. สำรวจควำมถนดั ของวิทยำกรว่ำมคี วำมถนดั ดำ้ นใด แลว้ นำมำใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ เช่น กำรรอ้ งเพลง ฯลฯ ไม่ควรลอกเลยี นแบบผอู้ ืน่ ถำ้ วธิ ีกำรนนั้ ไม่สำมำรถจะทำไดด้ ี ๓. การสรุปบทเรยี น กำรสรุปเป็นกำรกระทำท่ีคกู่ บั กำรนำเขำ้ สบู่ ทเรยี น ซ่ึงอำจใชเ้ ม่อื ๑. จบบทเรียน ๒. จบหวั ขอ้ ๓. เรอื่ งทีส่ นใจเฉพำะ ๔. กลำงบทเรยี นท่ีเหมำะสม ๕. หลงั จบกำรอภปิ รำย วัตถุประสงคข์ องการสรุป ๑. รวบรวมควำมสนใจของผเู้ รียนในส่ิงทเ่ี รียนมำแลว้

๒๐ ๒. สรุปสง่ิ ทเี่ รียนมำแลว้ ๓. ดคู วำมเขำ้ ใจของผเู้ รยี น กำรสรุปนมี้ คี วำมละเอยี ดมำกกวำ่ กำรยอ่ ควำม มีเนอื้ หำมำกกว่ำ และตอ้ งมกี ำรโยงให้ สมั พนั ธก์ บั เหตกุ ำรณแ์ ละสภำพท่เี ป็นอยู่ วธิ กี ารสรุป วธิ ีกำรสรุปทำไดห้ ลำยวิธี คือ ๑. โดยวิธีกำรตงั้ คำถำม กำรใชค้ ำถำมในขน้ั นีเ้ ป็นกำรกล่ำวรวบรวมหรือสรุปหลกั เกณฑ์ กบั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรือแนวคดิ ทีส่ ำคญั ๒. ใหผ้ เู้ รียนทำกิจกรรม ๓. สรำ้ งสถำนกำรณ์ หมำยถงึ กำรแสดงละคร กำรสำธิต กำรแสดงบทบำท กำรสรำ้ ง สถำนกำรณจ์ ำลอง ๔. ชใี้ หเ้ ห็นควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงควำมรูเ้ ดิมกบั สิ่งท่ีเพิ่งเรียนจบ และส่งิ ที่เรียนตอ่ ไปใน อนำคต ๕. ใหส้ ำธิตในสง่ิ ที่เรยี นไป ฯลฯ กำรสรุปจะไดผ้ ลดยี งิ่ ขนึ้ ถำ้ ผสู้ รุปคือผเู้ รียนและวทิ ยำกรเสรมิ หรอื เพิม่ ในสว่ นทข่ี ำดไป ๔. การแปรเปลี่ยนความสนใจ โดยท่วั ไปกำรที่เรำจะเรียนรูส้ ิ่งตำ่ งๆไดด้ ี เรำมกั ตอ้ งใหค้ วำมสนใจอยทู่ ่จี ดุ ใดจดุ หน่ึง และตดั ส่งิ อ่ืนท่ไี ม่เก่ยี วขอ้ งออกไป วิทยำกรจำเป็นตอ้ งมีทกั ษะในกำรช่วยใหผ้ เู้ รยี นมีสมำธิในส่ิงที่ ทำอยู่ ควำมสนใจของคนมีแนวโนม้ จะเปลี่ยนจำกสิ่งหนึ่งไปยงั อีกสง่ิ หน่งึ อย่เู สมอ เป็นกำรยำก ทค่ี นเรำจะสนใจสิ่งเดยี วเกินกวำ่ ๒ – ๓ ช่วั โมง เช่นกำรฟังกำรบรรยำยที่ใชเ้ วลำ ๓ ช่วั โมง มี นอ้ ยคนท่ีจะมสี มำธิฟังอย่ตู ลอดเวลำ สว่ นหน่ึงอำจคิดถึงสงิ่ อืน่ หรือมองดคู นอ่ืนในหอ้ ง หรอื น่งั วำดรูปเลน่ ฯลฯ วิทยำกรจำเป็นตอ้ งรูเ้ ทคนิคท่ีจะใหผ้ เู้ รยี นสนใจกบั สิง่ ที่เรียน จำกกำรคน้ ควำ้ ทำงจติ วทิ ยำของนกั วิชำกำรพบว่ำ สง่ิ ทีท่ ำใหค้ นเรำสนใจไดแ้ ก่ ๑. ควำมเขม้ ขน้ (Intensity) เชน่ เสียงย่งิ ดงั แสงสว่ำงย่งิ สว่ำง ยงิ่ ดดู ควำมสนใจไดม้ ำก ๒. ควำมแตกต่ำง (Contrast) สง่ิ ใดก็ตำมทีใ่ หญ่หรอื แปลกไปจำกส่งิ รอบตวั ยอ่ มดึงดดู ควำมสนใจได้ เชน่ ปิดไฟใหม้ ืด เรง่ เสยี งใหด้ ัง หรือพดู เสยี งดงั

๒๑ ๓. กำรเคลื่อนไหว (Movement) สำยตำของเรำมกั จะมองส่งิ ทเ่ี คลื่อนไหว เชน่ กำรเดนิ ของวิทยำกร ๔. กจิ กรรมท่ที ำดว้ ยตนเอง (Self – activity) เช่น ปรบมอื ใหย้ นื ใหเ้ ดินออกกำลงั กำย ฯลฯ วิธกี ารซึง่ ทาให้เกดิ การแปรเปล่ยี นความสนใจ ๑. กำรเคล่ือนไหวของวิทยำกร เช่น กำรเดนิ จำกจดุ หนง่ึ ไปยงั อกี จดุ หนง่ึ ๒. ทำ่ ทำงของวทิ ยำกร หมำยถึงกำรเคล่อื นไหวส่วนตำ่ งๆ ของรำ่ งกำย เพื่อเนน้ ควำมสำคญั เพื่อแสดงอำรมณ์ เพือ่ บอกขนำด รูปรำ่ ง ๓. กำรเปลย่ี นวิธีพดู หมำยถึงกำรเปลย่ี นวธิ ีพดู อยำ่ งกะทนั หนั ไดแ้ ก่กำรเปล่ียนนำ้ เสียง เปล่ยี นควำมดงั ของเสียง หรือเปลย่ี นจงั หวะกำรพดู ๔. กำรเปลี่ยนจดุ ประสำทสมั ผสั เช่น จำกกำรฟังเป็นกำรดู จำกกำรอ่ำนเป็นกำรเขียน จำกกำรฟังอภิปรำยเป็นกำรลงมือทำ จำกกำรดกู ระดำนเป็นกำรดสู ไลด์ จำกกำรฟังวทิ ยำกรพดู เป็นกำรฟังจำกเทป ๕. กำรใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นรว่ มพดู เชน่ ออกมำรำยงำนหนำ้ ชนั้ ๖. กำรใหผ้ เู้ รยี นมสี ่วนรว่ มทำกจิ กรรม เช่น กำรแสดงละคร ฯลฯ ๗. กำรใชอ้ ปุ กรณ์ เชน่ วดี ีโอ หรอื เทป ๘. กำรแสดงท่ำทำงประกอบ ๙. กำรเล่ำเรอ่ื งสนั้ ๑๐.กำรตงั้ ปัญหำและกำรซกั ถำม ๑๑.กำรแสดงบทบำท ๑๒. กำรเลน่ เกม ๑๓.กำรทำกิจกรรมนอกหอ้ งเรียน ๑๔.กำรใหผ้ เู้ รียนแสดงควำมคิดเห็น ๑๕.กำรใหอ้ อกมำรว่ มสำธิต กำรใชว้ ธิ ีกำรแปรเปล่ียนควำมสนใจ อำจใชห้ ลำยๆ วิธีก็ไดใ้ นกำรสอนครง้ั เดยี ว แตส่ งิ่ ท่ี ตอ้ งคำนงึ คือ ตอ้ งใหเ้ หมำะกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรสอนแต่ละขนั้ ตอน

๒๒ ๕. การอธบิ ายยกตัวอยา่ ง กำรอธิบำยเป็นทกั ษะท่มี ีควำมจำเป็นในกำรสอน เพรำะเป็นกำรส่ือควำมหมำยระหว่ำง ผเู้ รียนกบั วิทยำกรใหม้ ีควำมเขำ้ ใจถกู ตอ้ งตรงกนั กำรอธิบำยควำมคิดรวบยอดท่เี ป็นนำมธรรม นนั้ มกั ทำใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจไดย้ ำก ส่งิ ทน่ี ่ำจะชว่ ยคอื ตอ้ งเชือ่ มโยงกบั สิง่ ที่เป็นรูปธรรม โดยอำศยั กำรยกตวั อยำ่ ง ดว้ ยเหตนุ กี้ ำรยกตวั อยำ่ งจงึ เป็นเร่อื งหน่ึงในกระบวนกำรอธิบำยท่จี ะเสริมหรอื ชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจงำ่ ยขนึ้ การอธิบายทดี่ ีมีลักษณะอยา่ งไร ๑. ใชภ้ ำษำงำ่ ยๆ กะทดั รดั ๒. ใหค้ วำมหมำยชดั เจน นำ่ สนใจและครอบคลมุ ควำมสำคญั ๓. บุคลกิ ภำพของผอู้ ธิบำย ตอ้ งเป็นผยู้ มิ้ แยม้ มีควำมเป็นกนั เองกบั ผเู้ รยี น เป็นผมู้ ี ควำมรูด้ ี มคี วำมเชอ่ื ม่นั ตอ่ สิ่งทจี่ ะอธิบำย ๔. วิทยำกรตอ้ งรูร้ ะดบั ของผฟู้ ัง เพอื่ จะไดใ้ ชค้ ำอธิบำยและภำษำไดเ้ หมำะสม ๕. กำรจดั ลำดบั เรือ่ งทจ่ี ะอธิบำย โดยวำงโครงเรื่องที่จะอธบิ ำยไวต้ งั้ แต่ตน้ จนจบ เชน่ ตอนใดควรยำ้ หรือเนน้ หรอื มกี ำรสรุปเป็นชว่ งๆ ๖. กำรอธิบำยตอ้ งคำนึงถึงระดบั เสยี ง กำรเวน้ ระยะควำมเรว็ วธิ ีการอธิบายและยกตวั อย่างประกอบ วิธีกำรอธิบำยและยกตวั อย่ำงประกอบนนั้ เพอ่ื ขยำยสำระใหก้ ระจ่ำงขนึ้ อำจทำได้ ๒ วิธี คือ ๑. แบบนิรนยั (Deductive) หรือแบบกฎส่ตู วั อยำ่ ง ๒. แบบอปุ นยั (Inducitive) หรอื แบบตวั อยำ่ งสกู่ ฎ แบบกฎสตู่ วั อยา่ ง มวี ธิ ีกำรดงั นี้ คือ ๑. บอกกฎ ขอ้ คิด หรอื หลกั เกณฑก์ อ่ น ๒. ยกตวั อยำ่ งทจี่ ะแสดง หรือขยำยหลกั เกณฑใ์ หช้ ดั เจนยง่ิ ขนึ้ ตวั อย่ำง เช่น วทิ ยากร “หญำ้ ทกุ แห่งเป็นสีเขยี ว ใหย้ กตวั อยำ่ งมำคนละ ๑ อยำ่ ง” ผเู้ รยี น “หญำ้ ที่ขนึ้ ขำ้ งโรงงำนเป็นสีเขยี ว หญำ้ ท่ีบำ้ นดฉิ ันเป็นสีเขยี ว

๒๓ หญำ้ ทข่ี นึ้ ขำ้ งหนำ้ ต่ำงนีส้ เี ขียว” แบบตัวอย่างสกู่ ฎ มีขน้ั ตอน ดงั นคี้ อื ๑.วิทยำกรยกตวั อย่ำงมำอภิปรำยรว่ มกบั ผเู้ รยี น โดยเริ่มจำกตวั อยำ่ งทง่ี ำ่ ยไปหำตวั อย่ำง ทย่ี ำกขนึ้ ๒. เมอื่ ถึงเวลำทสี่ มควร คิดวำ่ ผเู้ รยี นพอจะเขำ้ ใจ วิทยำกรจะใหผ้ เู้ รยี นสรุปเป็นกฎเกณฑ์ ตวั อยำ่ งเช่น วิทยากร “หญำ้ ทีข่ นึ้ นอกหนำ้ ตำ่ งนสี้ ีเขียว หญำ้ ทข่ี นึ้ ในโรงงำนกส็ ีเขยี ว หญำ้ ในสนำมหญำ้ ทบี่ ำ้ นนกี้ ส็ ีเขียวเหมอื นกนั เพรำะฉะนน้ั พวก เรำคิดวำ่ ควรจะพดู สรุปเก่ยี วกบั หญำ้ ไดอ้ ยำ่ งไร ?” ผ้เู รียน “สรุปไดว้ ำ่ หญำ้ ทกุ แห่งเป็นสีเขียว” กำรเลอื กใชว้ ิธีใดนนั้ เรำตอ้ งพจิ ำรณำวำ่ วธิ ีไหนง่ำยท่สี ดุ สำหรบั วทิ ยำกร วธิ ีไหนจะทำ้ ทำยควำมสนใจของผเู้ รียนไดม้ ำกกวำ่ การนาตวั อย่างมาขยายคาอธิบาย กำรนำตวั อย่ำงมำขยำยคำอธิบำยของผเู้ รยี นนน้ั สงิ่ ทน่ี ำมำอำจจะมไี ดห้ ลำยอยำ่ งคือ ๑. ใชถ้ อ้ ยคำวำจำ ไดแ้ กค่ ำพงั เพย โคลงกลอน สภุ ำษิต คำขวญั คตพิ จน์ นิทำน กำรเล่ำเรอ่ื ง ตลอดจนบทเพลงต่ำงๆทม่ี ีควำมหมำย หรอื เปรียบเทียบไดก้ บั นำมธรรมหรือส่ิงที่ตอ้ งกำรจะ อธิบำย ขอ้ ควำมทย่ี กมำเหล่ำนีจ้ ะช่วยใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจสำระสำคญั เดน่ ชดั ขนึ้ เช่น - เครอื่ งป้ัมกบั กำรทำงำนของหวั ใจ - กระดองปกู บั รถถงั - กำรทำควำมดโี ดยไมห่ วงั ผลตอบแทนกบั ปิดทองหลงั พระ ฯลฯ ๒. ใชก้ จิ กรรม ไดแ้ กก่ ำรใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ึกทดลองทำ สำธิตหรอื ใชก้ ำรแสดงบทบำท หรอื ใชก้ ำรจำลอง สถำนกำรณต์ ำ่ งๆ กิจกรรมเหลำ่ นเี้ ป็นกำรช่วยใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจชดั เจนได้ โดยใชก้ ำรกระทำของ ตน ทำใหผ้ เู้ รยี นเกิดควำมเขำ้ ใจและเรยี นรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง ตวั อยำ่ งเช่นกำรฝึกเป็นวิทยำกร กำร สำธิตหรือกำรใหผ้ เู้ รยี นลองปฏิบตั ิ จะชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจไดด้ กี ว่ำกำรอธิบำยเพียงอยำ่ งเดียว และไดเ้ กิดทกั ษะจำกกำรลองฝึกปฏบิ ตั ดิ ว้ ย ๓. ใชอ้ ปุ กรณ์

๒๔ กำรใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบคำอธิบำยจะช่วยใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจไดถ้ กู ตอ้ ง รวดเรว็ ขึน้ อปุ กรณ์ มีทงั้ ของจรงิ ของจำลอง และโสตทศั นปู กรณต์ ่ำงๆ เมอ่ื ผเู้ รยี นไดเ้ ห็น ไดส้ มั ผสั กจ็ ะทำให้ เกิดควำมเขำ้ ใจ การเลอื กตวั อย่าง ตวั อย่ำงทด่ี ีควรมลี กั ษณะดงั ต่อไปนี้ คือ ๑. น่ำสนใจ ๒. งำ่ ยแกก่ ำรเขำ้ ใจ ๓. สอดคลอ้ งกบั เนอื้ เรื่อง ๔. เหมำะกบั พนื้ ฐำนควำมรู้ และควำมสนใจของผเู้ รียน ขอ้ ควรระวังในการยกตวั อยา่ ง ๑. กำรยกตวั อยำ่ งมำกเกนิ ไป อำจทำใหผ้ เู้ รียนมคี วำมสบั สน ๒. ควรมีกำรโยงตวั อย่ำงใหเ้ ขำ้ กบั สำระสำคญั ๖. การเสริมกาลงั ใจ กำรเสริมกำลงั ใจเป็นพฤตกิ รรมที่วทิ ยำกรสนองตอบผเู้ รียน ในรูปของกำรตอบดว้ ยวำจำ กำรเขยี นหรือกำรสมั ผสั จดั เป็นทกั ษะทจ่ี ำเป็นต่อกำรสอน เพรำะกำรเสรมิ กำลงั ใจจะมผี ลตอ่ กำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผเู้ รยี น กำรเสริมกำลงั ใจอำจแบ่งได้ ๓ ประเภท ๑. กำรเสริมกำลงั ใจท่ีพึงปรำรถนำ เชน่ กำรยอมรบั ควำมคดิ เห็นของผเู้ รยี น โดยอำจ แสดงออกในรูปแบบของกำรชม กำรปรบมอื ฯลฯ ๒. กำรเสรมิ กำลงั ใจท่มี ปี ฏิกิริยำเป็นกลำง เชน่ กำรตอบคำว่ำ“ถกู ” “เหน็ ดว้ ย” ดว้ ย นำ้ เสยี งกลำงๆ ไมม่ ีกำรเนน้ ๓. กำรเสริมกำลงั ใจชนดิ ที่ไมพ่ งึ ปรำรถนำ เชน่ กำรไม่ยอมรบั ควำมคดิ เห็น กำรเสริมกำลงั ใจแตล่ ะประเภท จะมผี ลตอ่ กำรเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมของผเู้ รียนต่ำงกนั วิทยำกรควรพยำยำมใชก้ ำรเสรมิ กำลงั ใจในกำรสอน โดยกำรปรบั ปรุงใหเ้ หมำะสมกบั ผเู้ รียน จงั หวะและโอกำส อำจกล่ำวไดว้ ำ่ หำกมีกำรใชก้ ำรเสริมกำลงั ใจถกู ตอ้ ง ผเู้ รียนจะสนใจบทเรียน มำกขนึ้ มีควำมม่นั ใจและกลำ้ แสดงออก หรืออำจเกดิ แรงจงู ใจท่จี ะคน้ หำควำมรูย้ ิ่งขนึ้

๒๕ วิธกี ารเสรมิ กาลังใจ วิธีกำรเสริมกำลงั ใจที่อำจนำมำใชใ้ นกำรสอน หรือกำรฝึกอบรมไดแ้ ก่ ๑. กำรเสริมกำลงั ใจดว้ ยวำจำ เชน่ กำรกล่ำววำ่ ดี ดีมำก ใชไ้ ด้ ถกู ตอ้ ง เป็นควำมคดิ ท่ีเฉียบแหลม ฯลฯ ๒. กำรเสรมิ กำลงั ใจดว้ ยทำ่ ทำง เชน่ กำรยมิ้ กำรพยกั หนำ้ กำรใชส้ ำยตำแสดงควำม สนใจในคำตอบ กำรปรบมอื ฯลฯ ๓. กำรเสริมกำลงั ใจดว้ ยกำรใหร้ ำงวลั หรือสญั ลกั ษณ์ เช่น กำรใหส้ ิง่ ของเมอื่ ผเู้ รียน ตอบถกู ตอ้ ง กำรเขยี นเคร่อื งหมำย เชน่ รูปดำว พรอ้ มคำชมเชย กำรจำรกึ ชือ่ บนฝำผนงั กำร นำผลงำนของผเู้ ขำ้ รบั กำรอบรมมำแสดงเป็นตวั อย่ำง เป็นตน้ การนาการเสริมกาลงั ใจมาใช้ในการเรยี นการสอน กำรนำกำรเสริมกำลงั ใจมำใชใ้ นกำรเรียนกำรสอนอำจทำได้ ดงั นี้ ๑. เสริมกำลงั ใจในจงั หวะทเ่ี หมำะสม เชน่ เมอ่ื ผเู้ รียนตอบถกู ก็ชมทนั ที ๒. ไม่พดู เกนิ ควำมจรงิ มิฉะนนั้ ผฟู้ ังจะขำดควำมศรทั ธำ เช่น เมอื่ ผเู้ รียนตอบถกู ทงั้ หมด กอ็ ำจชมวำ่ “เก่งมากๆ” “เก่งจรงิ ๆ” แตถ่ ำ้ ผเู้ รียนตอบถกู เป็นบำงสว่ น กช็ มเชยเฉพำะสว่ นท่ี ถกู พรอ้ มทงั้ แนะนำส่วนทผ่ี ิด ๓. ใชว้ ธิ ีในกำรเสริมกำลงั ใจหลำยๆ วธิ ี ไมใ่ ชพ่ ดู คำทีซ่ ำ้ ซำก จำเจกบั ผเู้ รียนทกุ คน ๔. ไมค่ วรเสรมิ กำลงั ใจบำงประเภทบอ่ ยเกินไป เช่น กำรใหร้ ำงวลั เพรำะจะทำให้ ผเู้ รียนไมเ่ ห็นคณุ ค่ำของกำรเสริมกำลงั ใจนน้ั ๕. พยำยำมหำโอกำสเสรมิ กำลงั ใจใหท้ ่วั ถึงกนั (ไม่จำเป็นตอ้ งเสรมิ ในช่วั โมงเดยี วกนั ) โดยใชว้ ธิ ีกำรเสริมกำลงั ใจตำ่ งกนั และในโอกำสต่ำงๆ กนั ๖. กำรเสริมกำลงั ใจควรเป็นไปในทำงบวกมำกกว่ำทำงลบ ๗. กำรเสรมิ กำลงั ใจไม่ควรมำจำกวิทยำกรเพียงคนเดยี ว ควรใชส้ ิ่งแวดลอ้ มช่วยดว้ ย เช่น ใหผ้ เู้ รยี นคนอืน่ ปรบมอื ๘. เสริมกำลงั ใจดว้ ยทำ่ ทีทีจ่ ริงจงั อำจตอ้ งใชว้ ำจำและทำ่ ทำงประกอบดว้ ย ขอ้ ควรพิจารณาเม่อื ใช้การเสรมิ กาลงั ใจ ๑. ผเู้ รยี นควรไดร้ บั กำรเสริมกำลงั ใจทนั ที เมอ่ื ผเู้ รียนแสดงพฤตกิ รรมที่สอดคลอ้ งกบั เปำ้ หมำยของกำรเรยี นกำรสอน ๒. ควรเลอื กวิธีกำรเสริมกำลงั ใจใหเ้ หมำะกบั ผเู้ รียนแต่ละคน

๒๖ ๓. กำรทำโทษ โดยท่วั ไปไมใ่ ชเ่ ป็นกำรเสริมกำลงั ใจที่พึงปรำรถนำ แตใ่ ชเ้ มอ่ื ตอ้ งกำร กำจดั พฤติกรรมนน้ั ๆ ๔. กำรเสริมกำลงั ใจมีลกั ษณะพเิ ศษ คน ๒ คนซึ่งไดร้ บั กำรเสริมกำลงั ใจท่เี หมือนกนั ผเู้ รยี นคนหนึ่งอำจเห็นวำ่ กำรเสริมกำลงั ใจนนั้ เป็นสงิ่ ไมม่ ีค่ำก็ได้ ทงั้ นีข้ นึ้ อยกู่ บั จติ ใจของผไู้ ดร้ บั กำรเสรมิ กำลงั ใจ ๕. กำรเสรมิ กำลงั ของวิทยำกรอยำ่ งแขง็ ขนั รวมทงั้ กำรบอกกลำ่ วอยำ่ งตรงไปตรงมำ จะมผี ลดกี ว่ำกำรเสริมกำลงั ใจแบบเฉ่ือยชำ และกำรออ้ มคอ้ ม ไมต่ รงประเด็น ๖. กำรเสริมกำลงั ใจเป็นกำรชว่ ยใหผ้ ไู้ ดร้ บั กำรเสริมแรง ทรำบขอ้ มลู เก่ยี วกบั กำรกระทำ ของตน หรอื ทรำบวำ่ สง่ิ ทีต่ นแสดงไปนน้ั เป็นอยำ่ งไร ดงั นน้ั กำรเสรมิ แรงจงึ อำจใชเ้ ป็นเครือ่ งชว่ ย แกไ้ ขพฤติกรรมได้ ๗. กำรเสรมิ กำลงั ใจในทำงลบโดยกำรลงโทษ มไิ ดเ้ ป็นวธิ ีกำรทที่ ำใหผ้ เู้ รียนเปลย่ี น พฤติกรรมไปในทำงทพี่ ึงปรำรถนำไดเ้ สมอไป แตอ่ ำจทำใหผ้ เู้ รียนหยดุ แสดงพฤตกิ รรมนนั้ ช่วั ขณะ เมอ่ื วิทยำกรจำเป็นตอ้ งใชก้ ำรลงโทษ วทิ ยำกรควรบอกใหผ้ เู้ รยี นทรำบถึงพฤตกิ รรมท่ีตอ้ งกำร เมอ่ื ผเู้ รียนแสดงพฤติกรรมท่วี ทิ ยำกรตอ้ งกำร วทิ ยำกรกค็ วรเสรมิ กำลงั ใจผเู้ รียนทนั ที ๘. เมอื่ ผเู้ รยี นไม่สำมำรถแสดงพฤติกรรมท่ีวิทยำกรตอ้ งกำรได้ แตไ่ ดแ้ สดงพฤตกิ รรม ใกลเ้ คียง วิทยำกรควรใหก้ ำรเสริมกำลงั ใจเพื่อใหผ้ เู้ รียนนน้ั มกี ำลงั ใจ และมคี วำมพยำยำมมำก ขนึ้ ในทส่ี ดุ ผเู้ รียนอำจจะแสดงพฤติกรรมท่ีพงึ ประสงคไ์ ดส้ ำเรจ็ ๙. กำรเสริมกำลงั ใจควรทำอยำ่ งสม่ำเสมอ อยำ่ งมรี ะบบและมรี ะเบียบ ๑๐. ผเู้ รียนท่ีเรยี นเก่งอำจไมต่ อ้ งกำรคำชม หรือควำมช่วยเหลอื จำกวิทยำกรมำกเทำ่ กบั ผเู้ รยี นท่เี รียนอ่อน ยิ่งมอี ำยนุ อ้ ยเท่ำใด ยอ่ มตอ้ งกำรเสรมิ กำลงั ใจมำกขนึ้ เพียงนน้ั ๑๑. พฤติกรรมกำรเสริมกำลงั ใจทเี่ ป็นกลำงๆ ของวิทยำกร หำกทำบอ่ ยๆ ผลอำจเป็นลบ ได้ จะทำใหผ้ เู้ รียนหมดกำลงั ใจ กล่ำวโดยสรุป คือกำรเสริมกำลงั ใจมีมำกมำยหลำยอย่ำง วทิ ยำกรจำเป็นตอ้ งดคู วำม เหมำะสมก่อนพิจำรณำเลอื กใช้ จึงจะบงั เกดิ ผลตรงกบั ควำมตอ้ งกำรมำกที่สดุ ๗. การบรรยาย กำรบรรยำย (Lecture) หมำยถึงวธิ ีท่วี ิทยำกรเป็นผพู้ ดู บอกเล่ำหรืออธิบำยเนอื้ หำแก่ ผเู้ รียน วทิ ยำกรเป็นผเู้ ตรยี มกำรคน้ ควำ้ ในเรื่องทจ่ี ะสอนมำเป็นอยำ่ งดี ผเู้ รียนเป็นผรู้ บั กำร ถ่ำยทอด โดยกำรจดบนั ทกึ หรือท่องจำ กำรสอนโดยกำรบรรยำยตำมควำมหมำยดงั้ เดมิ หมำยถงึ วิทยำกรเป็นผพู้ ดู ตลอด ผเู้ รยี นมไิ ดม้ ีสว่ นรว่ ม ตอ่ มำไดม้ ีกำรประยกุ ตใ์ ชว้ ธิ ีกำรสอน

๒๗ แบบอ่นื ๆ เขำ้ มำรว่ ม เพอ่ื ใหก้ ำรบรรยำยนำ่ สนใจย่ิงขึน้ เชน่ กำรถำม – ตอบ กำรแสดงบทบำท กำรใชส้ ่อื กำรสอน กำรทำใหผ้ เู้ รยี นมีสว่ นรว่ มมำกขนึ้ ฯลฯ วิธีกำรบรรยำยนจี้ ดั วำ่ มีขอ้ ดี คือสำมำรถสอนไดจ้ ำนวนมำก โดยไมจ่ ำกดั จำนวนผเู้ รยี น สำมำรถปลกู ฝังแนวควำมคดิ และเจตคติทพ่ี งึ ปรำรถนำได้ แตข่ อ้ เสียท่ีเกิดขนึ้ มีหลำยประกำร เชน่ วิทยำกรไมท่ รำบผลว่ำผเู้ รยี นเขำ้ ใจหรอื ไม่ ผเู้ รียนไมม่ ีโอกำสแสดงออก อำจเบื่อหนำ่ ยงำ่ ย และเป็นกำรยำกท่จี ะทำใหผ้ เู้ รยี นสนใจ ตดิ ตำมวิธีกำรสอนแบบนตี้ ลอดเวลำ อยำ่ งไรก็ตำมกำร สอนแบบบรรยำย เป็นวิธีกำรสอนทีค่ นท่วั ไปนิยมมำกวิธีหน่ึง หำกผเู้ ป็นวิทยำกรมคี วำมสำมำรถ ในกำรบรรยำย รูจ้ กั ปรบั ปรุงวิธีกำรบรรยำยใหน้ ่ำสนใจ ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ จะพบวำ่ วิธีกำรสอนแบบ บรรยำยก่อใหเ้ กดิ กำรเรยี นรูเ้ ป็นอย่ำงมำกในตวั ผเู้ รยี น วิธีการสอนแบบบรรยายให้ไดผ้ ลจะทาอย่างไร ๑. ควรมกี ำรบอกวตั ถปุ ระสงค์ และขอบเขตของเนอื้ เร่ืองท่จี ะบรรยำย ๒. มกี ำรใชน้ ำ้ เสียงและท่ำทำงทเ่ี รำ้ ควำมสนใจ ควรมีกำรเปลย่ี นระดบั เสยี ง ไมใ่ ชร้ ะดบั เสยี งเดยี วกนั ตลอดเวลำทพ่ี ูด ๓. มกี ำรเนน้ จดุ ทส่ี ำคญั ๔. วิทยำกรควรมกี ำรเคล่ือนไหว เพ่อื ผเู้ รยี นจะไดเ้ ห็นชดั และดึงดดู ควำมสนใจของผเู้ รยี น ๕. วิทยำกรควรมบี คุ ลิกทม่ี ่นั ใจในตวั เอง ๖. มกี ำรเขียนควำมคดิ รวบยอดทีส่ ำคญั บนกระดำนหรอื แผน่ ใส ๗. มกี ำรจดั ลำดบั กำรพดู โดยแบ่งเป็น ๓ ช่วง คอื ช่วงท่ี ๑ เป็นช่วงกำรกล่ำวนำเพอื่ กระตนุ้ ควำมสนใจ ชว่ งที่ ๒ เป็นชว่ งเนอื้ หำ และช่วงท่ี ๓ เป็นชว่ งสรุป ๘. มกี ำรใชค้ ำถำมทถ่ี ำมโดยไม่ม่งุ หวงั กำรตอบ แตเ่ ป็นกำรกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นติดตำม และเป็นกำรเรำ้ ควำมสนใจ ๙. มีกำรใชโ้ สตทศั นปู กรณป์ ระกอบกำรสอน เช่น แผนภมู ิ สไลด์ วดี ีโอ ฯลฯ เป็นกำร ดงึ ดดู ควำมสนใจ ๑๐. ใชว้ ธิ ีกำรอ่นื เพือ่ ใหก้ ำรบรรยำยน่ำสนใจ เช่น กำรสำธิต กำรอภิปรำยเป็นกล่มุ เป็นตน้ ๘. การสาธิต กำรสำธิต คอื วธิ ีกำรทว่ี ิทยำกรแสดงหรอื ทดลอง และอธิบำยไปพรอ้ มๆ กนั ผเู้ รยี นเป็น ผดู้ ู ผฟู้ ัง พรอ้ มทัง้ จดบนั ทกึ ตำมทวี่ ทิ ยำกรแสดง ทดลอง หรืออธิบำย วิธีกำรสำธิตเป็นกำร

๒๘ แสดงหรอื กระทำ เพ่ือใหผ้ เู้ รียนไดเ้ ห็นและไดเ้ ขำ้ ใจอยำ่ งชดั เจน อำจเป็นกำรแสดงโดยใชอ้ ปุ กรณ์ เคร่ืองมอื วธิ ีกำรสำธิตอำจทำไดห้ ลำยวิธี ดงั นี้ ๑. วิทยำกรเป็นผสู้ ำธิต ๒. วิทยำกรและผเู้ รยี นรว่ มกนั สำธิต โดยมีผเู้ รียนเป็นผชู้ ่วย ๓. ผเู้ รยี นทงั้ กล่มุ เป็นผสู้ ำธิต ๔. ผเู้ รยี นคนเดียวเป็นผสู้ ำธิต ๕. วิทยำกรภำยนอกเป็นผสู้ ำธิต การเตรยี มการสอนแบบสาธิต เน่ืองจำกกำรสำธิตเป็นวิธีกำรที่ผเู้ รียนตอ้ งไดเ้ ห็น ไดย้ นิ ไดส้ มั ผสั ฯลฯ ดงั นนั้ ถำ้ ผเู้ รยี น มีจำนวนมำกเกนิ ไป อำจทำใหผ้ เู้ รยี นบำงคนไมเ่ หน็ หรอื ไดย้ นิ ดงั นน้ั กำรเตรยี มกำรสอน อำจ ตอ้ งเตรียมกำรถ่ำยทอดโทรทัศนว์ งจรปิดเขำ้ มำชว่ ย หรือผสู้ อนตอ้ งม่นั ใจว่ำผเู้ รยี นทงั้ หมดมองเห็น กำรสำธิตไดง้ ่ำยและชดั เจน กำรสำธิตจะเหมำะสมกบั กลมุ่ ผเู้ รยี นซ่ึงมจี ำนวนไม่มำกนกั การสอนแบบสาธติ มขี นั้ ตอนการปฏบิ ัติ ดงั นี้ วิทยากร ผเู้ รียน ๑.บอกวตั ถปุ ระสงคข์ องกำรสำธิต ๑. รบั ทรำบวตั ถปุ ระสงค์ ๒. สำธิตกำรปฏิบตั ทิ ีถ่ กู ตอ้ ง ๒. สงั เกตกำรปฏิบตั ิ ๓. แนะใหค้ ิดตำมลำดบั ขนั้ ตอนของกำรปฏิบตั ิ ๓. ตดิ ตำมลำดบั ขน้ั ตอนกำรปฏบิ ตั ิ ๔. จดั ใหม้ ีกำรฝึกปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเอง ๔. ฝึกปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ๕. ใหข้ อ้ ติชมทเ่ี หมำะสม ๕. แกไ้ ขขอ้ ผิดพลำดและทำซำ้ ใหม่ ๖. เสริมสรำ้ งใหผ้ เู้ รยี นมีกำรประเมนิ ผล กำร ๖. ประเมินผลกำรปฏิบตั ิงำนของตนเอง ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง ข้อควรคานงึ ในการสอนแบบสาธิต ๑. วทิ ยำกรตอ้ งมีควำมพรอ้ ม เชน่ มคี วำมรูใ้ นเรอื่ งท่ีสำธิตและกำรอธิบำยตอ้ งผสม กลมกลนื กนั มอี ปุ กรณค์ รบถว้ นและพรอ้ มทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ ๒. วิทยำกรตอ้ งมีควำมรูแ้ ละทกั ษะในกำรใชเ้ ครอื่ งมือเป็นอยำ่ งดี

๒๙ ๓. วิทยำกรตอ้ งจดั เครื่องมอื หรือวสั ดตุ ำ่ งๆ ไวใ้ หเ้ ป็นระเบียบ เพือ่ สะดวกในกำรหยิบใช้ และควรทดสอบดวู ำ่ เคร่ืองมอื หรือวสั ดตุ ำ่ งๆ เหลำ่ นนั้ อย่ใู นสภำพทใี่ ชไ้ ด้ ๔. ควรระวงั อย่ำใชเ้ วลำในกำรสำธิตมำก จนผเู้ รยี นไมม่ ีเวลำปฏบิ ตั ิ ๕. กำรสำธิตในวชิ ำทใ่ี หเ้ กดิ แนวคดิ หรอื ควำมคิดริเริม่ เช่น กำรพดู กำรเขยี น กำรขบั รอ้ ง ฯลฯ ควรสำธิตเฉพำะเทคนคิ กำรปฏิบตั ิ ส่วนรำยละเอยี ดปลกี ยอ่ ยควรใหผ้ เู้ รียนไดแ้ สดง ควำมคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ ๖. วทิ ยำกรควรบอกวตั ถปุ ระสงคข์ องกำรสำธิตใหผ้ เู้ รียนรู้ เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนติดตำมไดอ้ ยำ่ ง ถกู ตอ้ ง ๗. กำรสำธิตตอ้ งมลี ำดบั ขน้ั ตอนที่ชดั เจน เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นเขำ้ ใจไดง้ ำ่ ย ๘. วทิ ยำกรไมค่ วรบอกผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ กอ่ น แต่ควรใหผ้ เู้ รียนสงั เกตสงิ่ ท่ีเกดิ ขนึ้ ดว้ ยตนเอง เพอื่ เป็นกำรเรำ้ ใจใหผ้ เู้ รยี นติดตำมโดยตลอด ๙. วทิ ยำกรควรคำนึงเรอ่ื งเวลำทใี่ ชใ้ นกำรสำธิต โดยไม่มกี ำรเรง่ เวลำขณะสำธิต ควรทำ เป็นลำดบั ขน้ั ตอน และม่นั ใจวำ่ กำรสำธิตจะไดต้ ำมวตั ถปุ ระสงคท์ ี่วำงไว้ ๑๐. วทิ ยำกรสำธิตอย่ำงมีชวี ิตชวี ำทงั้ นำ้ เสียง และท่ำทำงทีเ่ รำ้ ควำมสนใจ ๑๑. วิทยำกรควรเนน้ จดุ สำคญั ของเนอื้ เรือ่ งทท่ี ำกำรสำธิต ๑๒. พยำยำมสงั เกตสีหนำ้ ของผเู้ รียนวำ่ มีปฏิกิรยิ ำตอบสนองอยำ่ งไร เชน่ ไมเ่ ขำ้ ใจ ไม่ตงั้ ใจ วทิ ยำกรควรพยำยำมแกป้ ัญหำทเ่ี กดิ ขนึ้ ๑๓. วทิ ยำกรตอ้ งมีควำมสำมำรถนำผลจำกกำรสำธิต โยงใหส้ มั พนั ธก์ บั บทเรียนท่ีจะ สอน ๑๔. ตอ้ งเขำ้ ใจวำ่ ผเู้ รยี นมคี วำมสำมำรถและทกั ษะในกำรเรียนรูแ้ ตกตำ่ งกนั ดงั นนั้ ผเู้ รียนทกุ คนจึงไมอ่ ำจเกดิ กำรเรียนรูใ้ นเวลำเดยี วกนั ๙. การสอนโดยใช้คาถาม กำรสอนดว้ ยวธิ ีกำรใชค้ ำถำม เป็นวิธีกำรท่เี กำ่ แก่และใชก้ นั ท่วั ไป กำรสอนเกือบทกุ วิธีกำรจะมกี ำรตงั้ คำถำมแทรกอยู่ อำจกล่ำวไดว้ ่ำคำถำมเป็นเครือ่ งมือประจำตวั ท่ีใชใ้ นกำรสอน ของวิทยำกรทกุ คน ถำ้ วทิ ยำกรสำมำรถเลือกใชเ้ ครื่องมอื ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม และรูจ้ กั สรำ้ ง เครื่องมอื ใหม้ คี ณุ ภำพดี กจ็ ะทำใหก้ ำรสอนประสบควำมสำเรจ็

๓๐ ประเภทของคาถาม ประเภทของคำถำมจำแนกออกเป็น ๒๒ ชนิด คือ ๑. คำถำมเพ่ือวดั ควำมจำ ๒. คำถำมเพอื่ จดั ลำดบั ควำมจำ ๓. คำถำมเพอ่ื เปรียบเทยี บ ๔. คำถำมเพอื่ บอกควำมแตกต่ำง ๕. คำถำมเพอื่ ประมวลผล ๖. คำถำมเพอ่ื หำสำเหตุ ๗. คำถำมเพอื่ ถำมผล ๘. คำถำมเพอื่ ใหแ้ สดงโดยใชภ้ ำพประกอบ ๙. คำถำมเพือ่ จดั กล่มุ ๑๐. คำถำมเพ่ือสรุป ๑๑. คำถำมเพอ่ื ใหค้ ำจำกดั ควำม ๑๒. คำถำมเพอ่ื พิสจู น์ ๑๓. คำถำมเพอื่ บรรยำย ๑๔. คำถำมเพอื่ แสดงลกั ษณะ ๑๕. คำถำมเพอ่ื บอกควำมสมั พนั ธ์ ๑๖. คำถำมเพื่อเล่ำเรื่องยอ่ ๑๗. คำถำมเพอ่ื วจิ ำรณ์ ๑๘. คำถำมเพอื่ กำรนำไปใช้ ๑๙. คำถำมเพอื่ ใหร้ วบรวม ๒๐. คำถำมเพอื่ ใหเ้ ลอื ก ๒๑. คำถำมเพอ่ื วิเครำะห์ ๒๒. คำถำมเพอ่ื สงั เครำะห์ วตั ถุประสงคใ์ นการถามคาถาม ๑. ใหผ้ เู้ รยี นมสี ่วนรว่ มในกำรเรยี น ๒. ทดสอบควำมเขำ้ ใจของผเู้ รยี น ๓. ทำใหผ้ เู้ รียนตงั้ ใจเรียน ๔. ทดสอบควำมรูข้ องผเู้ รียน

๓๑ ๕. ดจู ดุ ออ่ น จดุ แข็งของผเู้ รียน ๖. เร่ิมตน้ กำรอภิปรำย หรือวิธีกำรสอนแบบอนื่ ๗. ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ควำมภมู ใิ จทส่ี ำมำรถตอบถกู ๘. ฝึกใหร้ ูจ้ กั อภปิ รำยปัญหำ ๙. ดกู ำรรว่ มกิจกรรมของผเู้ รยี น ๑๐. ทบทวน ๑๑. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นอยำกรู้ ๑๒. วดั ผลกำรสอนของวทิ ยำกร ๑๓. ดึงควำมสนใจของผเู้ รียนกลบั มำ ลักษณะของคาถามท่ดี ี เยำคำมและซิมซนั (Gerald A. Yoakam and Robert G. simpson) ไดใ้ หล้ กั ษณะของ คำถำมท่ีดีไวด้ งั นี้ ๑. ชดั แจง้ ผเู้ รยี นสำมำรถเขำ้ ใจไดโ้ ดยงำ่ ย แมว้ ำ่ ตนเองจะไม่ทรำบคำตอบ แต่ผเู้ รียน เขำ้ ใจวำ่ ผถู้ ำมตอ้ งกำรถำมอะไร เช่น “ใครเป็นกษตั รยิ ์ขององั กฤษ ?” จดั เป็นคำถำมทด่ี ี แตถ่ ำ้ ถำมว่ำ “ใครเป็นกษัตรยิ ์” จะเป็นคำถำมทีไ่ มช่ ดั แจง้ ๒. ใชภ้ ำษำท่ีเขำ้ ใจง่ำยตอ่ กำรเขำ้ ใจ ไม่เกนิ ที่ผตู้ อบในวยั นน้ั จะเขำ้ ใจ ๓. ทำ้ ทำย เป็นคำถำมท่ีเรำ้ และกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นคดิ เชน่ “การทรี่ ฐั บาลจะขายรฐั วิสาหกจิ ใหก้ บั ตา่ งประเทศ พวกเราคดิ วา่ เหมาะสมหรือไม่ ?” ๔. เป็นคำถำมทีแ่ น่นอน ที่ตอ้ งกำรคำตอบท่เี ป็นขอ้ เทจ็ จรงิ ไมใ่ ช่เป็นคำถำมทเี่ ป็น ปัญหำโลกแตก เช่น “ท่านคดิ วา่ อะไรเป็นสาเหตทุ ที่ าใหไ้ ทยประสบปญั หาเศรษฐกิจ ?” ๕. เฉพำะเจำะจง คำถำมทีด่ ตี อ้ งกำรคำตอบทีเ่ ฉพำะเจำะจง มำกกวำ่ คำตอบท่วั ๆ ไป ขอ้ ควรคานึงในการถาม คนั นิง่ แฮม (Cunningham) ไดเ้ สนอแนะว่ำในกำรใชค้ ำถำม วทิ ยำกรควรหลกี เล่ยี ง คำถำมดงั ต่อไปนี้ ๑. กำรตงั้ คำถำมทส่ี บั สน ซึ่งรวมหลำยๆ ควำมคดิ เขำ้ ดว้ ยกนั ๒. คำถำมทีป่ อ้ นคำตอบ ซ่งึ แนะนำแนวทำงใหผ้ ตู้ อบมำกเกินไป ๓. คำถำมคลมุ เครอื ซ่งึ ขำดหลกั เกณฑท์ ีจ่ ะนำมำตอบคำถำมได้ เป็นกำรเปิดโอกำสให้ ผตู้ อบเดำคำตอบ

๓๒ ๔. คำถำมใช่ – ไม่ใช่ ซึ่งผตู้ อบจะตอบเพียงใช่ - ไมใ่ ชเ่ ทำ่ นน้ั กำรสอนโดยกำรใชค้ ำถำม เป็นวธิ ีกำรทแ่ี ทรกปะปนกบั วธิ ีกำรสอนแบบอื่นๆ เชน่ กำร สอนแบบสบื สวนสอบสวน กำรสอนแบบบรรยำย กำรสอนแบบสำธิต ฯลฯ ทกุ วชิ ำ ทกุ สำขำ ตอ้ งมีกำรสอนแบบใชค้ ำถำม กลวธิ ีกำรใชก้ ำรสอนแบบนี้ อำจทำไดท้ งั้ กำรนำเขำ้ สบู่ ทเรียน กำรสรุปบทเรยี น กำรดำเนนิ กำรสอน และกำรเรำ้ ควำมสนใจ ประสิทธิผลในกำรสอนแบบนี้ ขนึ้ อย่กู บั วทิ ยำกรมีควำมสำมำรถในกำรตงั้ คำถำมไดด้ เี พียงใดเป็นประกำรสำคญั ๑๐. การใชส้ อ่ื โสตทัศนูปกรณ์ อปุ กรณต์ ำ่ งๆ เช่นรูปภำพ สไลด์ วดี โี อ เทปบนั ทกึ เสยี ง คอมพวิ เตอร์ มสี ่วนทำให้ งำนของวทิ ยำกรง่ำยขนึ้ และมปี ระสทิ ธิภำพมำกขนึ้ มีคำถำมว่ำในกำรบรรยำยของวิทยำกรทกุ ครง้ั จำเป็นตอ้ งใชอ้ ปุ กรณห์ รือไม่ วทิ ยากรควรใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบการบรรยายเมื่อไร วทิ ยำกรจะใชอ้ ปุ กรณป์ ระกอบกำรบรรยำยเมอ่ื ๑. ตอ้ งกำรใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจไดม้ ำกขนึ้ ๒. เรอ่ื งที่พดู ชดั เจนขนึ้ ๓. เมอ่ื อปุ กรณน์ นั้ สรำ้ งควำมสนใจและดงึ ดดู ควำมสนใจ ๔. ประหยดั เวลำในกำรบรรยำย ๕. เวทหี รอื สถำนท่เี หมำะสมท่จี ะใชอ้ ปุ กรณ์ ๖. คมุ้ คำ่ กบั เวลำ เงนิ และควำมพยำยำมในกำรลงมือจดั ทำ ๗. อปุ กรณน์ น้ั สอดคลอ้ งกบั เรอ่ื งทพ่ี ดู ๘. ใหจ้ ำงำ่ ยและกอ่ ใหเ้ กดิ แนวคิดในสง่ิ ทเ่ี รียน วธิ ีการเลอื กอปุ กรณป์ ระกอบการบรรยาย วิธีกำรเลอื กอปุ กรณป์ ระกอบกำรบรรยำยมีดงั ต่อไปนี้ ๑. มีขนำดพอเหมำะกบั จำนวนผเู้ รียน เช่น เครื่องรบั โทรทศั น์ เมอื่ ฉำยวดี ีโอทม่ี ขี นำด ใหญ่ หรอื มเี ครือ่ งฉำย วดี โี อโปรเจคเตอรฉ์ ำยขนึ้ จอใหญ่ ทำใหท้ กุ คนเห็นไดช้ ดั ๒. จำนวนพอเพยี งกบั ผเู้ รยี น หรือผเู้ รยี นมีโอกำสหมนุ เวยี นทดลองใชอ้ ย่ำงท่วั ถึง เช่น เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งมือประกอบกำรฝึกหดั ๓. สภำพของอปุ กรณอ์ ย่ใู นสภำพซึ่งใชง้ ำนไดด้ ี เชน่ ภำพของวีดโี อควรชดั เจน ไม่พรำ่ มวั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook