ให้ผู้ปว่ ยขับถา่ ยก่อน เพ่อื ปอ้ งกนั การปวดถา่ ยระหว่างรบั ประทานอาหาร ทาความสะอาดปาก ฟัน ลา้ งหน้าและมือ จดั สงิ่ แวดลอ้ มให้บรรยากาศสดชนื่ เชน่ เปดิ เพลงเบาๆ กาจดั สงิ่ ทีน่ ่ารังเกยี จหรอื กลนิ่ ทไี่ ม่พึงประสงค์ เช่น หม้อนอน ชามรปู ไตที่ ใสส่ ิง่ คดั หลง่ั จดั ท่าใหผ้ ปู้ ่วยสบายท่สี ดุ และเหมาะแก่การรับประทานอาหาร ถ้านัง่ ได้ ให้ นั่งเกา้ อห้ี รือบนเตียง ถา้ นัง่ ไม่ได้ใหไ้ ขหัวเตียงใหส้ งู ขน้ึ ให้ผ้ปู ่วยพิง อาจใช้ ผ้ารองใต้คางกนั อาหารเปือ้ นเสือ้
ตรวจสอบอาหารท่เี ตรยี มเสรจ็ แลว้ ใหถ้ กู ตอ้ งแต่ละคน บอกใหผ้ ูป้ ่วยทราบถงึ ชนิดของ อาหาร โดยเฉพาะผูป้ ่วยท่มี องไม่เหน็ ใหผ้ ูป้ ่วยรบั ประทานชา้ ๆ ไม่รบี รอ้ น ไม่แสดงอาการรงั เกยี จท่ตี อ้ งป้ อนอาหารผูป้ ่วย หรอื จอ้ งปากผูป้ ่วยจนทาใหผ้ ูป้ ่วยอดึ อดั ไม่ใหอ้ าหารรอ้ นจดั เกนิ ไป ไม่ทาน้าแกง เครอ่ื งด่ืมหกลงในอาหาร หรอื ทาอาหารหกเป้ื อนถาด ใหอ้ าหารทลี ะนอ้ ยเป็นชนิดไป อย่าปนกนั จนไม่ทราบว่าเป็นอาหารชนิดใดบา้ ง
ควรใชช้ อ้ นตกั อาหาร ถา้ จาเป็นตอ้ งใชม้ ือ ควรลา้ งมือใหส้ ะอาดและเช็ดใหแ้ หง้ กอ่ น ระหว่างท่รี บั ประทานอาหาร ควรใหน้ ้าแกงรว่ มดว้ ย เพอ่ื ไม่ใหฝ้ ืดคอและกลนื สะดวกข้ึน ระหวา่ งป้ อนอาหารอาจใหค้ วามรูเ้ รอ่ื งเก่ยี วกบั อาหารหรอื สนทนาบา้ ง สาหรบั ผูส้ ูงอายุและเด็ก ควรใหเ้ วลาเค้ยี วนานข้ึนและป้ อนอาหารคาเลก็ ลง สาหรบั ผูป้ ่วยท่รี บั ประทานอาหารเองไม่ได้ พยาบาลจะป้ อนให้ แต่ตอ้ งอธบิ ายให้ ผูป้ ่วยเขา้ ใจวา่ ถา้ ระยะท่ชี ่วยตนเองไดค้ วรรบั ประทานเอง จดั เวลาใหเ้ พยี งพอสาหรบั ผูป้ ่วยท่มี ีอาการกลนื ลาบาก และตอ้ งมีคนอยูด่ ว้ ยขณะ รบั ประทานอาหาร
ผูป้ ่วยท่ตี ามองไม่เหน็ สามารถรบั ประทานอาหารเองได้ พยาบาลจะตอ้ งบอกชนิด ของอาหารและตาแหน่งท่วี างจดั อาหารใหใ้ กลม้ ือผูป้ ่วย ถา้ ผูป้ ่วยลกุ เดินได้ ควรจดั โตะ๊ ใหร้ บั ประทานอาหารรว่ มกนั ถา้ ผูป้ ่วยเป็นโรคตดิ ตอ่ ควรจดั อาหารแยก เวลาป้ อนอาหารพยาบาลควรระวงั การ ตดิ เช้ือสูต่ นเองดว้ ย ภายหลงั รบั ประทานอาหารแลว้ ใหผ้ ูป้ ่วยลา้ งมือและปากใหส้ ะอาด บนั ทกึ ชนิดและจานวนอาหารท่ไี ดร้ บั แตล่ ะม้ือ
การให้นมทารก › ผ้ใู ห้นมควรนงั่ เกา้ อท้ี ีม่ พี นักพงิ และสงู พอควร › อ้มุ เด็กดว้ ยมือข้างท่ีถนดั โดยใหศ้ ีรษะและคอเด็กอยูต่ รงขอ้ พบั ศอก ฝ่ามอื ช้อนตรงขาไว้ มอื อีกข้างถอื ขวดนม › ก่อนจะใหน้ มเด็กควรทดสอบอณุ หภูมกิ ่อน โดยหยดนมทข่ี ้อมือด้านในของผใู้ ห้ ถา้ ร้อน เกินไป ควรแช่นา้ ใหอ้ นุ่ › ยกขวดนมให้สูง 45o แน่ใจวา่ นา้ นมเต็มหัวนมจึงใสป่ ากทารก › ขณะให้นมตอ้ งระวงั ไมใ่ ห้เตา้ นมหรอื ขวดนมปดิ จมูกเดก็ › หลังจากเดก็ ดูดนมไปประมาณครง่ึ หน่งึ ควรจบั ให้เดก็ เรอ โดยใหเ้ ดก็ นงั่ และลูบหลงั หรอื ใชก้ ารอมุ้ พาดบา่ โดยใหศ้ ีรษะอยู่ทบ่ี า่ แล้วลบู หลงั เบาๆ › ในกรณที ีเดก็ ปว่ ย อมุ้ ขึ้นจากเตยี งไมไ่ ด้ ใชม้ อื ชอ้ นศีรษะเดก็ ใหส้ ูงและปอ้ นขวดนมให้ ไม่ ควรนาขวดนมใสป่ ากเดก็ โดยไมม่ ใี ครอยู่ด้วย เพราะเดก็ อาจดูดอากาศเขา้ ไป หรอื ดดู เร็ว เกนิ ไปทาให้สาลักจนเสยี ชวี ิตได้
ในผ้ใู หญห่ รือเดก็ โต › พยุงให้ด่ืมน้าโดยสอดมือใตบ้ ่า ให้นา้ หนกั ผ้ปู ว่ ยอยทู่ ่แี ขนของพยาบาล › ยกศรี ษะผู้ป่วยจากหมอน มอื อกี ข้างถอื ถว้ ยน้าหรืออาหารเหลวป้อนให้ ผปู้ ว่ ย › ให้ผู้ป่วยจับถว้ ยไดถ้ ้าต้องการ › ถา้ ยกศีรษะไมไ่ ด้เลยให้รับประทานด้วยชอ้ น หลอดกาแฟหรือกาที่มพี วยยาว หรือใช้แก้วนา้ › อย่าลมื ใหผ้ ปู้ ่วยหยุดหายใจหรอื พกั บา้ ง เพราะถ้าดมื่ รวดเดียวหรือเร็วเกินไป จะทาใหอ้ าเจยี นหรอื สาลกั ได้
เพื่อให้อาหารและยาแก่ผ้ปู ว่ ยท่ไี มส่ ามารถรบั ประทานอาหารทางปากได้ เพ่ือดดู นา้ ย่อย และกา๊ ซออกจากกระเพาะอาหารลดอาการแน่นทอ้ ง (gastric suction) เพอ่ื ดดู น้าย่อยในกระเพาะอาหารออกมาตรวจ (gastric analysis) เพ่ือใสส่ ารละลายในการล้างกระเพาะอาหารในผ้ปู ่วนท่รี ับประทานสารพิษ หรอื ยาเกินขนาด (gastric lavage/ Irrigation) เพือ่ หยุดการออกของเลือดในหลอดอาหาร(Decompress)ด้วยสายทีม่ ีลกู โปร่งที่ปลายสายรบั ประทานอาหารทางปากได้
ผู้ทมี่ ปี ัญหาทางระบบประสาทเป็นเหตใุ ห้ได้รับอาหารนอ้ ย ผปู้ ว่ ยที่รับประทานไดน้ ้อยหรือไมย่ อมรับประทานจากสาเหตใุ ดกต็ าม ผ้ทู ีม่ คี วามตอ้ งการอาหารเพม่ิ ขึ้นกว่าภาวะปกตอิ ย่างมาก เชน่ ภาวะไฟ ไหม้ นา้ ร้อนลวก หรือโรคตดิ เชอื้ อย่างรุนแรง ฯลฯ ผ้ปู ่วยโรคมะเร็ง ซึ่งไดร้ ับการรักษาโดยยาต้านมะเรง็ หรอื การฉายรงั สเี พ่อื บาบัดโรค ผูป้ ว่ ยโรคลาไส้ หรือมรี ูติดตอ่ ระหวา่ งลาไส้กบั ผวิ หนัง
สตู รน้านมผสม (milk-based formulas) มนี า้ นมและ ผลติ ภณั ฑน์ มเปน็ ส่วนประกอบท่สี าคัญ สูตรอาหารปน่ั ผสม (Blenderized diet) เป็นสูตรอาหารท่ี ประกอบด้วย เนื้อสตั ว์ ผกั ผลไม้ ไข่ ไขมันสตั ว์ นา้ มนั พืช นา้ ตาล และ คาร์โบไฮเดรตป่ันผสมเขา้ ด้วยกัน โดยมอี ตั ราส่วนซีซตี ่อกโิ ลแคลอลี คือ 1:1, 1.5:1, 2:1 ความหมายคือ1.5:1 คือ 1 ซีซีต่อ 1.5 กโิ ลแคลอลี สูตรอาหารสาเรจ็ รปู (Commercial formulas) ซ่ึงผลิตขายโดยบรษิ ัท ผลิตนมและอาหารสาเร็จรปู มีทัง้ ชนิดทเ่ี ปน็ ผงและเปน็ ของเหลว
Naso – enteric tube feeding › Nasogastric tube feeding เปน็ การใส่สายให้อาหารทางจมูกผ่านหลอดอาหาร เขา้ ไป ถึงกระเพาะอาหาร › Nasojejunal tube feeding เป็นการใส่สายใหอ้ าหารทางจมูกผา่ นหลอดอาหาร เข้า ไปถงึ ลาไสเ้ ล็กสว่ น jejunum Gastrostomy tube feeding เปน็ การใสส่ ายให้อาหารผ่านทางหนา้ ท้องเขา้ ไปถึงกระเพาะอาหาร ในรายผปู้ ่วยทไี่ มส่ ามารถใส่สายผ่านทางหลอดอาหารได้ จมกู และทาให้เด็กหายใจไมส่ ะดวก ขาดอากาศได้ Orogastric tube feeding เป็นการใส่สายใหอ้ าหารเขา้ ทางปาก ผ่านหลอด อาหารเขา้ ไปในกระเพาะอาหาร ในผู้ปว่ ยเดก็ ทารกแรกเกดิ ที่มนี า้ หนักตัวนอ้ ย เพอ่ื ให้นมผสม เน่ืองจากเดก็ ทารกรูจมูกจะเล็กมาก รวมท้ังเย่อื บุจมกู จะบาง มาก ถา้ ใสเ่ ขา้ ทางจมูกจะเกิดการบาดเจ็บต่อเจบ็ ต่อเยอื่ บุ
ปลายสายให้อาหารเล่ือนออกมาอยใู่ นหลอดอาหาร หรอื เข้าไปใน หลอดลม ถ้าพยาบาลที่จะใหอ้ าหารทางสายไม่ไดท้ ดสอบปลายสาย ก่อนใหอ้ าหารจะทาให้เกิดภาวะแทรกซอ้ นจากการทอ่ี าหารเหลวเขา้ ไป ในหลอดลมหรือถา้ ปลายสายอย่ใู นหลอดอาหารจะทาให้ผู้ป่วยอาเจียน และสาลักอาหารได้ อาเจียน (Vomiting) เน่อื งจาก › ปลายสายเล่ือนมาอยใู่ นหลอดอาหาร › การใหอ้ าหารทางสายเรว็ เกินไป เกดิ การหดเกรง็ ของกระเพาะอาหาร › มลี มเข้าไปขณะใหอ้ าหารทาให้ผูป้ ว่ ยท้องอดื เป็นสาเหตใุ ห้เกดิ การอาเจยี นได้ › การจัดทา่ ไม่เหมาะสม คือ ผู้ป่วยอยู่ในทา่ ศรี ษะสงู
ทอ้ งเสยี (Diarrhea) เกิดไดห้ ลายสาเหตุ คอื › ผปู้ ่วยที่ไม่มีน้ายอ่ ยสาหรบั ยอ่ ยนม ถ้าสตู รอาหาร เหลวมนี มผสม จะทาให้ผูป้ ว่ ยทอ้ งเสีย › อาหารเหลวท่ีได้จากการปนเปื้อนเชือ้ แบคทเี รยี หรอื จากการเกบ็ อาหารเหลวไมถ่ กู ต้อง ทาให้ อาหารเหลวบดู › การให้อาหารเหลวในอัตราการไหลท่ีเรว็ เกินไป และผู้ป่วยมีปัญหาในการยอ่ ยและการดูดซมึ ทอ้ งผูก (Constipation) ปัญหาทอ้ งผูกเกิดขน้ึ เน่ืองจากการ ขาดใยอาหารและ ไดร้ ับนา้ ไมเ่ พียงพอ การติดเชือ้ ในปอด หลอดลม เกิดจากการสาลักอาหาร จากเทคนิคการให้อาหารที่ ไม่ถกู ต้องไมไ่ ดท้ ดสอบตาแหน่งของสายก่อนใหอ้ าหาร Electrolyte imbalance ผลจากท้องเดนิ หรอื อาหารเขม้ ขน้ เกนิ ไปโดยเฉพาะโปรตีน
รับคาสัง่ การรักษา พยาบาลตรวจเช็คคาสัง่ การใหย้ าใน Doctor’s order sheet หลงั จากน้นั คดั ลอกกาสง่ั การให้ยาลงใน medication administration record (MAR) หากมขี อ้ สงสัยเก่ยี วกบั คาสัง่ การรักษาใหส้ อบถามกับแพทย์ โดยตรง เซ็นชือ่ รบั คาสั่งการรักษา และทาเบิกยาไปหอ้ งยา การรับยาและการตรวจสอบยา เมอ่ื ได้รบั ยามาแล้วต้องทาการตรวจเช็คยาโดยดู ข้อมลู หน้าซองยา ชนิด ของยาในซองยากบั ใบ MAR หรือ Doctor’s order sheet จากนัน้ เก็บยาของผปู้ ว่ ยแตล่ ะราย การเตรยี มยาและการให้ยาโดยแบง่ ออกเปน็ การบรหิ ารยารับประทานและการ เตรยี มยาฉีด โดยการเตรยี มยาจะต้องเตรยี มดว้ ยพยาบาลสองคน และปฏบิ ัติ ตามหลกั 5R การตดิ ตามหลงั การให้ยา ตดิ ตามอาการผดิ ปกตภิ ายหลงั ใหย้ า
คาสง่ั ครัง้ เดยี วใชไ้ ด้ตลอดไป (continuous order) คาสั่งใช้ภายในวันเดยี วเป็นคาสงั่ ทใี่ ชไ้ ดใ้ น 1 วัน และ stat.
DOCTOR’ S ORDER SHEET AND PROGRESS NOTE Cloxacillin (250 mg.) 1 tab. t.i.d. p.c. PROGRESS NOTE ORDER FOR ONE DAY DATE ORDER FOR CONTINUATION ช่ือของผปู้ ว่ ย - Admit อายรุ กรรมหญิง 16 ม.ิ ย.59 - soft diet วนั ที่เขยี นคาสงั่ การสั่งการรกั ษา Date…….Time……….BW…….Kg. ชื่อของยา S:…………………………………………… - CBC, LFT, UA, UC - I/O ขนาดของยา …………………………………………… - CXR, EKG - Paracetamol (500 mg.) 1 tab. วถิ ีทางการใหย้ า O:…………………………………………. - 5%DN/2 1,000 cc. vein drip prn. For pain เวลาและความถ่ใี นการใหย้ า …………………………………………… in 8 hr. x ll - Cefazolin 2 gm. Vein q 8 hr. ลายมือผ้สู ง่ั ยา …………………………………………… A:………………………………………….. สญั ญา …………………………………………… ว.1234 …………………………………………… P:………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. ลงช่อื ............................. Dr…………………..Dr…………………. Dr…………………..Dr…………………. ALLREGY …………………………………………….. …………………………………………….. Date…….Time……….BW…….Kg. S:…………………………………………… …………………………………………… O:…………………………………………. …………………………………………… …………………………………………… A:………………………………………….. …………………………………………… …………………………………………… P:………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. ลงช่อื ............................. Dr…………………..Dr…………………. Dr…………………..Dr…………………. ALLREGY …………………………………………….. …………………………………………….. หมายเหตุ : กรุณาระบุคาสง่ั OFF ในวันที่ OFF โดยไม่ตอ้ งย้อนกลับไปยกเลกิ คาส่งั
ให้ยาถกู ผ้ปู ่วย (right patient) ให้ยาถกู ชนิด (right drug) ให้ยาถูกขนาด (right dose) ให้ยาถูกเวลา (right time) ให้ยาถูกทางและถกู วธิ ี (right route and method)
1 g = 1000 mg 60 mg = 1gr. 1 ml = 15 drop 5 cc = 1 ชอ้ นชา 1 ชอ้ นโตะ๊ = 3 ชอ้ นชา 30 cc = 1 ounce วถิ ที างใหย้ า IV v = ทางหลอดเลือดดา supp. = suppository, ยาเหนบ็ PO = รับประทานทางปาก KVO = keep vein open IM m = ทางกลา้ มเนอ้ื SC = ทางใตผ้ ิวหนัง S.L. = sublingual NPO = nothing by mouth
a.c. ก่อนอาหาร p.c. หลังอาหาร O.D. วันละครง้ั b.i.d. วันละ 2 ครัง้ t.i.d. วนั ละ 3 ครงั้ q.i.d. วันละ 4 คร้ัง h.s. กอ่ นนอน PRN ใหเ้ ม่อื จาเปน็ stat ทนั ทีทันใด q ทุก
การหยอดหู การหยอดจมกู การพน่ ยา
5% DN/2 1,000 ml. vein drip in 8 hrs. (20 drop/ml.) Cloxacillin 1 gm. + 0.9%NSS 100 ml. drip in 30 min.
การรวั่ หรอื การไหลของสารละลายออกนอกหลอดเลอื ดดา (Infiltration) พบสารละลายไหลช้าลงหรอื ไม่ไหล บรเิ วณแทงเขม็ จะบวม ซีด เย็นและปวด ถ้าพบหยดุ ให้สารละลายทนั ที เปลีย่ นตาแหนง่ ให้ใหม่ และประคบ ความร้อน การอกั เสบของหลอดเลอื ดดา (Phlebitis) จากการชอกช้าจากเขม็ เคล่ือนไปถกู ผนงั หลอดเลือด /ได้รบั ยาทมี่ ี ความเขม้ ข้นสูง การเกิดล่มิ เลอื ดที่ผนังด้านในของหลอดเลอื ด (Thrombosis) มีอาการปวด บวม ตึง ตรงตาแหนง่ ท่ใี ห้/ สารละลายหยดุ ไหล ถ้าพบหา้ มถูนวด เนือ่ งจากอาจทาใหล้ ิ่มเลือดหลดุ เขา้ กระแสเลอื ดเกดิ Thromboembolismได้ หา้ มดดู หรอื ฉดี สารน้าผา่ นเขม็ เพราะลม่ิ เลอื ดจะหลุดเข้าไปในหลอดเลอื ด ภาวะทม่ี สี ารละลายจานวนมากในกระแสเลอื ด (Circulatory overload) เนือ่ งจากให้สารละลายจานวน มาก/เร็วเกินไป พบหลอดเลือดดาที่คอโป่งพอง หายใจลาบาก ชีพจรและความดันโลหติ เพิม่ ขน้ึ ควรcontrol drop ของสารนา้ ท่ีใหท้ กุ คร้งั Pyrogenic reaction เป็นอาการไขท้ ่เี กดิ จากสารละลายและเคร่ืองใช้ที่ให้ปนเปอ้ื นเช้ือ พบไข้สงู ทนั ที หนาว สนั่ ชพี จรเรว็ ปวดศรี ษะ ปวดหลัง คลน่ื ไส้ อาเจยี น หลงั ใหส้ ารละลาย 30 นาที – 1 ชว่ั โมง ถา้ พบหยดุ ให้สารละลายทนั ที ตรวจสอบสัญญาณชพี ดูแลใหค้ วามอบอนุ่ รายงานแพทย์ และส่งสารละลาย ชดุ ให้ สารละลายไปเพาะเช้อื ฟองอากาศเข้าไปอยู่ในหลอดเลือด (air embolism) มกั เกิดหลอดเลอื ดแฟบแบนทันที คอื อาการเขียวคล้า จากการขาดออกซเิ จน ชีพจรเบาเรว็ ความดันเลอื ดต่า ไม่รสู้ ึกตัว อาจตายได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: