โครงการสอนและกำหนดการสอน รายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ (ส 21103) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 ของ พระครปู รชี าปริยัตยาทร,ดร. ตำแหน่ง ครพู เิ ศษ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนวดั พระแก้วดอนเตา้ สขุ าดาราม สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาเขต 1 ลำปาง
คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน รหัสวชิ า ส 21103 รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์กบั เวลา กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต ................................................................................................................................................................... ศกึ ษา วิเคราะห์ ความสำคัญของเวลาในการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ ความสัมพันธ์และความสำคัญของ อดีตท่ีมีต่อปัจจุบันและอนาคต ท่ีมาและตัวอย่างการใช้ศักราชในเอกสารประวัติศาสตร์ไทย วิธีการเทียบ ศักราชตามแบบต่างๆ การนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ศึกษาเรื่องราวของประวัติศาสตร์ไทยท่ีมีอยู่ใน ท้องถ่ินและเหตุการณ์สำคัญสมัยสุโขทัย ประวัติศาสตร์ไทยสมัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทยโดยสังเขป รัฐ โบราณและรัฐไทยในดนิ แดนไทย โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการ กลุ่ม กระบวนการเรยี นรู้แบบบูรณาการ กระบวนการแก้ปัญหา และวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจถึงความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วิธีการทางประวัติศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย พฒั นาการด้านต่างๆ วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทย มีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสตั ยส์ ุจรติ มวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มัน่ ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย และมีจิตสาธารณะ รหัสตวั ชี้วดั ส 4.1 ม.1/1 , ม.1/2 , ม.1/3 ส 4.3 ม.1/1 รวมท้ังหมด 4 ตัวช้ีวดั
ช่ือรายวิชา ส 21103 ประวัตศิ าสตร์กบั เวลา ภาคเรยี นท่ี 1 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 20 ชวั่ โมง 0.5 หน่วยกติ หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วย มาตรฐาน/ ตัวชี้วัด สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นำ้ หนกั คะแนน ชัว่ โมง 25 1 ประวัตศิ าสตรบ์ น ส 4.1 ม. 1/1 เวลา ชว่ งเวลา และการเทยี บ บนเสน้ แบ่งเวลา 6 ศักราชมีความสำคัญตอ่ การศึกษาประวัตศิ าสตร์ เส้นแบ่งเวลา ส 4.1 ม. 1/2 2 วิธีศกึ ษา ส 4.1 ม. 1/3 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์เปน็ กระบวนการศึกษา 5 20 เร่อื งราวเกีย่ วกับ สังคมมนษุ ยแ์ ละเหตุการณ์ใน ประวัติศาสตร์ อดตี อย่างเป็นระบบ 7 25 3 พฒั นาการเวลา ส 4.3 ม 1/1 พัฒนาการจากชมุ ชนเปน็ บ้านเมือง ปจั จัยทาง 1 10 ภูมศิ าสตรแ์ ละความเป็นมาประวตั ศิ าสตร์ มี 1 20 ความสำคญั ต่อตดิ ต่อพัฒนาการ ทางสังคม 20 100 เศรษฐกิจ และการเมือง การปกครอง สอบกลางภาค/คะแนนกลางภาค สอบปลายภาค/คะแนนปลายภาค รวมตลอดภาคเรยี น
กำหนดการเรียนรรู้ ายชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ประวัตศิ าสตร์กับเวลา รหัสวชิ า ส 21103 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ ช่ัวโมง ว/ด/ป แผนการเรยี นรู้ มาตรฐาน สาระสำคญั แหลง่ /สือ่ การ /ตวั ชี้วดั เรยี นร้ทู ่สี ำคญั หนว่ ยการ 6 18 พ.ค.65 -แผนการเรยี นรทู้ ี่1 ส 4.1 การกำหนดเวลา ยคุ 1)หนังสือเรยี น เรยี นร้ทู ่ี 1 ปฐมนเิ ทศ ข้อตกลงใน ม. 1/1 สมัย การนบั และ ประวัตศิ าสตรม์ .1 การเรียน วิธีให้คะแนน ส 4.3 เทียบศักราชใน 2)ตัวอยา่ ง เวลา ศกั ราช และ -แผนการเรยี นรทู้ ี่ 2 ประวัติศาสตร์ ทำให้ วธิ กี ารทาง 25 พ.ค.65 ม. 1/2 สามารถศกึ ษาและ หลักฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ 1 ม.ิ ย.65 เวลากบั ประวตั ศิ าสตร์ เรียงลำดับเหตกุ ารณ์ ประวัตศิ าสตร์ -แผนการเรยี นรทู้ ี่3 ตา่ งๆ ใน 3)อนิ เตอรเ์ นต การนับเวลา -แผนการเรยี นรูท้ ่ี4 ประวัติศาสตร์ได้ 4)DLTV 8 มิ.ย.65 การแบง่ ยุคสมยั ทาง รวมท้งั มี ประวัตศิ าสตร์ ความสัมพันธ์ 15 ม.ิ ย.65 -แผนการเรียนรทู้ ี่5 เช่ือมโยงจากอดตี สู่ ศกั ราชและการเทียบ ปัจจบุ ัน และ ศักราช คาดการณใ์ นอนาคต 22 มิ.ย.65 -แผนการเรียนรู้ท่6ี เข้าด้วยกันได้ ตวั อย่างการบอกเวลาและ ศักราชใน เอกสารทาง ประวัติศาสตร์ไทย หนว่ ยการเรียนรู้ 5 29 ม.ิ ย.65 -แผนการเรยี นร้ทู ่ี1 ส 4.1 ความหมายและ 1)หนงั สือเรียน ที่ 2 ความหมายและ ม. 1/3 ความสำคัญของ ประวัตศิ าสตรม์ .1 วธิ ีศกึ ษา ความสำคญั ของ ประวัตศิ าสตร์ 2)หนังสือคน้ ควา้ ประวตั ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ และวิธกี ารทาง เพม่ิ เติม -แผนการเรียนรทู้ ่ี 2 ประวัติศาสตรท์ ี่มี 3)อินเตอร์เนต 6 ก.ค.65 ความสมั พันธ์ 4)ผงั มโนทัศน์ 13 ก.ค.65 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ เชอ่ื มโยงกัน นำ 5)DLTV -แผนการเรยี นร้ทู ่ี3 วิธกี ารไปใชศ้ กึ ษา 20 ก.ค.65 เรื่องราว ลกั ษณะ ประเภท และ ประวตั ศิ าสตรท์ ่ีมี อยใู่ นท้องถ่นิ ของ แหล่งทม่ี าของหลกั ฐาน ตนเองได้ ทางประวัตศิ าสตรไ์ ทย -แผนการเรียนรทู้ ี่4 ตัวอยา่ งการนำวธิ กี าร ทางประวัติศาสตร์ไปใช้
27 ก.ค.65 -แผนการเรียนรู้ท่ี5 20 ก.ค.65 ประวัตศิ าสตรท์ ้องถิ่น สอบกลางภาคเรียน 1/2565 หน่วยการเรยี นรู้ ชั่วโมง ว/ด/ป แผนการเรียนรู้ มาตรฐาน สาระสำคญั ส่ือการเรยี นรูท้ ี่ /ตวั ชว้ี ดั สำคัญ หนว่ ยการเรียนรู้ 7 3 ส.ค.65 -แผนการเรียนรู้ที่1 ส 4.3 การศึกษา 1)หนังสอื เรียน ท่ี 3 พัฒนาการจากชมุ ชน ม. 1/1 ประเด็น ประวัติศาสตร์ม.1 เป็นบ้านเมือง ม. 1/2 พัฒนาการทาง 2)หนงั สอื คน้ คว้า พัฒนาการเวลา 10 ส.ค.65 -แผนการเรียนรู้ท่ี 2 ประวตั ศิ าสตร์ เพ่มิ เติม พฒั นาการจากบา้ นเมือง ไทยนอกจากฝึก 3)อนิ เตอรเ์ นต เปน็ แคว้นหรอื รัฐ กระบวนการ 4)ผงั มโนทัศน์ 17 ส.ค.65 -แผนการเรียนรทู้ ี่3 วิเคราะหแ์ ลว้ ยงั 5)DLTV พัฒนาการจากแควน้ เปน็ ทำให้เกิดองค์ อาณาจักร ความรูใ้ หม่ทาง 24 ส.ค.65 -แผนการเรียนรู้ท่ี4 ประวัติศาสตร์ รัฐโบราณและรฐั ไทยใน และตระหนักถึง ดินแดนไทย พฒั นาการ ความสำคัญของ ของอาณาจกั รโบราณใน แคว้นหรือรัฐใน ภาคกลาง อดีต -แผนการเรยี นรู้ท่ี5 31 ส.ค.65 7 ก.ย.65 พฒั นาการของอาณาจักร โบราณในภาคเหนอื -แผนการเรยี นรู้ท่6ี พฒั นาการของอาณาจกั ร โบราณในภาคใต้ -แผนการเรยี นรทู้ ่ี7 14 ก.ย.65 พฒั นาการของอาณาจักร โบราณในภาค 21 ก.ย.65 ตะวันออกเฉยี งเหนอื 28 ก.ย.65 สอบปลายภาคเรยี น 1/2565
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โดยการประเมนิ สภาพจริง พิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรยี น ความประพฤติ การสงั เกตพฤติกรรมการเรียน การรว่ มกิจกรรม และการทดสอบ 1. กอ่ นสอบกลางภาค 30 คะแนน ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวัง - งานทีม่ อบหมาย 20 คะแนน - ทดสอบระหว่างเรยี น 10 คะแนน 2. สอบกลางภาค 10 คะแนน ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง - ปรนยั 5 คะแนน - อัตนัย 5 คะแนน 3. หลงั กลางภาค 40 คะแนน ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวงั - งานทม่ี อบหมาย 20 คะแนน - ทดสอบระหวา่ งเรียน 20 คะแนน 4. สอบปลายภาค 20 คะแนน ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง - ปรนัย 1๐ คะแนน - อัตนยั ๑๐ คะแนน *นักเรยี นตอ้ งทำตามเง่ือนไขทคี่ รกู ำหนดใหม้ ฉิ ะนั้นจะให้ผลการเรียน เป็น ร กำหนดการวัดผล ภาคเรยี นที่ ๑ ตน้ เดือนกรกฏาคม 256๕ 1. ทดสอบก่อนสอบกลางภาค ปลายเดือนกรกฏาคม 256๕ 2. ทดสอบกลางภาค ตน้ เดือนกนั ยายน 256๕ 3. ทดสอบหลงั กลางภาค ปลายเดือนกันยายน 256๕ 4. ทดสอบปลายภาค ข้อกำหนดอ่ืนๆ 1. นักเรียนต้องปฏิบัติตามงานท่ีได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนท้ังในรูปแบบของการทำใบงาน แบบทดสอบ ชิ้นงานเดีย่ ว และการทำช้ินงานกลมุ่ 2. นกั เรยี นต้องมคี วามรบั ผิดชอบต่อตนเองและชว่ ยเหลืองานเพ่อื นในกล่มุ อยูเ่ สมอ 3. ในการตอบคำถามผ่านแบบทดสอบ หรือการทำแบบฝึกหัดทุกรูปแบบ นักเรียนจะต้องทำด้วย ตนเอง ห้ามลอกงานมาสง่ อยา่ งเดด็ ขาดมิฉะนน้ั นักเรยี นจะไม่ได้คะแนนเดด็ ขาด 4. นกั เรยี นต้องเกบ็ ใบงานทุกชน้ิ ที่ทำเพ่ือรวบรวมเขา้ เลม่ สง่ ในท้ายเทอม คุณ ลักษ ณ ะอันพึ งป ระสงค์ของผู้เรียน ๘ ข้อ ตามห ลักสูตรแกน กลางการศึกษ าข้ัน พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่ีนักเรียนควรทราบ ควรระลกึ และตอ้ งหมน่ั ปฏิบตั อิ ย่เู สมอมีดงั น้ี ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ตัวชี้วัด ๑.๑ เป็นผลเมืองทด่ี ีของชาติ
๑.๒ ธำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย ๑.๓ ศรทั ธา ยดึ ม่ัน และปฏิบัติตนตามหลักศาสนา ๑.๔ เคารพเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษตั ริย์ ๒. ซ่อื สัตยส์ จุ ริต ตวั ช้วี ดั ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อคนเองทั้งกาย และวาจา ใจ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามเป็นจริงต่อผูอ้ นื่ ท้ัง กาย วาจา ใจ ๓. มวี นิ ยั ตวั ชี้วัด ๓.๑ ประพฤติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวชีว้ ัด ๔.๑ ต้งั ใจเพียรพยายามในการเรียน และเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๒ แสวงหาความรูร้ จู้ ากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการ เลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ตวั ชี้วัด ๕.๑ ดำเนินชวี ติ อยา่ งพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม ๕.๒ มีภมู ิคมุ้ กันในตัวท่ดี ี ปรับตวั เพือ่ อย่ใู นสงั คมได้อย่างมีความสุข ๖. มุ่งม่ันในการทำงาน ตวั ช้ีวัด ๖.๑ ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ทก่ี ารงาน ๖.๒ ทำงานดว้ ยเพยี รพยายามและอดทนเพ่อื ให้สำเรจ็ ตามเป้าหมาย ๗. รักความเปน็ ไทย ตัวช้ีวัด ๗.๑ ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทยและมีความกตัญญูกตเวที ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ๗.๓ อนรุ กั ษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ ตวั ชีว้ ัด ๘.๑ ชว่ ยเหลอื ผูอ้ นื่ ด้วยด้วยความเตม็ ใจโดยไมห่ วังผลตอบแทน ๘.๒ เขา้ ร่วมกิจกรรมท่เี ป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม
แบบประเมินการนำเสนอ ลำดั รายการประเมนิ คุณภาพการปฏบิ ตั ิ บท่ี 4321 1 นำเสนอเน้อื หาในผลงานได้ถูกต้อง 2 การนำเสนอมีความนา่ สนใจ 3 ความเหมาะสมกบั เวลา 4 ความกล้าแสดงออก 5 บคุ ลิกภาพ นำ้ เสยี งเหมาะสม รวม ลงชื่อ..............................................................................ผปู้ ระเมิน ......................./.........................../........................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน การนำเสนอผลงานสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน การนำเสนอผลงานยงั มีข้อบกพร่องเล็กน้อย ให้ 2 คะแนน การนำเสนอผลงานยังมีขอ้ บกพร่องเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน การนำเสนอผลงานมีขอ้ บกพรอ่ งมาก เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ ดีมาก ชว่ งคะแนน ดี 18-20 พอใช้ 14-17 ปรับปรุง 10-13 ต่ำกว่า 10
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ลำดั ช่อื – สกุล ความร่วมมือ การแสดง การรบั ฟงั การตงั้ ใจ การรว่ ม รวม บท่ี ของผรู้ บั การ ความคิดเหน็ ความคิดเห็น ทำงาน ปรับปรุง 20 ผลงานกลุม่ คะแนน ประเมิน 4321432143214321 4321 1 ส.ณ.กนั ธาดา ปาจี 2 ส.ณ.กิตติกร กองวงศ์ 3 สามเณรเจตนพิ ัทธ์ บญุ มา 4 ส.ณ.ณฐั นชิ เจริญสขุ 5 ส.ณ.ธนภทั ร ศรสี ขุ 6 ส.ณ.นริ าพัชร์ สาลี 7 ส.ณ.พงศ์พิสทุ ธิ์ มาเรือน 8 ส.ณ.ศิริพัฒน์กรณ์ ไพรพรฯ 9 ส.ณ.ศิริวัฒน์ วนชิ ศรีพนา 10 ส.ณ.อติวิชญ์ โสภณวิชกลุ 11 ส.ณ.อังคาร เหล่าจนั ทร์ 12 ส.ณ.รฐั ศาสตร์ เตชะตามี เกณฑ์การให้คะแนน = ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ดีมาก = 4 ............../.................../................ ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรงุ 1 เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั หมายเหตุ ครอู าจใชว้ ิธกี ารมอบหมายใหห้ ัวหนา้ คุณภาพ กลุม่ เป็นผู้ประเมนิ หรอื ให้ตัวแทนกลุ่มผลดั กัน 14-16 ดีมาก ประเมนิ หรอื ใหม้ ีการประเมินโดยเพอื่ น โดยตัวนักเรยี น 11-13 8-10 ดี เอง ตามความเหมาะสมกไ็ ด้ ตำ่ กวา่ 8 พอใช้ ปรบั ปรงุ
โครงสรา้ งเวลาเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์กับเวลา ม. 1 ภาคเรยี นที่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ชั่วโมงท่ี หมายเหตุ ปฐมนิเทศ ชัว่ โมงท่ี 1 ปฐมนเิ ทศและขอ้ ตกลงในการเรยี น หน่วยท่ี 1 เวลา ศักราช แผนที่ 1 เวลา ยคุ สมยั ทาง ช่ัวโมงที่ 2 เวลากบั ประวัตศิ าสตร์ และวธิ ีการทาง ประวตั ศิ าสตร์ และศกั ราช 1. เวลากบั ประวตั ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ (4 ชวั่ โมง) 2. การนบั เวลา (2 แผน) ชว่ั โมงที่ 3 การแบง่ ยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ 3. การแบง่ ยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ ชั่วโมงที่ 4 ศกั ราชและการเทียบศกั ราช 4. ศกั ราชและการเทียบศกั ราช ชว่ั โมงที่ 5 ตวั อยา่ งการใชค้ ำบอกเวลาและศักราช ในเอกสารประวัตศิ าสตรไ์ ทย 5. ตวั อยา่ งการใชค้ ำบอกเวลาและศักราชใน เอกสารประวัตศิ าสตรไ์ ทย แผนที่ 2 หลกั ฐานและวิธีการ ชัว่ โมงที่ 6 หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ ทางประวัตศิ าสตร์ 6. หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ (2 ช่ัวโมง) ชั่วโมงที่ 7 วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ 7. วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ หน่วยท่ี 2 สมัยก่อน แผนที่ 3 สมัยก่อน ชว่ั โมงท่ี 8 ปัจจยั ทมี่ ีอทิ ธิพลตอ่ การต้ังถิ่นฐานของ ประวัติศาสตรใ์ นดินแดน ประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนไทย มนุษย์ในดนิ แดนไทย ไทย (2 ช่ัวโมง) 1. ปัจจัยทีม่ ีอิทธพิ ลตอ่ การต้งั ถนิ่ ฐานของมนุษย์ใน (2 แผน) ดนิ แดนไทย 2. การศึกษาเร่อื งราวสมัยก่อนประวัตศิ าสตรใ์ น ดนิ แดนไทย ชั่วโมงที่ 9 ยุคหนิ และยุคโลหะในดินแดนไทย 3. ยุคหนิ ในดินแดนไทย 4. ยคุ โลหะในดินแดนไทย แผนที่ 4 ตัวอยา่ งแหลง่ ชัว่ โมงที่ 10 ตัวอย่างแหลง่ โบราณคดใี น โบราณคดใี นประเทศไทยและ ประวัตศิ าสตร์ ศิลปะถ้ำสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ 5. ตวั อย่างแหล่งโบราณคดใี นประวัติศาสตร์ (2 ชัว่ โมง) ชัว่ โมงที่ 11 ศลิ ปะถำ้ สมัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ชั่วโมงที่ หมายเหตุ 6. ศิลปะถ้ำสมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ ชว่ั โมงที่ 10 การทดสอบกลางภาค ปรบั เปลี่ยน ช่ัวโมงทดสอบ ตามความ เหมาะสม หน่วยที่ 3 รฐั โบราณ แผนที่ 5 แคว้นตามพรลิงค์และ ชั่วโมงที่ 12 แคว้นตามพรลงิ ค์ ในดินแดนไทย อาณาจกั รศรีวชิ ยั 1. แควน้ ตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) (3 แผน) (2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงที่ 13 อาณาจกั รศรีวิชยั 2. อาณาจกั รศรวี ิชยั แผนท่ี 6 อาณาจกั รทวารวดี ชว่ั โมงท่ี 14-15 อาณาจกั รทวารวดี (2 ช่ัวโมง) 3. อาณาจกั รทวารวดี แผนท่ี 7 แควน้ ละโว้และแควน้ ช่วั โมงท่ี 16 แควน้ ละโว้ หรภิ ุญชัย 4. แควน้ ละโว้ (ลพบรุ )ี (1 ช่ัวโมง) 5. แควน้ หรภิ ญุ ชัย หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 รฐั แผนที่ 8 แคว้นโยนกเชียงแสน ชั่วโมงท่ี 17 แคว้นโยนกเชียงแสนและแคว้นหริ ญั ไทย แควน้ หิรญั นครเงนิ ยาง นครเงนิ ยาง ในดินแดนไทย และแควน้ พะเยา 1. แควน้ โยนกเชียงแสน (3 แผน) (1 ชั่วโมง) 2. แคว้นหิรัญนครเงินยาง 3. แควน้ พะเยา แผนท่ี 9 อาณาจกั รลา้ นนา ชวั่ โมงที่ 18-19 อาณาจักรลา้ นนา (2 ชั่วโมง) 4. อาณาจกั รลา้ นนา แผนที่ 10 อาณาจักรสโุ ขทยั ช่ัวโมงท่ี 22 อาณาจักรสโุ ขทัย และอาณาจักรอยุธยา 5. อาณาจกั รสุโขทัย (2 ชั่วโมง) ชว่ั โมงที่ 23 อาณาจกั รอยธุ ยา 6. อาณาจักรอยธุ ยา ตามที่กำหนดไว้ ชว่ั โมงท่ี 20 การทดสอบปลายภาค ในปฏทิ นิ ปฏบิ ตั งิ าน
หน่วยการเรียนรู้ที่ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ชว่ั โมงท่ี หมายเหตุ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 ประวัติศาสตรไ์ ทยสมยั แผนที่ 11 การเมืองการ ชว่ั โมงที่ 25-26 การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัย สโุ ขทยั (3 แผน) ปกครองสมยั สุโขทัย 1. การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี (4 ชว่ั โมง) ช่ัวโมงท่ี 27-28 การเมืองการปกครองสมยั สโุ ขทยั ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (3 แผน) 2. การเมอื งการปกครองสมยั สุโขทัย แผนท่ี 12 ความสัมพนั ธ์ระหว่าง ชว่ั โมงที่ 29 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศสมยั ประเทศและเศรษฐกิจสมัย สโุ ขทยั สโุ ขทยั (2 ชวั่ โมง) 3. ความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศสมัยสุโขทัย ชั่วโมงที่ 30 เศรษฐกิจสมยั สโุ ขทัย 4. เศรษฐกจิ สมยั สุโขทัย แผนท่ี 13 สังคม ชว่ั โมงที่ 31 สงั คมและศิลปวัฒนธรรมสมยั สุโขทยั ศลิ ปวัฒนธรรม และภมู ิปญั ญา 5. สังคมสมยั สุโขทยั ไทยสมยั สโุ ขทัย 6. ศิลปวัฒนธรรมสมัยสโุ ขทัย (2 ชั่วโมง) ชั่วโมงท่ี 32 ภูมปิ ัญญาไทยสมัยสุโขทัย 7. ภูมปิ ญั ญาไทยสมยั สโุ ขทยั แผนที่ 14 ลักษณะทาง ชั่วโมงท่ี 33 ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของเอเชยี ภมู ิศาสตรแ์ ละอารยธรรมใน ตะวนั ออกเฉียงใต้ เอเชยี 1. ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องเอเชียตะวนั ออก ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เฉียงใต้ (2 ชัว่ โมง) ชว่ั โมงท่ี 34 อารยธรรมในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ 2. อารยธรรมในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ แผนท่ี 15 อิทธพิ ลของอนิ เดีย ช่วั โมงท่ี 35 รัฐในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ภายหลัง จนี และชาตติ ะวนั ตกในเอเชีย การรับอิทธพิ ลอนิ เดยี และจนี ตะวันออกเฉียงใต้ 3. รฐั ในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใตภ้ ายหลังการรบั (2 ชว่ั โมง) อิทธพิ ลอินเดียและจนี ชัว่ โมงที่ 36 การขยายอิทธพิ ลของชาติตะวนั ตก ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4. การขยายอทิ ธิพลของชาติตะวันตกในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ชัว่ โมงที่ หมายเหตุ แผนท่ี 16 ประเทศเพ่ือนบา้ นใน ช่วั โมงที่ 37 ประเทศในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ใน เอเชียใตต้ ะวันออกเฉยี งใน ปัจจบุ นั ปัจจุบนั (2 ชวั่ โมง) 5. ประเทศในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ในปัจจบุ นั ชั่วโมงที่ 38 การรวมกลมุ่ ของประเทศในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ และแหลง่ มรดกโลกในประเทศ ต่าง ๆ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ 6. การรวมกลมุ่ ของประเทศในเอเชยี ตะวันออก เฉยี งใต้ 7. แหลง่ มรดกโลกในประเทศตา่ ง ๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ชั่วโมงท่ี 39-40 การทดสอบปลายภาค
สาระ ส ๒๑๑๐๓ ประวัติศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียน เวลา 1 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรม์ าวเิ คราะหเ์ หตุการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์และการ เปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ตระหนกั ถงึ ความสำคัญและสามารถวเิ คราะห์ผลกระทบทเ่ี กิดขึ้น มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภมู ิปัญญาไทย มีความรกั ความภูมใิ จ และธำรงความเปน็ ไทย 2. ตัวช้วี ัดชัน้ ปี 1. วเิ คราะหค์ วามสำคัญของเวลาในการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/1) 2. เทียบศกั ราชตามระบบต่าง ๆ ท่ใี ชศ้ ึกษาประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/2) 3. นำวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาใชศ้ กึ ษาเหตกุ ารณ์ทางประวตั ศิ าสตร์ (ส 4.1 ม. 1/3) 4. อธิบายพฒั นาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศตา่ ง ๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ส 4.2 ม. 1/1) 5. ระบคุ วามสำคัญของแหล่งอารยธรรมในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ (ส 4.2 ม. 1/2) 6. อธบิ ายเรื่องราวทางประวัติศาสตรส์ มยั ก่อนสุโขทัยในดินแดนไทยโดยสังเขป (ส 4.3 ม. 1/1) 7. วเิ คราะห์พฒั นาการของอาณาจกั รสุโขทยั ในดา้ นต่าง ๆ (ส 4.3 ม. 1/2) 8. วเิ คราะห์อทิ ธิพลของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยสมยั สโุ ขทัยและสงั คมไทยในปัจจุบนั (ส 4.3 ม. 1/3) 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การจัดการเรียนรรู้ ายวชิ าพนื้ ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 เป็นไปตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 สำหรบั นักเรียนระดบั ช้นั มัธยมศึกษา โดยได้กำหนดมาตรฐานการเรยี นรขู้ อง รายวิชาพืน้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 เป็น 3 มาตรฐาน และยงั ได้กำหนดตวั ช้ีวดั ชั้นปีทีส่ อดคล้องกับมาตรฐาน การเรียนรู้ เพื่อพฒั นานักเรยี นให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ัดทห่ี ลักสูตรกำหนด 4. สาระการเรียนรู้ 1. เทคนคิ และวิธีการจัดการเรยี นรู้รายวิชาพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ 2. แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้รายวิชาพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ 3. ตารางวิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ัดช่วงช้ันกบั สาระในหน่วยการเรียนรู้ 4. คำอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 5. โครงสรา้ งรายวิชาพน้ื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 6. โครงสร้างเวลาเรยี น รายวชิ าพ้นื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 3. มวี ินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. ภาระงาน/ชิน้ งาน ภาระงานรวบยอด – การตอบคำถามเก่ยี วกับการจดั การเรยี นรูร้ ายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ – การอภิปรายแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั การจัดการเรยี นรู้รายวชิ าพ้นื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ 8. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยม (A) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ประเมนิ พฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรูเ้ ร่ือง ประเมินพฤติกรรมในการ ทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือ ปฐมนเิ ทศและข้อตกลง ทำงานเปน็ รายบคุ คลในดา้ น เป็นกลุ่มในดา้ นการส่ือสาร การคดิ การแก้ปญั หา ฯลฯ ในการเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน ความมีวินยั ความใฝ่เรยี นรู้ ฯลฯ ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรม เปน็ รายบคุ คลหรือเป็นกลุม่ 9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1 นำเข้าสู่บทเรียน ชว่ั โมงที่ 1
1. ครูสร้างบรรยากาศและสง่ิ แวดลอ้ มในการเรยี นรทู้ ีเ่ หมาะสมเพื่อกระตนุ้ ให้นักเรียนอยากเรยี นรู้ เช่น จัดนั่งเรียนแบบรปู ตวั U นง่ั เรยี นเป็นกลมุ่ นำนกั เรียนศกึ ษานอกห้องเรยี น เช่น หอ้ งประชุม ห้องโสต- ทศั นศึกษา สนามหญ้าใตร้ ่มไม้ 2. ครูแนะนำตนเอง แล้วให้นักเรียนแนะนำตนเองตามลำดับตัวอกั ษร หรือตามลำดับหมายเลข ประจำตัว หรอื ตามแถวทีน่ ่ัง ตามความเหมาะสม 3. ครใู หค้ วามร้ทู ่ัว ๆ ไปเกย่ี วกับการจดั การเรียนรู้รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ พร้อมซักถาม นกั เรียนในประเดน็ ตา่ ง ๆ เช่น 1) ทำไมเราจึงตอ้ งเรยี นวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 2) วิชาประวัตศิ าสตร์มคี วามสำคญั และจำเป็นตอ่ เราหรือไม่ เพราะอะไร 4. ครสู รุปความรแู้ ลว้ เชอื่ มโยงไปสเู่ นอ้ื หาทจ่ี ะเรยี น ขนั้ ที่ 2 กิจกรรมการเรยี นรู้ 5. ครศู กึ ษาข้อมลู เรื่อง การจัดการเรียนรูร้ ายวชิ าพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 โดยใชข้ อ้ มูลจากหน้า สารบัญในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 ของบริษัท สำนกั พิมพว์ ฒั นาพานชิ จำกดั จากนั้นอธิบายเพ่ือทำความเข้าใจกับนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี้ (โดยใชข้ ้อมลู จากตอนท่ี 1 ) 1) คำอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 2) โครงสรา้ งรายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 3) โครงสรา้ งเวลาเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 6. ครบู อกเทคนิคและวธิ กี ารจัดการเรียนรรู้ ายวิชาพนื้ ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 โดยสรุปว่ามเี ทคนิค และวธิ กี ารเรยี นรูอ้ ะไรบา้ ง (โดยใช้ขอ้ มลู จากตอนท่ี 1) 7. ครสู นทนาและซกั ถามนักเรยี นเพ่อื ทำความเข้าใจถึงแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 (โดยใช้ขอ้ มลู จากตอนท่ี 1) รวมทง้ั เกณฑ์ตัดสินผลการเรียนรู้ ในประเด็น ต่าง ๆ เชน่ 1) รายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 มเี วลาเรียนเท่าไร 2) รายวิชาน้ีจะสอบและเก็บคะแนนอย่างไร เท่าไร 3) รายวิชาน้ีจะตดั สินผลการเรยี นอยา่ งไร 8. ครแู นะนำการเรยี นรแู้ ละแหลง่ การเรยี นร้ทู ่ีจะใช้ประกอบการเรียนรู้ รายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 โดยใชข้ อ้ มลู จากหน้าบรรณานุกรมในหนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 ของบริษทั สำนักพิมพว์ ฒั นาพานชิ จำกดั นอกจากน้ีครูแนะนำแหล่งสืบค้นความร้ขู ้อมลู เพิ่มเติมเกีย่ วกับเร่ือง ต่าง ๆ ที่ได้ระบไุ วใ้ นแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ในหนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 ของบริษัท สำนกั พิมพ์วฒั นาพานชิ จำกัด เพ่อื ทำความเข้าใจถึงแหล่งสืบคน้ ความรแู้ ตล่ ะอย่าง 9. ครสู นทนาและซักถามนักเรียนและรว่ มกนั ทำข้อตกลงในการเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 1) เวลาเรยี น ตอ้ งเข้าเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนในรายวชิ าน้ี หรอื ไม่ขาด เรยี นเกนิ 3 คร้ัง กรณปี ว่ ยต้องส่งใบลาโดยผู้ปกครองลงชื่อรับรองการลา 2) ควรเข้าหอ้ งเรียนตรงเวลาและรกั ษามารยาทในการเรยี น
3) เมอ่ื เริม่ เรียนแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้จะมีการทดสอบก่อนเรยี น และหลังจากเรยี นจบแต่ละ หนว่ ยการเรียนรู้แล้วจะมกี ารทดสอบหลงั เรียน 4) ในช่วั โมงท่มี กี ารฝกึ ปฏิบัติงาน ควรเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือให้พร้อม โดยจดั หา ไว้ลว่ งหนา้ 5) รบั ผดิ ชอบการเรียน การสรา้ งชนิ้ งาน และการสง่ งานตามเวลาท่กี ำหนด 6) รักษาความสะอาดบริเวณทปี่ ฏบิ ัติกจิ กรรม วสั ดุ อปุ กรณ์ และเครื่องมือให้พร้อม โดย จัดหาไวล้ ่วงหน้า ขั้นที่ 3 ฝกึ ฝนผ้เู รยี น 10. ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับแหล่งการเรียนรู้และแหลง่ สืบคน้ ความรู้ อน่ื ๆ ทีจ่ ะนำมาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 จากน้นั ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ และบันทกึ ผล ข้นั ท่ี 4 นำไปใช้ 11. ครูให้นกั เรียนพิจารณาวา่ จากหวั ข้อที่เรยี นมาและการปฏิบตั ิกิจกรรมมเี รื่องอะไรบ้างที่ยังไมเ่ ข้าใจ หรอื มีข้อสงสัย ถ้ามีครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 12. ครูใหน้ ักเรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมวา่ มีปัญหาหรอื ปอุปสรรคใด และได้แก้ไขอยา่ งไร บ้าง 13. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชนท์ ไี่ ด้รับจากการเรียนหัวข้อนี้และการ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 14. ครูให้นักเรยี นนำประโยชน์จากการเรยี นรู้เรื่อง ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรยี นรายวชิ า พ้นื ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 ไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิใหถ้ ูกต้องเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การจัดการเรียนรู้ ขั้นท่ี 5 สรปุ 15. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เรื่อง ปฐมนเิ ทศและข้อตกลงในการเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 โดยให้นักเรียนบนั ทึกข้อสรุปลงในแบบบันทึกความรู้ หรือสรุปเปน็ แผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทัศนล์ งในสมุด พร้อมทง้ั ตกแตง่ ให้สวยงาม 16. ครูมอบหมายให้นักเรยี นอา่ นเนือ้ หาเก่ียวกบั เวลา ศักราช และวิธีการทางประวัติศาสตร์ เร่อื ง เวลากับประวตั ิศาสตร์ เปน็ การบา้ นเพอ่ื เตรียมจดั การเรยี นรใู้ นคร้งั ต่อไป 10. ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนกั พมิ พว์ ัฒนาพานิช จำกัด 2. คู่มอื การสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บริษทั สำนักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จำกัด 3. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนักพิมพว์ ฒั นาพานชิ จำกดั
11. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสำเร็จในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. ส่งิ ที่ไมไ่ ด้ปฏิบตั ติ ามแผน เหตุผล 4. การปรบั ปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่อื ผสู้ อน //
สาระ ส ๒๑๑๐๓ ประวัตศิ าสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เวลา ศักราช และวิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ เวลา ๖ ชว่ั โมง ผังมโนทศั น์เป้าหมายการเรียนรแู้ ละขอบขา่ ยภาระงาน/ชิ้นงาน ความรู้ 1. เวลากบั ประวัติศาสตร์ 2. การนับเวลา 3. การแบ่งยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตร์ 4. ศกั ราชและการเทยี บศกั ราช 5. ตัวอย่างการบอกเวลาและศกั ราชใน เอกสารทางประวัติศาสตร์ไทย ทกั ษะ6/ก. หระลบกั วฐนานกทาารงประวตั ิศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม 1. การส7อ่ื .สวาิธรีการทางประวตั ิศาสตร์ และค่านิยม 1. มวี นิ ัย 2. การคดิ วธิ ีการและ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. รับผิดชอบ 3. การแกป้ ัญหา หลกั ฐานทาง ประวตั ศิ าสตร์ 4. การใช้เทคโนโลยี 5. กระบวนการกลมุ่ ภาระงาน/ชน้ิ งาน 4. รกั ความเป็นไทย 1. การทำแบบทดสอบ 5. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 2. การอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ 3. การตอบคำถามเก่ยี วกับเวลากบั ประวตั ศิ าสตร์ 4. การเลน่ เกมตอบคำถามเกี่ยวกบั ยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ 5. การเทยี บศกั ราชจากข่าว 6. การคน้ ควา้ และยกตวั อย่างการใช้คำบอกเวลาและศักราช 7. การสำรวจหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ 8. การฝึกใชว้ ธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ 9. การทาใบงาน 10. การนาเสนอผลงาน
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เวลา ศักราช และวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ ขน้ั ท่ี 1 ผลลพั ธป์ ลายทางทต่ี ้องการใหเ้ กิดขนึ้ กบั นักเรียน ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี 1. วเิ คราะห์ความสำคัญของเวลาในการศกึ ษาประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/1) 2. เทียบศักราชตามระบบตา่ ง ๆ ท่ใี ชศ้ ึกษาประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ป. 1/2) 3. นำวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาใชศ้ ึกษาเหตกุ ารณท์ างประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/3) ความเขา้ ใจทีค่ งทนของนกั เรียน คำถามสำคญั ท่ีทำให้เกิดความเขา้ ใจท่ีคงทน นกั เรียนจะเข้าใจว่า... เวลามีความสำคญั ต่อประวัติศาสตร์อยา่ งไร เวลาจะช่วยทำให้ลำดบั เหตุการณ์ทาง การแบ่งยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์มปี ระโยชน์ ประวัติศาสตร์ได้ถูกตอ้ ง อยา่ งไร ศักราชท่ีปรากฏในหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์มี การเทยี บเวลาเป็นศักราชมีประโยชน์อย่างไร หลายระบบ ผ้ศู ึกษาประวตั ิศาสตรจ์ ึงตอ้ งรู้วิธี หลักฐานทางประวัติศาสตรม์ ีความสำคญั อยา่ งไร เทยี บศกั ราช วิธีการทางประวัติศาสตรม์ ปี ระโยชนต์ อ่ การศกึ ษา การศกึ ษาประวัติศาสตร์ใช้วธิ กี ารทาง ประวตั ศิ าสตร์อย่างไร ประวัติศาสตร์ โดยตอ้ งอาศยั หลกั ฐานทาง ประวัติศาสตร์เพ่ือคน้ หาข้อมูลตา่ ง ๆ อันจะ นำไปสกู่ ารสรุปข้อเท็จจริงทางประวัตศิ าสตร์ ความรขู้ องนักเรยี นทนี่ ำไปสู่ความเขา้ ใจที่คงทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรยี นทีน่ ำไปสู่ความ นกั เรยี นจะรู้วา่ ... เขา้ ใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ... คำสำคญั ไดแ้ ก่ ยูเนสโก สำริด จารึก ปเี ต็ม ปี อภปิ รายความสำคัญของเวลาในการศึกษา ยา่ ง ศิลาจารกึ อักษรปัลลวะ นักมานษุ ยวิทยา ประวตั ศิ าสตร์ เวลาช่วยทำใหล้ ำดบั เหตุการณท์ าง เทียบศกั ราชตามระบบต่าง ๆ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ประวัตศิ าสตร์ได้ถูกตอ้ ง นำวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรม์ าใช้ศึกษา การนับเวลาในระบบสุรยิ คติเป็นวธิ ีการนับวัน ประวตั ศิ าสตรไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม และเดอื นโดยถอื ตำแหน่งของดวงอาทติ ยเ์ ป็น หลัก ส่วนการนบั เวลาในระบบจันทรคติถือเอา ดวงจนั ทร์เปน็ หลกั นกั ประวัตศิ าสตร์แบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ ออกเป็น 2 สมัย คือ สมัยก่อนประวตั ศิ าสตร์ ซ่งึ ได้แบ่งออกเป็นสมยั ตา่ ง ๆ ได้หลายแบบ เช่น แบ่งตามพฒั นาการทางเศรษฐกจิ และสงั คม มนษุ ย์ แบ่งตามเทคโนโลยกี ารทำเครื่องมือ เครื่องใช้ และสมัยประวัติศาสตรแ์ บ่งได้หลาย แบบเชน่ เดยี วกนั เชน่ แบง่ ตามราชธานี แบ่งตาม
รัชกาล และแบง่ ตามรฐั บาล ศกั ราชเปน็ อายุของเวลา ซงึ่ เร่ิมต้นตงั้ แตเ่ กดิ เหตกุ ารณ์สำคัญอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ทถ่ี อื เปน็ หลัก ของการตง้ั ศักราชนน้ั แลว้ นบั เรียงลำดบั ต่อกันมา เปน็ ปี ๆ ศักราชที่สำคัญ เช่น พทุ ธศกั ราช ครสิ ต์ศักราช มหาศักราช จลุ -ศกั ราช รัตนโกสิ นทรศก และฮจิ เราะห์ศักราช สว่ นรอบทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษเปน็ การนบั เวลาเปน็ รอบ ละ 10 ปี 100 ปี และ1,000 ปี นอกจากนผ้ี ู้ ศกึ ษาประวัติศาสตรย์ ังตอ้ งรวู้ ิธเี ทยี บศกั ราชเพ่ือ เปรยี บเทียบชว่ งเวลาทเี่ กิดเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ได้ ดว้ ย หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์เป็นร่องรอยการ กระทำของมนษุ ย์ในอดีตท่ียังหลงเหลอื อยใู่ น ปจั จุบัน หลกั ฐานทางประวัติศาสตรถ์ า้ จำแนก ตามลักษณะ แบ่งออกเปน็ หลักฐานท่ีเป็นลาย ลกั ษณ์อกั ษรและหลกั ฐานท่ไี มเ่ ป็นลายลักษณ์ อักษร และถ้าจำแนกตามความสำคัญของ หลกั ฐาน แบ่งออกเป็นหลักฐานชั้นตน้ และ หลกั ฐานชั้นรอง การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์โดยใช้วิธกี ารทาง ประวตั ิศาสตร์ วิธีการนีต้ ้องอาศยั หลกั ฐานทาง ประวัติศาสตรเ์ พ่ือคน้ หาข้อมูลต่าง ๆ อนั จะ นำไปสู่การสรุปข้อเท็จจรงิ ทางประวตั ศิ าสตร์ มี 5 ข้ันตอน คือ การกำหนดปัญหาหรอื เร่อื งที่จะ ศกึ ษา การรวบรวมหลกั ฐาน การตรวจสอบและ ประเมินหลักฐาน การตีความหลกั ฐาน การเรยี บ เรยี งและนำเสนอ ขน้ั ที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ซ่ึงเป็นหลักฐานที่แสดงว่านกั เรียนมีผลการเรียนรู้ ตามทก่ี ำหนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานที่นักเรยี นต้องปฏิบัติ 1.1. ตอบคำถามเก่ียวกับเวลากับประวัติศาสตร์ 1.2. เลน่ เกมตอบคำถามเกี่ยวกับยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ 1.3. เทยี บศกั ราชจากขา่ ว 1.4. คน้ ควา้ และยกตัวอย่างการใช้คำบอกเวลาและศักราช
1.5. สำรวจหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 1.6. ฝกึ ใช้วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ 2. วธิ กี ารและเครื่องมือประเมินผลการเรยี นรู้ 2.1 วิธกี ารประเมินผลการเรียนรู้ 2.2 เครื่องมอื ประเมินผลการเรียนรู้ 1) การทดสอบ 1) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 2) การประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรม 2) แบบประเมนิ ผลงาน/กิจกรรม เป็นรายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ 3) การประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม 3) แบบประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม และค่านิยม 4) การประเมนิ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 4) แบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 3. สง่ิ ที่มงุ่ ประเมิน 3.1 ความเขา้ ใจ 6 ดา้ น ได้แก่ การอธบิ าย ชี้แจง การแปลความและตีความ การประยุกต์ ดัดแปลง และนำไปใช้ การมีมมุ มองท่หี ลากหลาย การให้ความสำคัญใสใ่ จในความรู้สกึ ของผ้อู ื่น และการรู้จักตนเอง 3.2 ทักษะ/กระบวนการ เชน่ การสื่อสาร การใชเ้ ทคโนโลยี การคิด การแกป้ ญั หา กระบวนการ กลมุ่ 3.3 คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม เช่น มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง รักความเป็นไทย รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มีจิตสาธารณะ ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ มีความรับผดิ ชอบ ขน้ั ท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เวลา ยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ และศกั ราช เวลา 4 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 หลักฐานและวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง
สาระที่ 4 ประวตั ิศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เวลา ศกั ราช และวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ เวลา ๖ ชั่วโมง 1. สาระสำคญั เวลาช่วยทำให้ลำดบั เหตุการณ์ทาง ประวตั ิศาสตรไ์ ด้ถกู ต้อง การนบั เวลาในระบบสุรยิ คติเป็นวิธกี ารนับวนั และเดอื นโดยถอื ตำแหนง่ ของดวงอาทติ ยเ์ ป็นหลัก ส่วน การนับเวลาในระบบจันทรคติถือเอาดวงจนั ทรเ์ ปน็ หลัก นักประวตั ิศาสตร์แบ่งยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตรอ์ อกเป็น 2 สมัย คอื สมยั ก่อนประวัติศาสตร์ ซง่ึ ได้ แบ่งออกเปน็ สมัยต่าง ๆ ได้หลายแบบ เช่น แบ่งตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมมนษุ ย์ แบ่งตาม เทคโนโลยกี ารทำเครื่องมือเคร่อื งใช้ และสมัยประวตั ศิ าสตร์แบง่ ได้หลายแบบเช่นเดยี วกัน เช่น แบง่ ตามราช ธานี แบ่งตามรัชกาล และแบ่งตามรฐั บาล ศักราชเป็นอายุของเวลา ซ่ึงเริ่มตน้ ตัง้ แตเ่ กิดเหตุการณ์สำคัญอยา่ งใดอย่างหน่ึงทถ่ี ือเป็นหลักของการ ตง้ั ศักราชนน้ั แลว้ นับเรยี งลำดับตอ่ กันมาเปน็ ปี ๆ ศักราชที่สำคัญ เชน่ พุทธศักราช ครสิ ต์ศักราช มหาศักราช จลุ -ศักราช รัตนโกสนิ ทรศก และฮจิ เราะห์ศักราช ส่วนรอบทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษเป็นการนับเวลา เปน็ รอบละ 10 ปี 100 ปี และ1,000 ปี นอกจากนีผ้ ้ศู กึ ษาประวัตศิ าสตร์ยังตอ้ งร้วู ธิ เี ทียบศักราชเพอ่ื เปรียบเทียบชว่ งเวลาทีเ่ กิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดว้ ย 2. ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี 1. วิเคราะหค์ วามสำคญั ของเวลาในการศึกษาประวตั ิศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/1) 2. เทียบศักราชตามระบบต่าง ๆ ทใ่ี ช้ศกึ ษาประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ป. 1/2) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายความสัมพนั ธ์และความสำคญั ของเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร์ได้ (K) 2. อธบิ ายการนับเวลาระบบสุริยคตแิ ละระบบจันทรคติได้ (K) 3. อธบิ ายการแบง่ ยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ได้ (P) 4. อธบิ ายศักราชระบบต่าง ๆ และการเทียบศกั ราชได้ (K,P) 5. ยกตัวอย่างการใช้คำบอกเวลาและศักราชในเอกสารประวตั ิศาสตร์ไทยได้ (K,P) 6. สนใจศึกษาเรยี นรู้เกย่ี วกับเวลา การนบั เวลา การแบง่ ยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ ศักราชและการ เทยี บศกั ราช (A)
4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) คา่ นิยม (A) • ประเมนิ พฤติกรรมในการ ทดสอบก่อนเรยี น • ประเมินพฤตกิ รรมในการ ทำงานเป็นรายบคุ คลหรือ เปน็ กลุ่มในด้านการสื่อสาร ซักถามความรูเ้ ร่ือง เวลา ยคุ ทำงานเป็นรายบุคคลในดา้ น การคิด การแก้ปัญหา ฯลฯ สมยั ทางประวัติศาสตร์ และ ความมวี ินยั ความใฝ่เรยี นรู้ ศักราช ฯลฯ ตรวจผลงาน/กจิ กรรม เปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ 5. สาระการเรียนรู้ 1. เวลากบั ประวตั ิศาสตร์ 2. การนับเวลา 3. การแบ่งยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ 4. ศักราชและการเทยี บศักราช 5. ตัวอยา่ งการใชค้ ำบอกเวลาและศักราชในเอกสารประวัตศิ าสตร์ไทย 6. แนวทางการบูรณาการ ฟงั พดู อา่ น และเขยี นข้อมูลเกีย่ วกับเวลา การนับเวลา การแบ่งยคุ ภาษาไทย สมัยทางประวตั ศิ าสตร์ ศกั ราชและการเทยี บศกั ราช คณิตศาสตร์ คำนวณการเทียบศักราช ภาษาต่างประเทศ ฟงั พดู อ่าน และเขยี นคำศัพท์ภาษาองั กฤษเกยี่ วกับเวลา การนบั เวลา การแบง่ ยคุ สมยั ทางประวัติศาสตร์ ศักราชและการเทยี บศกั ราช 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 2 ข้นั ท่ี 1 นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูแจ้งตวั ชวี้ ัดชนั้ ปีและจุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นักเรียนทราบ 2. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น 3. ครสู นทนาและซักถามนักเรียนเกี่ยวกับความสมั พันธ์ของเวลากบั ประวัตศิ าสตร์ วา่ เร่ืองทเี่ กิดขึ้นใน อดีตเกี่ยวข้องกบั เวลาอยา่ งไร ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันแสดงความคดิ เห็น จากน้นั ครูสรุปเพื่อเชื่อมโยงไปสู่เน้อื หาท่ี จะเรียน ขน้ั ท่ี 2 กิจกรรมการเรียนรู้ เวลากบั ประวตั ศิ าสตร์ 4. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกยี่ วกับเวลากับประวตั ิศาสตรเ์ รอื่ ง ความสัมพนั ธ์ระหว่างเวลากับ ประวตั ศิ าสตร์และความสำคัญของเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร์
5. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) เวลากับประวัติศาสตร์มคี วามสมั พนั ธก์ นั อย่างไร 2) เวลามีความสำคัญต่อการศกึ ษาประวตั ิศาสตรห์ รือไม่ อยา่ งไร 6. ครใู หน้ ักเรยี นสรปุ บนั ทึกผล แล้วสง่ ตวั แทนกลุม่ ออกมานำเสนอผลการอภิปรายหน้าชนั้ เรยี น แล้ว เปิดโอกาสให้เพ่ือน ๆ กลมุ่ อ่ืนแสดงความคิดเห็น 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการอภปิ ราย 8. ครใู ห้นกั เรียนทำกจิ กรรมทีเ่ กีย่ วกบั เวลากบั ประวตั ิศาสตร์ แลว้ ช่วยกันเฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง การนบั เวลา 9. ครทู บทวนความรเู้ รอื่ ง เวลากบั ประวตั ศิ าสตร์แลว้ อธิบายเรือ่ ง การนับเวลาท้ังในระบบสรุ ยิ คติและ ในระบบจันทรคติ 10. ครนู ำปฏิทิน 2 ฉบบั มาให้นกั เรยี นดู โดยฉบับที่ 1 บอกเวลาในระบบสุริยคติ ฉบับที่ 2 บอกเวลา ทงั้ ในระบบสุริยคติและในระบบจนั ทรคติ แล้วซักถามนกั เรียนในประเดน็ ตา่ ง ๆ เช่น 1) วนั ท่ี 1 มกราคมในปนี ี้ตรงกับวนั ข้นึ หรือวนั แรมกี่ค่ำ 2) เดอื นนีเ้ ปน็ เดือนเต็มหรอื เดือนขาด 3) ปีนี้เป็นปีปกติสุรทินหรือปีอธิกสุรทินหรือไม่ เพราะเหตุใด 4) ปีนตี้ รงกับปนี ักษตั รใด 5) ปฏิทนิ 2 ฉบับนี้ ฉบบั ไหนให้ข้อมูลมากกวา่ 11. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบคำถาม นักเรยี นคนใดร้คู ำตอบใหย้ กมอื ข้ึนตอบ ครูกล่าวชมเชยนกั เรียนที่ ช่วยกนั ตอบคำถาม จากน้นั ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ แลว้ ใหน้ กั เรียนบนั ทึกข้อสรุปลงในสมุด 12. ครูใหน้ กั เรียนทำกิจกรรมที่เกยี่ วกบั การนับเวลาแลว้ ช่วยกันเฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง 13. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนอา่ นเนื้อหาเรอ่ื ง การแบง่ ยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ เปน็ การบ้านเพ่ือเตรยี ม จัดการเรยี นรู้ในครงั้ ต่อไป ชวั่ โมงท่ี 3 การแบ่งยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ 14. ครทู บทวนความร้เู รื่อง การนบั เวลา แลว้ ซักถามนักเรยี นวา่ ยคุ สมัยทางประวัติศาสตรแ์ บ่ง อยา่ งไร และใช้เกณฑ์อะไรในการแบง่ ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตอบโดยใชข้ ้อมูลจากเร่ืองที่ไดร้ ับมอบหมายใหไ้ ปอา่ น มา จากนัน้ ครสู รปุ คำตอบของนักเรียนและอธิบายเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับการแบ่งยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ 15. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3–5 คน เล่นเกมตอบคำถาม โดยใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ไปนง่ั ที่ มุมต่าง ๆ ของห้องเรียน ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกันคดิ คำตอบจากคำถามท่ีครูถาม และช่วยกนั ตอบ เช่น 1) เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องมีการแบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ 2) การแบง่ ยุคสมัยประวตั ิศาสตรม์ ีการแบง่ อย่างไรบา้ ง 3) สมัยกอ่ นประวัตศิ าสตร์แบง่ ยอ่ ยออกเปน็ แบบใดได้บ้าง 4) การศึกษาเร่ืองราวยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์อาศัยหลกั ฐานประเภทใดบา้ ง 16. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกับเฉลยคำตอบและสรปุ ความรู้ 17. ครูให้นักเรียนทำกจิ กรรมทเี่ ก่ยี วกับการแบ่งยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ แล้วช่วยกนั เฉลยคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง
18. ครมู อบหมายให้นักเรียนอา่ นเนอื้ หาเรอ่ื ง ศักราชและการเทียบศักราช และสืบคน้ ข้อมลู เพ่อื ตอบคำถามวา่ ศักราชคืออะไร ศักราชระบบต่าง ๆ ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาประวัติศาสตร์มีอะไรบา้ งเปน็ การบ้านเพื่อเตรยี มจัดการ เรยี นรู้ในคร้งั ต่อไป ชว่ั โมงที่ 4 ศกั ราชและการเทียบศักราช 19. ครทู บทวนความรูเ้ รอ่ื ง การแบ่งยคุ สมยั ทางประวัติศาสตร์ แลว้ ซกั ถามนักเรียนวา่ ศกั ราชคือ อะไร และศกั ราชระบบต่าง ๆ ทใี่ ช้ในการศึกษาประวตั ศิ าสตร์มอี ะไรบา้ ง ให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบโดยใช้ข้อมลู จากเรือ่ งทไ่ี ด้รบั มอบหมายให้ไปอ่านมา จากน้นั ครสู รปุ คำตอบของนกั เรียนแล้วอธบิ ายเกี่ยวกับศกั ราชและการ เทียบศักราช 20. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มหาข่าวหรือบทความท่รี ะบุปศี ักราช แล้ว นำมาเทียบศักราชระบบตา่ ง ๆ ว่าไดค้ ำตอบเท่าไร แล้วบนั ทึกผล 21. ครใู ห้แตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาอ่านข่าวหรือบทความหน้าชัน้ เรียนพรอ้ มทง้ั เทียบศกั ราชให้ เพ่อื นรว่ มชัน้ ดู และเพ่ือน ๆ ช่วยกันตรวจสอบคำตอบ โดยครคู อยใหค้ ำแนะนำและเสริมความรู้ 22. ครูใหน้ กั เรียนเทียบเวลาของไทยกบั ประเทศสมาชิกอาเซียนและการใชศ้ ักราชของประเทศ สมาชกิ อาเซียนวา่ แตล่ ะประเทศใชแ้ บบไหน บนั ทึกผล แล้วนำเสนอในช้ันเรยี น ตวั อยา่ งการใชค้ ำบอกเวลาและศักราชในเอกสารประวตั ิศาสตรไ์ ทย 23. ครูให้นักเรยี นเขียนเรียงความเรอ่ื ง แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง วา่ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร โดยระบุเวลาแลว้ เทยี บศกั ราชใหช้ ดั เจน 24. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นอา่ นเน้อื หาเร่อื ง ตวั อยา่ งการใช้คำบอกเวลาและศักราชในเอกสาร ประวัติศาสตรไ์ ทย เป็นการบ้านเพอ่ื เตรยี มจัดการเรยี นรใู้ นคร้งั ตอ่ ไป ชั่วโมงท่ี 5 25. ครูทบทวนความรู้เรือ่ ง การเทียบศักราช แลว้ เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสัยต่าง ๆ จาก เร่อื งที่ได้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา โดยครตู อบข้อสงสยั และอธิบายเพม่ิ เติม 26. ครูให้ความรเู้ พ่ิมเติมแก่นักเรยี นนักเรียนเกี่ยวกบั ตัวอย่างการใชค้ ำบอกเวลาและศักราชใน เอกสารประวัติศาสตร์ไทย 27. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4–6 คน แตล่ ะกลุ่มค้นควา้ และยกตัวอยา่ งการใชค้ ำบอกเวลา และศักราชในเอกสารประวัติศาสตรไ์ ทย แลว้ บนั ทึกผล 28. ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานใหเ้ พอ่ื น ๆ ฟังพร้อมเปิดโอกาสใหเ้ พื่อน ๆ ซักถามข้อสงสยั ตา่ ง ๆ โดยครูคอยแนะนำและเสริมความรู้ 29. ในขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนักเรยี น ให้ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ 30. ครใู หน้ กั เรียนทำกิจกรรมที่เกี่ยวกบั ตัวอย่างการใช้คำบอกเวลาและศักราชในเอกสาร ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย แลว้ ช่วยกนั เฉลยคำตอบทถ่ี ูกต้อง ขัน้ ที่ 3 ฝกึ ฝนผเู้ รียน
31. ครใู ห้นกั เรยี นทำกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกับเวลา ยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ และศกั ราช ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม.1 ของบริษัท สำนักพิมพ์วฒั นาพานชิ จำกัด แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบที่ ถูกต้อง ขนั้ ท่ี 4 นำไปใช้ 32. ครแู นะนำให้นักเรยี นนำความรู้เรือ่ งเวลา ยุคสมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ และศักราชมาใช้ศึกษา ประวตั ศิ าสตร์ ข้นั ที่ 5 สรุป 33. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้เู ร่อื ง เวลา ยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ และศกั ราช โดยให้ นักเรยี นสรปุ เป็นแผนทค่ี วามคิด 34. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนอื้ หาเรือ่ ง หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ เปน็ การบ้านเพอื่ เตรียม จดั การเรียนรใู้ นครัง้ ตอ่ ไป 8. กิจกรรมเสนอแนะ ครใู ห้นักเรียนศึกษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกับเวลา การนับเวลา การแบ่งยุคสมยั ทางประวัติศาสตร์ ศกั ราช และการ เทยี บศักราช แล้วนำผลมาจัดทำเป็นรายงาน สง่ ครู 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ปฏิทนิ ทบี่ อกเวลาในระบบสรุ ิยคติและบอกเวลาทั้งในระบบสุริยคติและจันทรคติ ๒. หนังสือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษัท อักษรเจริญทศั น์ อจท. จำกดั ๓. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษัท สำนกั พิมพว์ ัฒนาพานชิ จำกดั ๔. แบบฝกึ ทักษะ รายวิชาพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บรษิ ทั สำนักพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จำกัด ๕. คูม่ อื การสอน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนักพิมพว์ ฒั นาพานิช จำกดั ๖. ส่อื การเรียนรู้ DLTVประวัตศิ าสตร์ ม. 1 ครูสุจนิ ต์ วัฒนมหาชัย 10. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ความสำเรจ็ ในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปญั หา/อปุ สรรคในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางแก้ไข 3. ส่งิ ทไ่ี ม่ไดป้ ฏบิ ตั ติ ามแผน เหตผุ ล 4. การปรบั ปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชอื่ ผูส้ อน / /
สาระที่ 4 ประวัตศิ าสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๒ วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ เวลา ๕ ช่วั โมง 1. สาระสำคัญ ความหมายและความสำคัญประวัติศาสตร์และวิธีการทางประวัติศาสตร์ มีความเชื่อมโยงการกระทำ ของมนุษย์ในอดีตท่ียังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน วิธีการหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ถ้าจำแนกตามลักษณะ แบ่งออกเป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร และถ้าจำแนกตาม ความสำคญั ของหลักฐาน แบ่งออกเปน็ หลักฐานชั้นตน้ และหลักฐานช้ันรอง นำวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการศึกษาประวตั ิศาสตร์ในประเทศไทยที่มีทง้ั หลักฐานที่เปน็ ลายลกั ษณ์ อักษรและหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรท่ีสำคัญ ได้แก่ จารึก ตำนาน พระราชพงศาวดาร จดหมายเหตุ เอกสารการปกครอง และงานเขยี นทางประวตั ิศาสตร์ ส่วนหลักฐานทไ่ี มเ่ ป็น ลายลักษณ์อักษรที่สำคัญ แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ หลักฐานทางโบราณคดี หลักฐานทางศิลปกรรม หลกั ฐานทางด้านนาฏศิลป์ หลักฐานประเภทคำบอกเล่า และหลักฐานประเภทโสตทัศน์ การศึกษาประวัติศาสตร์โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ ต้องอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพ่ือ ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การสรุปข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ มี 5 ขั้นตอน คือ การกำหนดปัญหา หรือเร่ืองทีจ่ ะศึกษา การรวบรวมหลักฐาน การตรวจสอบและประเมินหลักฐาน การตคี วามหลักฐาน การเรยี บ เรียงและนำเสนอ 2. ตัวช้วี ัดช้ันปี ๑. นำวิธกี ารทางประวัติศาสตรม์ าใชศ้ กึ ษาเหตกุ ารณ์ทางประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 1/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์และวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ได้ (K) 2. สนใจศกึ ษาเกยี่ วกบั ความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตรแ์ ละวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ (A) 3. นำวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาใช้ศึกษาเหตุการณท์ างประวตั ิศาสตรไ์ ด้อย่างเหมาะสม (P)
4. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม (A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) • ประเมินพฤตกิ รรมในการ 1. ทดสอบหลงั เรยี น • ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ ทำงานเปน็ รายบุคคลหรือ 2. ซักถามความรู้เรื่อง ทำงานเปน็ รายบุคคลในดา้ น เป็นกลุ่มในด้านการสื่อสาร การคดิ การแกป้ ัญหา ฯลฯ หลกั ฐานและวิธกี ารทาง ความมวี นิ ยั ความใฝ่เรยี นรู้ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ 3. ตรวจผลงาน/กจิ กรรม เปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม 5. สาระการเรียนรู้ 1. หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ 2. วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ 6. แนวทางการบูรณาการ ฟงั พูด อ่าน และเขยี นข้อมูลเกย่ี วกบั หลักฐานและวธิ กี ารทาง ภาษาไทย ศลิ ปะสรา้ งแผนท่ีความคิดเกีย่ วกับหลกั ฐานและวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ แล้วตกแตง่ ให้สวยงาม ประวัติศาสตร์ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 นำเข้าสู่บทเรยี น ชัว่ โมงที่ ๘ 1. ครแู จง้ ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปแี ละจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรียนทราบ 2. ครูใหน้ กั เรยี นดูภาพโบราณสถานและโบราณวตั ถุ แล้วซักถามนกั เรยี นว่า ใครเคยเห็นของจรงิ บา้ ง และสง่ิ เหลา่ นี้มคี วามสำคญั ตอ่ การศึกษาประวตั ศิ าสตรอ์ ย่างไร ให้นักเรยี นช่วยกันตอบโดยใชค้ วามรู้จากเร่ืองท่ีไดร้ บั มอบหมายให้ไปอา่ นมา ครสู รุปคำตอบของนักเรยี นแล้วเชอ่ื มโยงไปสูเ่ นอื้ หาทีจ่ ะเรยี น ขนั้ ท่ี 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ 3. ครูสนทนาซักถามนักเรยี นเก่ียวกับหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรใ์ นประเดน็ ว่า หลักฐานทาง ประวตั ิศาสตรม์ ีอะไรบา้ ง ให้นกั เรยี นช่วยกันตอบ 4. ครใู หค้ วามรูแ้ กน่ ักเรียนเก่ียวกบั หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ เร่ือง ประเภทของหลกั ฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ 5. ครูอธบิ ายสรุปเก่ยี วกับหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทย จากน้นั ใหน้ ักเรียนแบ่งออกเปน็ กล่มุ จบั สลากเลือกประเภทหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทยต่อไปนกี้ ลมุ่ ละ 1 เรอ่ื งตอ่ ไปนี้ 1) จารกึ 2) ตำนาน 3) พระราชพงศาวดาร
4) จดหมายเหตุ 5) เอกสารการปกครอง 6) งานเขียนประวตั ิศาสตร์ 7) หลกั ฐานทางโบราณคดี 8) หลักฐานทางศลิ ปกรรม 9) หลักฐานทางดา้ นนาฏศิลป์ ดนตรี และเพลงพ้นื บ้าน 10) หลกั ฐานประเภทคำบอกเล่า 11) หลักฐานประเภทโสตทศั น์ แต่ละกลมุ่ สบื ค้นวา่ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในประเทศไทยตามประเภททก่ี ลมุ่ จบั สลากได้มี อะไรบ้าง บนั ทึกผล แลว้ นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น พรอ้ มเปดิ โอกาสใหเ้ พ่ือนกล่มุ อ่นื ๆ ร่วมกันแสดงความคดิ เห็น 6. หลงั จากนำเสนอผลงานครบทกุ กลมุ่ แล้ว ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ และครูให้ความรู้ เพิม่ เติมเก่ยี วกบั ตัวอยา่ งหลกั ฐานทางประวัติศาสตรส์ ุโขทัย 7. ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรมของนกั เรียน ใหค้ รสู ังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ 8. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภปิ รายวา่ นอกจากหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ในประเทศไทยทนี่ กั เรยี น รจู้ ักแล้วนกั เรียนยงั รจู้ ักหลกั ฐานทางประวัติศาสตรข์ องประเทศสมาชกิ อาเซียนบ้างหรอื ไม่ว่ามอี ะไรบา้ ง บันทกึ ผล แล้วนำ มาเสนอในชนั้ เรียน 9. ครใู ห้นักเรียนทำใบงานท่ี 1 เร่อื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ในประเทศไทย แลว้ ช่วยกนั เฉลย คำตอบท่ถี ูกตอ้ ง 10. ครูมอบหมายให้นักเรยี นอา่ นเน้อื หาเรอ่ื ง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ เปน็ การบา้ นเพื่อเตรียม จดั การเรียนรใู้ นคร้งั ต่อไป ชั่วโมงท่ี ๙ วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ 11. ครทู บทวนความรู้ เร่อื ง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ แลว้ สนทนาและซกั ถามนักเรียนวา่ วิธกี าร ทางประวัตศิ าสตร์คืออะไร ให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบโดยใชค้ วามรจู้ ากท่ีไดร้ ับมอบหมายให้ไปอ่านมา 12. ครอู ธิบายเกย่ี วกบั วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์วา่ มขี น้ั ตอนอะไรบ้าง โดยใชแ้ ผนภมู ขิ ้นั ตอนของ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรป์ ระกอบ แล้วเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามข้อสงสัยต่าง ๆ 13. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเก่ียวกบั การใชว้ ธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ศึกษาเรื่องราวทางประวตั ศิ าสตร์ ในประเทศไทย โดยใช้หลกั ฐานจากแหลง่ การเรียนรตู้ ่าง ๆ 14. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกับทำใบงานที่ 2 เรอื่ ง วิธกี ารทาง ประวัติศาสตร์ บันทึกผล และนำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน 15. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นต่อผลงานที่นำเสนอ 16. เมือ่ นำเสนอจนครบทุกกลุ่มแลว้ ครูสรปุ ผลงานและกลา่ วคำชมเชยใหก้ ำลงั ใจนกั เรียน 17. ในขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรมของนกั เรียน ให้ครสู ังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม
18. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ ศึกษาประวตั คิ วามเป็นมาของประเทศสมาชิกอาเซียนกล่มุ ละ 1 ประเทศ ดว้ ยวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ บนั ทึกผล แลว้ นำเสนอในช้ันเรยี น ขน้ั ที่ 3 ฝึกฝนผูเ้ รียน 19. ครใู ห้นักเรยี นทำกจิ กรรมทเี่ กย่ี วกบั หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์และวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ใน แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 ของบรษิ ัท สำนกั พิมพว์ ัฒนาพานิช จำกัด แล้วช่วยกนั เฉลยคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง 20. ครูให้นกั เรยี นเขียนบทความเกยี่ วกับประวัติศาสตร์ชุมชนของตนหรือบคุ คลสำคัญในชุมชน โดย ใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตร์ แลว้ คดั เลือกผลงานนำมาจดั ป้ายนิเทศหน้าช้นั เรียน ข้ันที่ 4 นำไปใช้ 21. ครูแนะนำให้นกั เรียนนำวธิ ีการทางประวัตศิ าสตรไ์ ปใช้ในการศึกษาเรื่องราวทางประวัตศิ าสตร์ อน่ื ๆ ทต่ี นสนใจ ขัน้ ที่ 5 สรปุ 22. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรู้เรอ่ื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์และวิธีการทางประวตั ิศาสตร์ โดยให้นักเรียนสรปุ เป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 23. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี นและชว่ ยกนั เฉลยคำตอบท่ถี ูกต้อง 24. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ประจำหน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ใน แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 ของบริษทั สำนกั พิมพ์วัฒนาพานิช จำกดั เพื่อประเมนิ ผล การเรียนรู้ด้านความรู้ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ ม และดา้ นทักษะ/กระบวนการของนักเรียน 25. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนอ่านเนือ้ หาในหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 สมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ ในดนิ แดนไทย เร่ือง ปัจจยั ที่มอี ทิ ธิพลต่อการตัง้ ถิน่ ฐานของมนษุ ย์ในดนิ แดนไทย เป็นการบา้ นเพ่ือเตรียม จัดการเรยี นรู้ในครัง้ ตอ่ ไป 8. กิจกรรมเสนอแนะ ครใู หน้ กั เรียนรว่ มกนั ศึกษาและจัดกลุ่มแยกประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตรอ์ อกเป็นยุค สมยั ตา่ ง ๆ เพอ่ื นำเสนอผลงานในช้ันเรียน 9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลังเรยี น 2. ภาพโบราณสถานและโบราณวตั ถุ 3. ใบงานที่ 1 เร่อื ง หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ในประเทศไทย 4. ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ 5. แบบบนั ทึกความรู้ 6. แบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเป็นกลุม่ 7. หนังสอื เรียนสาระการเรยี นรู้พืน้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บริษทั สำนกั พิมพ์วัฒนาพานชิ จำกดั 8. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษทั สำนกั พมิ พ์วัฒนาพานชิ จำกดั 9. คู่มือการสอน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บรษิ ทั สำนักพิมพ์วัฒนาพานชิ จำกดั
10. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษัท สำนักพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จำกัด 10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ความสำเรจ็ ในการจดั การเรยี นรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแก้ไข 3. ส่งิ ทไ่ี มไ่ ด้ปฏิบตั ิตามแผน เหตผุ ล 4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชอ่ื ผสู้ อน //
สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๓ พัฒนากรทางรฐั โบราณในดนิ แดนไทย เวลา ๗ ชว่ั โมง ผงั มโนทัศนเ์ ป้าหมายการเรยี นร้แู ละขอบขา่ ยภาระงาน/ช้ินงาน ทกั ษะ/กระบวนการ ความรู้ คุณธรรม จริยธรรม 1. การสอ่ื สาร 1. พัฒนาการจากบา้ นเมอื งเปน็ อาณาจกั ร และคา่ นิยม 2. การคดิ 2. อาณาจกั รโบราณในภาคกลาง 3. การแกป้ ัญหา 3. อาณาจักรโบราณในภาคเหนอื 1. มวี ินัย 4. กระบวนการกล่มุ 4. อาณาจกั รโบราณในภาคใต้ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อาณาจกั รโบราณในภาค 3. รักความเปน็ ไทย 4. มคี วามรบั ผดิ ชอบ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื พฒั นาการ ในดินเดนไทย ภาระงาน/ชิน้ งาน 1. การทำแบบทดสอบ 2. การอภปิ รายเกยี่ วกับพฒั นาการจากเมอื งเปน็ อาณาจักร 3. การเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกบั อาณาจกั รไทยโบราณ 4. การสืบคน้ และวิเคราะห์ข้อมลู เกยี่ วกับรัฐท่มี ีอำนาจปกครอง 5. การนำเสนอผลงาน
ผังการออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี พัฒนาการรัฐโบราณในดินแดนไทย ขัน้ ที่ 1 ผลลัพธป์ ลายทางทีต่ ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั นักเรยี น ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี • อธบิ ายเรอื่ งราวทางประวัติศาสตรส์ มัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทยโดยสังเขป (ส 4.3 ม. 1/1) ความเขา้ ใจท่ีคงทนของนกั เรียน คำถามสำคัญที่ทำให้เกดิ ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรยี นจะเข้าใจว่า... รฐั โบราณที่ก่อต้ังในดนิ แดนไทยมีความสำคัญต่อ ก่อนทจ่ี ะมีการก่อต้งั รฐั ไทยขึ้นใน ประเทศไทยอยา่ งไร ดนิ แดนประเทศไทยนั้น ดนิ แดนนี้เคยเป็นที่ต้ัง ของรัฐโบราณหลายรัฐ ซง่ึ รฐั ตา่ ง ๆ เหลา่ น้ไี ด้ สร้างวฒั นธรรมทมี่ ีความหลากหลายและสบื ทอด ต่อกนั มาเป็นเวลานาน ความรขู้ องนักเรยี นที่นำไปสู่ความเขา้ ใจท่ีคงทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรยี นทจ่ี ะนำไปสู่ นกั เรียนจะร้วู า่ ... ความเข้าใจท่ีคงทน นกั เรยี นจะสามารถ... 1. คำสำคัญ ไดแ้ ก่ สมาพนั ธรัฐ จมั ปา พระ 1. อภิปรายการกอ่ ต้ังแคว้นตามพรลิงค์ พิมพ์ พระโพธสิ ัตว์ ศลิ าแลง (นครศรีธรรมราช) และอาณาจักรศรีวิชยั 2. แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) ต้ังอยู่ 2. สืบคน้ ข้อมลู เกี่ยวกับอาณาจกั รทวารวดี บนแหลมมลายู ก่อตั้งราวพุทธศตวรรษที่ 7 3. สบื ค้นขอ้ มลู เกย่ี วกบั แคว้นละโว้ (ลพบรุ )ี และ ตอ่ มา ในพทุ ธศตวรรษท่ี 18 เปลยี่ นช่ือเปน็ แควน้ หริภุญชยั นครศรธี รรมราช แคว้นนี้มีความเจรญิ ทางด้าน การคา้ และศาสนา โดยเฉพาะ พระพุทธศาสนา แบบลงั กาวงศ์ ภายหลังตกอยู่ในอำนาจของ อาณาจักรสโุ ขทัย และต่อมาถกู รวมเข้ากบั อาณาจกั รอยุธยา 3. อาณาจกั รศรวี ิชยั มีอาณาเขตครอบคลุม พน้ื ท่ี ตั้งแต่คาบสมุทรภาคใต้ของประเทศ ไทย รวม ไปถงึ มาเลเซีย สงิ คโปร์ และหมู่ เกาะต่าง ๆ ของประเทศอินโดนีเซยี ปจั จบุ นั อาณาจักรน้รี งุ่ เรืองขน้ึ เมื่อประมาณพทุ ธ ศตวรรษท่ี 13 เปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ ที่สำคญั ชาวศรีวชิ ยั นบั ถือ พระพุทธศาสนาทง้ั นิกาย เถรวาท และนิกาย มหายาน และศาสนา พราหมณ-์ ฮินดู ศิลปกรรม ของอาณาจักร ได้รบั อิทธพิ ลมาจากอินเดีย
ราวพทุ ธศตวรรษท่ี 18 อาณาจักรศรีวชิ ยั ล่ม สลายลงเพราะไม่สามารถควบคมุ การค้าทาง ทะเลได้แบบเดิม รวมทั้งถูกพวกโจฬะโจมตี 4. อาณาจักรทวารวดีอยู่ในบรเิ วณภาคกลาง ของ ประเทศไทย เจริญขนึ้ เม่ือประมาณพทุ ธ- ศตวรรษท่ี 12 เศรษฐกิจของทวารวดขี นึ้ อยู่ กบั การเกษตรและการค้า ทวารวดีรบั วัฒนธรรม ตา่ ง ๆ จากอนิ เดียโดยเฉพาะความเช่ือทาง พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งสง่ อทิ ธิพล ให้กับการสรา้ งสถาปัตยกรรมและ ประตมิ ากรรม อาณาจักรทวารวดลี ่มสลาย ลง ประมาณปลายพุทธศตวรรษ ท่ี 16 เนอ่ื งจาก เขมรไดข้ ยายอำนาจการปกครองเขา้ มายงั บริเวณภาคกลางของดนิ แดนไทย 5. แคว้นละโว้ (ลพบุร)ี ตง้ั ข้นึ เม่อื ประมาณพทุ ธ ศตวรรษท่ี 12 ศูนย์กลางอยทู่ ่ีเมืองละโว้ หรือ ลพบุรี ระยะแรกรบั วัฒนธรรมจากทวารวดี ตอ่ มารับวฒั นธรรมเขมรทั้งทางด้านศาสนา และศิลปกรรม เรียกชุมชนที่ยอมรับ วฒั นธรรม ดังกลา่ วนีว้ า่ วฒั นธรรมลพบุรี ชุมชน วัฒนธรรมลพบุรพี บกระจายในทุกภมู ภิ าค โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือพบ หนาแน่นมาก แคว้นลพบรุ ีมีความอุดม สมบูรณ์ มีการส่งข้าวเปน็ สนิ ค้าออก ต่อมาเม่อื เขมร เส่ือมอำนาจเมื่อปลายพุทธศตวรรษท่ี 18 ละโว้ ก็กลับมาเป็นอิสระ จนถึง พ.ศ. 1893
แควน้ ละโวถ้ กู รวมอยู่ในอาณาจักรอยธุ ยา 6. แคว้นหรภิ ุญชัยตั้งขนึ้ เมอื่ ประมาณ พ.ศ. 1204 มีบรเิ วณครอบคลมุ ทร่ี าบล่มุ แมน่ ำ้ ปงิ ตอนบน และท่รี าบลมุ่ แมน่ ำ้ วัง ชนิ กาลมาลีปกรณ์ กล่าวว่า ฤๅษวี าสเุ ทพเป็นผสู้ ร้างเมืองและได้ เชญิ พระนางจามเทวีพระราชธิดากษัตรยิ ์ ละโว้ มาปกครอง พระนางจามเทวเี ป็นผู้ก่อตั้ง ราชวงศ์จามเทวแี ละไดน้ ำพระพุทธศาสนา นกิ ายเถรวาทเขา้ มาเผยแผ่ในดนิ แดนแหง่ นี้ ราชวงศจ์ ามเทวปี กครองแคว้นหริภุญชัยสบื มา หลายรอ้ ยปี จนถงึ สมัยพระยาญีบาก็ถูก พระยามงั รายแห่งแควน้ เงินยางยกทัพมายดึ ครองไดใ้ น พ.ศ. 1835 แคว้นหรภิ ญุ ชยั จึงหมด อำนาจลง ขนั้ ท่ี 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซึ่งเปน็ หลักฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรียนมผี ลการเรยี นรู้ ตามทกี่ ำหนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานทนี่ ักเรยี นต้องปฏิบตั ิ 1.1 อภิปรายเกี่ยวกบั แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจกั รศรีวชิ ยั 1.2 เลน่ เกมตอบคำถามเก่ียวกับอาณาจกั รทวารวดี 1.3 สบื ค้นขอ้ มูลเกย่ี วกับแควน้ ละโว้ (ลพบรุ )ี และแคว้นหริภญุ ชัย 2. วธิ ีการและเครอื่ งมือประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2.1 วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.2 เคร่อื งมือประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การทำแบบทดสอบ แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน การประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรม แบบประเมนิ ผลงาน/กิจกรรม เปน็ รายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่ม เปน็ รายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ การประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม แบบประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม และคา่ นิยม การประเมนิ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ แบบประเมินดา้ นทักษะ/กระบวนการ 3. สงิ่ ท่ีมุ่งประเมิน 3.1 ความเข้าใจ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ การอธิบาย ชี้แจง การแปลความและตีความ การ
ประยกุ ต์ ดดั แปลง และนำไปใช้ การมมี ุมมองทห่ี ลากหลาย การให้ความสำคญั และใส่ใจในความรู้สกึ ของผู้อนื่ และการรู้จักตนเอง 3.2 ทักษะ/กระบวนการ เช่น การสอื่ สาร การใชเ้ ทคโนโลยี การคิด การแก้ปญั หา กระบวนการกลมุ่ 3.3 คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม เช่น มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อย่อู ยา่ งพอเพียง รักความ เปน็ ไทย รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มีจติ สาธารณะ มคี วามรบั ผิดชอบ ซ่ือสัตยส์ ุจริต ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 แคว้นตามพรลงิ ค์และอาณาจักรศรีวิชยั เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 อาณาจักรทวารวดี เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 แควน้ ละโวแ้ ละแควน้ หริภุญชยั เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 แคว้นตามพรลงิ คแ์ ละอาณาจักรศรีวชิ ัย เวลา 2 ชัว่ โมง สาระที่ 4 ประวัตศิ าสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 รฐั โบราณในดนิ แดนไทย 1. สาระสำคัญ แควน้ ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) ตงั้ อยบู่ นแหลมมลายู ก่อต้งั ราวพทุ ธศตวรรษท่ี 7 ต่อมา ในพทุ ธศตวรรษที่ 18 เปล่ียนชือ่ เป็นนครศรธี รรมราช แคว้นนมี้ คี วามเจริญทางดา้ นการคา้ และศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ ภายหลังตกอยูใ่ นอำนาจของอาณาจักรสโุ ขทัย และต่อมาถูกรวมเข้า กบั อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรศรีวิชยั มีอาณาเขตครอบคลุมพ้ืนที่ต้งั แต่คาบสมุทรภาคใต้ของดนิ แดนไทย รวมไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ และหมเู่ กาะตา่ ง ๆ ของประเทศอนิ โดนเี ซียปจั จุบัน อาณาจกั รนีร้ ุ่งเรอื งขึน้ เม่ือประมาณพทุ ธศตวรรษ ที่ 13 เป็นศูนยก์ ลางการคา้ ที่สำคญั ชาวศรวี ชิ ยั นบั ถอื พระพุทธศาสนาท้ังนิกายเถรวาทและนกิ ายมหายาน และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศิลปกรรมของอาณาจักรไดร้ ับอิทธิพลมาจากอนิ เดยี ราวพุทธศตวรรษที่ 18 อาณาจักรศรีวิชยั ลม่ สลายลงเพราะไม่สามารถควบคุมการค้าทางทะเลได้แบบเดมิ รวมทั้งถูกพวกโจฬะโจมตี 2. ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี • อธบิ ายเรื่องราวทางประวตั ิศาสตร์สมัยก่อนสุโขทัยในดินแดนไทยโดยสงั เขป (ส 4.3 ม. 1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายการก่อตัง้ และความสำคญั ของแควน้ ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจกั รศรีวชิ ยั ได้ (K) 2. มคี วามสนใจศึกษาเก่ียวกับแควน้ ตามพรลิงค์ (นครศรธี รรมราช) และอาณาจักรศรวี ชิ ัย (A) 3. สบื ค้นข้อมลู เกีย่ วกับแคว้นตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจักรศรีวชิ ัยได้ (P) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) และคา่ นิยม (A) 1. ทดสอบกอ่ นเรียน • ประเมินพฤติกรรมใน • ประเมนิ พฤติกรรมใน 2. ซักถามความรเู้ ร่ือง การทำงานเป็นรายบุคคลใน การทำงานเปน็ รายบุคคลหรือ แคว้นตามพรลงิ ค์ ดา้ นความมีวินัย ความใฝเ่ รียนรู้ เปน็ กลมุ่ ในด้านการ (นครศรีธรรมราช) และ ฯลฯ สื่อสาร อาณาจักรศรีวชิ ยั การคดิ การแก้ปัญหา 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม ฯลฯ เปน็ รายบุคคลหรอื เป็น กลมุ่ 5. สาระการเรียนรู้ 1. แคว้นตามพรลิงค์ 2. อาณาจกั รศรีวชิ ัย 6. แนวทางบูรณาการ ฟัง พดู อา่ น และเขยี นข้อมูลเก่ียวกบั แควน้ ตามพรลงิ ค์ ภาษาไทย (นครศรีธรรมราช) และอาณาจักรศรวี ิชัย การงานอาชพี ฯ จัดป้ายนิเทศเก่ยี วกบั แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรธี รรมราช) และ อาณาจกั รศรวี ชิ ัย 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 12 ขน้ั ที่ 1 นำเขา้ ส่บู ทเรยี น ครูแจ้งตวั ชว้ี ดั ช้ันปแี ละจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู ห้นกั เรยี นทราบ ครใู ห้นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครูนำภาพพระบรมธาตเุ จดยี ์ วดั มหาธาตวุ รมหาวหิ าร จงั หวัดนครศรธี รรมราช พระบรมธาตุ
ไชยา วดั พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี ให้นกั เรียนดู แล้วซักถามว่าเกี่ยวขอ้ งกับแคว้น ตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจกั รศรวี ิชัยอยา่ งไร ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบ จากนัน้ ครูสรุปเพ่ือ เชื่อมโยงเข้าสูเ่ น้ือหาท่จี ะเรยี น ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามขอ้ สงสัยต่าง ๆ เกีย่ วกบั เรื่องทม่ี อบหมายใหไ้ ปอ่านมา โดยครูตอบข้อสงสัย และอธิบายเพ่มิ เติม ข้นั ที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้ ครูให้ความรแู้ ก่นักเรียนเกยี่ วกับแคว้นตามพรลิงค์ (นครศรธี รรมราช) ครใู หน้ กั เรียนศึกษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกับแควน้ ตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) จากนัน้ ให้นักเรยี นนัง่ เปน็ วงกลมแล้วอภิปรายร่วมกนั ในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) ไดร้ ับอารยธรรมจากทใี่ ด 2) ปัจจัยใดทีท่ ำให้แควน้ ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) เป็นศนู ยก์ ลางการคา้ 3) รายไดห้ ลกั ของแควน้ ตามพรลงิ ค์ (นครศรธี รรมราช) มาจากอะไร 4) ถ้านกั เรียนเปน็ ชาวตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) จะประกอบอาชีพอะไรจึงจะเหมาะสม ทส่ี ุด 5) แคว้นตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) เส่ือมอำนาจลงเพราะอะไร จากน้ันครูสรุปผลการอภปิ ราย แล้วใหน้ กั เรียนบันทึกผลการอภปิ รายลงในสมดุ ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกีย่ วกับอาณาจกั รศรวี ชิ ัย เปน็ การบ้านเพื่อเตรียมจัดการเรยี นรู้ใน ครงั้ ตอ่ ไป ช่วั โมงที่ 13 ครทู บทวนความรู้ในครงั้ ท่ีผา่ นมา จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นนงั่ เป็นวงกลมแล้วอภิปรายรว่ มกนั โดยใช้ข้อมูลจากที่ ได้รับมอบหมายให้ไปศึกษาค้นคว้ามา ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1) อาณาจักรศรวี ชิ ยั ได้รบั อารยธรรมจากท่ีใด 2) ปัจจยั ใดท่ีทำให้อาณาจักรศรีวชิ ยั เป็นศูนยก์ ลางการค้า 3) รายไดห้ ลกั ของอาณาจักรศรวี ชิ ยั มาจากอะไร 4) ถา้ นกั เรียนเป็นอาณาจักรศรีวชิ ยั จะประกอบอาชพี อะไรจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด 5) แควน้ ศรีวิชยั เสอื่ มอำนาจลงเพราะอะไร จากน้นั ครูสรปุ ผลการอภปิ ราย แล้วใหน้ ักเรยี นบนั ทึกผลการอภิปรายลงในสมุด ในขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนักเรียน ให้ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของนักเรยี น ตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 10. ครใู ห้นักเรยี นสบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกับรฐั โบราณในดินแดนเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สรปุ และบนั ทึกผล แลว้ นำมาอภปิ รายร่วมกนั ในชัน้ เรียน ขน้ั ที่ 3 ฝกึ ฝนผู้เรียน ครูให้นกั เรียนทำกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวกับแควน้ ตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจกั รศรวี ิชัย แลว้ ช่วยกัน เฉลยคำตอบท่ถี ูกตอ้ ง
ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรมเกี่ยวกับแคว้นตามพรลงิ ค์ (นครศรธี รรมราช) และอาณาจักรศรีวิชัย ในแบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 ของบริษทั สำนักพิมพ์วฒั นาพานิช จำกดั แล้วช่วยกนั เฉลยคำตอบที่ ถูกต้อง ขนั้ ที่ 4 นำไปใช้ ครูให้นกั เรยี นจดั ป้ายนิเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้เร่ือง แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจักรศรี วชิ ยั ขั้นท่ี 5 สรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปความร้เู ร่อื ง แคว้นตามพรลิงค์ (นครศรธี รรมราช) และอาณาจกั รศรีวิชยั โดยให้ นกั เรยี นบันทกึ สรปุ เปน็ แผนที่ความคิดหรือผังมโนทศั นล์ งในสมุดพรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นอา่ นเน้อื หาเก่ียวกบั อาณาจกั รทวารวดี เปน็ การบา้ นเพ่ือเตรยี มจัดการเรียนร้ใู นครั้ง ต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ • ครูให้นักเรยี นศึกษาเพม่ิ เติมเกี่ยวกับแควน้ ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) และอาณาจักรศรีวิชัยแล้ว นำผลการศึกษามาจดั ทำเป็นรายงาน 9. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ภาพพระบรมธาตุเจดีย์ วัดมหาธาตวุ รมหาวิหาร จังหวัดนครศรธี รรมราช พระบรมธาตไุ ชยา วดั พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จงั หวัดสุราษฎร์ธานี 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุม่ 4. หนังสือเรียน สาระการเรยี นรพู้ น้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษัท สำนักพิมพ์วฒั นาพานชิ จำกัด 5. แบบฝึกทักษะ รายวชิ าพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บริษทั สำนักพิมพ์วัฒนาพานชิ จำกดั 6. คูม่ อื การสอน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนกั พมิ พ์วัฒนาพานชิ จำกัด 7. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จำกัด
10. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 1. ความสำเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. สงิ่ ทีไ่ มไ่ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามแผน เหตุผล 4. การปรบั ปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ ลงชื่อ ผสู้ อน / / แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 อาณาจักรทวารวดี เวลา 2 ชั่วโมง สาระที่ 4 ประวัตศิ าสตร์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 รัฐโบราณในดินแดนไทย 1. สาระสำคัญ อาณาจักรทวารวดอี ยใู่ นบริเวณภาคกลางของประเทศไทย เจริญข้ึนเมื่อประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 12 เศรษฐกิจของทวารวดีขึ้นอยู่กับการเกษตรและการคา้ ทวารวดรี ับวฒั นธรรมต่าง ๆ จากอินเดยี โดยเฉพาะ ความเชื่อทางพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท ซ่ึงส่งอิทธิพลให้กับการสร้างสถาปัตยกรรมและประตมิ ากรรม อาณาจักรทวารวดีล่มสลายลงประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 16 เนอ่ื งจากเขมรได้ขยายอำนาจการปกครอง เขา้ มายังบริเวณภาคกลางของดนิ แดนไทย 2. ตวั ชว้ี ดั ช้ันปี • อธิบายเรอ่ื งราวทางประวัติศาสตรส์ มยั ก่อนสุโขทยั ในดินแดนไทยโดยสงั เขป (ส 4.3 ม. 1/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายการกอ่ ต้งั และความสำคัญของอาณาจักรทวารวดีได้ (K) 2. สนใจศึกษาเกีย่ วกบั อาณาจักรทวารวดี (A) 3. สบื ค้นขอ้ มลู เก่ียวกับอาณาจักรทวารวดไี ด้ (P) 4. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A) 1. ซักถามความรู้เร่ือง • ประเมินพฤติกรรมใน • ประเมินพฤติกรรมใน อาณาจกั รทวารวดี การทำงานเปน็ รายบุคคลใน การทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม ดา้ นความมีวินัย ความใฝเ่ รียนรู้ เปน็ กลมุ่ ในด้านการ เป็นรายบุคคลหรอื เปน็ ฯลฯ สอ่ื สาร กล่มุ การคิด การแก้ปัญหา ฯลฯ 5. สาระการเรียนรู้ ฟัง พูด อา่ น และเขียนข้อมลู เก่ยี วกบั อาณาจักรทวารวดี • อาณาจักรทวารวดี สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกับอาณาจักรทวารวดีจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต 6. แนวทางบรู ณาการ ภาษาไทย การงานอาชพี ฯ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 14–15 ขัน้ ท่ี 1 นำเขา้ สบู่ ทเรยี น ครูแจ้งตวั ชีว้ ัดชั้นปแี ละจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ ครใู ห้นักเรยี นดภู าพธรรมจักรและกวางหมอบศลิ า ศลิ ปะทวารวดี และเหรียญเงินสมัย ทวารวดี แลว้ ซกั ถามวา่ เปน็ ภาพอะไร เกี่ยวข้องกบั อาณาจักรใด ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบ จากนัน้ ครสู รุปเพื่อ เช่อื มโยงเขา้ สู่เน้ือหาทีจ่ ะเรยี น ขัน้ ท่ี 2 กิจกรรมการเรียนรู้ ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ เกยี่ วกบั เร่ืองท่ีมอบหมายให้ไปอา่ นมา โดยครูตอบขอ้ สงสยั และอธิบายเพมิ่ เติม ครใู ห้ความร้แู กน่ กั เรยี นเกยี่ วกบั อาณาจกั รทวารวดี จากนั้นใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน เลน่ เกมมุม สนทนา โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ไปนัง่ ท่ีมุมต่าง ๆ ของห้องเรียน ครูกำหนดคำถามเกีย่ วกบั อาณาจักรทวารวดี แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั คดิ คำตอบสำหรับคำถามของครู โดยให้นกั เรยี นศึกษาจากหนงั สอื เรยี นหรอื หนังสืออ่นื ๆ ตวั อย่างคำถาม เช่น 1) อาณาจักรทวารวดีอยบู่ ริเวณใดของประเทศไทย 2) เศรษฐกิจทวารวดีขนึ้ อยู่กับสิ่งใด 3) ชาวทวารวดนี บั ถอื ศาสนาใดเป็นหลัก 4) ภาษาท่ีใชใ้ นจารึกสมัยทวารวดมี ภี าษาอะไรบา้ ง 5) อะไรเป็นสาเหตุสำคัญทท่ี ำใหว้ ัฒนธรรมทวารวดแี ผก่ ระจายไปท่ัวประเทศ 6) เมอื งท่าของทวารวดีมีความสำคญั อย่างไร
7)เพราะเหตุใดศิลปะกรรมสมัยทวารวดจี งึ คล้ายคลึงกบั ศิลปกรรมอินเดยี ครูและนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคำตอบ จากนัน้ ครสู รปุ ความรู้ แล้วใหน้ กั เรียนบันทึกสาระสำคญั ลงในสมุด ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม มอบหมายให้แต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลรายละเอียดเก่ียวกับ ความเจริญร่งุ เรืองทางด้านศาสนาของประเทศสมาชิกอาเซียนเพ่ิมเตมิ จากแหล่งการเรียนรูอ้ ื่น ๆ เชน่ เอกสาร อินเทอร์เน็ต ตามหัวข้อที่กำหนด แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันระดมสมองแสดงความคิดเห็นสรุป และบันทึกผล ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของนักเรียน ตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม ขนั้ ท่ี 3 ฝึกฝนผู้เรียน ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรมทเี่ ก่ียวกับอาณาจักรทวารวดี แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง ครใู ห้นกั เรยี นทำกจิ กรรมเกย่ี วกบั อาณาจักรทวารวดี ในแบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐานประวตั ิศาสตร์ ม. 1 ของบริษทั สำนกั พิมพ์วฒั นาพานิช จำกัด แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง ขั้นท่ี 4 นำไปใช้ ครูใหน้ ักเรียนเขยี นบทความเก่ยี วกบั อาณาจักรทวารวดี แลว้ คัดเลือกผลงานมาจัดป้ายนิเทศหน้าช้ันเรียน ข้ันที่ 5 สรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความร้เู รอ่ื ง อาณาจกั รทวารดี โดยให้นักเรียนสรปุ เปน็ แผนที่ความคิดหรือ ผังมโนทศั น์ลงในสมดุ พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอา่ นเนือ่ หาเก่ียวกบั แคว้นละโวแ้ ละแควน้ หริภญุ ชยั พรอ้ มทั้งใหน้ ักเรียน แบง่ กลุม่ ออกเป็น 2 กลุ่ม แต่ละกลุ่มสืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เรือ่ งตอ่ ไปน้ี กล่มุ ท่ี 1 แคว้นละโว้ (ลพบุร)ี กลุ่มท่ี 2 แควน้ หริภุญชยั จากนนั้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มวิเคราะห์ สรุป และบนั ทกึ ผล เพื่อเตรยี มนำเสนอผลให้เพ่ือน ๆ ฟัง เป็นการบา้ น เพ่อื เตรียมจัดการเรียนรู้ในครั้งตอ่ ไป 8. กิจกรรมเสนอแนะ • ครใู ห้นกั เรียนทำรายงานเกี่ยวกบั อาณาจักรทวารวดี 9. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. ภาพธรรมจักรและกวางหมอบศิลา ศิลปะทวารวดี และเหรียญเงินสมยั ทวารวดี 2. แบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ 3. หนงั สอื เรยี น สาระการเรยี นรู้พน้ื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 1 บริษทั สำนักพิมพว์ ฒั นาพานชิ จำกดั 4. แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษัท สำนักพมิ พว์ ัฒนาพานิช จำกดั 5. คูม่ ือการสอน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บรษิ ัท สำนักพมิ พ์วฒั นาพานชิ จำกดั 6. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บริษทั สำนักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จำกัด
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ความสำเร็จในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปญั หา/อปุ สรรคในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางแกไ้ ข 3. สง่ิ ทีไ่ มไ่ ด้ปฏิบัตติ ามแผน เหตผุ ล 4. การปรบั ปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ ลงช่อื ผสู้ อน / /
สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 รัฐโบราณในดินแดนไทย เวลา 2 ชั่วโมง 1. สาระสำคญั แคว้นละโว้ (ลพบุรี) เกิดข้ึนเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้หรือลพบุรี ระยะแรกรับวฒั นธรรมจากทวารวดี ต่อมารับวฒั นธรรมเขมรท้ังทางด้านศาสนาและศลิ ปกรรม ซ่งึ เรยี กชมุ ชนท่ี ยอมรับวัฒนธรรมดังกล่าวน้ีว่า วัฒนธรรมลพบุรี ชุมชนวัฒนธรรมลพบุรีปราก ฏหนาแน่นในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนไทย แคว้นละโว้มีความอุดมสมบูรณ์ มีการส่งข้าวเป็นสินค้าออก ต่อมาเม่ือ เขมรเส่ือมอำนาจเมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ละโว้ก็กลับมาเป็นอิสระ จนถึง พ.ศ 1893 แคว้นละโว้ถูก รวมอยใู่ นอาณาจกั รอยุธยา แคว้นหริภุญชัยต้ังขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1204 มีบริเวณครอบคลุมที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนและที่ ราบลุ่มแม่น้ำวัง ชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า ฤๅษีวาสุเทพเป็นผู้สร้างเมืองและได้เชิญพระนางจามเทวีพระราช ธิดากษัตริย์ละโว้มาปกครองบ้านเมือง พระนางจามเทวีเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์จามเทวีและได้นำพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาทเขา้ มาเผยแผ่ในดินแดนนี้ ราชวงศ์จามเทวีปกครองแควน้ หริภุญชยั สืบมาหลายร้อยปี จนถึงสมัย พระยาญีบาก็ถูกพระยามังรายแห่งแคว้นเงินยางยกทัพมายึดครองได้ใน พ.ศ. 1835 แคว้นหริภุญชัยจึงหมด อำนาจลง 2. ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี • อธบิ ายเรื่องราวทางประวตั ิศาสตร์สมยั ก่อนสโุ ขทยั ในดินแดนไทยโดยสงั เขป (ส 4.3 ม. 1/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการกอ่ ต้งั และความสำคญั ของแควน้ ละโว้ (ลพบุรี) และแควน้ หรภิ ญุ ชัยได้ (K) 2. มีความสนใจศึกษาเก่ียวกับแควน้ ละโว้ (ลพบุร)ี และแคว้นหรภิ ญุ ชยั (A) 3. สืบคน้ ข้อมลู เกี่ยวกับแควน้ ละโว้ (ลพบรุ ี) และแคว้นหริภญุ ชยั ได้ (P)
4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) และค่านยิ ม (A) 1. ทดสอบหลังเรยี น • ประเมินพฤติกรรมใน • ประเมนิ พฤติกรรมใน 2. ซักถามความรเู้ รื่อง การทำงานเปน็ รายบคุ คลใน การทำงานเป็นรายบุคคลหรือ แคว้นละโว้ (ลพบรุ ี) ดา้ นความมีวนิ ยั ความใฝ่ เป็นกลุม่ ในด้านการ และแควน้ หรภิ ญุ ชัย เรียนรู้ สอ่ื สาร 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม ฯลฯ การคิด การแกป้ ญั หา เป็นรายบุคคลหรอื เป็น ฯลฯ กล่มุ 5. สาระการเรยี นรู้ 1. แควน้ ละโว้ (ลพบุรี) 2. แควน้ หริภญุ ชยั 6. แนวทางบรู ณาการ ฟัง พูด อ่าน และเขยี นข้อมูลเก่ียวกับแคว้นละโว้ (ลพบรุ ี) และ ภาษาไทย แควน้ หริภุญชัย สบื คน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แคว้นละโว้ (ลพบรุ )ี และแคว้นหรภิ ุญชยั การงานอาชพี ฯ จากแหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 16 ขัน้ ที่ 1 นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครูแจ้งตวั ชีว้ ดั ชน้ั ปแี ละจุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ 2. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพปราสาทเมืองสงิ ห์ และปราสาทหนิ พนมรงุ้ พระบรมธาตุหรภิ ุญชัย แลว้ ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น จากนั้นครูสรุปเพอื่ เชือ่ มโยงเขา้ สูเ่ นื้อหาท่ีจะเรยี น ขั้นที่ 2 กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั ตา่ ง ๆ เกีย่ วกับเร่ืองที่ได้รับมอบหมายให้ไปอ่านมา โดยครู ตอบข้อสงสยั และอธิบายเพ่ิมเติม จากน้ันให้นักเรยี นกลมุ่ ที่ 1 ออกมานำเสนอผลงานท่ีได้รับมอบหมายให้ไป สืบคน้ มา โดยใหเ้ พื่อน ๆ แสดงความคดิ เหน็ และให้กลุ่มท่นี ำเสนอถามคำถามเพอ่ื น ๆ ในเรือ่ งทีน่ ำเสนอ 4. ครูให้ความรูเ้ กี่ยวกับแคว้นละโว้ (ลพบรุ ี) แลว้ ซักถามนักเรียนว่า วฒั นธรรมลพบรุ ีมีความเปน็ มา อย่างไร จากน้ันครูสรปุ คำตอบของนักเรียน 5. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นสืบค้นหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรข์ องแควน้ หริภญุ ชัย เป็นการบา้ นเพื่อ เตรยี มจัดการเรยี นรูใ้ นคร้งั ต่อไป
ช่วั โมงที่ 17 7. ครทู บทวนความรูใ้ นครง้ั ที่ผ่านมา จากน้ันสมุ่ เลอื กนกั เรียน 4–5 คน ให้ออกมาพูดเร่ืองที่ได้รบั มอบหมายใหไ้ ปสบื ค้นใหเ้ พื่อน ๆ ฟัง โดยครคู อยแนะนำและเสริมความรู้ 8. ครใู หน้ กั เรียนกลุ่มท่ี 2 ออกมานำเสนอผลงานท่ีไดร้ บั มอบหมายให้ไปสืบค้นมา โดยให้ เพื่อน ๆ แสดงความคิดเห็น และใหก้ ลมุ่ ทีน่ ำเสนอถามคำถามเพ่ือน ๆ ในเรอ่ื งที่นำเสนอ 9. ครใู ห้ความรูเ้ กี่ยวกับแคว้นหริภญุ ชัย จากนัน้ ซักถามนักเรียนว่า พระนางจามเทวมี คี วามสำคัญ อย่างไร โดยสมุ่ เลือกนักเรยี น 4–5 คน ใหอ้ อกมาเขียนคำตอบบนกระดานดำ ครูกลา่ วชมเชยนักเรยี นท่ี ออกมาตอบคำถามหน้าชน้ั เรียน 10. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ 11. ครูมอบหมายให้นักเรยี นศึกษาค้นคว้าศิลปกรรมของประเทศสมาชิกอาเซยี นว่าแตล่ ะประเทศมี ศิลปกรรมอะไรบ้างที่ไดร้ ับอิทธิพลจากแคว้นละโว้ (ลพบุรี) และแควน้ หริภญุ ชัย จากนน้ั นำมาอภปิ รายแสดง ความคดิ เหน็ ร่วมกนั ในช้ันเรียน สรปุ และบนั ทึกผล 12. ครูให้นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์วา่ รัฐต่าง ๆ ในดินแดนไทยแต่ละรฐั มรี ะบบเศรษฐกิจท่ีสอดคล้อง กบั หลักเศรษฐกิจพอเพยี งหรือไม่ บันทกึ ผลการวิเคราะห์ส่งครู ขัน้ ที่ 3 ฝึกฝนผเู้ รยี น 13. ครูให้นกั เรยี นทำกิจกรรมท่ีเกย่ี วกบั แคว้นละโว้ (ลพบุร)ี และแควน้ หรภิ ุญชัย แล้วชว่ ยกันเฉลย คำตอบท่ีถูกต้อง ครใู หน้ ักเรยี นทำกิจกรรมเก่ยี วกบั แคว้นละโว้ (ลพบุร)ี และแคว้นหริภญุ ชัย ในแบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 ของบริษัท สำนักพมิ พ์วัฒนาพานิช จำกัด แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบที่ถกู ต้อง ขน้ั ท่ี 4 นำไปใช้ 15. ครใู หน้ กั เรียนจดั นิทรรศการเกย่ี วกบั แควน้ ละโว้ (ลพบุรี) และแควน้ หรภิ ญุ ชยั เพ่ือเผยแพร่ ความรู้ ขั้นท่ี 5 สรปุ 16. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เรือ่ ง แคว้นละโว้ (ลพบรุ ี) และแคว้นหรภิ ญุ ชยั โดยให้นักเรยี นบนั ทึก สรปุ เปน็ แผนทค่ี วามคดิ หรือผังมโนทัศน์ลงในสมดุ พร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม 17. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี นและชว่ ยกันเฉลยคำตอบทีถ่ ูกตอ้ ง 18. ครูมอบหมายให้นักเรยี นอ่านเนื้อหาในหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี รฐั ไทยในดนิ แดนไทย เ 4ร่ือง แควน้ โยนกเชยี ง แสน แควน้ หิรัญนครเงินยาง และแคว้นพะเยา เป็นการบา้ นเพื่อเตรยี มจัดการเรยี นรู้ ในครง้ั ต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ • ครใู ห้นกั เรยี นศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกย่ี วกับเรื่อง แควน้ ละโว้ (ลพบรุ )ี และแควน้ หริภุญชัยรวมทัง้ หา ภาพประกอบ จากนน้ั นำมาจัดทำเป็นสมดุ ภาพ
9. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลุ่ม 3. หนังสือเรียน สาระการเรียนรพู้ นื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 1 บรษิ ทั สำนักพิมพ์วฒั นาพานิช จำกดั 4. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 1 บริษทั สำนักพมิ พ์วฒั นาพานิช จำกดั 5. คมู่ อื การสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บรษิ ทั สำนักพิมพว์ ฒั นาพานิช จำกดั 6. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 1 บรษิ ทั สำนกั พมิ พ์วฒั นาพานชิ จำกดั 10. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 1. ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ แนวทางแก้ไข 3. สิง่ ทไี่ ม่ได้ปฏบิ ัตติ ามแผน เหตุผล 4. การปรบั ปรุงแผนการจดั การเรยี นรู้ ลงชื่อ ผู้สอน / /
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: