Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมเล่ม2 การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก

ชุดกิจกรรมเล่ม2 การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก

Published by petcharaphan, 2020-06-14 10:43:47

Description: ชุดกิจกรรมเล่ม2 การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก

Search

Read the Text Version

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7 ข้นั (7E) รายวิชา ชีววทิ ยา 3 ว32243 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ การสืบพันธุ์ของพชื ดอกและการเจรญิ เตบิ โต เร่อื ง การสรา้ งเซลลส์ ืบพันธุข์ องพชื ดอก นางสาวเพชราพรรณ สืบสันต์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการ โรงเรยี นเทพอุดมวทิ ยา ตาบลดม อาเภอสงั ขะ จังหวัดสุรนิ ทร์ สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

ก การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นภารกิจที่สาคัญยิ่งในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กระบวนการจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความสามารถทางวิทยาศาสตร์นั้น ครูผู้สอนจะต้อง พัฒนากระบวนการเรยี นร้อู ย่างเป็นระบบให้กับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพการ เรยี นรู้ของตนเองใหไ้ ดม้ ากท่สี ุดเทา่ ทจี่ ะมากได้ และการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของผู้เรยี นเป็นการจัดกระบวนการเรียนร้ทู เี่ น้นผ้เู รียนเป็นสาคญั ครผู สู้ อนสามารถออกแบบการ จัดการเรียนรู้ในลักษณะต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เพ่ืออานวยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชญิ สถานการณ์และการประยุกต์ความร้มู าใช้ให้เกิดประโยชน์ สูงสดุ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ เร่ือง การสืบพันธ์ุของพืชดอก และการเจรญิ เติบโต สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซ่ึงเป็นชุดกิจกรรมท่ีเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ส่งเสริมทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ทักษะการสืบค้นข้อมูล กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ โดยครูเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนาและคอยอานวยความสะดวก ตลอดจนตดิ ตามผลการศึกษาอยา่ งใกลช้ ดิ ผ้จู ัดทาขอขอบพระคณุ ท่านผอู้ านวยการโรงเรียนเทพอุดมวิทยา ตลอดจนคณะครูทุก ทา่ นทไี่ ด้ใหค้ าปรกึ ษาในการจดั ทาชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรส์ าเรจ็ ลุล่วงด้วยดี และหวัง เปน็ อย่างยิ่งว่าชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรช์ ุดนี้ จะสง่ ผลให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการ คิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับการพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์และสามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้อยา่ งมีเหตผุ ล มคี ุณธรรม และดาเนินชีวติ อยู่ในสังคมอยา่ งมีความสุข เพชราพรรณ สบื สันต์

ข เรือ่ ง หนา้ 1. คานา ก 2. สารบญั ข 3. คาช้ีแจงในการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 1 4. คาแนะนาในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับครู 2 5. คาแนะนาในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรียน 3 6. ขนั้ ตอนในการใชช้ ดุ กิจกรรม 4 7. ผลการเรยี นรู้ / สาระสาคัญ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 5 8. แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ ที่ 2 เรอื่ ง การสร้างเซลล์สบื พันธุ์ของพืชดอก 6 9. กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ ท่ี 2 เร่ือง การสร้างเซลล์ 8 สบื พนั ธขุ์ องพชื ดอก 9 10. ใบความรู้ที่ 2.1 เร่อื ง การสรา้ งเซลล์สบื พนั ธ์เุ พศเมีย 10 11. ใบความรู้ที่ 2.2 เรอ่ื ง การสรา้ งเซลล์สืบพนั ธเ์ุ พศผู้ 11 12. แบบฝึกหดั ที่ 2.1 เรอ่ื ง การสรา้ งเซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผแู้ ละเพศเมยี 12 13. แบบฝึกหดั ที่ 2.2 เรือ่ ง กระบวนการสรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธ์ุ 13 14. แบบทดสอบหลังเรยี น ชดุ ที่ 2 เร่ือง การสรา้ งเซลลส์ บื พันธขุ์ องพชื ดอก 15. กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น ชุดที่ 2 เรือ่ ง การสรา้ งเซลล์ 15 16 สบื พนั ธขุ์ องพชื ดอก 17 16. บรรณานุกรม 17. ภาคผนวก

1 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา 3 รหัสวิชา ว32243 เรอื่ ง การสืบพันธุ์ของพชื ดอกและการเจรญิ เตบิ โต ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวชิ าชวี วิทยา 3 รหสั วชิ า ว32243 เรอื่ ง การสบื พันธุข์ องพชื ดอก และการเจรญิ เตบิ โต ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วย ชดุ กจิ กรรมท้ังหมด 8 ชุด ใช้เวลาในการเรยี นรูท้ ง้ั หมด 18 ชั่วโมง ดังน้ี ชดุ ที่ 1 โครงสร้างของดอก 3 ชั่วโมง ชุดที่ 2 การสร้างเซลล์สบื พนั ธุ์ของพชื ดอก 2 ชว่ั โมง ชดุ ท่ี 3 การถ่ายละอองเรณูและการปฏสิ นธิของพืชดอก 2 ชั่วโมง ชุดท่ี 4 การเกดิ ผลและโครงสร้างของผล 3 ชว่ั โมง ชุดท่ี 5 การเกิดเมล็ดและโครงสรา้ งของเมล็ด 3 ชั่วโมง ชุดที่ 6 การงอกของเมลด็ และระยะพักตัวของเมลด็ 3 ชั่วโมง ชดุ ที่ 7 การสบื พันธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ 1 ชวั่ โมง ชุดที่ 8 การวดั การเจรญิ เติบโตของพชื 2 ชั่วโมง ชุดกิจกรรมทง้ั 8 ชดุ เปน็ ชดุ กจิ กรรมทีเ่ นน้ ใหผ้ ้เู รียนได้ลงมือปฏิบตั ิจริง มีสว่ นรว่ มใน กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยจัดใหม้ ีความยาก ง่าย เหมาะสมกบั วัยและความสามารถของผู้เรียน เหมาะสมกับผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ ให้ผ้เู รยี นสามารถนาความร้ทู ่ไี ดไ้ ปปรับใช้ใน ชีวิตประจาวัน

2 คาแนะนาการใชช้ ุดกจิ กรรมสาหรบั ครู ชดุ ที่ 2 โครงสรา้ งของดอก บทบาทครู 1. ครูควรศกึ ษาข้นั ตอนในการจัดกิจกรรมโดยละเอยี ด และเตรยี มสอื่ การเรียนรู้ทใี่ ช้ ประกอบการจัดการเรียนรู้ 2. การจดั กระบวนการเรียนรู้ จะต้องจดั กิจกรรมใหค้ รบตามทีร่ ะบไุ ว้ในแผนการจัดการ เรียนรู้ เพื่อให้กิจกรรมบรรลุวัตถุประสงค์ 3. กอ่ นการจัดกิจกรรมครูตอ้ งอธิบาย ช้แี จงวธิ ปี ฏิบัติกิกรรมให้ชดั เจน เพื่อให้นักเรยี น เข้าใจตรงกนั 4. ครูเน้นใหท้ กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิกิจกรรม เพื่อใหน้ ักเรยี นร้จู ักการทางาน รว่ มกัน รบั ผิดชอบหน้าทแี่ ละกลา้ แสดงออก 5. ขณะดาเนนิ กจิ กรรมครตู อ้ งสังเกตกระบวนการทางานของกลมุ่ นักเรยี น เพอ่ื บนั ทกึ ผลการประเมินนักเรียน 6. หลงั จากจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ สรจ็ สน้ิ ในแตล่ ะชดุ กิจกรรม ครเู ปน็ ผ้ปู ระเมนิ ผลการ เรยี นของนกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นทาใบกิจกรรม และทาแบบทดสอบหลังเรยี นแต่ละชุด สง่ิ ท่คี รตู ้องเตรยี ม 1. แผนการจัดการเรียนรู้ 2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. แบบบนั ทกึ ผลการประเมินนกั เรยี น 4. ใบกิจกรรม 5. กระดาษคาตอบ การประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ผลจากการทาใบกจิ กรรม 2. ประเมนิ พฤติกรรมการทางาน 3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 4. ประเมินผลการทาแบบทดสอบ

3 ชดุ ท่ี 2 โครงสรา้ งของดอก ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ชวี วิทยาทีน่ ักเรยี นจะได้ศึกษาต่อไปนี้ เปน็ กิจกรรมการเรียนรู้ เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้นักเรยี นได้สืบเสาะหาความรู้และสามารถสรา้ งองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง โดยเนน้ การ ใชค้ าถามและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใหน้ ักเรียนไดค้ ิดและลงมอื ปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนท่ี กาหนดไว้ในชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามลาดบั ดังนี้ 1. นักเรยี นศกึ ษาจุดประสงค์การเรยี นรแู้ ละขอบข่ายเนื้อหาสาระของชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ 2. การเรยี นด้วยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จะตอ้ งปฏิบัติตามข้นั ตอนท่ี กาหนดให้อยา่ งเคร่งครัดและมีความซอ่ื สัตย์ต่อตนเอง 3. นกั เรยี นศกึ ษาวิธีการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ถ้านกั เรียนคนใดสงสัยหรือมีคาถาม ไมเ่ ข้าใจ สามารถขอคาแนะนาจากครูผู้สอนไดต้ ลอดเวลา 4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ข้อ 5. นักเรียนศึกษาเนื้อหาและลงมอื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยสามารถตรวจคาตอบได้จาก เฉลยในภาคผนวกของกจิ กรรมและต้องมคี วามซื่อสตั ยใ์ นการทากิจกรรม 6. เมื่อศึกษาครบทุกกจิ กรรมนกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้ 7. เวลาทใี่ ชใ้ นการศึกษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดที่ 2 จานวน 2 ชวั่ โมง

4 ศึกษาจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ของชดุ กจิ กรรม ตรวจคาตอบ ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบ ศึกษาเนอ้ื หาจากใบความรู้ กอ่ นเรยี น ไมผ่ ่าน ทากจิ กรรมในใบกิจกรรม/แบบฝึกหดั ตรวจคาตอบ/หาแนวคาตอบ คะแนนต่ากวา่ ร้อยละ 80 ทาแบบทดสอบหลงั เรียน คะแนนตา่ กวา่ ตรวจคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น รอ้ ยละ 80 ศึกษาชดุ กิจกรรมต่อไป

5 ผลการเรียนรู้ สืบคน้ ขอ้ มูล ทดลอง อธิบาย อภปิ ราย และสรปุ เกีย่ วกับโครงสรา้ งและหน้าที่ของดอก การ สืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศและไมอ่ าศยั เพศของพชื ดอก การขยายพันธ์ุพืช และการวัดอตั ราการ เจรญิ เตบิ โต สาระสาคญั พชื ดอกสร้างไมโครสปอร์และเมกะสปอร์ ซ่งึ อาจสรา้ งดอกเดียวกันหรอื ตา่ งดอกหรือตา่ งต้นกนั การสรา้ งไมโครสปอร์ของพชื ดอกเกดิ ข้ึนโดยไมโครสปอร์มาเทอร์เซลลแ์ บง่ เซลล์แบบไมโอซิสได้ ไมโครสปอร์ โดยไมโครสปอร์น้แี บบเซลล์แบบไมโทซสิ ได้ 2 เซลล์ คอื ทวิ ปเ์ ซลลแ์ ละเจเนอรฟี เซลล์ การสร้างเมกะสปอรเ์ กดิ ข้นึ ข้นึ ภายในออวุลในรงั ไข่ โดยเซลล์ท่ีเรยี กว่า เมกะสปอรม์ าเทอรเ์ ซลลแ์ บบ ไมโอซิสได้เมกะสปอร์ ซ่งึ ในพชื ส่วนใหญจ่ ะเจริญพฒั นาตอ่ ไปได้เพียง 1 เซลล์ ที่เหลอื อีก 3 เซลลจ์ ะฝอ่ เมกะสปอรจ์ ะแบง่ ไมโทซสิ 3 ครั้ง ได้ 8 นวิ เคลยี ส ทีป่ ระกอบด้วย 7 เซลลโ์ ดยมี 1 เซลล์ ทท่ี าหน้าท่ี เปน็ เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ เรยี ก เซลลไ์ ข่ ส่วนอกี 1 เซลลม์ ี 2 นิวเคลยี ส เรียกวา่ โพลาร์นวิ คลไี อ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1. นกั เรยี นสามารถอภิปรายและสรุปเก่ียวกับกระบวนการสร้างเซลลส์ บื พันธข์ุ องพืชดอกได้ 2. นกั เรียนสามารถเปรยี บเทยี บความแตกต่างของกระบวนการสรา้ งเซลล์สืบพันธเ์ุ พศผู้และ เพศเมยี ได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. นักเรียนได้รบั การพฒั นาทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ 2. นกั เรียนได้รบั การพฒั นาทกั ษะกระบวนการกลมุ่ 3. นกั เรียนไดร้ ับการพัฒนาความสามารถดา้ นการคดิ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. ซ่ือสตั ยส์ ุจริต 2. มรี ะเบยี บวนิ ัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มงุ่ ม่ันในการทางาน 5. มจี ิตสาธารณะ

6 คาช้แี จง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ 10 คะแนน ใช้เวลา 10 นาที 2. ใหเ้ ลอื กคาตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว แล้วทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. ละอองเรณู หมายถึงอะไร ก. เซลล์ทีไ่ ด้จากการแบง่ ตัวแบบไมโตซสิ ของนิวเคลียสในไมโครสปอร์ ข. เซลล์ทไี่ ด้จากการแบง่ ตวั แบบไมโตซสิ ของนิวเคลียสในไมโครสปอร์ มาเธอร์เซลล์ ค. เซลลท์ ี่ได้จากการแบง่ ตัวแบบไมโอซสิ ของไมโครสปอร์ ง. เซลล์ท่ีไดจ้ ากการแบง่ ตวั แบบไมโอซสิ ของไมโครสปอร์มาเธอร์เซลล์ จ. เซลลท์ ่ไี ดจ้ ากการแบง่ ตัวแบบไมโตซิสของไมโครสปอร์ 2. ละอองเรณู (Pollen grain) ที่กาลังงอกหลอดละอองเรณขู องพชื ดอกเทียบได้กบั เซลลห์ รือ โครงสรา้ งในขอ้ ใด ก. เซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผู้ ข. สปอร์ของเฟริ ์น ค. อนั สปอรข์ องมอส ง. แกมโี ทไฟต์ของมอส จ. สปอร์โรไฟต์ของมอส 3. การเปลยี่ นแปลงจากไมโครสปอร์ไปเป็นละอองเรณู จะเป็นไปตามขอ้ ใด ก. แบง่ นิวเคลียสแบบไมโอซิสไปเปน็ เจเนอเรทฟี นวิ เคลยี ส และทิวปน์ วิ เคลียส ข. แบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซิสไปเปน็ เจเนอเรทฟี นิวเคลียส และทวิ ปน์ วิ เคลยี ส ค. แบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซิสไปเป็นสเปริ ์มตัวที่ 1 และตัวที่ 2 ง. แบง่ นิวเคลียสแบบไมโอซิสไปเปน็ สเปริ ์มตวั ท่ี 1 และตัวท่ี 2 จ. แบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซสิ เปน็ เสปริ ม์ ตัวท่ี 1 และทิวปน์ ิวเคลยี ส 4. การสร้างเซลลส์ ืบพนั ธ์เุ พศเมยี ของพชื ดอกและสัตวช์ ั้นสูง มีความแตกตา่ งกันในเร่อื งใด ก. จานวนเซลลท์ ไ่ี ดจ้ ากการแบง่ เซลลด์ พิ ลอยด์ ข. จานวนครัง้ ของการแบ่งไมโอซสิ ของเซลล์ดิพลอยด์ ค. จานวนเซลล์ที่ได้จากการแบง่ ไมโทซสิ ของเซลล์แฮพลอยด์ ง. จานวนครงั้ ของการแบ่งไมโทซิสของเซลลแ์ ฮพลอยด์ จ. ข้อ ก และ ข ถูก

73 5. ชว่ งระยะแกมีโตไฟท์ของพืชมดี อกทเี่ จรญิ เต็มที่ แกมโี ตไฟท์เพศผแู้ ละเพศเมียมี นวิ เคลยี สจานวนเท่าใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 จ. 1 และ 2 6. ข้อใดต่อไปน้มี จี านวนโครโมโซมเทา่ กบั n ก. เซลลข์ องกลบี ดอก ข. ไมโครสปอร์ ค. ไมโครสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ ง. เซลลข์ องอบั เรณู จ. เมกะสปอรม์ าเทอร์เซลล์ 7 Megaspore ภายในออวลุ และไมโครสปอร์ ภายใน Anther ของดอกขา้ วโพดพฒั นาไป เปน็ โครงสร้างใดตามลาดับ ก.polar nuclei และ pollen ข. egg และ sperm ค. embryo และ endosperm ง. Embryo และ sperm จ. embryo sac และ pollen 8. เซลล์ของพชื ดอกในขอ้ ใดทม่ี ีจานวนโครโมโซม 1 ชดุ ( n ) 1. โพลาร์นวิ คลีไอ 2. ไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ 3. ไซโกต 4. ทวิ บน์ ิวเคลยี ส ตงั้ ใจทาข้อสอบให้ ก. 1 และ 4 ข. 2 และ 4 ไดค้ ะแนนเยอะๆ ค. 1 และ 2 ง. 3 และ 4 จ. 1 และ 3 นะเด็กๆ 9. จานวนนิวเคลยี สของละอองเรณูของพชื มีดอกโดยท่วั ไปเมื่อตกลงบนยอดเกสรเพศเมีย แล้ว จะมีจานวนเทา่ ใด ก. 1 นวิ เคลียส ข. 2 นวิ เคลยี ส ค. 5 นวิ เคลยี ส ง. 4 นวิ เคลยี ส. จ. 3 นิวเคลยี ส 10. Fertilization ในพชื หมายถงึ ข้อใด ก. การทล่ี ะอองเกสรตวั ผู้ตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย ข. การที่เซลลส์ บื พันธ์ุเพศผ้เู ขา้ ไปผสมกบั Ovule ค. การทีเ่ ซลลส์ ืบพนั ธเุ์ พศผ้เู ข้าไปผสมกับ Egg ง. การทีเ่ ซลลส์ บื พันธุเ์ พศผ้เู ขา้ ไปผสมกับ Embryo sac จ. การทีล่ ะอองเรณงู อกหลอดเรณู

84 คะแนนทไี่ ด้ คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน คาตอบ ข้อ ก ข ค ง จ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

9 การสรา้ งเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมยี การสร้างเซลล์สีบพนั ธุ์เพศเมียในพืชดอกเกดิ ข้นึ ภายในรงั ไข่ (ovary) โดยทีภ่ ายในรงั ไขอ่ าจมหี นึง่ ออวุล (ovule ) หรอื หลายออวลุ ภายในออวลุ มีหลายเซลล์ แต่จะมีเซลล์หน่ึงทีม่ ีขนาดใหญ่ เรียกวา่ เมกะสปอร์มาเทอรเ์ ซลล์ (megaspore mother cell) เมกะสปอร์มกี ารขยายขนาดและ แบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซสิ 3 คร้ังด้วยกัน ทาให้เซลลน์ ี้มี 8 นวิ เคลยี ส ซ่ึงจะแบ่งเปน็ 2 กลมุ่ ๆ ละ 4 นิวเคลียส โดยกลุ่มหนง่ึ จะอย่ทู างด้าน ไมโครไพล์ (micropyle) อีกกลุม่ หนงึ่ จะอยู่ทางด้าน ตรงขา้ มไมโครไพล์ ภาพท่ี 1 โครงสร้างของดอก ดงั น้นั เมกะสปอร์ในระยะนม้ี ีนิวเคลียส เป็น 3 กลมุ่ อยูใ่ นบรเิ วณต่างๆ ดังนี้  1. กลุ่มทอี่ ย่ตู รงข้ามไมโครไพล์ (micropyle) มีนิวเคลียส 3 เซลล์ เรียกว่า แอนดิโพแดล (antipodals )  2. กลุม่ บรเิ วณตรงกลางมนี ิวเคลยี ส 2 เซลล์ เรยี กว่า โพลาร์นิวเคลยี ส (polarnucleus หรือ polar nuclei )  3. กล่มุ ทางด้านไมโครไพล์มีนิวเคลียส 3 เซลล์ ซง่ึ มีนิวเคลียสอนั ตรงกลางจะมีขนาดใหญ่ กวา่ อันอืน่ เป็น เซลล์ไข่ (egg cell) อีก 2 เซลล์ทข่ี นาบขา้ งเรียกว่า ซินเนอร์จดิ (synergids) ภาพที่ 1 การสร้างถงุ เอ็มบรโิ อ ทีม่ า: ต่อศกั ด์ิ สีลานนั ท์, 2555

10 6 การสร้างเซลล์สบื พันธุเ์ พศผู้ การสรา้ งเซลล์สบื พันธุเ์ พศผขู้ องพชื ดอกจะเกดิ ข้นึ ภายในอบั เรณู (anther) โดยมี ไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ (microspore mother cell) แบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ ได้ 4 ไมโคร สปอร์ (microspore) แตล่ ะเซลล์มีโครโมโซมเท่ากบั n หลังจากนน้ั นิวเคลียสของไมโครสปอรจ์ ะ แบ่งแบบไมโทซิส ได้ 2 นวิ เคลยี ส คือ เจเนอเรทฟิ นิวเคลียส (generative nucleus) และ ทิวบ์ นวิ เคลยี ส (tube nucleus) เรยี กเซลลใ์ นระยะน้ีว่า ละอองเรณู (pollen grain) หรอื แกมโี ทไฟต์ เพศผู้ (male gametophyte) ละอองเรณูจะมีผนังหนา ผนังชั้นนอกอาจมผี ิวเรียบหรือเป็น หนามเล็กๆแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของพชื เมือ่ ละอองเรณูแก่เตม็ ที่อับเรณจู ะแตกออก เทปาให็น้ละดออองกเรณทกู ่ีมระแีจาตยอเ่ อกกไสปพรรเอ้ พมทศีจ่ ะเผมสมยี พันธ์ุต่อไปได้ ภาพที่ 2 การสรา้ งไมโครสปอร์ ทมี่ า : http://force8949.blogspot.com/2015/09/blog-post_14.html รู้หรือไม่ ในพืชดอกบางชนดิ เจเนอเรทฟี นิวเคลยี สในละอองเรณอู าจแบง่ แบบไม่โทซิส ให้กาเนิดเป็นสเปิรม์ 2 นวิ เคลยี สเลย ดงั นนั้ ภายในละอองเรณูจงึ มี 3 นิวเคลียส คอื ทิวป์ นวิ เคลียส 1 อัน และสเปิร์มนิวเคลียส 2 อนั

11 9 คาชแ้ี จง :อธบิ ายกระบวนการสรา้ งเซลล์ คะแนนทไ่ี ด้ 10 คะแนน สืบพันธ์ขุ องพชื มาพอสงั เขป คะแนนเตม็ 1. การสร้างเซลลส์ ืบพันธุเ์ พศผู้ (microsporogenesis) ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… เป……็น…ด…อ……ก…ท……ม่ี …ีแ…ต……เ่ ก……ส…ร…เ…พ…ศ……เม……ยี …………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… 2. การสร้างเซลลส์ ืบพันธุเ์ พศเมยี (megasporogenesis) ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………

12 9 คคะแะแนนนทท่ไี ด่ีได้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเตม็ ็ม คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเติมขอ้ ความลงในตารางใหส้ มบรู ณ์ตาม กระบวนการสร้างเซลล์สบื พันธข์ุ องพืชดอก ลกั ษณะทพ่ี ิจารณา การสร้าง male การสร้าง female gametophyte gametophyte เปแน็หลดง่ ทอ่ีเกกดิ กทารี่มสรีแา้ งตเซล่เลกส์ สืบพันรธเุ์ เมยี …............................... รังไข่ เซลล์เร่ิมตน้ (mother cell) ................................... เมกะสปอรม์ าเทอร์เซลล์ เซลล์ท่ไี ดจ้ าก meiosis ของเซลล์ ไมโครสปอร์ ................................... แม่ ................................... ................................... จานวนโครโมโซมของเซลลท์ ไ่ี ด้จาก ................................... ................................... meiosis เซลล์สุดท้ายทีไ่ ดจ้ ากกระบวนการ สรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธุ์ จานวนนิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ 2 นิวเคลียส ...................................

13 16 คาชีแ้ จง คาชแี้ จง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบเลอื กตอบ 5 ตวั เลอื ก จานวน 10 ข้อ 10 คะแนน ใช้เวลา 10 นาที 2. ให้เลือกคาตอบที่ถูกต้องเพยี งข้อเดยี ว แลว้ ทาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. เซลลข์ องพชื ดอกในข้อใดท่มี ีจานวนโครโมโซม 1 ชดุ ( n ) 1. โพลาร์นวิ คลไี อ 2. ไมโครสปอรม์ าเทอร์เซลล์ 3. ไซโกต 4. ทวิ บน์ วิ เคลียส ก. 1 และ 2 ข. 1 และ 4 ค. 2 และ 4 ง. 3 และ 4 เป็นดจ.อ1กแลทะ ม่ี3 ีแต่เกสรเพศเมีย 2. Fertilization ในพืช หมายถึงขอ้ ใด ก. การท่ลี ะอองเกสรตวั ผตู้ กลงบนยอดเกสรตวั เมีย ข. การท่ีเซลล์สืบพันธเุ์ พศผ้เู ขา้ ไปผสมกับ Ovule ค. การทเี่ ซลล์สบื พันธเ์ุ พศผเู้ ขา้ ไปผสมกับ Embryo sac ง. การที่เซลล์สบื พันธ์ุเพศผ้เู ข้าไปผสมกบั Egg จ. การที่ละอองเรณงู อกหลอดเรณู 3. จานวนนวิ เคลยี สของละอองเรณูของพชื มดี อกโดยทวั่ ไปเม่อื ตกลงบนยอดเกสรเพศเมียแลว้ จะมี จานวนเทา่ ใด ก. 1 นวิ เคลียส ข. 2 นิวเคลียส ค. 3 นิวเคลยี ส ง. 4 นวิ เคลยี ส. จ. 5 นวิ เคลียส 4. การสรา้ งเซลล์สืบพนั ธเุ์ พศเมียของพชื ดอกและสตั วช์ น้ั สูง มคี วามแตกต่างกันในเรื่องใด ก. จานวนครั้งของการแบ่งไมโทซิสของเซลล์แฮพลอยด์ ข. จานวนคร้งั ของการแบ่งไมโอซิสของเซลลด์ พิ ลอยด์ ค. จานวนเซลลท์ ี่ได้จากการแบง่ เซลล์ดพิ ลอยด์ ง. จานวนเซลล์ท่ีได้จากการแบ่งไมโทซิสของเซลล์แฮพลอยด์ จ. ขอ้ ก และ ข

14 17 5. ช่วงระยะแกมโี ตไฟท์ของพืชมดี อกที่เจริญเต็มท่ี แกมีโตไฟท์เพศผู้และเพศเมยี มี นวิ เคลียสจานวนเทา่ ใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 จ. 1 และ 2 6. ขา้ วโพดพฒั นาไปเป็นโครงสร้างใดตามลาดบั ก. polar nuclei และ pollen ข. egg และ sperm ค. embryo และ endosperm ง. embryo sac และ pollen จ. Embryo และ sperm 7. ละอองเรณู หมายถงึ อะไร ก. เซลล์ท่ีได้จากการแบ่งตวั แบบไมโอซสิ ของไมโครสปอร์มาเธอร์เซลล์ ข. เซลล์ท่ีได้จากการแบ่งตวั แบบไมโตซสิ ของนิวเคลยี สในไมโครสปอร์ เปน็ ดอคก. เมซทาลเมี่ลธ์ทอีแรี่ได์เซต้จลา่เลกก์กาสรแรบเ่งตพัวแศบเบมไมียโอซสิ ของไมโครสปอร์ ง. เซลลท์ ่ีไดจ้ ากการแบ่งตวั แบบไมโตซิสของไมโครสปอร์ จ. เซลลท์ ่ไี ดจ้ ากการแบง่ ตัวแบบไมโตซสิ ของนิวเคลยี สในไมโครสปอร์ 8. ละอองเรณู (Pollen grain) ท่กี าลังงอกหลอดละอองเรณขู องพืชดอกเทยี บไดก้ ับเซลล์ หรือโครงสรา้ งในขอ้ ใด ก. เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ ข. สปอรข์ องเฟริ ์น ค. อันสปอรข์ องมอส ง. แกมโี ทไฟตข์ องมอส จ. สปอร์โรไฟตข์ องมอส 9. ข้อใดตอ่ ไปนม้ี จี านวนโครโมโซมเทา่ กบั n ก. ไมโครสปอร์ ข. เซลล์ของอับเรณู ค. ไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ ง. เซลล์ของกลีบดอก จ. เมกะสปอร์มาเทอร์เซลล์ 10. การเปลยี่ นแปลงจากไมโครสปอร์ไปเป็นละอองเรณู จะเป็นไปตามข้อใด ก. แบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสเปน็ เสปริ ม์ ตวั ท่ี 1 และทวิ ปน์ วิ เคลยี ส ข. แบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโอซิสไปเป็นเจเนอเรทีฟนิวเคลยี ส และทิวป์นิวเคลยี ส ค. แบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ ไปเปน็ สเปิรม์ ตัวท่ี 1 และตัวท่ี 2 ง. แบ่งนิวเคลยี สแบบไมโอซสิ ไปเปน็ สเปริ ์มตัวท่ี 1 และตวั ท่ี 2 จ. แบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสไปเป็นเจเนอเรทฟี นวิ เคลียส และทวิ ป์นิวเคลียส

เปน็ ดอกทม่ี แี ตเ่ กสรเพศ 15 18 ข้อ คะแนน 1100คคะะแแนนนน คาตอบ จ ก คคะะแแนนนนทที่ไีไ่ดด้ ้ คคะะแแนนนนเเตตม็ ม็ ข คาตอบ ค คง ง จ ข้อ ก ข 11 22 33 4 4 5 56 67 78 89 9 10 10 เมีย

16 19 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป.). ตัวช้ีวัดและสาระแกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ึนพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธิการ (2552). ตวั ชีว้ ดั และสาระแกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ึนพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พิมพ์คร้งั ท่ี 1. กรงุ เทพฯ : สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษาสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. จิรสั ย์ เจนพาณิชย์. (2558). BIOLOGY for high school students. (พมิ พค์ รั้งที่ 19). กรงุ เทพมหานคร : บูมคัลเลอร์ไลน์. ตอ่ ศกั ด์ิ สีลานนั ท์. (2554). คู่มือประกอบสือ่ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ ระดบั เป็นมดธั ยอมศกึกทษาี่มตอีแนตปล่เากยสวชิ ราเชพีววศิทเยมา เยีรอ่ื ง วฏั จกั รชีวติ ของพืชดอก. [ออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า : http://www.phukhieo.ac.th/obec- media/2554/manual/pdf. [15 ตลุ าคม 2560]. ม.ป.ป. (2558).การสบื พันธุ์ของพชื ดอก. [ออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า : http://force8949.blogspot.com/2015/09/blog-post_14.html ปรชี า สวุ รรณพนิ จิ . (2556). High School Biology ชวี วทิ ยา ม.4-6 เล่ม 3 (รายวชิ า เพ่ิมเติม), 254- 257. กรงุ เทพฯ: ไฮเอ็ดพับลิชชิง. ฤทธ์ิ วัฒนชัยย่ิงเจริญ และเกศทพิ ย์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา, บรรณาธิการ. (ม.ป.ป.) หนังสือเสรมิ สร้าง ศักยภาพและทักษะ รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ชวี วิทยา เลม่ 3 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ึ พื้นฐาน พ.ศ. 2561. พิมพ์คร้งั ที่ 1. กรุงเทพ ฯ : บรษิ ทั ไทยรม่ เกล้า จากดั . สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2553). คูม่ อื ครู รายวชิ า เพิ่มเตมิ ชวี วทิ ยา เล่ม 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 -6 กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. (พิมพ์ครง้ั ที่ 1). กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553). หนงั สอื เรียน รายวชิ าเพิม่ เตมิ ชีววิทยา เล่ม 1 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 -6 กลุม่ สาระการ เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 2). กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.

17 20 เปน็ ดอกท่ีมแี ตเ่ กสรเพศเมยี

18 21 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ข้อ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1ก 1ข 2ง 2ง 3ค เป็นดอก3 ทีม่ แี ตเ่ กสข รเพศเมยี 4ก 5ข 4ง 6ง 5ค 7จ 6ข 8ค 7จ 9ก 8ก 10 จ 9จ 10 ค

19 9 คาช้ีแจง :อธิบายกระบวนการสร้างเซลล์ คคะแะแนนนททไ่ี ดีไ่ ด้ ้ 1100คคะแะแนนน สืบพนั ธ์ุของพืชมาพอสังเขป คคะแะแนนนเตเต็มม็ 1. การสร้างเซลลส์ ืบพันธเุ์ พศผู้ (microsporogenesis) แนวคาตอบ……ภายในอบั เรณมู ีกลุม่ เซลลท์ เ่ี รียกวา่ ไมโครสปอร์มาเทอร์เซลล์ (2n) ซ่ึงไม โครสปอร์มาเทอร์เซลลแ์ ตล่ ะเซลลจ์ ะแบง่ ตวั แบบไมโอซิสไดเ้ ซลล์ใหมเ่ กิดขน้ึ เรยี กว่า ไมโค รสปอร์ (n) จานวน 4 ไมโครสปอร์ แต่ละไมโครสปอร์จะแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซิส 1 ครงั้ เปได็น้ 2ดนอิวเคกลยีทส่มี คอื ีแเตจเนเ่ เกรทสีฟรนวิเเพคลศียสเมแลยีะทิวปน์ ิวเคลยี ส หลงั จากนนั้ เจเนเรทฟี นิวเคลยี สจะแบง่ เซลล์แบบไมโทซสิ (ไม่แบง่ ไซโทพลาสซมึ ) ได้ 2 สเปริ ม์ นวิ เคลียส ซึง่ เซลล์ ท่ีได้ เรียกวา่ ละอองเรณู…………… 2. การสรา้ งเซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศเมยี (megasporogenesis) แนวคาตอบ……ภายในรังไขม่ ีออวุลและภายในออวุลมีเซลล์ชนาดใหญ่ทเี่ รยี กวา่ เมกะสปอร์ มอเทอร์เซลล์ (2n) โดยเมกะสปอรม์ าเทอร์เซลลจ์ ะแบง่ ตัวแบบไมโอซิสได้เซลล์ 4 เซลล์ แต่ ละเซลล์ เรียกวา่ เมกะสปอร์ (n) หลังจากนนั้ เมกะสปอร์จะสลายไป 3 เซลล์ เหลอื เพียง 1 เซลล์ ซ่งึ จะขยายขนึ้ แลว้ มกี ารแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส 3 ครัง้ ได้ 8 นวิ เคลยี ส โดย 3 นิวเคลยี สจะอยตู่ รงข้ามกับไมโครโพล์ เรยี กวา่ แอนตโิ พแดล 3 นิวเคลยี สจะอยดู่ า้ นเดียวกับ ไมโครไพล์ โดย 1 เซลล์ ทาหนา้ ที่เป็นเซลล์ไข่ ส่วนอกี 2 เซลลจ์ ะอยดู่ า้ นขา้ งของเซลลไ์ ข่ เรยี กวา่ ซนิ เนอร์จดิ และอีก 2 นิวเคลยี สจะอยตู่ รงกลาง เรยี กวา่ โพลาร์นวิ คลไี อ…………

20 9 คคะแะแนนนทท่ไี ดี่ได้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเต็มม็ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเตมิ ขอ้ ความลงในตารางใหส้ มบรู ณ์ตาม กระบวนการสร้างเซลล์สืบพนั ธข์ุ องพชื ดอก เปน็ ดอลกกั ษทณีม่ะทแีี่พิจตาร่เณกาส รเเมยี การสรา้ ง male การสรา้ ง female gametophyte gametophyte แหล่งทเี่ กิดการสรา้ งเซลลส์ ืบพันธ์ุ ….......อับเรณู........... รงั ไข่ เซลลเ์ รมิ่ ตน้ (mother cell) . ไมโครสปอร์มาเทอร์ เมกะสปอร์มาเทอร์เซลล์ เซลล์ เซลล์ทไี่ ดจ้ าก meiosis ของเซลล์ ไมโครสปอร์ .........เมกะสปอร์….... แม่ จานวนโครโมโซมของเซลลท์ ี่ไดจ้ าก .............n...................... ...............n.................... meiosis เซลล์สดุ ท้ายที่ไดจ้ ากกระบวนการ ..........ละอองเรณู........ ............ถุงเอ็มบริโอ...... สร้างเซลลส์ บื พันธ์ุ จานวนนิวเคลียสของเซลลส์ ืบพนั ธุ์ 2 นวิ เคลยี ส .......8 นิวเคลียส.....

21 24 ชือ่ -นามสกลุ ....................................................................................เลขท.่ี ................ช้ัน........... โรงเรียน…………………………………………………............... แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนทไี่ ด้ หมายเหตุ หมายเหตุ ก่อนเรียน 10 หลงั เรยี น 10 เปน็ ดผอลกกาทรพม่ีัฒนีแาตเ่ กสรเพศเมีย กิจกรรม คะแนนเต็ม คะแนนทไ่ี ด้ แบบฝึกหดั ท่ี 2.1 10 แบบฝึกหัดท่ี 2.2 10 20 รวมคะแนน

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7 ข้นั (7E) รายวิชา ชีววทิ ยา 3 ว32243 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ การสืบพันธุ์ของพชื ดอกและการเจรญิ เตบิ โต เร่อื ง การสรา้ งเซลลส์ ืบพันธุข์ องพชื ดอก นางสาวเพชราพรรณ สืบสันต์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการ โรงเรยี นเทพอุดมวทิ ยา ตาบลดม อาเภอสงั ขะ จังหวัดสุรนิ ทร์ สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook