Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ว่ายน้ำ

ว่ายน้ำ

Published by nice2411, 2021-10-05 15:18:48

Description: ว่ายน้ำ

Search

Read the Text Version

วา่ ยนา้ (swimming) รายวชิ า PE 2201 วา่ ยนา้ เสนอโดย อาจารย์ สุรศกั ด์ิ สงิ หส์ า จดั ทาโดย นาย ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ โพธนิ าม รหสั นกั ศึกษา 63151251

ประวตั กิ ฬี าวา่ ยนา้ ในต่างประเทศ การวา่ ยนา้ ในสมยั ก่อนจงึ ไมม่ รี ูปแบบทแ่ี น่นอนตายตวั เป็นการวา่ ยนา้ แบบอสิ ระ (Free Style) โดยเฉพาะการวา่ ยนา้ เพอ่ื ใหส้ ามารถพยงุ ตนเองได้ โดยการถบี เทา้ ข้นึ -ลงใตน้ า้ พรอ้ มกบั การใชม้ อื สองขา้ งพยุ้ นา้ ข้นึ ลงสลบั กนั ซง่ึ ต่อมามชี ่อื เรยี กวา่ “ท่าลูกหมาตกนา้ ” (Dog Paddle) จากนนั้ กเ็ รม่ิ มกี ารพฒั นากฬี าวา่ ยนา้ ใหม้ รี ูปแบบและลกั ษณะทา่ ทางการว่ายใหส้ ะดวกและรวดเรว็ ข้นึ จนไดร้ บั ความนยิ มอย่างกวา้ งขวาง โดยมลี าดบั การพฒั นาและความ เปลย่ี นแปลงต่างๆ พอสรปุ ได้ ดงั น้ี ปี ค.ศ. 1837 (พ.ศ. 2380) ไดม้ กี ารก่อตง้ั สโมสรวา่ ยนา้ ข้นึ ในประเทศองั กฤษ และลกั ษณะท่าทางของการวา่ ยนา้ ทน่ี ยิ มทวั่ ไปในขณะนนั้ นยิ มวา่ ยกนั แบบกบ ซง่ึ เป็นการเลยี นแบบมาจากการวา่ ยนา้ ของกบ

ประวตั วิ า่ ยนา้ ในประเทศไทย สาหรบั ในประเทศไทย ไดส้ มคั รเขา้ เป็นสมาชกิ ของสหพนั ธว์ า่ ยนา้ โลก เมอ่ื เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) โดยมี น.อ.สุรพล แสงโชติ ทูต ทหารเรอื ไทยในฝรงั่ เศส เป็นผูต้ ดิ ต่อประสานงานไปยงั นายบี ซลั ฟอรส์ (B. Saltfors) ซง่ึ เป็นเลขาธกิ ารฯ ประจาอยู่ทป่ี ระเทศสวเี ดน อนุมตั ิ ใหป้ ระเทศไทยเป็นสมาชกิ อยา่ งถกู ตอ้ ง ในเดอื นเมษายน พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) แต่ก่อนทจ่ี ะเขา้ เป็นสมาชกิ สหพนั ธว์ า่ ยนา้ โลก ไดม้ กี ารก่อตง้ั สมาคมว่ายนา้ สมคั รเลน่ แหง่ ประเทศไทยข้นึ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2500​ ปจั จบุ นั กฬี าวา่ ยนา้ ไดร้ บั ความสนใจจากประชาชนโดยทวั่ ไปอยา่ งกวา้ งขาวง ประกอบกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดบ้ รรจกุ ฬี าวา่ ยนา้ ไวใ้ นหลกั สูตรเกอื บ ทกุ ระดบั โดยในปจั จบุ นั มจี านวนสโมสรทเ่ี ป็นสมาชกิ ของสมาคมวา่ ยนา้ สมคั รเลน่ แห่งประเทศไทยถงึ 56 สโมสร

ชนิดของการแข่งขนั ชนิดของการแขง่ ขนั กฬี าวา่ ยนา้ ไดแ้ ก่ 1. ฟรีสไตล์ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร 2. กรรเชยี ง 100 และ 200 เมตร 3. กบ 100 และ 200 เมตร 4. ผเี ส้อื 100 และ 200 เมตร 5. เดีย่ วผสม 200 และ 400 เมตร 6. ผลดั ฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร 7. ผลดั ผสม 4 x 100 เมตร

ประโยชนข์ องการวา่ ยน้า ประโยชนข์ องการวา่ ยนา้ การวา่ ยนา้ ถอื เป็นกฬี าหรอื กจิ กรรมทส่ี ่งผลดมี ากมาย ทาใหห้ ลายคนช่นื ชอบทจ่ี ะออกกาลงั กายดว้ ยวธิ นี ้ี ซง่ึ ประโยชนจ์ ากการวา่ ยนา้ มดี งั ต่อไปน้ี ประโยชนเ์ พอ่ื สุขภาพ การวา่ ยนา้ เป็นการออกกาลงั กายทด่ี เี ยย่ี มเพราะช่วยใหร้ ่างกายทกุ ส่วนไดเ้คลอ่ื นไหวตา้ นไปกบั นา้ ทาใหร้ ่างกายออกแรงมากข้นึ โดยไมร่ ูส้ กึ เหน่อื ยงา่ ย อกี ทง้ั ยงั ส่งผลดกี บั สุขภาพ เช่น  ช่วยเพม่ิ อตั ราการเตน้ ของหวั ใจโดยทร่ี ่างกายไดร้ บั แรงกระแทกตา่  มสี ว่ นช่วยในการควบคุมนา้ หนกั  เสรมิ สรา้ งการทางานของหวั ใจ และปอดใหแ้ ขง็ แรง  เสรมิ สรา้ งความแขง็ แรงของกลา้ มเน้อื กลา้ มเน้อื เกอื บทกุ มดั ไดถ้ กู ใชง้ าน นอกจากน้ี การวา่ ยนา้ ยงั ส่งผลดกี บั ผูเ้ลน่ ในดา้ นอน่ื ๆ อกี มากมาย ไดแ้ ก่  ผอ่ นคลายความเครยี ด และคลายรอ้ น  เพม่ิ ความยดื หยุ่นใหแ้ ก่ร่างกาย  ปรบั บคุ ลกิ ภาพ และช่วยใหเ้คลอ่ื นไหวร่างกายไดด้ ยี ง่ิ ข้นึ  เป็นกจิ กรรมทช่ี ่วยในการรกั ษาอาการเจบ็ ป่วยบางชนดิ ได้ อกี ทง้ั ยงั เป็นการบาบดั ทร่ี ่างกายไดร้ บั แรงกระแทกไมม่ าก

การสุขาภบิ าลสระว่ายนา้ (ข้นั พืน้ ฐาน)  เตรียมพร้อมก่อนเปิ ดสระ  เฝ้าระวงั สระหากอาศยั อยใู่ นพ้นื ท่ีหนาวติดลบ​  ​ฆ่าเช้ือน้าในสระ  รักษาคา่ ​pH​  ตรวจสอบระดบั น้าในสระ  เคร่ืองทาน้าอุ่นสระวา่ ยน้า​  ท​ าความสะอาดตวั กรอง  ดูดและขดั ​  ตกั สิ่งสกปรกจากผวิ น้า​

การเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายเกย่ี วกบั การว่ายนา้ การอบอ่นุ ร่างกาย (Warm Up) การอบอ่นุ ร่างกายมคี วามสาคญั อย่างมากเพราะเป็ นการทาให้อณุ หภูมขิ องกล้ามเนื้อเนื้อส่วนทอี่ ยู่ลกึ ลงไปให้สูงขนึ้ ท้งั ยงั จะเป็ นการช่วยยืดเส้นเอน็ (Ligament) และเนื้อเยือ้ ต่างๆ ทาให้ร่างกายมีความอ่อนตวั (Flexibility) สามารถออกกาลงั กายได้ดขี นึ้ การอบอ่นุ ร่างกายขนึ้ อยู่กบั ระยะเวลา ระยะทาง ความหนักเบา อุณหภูมแิ วดล้อม และเคร่ืองแต่งกายทสี่ วมใส่ เวลาของการอบอุ่นร่างกายจงึ ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 15-30 นาที (ท้งั นีข้ นึ้ อยู่กบั ความแตกต่างของบุคคลและอายุ) ในสภาพอากาศทเ่ี ยน็ การอบอุ่นร่างกายควรจะเพม่ิ เวลาให้เวลานานออกไป ประโยชน์ของการยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อ ลดความตงึ ของกล้ามเนื้อและทาให้ร่างกายผ่อนคลาย ช่วยสร้างการประสานงานของ ร่างกาย ทาให้การเคล่ือนไหวมอี ิสระและ สะดวกสบายมากยง่ิ ขนึ้ เพมิ่ ช่วงของการเคล่ือนไหวป้องกนั การบาดเจบ็ เช่น กล้ามเนื้อเคลด็ ช่วยในการทากจิ กรรมหนักๆ ให้ดยี งิ่ ขนึ้ เป็ นต้น หลกั การสาคญั ของการยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อ ควรปฏบิ ตั เิ ป็ นประจา เพ่ือให้กล้ามเนื้อได้ถูกกระตุ้นอยู่เสมอ การปฏิบตั ิการยืดเหยยี ด กล้ามเนื้อคร้ังแรก ควรใช้เวลาประมาณ 10- 30 วนิ าที กบั การยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อแบบง่ายๆ โดยปฏบิ ัตชิ ้าๆ และไม่ควรกระแทกขนึ้ ลง หลงั จากปฏิบตั กิ ารยืดเหยยี ด กล้ามเนื้อแบบง่ายๆ แล้ว ควรเริ่มการยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อ แบบทหี่ นักขนึ้ การปฏบิ ตั กิ ็ เช่นเดยี วกนั คือ ปฏิบัตชิ ้าๆ และไม่กระแทกขนึ้ ลง แต่เคลื่อนให้ไกลออกไปอกี ประมาณ 1 นิว้ จนกระทง่ั รู้สึกตึงพอสมควรและพกั หรือค้างในท่าน้ัน ประมาณ 10-30 วนิ าที ขณะปฏบิ ตั กิ ารยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อ ควรหายใจช้าๆ และเป็ นจังหวะ ไม่ควรกล้นั หายใจในช่วงแรกๆ เม่ือปฏบิ ตั ิการยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อแต่ละท่าให้นับอยู่ ในใจ หลงั จากน้ัให้ปฏิบัติการยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อตามวถิ ที างของตนเองโดยไม่ต้องสนใจการนับ

ทกั ษะการว่ายนา้ เบื้องต้น  การสร้างความคุ้นเคยในนา้ สาหรับผู้ทยี่ งั ว่ายนา้ ไม่เป็ นและไม่คุ้นเคยกบั สระว่ายนา้ มาก่อน ควรสร้างความคุ้นเคยกบั นา้ ก่อนน คือ ให้น่ัง ทขี่ อบสระ ใช้มือกวกั นา้ ขนึ้ มาลบู แขน ลบู บนหน้า ลาตวั เพื่อปรับอณุ หภูมขิ องร่างกายกบั นา้ ต่อจากน้ันให้ น่ังทข่ี อบสระหรือบนั ได เหยยี ดเท้าหรือเอาเท้าจุ่มลงไปในนา้ แล้วแกว่งไป-มาเตะสลบั ขนึ้ -ลง จะช้าบ้างเร็ว บ้างสลบั กนั ไปตามความเหมาะสม  การดานา้ 1. ใช้มือท้งั สองข้างจับขอบสระ ลืมตา หายใจเข้าลกึ ๆ กล้นั หายใจ แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงไปในนา้ ให้ศีรษะจม มิดลงในนา้ กล้นั หายใจ นับ ๑-๕ แล้วจึงยกศีรษะขนึ้ จากนา้ 2. อ้าปาก หายใจเข้าทางปาก (ไม่หายใจเข้าทางจมูก เพราะนา้ ยงั ค้างอยู่ตามบนใบหน้า) โดยไม่เอามือมาลูบ หน้า ส่ายศีรษะหรือสะบดั ผม ทาตดิ ต่อกนั ๑๐-๑๕ คร้ัง 3. เพม่ิ ระยะเวลาในการกล้นั หายใจในนา้ โดยนับ ๑-๑๐, ๑-๒๐หรือ ๑-๓๐ แล้วจึงยกศีรษะขึน้ จากนา้ รีบอ้า ปากหายใจเข้าลกึ ๆ เร็วๆ วธิ ีการคือ

1.ท่าปลาดาวหงายหน้า แรกเริ่มให้นึกภาพปลาดาวออกมา จากน้ันเรากเ็ ริ่มทาตาม โดนเร่ิมต้น ท่ี กางมือออก 2 ข้าง จากน้ัน กค็ ่อยๆเลยหัวไปข้างหลงั ตามด้วยเอน หลงั หลงั จากน้ันกป็ ล่อยขาข้างลอยนา้ โดยเอาขาข้างทถ่ี นัดยืนพืน้ ไว้ ก่อน แล้วปล่อยข้างท่ไี ม่ถนัดลอยนา้ ขนึ้ มา ขากน้ันก็ค่อยๆ ปล่อยขา ขนึ้ ให้ลอยท้งั 2 ขา กางขาออกทาท่าคล้ายปลาดาว เลยี้ งตัวให้ลอยอยู่ บนนา้ ได้โดยการควบคุมลมหายใจ พยายามหายใจเข้าออกให้เป็ น ปกติ อย่ากล้นั ลมหายใน แอ่นอกขนึ้ เพ่ือให้ตวั ลอยอยู่บนนา้ ได้ดี 2.ท่าปลาดาวควา่ หน้า ท่าปลาดาวควา่ หน้า ลกั ษณะคล้ายกนั เพยี งแต่เราควา่ หน้าลงเท่า น้ันเอง วธิ ีการกค็ ือ กางแขนออก ไม่ต้องกว้างมาก ดูจากรูปปลาดาว จากน้ัน กก็ ล้นั ลมหายใจ ก้มหน้าลงในนา้ ปล่อยขาขนึ้ ทีละข้าง จน ขา 2 ข้างลอยระนาบเดยี วกบั นา้ กางขาออกลกั ษณะคล้ายกบั ปลาดาว คล่อยๆ ผ่อนลมออกในนา้ ถ้าหากรู้สึกอดึ อดั หรือว่าตัวเองจมลงในนา้

3.การลอยตวั แบบแมงกะพรุน ผู้ฝึ กยืนอยู่บนพืน้ สระทส่ี ามารถยืนได้ในระดบั ประมาณคอ จากน้ัน ให้ถบี เท้าท้งั สองข้างขนึ้ จากพืน้ สระ ก้มหน้า งอเข่า ใช้มือท้งั สอง รวบเข่า ท้งั สองข้างไว้ 4.การลอยตวั แบบลกู หมาตกนา้ ผู้ฝึ กยืนอยู่บนพืน้ สระทสี่ ามารถยืนได้ในระดบั ประมาณคอ จากน้ัน ให้ถบี เท้าท้งั สองข้างขนึ้ จากพืน้ สระ งอเข่า ใช้ฝ่ ามือท้งั สอง ถบี นา้ ลง ด้านล่างสลบั กนั เหมือนถบี จกั รยาน มือท้งั สองข้าง ดนั นา้ ออกข้างลาตัว เพื่อช่วยพยุงให้ตวั ลอย เงยหน้ามองท้องฟ้า

ท่านอนหงาย การเคลื่อนทบ่ี นผวิ นา้ แบบหงายตวั ผู้ฝึ กหันหน้าเข้าหา ขอบสระ เท้าท้งั สองข้างชิดผนัง เข่างอ จากน้ันถีบเท้าท้งั สองข้างออกจากขอบสระ แขนแนบชิดลาตัว ใช้หลงั เท้า เตะนา้ แขนดันนา้ ข้างลาตวั หน้ามองท้องฟ้า ลาตวั ตรง เคล่ือนทีไ่ ปตลอด ประมาณความกว้างของสระ ท่านอนควา่ การเคล่ือนทบี่ นผวิ นา้ แบบควา่ ตวั ผู้ฝึ กยืนหันหลงั พงิ ขอบสระ เท้ายืนท่ีพืน้ สระ มือท้งั สองข้างเหยียดไป ข้างหน้า ให้นิว้ โป้งเกย่ี วกนั ไว้ สูดหายใจเข้าทางปากให้ เต็มปอด จากน้ันก้มหน้าลงท่ีผวิ นา้ ถบี เท้าท้งั สองข้างออก จากผนัง ใช้หลงั เท้าเตะนา้ เพ่ือให้เกดิ การเคลื่อนทีไ่ ป ตลอดประมาณความกว้างของสระ

ทกั ษะการวา่ ยน้าสากล​ ทกั ษะการว่ายนา้ สากลมที ้งั หมดอยู่ 4 ท่า ประกอบด้วย ว่ายนา้ ท่าฟรีสไตล์ หรือ ท่าวดั วา 2. ว่ายนา้ ท่ากรรเชียง 3. ว่ายนา้ ท่ากบ 4. ว่ายนา้ ท่าผเี สื้อ ทกั ษะการว่ายนา้ ท่าฟรีสไตล์ หรือ ท่าวดั วา ท่านีเ้ ป็ นท่าทร่ี ่างกายมคี วามเพรียวลู่นา้ มากกว่าท่านีเ้ ป็ นท่าแรกของการเร่ิมต้น การใช้แขนท่าฟรีสไตล์  1. ในท่าฟรีสไตล์น้ัน มลี กั ษณะการใช้แขนทม่ี คี วามต่อเนื่องกนั มากทส่ี ุด โดยการว่ายให้มคี วามเร็ว และถูกต้องน้ัน ทาได้ดงั นี้ 1. เมื่อคุณยืดแขนไปด้านหน้าจนสุดแล้ว แขนของคุณต้องชิดกบั หู  2. ต่อจากน้ันให้คุณกดมือลง พร้อมกบั โก่งแขนโดยการยกข้อศอกโดยแรงทจ่ี ะส่งตวั คุณน้ันจะออกมา จากไหล่  3. ดนั แขนท่อนล่างให้ผ่านไปใต้ลาตวั นิว้ ทุกนิว้ เรียงชิดตดิ กนั  4. ดนั นา้ จนกระทง่ั แขนของคุณตงึ พอดี สามารถตรวจสอบได้ โดยมือของคุณจะผ่านไปถึงต้นขา  5. ยกแขนขนึ้ โดยงอข้อศอก แล้ววาดแขนมาด้านหน้า วางมือลงนา้ กดศอกแล้วยืดแขนออกไป

ว่ายนา้ ท่าฟรีสไตล์ การใช้ขาท่าฟรีสไตล์ ในการใช้ขาของท่าฟรีสไตล์ จะเตะขาในลกั ษณะเตะสลบั ขนึ้ ลง ซ้ายขวา โดยทจี่ ะต้องส่ง แรงเตะมาจากสะโพก ไม่ใช่เตะจากหัวเข่า โดยในการเตะขาน้ัน ข้อเท้าและหัวเข่าต้องมี ความพลวิ้ ไม่เกร็งเป็ นอนั ขาดจังหวะของการเตะขาท่าฟรีสไตล์มีดงั นี้ การสร้างความสัมพนั ธ์ของร่างกายในท่าฟรีสไตล์ ท่านีเ้ ป็ นท่าทีม่ ีความต่อเนื่องในการทางานของร่างกายอย่างดี สามารถว่ายท่านีไ้ ด้อย่าง ง่ายดาย แต่ต้องพยายามทร่ี ักษาความน่ิมนวลและความพลวิ้ ไหวในการว่ายด้วย ถ้า สามารถทาตวั ให้ล่ืนไหลไปเรื่อย ๆ ได้กจ็ ะดมี าก ไม่เพยี งแต่ท่าฟรีสไตล์เท่าน้ัน ทุก ๆ ท่า กต็ ้องน่ิมนวล และพลวิ้ ไหวเช่นกนั

ทกั ษะการว่ายนา้ ท่ากรรเชียง การว่ายท่ากรรเชียงเป็ นท่าว่ายทสี่ วยทส่ี ุด การว่ายกรรเชียงมปี ระโยชน์ทจี่ ะยืดกล้ามเนื้อ การว่ายกรรเชียง มหี ลกั เกณฑ์คล้าย ๆ กบั การว่ายท่าฟรีสไตล์ แตกต่างทท่ี ่า กรรเชียงเป็ นการหงายตวั ราบกบั ระดบั นา้ แต่การว่าย ฟรีสไตล์เป็ นการควา่ ตวั เริ่มต้นจากการหงายตวั ลอยเหนือนา้ เงยหน้าไปด้านหลงั ให้ศีรษะขนานกบั แนว กระดูกสันหลงั เปรียบตวั เองคล้ายกงั หัน ลม โดยมแี ขนท้งั สองเป็ นใบพดั วางแขนขนานลาตวั แล้วเร่ิมต้นหมุนแขนไปด้านหลงั ใช้มือเฉียงลงต้านหลงั โดยให้ นิว้ ก้อยลงแตะนา้ ก่อน ทาซ้าอกี ด้านหน่ึงไปเร่ือยๆ ยืดขาตรงตอนเตะนา้ แต่ไม่ต้องตรงจนเกร็งมากเกนิ ไป รักษาลาตวั ให้ยืดตรงอยู่เสมอและรักษาจงั หวะการว่ายให้ ได้ระดับอย่างต่อ เน่ือง เตะขาสัก 6-12 คร้ังแล้วจงึ หมุนแขน 1 คร้ัง ทาสลบั ด้านกนั ไป การใช้แขนว่ายท่ากรรเชียง คุณต้องนอนหงายแล้วว่ายในลกั ษณะเคลื่อนทไี่ ปด้านหลงั แต่การทางานของแขนและมือจะคล้ายกบั ท่าฟรีสไตล์มาก เรามาดูกนั ว่า เราต้องทาอย่างไรบ้าง  เม่ือคุณยืดแขนออกไปแล้ว แขนคุณต้องชิดหู ไม่ใช่เอาหูไปชิดแขน  ให้คุณกดแขนลงไปในนา้ ทสี่ าคญั ปล่อยไหล่ตามสบาย ถ้าคุณเกร็งไหล่ให้อยู่กบั ทเี่ อาไว้ คุณจะกดแขนลงนา้ ไม่ได้  งอข้อศอกและต้งั มือ พร้อมท้งั ดนั นา้ ผ่านไปทางต้นขาของคุณอย่างรวดเร็ว  จงั หวะสุดท้ายของการดนั นา้ ให้คุณกดมือลงอย่างแรง จนแขนของคุณตงึ  เม่ือยกแขนขนึ้ มาจากนา้ ไม่งอข้อศอก และวางแขนไปด้านหลงั โดยไม่ฟาดนา้ โดยการวางแขนน้ันให้หันฝ่ ามือเอานิว้ ก้อยลงก่อน  เร่ิมทาข้อ 1. กบั แขนอกี ข้าง

ว่ายนา้ ท่ากรรเชียง การใช้ขาในท่ากรรเชียง การเตะขาจะคล้ายคลงึ กบั การเตะขาท่าฟรีสไตล์มากแต่จะมีนา้ หนักมากกว่า โดยใช้แรงส่งจาก สะโพกขนึ้ ไป และขาต้องพลวิ้ เหมือนหางปลา ท่สี าคญั อกี อย่างหนึง่ กค็ ือ เท้าต้องไม่โผล่พ้นนา้ จน เห็นหน้าแข้งและเท้าต้องไม่มีการต้งั ขนึ้ มา คือไม่จมิ้ และไม่เกร็งข้อเท้า มฉิ ะน้ันเท้าของคุณจะไม่มี หน้าสัมผสั ท่ีจะเตะนา้ หัวเข่ากเ็ ช่นกนั ไม่งอค้างเอาไว้เหนือนา้ การสร้างความสัมพนั ธ์ของร่างกายในท่ากรรเชียง  ในการวางแขนลงนา้ เพ่ือจะดงึ นา้ ต่อไป คุณต้องให้นิว้ ก้อยลงนา้ ก่อนเสมอ คุณไม่ต้องกงั วลเร่ืองทน่ี า้ จะเข้าหน้าคุณ เพราะว่าถ้าคุณว่ายถูกต้อง นา้ กเ็ ข้าหน้าคุณอยู่แล้ว ให้ คุณแก้ไขโดยกาหนดจงั หวะหายใจ เช่น ยกแขนขวาขนึ้ หายใจเข้า ยกแขนซ้ายหายใจออก เป็ นต้น ให้คุณเกบ็ คางเพยี งเลก็ น้อย ไม่ใช่ก้มจนหูพ้นนา้ และไม่เงยจนกระทงั่ หน้าจมลงไปในนา้  ยืดตวั เอาไว้ อย่างอตวั เป็ นก้งุ เดด็ ขาด

ทกั ษะการว่ายนา้ ท่ากบ เป็ นท่าว่ายนา้ ประเภทหน่ึง การว่ายท่ากบต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของช่วงล่างต้ังแต่สะโพก จนถงึ ข้อเท้า อกี ท้งั มโี ครงสร้างร่างกายทเ่ี หมาะสม เช่น ข้อเท้าและข้อพบั ทหี่ ัวเข่าต้องมคี วามยืดหยุ่นและมี ความแขง็ แรงสูง ว่ายท่ากบทถี่ ูกต้องคือ ห้ามยกแขนพ้นผวิ นา้ การใช้แขนดงึ นา้ ต้องดงึ พร้อมกนั ท้งั สองข้าง เทคนิคการใช้แขนต้องเหยยี ดแขนไปข้างหน้าให้สุด มือปะกบตดิ กนั เสียบในระดบั ผวิ นา้ หลงั จากน้ันให้ปาด แขนออกโดยใช่ฝ่ ามือกดนา้ ในลกั ษณะเฉียง 45 องศา จากผวิ นา้ เทคนิคสาคญั ในการดงึ นา้ จังหวะที่ 1 ข้อมือ ต้องกว้างกว่าข้อศอก สองการดงึ นา้ จังหวะท่ีสองเป็ นการลอ็ กข้อศอกให้อยู่กบั ท่ี โดยให้ฝ่ ามือปาดนา้ เข้าหากนั ส่วนการใช้แขนจงั หวะสุดท้ายเป็ นการรวบข้อศอกเข้าหากนั อย่างรวดเร็ว พร้อมกบั เหยยี ดแขนพ่งุ ไปข้างหน้า การใช้เท้า จงั หวะแรกเป็ นการพบั เข่า ท่ีสาคญั ต้องไม่เป็ นการชักเข่า ส่วนจงั หวะทสี่ องเป็ นการแบะฝ่ าเท้าออก โดยลอ็ กเข่าให้อยู่กบั ท่ี และในจงั หวะสุดท้ายให้ถบี ฝ่ าเท้าออกพร้อมท้งั รวบฝ่ าเท้าเข้าหาประกบกนั อย่าง รวดเร็ว เทคนิคทสี่ าคญั ในการใช้เท้าอยู่ทจี่ งั หวะถบี สุดท้ายต้องมคี วามเร็วหรืออตั ราการเร่งของการใช้เท้าเข้า มาเกยี่ วข้องกนั ด้วย ตาแหน่งของลาตวั ในการว่ายท่ากบท่าปกตจิ ะเอยี งประมาณ 15 องศา จากผวิ นา้

วธิ ีว่ายนา้ ท่ากบทถ่ี ูกต้อง 1. เร่ิมจากการกระโดดนา้ ทถ่ี ูกต้อง: เพราะหากคุณไม่กระโดดนา้ หรือถบี ตวั จากขอบสระ การ ว่ายท่ากบจะเร่งความเร็วได้ยากหากไม่ใช่นักกฬี ามืออาชีพ ดงั น้ันจงึ ความใช้ตวั ช่วยนีเ้ พมิ่ ความเร็วในการว่าย โดยสามารถกระโดดนา้ โดยการเหยยี ดแขนและตัวตรงไปท่นี า้ โดยเอา ส่วนแขนลงนา้ ก่อน ไม่ใช่ลาตวั 2. เตรียมกวาดแขน: โดยการยืดแขนไปข้างหน้าในแนวตรง นิว้ มือเรียงชี้ไปข้างหน้าโดยเอา ฝ่ ามือหันไปข้างล่าง และนิว้ โป้งค่อยๆบิดให้เอยี งประมาณ 45 องศาเพื่อเตรียมกวาดแขน โดย ก้มหน้าตลอดในช่วงนี้

3. กวาดแขนมาข้างหลงั : โดยให้ข้อศอกให้อยู่ข้างลาตวั แล้วกวาดแขนมาข้างหลงั โดยให้มืออยู่ในตวั แหน่งหน้าอก โดยต้องยกศอกให้สูง เสมอในขณะท่ีดนั นา้ ท้งั นีไ้ ม่ควรลากแขนออกไปด้านข้างมากนัก และไม่ลากมือเลยไปด้านหลงั เน่ืองจากจะเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ โดย ควรหนีบข้อศอกมาให้รวดเร็วทส่ี ุด เพื่อสามารถขนึ้ มาหายใจอย่างรวดเร็ว มเิ ช่นน้ันจะเป็ นการเพมิ่ แรงเสียดทานให้ว่ายได้ช้า 4. ยกตวั ขนึ้ : โดยให้ลาตวั ตรงยาวพร้อมกบั หายใจ และพ่งุ แขนไปข้างหน้า 5. การใช้ขา: งอขาและถบี นา้ ไปข้างหลงั ให้ฝ่ าเท้าต้งั ฉากกบั นา้ ทเ่ี ราจะผลกั ไปเพ่ือให้ส่งแรงได้เยอะทสี่ ุด โดยเข่าคุณไม่ควรจะแยกห่างมาก นัก และก้นคุณควรจะอยู่ระดบั ใกล้กบั ผวิ นา้ โดยควรทาข้นั ตอนนีใ้ ห้เร็ว พลวิ้ และแรงเพ่ือทจี่ ะเคล่ือนทไ่ี ด้เร็วขนึ้ และเม่ือถบี แล้ว กใ็ ห้ กลบั ไปซ้าข้นั ตอนเดมิ ใหม่ 6. การหายใจ: ควรหายใจในทุกๆ Stroke และ ก้มหน้าไปข้างล่าง 45 องศาขณะหายใจ และต้องหายใจด้วยปากไม่ใช่จมูกเพื่อสูดอากาศได้ อย่างเต็มท่แี ละรวดเร็ว

ทกั ษะการว่ายนา้ ท่าผเี สื้อ เป็ นท่าว่ายนา้ ประเภทหนึ่ง ท่าว่ายนีต้ ้องการกล้ามเนื้อจานวนมากและข้อต่อและเคลื่อนไหวของไหล่และช่วงหลงั ถงึ สะโพก และต้องมจี งั หวะทดี่ ขี องแขนและการเตะขาและจงั หวะการหายใจท่าผเี สื้อ เป็ นท่าทค่ี ุณต้องใช้แรงในการว่ายมาก ทสี่ ุด และในการสอนว่ายนา้ กจ็ ะสอนท่านีเ้ ป็ นท่าสุดท้าย ท่านีม้ คี วามเร็วเป็ นอนั ดบั สองรองจากฟรีสไตล์ แต่ถ้าคุณว่าย เก่งคุณสามารถว่ายจตี้ ดิ คนทวี่ ่ายท่าฟรีสไตล์ได้เลยทเี ดยี ว ในการว่ายท่าผเี สื้อนีค้ ุณจะต้องฝึ กฝนเป็ นเวลานานกว่าท่าอื่น รวมท้งั คุณต้องมรี ่างกายทแี่ ขง็ แรงด้วย บางคนคดิ ว่าการว่ายผเี สื้อต้องเป็ นคนทห่ี ัวไหล่แขง็ แรงเท่าน้ัน แต่ความเป็ นจริง แล้วแค่น้ันยงั ไม่พอ คุณต้องมกี ล้ามเนื้อท้งั หัวไหล่ หน้าอก ลาตวั หลงั และขาทแี่ ขง็ แรงมาก ถ้าคุณว่ายทน่ี ีไ้ ด้ดี คุณจะว่าย ได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลย สาหรับผู้ชายทว่ี ่ายนา้ ท่านี้ คุณจะมรี ูปร่างทสี่ วยงามเป็ นเหมือนสามเหลย่ี มหัวกลบั เลยเชียว แต่ถ้าคุณเป็ นผู้หญงิ คุณกอ็ าจจะมชี ่วงไหล่ที่กว้างและใหญ่ได้ ในการว่ายท่านีม้ ลี กั ษณะเป็ นการถ่ายนา้ หนักของร่างกาย ไปมาจากหน้าไปหลงั และหลงั ไปหน้าไปเร่ือย ๆ ดงั น้ันท่านีต้ ้องอาศัยเอวและสะโพกมาช่วย

วธิ ีว่ายนา้ ท่าผเี สื้อทถ่ี ูกต้อง การใช้แขนในท่าผเี สื้อ 1. เม่ือแขนคุณอยู่ข้างหน้า ให้กดมือลงพร้อมกบั กวาดออกไป ด้านข้างเลก็ น้อย 2. งอข้อศอกพร้อมท้งั ดนั มือผ่านใต้ลาตัว 3. ดนั นา้ จนแขนผ่านบริเวณต้นขา 4. ยกแขนขนึ้ ให้ศอกและมือพ้นจากนา้ 5. วางแขนกลบั ไปด้านหน้าโดยให้แขนมีความกว้างเท่าช่วงไหล่ การใช้ขาท่าผเี สื้อ การใช้ขาและเท้าให้ทาเหมือนปลาโลมาว่ายนา้ หรือทาเหมือนการเคลื่อนไหวเฉพาะท่อนหางของมัน คือใช้ เท้าคู่เตะพร้อม ๆ กนั โดยกระทุ่มขนึ้ -ลงในแนวดง่ิ เพื่อให้ลาตวั เคล่ือนทพ่ี ่งุ ไปข้างหน้า การเตะเท้าจะทา เหมือนกบั ท่าวดั วา แต่แตกต่างกนั ตรงทตี่ ้องเตะเท้าคู่พร้อม ๆ กนั จงั หวะของการเคล่ือนไหวลาตวั สาคญั มาก เพราะจะส่งผลต่อการเตะเท้าทถ่ี ูกต้อง เริ่มฝึ กเคล่ือนไหวขาด้วยการยกสะโพกขนึ้ แล้วงอเข่าท้งั สอง ข้างไปพร้อมกนั การงอเข่าเลก็ น้อยเช่นนีจ้ ะทาให้ส้นเท้าต้งั ขนึ้ ไปหาผวิ นา้ ต่อจากน้ันลดสะโพกต่าลง แล้ว เหยยี ดขาเตะออกไปให้ตงึ เตม็ ที่ ในข้นั สุดท้ายปลายเท้าจะเหยยี ดตรง การเคลื่อนไหวลาตวั และขาให้ สัมพนั ธ์กนั เป็ นเร่ืองสาคญั มาก เพราะจะทาให้ว่ายท่าผเี สื้อได้ถูกต้องต่อไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook