Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์ไทย

ประวัติศาสตร์ไทย

Published by บุศยา ผาภู, 2020-08-26 04:40:23

Description: ประวัติศาสตร์ไทย

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๓ ประวตั ศิ าสตร์ไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๔-๖ กล่มุ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ ๑_หลักสูตรวชิ าประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ๒_แผนการจดั การเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๗_ การวดั และประเมนิ ผล ๘_เสรมิ สาระ ๙_สือ่ เสรมิ การเรียนรู้

๑หนว่ ยการเรียนรู้ที่ เวลาและยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์ไทย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ • ตระหนักถึงความสาคัญของเวลาและยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตรท์ ่แี สดงถึงการเปล่ียนแปลงของมนษุ ยชาติได้

เวลา ยุคสมยั และศักราชในประวตั ศิ าสตร์ไทย ความหมายและความสาคัญของประวตั ศิ าสตรไ์ ทย • ประวตั ิศาสตร์ คือ การศึกษาเรือ่ งราวหรอื ประสบการณข์ องมนษุ ยใ์ นอดตี จากหลักฐานตา่ งๆ เป็นเร่ืองราวในทุกเร่ืองทกุ ด้านท่มี นุษยไ์ ดท้ า คิด และสรา้ งสรรค์ สง่ ผลต่อมนษุ ยท์ งั้ ในอดีต และปจั จบุ นั • การศึกษาประวตั ิศาสตรม์ ีความสาคญั โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ประวัติศาสตรไ์ ทย เพราะทาให้ ร้สู กึ ถึงความเป็นชาติ รากเหงา้ ของตน เกิดความเขา้ ใจและภาคภมู ิใจในชาติ เห็นขอ้ บกพรอ่ ง ความผิดพลาด ความสาเร็จ ความดีงาม และความเสยี สละของบรรพบุรุษ • ประวัติศาสตรท์ ีผ่ ่านมาถือเปน็ บทเรียนท่มี คี า่ ท่ีสามารถนามาเปน็ แนวทางปฏบิ ตั ใิ นปัจจบุ นั เรยี กวา่ เปน็ การศึกษาอดีต เพือ่ เข้าใจปัจจุบัน และเปน็ แนวทางในอนาคต

การกาหนดช่วงเวลาและยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ การกาหนดชว่ งเวลาเพอื่ ให้เกิดความเขา้ ใจท่ตี รงกนั • การแบง่ เวลาเป็นชว่ ง ๑๐ ปี หรือทศวรรษ, ๑๐๐ ปี หรอื ศตวรรษ, ๑๐๐๐ ปี หรือสหัสวรรษ • การกาหนดเวลาเปน็ ปีศักราช เช่น พทุ ธศักราช (พ.ศ.), คริสตศ์ กั ราช (ค.ศ.), ฮจิ เราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) • การกาหนดยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ เช่น สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ (เวลาท่มี นษุ ยย์ ังไมม่ ีตวั อกั ษรใช้) สมัยประวัตศิ าสตร์ (เวลาที่มนษุ ย์เรม่ิ คดิ ประดษิ ฐต์ ัวอกั ษรใชแ้ ล้ว)

ความสาคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ การกาหนดชว่ งเวลาและยุคสมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ ๑ • บอกให้รูว้ า่ เหตุการณต์ ่างๆ ในประวตั ิศาสตรเ์ กิดขน้ึ มานานเท่าใด ๒ • บอกใหร้ วู้ ่าเหตกุ ารณใ์ ดเกิดขึ้นกอ่ นหรอื หลัง เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั เหตกุ ารณ์อืน่ ๆ ๓ • ทาให้สามารถวิเคราะหถ์ ึงสาเหตแุ ละผลของเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ ๔ • เมอ่ื วิเคราะหถ์ ึงสาเหตแุ ละผลได้ จะทาให้เข้าใจถงึ เหตุการณ์ ได้ชดั เจนและถูกต้องมากข้นึ

การนบั และเทียบศกั ราชในประวัตศิ าสตร์ไทย การนบั ศกั ราช พทุ ธศักราช (พ.ศ.) • เป็นศกั ราชทางพระพุทธศาสนา นิยมใช้ในหลายประเทศทีน่ ับถอื พระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจาชาติ ประเทศไทยเรม่ิ ใชต้ ัง้ แตส่ มยั อยุธยาในสมยั สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช และใชอ้ ย่างแพร่หลายเป็นแบบอยา่ งของทางราชการตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๔๕๕ ในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัวถงึ ปจั จบุ ัน มหาศักราช (ม.ศ.) • เปน็ ศกั ราชท่ีพระเจา้ กนิษกะ กษัตริย์อินเดยี มีพระราชดารขิ นึ้ มีการใช้กันแพรห่ ลายไปท่ัวอนิ เดียและประเทศท่ีได้รบั อิทธพิ ล ทางอารยธรรมอินเดยี ประเทศไทยรับ ม.ศ. ผ่านมาทางขอมหรือเขมร ดังปรากฏหลักฐานในหลกั ศิลาจารกึ หลักที่ ๑

การนบั ศกั ราช จุลศักราช (จ.ศ.) • เปน็ ศกั ราชทก่ี ษตั ริย์พมา่ สมัยอาณาจกั รพกุ ามทรงมพี ระราชดาริขึ้นหลังพทุ ธศกั ราช ๑,๑๘๑ ปี มีการแพร่หลายเข้ามายัง ประเทศไทยผา่ นอาณาจกั รลา้ นนา นิยมใช้กนั มากในหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั สโุ ขทัย อยุธยา รตั นโกสนิ ทร์ ตอนต้นและลา้ นนา รตั นโกสนิ ทร์ศก (ร.ศ.) • เป็นศักราชท่พี ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัวมพี ระราชดาริให้บญั ญตั ขิ ้นึ เริ่มใชช้ ว่ งกลางรัชสมัยของพระองค์ และเลิกใชใ้ นตน้ สมัยรัชกาลที่ ๖ โดยเริ่มนับปที ่ีสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์เป็นราชธานี คอื พ.ศ. ๒๓๒๕ เปน็ ร.ศ. ๑

การเทยี บศักราช หลกั เกณฑ์การเทยี บศักราช ม.ศ. + ๖๒๑ = พ.ศ. พ.ศ. - ๖๒๑ = ม.ศ. จ.ศ. + ๑๑๘๑ = พ.ศ. พ.ศ. - ๑๑๘๑ = จ.ศ. ร.ศ. + ๒๓๒๔ = พ.ศ. พ.ศ. - ๒๓๒๔ = ร.ศ.

การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ สมยั ลกั ษณะการแบง่ ชว่ งระยะเวลา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แบ่งตามลกั ษณะ ยคุ หนิ เก่า (ประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปมี าแล้ว) เครื่องมือหนิ ยคุ หนิ ใหม่ (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมาแลว้ ) แบง่ ตามลกั ษณะ ยคุ สาริด (ประมาณ ๔,๐๐๐ - ๒,๕๐๐ ปีมาแลว้ ) เคร่อื งมือโลหะ ยคุ เหล็ก (ประมาณ ๒,๕๐๐ ปีมาแลว้ ) แบ่งตามอาณาจักร สมยั สุโขทยั (ราว พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๐๐๖) หรอื ราชธานี สมยั อยธุ ยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - พ.ศ. ๒๓๑๐) สมัยธนบรุ ี (พ.ศ. ๒๓๑๐ - พ.ศ. ๒๓๒๕) สมัยประวัตศิ าสตร์ แบ่งตามลักษณะ สมัยรตั นโกสนิ ทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปจั จบุ นั ) การปกครอง สมัยสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ (พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๔๗๕) แบง่ ตามหลกั สากล สมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจบุ ัน) สมัยโบราณ (พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๓๙๔) สมยั ใหม่ หรอื สมยั ปรับปรุงประเทศ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - พ.ศ. ๒๔๗๕) สมัยปจั จบุ นั หรอื สมยั ประชาธปิ ไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปจั จบุ นั )

สมยั ก่อนประวัติศาสตรใ์ นประเทศไทย ยคุ หิน ยุคหินเก่า • มอี ายุ ๗๐๐,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว • รู้จกั ใชเ้ คร่ืองมอื หนิ กรวดกะเทาะหน้าเดียว • พบท่บี า้ นแม่ทะและบ้านดอนมลู จ.ลาปาง ทบี่ ้านเกา่ จ.กาญจนบรุ ี แหล่งโบราณคดีผาบงุ้ จ.เชยี งใหม่ ทีถ่ ้าหลังโรงเรยี นทับปริก จ.กระบี่ เปน็ ตน้ ยคุ หินใหม่ • มีอายุระหว่าง ๑๐,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปมี าแลว้ • พบเครอื่ งมือหนิ ขดั ดา้ นหนึ่งคม ดา้ นหนึ่งมน ผิวเรียบ • พบภาชนะดินเผาแบบตา่ งๆ • พบท่ีบา้ นเกา่ จ.กาญจนบรุ ี ทบ่ี ้านเชียง จ.อุดรธานี ทีโ่ คกพนมดี จ.ชลบรุ ี เป็นต้น

ยคุ โลหะ ยุคสาริด • มอี ายรุ ะหว่าง ๔,๐๐๐-๒,๕๐๐ ปลี ่วงมาแลว้ • มนษุ ย์รู้จักนาโลหะสารดิ ท่มี สี ว่ นผสมของทองแดงกับดบี ุก หรอื ตะก่ัวมาทาเคร่อื งมอื เครอื่ งใช้ • พบทบี่ ้านโคกพลับ จ.ราชบุรี ทีบ่ า้ นนาดแี ละทบ่ี า้ นเชียง จ.อดุ รธานี เป็นตน้ ยคุ เหล็ก • เร่มิ เมอื่ ประมาณ ๒,๕๐๐ ปีลว่ งมาแล้ว • สังคมมคี วามซับซอ้ นมากขน้ึ มชี นช้ันทางสังคม มีการติดต่อคา้ ขายกับต่างแดน ผู้คนมวี ถิ ชี วี ิตที่เจริญขน้ึ • พบทีบ่ า้ นดอนตาเพชร จ.กาญจนบุรี บา้ นหนองนาตมู จ.นครราชสมี า เปน็ ต้น

สมัยประวตั ศิ าสตร์ของประเทศไทย สมยั อาณาจกั รโบราณ • เปน็ สมยั ก่อนสโุ ขทยั • จากหลกั ฐานโดยการพบเหรยี ญเงินทีจ่ ารึกวา่ “ศรีทวารวดี ศวรปณุ ยะ” การพบเหรีพบวา่ อาณาจกั ร ทเ่ี กา่ แกท่ ส่ี ดุ คือ อาณาจกั รทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖) • มีศนู ย์กลางอยใู่ นเขตจังหวดั จงั หวัดนครปฐม • อาณาจักรโบราณอื่นๆ เช่น ละโว้ (พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๘ ) ตามพรลงิ ค์ (พทุ ธศตวรรษที่ ๑๓-๑๘) ตัวอยา่ งอาณาจกั ร /พทุ ธศตวรรษที่ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ พุทธศตวรรษท่ี ๑๑ - ๑๖ ทวารวดี พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ - ๑๘ ละโว้ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๘ ตามพรลิงค์ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๓ - ๑๙ ศรีวิชัย

สมัยสโุ ขทยั (ราว พ.ศ. ๑๗๙๒-๒๐๐๖) • เร่มิ ตงั้ แต่สถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัย จนถูกผนวกเข้ากับอยธุ ยา • มีการประดิษฐต์ ัวอักษรไทย • มีการนับถอื พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท ลทั ธิลังกาวงศ์ • มีการจดั ระเบียบการปกครอง • มีการสรา้ งศลิ ปะแบบสโุ ขทยั เช่น เจดีย์ทรงดอกบวั ตมู พระพุทธรปู ปางลลี า

สมยั อยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐) สมัยการวางรากฐานอานาจและเสรมิ สรา้ งความมนั่ คง (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๙๙๑) • เริม่ ตั้งแต่สมยั สมเด็จพระรามาธบิ ดีท่ี ๑ (อ่ทู อง) ถงึ สมัยพระบรมราชาธิราชท่ี ๒ (เจ้าสามพระยา) • เปน็ ช่วงเวลาเริ่มตน้ อาณาจักรจึงมขี นาดเล็ก • สรา้ งความม่ันคงโดยการเปน็ พนั ธมติ รกบั ขอมหรอื เขมรในระยะแรก • มกี ารติดต่อคา้ ขายกับตา่ งประเทศโดยเฉพาะกับจนี

สมัยอยธุ ยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐) สมยั ทมี่ อี านาจทางการเมอื งและความรุ่งเรอื งทางเศรษฐกจิ (พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๒๓๑) • เริ่มต้งั แต่สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถถงึ สมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราช • การปกครองมีความมั่นคงและเป็นระบบยงิ่ ขน้ึ • การติดตอ่ คา้ ขายกบั ตา่ งชาติกวา้ งขวาง ท้ังในทวปี เอเชยี และยโุ รป • เกิดเหตกุ ารณ์เสยี กรงุ ศรีอยธุ ยาครงั้ ท่ี ๑ • มีพระมหากษัตรยิ ท์ ีย่ ่งิ ใหญห่ ลายพระองค์ เช่น สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สมยั อยธุ ยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐) สมยั เส่ือมอานาจ (พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๓๑๐) • เรม่ิ ต้งั แต่สมัยสมเดจ็ พระเพทราชาถงึ สมยั สมเด็จพระที่น่งั สรุ ยิ าศน์อมั รนิ ทร์ (พระเจา้ เอกทัศ) • เป็นชว่ งเวลาทอ่ี ยธุ ยามีความเขม้ แขง็ นอ้ ยลง เน่ืองจากมีการเกดิ กบฏและแยง่ ชิงอานาจกนั ภายใน • เกดิ เหตกุ ารณเ์ สียกรุงศรีอยุธยาครัง้ ท่ี ๒ เป็นการส้ินสดุ สมัยอยธุ ยา • สมัยอยุธยามีอายยุ นื ยาวถึง ๔๑๗ ปี

• การแบง่ เปน็ สมยั ยอ่ ยขา้ งตน้ ทาใหเ้ หน็ ลกั ษณะสาคัญของประวัตศิ าสตรอ์ ยุธยาไดช้ ัดเจน และเขา้ ใจไดด้ ี แตม่ นี ักประวัตศิ าสตรบ์ างท่านกจ็ ดั แบ่งในลกั ษณะอืน่ ด้วย เชน่ แบง่ ตามราชวงศ์ทป่ี กครอง สมยั ช่วงเวลา ๑. สมัยราชวงศอ์ ูท่ อง พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๙๑๓ และ พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๕๒ ๒. สมัยราชวงศ์สพุ รรณภูมิ พ.ศ. ๑๙๑๓ - ๑๙๓๑ และ พ.ศ. ๑๙๕๒ - ๒๑๑๒ ๓. สมยั ราชวงศส์ ุโขทัย พ.ศ. ๒๑๑๒ - ๒๑๗๓ ๔. สมัยราชวงศ์ปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๗๓ - ๒๒๓๑ ๕. สมัยราชวงศ์บา้ นพลหู ลวง พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๓๑๐ • การแบง่ ดังกล่าว ทาให้เห็นได้ชดั ว่าอยุธยาอยู่ภายใตก้ ารปกครองของราชวงศ์ใดบ้าง ราชวงศ์ใดปกครอง ยาวนานทสี่ ุด และอาจเปรยี บเทยี บวา่ ในสมัยราชวงศ์ใดที่อยธุ ยารุง่ เรอื งหรอื เส่อื มอานาจ

สมยั ธนบรุ ี (พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕) • เป็นสมัยกอบกู้อิสรภาพและเอกราชของบา้ นเมือง หลังจากเสียกรุงศรีอยธุ ยาในครง้ั ท่ี ๒ • มีการสรา้ งบา้ นเมืองให้เป็นปึกแผน่ สร้างอานาจข้ึนมาใหม่ • มีการฟน้ื ฟพู ระพุทธศาสนา ศลิ ปกรรม วรรณกรรม มีการเขียนสมุดภาพไตรภมู ิ ฟ้นื ฟูละครหลวง • ในด้านเศรษฐกิจ มกี ารฟืน้ ฟคู วามสัมพนั ธก์ บั จีนเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า • มีการทาสงครามกับพมา่ เกือบตลอดเวลา และยงั ขยายอานาจไปยงั ลา้ นนา ล้านชา้ ง

สมัยรตั นโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปัจจบุ นั ) สมัยรัตนโกสนิ ทรต์ อนต้น (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๙๔) • เปน็ ชว่ งเวลาในสมยั รัชกาลท่ี ๑-๓ หรอื เรยี กว่า “สมยั การทาใหเ้ หมือนเม่อื ครั้งที่บา้ นเมืองด”ี • เกิดกฎหมายตราสามดวงในสมัยรชั กาลท่ี ๑ • มกี ฎหมายห้ามสูบฝ่ินในสมยั รชั กาลที่ ๒ • เกิดการทาสนธิสญั ญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชยก์ บั อังกฤษหรอื สนธิสญั ญาเบอรน์ ียใ์ นสมยั รัชกาลที่ ๓ • สรา้ งพระบรมมหาราชวังและวัดรปู แบบเหมอื นกรงุ ศรีอยธุ ยา • มีการสังคายนาพระไตรปิฎก และออกกฎหมายคณะสงฆ์ • ฟื้นฟูพระราชพธิ ี พระราชประเพณีในสมยั อยธุ ยา และส่งเสรมิ ดา้ นศิลปกรรมและวรรณกรรมตา่ งๆ • ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ได้ทานบุ ารุงพระพุทธศาสนา สรา้ งและบูรณะวดั ขนึ้ จานวนมาก

สมยั รัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปจั จบุ ัน) สมัยรัตนโกสนิ ทรย์ คุ ปรบั ปรงุ ประเทศ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๗๕) • เปน็ ช่วงเวลาในสมัยรัชกาลท่ี ๔-๗ (ถึง พ.ศ. ๒๔๗๕) • สมัยรัชกาลท่ี ๔ เปน็ ช่วงเรม่ิ ปรบั ปรงุ ประเทศ เปดิ การตดิ ต่อกบั ชาติตะวนั ตกอยา่ งเปน็ ทางการ ปรบั ปรุงการ คมนาคม มกี ารตดั ถนน ขุดคลอง • สมัยรชั กาลท่ี ๕ เปน็ ชว่ งปฏริ ูปประเทศในทุกดา้ น ปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดนิ มกี ารเลกิ ทาส พัฒนาการ คมนาคม เกดิ รถไฟ รถราง โทรเลข ประปา • สมยั รัชกาลท่ี ๖ เปน็ ชว่ งนาประเทศเขา้ สสู่ งั คมโลก ส่งทหารเข้าร่วมกับฝา่ ยสมั พันธมติ รในสงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ สร้างแนวคิดให้รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ กาหนดใหใ้ ช้นามสกลุ มีธงไตรรงค์ • สมัยรชั กาลท่ี ๗ เกดิ ปัญหาเศรษฐกจิ ตกต่าท่ัวโลก เกิดกระแสเรยี กร้องประชาธิปไตยเพิม่ มากขึ้น จนนาไปสู่ การเปลีย่ นแปลงการปกครองเปน็ ระบอบประชาธิปไตย

สมัยรตั นโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปจั จุบนั ) สมยั รตั นโกสินทร์สมยั ประชาธปิ ไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปจั จบุ นั ) • เปน็ ช่วงเวลา พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจุบนั • มีการปกครองเปน็ ระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข • มีรฐั ธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสดุ ของประเทศ โดยอานาจการปกครองแบ่งออกเป็น ๓ ฝา่ ย แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิตบิ ัญญตั ิ และฝา่ ยตุลาการ • การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยที่ผ่านมายังไม่ม่นั คงนกั เพราะมกี ารปฏวิ ตั แิ ละรฐั ประหารหลายครง้ั รวมทง้ั มีการ เปลย่ี นแปลงรัฐธรรมนญู หลายฉบับ

ตวั อยา่ งเวลาและยุคสมยั ทปี่ รากฏในหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ไทย การใช้เวลาและศักราช “๑๒๐๕ ศก ปมี ะแม พ่อขุนรามคาแหง หาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้ จึ่งมเี พ่อื ขนุ ผูน้ ้นั ใส่ไว้” ท่มี า : ศลิ าจารกึ สุโขทยั หลักท่ี ๑ จารึกพ่อขุนรามคาแหง หน้า ๓๖. • เวลาทก่ี ลา่ วถงึ ในศลิ าจารึกนี้ ๑๒๐๕ เปน็ มหาศักราช เทียบเปน็ พุทธศกั ราช + ๖๒๑ = ๑๘๒๖ พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงประดิษฐ์อักษรไทย ลายสือไทยจงึ มขี ึน้ เพราะพ่อขนุ รามคาแหง มหาราชคดิ ประดษิ ฐ์ขนึ้ มา

“ศกั ราช ๗๑๒ ขาลศก วัน ฯ๖ ๕ ค่า เวลารุ่งแลว้ ๓ นาฬิกา ๙ บาท แรกสถาปนากรุง พระนครศรีอยธุ ยา” ที่มา : พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบับหลวงประเสริฐฯ หน้า ๕. • ศักราชที่กลา่ วถงึ ๗๑๒ เปน็ จลุ ศักราช เมือ่ เทยี บเปน็ พ.ศ. + ๑๑๘๑ = ๑๘๙๓ วัน ๖ คอื วันศกุ ร์ เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่า ตรงกับวันท่ี ๔ มีนาคม ร่งุ แลว้ ๓ นาฬกิ า ๙ บาท คือ เวลา ๓ นาฬิกา ๕๔ นาที (๑ บาท = ๖ นาที) เปน็ เวลาที่สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๑ (อู่ทอง) ทรงสถาปนาพระนครศรีอยุธยา เปน็ ราชธานี ถือเป็นการเร่ิมตน้ สมัยอยุธยา

“ถึงรัชกาลที่ ๔ เม่ือปีกุน พ.ศ. ๒๓๙๔ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง สถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นพระมหาอุปราช แต่โปรด ให้ยกพระยศข้ึนเป็นอย่างพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หน่ึง ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจา้ อยู่หัว ทรงศกั ด์สิ ูงกวา่ พระมหาอุปราช” ทมี่ า : สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ. พระราชพงศาวดาร รชั กาลที่ ๕ หน้า ๑๗๓. • เวลาท่ีกล่าวถงึ นี้ ชัดเจนอยู่แล้วว่าเปน็ พทุ ธศกั ราชหรือ พ.ศ. ในปนี ้นั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้า เจา้ อยูห่ วั เสดจ็ ข้ึนครองราชสมบตั ิ ทรงสถาปนาพระอนชุ าเปน็ พระมหาอุปราช แตม่ ีพระยศสูงกวา่ พระมหาอุปราช คอื เทียบเทา่ พระเจ้าแผน่ ดิน จึงทรงพระนามวา่ “พระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกลา้ เจา้ อย่หู ัว”

“ไกลบ้าน พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงสมเด็จพระเจ้า ลูกยาเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล เมื่อเสดจ็ ไปประพาสยุโรป ร.ศ. ๑๒๖” • ตวั อยา่ งนี้เป็นขอ้ ความบนปกหนังสอื ไกลบ้าน ซึ่งเป็นเรอื่ งการเสดจ็ ประพาสยโุ รปครั้งท่ี ๒ ของ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เม่ือ ร.ศ. ๑๒๖ หรอื รตั นโกสนิ ทรศ์ ก ๑๒๖ เทียบเป็น พ.ศ. + ๒๓๒๔ = ๒๔๕๐

ตวั อยา่ งเวลาและยคุ สมัยทปี่ รากฏในหลกั ฐานทางประวัติศาสตรไ์ ทย การใช้ยุคสมัย การใชย้ ุคสมัยเป็นชอ่ื หนงั สือ • หนังสือสมยั กอ่ นประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ของศาสตราจารยช์ นิ อยดู่ ี • หนังสอื กฎหมายสมยั อยธุ ยา ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช • หนังสือประชุมศลิ าจารึก ภาคท่ี ๑ จารกึ กรงุ สุโขทัย • พระราชพงศาวดารกรงุ เก่า ฉบับหลวงประเสรฐิ ฯ การใช้ยุคสมัยเพอ่ื อธิบายความ • เพอื่ ให้เกิดความเขา้ ใจงา่ ยตรงกนั โดยไม่ตอ้ งอธบิ ายให้ยืดยาว ในการปรับปรงุ บา้ นเมืองในสมัยรัชกาลท่ี ๑ คอื “ทาใหเ้ หมือนเม่ือครัง้ บา้ นเมอื งดี” หมายถงึ เหมือนในยุคสมยั ท่กี รุงศรีอยุธยามสี นั ตสิ ขุ ภายใน การใช้คาในลักษณะนี้ทาให้ เกิดความสนใจว่า “เหมอื นเม่ือครง้ั บา้ นเมอื งดี” เปน็ อย่างไร

การใช้ยุคสมัยประกอบบทความ • เพ่อื ใหเ้ กิดความเข้าใจตรงกันวา่ บทความนั้นจะศึกษาวเิ คราะห์ประวตั ิศาสตร์ยคุ สมยั ใด ไม่ให้เกดิ ความเขา้ ใจผิด ทง้ั ผู้เขียนและผอู้ า่ น อย่างเชน่ บทความ “การปรับตัวของไทย จีน และญปี่ ่นุ ในยคุ จกั รวรรดนิ ิยมใหม่” จากหนังสอื ไทย จนี ญี่ปุ่น ในยุคจักรวรรดนิ ยิ มใหม่ ของวฒุ ิชยั มูลศิลป์ • ยคุ จักรวรรดินิยมอยูใ่ นช่วงครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๙ ถงึ ตน้ ครสิ ต์ศตวรรษที่ ๒๐ ตรงกับสมยั รชั กาลท่ี ๔ รัชกาลที่ ๕ รัชกาลท่ี ๖ ของไทย สมยั พระนางฉือซี (ซูส)ี เปน็ ผสู้ าเรจ็ ราชการของจนี และสมยั จักรพรรดิเมจิของญ่ีปุน่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook