Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 5 (2) หลักการและเทคนิคการให้ยา สารน้ำ

บทที่ 5 (2) หลักการและเทคนิคการให้ยา สารน้ำ

Published by patteera.wu, 2021-06-24 09:09:45

Description: บทที่ 5 (2) หลักการและเทคนิคการให้ยา สารน้ำ

Keywords: การให้ยา

Search

Read the Text Version

 ให้ผู้ปว่ ยขับถา่ ยก่อน เพ่อื ปอ้ งกนั การปวดถา่ ยระหว่างรบั ประทานอาหาร  ทาความสะอาดปาก ฟัน ลา้ งหน้าและมือ  จดั สงิ่ แวดลอ้ มให้บรรยากาศสดชนื่ เชน่ เปดิ เพลงเบาๆ  กาจดั สงิ่ ทีน่ ่ารังเกยี จหรอื กลนิ่ ทไี่ ม่พึงประสงค์ เช่น หม้อนอน ชามรปู ไตที่ ใสส่ ิง่ คดั หลง่ั  จดั ท่าใหผ้ ปู้ ่วยสบายท่สี ดุ และเหมาะแก่การรับประทานอาหาร ถ้านัง่ ได้ ให้ นั่งเกา้ อห้ี รือบนเตียง ถา้ นัง่ ไม่ได้ใหไ้ ขหัวเตียงใหส้ งู ขน้ึ ให้ผ้ปู ่วยพิง อาจใช้ ผ้ารองใต้คางกนั อาหารเปือ้ นเสือ้

 ตรวจสอบอาหารท่เี ตรยี มเสรจ็ แลว้ ใหถ้ กู ตอ้ งแต่ละคน บอกใหผ้ ูป้ ่วยทราบถงึ ชนิดของ อาหาร โดยเฉพาะผูป้ ่วยท่มี องไม่เหน็  ใหผ้ ูป้ ่วยรบั ประทานชา้ ๆ ไม่รบี รอ้ น  ไม่แสดงอาการรงั เกยี จท่ตี อ้ งป้ อนอาหารผูป้ ่วย หรอื จอ้ งปากผูป้ ่วยจนทาใหผ้ ูป้ ่วยอดึ อดั  ไม่ใหอ้ าหารรอ้ นจดั เกนิ ไป  ไม่ทาน้าแกง เครอ่ื งด่ืมหกลงในอาหาร หรอื ทาอาหารหกเป้ื อนถาด  ใหอ้ าหารทลี ะนอ้ ยเป็นชนิดไป อย่าปนกนั จนไม่ทราบว่าเป็นอาหารชนิดใดบา้ ง

 ควรใชช้ อ้ นตกั อาหาร ถา้ จาเป็นตอ้ งใชม้ ือ ควรลา้ งมือใหส้ ะอาดและเช็ดใหแ้ หง้ กอ่ น  ระหว่างท่รี บั ประทานอาหาร ควรใหน้ ้าแกงรว่ มดว้ ย เพอ่ื ไม่ใหฝ้ ืดคอและกลนื สะดวกข้ึน  ระหวา่ งป้ อนอาหารอาจใหค้ วามรูเ้ รอ่ื งเก่ยี วกบั อาหารหรอื สนทนาบา้ ง  สาหรบั ผูส้ ูงอายุและเด็ก ควรใหเ้ วลาเค้ยี วนานข้ึนและป้ อนอาหารคาเลก็ ลง  สาหรบั ผูป้ ่วยท่รี บั ประทานอาหารเองไม่ได้ พยาบาลจะป้ อนให้ แต่ตอ้ งอธบิ ายให้ ผูป้ ่วยเขา้ ใจวา่ ถา้ ระยะท่ชี ่วยตนเองไดค้ วรรบั ประทานเอง  จดั เวลาใหเ้ พยี งพอสาหรบั ผูป้ ่วยท่มี ีอาการกลนื ลาบาก และตอ้ งมีคนอยูด่ ว้ ยขณะ รบั ประทานอาหาร

 ผูป้ ่วยท่ตี ามองไม่เหน็ สามารถรบั ประทานอาหารเองได้ พยาบาลจะตอ้ งบอกชนิด ของอาหารและตาแหน่งท่วี างจดั อาหารใหใ้ กลม้ ือผูป้ ่วย  ถา้ ผูป้ ่วยลกุ เดินได้ ควรจดั โตะ๊ ใหร้ บั ประทานอาหารรว่ มกนั  ถา้ ผูป้ ่วยเป็นโรคตดิ ตอ่ ควรจดั อาหารแยก เวลาป้ อนอาหารพยาบาลควรระวงั การ ตดิ เช้ือสูต่ นเองดว้ ย  ภายหลงั รบั ประทานอาหารแลว้ ใหผ้ ูป้ ่วยลา้ งมือและปากใหส้ ะอาด  บนั ทกึ ชนิดและจานวนอาหารท่ไี ดร้ บั แตล่ ะม้ือ

 การให้นมทารก › ผ้ใู ห้นมควรนงั่ เกา้ อท้ี ีม่ พี นักพงิ และสงู พอควร › อ้มุ เด็กดว้ ยมือข้างท่ีถนดั โดยใหศ้ ีรษะและคอเด็กอยูต่ รงขอ้ พบั ศอก ฝ่ามอื ช้อนตรงขาไว้ มอื อีกข้างถอื ขวดนม › ก่อนจะใหน้ มเด็กควรทดสอบอณุ หภูมกิ ่อน โดยหยดนมทข่ี ้อมือด้านในของผใู้ ห้ ถา้ ร้อน เกินไป ควรแช่นา้ ใหอ้ นุ่ › ยกขวดนมให้สูง 45o แน่ใจวา่ นา้ นมเต็มหัวนมจึงใสป่ ากทารก › ขณะให้นมตอ้ งระวงั ไมใ่ ห้เตา้ นมหรอื ขวดนมปดิ จมูกเดก็ › หลังจากเดก็ ดูดนมไปประมาณครง่ึ หน่งึ ควรจบั ให้เดก็ เรอ โดยใหเ้ ดก็ นงั่ และลูบหลงั หรอื ใชก้ ารอมุ้ พาดบา่ โดยใหศ้ ีรษะอยู่ทบ่ี า่ แล้วลบู หลงั เบาๆ › ในกรณที ีเดก็ ปว่ ย อมุ้ ขึ้นจากเตยี งไมไ่ ด้ ใชม้ อื ชอ้ นศีรษะเดก็ ใหส้ ูงและปอ้ นขวดนมให้ ไม่ ควรนาขวดนมใสป่ ากเดก็ โดยไมม่ ใี ครอยู่ด้วย เพราะเดก็ อาจดูดอากาศเขา้ ไป หรอื ดดู เร็ว เกนิ ไปทาให้สาลักจนเสยี ชวี ิตได้

 ในผ้ใู หญห่ รือเดก็ โต › พยุงให้ด่ืมน้าโดยสอดมือใตบ้ ่า ให้นา้ หนกั ผ้ปู ว่ ยอยทู่ ่แี ขนของพยาบาล › ยกศรี ษะผู้ป่วยจากหมอน มอื อกี ข้างถอื ถว้ ยน้าหรืออาหารเหลวป้อนให้ ผปู้ ว่ ย › ให้ผู้ป่วยจับถว้ ยไดถ้ ้าต้องการ › ถา้ ยกศีรษะไมไ่ ด้เลยให้รับประทานด้วยชอ้ น หลอดกาแฟหรือกาที่มพี วยยาว หรือใช้แก้วนา้ › อย่าลมื ใหผ้ ปู้ ่วยหยุดหายใจหรอื พกั บา้ ง เพราะถ้าดมื่ รวดเดียวหรือเร็วเกินไป จะทาใหอ้ าเจยี นหรอื สาลกั ได้

 เพื่อให้อาหารและยาแก่ผ้ปู ว่ ยท่ไี มส่ ามารถรบั ประทานอาหารทางปากได้  เพ่ือดดู นา้ ย่อย และกา๊ ซออกจากกระเพาะอาหารลดอาการแน่นทอ้ ง (gastric suction)  เพอ่ื ดดู น้าย่อยในกระเพาะอาหารออกมาตรวจ (gastric analysis)  เพ่ือใสส่ ารละลายในการล้างกระเพาะอาหารในผ้ปู ่วนท่รี ับประทานสารพิษ หรอื ยาเกินขนาด (gastric lavage/ Irrigation)  เพือ่ หยุดการออกของเลือดในหลอดอาหาร(Decompress)ด้วยสายทีม่ ีลกู โปร่งที่ปลายสายรบั ประทานอาหารทางปากได้

 ผู้ทมี่ ปี ัญหาทางระบบประสาทเป็นเหตใุ ห้ได้รับอาหารนอ้ ย  ผปู้ ว่ ยที่รับประทานไดน้ ้อยหรือไมย่ อมรับประทานจากสาเหตใุ ดกต็ าม  ผ้ทู ีม่ คี วามตอ้ งการอาหารเพม่ิ ขึ้นกว่าภาวะปกตอิ ย่างมาก เชน่ ภาวะไฟ ไหม้ นา้ ร้อนลวก หรือโรคตดิ เชอื้ อย่างรุนแรง ฯลฯ  ผ้ปู ่วยโรคมะเร็ง ซึ่งไดร้ ับการรักษาโดยยาต้านมะเรง็ หรอื การฉายรงั สเี พ่อื บาบัดโรค  ผูป้ ว่ ยโรคลาไส้ หรือมรี ูติดตอ่ ระหวา่ งลาไส้กบั ผวิ หนัง

 สตู รน้านมผสม (milk-based formulas) มนี า้ นมและ ผลติ ภณั ฑน์ มเปน็ ส่วนประกอบท่สี าคัญ  สูตรอาหารปน่ั ผสม (Blenderized diet) เป็นสูตรอาหารท่ี ประกอบด้วย เนื้อสตั ว์ ผกั ผลไม้ ไข่ ไขมันสตั ว์ นา้ มนั พืช นา้ ตาล และ คาร์โบไฮเดรตป่ันผสมเขา้ ด้วยกัน โดยมอี ตั ราส่วนซีซตี ่อกโิ ลแคลอลี คือ 1:1, 1.5:1, 2:1 ความหมายคือ1.5:1 คือ 1 ซีซีต่อ 1.5 กโิ ลแคลอลี  สูตรอาหารสาเรจ็ รปู (Commercial formulas) ซ่ึงผลิตขายโดยบรษิ ัท ผลิตนมและอาหารสาเร็จรปู มีทัง้ ชนิดทเ่ี ปน็ ผงและเปน็ ของเหลว

 Naso – enteric tube feeding › Nasogastric tube feeding เปน็ การใส่สายให้อาหารทางจมูกผ่านหลอดอาหาร เขา้ ไป ถึงกระเพาะอาหาร › Nasojejunal tube feeding เป็นการใส่สายใหอ้ าหารทางจมูกผา่ นหลอดอาหาร เข้า ไปถงึ ลาไสเ้ ล็กสว่ น jejunum  Gastrostomy tube feeding เปน็ การใสส่ ายให้อาหารผ่านทางหนา้ ท้องเขา้ ไปถึงกระเพาะอาหาร ในรายผปู้ ่วยทไี่ มส่ ามารถใส่สายผ่านทางหลอดอาหารได้ จมกู และทาให้เด็กหายใจไมส่ ะดวก ขาดอากาศได้  Orogastric tube feeding เป็นการใส่สายใหอ้ าหารเขา้ ทางปาก ผ่านหลอด อาหารเขา้ ไปในกระเพาะอาหาร ในผู้ปว่ ยเดก็ ทารกแรกเกดิ ที่มนี า้ หนักตัวนอ้ ย เพอ่ื ให้นมผสม เน่ืองจากเดก็ ทารกรูจมูกจะเล็กมาก รวมท้ังเย่อื บุจมกู จะบาง มาก ถา้ ใสเ่ ขา้ ทางจมูกจะเกิดการบาดเจ็บต่อเจบ็ ต่อเยอื่ บุ

 ปลายสายให้อาหารเล่ือนออกมาอยใู่ นหลอดอาหาร หรอื เข้าไปใน หลอดลม ถ้าพยาบาลที่จะใหอ้ าหารทางสายไม่ไดท้ ดสอบปลายสาย ก่อนใหอ้ าหารจะทาให้เกิดภาวะแทรกซอ้ นจากการทอ่ี าหารเหลวเขา้ ไป ในหลอดลมหรือถา้ ปลายสายอย่ใู นหลอดอาหารจะทาให้ผู้ป่วยอาเจียน และสาลักอาหารได้  อาเจียน (Vomiting) เน่อื งจาก › ปลายสายเล่ือนมาอยใู่ นหลอดอาหาร › การใหอ้ าหารทางสายเรว็ เกินไป เกดิ การหดเกรง็ ของกระเพาะอาหาร › มลี มเข้าไปขณะใหอ้ าหารทาให้ผูป้ ว่ ยท้องอดื เป็นสาเหตใุ ห้เกดิ การอาเจยี นได้ › การจัดทา่ ไม่เหมาะสม คือ ผู้ป่วยอยู่ในทา่ ศรี ษะสงู

 ทอ้ งเสยี (Diarrhea) เกิดไดห้ ลายสาเหตุ คอื › ผปู้ ่วยที่ไม่มีน้ายอ่ ยสาหรบั ยอ่ ยนม ถ้าสตู รอาหาร เหลวมนี มผสม จะทาให้ผูป้ ว่ ยทอ้ งเสีย › อาหารเหลวท่ีได้จากการปนเปื้อนเชือ้ แบคทเี รยี หรอื จากการเกบ็ อาหารเหลวไมถ่ กู ต้อง ทาให้ อาหารเหลวบดู › การให้อาหารเหลวในอัตราการไหลท่ีเรว็ เกินไป และผู้ป่วยมีปัญหาในการยอ่ ยและการดูดซมึ  ทอ้ งผูก (Constipation) ปัญหาทอ้ งผูกเกิดขน้ึ เน่ืองจากการ ขาดใยอาหารและ ไดร้ ับนา้ ไมเ่ พียงพอ  การติดเชือ้ ในปอด หลอดลม เกิดจากการสาลักอาหาร จากเทคนิคการให้อาหารที่ ไม่ถกู ต้องไมไ่ ดท้ ดสอบตาแหน่งของสายก่อนใหอ้ าหาร  Electrolyte imbalance  ผลจากท้องเดนิ หรอื อาหารเขม้ ขน้ เกนิ ไปโดยเฉพาะโปรตีน









 รับคาสัง่ การรักษา พยาบาลตรวจเช็คคาสัง่ การใหย้ าใน Doctor’s order sheet หลงั จากน้นั คดั ลอกกาสง่ั การให้ยาลงใน medication administration record (MAR) หากมขี อ้ สงสัยเก่ยี วกบั คาสัง่ การรักษาใหส้ อบถามกับแพทย์ โดยตรง เซ็นชือ่ รบั คาสั่งการรักษา และทาเบิกยาไปหอ้ งยา  การรับยาและการตรวจสอบยา เมอ่ื ได้รบั ยามาแล้วต้องทาการตรวจเช็คยาโดยดู ข้อมลู หน้าซองยา ชนิด ของยาในซองยากบั ใบ MAR หรือ Doctor’s order sheet จากนัน้ เก็บยาของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย  การเตรยี มยาและการให้ยาโดยแบง่ ออกเปน็ การบรหิ ารยารับประทานและการ เตรยี มยาฉีด โดยการเตรยี มยาจะต้องเตรยี มดว้ ยพยาบาลสองคน และปฏบิ ัติ ตามหลกั 5R  การตดิ ตามหลงั การให้ยา ตดิ ตามอาการผดิ ปกตภิ ายหลงั ใหย้ า

 คาสง่ั ครัง้ เดยี วใชไ้ ด้ตลอดไป (continuous order)  คาสั่งใช้ภายในวันเดยี วเป็นคาสงั่ ทใี่ ชไ้ ดใ้ น 1 วัน และ stat.

DOCTOR’ S ORDER SHEET AND PROGRESS NOTE Cloxacillin (250 mg.) 1 tab.  t.i.d. p.c. PROGRESS NOTE ORDER FOR ONE DAY DATE ORDER FOR CONTINUATION  ช่ือของผปู้ ว่ ย - Admit อายรุ กรรมหญิง 16 ม.ิ ย.59 - soft diet  วนั ที่เขยี นคาสงั่ การสั่งการรกั ษา Date…….Time……….BW…….Kg.  ชื่อของยา S:…………………………………………… - CBC, LFT, UA, UC - I/O  ขนาดของยา …………………………………………… - CXR, EKG - Paracetamol (500 mg.) 1 tab.   วถิ ีทางการใหย้ า O:…………………………………………. - 5%DN/2 1,000 cc. vein drip prn. For pain  เวลาและความถ่ใี นการใหย้ า …………………………………………… in 8 hr. x ll - Cefazolin 2 gm. Vein q 8 hr.  ลายมือผ้สู ง่ั ยา …………………………………………… A:………………………………………….. สญั ญา …………………………………………… ว.1234 …………………………………………… P:………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. ลงช่อื ............................. Dr…………………..Dr…………………. Dr…………………..Dr…………………. ALLREGY …………………………………………….. …………………………………………….. Date…….Time……….BW…….Kg. S:…………………………………………… …………………………………………… O:…………………………………………. …………………………………………… …………………………………………… A:………………………………………….. …………………………………………… …………………………………………… P:………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. ลงช่อื ............................. Dr…………………..Dr…………………. Dr…………………..Dr…………………. ALLREGY …………………………………………….. …………………………………………….. หมายเหตุ : กรุณาระบุคาสง่ั OFF ในวันที่ OFF โดยไม่ตอ้ งย้อนกลับไปยกเลกิ คาส่งั

 ให้ยาถกู ผ้ปู ่วย (right patient)  ให้ยาถกู ชนิด (right drug)  ให้ยาถูกขนาด (right dose)  ให้ยาถูกเวลา (right time)  ให้ยาถูกทางและถกู วธิ ี (right route and method)

 1 g = 1000 mg 60 mg = 1gr.  1 ml = 15 drop 5 cc = 1 ชอ้ นชา  1 ชอ้ นโตะ๊ = 3 ชอ้ นชา 30 cc = 1 ounce วถิ ที างใหย้ า IV v = ทางหลอดเลือดดา supp. = suppository, ยาเหนบ็  PO = รับประทานทางปาก KVO = keep vein open  IM m = ทางกลา้ มเนอ้ื  SC = ทางใตผ้ ิวหนัง  S.L. = sublingual  NPO = nothing by mouth

 a.c. ก่อนอาหาร  p.c. หลังอาหาร  O.D. วันละครง้ั  b.i.d. วันละ 2 ครัง้  t.i.d. วนั ละ 3 ครงั้  q.i.d. วันละ 4 คร้ัง  h.s. กอ่ นนอน  PRN ใหเ้ ม่อื จาเปน็  stat ทนั ทีทันใด  q ทุก





การหยอดหู การหยอดจมกู การพน่ ยา















 5% DN/2 1,000 ml. vein drip in 8 hrs. (20 drop/ml.)  Cloxacillin 1 gm. + 0.9%NSS 100 ml. drip in 30 min.

 การรวั่ หรอื การไหลของสารละลายออกนอกหลอดเลอื ดดา (Infiltration) พบสารละลายไหลช้าลงหรอื ไม่ไหล บรเิ วณแทงเขม็ จะบวม ซีด เย็นและปวด ถ้าพบหยดุ ให้สารละลายทนั ที เปลีย่ นตาแหนง่ ให้ใหม่ และประคบ ความร้อน  การอกั เสบของหลอดเลอื ดดา (Phlebitis) จากการชอกช้าจากเขม็ เคล่ือนไปถกู ผนงั หลอดเลือด /ได้รบั ยาทมี่ ี ความเขม้ ข้นสูง  การเกิดล่มิ เลอื ดที่ผนังด้านในของหลอดเลอื ด (Thrombosis) มีอาการปวด บวม ตึง ตรงตาแหนง่ ท่ใี ห้/ สารละลายหยดุ ไหล ถ้าพบหา้ มถูนวด เนือ่ งจากอาจทาใหล้ ิ่มเลือดหลดุ เขา้ กระแสเลอื ดเกดิ Thromboembolismได้ หา้ มดดู หรอื ฉดี สารน้าผา่ นเขม็ เพราะลม่ิ เลอื ดจะหลุดเข้าไปในหลอดเลอื ด  ภาวะทม่ี สี ารละลายจานวนมากในกระแสเลอื ด (Circulatory overload) เนือ่ งจากให้สารละลายจานวน มาก/เร็วเกินไป พบหลอดเลือดดาที่คอโป่งพอง หายใจลาบาก ชีพจรและความดันโลหติ เพิม่ ขน้ึ ควรcontrol drop ของสารนา้ ท่ีใหท้ กุ คร้งั  Pyrogenic reaction เป็นอาการไขท้ ่เี กดิ จากสารละลายและเคร่ืองใช้ที่ให้ปนเปอ้ื นเช้ือ พบไข้สงู ทนั ที หนาว สนั่ ชพี จรเรว็ ปวดศรี ษะ ปวดหลัง คลน่ื ไส้ อาเจยี น หลงั ใหส้ ารละลาย 30 นาที – 1 ชว่ั โมง ถา้ พบหยดุ ให้สารละลายทนั ที ตรวจสอบสัญญาณชพี ดูแลใหค้ วามอบอนุ่ รายงานแพทย์ และส่งสารละลาย ชดุ ให้ สารละลายไปเพาะเช้อื  ฟองอากาศเข้าไปอยู่ในหลอดเลือด (air embolism) มกั เกิดหลอดเลอื ดแฟบแบนทันที คอื อาการเขียวคล้า จากการขาดออกซเิ จน ชีพจรเบาเรว็ ความดันเลอื ดต่า ไม่รสู้ ึกตัว อาจตายได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook