Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการสอนและกำหนดการสอน-ประวัติศาสตร์ ม.3

โครงการสอนและกำหนดการสอน-ประวัติศาสตร์ ม.3

Published by วชิรวิชญ์ กวดนอก, 2023-07-19 07:35:30

Description: โครงการสอนและกำหนดการสอน-ประวัติศาสตร์ ม.3

Search

Read the Text Version

โครงการสอนและกาหนดการสอน รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ (ส23103) ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2566 ของ พระครูปรชี าปรยิ ตั ยาทร,ดร. ตาแหน่ง ครปู ระจาการ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรียนวัดพระแก้วดอนเตา้ สุขาดาราม สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาเขต 1 ลาปาง คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน รหสั วชิ า ส23103 รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์สมัยรัตนโกสนิ ทร์ กลุ่มสาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษาฯ

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชว่ั โมง จานวน 0.5 หน่วยกติ ................................................................................................................................................................... ศึกษา วิเคราะห์ เรื่องราวเหตุการณ์สาคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างมีเหตุผลตามวิธีการทาง ประวัติศาสตร์ ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการศึกษาเรื่องราวต่างๆที่ตนสนใจ พัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของภูมิภาคต่าง ๆ ในโลกโดยสังเขป วิเคราะห์พัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ใน ดา้ นตา่ ง ๆ วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจรญิ รุ่งเรอื งของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ วิเคราะห์ บทบาทของไทยในสมยั รตั นโกสินทร์ โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการเผชิญสถานการณ์และการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม เพ่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในการนาวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ศึกษาเร่ืองราวท่ีเกี่ยวข้องกับพัฒนาการในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ตระหนักถึงความสาคัญของการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกและผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจาก ความเปล่ยี นแปลงดังกล่าว มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพยี ง มุ่งมนั่ ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ สามารถดารงชวี ติ อย่รู ่วมกนั ไดอ้ ย่างสันติสขุ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั ส4.1 ม.3/1 ส4.1 ม.3/2 ส4.3 ม.3/1 ส4.3 ม.3/2 รวม 2 มาตรฐาน 4 ตวั ชวี้ ัด

ชือ่ รายวิชา ส 23103 ประวตั ศิ าสตร์สมัยกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ภาคเรียนที่ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 เวลา 20 ชวั่ โมง 0.5 หน่วยกิต หน่วยที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐาน/ ตวั ช้ีวัด สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก คะแนน ชั่วโมง 10 1 วิธกี ารทาง ส 4.1 ม. 1/1 วเิ คราะห์เร่ืองราวเหตุการณส์ าคัญทาง 2 ประวัตศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ได้อย่างมเี หตผุ ลตามวิธีการ ทางประวตั ิศาสตร์ 2 พฒั นาการของไทย ส 4.3 ม. 3/1 วิเคราะห์พัฒนาการสมยั รัตนโกสนิ ทร์ในดา้ น 8 30 ต่าง ๆ ในสมยั ส 4.3 ม. 3/2 รตั นโกสนิ ทร์ สงั คมและเศรษฐกจิ ทม่ี ีผลต่อวฒั นธรรมและภมู ิ 4 15 ปญั ญาของกรุงรตั นโกสินทร์เป็นความภาคภมู ใิ จ 3 ภูมิปัญญาและ ส 4.3 ม. 2/1 ของประเทศไทยจนถงึ ปัจจุบัน 15 วฒั นธรรมไทยใน กรงุ รตั นโกสินทร์มีความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง 4 10 สมยั รตั นโกสินทร์ ตา่ งประเทศทงั้ ในดา้ นการเมือง การค้า และ 20 การทูต 1 100 4 ความสัมพันธ์ ส 4.3 ม. 2/1 1 สอบกลางภาค/คะแนนระหว่างภาค 20 ระหวา่ งประเทศใน สมยั รตั นโกสินทร์ สอบปลายภาค/คะแนนปลายภาค รวมตลอดภาคเรยี น กาหนดการเรียนรูร้ ายชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ า ประวตั ิศาสตร์สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รหัสวชิ า ส23103 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3

หน่วยการเรียนรู้ ช่วั โมง ว/ด/ป แหลง่ อา้ งอิง มาตรฐาน สาระสาคัญ ส่ือการเรียนรทู้ ี่ /ตวั ชว้ี ดั สาคญั หนว่ ยที่ 1 2 17 พ.ค.66 -แผนการเรียนรู้ที่1 ส 3.1 การกาหนดเวลา ยคุ 1)หนังสือเรียน วธิ กี ารทาง หลกั ฐานทาง ม. 3/1 สมัย การนบั และ ประวัตศิ าสตร์ม.3 ประวตั ศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เทียบศักราชใน ประวัติศาสตรไ์ ทย 2)ตัวอยา่ ง 24 พ.ค.66 แผนการเรยี นร้ทู ี่ 2 ทาใหส้ ามารถศกึ ษา หลักฐานทาง วิธีการทางประวัติศาสตร์ และเรยี งลาดับ ประวตั ศิ าสตร์ เหตุการณต์ า่ งๆ ใน 3)อนิ เตอรเ์ นต ประวัตศิ าสตรไ์ ด้ 4)DLtv. รวมท้ังมี 5)ชดุ กิจกรรมการ ความสัมพันธ์ เรียนรู้ของ เชื่อมโยงจากอดตี สู่ นักเรยี น โครงการ ปจั จุบนั และ จัดทาสื่อ ๖๕ คาดการณ์ในอนาคต พรรษาฯ เขา้ ดว้ ยกนั ได้ หน่วยการเรียนรู้ 8 31 พ.ค.66 -แผนการเรยี นรูท้ ี่1 ส 3.1 การสรา้ งองค์ 1)หนงั สอื เรียน ที่ 2 ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์ ม. 3/2 ความรใู้ หมท่ าง ประวตั ศิ าสตร์ม.3 พัฒนาการของไทย เหตกุ ารณ์สาคัญในสมัย ประวัตศิ าสตร์ 2)หนังสือค้นคว้า ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ รตั นโกสนิ ทร์ ไทยในสมยั เพ่มิ เติม ตัวอยา่ งการใชว้ ธิ กี ารทาง รัตนโกสินทร์ โดย 3)อนิ เตอร์เนต ประวัติศาสตร์ ใช้วิธีการทาง 4)ผังมโนทัศน์ 7 มิ.ย.66 -แผนการเรียนร้ทู ่ี 2 ประวตั ิศาสตร์ 5)ชดุ กจิ กรรมการ การสถาปนากรงุ อยา่ งเป็นระบบ เรยี นร้ขู อง รัตนโกสนิ ทร์ ยอ่ มทาให้ผล นกั เรยี น โครงการ การศึกษานั้นมี จดั ทาส่ือ ๖๕ 14 มิ.ย.66 -แผนการเรียนรู้ท่ี3 คณุ ค่าและเปน็ ท่ี พรรษาฯ สงครามเก้าทัพ ยอมรับในวง วิชาการ 21 มิ.ย.66 -แผนการเรียนรทู้ ่ี 4 การสงครามสมัย รัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ 28 มิ.ย.66 -แผนการเรียนรทู้ ่ี 5 ประวตั ศิ าสตร์สมัย ร.1-3

5 ก.ค.66 -แผนการเรยี นรทู้ ี่ 6 12 ก.ค.66 ประวัติศาสตร์สมยั 19 ก.ค.66 ร.4-6 -แผนการเรยี นรูท้ ่ี 7 ประวตั ศิ าสตร์สมัย ร.7-9 -แผนการเรียนรู้ที่ 8 พระราชประวัติ พระราช กรณยี กจิ สมยั ร.1-10 26 ก.ค.66 สอบกลางภาคเรยี น 1/2566 หนว่ ยการเรียนรู้ ช่ัวโมง ว/ด/ป แหลง่ อา้ งองิ มาตรฐาน สาระสาคัญ ส่ือการเรยี นรู้ที่ /ตวั ชี้วดั สาคญั หน่วยการเรียนรู้ 4 2 ส.ค.66 -แผนการเรยี นรทู้ ่ี 1 ส 3.3 การศึกษา 1)หนังสือเรยี น ประเภทและความหมาย ม. 3/1 ประเด็นทาง ประวัติศาสตร์ม.3 ท่ี 3 ของภมู ิปญั ญาไทยและ ม. 3/2 ประวตั ศิ าสตร์ 2)หนังสอื ค้นคว้า ภูมิปัญญาและ วฒั นธรรมไทย ไทยนอกจากฝึก เพมิ่ เติม วฒั นธรรมไทยใน สมยั รตั นโกสนิ ทร์ กระบวนการ 3)อนิ เตอรเ์ นต วเิ คราะห์แลว้ ยัง 4)ผงั มโนทัศน์ ทาให้เกิดองค์ 5)ชุดกิจกรรมการ 9 ส.ค.66 -แผนการเรียนรู้ที่ 2 ความรู้ใหม่ทาง เรียนรขู้ อง ภมู ปิ ัญญาไทยและ ประวตั ศิ าสตร์ นักเรียน โครงการ วฒั นธรรมไทยสมัย และตระหนักถงึ จดั ทาส่ือ ๖๕ ร.1-3 ความสาคัญของ พรรษาฯ ภมู ปิ ัญญาไทยใน 16 ส.ค.66 -แผนการเรียนรทู้ ่ี 3 สมยั รตั นโกสินทร์ ภูมิปญั ญาไทยและ วฒั นธรรมไทยสมัย ร.4-6 23 ส.ค.66 -แผนการเรยี นรู้ท่ี 4

ภูมิปญั ญาไทยและ วัฒนธรรมไทยสมัย ร.7-9 หน่วยการเรียนรู้ 4 30 ส.ค.66 -แผนการเรียนรู้ที่ 1 การศึกษา 1)หนังสือเรียน ที่ 4 ความสาคญั ของ ประเด็นทาง ประวัตศิ าสตร์ม.3 ความสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ระหว่างประเทศใน ประเทศ ประวัตศิ าสตร์ 2)หนงั สือค้นคว้า สมยั รัตนโกสนิ ทร์ ทาใหเ้ กิดองค์ เพม่ิ เติม 6 ก.ย.66 -แผนการเรียนรูท้ ่ี 2 ความรใู้ หมท่ าง 3)อนิ เตอรเ์ นต ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ประวัตศิ าสตร์ 4)ผังมโนทัศน์ ประเทศในสมยั รตั นโกสินทร์ และตระหนักถงึ 5)ชดุ กิจกรรมการ สมยั ร.1-3 ความสาคัญของ เรยี นรขู้ อง กรุงรัตนโกสนิ ทรม์ ี นักเรยี น โครงการ ความสมั พนั ธ์ จัดทาสื่อ ๖๕ 13 ก.ย.66 -แผนการเรยี นรู้ที่ 3 ระหวา่ ง 20 ก.ย.66 พรรษาฯ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ต่างประเทศทงั้ ใน ประเทศในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ ดา้ นการเมอื ง สมยั ร.4-6 การคา้ และการทตู -แผนการเรียนรูท้ ี่ 4 ความสมั พันธร์ ะหว่าง ประเทศในสมัยรตั นโกสินทร์ สมยั ร.7-9 27 ก.ย.66 สอบปลายภาคเรียน 1/2566 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โดยการประเมินสภาพจรงิ พจิ ารณาจากพฒั นาการของผเู้ รียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การรว่ มกิจกรรม และการทดสอบ 1. ก่อนสอบกลางภาค 30 คะแนน ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั - งานที่มอบหมาย 20 คะแนน - ทดสอบระหว่างเรยี น 10 คะแนน 2. สอบกลางภาค 10 คะแนน ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั - ปรนยั 5 คะแนน - อตั นัย 5 คะแนน

3. หลงั กลางภาค 40 คะแนน ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั - งานทม่ี อบหมาย 20 คะแนน - ทดสอบระหวา่ งเรยี น 20 คะแนน 4. สอบปลายภาค 20 คะแนน ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั - ปรนัย 10 คะแนน - อัตนยั 10 คะแนน *นกั เรยี นตอ้ งทาตามเงอ่ื นไขที่ครูกาหนดให้มฉิ ะนน้ั จะใหผ้ ลการเรยี น เป็น ร กาหนดการวัดผล ภาคเรยี นท่ี ๑ 1. ทดสอบก่อนสอบกลางภาค ตน้ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖ 2. ทดสอบกลางภาค ปลายเดอื นกรกฎาคม ๒๕๖๖ 3. ทดสอบหลังกลางภาค ตน้ เดอื นกนั ยายน ๒๕๖๖ 4. ทดสอบปลายภาค ปลายเดอื นกันยายน ๒๕๖๖ ขอ้ กาหนดอ่นื ๆ 1. นักเรียนต้องปฏิบัติตามงานที่ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนท้ังในรูปแบบของการทาใบงาน แบบทดสอบ ช้ินงานเดยี่ ว และการทาชิ้นงานกลมุ่ 2. นกั เรยี นต้องมีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและช่วยเหลอื งานเพื่อนในกลุ่มอย่เู สมอ 3. ในการตอบคาถามผ่านแบบทดสอบ หรือการทาแบบฝึกหัดทุกรูปแบบ นักเรียนจะต้องทาด้วย ตนเอง หา้ มลอกงานมาส่งอย่างเด็ดขาดมิฉะน้นั นักเรียนจะไม่ได้คะแนนเด็ดขาด 4. นกั เรยี นตอ้ งเก็บใบงานทุกช้นิ ท่ีทาเพอ่ื รวบรวมเขา้ เล่มสง่ ในท้ายเทอม คุณ ลักษ ณ ะอันพึ งป ระสงค์ของผู้เรียน ๘ ข้อ ตามห ลักสูตรแกน กลางการศึกษ าขั้น พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ทนี่ ักเรยี นควรทราบ ควรระลึก และต้องหมน่ั ปฏบิ ัติอยเู่ สมอมีดงั นี้ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ตวั ช้วี ดั ๑.๑ เป็นผลเมืองทดี่ ขี องชาติ ๑.๒ ธารงไวซ้ ง่ึ ความเป็นไทย ๑.๓ ศรทั ธา ยึดมั่น และปฏิบัตติ นตามหลักศาสนา ๑.๔ เคารพเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ๒. ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ตวั ชวี้ ดั ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อคนเองทงั้ กาย และวาจา ใจ ๒.๒ ประพฤตติ รงตามเปน็ จริงต่อผู้อ่นื ทั้ง กาย วาจา ใจ ๓. มีวินัย ตัวชวี้ ัด ๓.๑ ประพฤติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบขอ้ บงั คับของครอบครัว โรงเรียน และสังคม

๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั ๔.๑ ตงั้ ใจเพียรพยายามในการเรยี น และเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๒ แสวงหาความรรู้ ูจ้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการ เลอื กใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ ๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง ตวั ชว้ี ัด ๕.๑ ดาเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม ๕.๒ มภี มู คิ มุ้ กนั ในตวั ที่ดี ปรับตัวเพ่อื อย่ใู นสังคมได้อยา่ งมีความสขุ ๖. มุ่งมัน่ ในการทางาน ตวั ช้วี ดั ๖.๑ ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบในหน้าที่การงาน ๖.๒ ทางานดว้ ยเพยี รพยายามและอดทนเพื่อให้สาเร็จตามเป้าหมาย ๗. รกั ความเป็นไทย ตัวชี้วัด ๗.๑ ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทยและมีความกตัญญกู ตเวที ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ๗.๓ อนรุ ักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาไทย ๘. มีจิตสาธารณะ ตัวชี้วัด ๘.๑ ชว่ ยเหลือผู้อืน่ ดว้ ยดว้ ยความเตม็ ใจโดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ๘.๒ เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ โรงเรยี น ชุมชน และสังคม

แบบประเมินการนาเสนอ ลาดั รายการประเมนิ คุณภาพการปฏบิ ตั ิ บท่ี 4321 1 นาเสนอเน้อื หาในผลงานได้ถูกต้อง 2 การนาเสนอมีความนา่ สนใจ 3 ความเหมาะสมกบั เวลา 4 ความกล้าแสดงออก 5 บคุ ลิกภาพ นา้ เสยี งเหมาะสม รวม ลงชื่อ..............................................................................ผปู้ ระเมิน ......................./.........................../........................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน การนาเสนอผลงานสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน การนาเสนอผลงานยงั มีข้อบกพร่องเล็กน้อย ให้ 2 คะแนน การนาเสนอผลงานยังมีขอ้ บกพร่องเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน การนาเสนอผลงานมีขอ้ บกพรอ่ งมาก เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ดีมาก 18-20 ดี 14-17 10-13 พอใช้ ปรับปรุง ต่ากว่า 10

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ลาดบั ชอ่ื – สกลุ ความร่วมมอื การแสดง การรบั ฟัง การตง้ั ใจ การร่วม รวม ที่ ของผรู้ บั 4321 ความคิดเหน็ ความคดิ เหน็ ทางาน ปรบั ปรงุ 20 การประเมิน ผลงานกลมุ่ คะแนน 4321 4321 4321 4321 เกณฑ์การให้คะแนน = ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ ดีมาก = 4 ............../.................../................ ดี = 3 พอใช้ = 2 ปรับปรงุ 1 เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั หมายเหตุ ครอู าจใชว้ ิธีการมอบหมายใหห้ วั หน้า คณุ ภาพ กลมุ่ เป็นผ้ปู ระเมนิ หรือใหต้ ัวแทนกลุ่มผลดั กนั 14-16 ประเมิน หรือให้มกี ารประเมินโดยเพือ่ น โดยตวั นักเรยี น 11-13 ดีมาก 8-10 ดี เอง ตามความเหมาะสมกไ็ ด้ ตา่ กวา่ 8 พอใช้ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ปรับปรงุ เวลา 1 ชวั่ โมง สาระที่ 4 ประวตั ศิ าสตร์ ปฐมนเิ ทศและข้อตกลงในการเรยี น 1. มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถ ใช้วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ มาตรฐาน ส 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาตจิ ากอดีตจนถึงปจั จุบันในด้านความสัมพันธแ์ ละการ เปลย่ี นแปลงของเหตกุ ารณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถงึ ความสาคัญและสามารถวเิ คราะห์ผลกระทบทีเ่ กิดขึน้ มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความรกั ความ ภูมิใจ และธารงความเปน็ ไทย 2. ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี 1. วิเคราะห์เรอื่ งราวเหตุการณส์ าคญั ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้อยา่ งมเี หตผุ ลตามวธิ กี ารทาง ประวัติศาสตร์ (ส 4.1 ม. 3/1) 2. ใช้วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ในการศึกษาเรื่องราวตา่ ง ๆ ทตี่ นสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2) 3. อธิบายพฒั นาการทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของภูมิภาคต่าง ๆ ในโลกโดยสังเขป (ส 4.2 ม. 3/1) 4. วเิ คราะห์ผลของการเปล่ยี นแปลงที่นาไปสู่ความร่วมมือและความขดั แยง้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษ ที่ 20 ตลอดจนความพยายามในการขจัดปัญหาความขดั แยง้ (ส 4.2 ม. 3/2) 5. วิเคราะหพ์ ฒั นาการของไทยสมัยรตั นโกสินทรใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ (ส 4.3 ม. 3/1) 6. วเิ คราะหป์ ัจจยั ที่ส่งผลต่อความม่ันคงและความเจรญิ รุ่งเรอื งของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ (ส 4.3 ม. 3/2) 7. วเิ คราะห์ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ และอิทธิพลตอ่ การพฒั นาชาติไทย (ส 4.3 ม. 3/3) 8. วิเคราะหบ์ ทบาทของไทยในสมยั ประชาธิปไตย (ส 4.3 ม. 3/4) 3. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การจัดการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 เป็นไปตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 สาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โดยไดก้ าหนดมาตรฐานการเรียนรูข้ องรายวชิ า พื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 เป็น 3 มาตรฐาน และยังได้กาหนดตัวช้ีวัดชั้นปีท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการ เรียนรู้ เพ่อื พฒั นานกั เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ัดทหี่ ลกั สูตรกาหนด 4. สาระการเรียนรู้ 1. เทคนคิ และวธิ ีการจัดการเรียนรูร้ ายวิชาพนื้ ฐาน ประวตั ิศาสตร์ 2. แนวทางการวัดและประเมินผลการเรยี นร้รู ายวิชาพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ 3. ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วัดช่วงชน้ั กบั สาระในหน่วยการเรยี นรู้ 4. คาอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3

5. โครงสรา้ งรายวิชาพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 6. โครงสรา้ งเวลาเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3. มีวินยั 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 6. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 7. ภาระงาน/ชน้ิ งาน ภาระงานรวบยอด – การตอบคาถามเกีย่ วกบั การจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 – การอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั การจดั การเรียนรู้รายวชิ าพื้นฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 8. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) และค่านิยม (A)  ประเมนิ พฤติกรรมในการ 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง  ประเมินพฤติกรรมในการ ทางานเป็นรายบุคคลหรือ ปฐมนเิ ทศและข้อตกลง ทางานเปน็ รายบคุ คลในด้าน

ในการเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน ความมวี นิ ัย ความใฝเ่ รยี นรู้ เป็นกลมุ่ ในด้านการส่ือสาร ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 ฯลฯ การคิด การแก้ปญั หา ฯลฯ 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรม เปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลมุ่ 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 1 ขัน้ ที่ 1 นาเขา้ สู่บทเรียน 1. ครสู ร้างบรรยากาศและสิง่ แวดลอ้ มในการเรียนร้ทู ี่เหมาะสมเพื่อกระตนุ้ ให้นักเรียนอยากเรียนรู้ เช่น จัดนั่งเรียนแบบรปู ตัว U น่ังเรียนเปน็ กลุ่ม นานักเรยี นศึกษานอกห้องเรยี น เช่น ห้องประชมุ ห้องโสตทัศน ศกึ ษา สนามหญ้าใต้ร่มไม้ 2. ครูแนะนาตนเอง แล้วให้นกั เรียนแนะนาตนเองตามลาดับตัวอักษร หรือตามลาดับหมายเลข ประจาตวั หรือตามแถวทนี่ งั่ ตามความเหมาะสม 3. ครใู ห้ความรูท้ วั่ ๆ ไปเกย่ี วกับการจดั การเรยี นรู้รายวิชาพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ พร้อมซกั ถาม นักเรยี นในประเด็นต่าง ๆ เช่น 1) ทาไมเราจึงตอ้ งเรยี นวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 2) วชิ าประวตั ศิ าสตรม์ คี วามสาคัญและจาเปน็ ตอ่ เราหรือไม่ เพราะอะไร 4. ครูสรุปความรู้แล้วเชอื่ มโยงไปส่เู นอื้ หาที่จะเรยี น ขัน้ ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 5. ครูศกึ ษาข้อมลู เร่ือง การจัดการเรยี นร้รู ายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 โดยใช้ข้อมลู จากหน้า สารบัญในหนงั สอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 ของบรษิ ัท สานักพิมพ์วฒั นาพานิช จากดั จากนัน้ อธิบายเพอื่ ทาความเข้าใจกบั นักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี (โดยใชข้ อ้ มลู จากตอนท่ี 1 ) 1) คาอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 2) โครงสรา้ งรายวิชาพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 3) โครงสร้างเวลาเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 6. ครูบอกเทคนคิ และวิธกี ารจดั การเรียนรรู้ ายวชิ าพืน้ ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 โดยสรปุ ว่ามีเทคนิค และวิธกี ารเรียนรู้อะไรบา้ ง (โดยใชข้ อ้ มูลจากตอนที่ 1) 7. ครสู นทนาและซักถามนักเรยี นเพ่อื ทาความเข้าใจถึงแนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ รายวิชาพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 (โดยใช้ข้อมลู จากตอนที่ 1) รวมท้งั เกณฑ์ตดั สินผลการเรยี นรู้ ในประเด็น ตา่ ง ๆ เช่น 1) รายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 มเี วลาเรยี นเทา่ ไร 2) รายวิชานีจ้ ะสอบและเกบ็ คะแนนอย่างไร เทา่ ไร 3) รายวชิ านจ้ี ะตัดสนิ ผลการเรยี นอย่างไร

8. ครแู นะนาการเรียนรูแ้ ละแหลง่ การเรียนรทู้ ี่จะใชป้ ระกอบการเรยี นรู้ รายวิชาพ้นื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3โดยใช้ข้อมูลจากหนา้ บรรณานุกรมในหนงั สือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 ของบริษัท สานักพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จากดั นอกจากน้ีครูแนะนาแหลง่ สืบคน้ ความรู้ข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ยี วกบั เร่ือง ตา่ ง ๆ ท่ไี ดร้ ะบุไว้ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ในหนังสือเรยี น รายวชิ าพ้นื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 ของบรษิ ัท สานักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จากัด เพ่ือทาความเขา้ ใจถึงแหล่งสืบคน้ ความรู้แต่ละอย่าง 9. ครสู นทนาและซักถามนักเรยี นและรว่ มกันทาข้อตกลงในการเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 1) เวลาเรียน ต้องเขา้ เรยี นไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนในรายวชิ าน้ี หรอื ไมข่ าด เรยี นเกนิ 3 ครงั้ กรณีปว่ ยต้องส่งใบลาโดยผูป้ กครองลงช่ือรับรองการลา 2) ควรเข้าห้องเรยี นตรงเวลาและรกั ษามารยาทในการเรยี น 3) เมอื่ เริ่มเรียนแตล่ ะหน่วยการเรียนร้จู ะมกี ารทดสอบก่อนเรียน และหลงั จากเรียนจบแต่ละ หน่วยการเรียนรแู้ ลว้ จะมีการทดสอบหลงั เรียน 4) ในช่วั โมงทมี่ ีการฝึกปฏิบัติงาน ควรเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือให้พร้อม โดยจดั หา ไว้ล่วงหน้า 5) รบั ผิดชอบการเรียน การสร้างชิ้นงาน และการสง่ งานตามเวลาทก่ี าหนด 6) รกั ษาความสะอาดบรเิ วณทป่ี ฏิบัติกจิ กรรม วสั ดุ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือให้พรอ้ ม โดย จัดหาไว้ลว่ งหน้า ขน้ั ท่ี 3 ฝกึ ฝนผูเ้ รยี น 10. ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับแหลง่ การเรยี นรู้และแหลง่ สืบคน้ ความรู้ อ่ืน ๆ ทจ่ี ะนามาใช้ในการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 จากน้ันครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ และบันทึกผล ขนั้ ท่ี 4 นาไปใช้ 11. ครูให้นกั เรียนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรมมเี ร่ืองอะไรบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจ หรือมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นกั เรียนเข้าใจ 12. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมวา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใด และได้แกไ้ ขอยา่ งไร บา้ ง 13. ครูให้นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนหัวข้อนี้และการ ปฏิบตั กิ ิจกรรม 14. ครูให้นักเรยี นนาประโยชนจ์ ากการเรียนรู้เร่ือง ปฐมนิเทศและขอ้ ตกลงในการเรียนรายวชิ า พืน้ ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 ไปประพฤติปฏบิ ัติใหถ้ กู ต้องเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การจัดการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 5 สรปุ

15. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เร่ือง ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเรียนรายวชิ าพื้นฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 โดยให้นักเรยี นบันทึกข้อสรปุ ลงในแบบบนั ทึกความรู้ หรือสรุปเป็นแผนท่คี วามคิดหรือผัง มโนทัศนล์ งในสมุด พร้อมทัง้ ตกแต่งให้สวยงาม 16. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นอา่ นเนือ้ หาเก่ยี วกับวธิ ีการทางประวัติศาสตร์เรื่อง หลกั ฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ เปน็ การบ้านเพ่ือเตรียมจดั การเรียนรู้ในคร้ังตอ่ ไป 10. สอื่ การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 บริษัท สานักพิมพ์วัฒนาพานิช จากดั 2. คมู่ อื การสอน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 บริษทั สานักพิมพ์วัฒนาพานชิ จากัด 3. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 บรษิ ทั สานักพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จากดั 11. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปญั หา/อปุ สรรคในการจดั การเรยี นรู้ แนวทางแก้ไข 3. สง่ิ ท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบัตติ ามแผน เหตุผล 4. การปรับปรงุ แผนการจัดการเรียนรู้ ลงช่อื ผ้สู อน // ผังมโนทศั นเ์ ป้าหมายการเรยี นรูแ้ ละขอบขา่ ยภาระงาน/ชิ้นงาน ดา้ นความรู้ 1. หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ 2. วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ 3. ตัวอยา่ งการวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณส์ าคัญในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ 4. ตวั อยา่ งการใชว้ ธิ ีการทางประวัติศาสตร์

ด้านทักษะ/กระบวนการ วธิ ีการ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 1. การส่ือสาร ทางประวัติศาสตร์ และค่านยิ ม 2.1การคดิ 3. การแก้ปัญหา 1. ซอื่ สตั ยส์ ุจริต 4. การใช้เทคโนโลยี 2. มีวินัย 5. กระบวนการกลุ่ม 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มีความรบั ผิดชอบ ภาระงาน/ชน้ิ งาน 1. การทาแบบทดสอบ 2. การอภิปรายเรื่อง หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ 3. การสบื คน้ กรณีตัวอยา่ งโดยใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ และ วิเคราะห์เหตกุ ารณ์สาคัญสมยั รัตนโกสนิ ทร์ 4. การทาใบงาน 5. การนาเสนอผลงาน ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ ข้ันที่ 1 ผลลัพธ์ปลายทางท่ีต้องการใหเ้ กิดข้นึ กับนักเรยี น ตัวช้ีวัดชัน้ ปี 1. วิเคราะหเ์ รอ่ื งราวเหตกุ ารณส์ าคญั ทางประวัติศาสตรไ์ ด้อย่างมเี หตผุ ลตามวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ (ส 4.1 ม. 3/1) 2. ใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ในการศึกษาเรื่องราวตา่ ง ๆ ทต่ี นสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2)

ความเข้าใจทค่ี งทนของนกั เรียน คาถามสาคัญที่ทาให้เกดิ ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะเข้าใจว่า... 1. หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์เป็นเครื่องมอื ท่ีช่วย 1. หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์มปี ระโยชนต์ ่อ ในการอธิบายเหตกุ ารณ์ในประวตั ศิ าสตร์ การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์อย่างไร 2. การศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ต้องใช้วธิ ีการทาง 2. วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรม์ ีความสาคญั ต่อ ประวัติศาสตร์ ซงึ่ วิธีการน้ตี อ้ งอาศยั หลักฐาน การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์อย่างไร ทาง ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื คน้ หาข้อมูลตา่ ง ๆ อันจะ นาไปสูก่ ารสรุปขอ้ เทจ็ จริงทางประวัติศาสตร์ ความรขู้ องนกั เรียนท่นี าไปสูค่ วามเขา้ ใจท่ีคงทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนท่นี าไปสูค่ วาม นักเรียนจะรู้ว่า... เข้าใจที่คงทน นักเรยี นจะสามารถ... 1. คาสาคัญ ไดแ้ ก่ หอจดหมายเหตุ อุทยาน- 1. อภปิ รายหลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 2. วิเคราะห์วิธีการทางประวัตศิ าสตร์และ 2. หลกั ฐานทางประวัติศาสตรเ์ ป็นร่องรอยการ นามาใช้ศกึ ษาเร่ืองราวทางประวตั ิศาสตร์ กระทาของมนษุ ย์ในอดีตทยี่ ังคงหลงเหลอื อยู่ ใน 3. ยกตวั อยา่ งเหตุการณ์สาคัญสมยั รัตนโกสนิ ทร์ ปจั จบุ ัน การแบ่งประเภทของหลกั ฐานทาง และใช้วิธีการทางประวตั ศิ าสตรศ์ ึกษาเรอ่ื งราวที่ ประวัติศาสตรม์ ี 2 วิธี ไดแ้ ก่ แบง่ ตามความสาคัญ ตนสนใจ ของหลักฐาน มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลักฐานชัน้ ต้น หรือชนั้ ปฐมภูมแิ ละหลกั ฐานชน้ั รองหรอื หลกั ฐานชน้ั ทุตยิ ภมู ิ และแบ่งตามรปู ลักษณะของหลักฐาน มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลักฐานทเ่ี ปน็ ลายลักษณอ์ ักษรและ หลักฐานทไ่ี มเ่ ปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร 3. วิธีการทางประวัตศิ าสตรเ์ ปน็ กระบวนการ ในการแสวงหาขอ้ เทจ็ จริงจากหลักฐานซึง่ เป็น ร่องรอยจากอดตี ทหี่ ลงเหลืออยู่ วิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์ทีส่ าคญั มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การ กาหนดปัญหาหรือเร่อื งทีจ่ ะศึกษา การรวบรวม หลักฐาน การตรวจสอบและประเมินคุณค่าของ หลักฐาน การตคี วามหลกั ฐาน และการเรียบเรียง และการนาเสนอ 4. การวเิ คราะห์ตัวอย่างเหตุการณส์ าคัญในสมัย รัตนโกสนิ ทร์ เราสามารถนาวธิ กี ารทาง ประวัตศิ าสตร์มาใช้ในการวิเคราะห์ได้

5. เราสามารถนาวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์มา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการศกึ ษาเร่ืองราวของตนเอง และครอบครัวได้ ขั้นที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนร้ซู ึ่งเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรยี นมผี ลการเรยี นรู้ ตามทก่ี าหนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานทน่ี กั เรยี นต้องปฏบิ ัติ 1.1 อภิปรายเร่ือง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 1.2 สบื ค้นกรณตี วั อยา่ งโดยใชว้ ิธีการทางประวตั ิศาสตร์และวเิ คราะหเ์ หตุการณ์สาคัญสมยั รตั นโกสนิ ทร์ 2. วิธกี ารและเคร่อื งมือประเมินผลการเรยี นรู้ 2.1 วิธกี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.2 เคร่อื งมือประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1) การทดสอบ 1) แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น 2) การประเมนิ ผลงาน/กิจกรรม 2) แบบประเมนิ ผลงาน/กจิ กรรม เปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม 3) การประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 3) แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ ม และค่านิยม 4) การประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 4) แบบประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 3. สงิ่ ทม่ี ่งุ ประเมิน 3.1 ความเขา้ ใจ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ การอธบิ าย ชแี้ จง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้ การมีมมุ มองท่หี ลากหลาย การให้ความสาคญั ใส่ใจในความรู้สกึ ของผู้อน่ื และการรจู้ ักตนเอง 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ เชน่ การสอื่ สาร การใช้เทคโนโลยี การคดิ การแก้ปัญหา กระบวนการกลมุ่ 3.3 คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม เชน่ มวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อยา่ งพอเพียง รักความเปน็ ไทย รัก ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มีจิตสาธารณะ ซื่อสัตย์สจุ ริต มีความรับผดิ ชอบ ขน้ั ท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 สาระท่ี 4 ประวตั ศิ าสตร์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ 1. สาระสาคญั หลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นร่องรอยการกระทาของมนุษย์ในอดีตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน การแบ่งประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์มี 2 วิธี ได้แก่ แบ่งตามความสาคัญของหลักฐาน มี 2 ประเภท ได้แก่ หลักฐานชั้นต้นหรือชั้นปฐมภูมิและหลักฐานช้ันรองหรือหลักฐานชั้นทุติยภูมิ และแบ่งตาม รูปลกั ษณะของหลกั ฐาน มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลกั ฐานทีเ่ ปน็ ลายลักษณ์อักษรและหลกั ฐานทีไ่ ม่เปน็ ลายลกั ษณ์ อกั ษร 2. ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี 1. วเิ คราะห์เร่ืองราวเหตกุ ารณส์ าคัญทางประวตั ิศาสตร์ได้อย่างมเี หตุผลตามวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ (ส 4.1 ม. 3/1) 2. ใชว้ ิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ในการศึกษาเร่ืองราวตา่ ง ๆ ทีต่ นสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมาย ความสาคัญ และประเภทของหลักฐานทางประวตั ิศาสตรไ์ ด้ (K) 2. เหน็ คณุ คา่ และตระหนักในความสาคญั ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (A) 3. รว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั หลกั ฐานทางประวัติศาสตรไ์ ด้ (P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และ ดา้ นความรู้ (K) ค่านยิ ม (A) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) • ประเมินพฤติกรรมในการ 1. ทดสอบกอ่ นเรยี น • ประเมินพฤตกิ รรมในการ ทางานเป็นรายบุคคลหรือ 2. ซักถามความรู้เร่ือง ทางานเป็นรายบคุ คลในด้าน เปน็ กลุ่มในด้านการสื่อสาร การคดิ การแก้ปญั หา ฯลฯ หลักฐานทางประวตั ิศาสตร์ ความมีวนิ ยั ความใฝ่เรียนรู้ 3. ตรวจผลงาน/กิจกรรม ฯลฯ เป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม

5. สาระการเรียนรู้ • หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ 1. แบ่งตามความสาคัญของหลักฐาน 2. แบ่งตามรปู ลกั ษณะของหลักฐาน 6. แนวทางการบูรณาการ ฟัง พดู อา่ น และเขยี นข้อมูลเกย่ี วกับหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ภาษาไทย  สบื ค้นข้อมลู เก่ียวกับหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากอินเทอร์เนต็ การงานอาชีพฯ  7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 นาเขา้ สู่บทเรยี น ช่ัวโมงที่ 2–3 1. ครูแจง้ ตวั ชี้วดั ชัน้ ปีและจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู ห้นักเรยี นทราบ 2. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 3. ครูให้นักเรยี นดูภาพอนสุ าวรียป์ ระชาธิปไตย แล้วซกั ถามว่าเป็นหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ได้ หรือไม่ ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตอบ โดยใช้ขอ้ มูลจากเรื่องท่ีได้รบั มอบหมายใหไ้ ปอ่านมา จากนั้นครอู ธบิ ายสรุป เพือ่ เชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาทีจ่ ะเรียน ขน้ั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ 4. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ยี วกบั หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ 5. ครจู ัดการเรยี นรู้แบบอภปิ ราย โดยปฏบิ ัติตามข้นั ตอน ดังน้ี ขน้ั ดาเนินการอภิปราย 1) ครแู จง้ หัวขอ้ วัตถปุ ระสงค์ และรปู แบบการอภปิ รายให้นกั เรยี นทราบ 2) ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6–8 คน โดยแตล่ ะกลุ่มเลือกประธาน 1 คน เลขานุการ กลุ่ม 1 คน เป็นผ้จู ดบันทกึ ความคดิ เห็นของกลุ่ม 3) ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มดาเนินการอภปิ รายตามหัวข้อท่ีครูกาหนด ในขณะทก่ี ลุ่มดาเนนิ การ อภิปราย ครูคอยสังเกตและกระตุ้นใหท้ ุกคนได้แสดงความคิดเห็นกนั อยา่ งเต็มท่ี (1) หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์มคี วามสาคญั อยา่ งไร (2) หลักฐานทางประวัตศิ าสตรแ์ บ่งออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบ้าง (3) หลักฐานชนั้ รองหมายถงึ อะไร (4) จดหมายเหตเุ ป็นหลักฐานชน้ั ต้นหรอื หลักฐานชัน้ รอง เพราะอะไร (5) หลักฐานท่เี ป็นลายลักษณ์อักษรมอี ะไรบ้าง

ขนั้ สรปุ การอภปิ ราย 1) ให้แต่ละกลุ่มบนั ทึกผลการอภปิ ราย 2) ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการอภปิ รายหน้าช้นั เรียน 3) เปดิ โอกาสให้ผู้ฟงั ซักถามข้อสงสยั ผ้อู ภปิ รายตอบคาถาม ครูคอยชว่ ยเหลอื ใหค้ าแนะนา ข้นั สรปุ ผล ครูสรปุ ผลการอภิปรายของนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ 6. ในขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนักเรยี น ใหค้ รสู งั เกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่ม 7. ครใู ห้นกั เรียนสืบค้นข้อมูลเกย่ี วกับหลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ที่เปน็ ลายลักษณอ์ ักษรของประเทศ สมาชิกอาเซยี น บนั ทกึ ผลว่ามีหลักฐานอะไรบา้ ง แลว้ นามาแลกเปลีย่ นเรยี นรู้กันในชนั้ เรียน ข้นั ท่ี 3 ฝกึ ฝนผู้เรียน 8. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 1 เรอื่ ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาตอบท่ถี ูกต้อง 9. ครูให้นักเรียนทากจิ กรรมท่ีเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ แล้วชว่ ยกนั เฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง 10. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมทีเ่ กี่ยวกบั หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ ในแบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 ของบริษัท สานักพมิ พว์ ฒั นาพานิช จากัด แลว้ ช่วยกันเฉลยคาตอบที่ถกู ต้อง ข้ันที่ 4 นาไปใช้ 11. ครแู นะนาให้นกั เรียนนาความรู้เรื่อง หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน และ เผยแพรใ่ ห้บุคคลอน่ื รู้และเข้าใจ ขน้ั ท่ี 5 สรปุ 12. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ความรู้เรื่อง หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ โดยให้นักเรียนสรุปลงใน สมุด 13. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนอ่านเนอื้ หาเรอ่ื ง วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์และสบื คน้ ข้อมูลเพอ่ื ตอบ คาถามว่า เราใช้วิธีการใดในการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ เป็นการบ้านเพ่ือเตรียมจดั การเรียนรใู้ นคร้งั ต่อไป 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ë ครูให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน แตล่ ะกลมุ่ หาข่าวเกี่ยวกบั การค้นพบหลกั ฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ แล้วรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น 9. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ภาพอนุสาวรยี ์ประชาธปิ ไตย 3. ใบงานที่ 1 เร่อื ง หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 4. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกล่มุ

5. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพ์วฒั นาพานชิ จากดั 6. แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ม. 3 บรษิ ทั สานกั พมิ พว์ ัฒนาพานชิ จากดั 7. คู่มอื การสอน ประวัติศาสตร์ ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั 8. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานชิ จากัด 10. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเรจ็ ในการจัดการเรียนรู้ แนวทางการพฒั นา 2. ปญั หา/อุปสรรคในการจดั การเรยี นรู้ แนวทางแก้ไข 3. สิง่ ทีไ่ ม่ไดป้ ฏบิ ัติตามแผน เหตุผล 4. การปรบั ปรงุ แผนการจดั การเรียนรู้ ลงชื่อ ผสู้ อน //

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เวลา 2 ชว่ั โมง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 สาระท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 วิธีการทางประวัตศิ าสตร์ 1. สาระสาคัญ วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์เปน็ กระบวนการในการแสวงหาข้อเทจ็ จริงจากหลักฐานซ่ึงเป็นร่องรอยจาก อดตี ที่หลงเหลืออยู่ วิธีการทางประวัตศิ าสตร์มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ การกาหนดปัญหาหรือเร่ืองท่ีจะศกึ ษา การ รวบรวมหลกั ฐาน การตรวจสอบและประเมนิ คณุ ค่าของหลักฐาน การตีความหลักฐาน และการเรยี บเรียงและ การนาเสนอ การวเิ คราะหต์ ัวอยา่ งเหตุการณส์ าคัญในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ เราสามารถนาวิธีการทางประวัติศาสตรม์ า ใช้ในการวิเคราะหไ์ ด้ นอกจากนี้เรายังสามารถนาวธิ ีการทางประวัติศาสตรม์ าประยุกตใ์ ช้ในการศึกษาเรื่องราว ของตนเองและครอบครัวได้ 2. ตวั ชวี้ ดั ช้ันปี 1. วเิ คราะหเ์ รื่องราวเหตุการณส์ าคัญทางประวัติศาสตร์ได้อยา่ งมีเหตุผลตามวธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ (ส 4.1 ม. 3/1) 2. ใช้วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ในการศึกษาเรื่องราวตา่ ง ๆ ที่ตนสนใจ (ส 4.1 ม. 3/2) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั และขน้ั ตอนของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ได้ (K) 2. เห็นความสาคญั ของวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ (A) 3. ยกตัวอย่างและวเิ คราะหเ์ รอ่ื งราวเหตกุ ารณ์สาคญั ทางประวัตศิ าสตร์โดยใชว้ ิธีการทาง ประวตั ศิ าสตรไ์ ด้ (P) 4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และ ด้านความรู้ (K) คา่ นิยม (A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) • ประเมนิ พฤติกรรมในการ 1. ทดสอบหลังเรยี น • ประเมินพฤติกรรมในการ ทางานเปน็ รายบคุ คลหรือ 2. ซกั ถามความรเู้ รื่อง ทางานเป็นรายบุคคลในดา้ น เป็นกลุม่ ในด้านการส่ือสาร การคดิ การแก้ปัญหา ฯลฯ วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ ความมวี ินัย ความใฝเ่ รียนรู้ 3. ตรวจผลงาน/กจิ กรรม ฯลฯ

เปน็ รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม 5. สาระการเรยี นรู้ 1. วธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ 2. ตวั อย่างการวเิ คราะห์เหตุการณส์ าคญั ในสมัยรัตนโกสินทร์ 3. ตวั อย่างการใช้วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ 6. แนวทางการบูรณาการ ฟัง พดู อา่ น และเขียนข้อมลู เก่ยี วกับวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ภาษาไทย  สืบค้นข้อมลู เก่ยี วกับวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรจ์ ากอนิ เทอรเ์ น็ต การงานอาชพี  7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 4 ข้ันที่ 1 นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครแู จง้ ตวั ชีว้ ัดช้ันปแี ละจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู ห้นกั เรียนทราบ 2. ครตู ง้ั ประเด็นคาถาม แล้วซกั ถามนกั เรียนว่า เราใช้วธิ กี ารใดในการศกึ ษาประวัติศาสตร์ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ โดยใชข้ อ้ มลู จากเร่ืองที่ไดร้ ับมอบหมายให้ไปอ่านมา จากน้ันครูสรปุ เพอื่ เช่ือมโยงเข้าสู่ เน้อื หาทจี่ ะเรยี น ข้นั ท่ี 2 กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์ 3. ครูอธิบายเร่ือง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ จากนั้นซักถามนกั เรียนในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น 1) วิธกี ารทางประวัตศิ าสตรห์ มายถึงอะไร 2) วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์สาคญั ต่อการศึกษาประวตั ศิ าสตร์อยา่ งไร 3) ข้นั ตอนวธิ ีการทางประวตั ิศาสตรม์ ีอะไรบ้าง 4) เราสามารถศึกษาประวตั ศิ าสตร์โดยไมใ่ ชว้ ิธกี ารทางประวัติศาสตรไ์ ด้ หรอื ไม่ อย่างไร 4. ครูให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ดังกล่าว จากนั้นสรปุ สาระสาคญั ลงใน แบบบนั ทกึ ความรู้ 5. ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนอ่านเนื้อหาเก่ียวกบั ตวั อยา่ งการวเิ คราะห์เหตกุ ารณส์ าคัญในสมัย รตั นโกสินทร์และตัวอย่างการใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตร์เป็นการบ้านเพื่อเตรยี มจัดการเรียนรใู้ นครง้ั ต่อไป ชั่วโมงท่ี 5

ตวั อยา่ งการวิเคราะห์เหตุการณส์ าคัญในสมยั รตั นโกสินทรแ์ ละตัวอย่างการใช้วิธกี ารทาง ประวัตศิ าสตร์ 6. ครูทบทวนเก่ียวกบั วิธกี ารทางประวตั ิศาสตร์ จากนน้ั เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามข้อ สงสยั จากเรือ่ งท่ีไดร้ บั มอบหมายให้ไปอา่ นมา 7. ครใู ห้ความรแู้ ก่นักเรียนเก่ียวกบั ตวั อย่างการวเิ คราะห์เหตุการณส์ าคัญในสมัย รตั นโกสนิ ทร์และตวั อย่างการใชว้ ธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ศึกษาเร่ืองราวของตนเองและครอบครวั 8. ครสู ุ่มเลือกนกั เรียน 2-3 คน ออกมาสรุปเน้ือเนื้อหาเกี่ยวกบั ตัวอยา่ งการวเคราะห์ เหตกุ ารณส์ าคัญในสมัยรัตนโกสนิ ทรแ์ ละตัวอยา่ งการใชว้ ธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ จากน้ันเพ่ือน ๆ รว่ มกัน แสดงความคิดเห็น 9. ครูให้นกั เรยี นเลอื กเร่ืองราวเก่ียวกับประเทศสมาชิกอาเซยี นหรือเรอื่ งราวเกี่ยวกบั ASEAN ที่สนใจ แล้วใช้วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ในการศึกษาเร่อื งราว เก็บไว้เปน็ ความรเู้ สริม ขั้นที่ 3 ฝกึ ฝนผูเ้ รยี น 10. ครูให้นกั เรียนทาใบงานที่ 2 เรอื่ ง วธิ ีการทางประวัติศาสตร์ แล้วช่วยกนั เฉลยคาตอบที่ถกู ต้อง 11. ครูให้นักเรยี นทากิจกรรมเรือ่ ง วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ ในแบบฝกึ ทักษะ รายวิชาพน้ื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 ของบริษัท สานักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จากดั แล้วช่วยกนั เฉลยคาตอบที่ถูกต้อง ขั้นท่ี 4 นาไปใช้ 12. ครูใหน้ ักเรยี นนาวธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์มาใชใ้ นการศึกษาเร่ืองราวของตนเองและครอบครัว 13. ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นนาความรูเ้ รือ่ ง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ไปปฏบิ ัตแิ ละเผยแพรค่ วามรใู้ ห้ ผอู้ ่นื ไดร้ ู้และเขา้ ใจ ขั้นท่ี 5 สรุป 14. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เร่อื ง วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ โดยให้นกั เรยี นสรุปลงในสมุด หรือเขียนเป็นแผนที่ความคิด พรอ้ มตกแต่งใหส้ วยงาม 15. ครูให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น แล้วชว่ ยกนั เฉลยคาตอบท่ีถกู ต้อง 16. ครูให้นกั เรียนทาแบบทดสอบการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ประจาหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 ใน แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 ของบริษัท สานักพิมพว์ ฒั นาพานชิ จากดั เพ่ือประเมินผล การเรียนรู้ด้านความรู้ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม และด้านทักษะ/กระบวนการของนักเรยี น 17. ครูมอบหมายให้นักเรียนอ่านเนอ้ื หาในหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 พัฒนาการของไทยในสมัย รตั นโกสนิ ทรเ์ ร่อื ง การสถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทร์ เป็นการบ้านเพอื่ เตรยี มจัดการเรยี นรูใ้ นครงั้ ตอ่ ไป 8. กิจกรรมเสนอแนะ ë ครูให้นกั เรียนสบื ค้นข้อมลู เพิม่ เติมเกีย่ วกับวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ แล้วนามาอภปิ รายแสดงความ คดิ เห็นร่วมกันในช้ันเรยี น

9. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบหลังเรียน 2. แบบบันทึกความรู้ 3. ใบงานท่ี 2 เร่ือง วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ 4. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้นื ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพ์วัฒนาพานิช จากดั 5. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพืน้ ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 บรษิ ัท สานักพิมพว์ ัฒนาพานชิ จากัด 6. คูม่ ือการสอน ประวตั ิศาสตร์ ม. 3 บริษัท สานักพมิ พ์วฒั นาพานชิ จากดั 7. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน ประวัติศาสตร์ ม. 3 บรษิ ัท สานกั พิมพ์วัฒนาพานชิ จากดั 10. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ 1. ความสาเร็จในการจัดการเรยี นรู้ แนวทางการพัฒนา 2. ปญั หา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ แนวทางแก้ไข 3. ส่งิ ท่ไี มไ่ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามแผน เหตผุ ล 4. การปรับปรงุ แผนการจดั การเรยี นรู้ ลงช่อื ผูส้ อน / /