Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุด 1 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2

ชุด 1 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2

Published by krunoy1974, 2020-06-16 02:58:17

Description: ชุด 1 ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม2

Search

Read the Text Version

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 1 เรือ่ ง ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ติ กับสงิ่ แวดลอ้ มก ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ระบบนเิ วศ โดยใช้วฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขนั้ สําหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ชดุ ที่ 1 เร่ือง ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี วี ิตกับส่ิงแวดล้อม ธนาวัฒน์ คงนาค โรงเรยี นลานทรายพทิ ยาคม อาํ เภอท่าตูม จงั หวัดสุรินทร์ สํานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 กระทรวงศกึ ษาธิการ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ท่ี 1 เร่อื ง ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มีชวี ติ กับสงิ่ แวดล้อมข คํานํา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง ระบบนิเวศโดยใช้วฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น สาํ หรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี3น้ี เปน็ นวตั กรรมการเรยี นรู้ ท่ีจดั ทาํ ข้ึนเพื่อใช้เปน็ ส่ือประกอบการจัด การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ระบบนเิ วศรายวชิ าวิทยาศาสตร์ สาํ หรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3ซง่ึ ชดุ กิจกรรมการ เรียนรนู้ ี้มเี น้ือหาสาระและกิจกรรมทสี่ อดคลอ้ งกบั สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐานพทุ ธศักราช 2551เปน็ เคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ของนักเรียนทเี่ นน้ นกั เรียนเปน็ สาํ คญั โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสํารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสือ่ สารส่ิงทเี่ รยี นรู้ มีความสามารถใน การตดั สนิ ใจและมีจติ วิทยาศาสตร์ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง ระบบนิเวศ โดยใช้วฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ข้นั สําหรับ นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี3นี้ ประกอบด้วยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ทง้ั หมด8 ชดุ ดังนี้ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง ความสมั พันธข์ องส่งิ มีชวี ิตกับสง่ิ แวดลอ้ ม จํานวน2ช่ัวโมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง องคป์ ระกอบของระบบนิเวศ จํานวน2ชัว่ โมง ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง การถา่ ยทอดพลังงานในระบบนเิ วศ จํานวน 2 ชัว่ โมง ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสิ่งมีชวี ิตในระบบนเิ วศ จาํ นวน 2 ชั่วโมง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 5 เร่ือง วฏั จักรของสารในระบบนิเวศ จาํ นวน 2 ชัว่ โมง ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 6 เร่ือง ดุลยภาพของระบบนิเวศ จํานวน 1 ชั่วโมง ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 7 เรื่อง ความหลากหลายทางชวี ภาพ จํานวน 2 ช่วั โมง ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 8 เรื่อง ประชากร จาํ นวน 2 ช่วั โมง ผจู้ ัดทําขอขอบพระคุณทกุ ทา่ นท่ไี ด้ให้การสนบั สนนุ ใหค้ าํ แนะนาํ ชแ้ี นะในการจดั ทาํ ชุดกิจกรรม การเรยี นร้ใู นคร้งั นี้ หวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่าชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้นจี้ ะเปน็ ประโยชน์สาํ หรบั นักเรียน ครูผสู้ อน และผูท้ ส่ี นใจ รวมท้ังสามารถนําไปพฒั นาการเรียนการสอนตอ่ ไป ธนาวัฒน์คงนาค

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เรือ่ ง ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชวี ติ กบั สง่ิ แวดล้อมค สารบญั เร่อื ง หน้า คาํ นาํ ………………………………………………………………………………………………………………… ก สารบญั ……………………………………………………………………………………………………………… ข มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ัด……..…………..…………………………………………………………. 1 จดุ ประสงค์การเรยี นร…ู้ ………………………………………..………….…………………………………... 2 ข้ันตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร…ู้ ………………………………………………………………….. 3 คาํ ชแ้ี จงในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนร…ู้ ……………………………………….................................... 4 กิจกรรมการเรียนร…ู้ ……………………….………………………………………………………………… 7 ขั้นที่ 1 ขั้นตรวจสอบความรเู้ ดมิ .…………………………………………………………………........... 8 ข้นั ท่ี 2 ขั้นสรา้ งความสนใจ…………………………………………………………………………........... 11 ขั้นท่ี 3 ข้นั สาํ รวจและคน้ หา…….…………………………………………………………………........... 13 ขั้นท่ี 4 ขน้ั อธิบาย…………………..…………………………………………………………………........... 21 ขั้นท่ี 5 ขั้นขยายความคดิ ……………………………………………………………………………............ 22 ขนั้ ที่ 6 ขน้ั ประเมนิ ผล……………..…………………………………………………………………........... 28 ข้ันท่ี 7 ขัน้ นาํ ความรไู้ ปใช…้ ……..…………………………………………………………………........... 39 บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………………….. 40 ประวัตผิ ู้จัดทาํ …………………………………………………………………………………………………..... 41

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม1 มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ดั สาระที่ 2 ชวี ติ กับสง่ิ แวดล้อม มาตรฐานว 2.1 เข้าใจส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถิ่นความสัมพันธร์ ะหว่างสิง่ แวดลอ้ มกบั สงิ่ มีชวี ติ ความสัมพันธร์ ะหว่างส่งิ มชี ีวิตต่างๆในระบบนเิ วศมีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่อื สารสง่ิ ท่ีเรยี นรแู้ ละนาํ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐานว8.1ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ แก้ปัญหา รู้วา่ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติที่เกดิ ขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมลู และเครื่องมือท่มี ีอยู่ในช่วงเวลาน้นั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมและ สงิ่ แวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ตวั ชี้วดั สํารวจระบบนิเวศตา่ งๆในท้องถิ่นและอธิบายความสมั พนั ธ์ขององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของสงิ่ มีชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ ชุดที่ 1 เร่อื ง ความสมั พันธข์ องส่งิ มีชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ดา้ นความรู้ 1. บอกความหมาย ประเภท และโครงสร้างของระบบนิเวศได้ 2. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมีชวี ติ กับสง่ิ แวดล้อม และระหวา่ งสิง่ มีชวี ติ กบั สิง่ ไมม่ ีชีวติ ได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 1. สาํ รวจระบบนิเวศตา่ งๆ ในทอ้ งทอ้ งถิ่นได้ 2. นักเรียนมคี วามสามารถในการร่วมปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลมุ่ ในการสบื คน้ ขอ้ มูล อภิปราย อธบิ ายเกี่ยวกับ เรอ่ื ง สมั พนั ธ์ของส่งิ มชี วี ิตกบั สิง่ แวดลอ้ มได้ ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3.มีความซ่ือสตั ย์ 4.มุ่งมัน่ ในการทํางาน 5. มีจิตสาธารณะ สมรรถนะสําคญั 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 3. ความสามารถในการส่ือสาร 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

ชดุ กิจกรรมการเรียนรชู้ ดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ของสงิ่ มีชีวติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม3 ข้ันตอนการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ ศึกษาคําช้ีแจงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรียนร้แู ละปฏบิ ตั ิตามขั้นตอน ดังน้ี - ข้ันที่ 1 ขั้นตรวจสอบความร้เู ดมิ - ขัน้ ท่ี 2 ข้ันสร้างความสนใจ -ขั้นที่ 3 ขน้ั สาํ รวจและค้นหา - ขั้นที่ 4 ข้ันอธบิ าย - ขั้นที่ 5 ขั้นขยายความคดิ - ขน้ั ที่ 6 ขน้ั ประเมินผล ไม่ผ่าน ผา่ น - ขัน้ ที่ 7 ขนั้ นําความรไู้ ปใช้ ศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนร้ชู ุดต่อไป

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เร่อื ง ความสมั พันธข์ องสิง่ มีชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม4 คาํ ชแี้ จงในการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เพอื่ ใหก้ ารใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้น้มี ีประสิทธภิ าพ และบรรลตุ ามจดุ ประสงค์ท่ตี ้งั ไว้ ครูผ้สู อน และนักเรยี นควรปฏบิ ตั ติ ามคําชแี้ จงดังนี้ คําชีแ้ จงสาํ หรบั ครู 1. บทบาทของครผู สู้ อน มดี ังน้ี 1. ศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้มาตรฐานการเรยี นรู้ตวั ชีว้ ดั จดุ ประสงค์การเรยี นรูก้ ารวัดและ ประเมินผลและกระบวนการจัดการเรยี นร้ใู หเ้ ข้าใจอย่างชัดเจน 2. เตรียมชุดกิจกรรมการเรยี นรู้และวัสดอุ ปุ กรณ์ประจาํ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ให้พร้อมและ เพียงพอกบั จาํ นวนนักเรยี น 3. แนะนาํ ข้นั ตอนการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ นวปฏบิ ัติใหน้ ักเรียนรับทราบโดยละเอยี ด ตลอดจนกําหนดขอ้ ตกลงรว่ มกัน 4. กอ่ นการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรยี นทาํ แบบทดสอบก่อนเรียนเพ่ือวัดความรูพ้ น้ื ฐาน กอ่ นเรียน 5. กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นศึกษา ปฏิบตั ิกิจกรรม เป็นทปี่ รึกษาและคอยใหก้ าํ ลังใจ ให้ความชว่ ยเหลอื ขณะนักเรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 6. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโดยปฏิบตั ติ ามบตั รคําส่งั ในชุดกจิ กรรมการเรียนรอู้ ยา่ ง เครง่ ครดั โดยครูต้องกาํ กบั ดูแลนักเรยี นอยา่ งใกล้ชดิ ขณะจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน 7. การสรุปบทเรียน ควรเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนมสี ว่ นร่วมในการสรปุ เน้อื หาใหม้ ากหรอื ช่วยกัน สรปุ 8. หลงั จากทาํ กจิ กรรมการเรียนการสอนเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้วให้นกั เรียนเกบ็ วัสดุอปุ กรณ์ และองคป์ ระกอบของชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ให้เรียบร้อย 9. เมื่อเรยี นจบทงั้ 8 ชุด ครูผู้สอนจะตอ้ งสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นหลงั เรยี นและให้ นักเรยี นทําแบบวดั ความพึงพอใจ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มีชวี ติ กับสงิ่ แวดล้อม5 2. สิง่ ท่ีครตู ้องเตรยี ม มีดังนี้ ครูต้องเตรียมส่อื การเรยี นให้ครบตามขัน้ ตอนการจัดชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ดังนี้ 2.1 แบบทดสอบกอ่ น 2.2ใบความรู้ 2.3 ใบกจิ กรรม 2.4 ใบงาน 2.5 แบบทดสอบหลังเรยี น 2.6 เฉลยใบกิจกรรม 2.7 เฉลยใบงาน 2.8เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน 2.9แบบประเมนิ การปฏิบัตงิ านกลุ่ม 2.10แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 2.11แบบประเมนิ สมรรถนะสําคัญ 3. การประเมินผลการเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ประเมนิ จากการทําใบกิจกรรม ใบงาน และแบบทดสอบหลงั เรียน 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ ประเมินจากแบบประเมนิ การปฏบิ ัติงานกลุ่ม 3.3 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ประเมินจากแบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 3.4 สมรรถนะสําคัญ ประเมินจากแบบประเมินสมรรถนะสาํ คญั 4. เกณฑ์ผ่านการประเมิน 4.1 ดา้ นความรู้คะแนนผลงานรายบคุ คลจากการทําใบกิจกรรม ใบงาน และแบบทดสอบหลัง เรียน ถกู ตอ้ งร้อยละ80ขนึ้ ไปถอื ว่าผ่านเกณฑ์ 4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ คะแนนพฤตกิ รรมการทํางานเป็นกลุ่มเกณฑ์ผา่ นร้อยละ80ของ คะแนนเต็ม 4.3 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนรายบุคคลจากการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เกณฑ์ผา่ นร้อยละ80ของคะแนนเต็ม 4.4 สมรรถนะสําคัญคะแนนรายบุคคลจากการประเมินสมรรถนะสําคัญ เกณฑผ์ า่ นร้อยละ80ของคะแนนเต็ม

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เรือ่ ง ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม6 คําชแ้ี จงสาํ หรบั นักเรยี น 1. ศึกษาคําแนะนําในการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจกอ่ นจะลงมือปฏิบัติกิจกรรมและ ปฏบิ ัติตามขั้นตอนตามเวลาที่กําหนด 2. ทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรียนจาํ นวน 10 ขอ้ ในเวลา 10นาทีเพ่ือวดั ความรูพ้ ื้นฐานของนักเรยี น 3. ปรกึ ษาครผู ู้สอน เมื่อมปี ัญหาหรอื ไม่เขา้ ในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้หรือในการปฏิบตั ิ กิจกรรม 4. ศกึ ษาเนื้อหาและลงมอื ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามลําดับขั้นตอนกอ่ น-หลัง 5. เลอื กตวั แทนนาํ เสนอผลงานกลมุ่ หน้าชนั้ เรียน 6. ทําแบบทดสอบหลังเรยี นทกุ ครง้ั เม่ือเรียนจบในแตล่ ะชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 7. เกณฑ์ผ่านการประเมิน 7.1 ด้านความรู้คะแนนผลงานรายบคุ คลจากการทําใบกจิ กรรม ใบงาน และ แบบทดสอบหลังเรียน ถูกต้องร้อยละ80ขนึ้ ไปถือว่าผา่ นเกณฑ์ 7.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ คะแนนพฤตกิ รรมการทาํ งานเป็นกลุ่มเกณฑ์ผา่ นร้อยละ 80ของคะแนนเต็ม 7.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนรายบคุ คลจากการประเมินคณุ ลักษณะ-อนั พึงประสงค์ เกณฑผ์ ่านร้อยละ80ของคะแนนเต็ม 7.4 สมรรถนะสําคัญ คะแนนรายบุคคลจากการประเมินสมรรถนะสาํ คัญ เกณฑผ์ า่ นร้อยละ80ของคะแนนเตม็

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เร่ือง ความสัมพันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ กับสงิ่ แวดล้อม7 กิจกรรมการเรียนรู้ วัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขนั้ ข้ันท่ี 1 ขน้ั ตรวจสอบความรู้เดมิ (Elicitation Phase) ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement Phase) ขน้ั ที่ 3 ขน้ั สาํ รวจและคน้ หา (Exploration Phase) ข้ันที่ 4 ข้ันอธบิ าย (Explanation Phase) ขน้ั ท่ี 5 ขั้นขยายความคิด(Expansion Phase) ขั้นที่ 6 ขัน้ ประเมินผล (Evaluation Phase) ขนั้ ท่ี 7 ขนั้ นาํ ความรูไ้ ปใช้ (Extension Phase)

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เรอื่ ง ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี ีวติ กบั สงิ่ แวดล้อม8 ขัน้ ที่ 1 ขั้นตรวจสอบความรู้เดมิ (Elicitation Phase) นกั เรยี นปฏิบตั ดิ ังน้ี 1.ตอบคําถามเกย่ี วกบั ระบบนิเวศ ดงั นี้ - จากการสังเกตสวนหย่อมหน้าอาคารเรียน นกั เรยี นเห็นอะไรบา้ ง - ทกุ ๆสง่ิ ท่อี ยู่รอบตัวเราทั้งสิง่ ที่มีชีวิตและส่งิ ท่ีไมม่ ีชีวิตเราเรียกว่าอยา่ งไร - สิ่งแวดลอ้ มในแต่ละท้องถิ่นเหมือนหรอื แตกต่างกนั หรือไม่ - ตวั ของนกั เรยี นเองเปน็ ส่ิงแวดล้อมของสง่ิ อ่ืนๆหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 2. ทําแบบทดสอบกอ่ นเรียนชดุ ที่ 1 จาํ นวน 10 ข้อ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เรือ่ ง ความสมั พันธข์ องส่งิ มีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม9 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดที่ 1 เรือ่ ง ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม วิชา วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จํานวน 10 ขอ้ เวลา 10 นาที คําส่งั :1.แบบทดสอบน้เี ป็นแบบปรนยั เลือกตอบมีท้ังหมด 10 ขอ้ 2.ให้นักเรียนเลอื กคาํ ตอบทถี่ ูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดยี วแล้วทาํ เคร่ืองหมายกากบาท(X) ลง ในกระดาษคําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. ถ้านักเรียนต้องการวัดความลึกของแสงท่ีส่องผ่านลงในน้ําควรเลอื กใช้เคร่ืองมือใด ก. เซคคิดสิ ก์ ข. กลอ้ งจุลทรรศน์ ค. เทอร์มอมเิ ตอร์ ง. กระดาษยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ 2. แหลง่ ที่อยู่มีความหมายตรงกับข้อความใดต่อไปน้ี ก. ปลาช่อนชอบอาศยั อยตู่ ามรมิ บ่อหนองบงึ ทีม่ ีพืชนํ้าปกคลมุ และมอี าหารอุดมสมบูรณ์ ข. กระบองเพชรเปน็ พืชทะเลทรายใบเปลีย่ นแปลงเปน็ หนามเพ่ือชว่ ยลดอตั ราการคายนํ้า ค. นกปากหา่ งอพยพมาอาศัยทํารงั อยชู่ ่วั คราว (4-6 เดอื น) ที่วดั ไผล่ ้อมจังหวดั ปทมุ ธานี ง. สาหรา่ ยข้าวเหนียวเปน็ พืชนํ้าทีม่ ีดอกรากดูดอาหารจากดินโดยตรงใบเปลี่ยนโครงสร้างสาํ หรับจับ สตั ว์นาํ้ เล็กๆเปน็ อาหาร 3. สิ่งมีชีวติ ในข้อใดต่อไปนีจ้ ัดเป็นกลมุ่ ส่งิ มชี วี ติ (community) ก. จง้ิ หรีดและต๊กั แตนในกอหญ้า ข. นกกระจาบ 20 ตวั บนกงิ่ ไม้ ค. มดแดงจํานวนมากในรัง ง. ปลาหางนกยูง 100 ตวั ในอา่ งนํ้า 4. ขอ้ ใดต่อไปน้ีถือวา่ เปน็ ปัจจยั ทางกายภาพ ก. จอกแหนสาหร่าย ข. อณุ หภมู ิแสงสว่างความกดดนั ค. แรธ่ าตดุ นิ จลุ ินทรีย์ ง. สารอาหารออกซิเจนพืชน้าํ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เร่อื ง ความสมั พันธ์ของสิ่งมีชีวติ กับสง่ิ แวดล้อม10 5. ขอ้ ใดไม่ได้อธิบายถงึ ระบบนเิ วศ ก. ใตต้ ้นมะม่วงหลังบ้านมีมดดาํ คางคกหญา้ และปลวก ข. ขอนไม้ผุใตต้ ้นมะมว่ งมีเห็ดโคนปลวกและมด ค. แอ่งนา้ํ ทีเ่ กดิ จากรอยเทา้ ของกระบือมีสาหรา่ ยและลูกอ๊อด ง. ทนี่ ํ้าตกมโี ขดหนิ มากมายและกระแสนํ้าท่ไี หลแรง 6. จากภาพขา้ งลา่ งเป็นกลุ่มสิ่งมีชวี ิตเป็น 2 กลมุ่ ขอ้ ใดเปน็ เกณฑ์ในการแบ่งสงิ่ มีชีวิต ก. แหลง่ ที่อยู่อาศยั ข. บทบาทสิง่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ ค. หนา้ ทีเ่ ชิงอาหารในระบบนิเวศ ง. ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ทแี่ ตกต่างกนั 7. ส่วนประกอบที่สาํ คัญและจําเปน็ ท่ีสดุ ในระบบนิเวศได้แก่ ก. ผู้ผลติ และผู้บริโภค ข. พลังงานและการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ค. แบคทเี รยี และพืชสีเขียว ง. วัฏจักรของสารและการถ่ายทอดพลังงาน 8. ระบบนเิ วศประกอบด้วยโครงสรา้ งใดบา้ ง ก. กลุ่มสิ่งมชี วี ิตเพียงอย่างเดียว ข. กลมุ่ ส่งิ มีชวี ิตและแหลง่ ท่ีอยู่ ค. กลุม่ ส่ิงมีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม ง. กลมุ่ สิ่งมชี ีวิตแหลง่ ที่อยแู่ ละสิ่งแวดล้อม 9. ในปา่ ดงดิบมกั ไม่พบหญ้าหรือไม้พุม่ ขนาดเลก็ ๆเจรญิ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ท้ังนี้เพราะปัจจยั ใด เปน็ ตวั จํากัดการเจรญิ เตบิ โตของหญา้ และไม้พมุ่ เหล่านั้น ก. นํา้ ในดิน ข. อุณหภูมิ ค. แสงสว่าง ง. ความช้ืนในอากาศ 10. สํารวจนเิ วศวทิ ยาบรเิ วณลาํ ธารแห่งหนง่ึ พบว่ามีสิง่ มีชีวิตอาศัยอยูบ่ รเิ วณริมลาํ ธาร มากชนิดกว่าในลําธารและบนบกแสดงว่ารมิ ลําธารมีลกั ษณะอย่างไร ก. มีทหี่ ลบภัยมากกว่า ข. มีอาหารอุดมสมบรู ณก์ ว่า ค. มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกว่า ง. มที ส่ี าํ หรับวางไขป่ ลอดภัยกว่า

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เร่อื ง ความสัมพันธข์ องส่ิงมชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม11 ข้ันท่ี 2 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement Phase) นกั เรียนปฏิบตั ิดังน้ี 1. ดูภาพส่ิงมชี ีวติ ท่ีอาศยั อยใู่ นแหลง่ ที่อยู่ตา่ งๆจากภาพประกอบการศึกษา เช่น สระ นา้ํ ทุง่ หญ้าปา่ ไม้ทปี่ ระกอบไปดว้ ยพชื และสัตว์ตา่ งๆ อาศัยอยู่ 2. ตอบคาํ ถามเก่ยี วกับความสมั พนั ธ์ระหว่างส่งิ มชี ีวิตกับสิ่งมชี วี ติ และส่งิ มชี ีวติ กบั สิ่งไมม่ ีชีวิต ความเหมาะสมของสภาพแวดลอ้ มกับการดาํ รงชวี ิต ของสง่ิ มีชวี ติ น้ันๆ ดงั นี้ -ส่งิ แวดล้อมทีน่ กั เรียนอาศัยอยเู่ ปน็ อย่างไร เหมอื นหรอื ต่างกับสง่ิ แวดลอ้ มของ เพ่ือนอย่างไร - ในท้องถ่นิ ของนักเรยี นมีส่งิ มีชวี ิตอะไรบา้ ง ส่งิ มชี วี ิตเหล่านีม้ คี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งไรและสัมพันธก์ บั สิ่งตา่ งๆ ในบริเวณทอ่ี ยูอ่ าศยั อยา่ งไร - สิ่งแวดลอ้ มของสิง่ มชี ีวติ ที่อาศยั อยู่ในนา้ํ เหมือนหรือตา่ งจากสงิ่ แวดลอ้ มของ สง่ิ มีชีวติ ท่ีอาศยั อยบู่ นบกหรอื ไม่ อยา่ งไร 3. นกั เรยี นจดั กลุ่ม กล่มุ ละประมาณ 5-6 คน แบบคละความสามารถ คือ มที ั้งคนเก่ง ปานกลาง และออ่ น แลว้ แตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั ตง้ั ช่ือกลมุ่ เลือกตัง้ ประธาน รองประธาน และเลขานุการ (โดยบทบาทตา่ งๆน้จี ะหมนุ เวียนไป เรื่อยๆ เพือ่ ให้นกั เรียนทุกคนมสี ว่ นรว่ มและรับผิดชอบหน้าท่ีภายในกลมุ่ )

ชุดกิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 1 เรอื่ ง ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดล้อม12 ภาพประกอบการศกึ ษา ก.สระนํ้า ข. ทุ่งหญา้ ค. ป่าไม้ ภาพ 1-1 แหล่งท่ีอยู่ตา่ งๆ ของส่ิงมีชวี ิต ทีม่ า : บริษทั สํานกั พิมพแ์ ม็ค จํากดั (2555 : 42)

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่ือง ความสัมพันธข์ องส่งิ มีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม13 ขั้นท่ี 3ขนั้ สํารวจและคน้ หา (Exploration Phase) นักเรียนปฏิบัตดิ งั นี้ 1. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนรับใบกิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง สาํ รวจส่งิ แวดลอ้ มในท้องถ่ิน โดยครูกําหนดขอบเขตของการสาํ รวจให้ กลุ่มท่ี 1 และกล่มุ ท่ี 2 สํารวจระบบนิเวศ บริเวณสระนํ้าข้างอาคารเรยี น กล่มุ ท่ี 3 และกลุ่มที่ 4 สาํ รวจระบบนเิ วศบริเวณ สวนหยอ่ มหน้าอาคารเรยี นแลว้ นักเรยี นร่วมกนั ศึกษาพรอ้ มทงั้ ศกึ ษาเพ่มิ เติมจาก หนังสือเรียนและหนังสอื คู่มือ 2. นักเรียนแต่ละกล่มุ ศกึ ษาใบกิจกรรมร่วมกนั ต้ังปัญหา ตง้ั สมมติฐานระดมความคิดใน การทํากจิ กรรม ทําการศึกษาและสํารวจตามใบกจิ กรรมทไ่ี ด้รบั มอบหมายมี ปฏสิ มั พันธ์กันภายในกล่มุ และระหว่างกลุ่มเมือ่ มีขอ้ สงสยั สามารถถามเพ่อื นหรอื ครไู ด้ 3. นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายถึงผลการสํารวจสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถ่นิ ว่าเปน็ อย่างไร 4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายและเขียนรายงานผลการทําใบกจิ กรรม

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่ือง ความสมั พันธ์ของส่งิ มีชีวติ กบั สง่ิ แวดล้อม14 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง สาํ รวจสิง่ มชี ีวิตในท้องถน่ิ วิชา วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 คาํ ช้แี จง ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทําการศึกษาและสํารวจส่งิ แวดลอ้ มในบริเวณสระน้าํ ข้างอาคารเรียน และ สวนหย่อมหนา้ อาคารเรียน ตามวิธกี ารตอ่ ไปนี้ พร้อมท้ังบันทึกผลการศึกษาสํารวจและสรปุ ผลให้ สมบูรณ์ จุดประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนทําการสํารวจระบบนเิ วศสระนาํ้ ขา้ งอาคารเรยี น และสวนหยอ่ มหน้าอาคารเรียนใน บรเิ วณโรงเรียน 2. สังเกตและบันทึกรายละเอียดของส่ิงมชี วี ิตและสิ่งไม่มีชวี ติ ในบรเิ วณที่ศึกษา 3.อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งสิ่งมีชวี ติ กับส่งิ มีชีวิตและระหวา่ งส่ิงมีชวี ติ กับส่งิ ไม่มชี วี ิตในบริเวณท่ีศกึ ษา วัสดุ อปุ กรณ์ รายการ จํานวน/กลุม่ รายการ จาํ นวน/กลมุ่ 1. เสียมมือ 1 อัน 2. ไมเ้ มตร 1 เลม่ 7. เทอร์มอมเิ ตอร์ 1 ใบ 3. กระดาษยูนเิ วอรซ์ ลั อินดิเคเตอร์ 1 ใบ 4. เซคคิดสิ ก์ 1 อัน 8. ถงุ พลาสติกใสหรือขวดแก้ว 1 อัน 5. แท่งแกว้ 1 กลอ่ ง 9. บีกเกอร์100 cm3 1 ตัว 6. กระจกนาฬกิ า 1 ชุด 1 อัน 10. แวน่ ขยาย 1 อัน 11. กล้องจุลทรรศน์ 1 อนั 12. สไลดแ์ ละกระจกปดิ สไลด์

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เรือ่ ง ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี ีวติ กับสงิ่ แวดล้อม15 วธิ ที ํากิจกรรม 1. สังเกตและบนั ทึกสภาพแวดลอ้ มทวั่ ไปของบรเิ วณทส่ี ํารวจ เช่น ตน้ ไม้ สิ่งปลกู สร้าง ร่มเงา ฝ่นุ ละออง ควัน ลกั ษณะเนื้อดิน สภาพของสี กลนิ่ ของดนิ หรือน้าํ เป็นตน้ 2. ศึกษารายละเอียดของสิ่งไมม่ ีชวี ติ ในบริเวณทีส่ ํารวจ ดังน้ี 2.1 อุณหภมู ิ - แหล่งนํ้า วัดอุณหภมู ิที่ผวิ นํา้ โดยจุ่มเทอร์มอมเิ ตอรล์ งในนาํ้ ลึกประมาณ 5 cm บนั ทกึ อณุ หภูมทิ ี่อ่านได้ - พน้ื ทีบ่ นบก วัดอุณหภมู ทิ ผ่ี วิ ดิน โดยเสียบเทอรม์ อมเิ ตอรล์ งไปในดินลึกประมาณ 5 cm บันทกึ อุณหภูมทิ ี่อา่ นได้ 2.2 ความเป็นกรด-เบส (pH) - แหล่งนา้ํ วัด pH ของน้าํ ท่ผี วิ นา้ํ โดยใช้แทง่ แก้วจุ่มลงในตัวอยา่ งนาํ้ ทเ่ี กบ็ จากบริเวณผิวนํ้า นาํ มาแตะลงบนกระดาษยนู เิ วอร์ซัลอนิ ดิเคเตอรท์ ว่ี างอยู่บนกระจกนาฬิกา เทยี บสกี บั สีมาตรฐาน บนั ทึก ค่า pH ที่อ่านได้ - พืน้ ท่ีบนบก วัด pH ของดิน โดยนาํ ดนิ จากระดับผวิ ดินประมาณ 50 g ใส่ลงในภาชนะ เตมิ นํา้ กลัน่ 50 cm3ใชแ้ ทง่ แกว้ จุ่มส่วนทีเ่ ป็นของเหลวมาแตะลงบนกระดาษยนู ิเวอรซ์ ัลอนิ ดเิ คเตอรท์ ว่ี างอยู่ บนกระจกนาฬิกา เทียบสกี บั สมี าตรฐาน แล้วบันทึกคา่ pH ท่ีอ่านได้ 2.3 แสงสวา่ ง ถา้ เปน็ แหลง่ น้ําใช้เซคคดิ สิ ก์ (secchi disc) ซึ่งเป็นอุปกรณ์วดั ความลกึ ท่แี สงสามารถสอ่ งผ่านลงไปในนา้ํ ได้ ซง่ึ ปกตจิ ะแปรผนั ตามความขนุ่ ใส ของน้ํา เซคคิดสิ ก์ มีวิธีใช้ดังนี้ 2.3.1 หยอ่ นเซคคดิ ิสก์ลงในนาํ้ จนถึงระยะทเี่ ร่ิมมองไมเ่ ห็นเซคคิดสิ ก์ แล้วบนั ทึกคา่ ความลกึ ของน้ําจากเคร่ืองหมายทท่ี ําไว้บนเสน้ เชอื ก จากนนั้ หย่อนเซคคดิ ิสกล์ ึกลงไปในน้าํ อีกเล็กน้อย 2.3.2 ดึงเซคคิดิสก์ข้ึนชา้ ๆ จนเริ่มมองเหน็ เซคคิดสิ ก์อีกคร้ัง แลว้ บันทึกคา่ ความลึกของระดบั นา้ํ จากเครื่องหมายท่ีทาํ ไว้บนเส้นเชือก 2.3.3 นาํ ค่าความลกึ ท่ีบนั ทึกไวท้ ้งั 2 คา่ มาหาค่าเฉลย่ี ซง่ึ ค่าเฉลี่ยที่ได้ คือคา่ ความลึกท่ีแสง สอ่ งผา่ นลงไปในนํ้าได้ 2.3.4 ทําซาํ้ ตง้ั แต่ขอ้ 2.3.1–2.3.3 แต่เปล่ยี นตําแหนง่ โดยวัดในแหล่งนาํ้ เดยี วกันอีก 2 แหง่ 2.3.5 หาคา่ เฉล่ยี ความลึกที่แสงสอ่ งผ่านลงไปในน้ําของท้ัง3 แห่ง

ชุดกิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เรอ่ื ง ความสัมพนั ธข์ องสงิ่ มชี ีวติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม16 3. ศกึ ษารายละเอียดของสิง่ มชี ีวติ ในบรเิ วณทส่ี ํารวจ ดังน้ี 3.1 บันทกึ ข้อมูลเกย่ี วกับสงิ่ มชี วี ติ ท่พี บ โดยระบชุ อ่ื ส่งิ มชี ีวติ รูปรา่ ง ลกั ษณะของสิ่งมีชวี ิต จํานวน (คาดคะเน) และแหล่งท่ีพบ ถ้าบริเวณที่สาํ รวจเป็นแหล่งนํ้าใหต้ ักนาํ้ ใส่ถงุ พลาสติก หรือขวด เพ่อื นํามา ศึกษารายละเอียดโดยใชแ้ ว่นขยายหรอื กล้องจลุ ทรรศน์ 3.2 สงั เกตพฤติกรรมของส่ิงมีชวี ิต เช่น การกนิ อาหาร การอย่รู ว่ มกนั กบั ส่ิงมชี ีวิตอน่ื 4. นาํ เสนอลการสาํ รวจส่งิ แวดล้อมในท้องถ่ิน คําถามทา้ ยกจิ กรรม 1. ในบริเวณทส่ี ํารวจ นกั เรียนพบส่งิ มชี วี ิตชนิดใดมากทส่ี ุด และชนิดใดนอ้ ยทส่ี ดุ นักเรยี นคิดว่าท่ีเปน็ เช่นน้เี พราะเหตุใด 2. ชนดิ และปรมิ าณของสง่ิ มีชวี ติ ทพ่ี บในแตล่ ะบรเิ วณทีศ่ ึกษา เหมือนหรือแตกตา่ งกันอย่างไร เพราะ เหตุใดจึงเป็นเชน่ นัน้ 3. ปัจจยั ใดบา้ งที่ทาํ ใหส้ ่ิงมีชีวติ ดาํ รงชวี ติ อย่ใู นบริเวณทส่ี าํ รวจได้ 4. ส่ิงมีชีวิตที่พบในบรเิ วณที่สาํ รวจมคี วามสัมพนั ธก์ นั หรือไม่ อยา่ งไร 5. สงิ่ มีชีวิตท่พี บในบรเิ วณที่สํารวจมีความสัมพันธก์ ับส่งิ ไมม่ ีชีวิต เช่น ดิน น้าํ แสงสว่าง อยา่ งไร 6. ความแตกต่างของอุณหภูมิ ความเปน็ กรด-เบส และแสงสว่าง ในแต่ละบรเิ วณท่สี าํ รวจข้นึ อยู่กบั สิ่ง ใดบา้ ง

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เร่ือง ความสัมพันธ์ของสิ่งมชี ีวติ กับสง่ิ แวดล้อม17 ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 1 เรื่อง สาํ รวจสิ่งมชี ีวติ ในท้องถิ่น วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 รายช่อื สมาชิกในกล่มุ 1)……………………………………………………….เลขที่….. 2)…………………………………………………..เลขท่ี……. 3)……………………………………………………….เลขท่ี….. 4)…………………………………………………..เลขที่……. 5)……………………………………………………….เลขที่….. 6)…………………………………………………..เลขที่……. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. ปญั หาของการทาํ กจิ กรรมนคี้ อื อะไร (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. นกั เรยี นคาดคะเนว่าจะพบสงิ่ มชี ีวิตใดบ้างบรเิ วณที่ไปสํารวจ และจะมปี ริมาณมากน้อยเพียงใด (1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 1 เรอื่ ง ความสมั พนั ธข์ องส่ิงมชี ีวติ กับสงิ่ แวดล้อม18 3. บนั ทกึ ผลการศกึ ษาและสาํ รวจ (3 คะแนน) บันทกึ ผลการศกึ ษาและสํารวจสระน้ําข้างอาคารเรยี น (สําหรบั กลุม่ ที่สาํ รวจสระน้ําข้างอาคารเรียน) สภาพแหลง่ นํา้ ท่วั ไปมลี กั ษณะดงั นี้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. รายละเอยี ดเกี่ยวกบั ส่งิ ไม่มชี วี ิตและส่งิ มีชีวิต แสดงในรูปของตารางได้ดังนี้ ตารางบันทึกผลการศึกษาและสาํ รวจรายละเอียดของสิง่ ไมม่ ีชวี ิตและส่ิงมชี ีวิตในระบบนิเวศสระนา้ํ ข้างอาคารเรยี น รายละเอยี ดของสง่ิ ไม่มชี วี ิต รายละเอียดของส่ิงมีชีวติ ความลกึ ใน อุณหภมู ิ ความ ส่งิ มชี วี ิต ลกั ษณะ จํานวน แหลง่ ท่พี บ พฤติกรรม การส่อง ของผวิ น้ํา เปน็ กรด- ทพ่ี บ ทสี่ งั เกต/ ผ่านของ (องศา เบส ของ การกนิ แสงในนํ้า เซลเซียส) ผวิ นํา้ อาหาร (เมตร) (pH)

ชดุ กิจกรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ของสงิ่ มชี ีวติ กับสงิ่ แวดล้อม19 บนั ทกึ ผลการศกึ ษาและสํารวจสวนหยอ่ มหนา้ อาคารเรียน(สาํ หรับกลุม่ ทส่ี ํารวจสวนหย่อมหน้าอาคาร เรยี น) สภาพท่ัวไปมีลกั ษณะดงั น้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. รายละเอียดเกย่ี วกับสง่ิ ไมม่ ชี วี ิตและส่ิงมีชีวติ แสดงในรูปของตารางไดด้ ังนี้ ตารางบนั ทึกผลการศกึ ษาและสาํ รวจรายละเอียดของสง่ิ ไม่มชี ีวติ และสงิ่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศสวนหยอ่ มหนา้ อาคารเรยี น รายละเอียดของสงิ่ ไม่มชี ีวติ รายละเอยี ดของส่ิงมชี วี ิต อุณหภมู ทิ ี่ผวิ ดิน ความเป็น สิ่งมชี วี ิต ลักษณะ จาํ นวน แหล่งทพ่ี บ พฤตกิ รรม (องศาเซลเซียส) กรด-เบส ท่ีพบ ท่สี ังเกต/ การกนิ (pH) อาหาร ของดิน 4. สรุปผลการศึกษาและสาํ รวจ (2 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เรื่อง ความสัมพันธ์ของสงิ่ มีชีวติ กับสงิ่ แวดล้อม20 5. คําถามท้ายกจิ กรรม(3คะแนน) 5.1 ในบรเิ วณทีส่ าํ รวจ นกั เรยี นพบสงิ่ มชี วี ิตชนิดใดมากท่ีสดุ และชนิดใดน้อยท่ีสดุ นกั เรียนคิดว่าที่เปน็ เชน่ น้เี พราะเหตุใด(0.5คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.2 ชนดิ และปรมิ าณของสิง่ มชี วี ติ ท่ีพบในแต่ละบริเวณท่ีศึกษา เหมือนหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร เพราะ เหตุใดจงึ เป็นเชน่ นัน้ (0.5คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.3 ปัจจัยใดบ้างท่ที ําใหส้ ิง่ มีชีวติ ดํารงชวี ิตอยใู่ นบรเิ วณที่สํารวจได้(0.5คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.4 สิ่งมีชีวติ ทพ่ี บในบริเวณทส่ี ํารวจมีความสมั พันธ์กันหรอื ไม่ อย่างไร(0.5คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.5 ส่ิงมชี ีวิตท่ีพบในบรเิ วณทีส่ ํารวจมีความสัมพนั ธ์กับสง่ิ ไม่มีชีวติ เชน่ ดิน น้ํา แสงสว่าง อย่างไร (0.5คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.6 ความแตกตา่ งของอุณหภูมิ ความเปน็ กรด-เบส และแสงสว่าง ในแต่ละบรเิ วณทส่ี ํารวจขึ้นอยู่กบั สิ่ง ใดบ้าง(0.5คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เร่อื ง ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี วี ติ กบั สง่ิ แวดล้อม21 ข้ันที่ 4ขน้ั อธบิ าย (Explanation Phase) นกั เรยี นปฏบิ ัติดังน้ี 1.นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุม่ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าชั้นเรียน 2. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายผลการทําใบกิจกรรมและสรปุ ผลการทาํ ใบกจิ กรรม

ชุดกิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 1 เรอื่ ง ความสมั พันธ์ของส่ิงมชี ีวติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม22 ข้ันท่ี 5ขน้ั ขยายความคดิ (Expansion Phase) นักเรยี นปฏิบัตดิ งั น้ี 1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนรบั ใบความรู้ท่ี 1เรอื่ ง ความสัมพนั ธ์ของส่งิ มชี วี ติ กบั ส่ิงแวดล้อมและรว่ มกนั ศกึ ษาเน้ือหาจากใบความรู้ 2. นกั เรียนทําใบงานท่ี 1 เร่อื ง ความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวิตกบั สิง่ แวดลอ้ ม 3. นักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันศกึ ษาอภิปรายและทําใบงาน

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เร่อื ง ความสัมพันธข์ องส่งิ มชี ีวติ กับสงิ่ แวดล้อม23 ใบความรูท้ ี่ 1 เร่อื ง ความสมั พนั ธข์ องส่ิงมีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม วชิ า วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมาย ประเภท และโครงสรา้ งของระบบนิเวศได้ 2. อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างสิง่ มชี วี ิตกบั สิง่ แวดลอ้ ม และระหวา่ งสง่ิ มีชีวติ กับสงิ่ ไมม่ ีชีวิตได้ สิ่งแวดล้อม หมายถึง สิง่ ต่างๆทอ่ี ยูร่ อบตัวเราซึ่งมีท้งั ส่ิงท่ีมีชวี ิต และสิ่งท่ีไม่มชี วี ิตแยกไดเ้ ปน็ ประเภท 2 คอื 1.ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ คือสิ่งแวดล้อมท่ีไม่มีชีวิตเช่นนํ้า อากาศ ดิน แร่ธาตุแสงสว่าง อุณหภูมิ 2. ส่ิงแวดล้อมทางชีวภาพ คือส่ิงแวดล้อมที่มีชีวิต เช่นพืช และ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณ เดยี วกนั ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี ีวติ กับสง่ิ แวดล้อม ความสัมพนั ธข์ องส่ิงมชี วี ิตกับสง่ิ แวดล้อม แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คือ 1. ความสัมพนั ธ์ของสงิ่ มีชวี ติ กบั สิ่งไม่มีชีวิต หรอื ความสมั พันธ์ของสิง่ มีชีวติ กบั สิง่ แวดล้อมทาง กายภาพ 2. ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี วี ิตกบั สง่ิ มีชวี ิต หรอื ความสมั พนั ธ์ของสิ่งมีชีวติ กับสิ่งแวดลอ้ มทาง ชีวภาพ

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ของส่งิ มชี ีวติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม24 ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวิตกับสิ่งแวดล้อมทั้ง 2 ลกั ษณะ 1. ความสมั พันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ การดาํ รงชวี ิตของสิ่งมชี ีวติ จําเป็นตอ้ งอาศยั สิง่ แวดล้อมต่างๆ เพ่ือชว่ ยในการดาํ รงชีวิต ซ่ึงส่ิงแวดล้อมทางกายภาพจัดเปน็ สง่ิ แวดล้อมท่ีไม่มชี ีวิต ที่จําเปน็ ตอ่ การดาํ รงชีวิต ได้แก่ แสง อุณหภมู ิ นาํ้ อากาศ ดินและแรธ่ าตุในดนิ แร่ธาตุและแก๊สความเปน็ กรด-เบสของดินและนํ้า 2. ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกบั สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ ส่งิ มชี ีวิตในระบบนเิ วศมีความสัมพันธ์กนั กับสง่ิ แวดล้อมทางชวี ภาพหรอื สิ่งทมี่ ชี วี ติ เช่น สง่ิ มชี ีวิต หนง่ึ อาจเป็นอาหารของสง่ิ มชี ีวติ อกี ชนิดหน่งึ หรืออาจต้องพ่ึงพาส่งิ มีชีวิตอกี ชนิดหนงึ่ เชน่ ดอกไม้ต้องอาศยั แมลงช่วยผสมเกสร หรือนกอาศยั ต้นไม้เปน็ แหล่งทอ่ี ยู่ เปน็ ตน้ ความหมายของคาํ ต่างๆ ในระบบนเิ วศ 1. สง่ิ มีชีวติ (Organism)หมายถงึ สง่ิ ท่ีตอ้ งใช้พลงั งานในการดํารงชีวิตซง่ึ มลี กั ษณะท่สี ําคญั ดังนี้ - มกี ารเจรญิ เติบโต - เคล่ือนไหวได้ - สบื พนั ธ์ไุ ด้ - สามารถปรับตัวใหเ้ ขา้ กับสภาพแวดลอ้ ม - ตอ้ งประกอบดว้ ยเซลล์ - มีการหายใจ - มกี ารขับถ่ายของเสีย - ต้องกนิ อาหารหรือแร่ธาตุตา่ งๆ 2.ประชากร (Population)หมายถึงสิ่งมีชวี ิตชนิดเดียวกนั ท่อี าศัยอย่ใู นทเี่ ดยี วกนั ในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง 3. กลุ่มส่งิ มีชีวติ (Community)หมายถงึ สิ่งมชี ีวติ ต่างๆหลายชนิดมาอาศยั อยรู่ วมกันในบริเวณใด บรเิ วณหนึง่ โดยมีความสมั พนั ธก์ นั โดยตรงหรือโดยทางอ้อม 4. แหล่งทอ่ี ยู่ (Habitat)หมายถงึ บริเวณตา่ งๆท่ีเปน็ ท่ีอยู่อาศยั ของส่งิ มชี วี ิต 5. สิง่ แวดลอ้ ม (Environment)หมายถงึ สิง่ ตา่ งๆ ท่ีอย่รู อบตัวเรา ท้ังที่มชี ีวิตและไมม่ ีชีวติ 6. ระบบนิเวศ (Ecosystem)หมายถึง หน่วยของธรรมชาติทปี่ ระกอบด้วยกลุ่มสง่ิ มีชีวิตและส่งิ ไม่มชี วี ติ ที่มีความสมั พันธ์กนั 7. ชวี าลยั หรือโลกของสิ่งมชี วี ติ (Biosphere)หมายถึงระบบนเิ วศหลายๆระบบมารวมกัน

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่อื ง ความสมั พันธข์ องส่งิ มชี ีวติ กับสงิ่ แวดล้อม25 ประเภทของระบบนิเวศ ระบบนิเวศมีอยทู่ ุกหนทุกแหง่ ทวั่ โลกมีมากมายหลายระบบ แตล่ ะระบบมีขนาดเล็กใหญ่ สลับซับซอ้ นแตกต่างกนั โลกของเราจัดเปน็ ระบบนิเวศท่ีใหญ่ท่สี ุดเรยี กว่าชีวาลัย หรอื โลกของสิง่ มีชีวิต (biosphere)ซ่งึ เปน็ ทีร่ วมระบบนเิ วศหลากหลายระบบ ซึ่งระบบนเิ วศเหล่านั้นสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทโดยใช้แหลง่ ท่ีอยู่เป็นเกณฑ์คือ 1. ระบบนเิ วศบนบกหมายถึง ลกั ษณะของระบบนเิ วศที่กลุม่ สง่ิ มชี ีวิตภายในระบบอาศัยอยบู่ น พนื้ ดิน เช่น ระบบนเิ วศป่าไม้ระบบนเิ วศทุ่งหญ้า ระบบนเิ วศทะเลทราย ระบบนิเวศทรี่ าบรมิ ภูเขา ระบบ นเิ วศทรี่ าบสงู เป็นต้น 2. ระบบนิเวศในนาํ้ หมายถึง ลักษณะของระบบนเิ วศท่ีกลุม่ สิ่งมีชวี ิตภายในระบบอาศัยอยู่ใน แหลง่ น้าํ เพือ่ ใช้เป็นแหล่งอาหาร แหลง่ ผสมพนั ธ์ุ เช่น ระบบนิเวศแมน่ ํ้า ระบบนเิ วศลําคลอง ระบบ นิเวศทะเล ระบบนเิ วศบึง เป็นตน้ ภาพ 1-2ระบบนิเวศตา่ งๆ ท่ีมา : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี(2557 : 84)

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ท่ี 1 เรอื่ ง ความสมั พนั ธ์ของสง่ิ มชี ีวติ กับสงิ่ แวดลอ้ ม26 โครงสรา้ งของระบบนเิ วศ โครงสรา้ งระบบนิเวศประกอบดว้ ย 1.กลมุ่ ส่ิงมีชวี ิต(community)หมายถึง ส่ิงมีชีวติ ต่างๆทย่ี ู่รวมกนั ในแหล่งท่ีอยู่มหี ลากหลายชนดิ ทัง้ พชื สตั วแ์ ละส่งิ มชี วี ิตขนาดเลก็ ซ่ึงมีความแตกต่างกนั ตามชนิดและจํานวน 2.แหลง่ ท่ีอยู่ (habitat) หมายถึงบรเิ วณที่อยอู่ าศัยของส่ิงมีชวี ิตจําแนกไดเ้ ปน็ - แหลง่ ทอ่ี ย่ใู นน้าํ ไดแ้ ก่แหลง่ น้าํ จืด ทะเล มหาสมุทร - แหล่งท่อี ยู่บนบกได้แก่ทร่ี าบลุม่ ทีร่ าบสูง ทงุ่ หญ้า ปา่ ทะเลทราย ดนิ แดนหิมะ 3.ส่งิ แวดล้อม(Environment)คอื สง่ิ ตา่ งๆที่อยู่รอบตัวเราอาจจะเปน็ สิง่ มีชวี ติ หรือส่งิ ไม่มีชวี ิตก็ได้ ระบบนิเวศ = กล่มุ สง่ิ มีชีวิต + แหลง่ ทอี่ ยู่+ ส่งิ แวดล้อม ภาพ1-3 ระบบนิเวศ ท่ีมา: https://anisahcheana.wordpress.com/2015/11/29

ชดุ กิจกรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เรื่อง ความสมั พนั ธ์ของสิ่งมีชวี ติ กับสงิ่ แวดล้อม27 ใบงานที่ 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสงิ่ แวดลอ้ ม คําชี้แจง วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ให้นกั เรยี นตอบคําถามต่อไปน้ี 1. สง่ิ แวดล้อม มีความหมายวา่ อย่างไร และสิ่งแวดลอ้ มแบง่ ออกเป็นก่ปี ระเภท อะไรบ้าง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มีชีวติ กับสิง่ แวดล้อม แบง่ ออกได้เป็นกี่ลักษณะ อะไรบา้ ง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. จงบอกความหมายของคาํ ต่อไปนี้ (5 คะแนน) 3.1 ระบบนิเวศ(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.2 กลมุ่ ส่ิงมชี ีวิต(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.3 ประชากร(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.4 โลกของสงิ่ มชี วี ิต(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.5 แหลง่ ทอี่ ยู่(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4.ระบบนิเวศจาํ แนกเปน็ ก่ปี ระเภทอะไรบ้างและใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจําแนก (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5.ระบบนเิ วศในนาํ้ และระบบนิเวศบนบกแตกต่างกนั อยา่ งไร(1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. โครงสร้างระบบนิเวศประกอบดว้ ยอะไรบ้าง(1 คะแนน) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เรือ่ ง ความสมั พนั ธข์ องสงิ่ มีชีวติ กบั สง่ิ แวดล้อม28 ข้นั ที่ 6ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation Phase) นกั เรียนปฏิบตั ดิ งั น้ี 1. นักเรยี นทําแบบทดสอบหลงั เรียนชดุ ท่ี 1 จาํ นวน 10 ขอ้ เปน็ รายบคุ คลเพื่อ ประเมนิ ความรคู้ วามสามารถของตนเอง 2. นกั เรยี นและครูรว่ มกันเฉลยใบกิจกรรม ใบงาน และแบบทดสอบก่อน-หลังเรียน

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เรือ่ ง ความสมั พันธ์ของส่ิงมชี วี ติ กับสง่ิ แวดล้อม29 แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดท่ี 1 เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มีชวี ติ กบั ส่งิ แวดล้อม วชิ า วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 จาํ นวน 10 ข้อเวลา 10 นาที คาํ สั่ง:1.แบบทดสอบนี้เปน็ แบบปรนัยเลือกตอบมีทัง้ หมด 10 ข้อ 2.ให้นกั เรียนเลือกคําตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งคําตอบเดยี วแล้วทําเครอ่ื งหมายกากบาท(X) ลง ในกระดาษคําตอบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. ขอ้ ใดไมไ่ ด้อธบิ ายถึงระบบนเิ วศ ก. ใต้ต้นมะมว่ งหลงั บ้านมมี ดดําคางคกหญ้าและปลวก ข. ขอนไม้ผุใต้ตน้ มะมว่ งมเี ห็ดโคนปลวกและมด ค. แอง่ นา้ํ ทเี่ กดิ จากรอยเท้าของกระบอื มีสาหร่ายและลูกอ๊อด ง. ทนี่ ํา้ ตกมีโขดหนิ มากมายและกระแสนา้ํ ทไ่ี หลแรง 2. ส่งิ มชี ีวิตในข้อใดต่อไปน้จี ัดเปน็ กล่มุ สิ่งมชี วี ิต (community) ก. จิง้ หรดี และตก๊ั แตนในกอหญ้า ข. นกกระจาบ 20 ตวั บนกิ่งไม้ ค. มดแดงจาํ นวนมากในรัง ง. ปลาหางนกยงู 100 ตวั ในอ่างนํา้ 3. แหล่งท่ีอยมู่ ีความหมายตรงกับข้อความใดต่อไปน้ี ก. ปลาชอ่ นชอบอาศัยอยู่ตามริมบ่อหนองบึงทม่ี ีพืชนํา้ ปกคลุมและมีอาหารอดุ มสมบรู ณ์ ข. กระบองเพชรเปน็ พืชทะเลทรายใบเปลี่ยนแปลงเป็นหนามเพ่ือชว่ ยลดอตั ราการคายนํา้ ค. นกปากห่างอพยพมาอาศัยทํารงั อยชู่ ่วั คราว (4-6 เดือน) ท่ีวัดไผ่ลอ้ มจังหวัดปทุมธานี ง. สาหรา่ ยข้าวเหนยี วเป็นพืชนาํ้ ที่มดี อกรากดูดอาหารจากดนิ โดยตรงใบเปลีย่ นโครงสร้าง สําหรับจบั สัตว์น้ําเลก็ ๆเป็นอาหาร 4. ถา้ นกั เรยี นตอ้ งการวดั ความลกึ ของแสงทีส่ ่องผ่านลงในนํ้าควรเลอื กใชเ้ คร่ืองมือใด ก. เซคคดิ ิสก์ ข. กล้องจลุ ทรรศน์ ค. เทอรม์ อมเิ ตอร์ ง. กระดาษยนู ิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของสิ่งมชี ีวติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม30 5. สํารวจนิเวศวิทยาบริเวณลําธารแหง่ หนึง่ พบว่ามีสิง่ มีชวี ิตอาศยั อยบู่ ริเวณริมลาํ ธาร มากชนดิ กว่าในลําธารและบนบกแสดงว่ารมิ ลาํ ธารมีลกั ษณะอย่างไร ก. มีที่หลบภยั มากกว่า ข. มอี าหารอุดมสมบรู ณ์กว่า ค. มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกว่า ง. มีทสี่ าํ หรบั วางไข่ปลอดภยั กว่า 6. ข้อใดต่อไปนี้ถือว่าเปน็ ปจั จัยทางกายภาพ ก. จอกแหนสาหรา่ ย ข. อุณหภูมิแสงสวา่ งความกดดนั ค. แรธ่ าตุดนิ จลุ ินทรยี ์ ง. สารอาหารออกซิเจนพชื น้าํ 7. จากภาพขา้ งล่างเปน็ กลุม่ ส่ิงมีชวี ิตเปน็ 2 กลมุ่ ขอ้ ใดเปน็ เกณฑ์ในการแบ่งส่ิงมีชวี ติ ก. แหล่งที่อยู่อาศัย ข. บทบาทสงิ่ มชี ีวิตในระบบนิเวศ ค. หนา้ ที่เชิงอาหารในระบบนิเวศ ง. ความสมั พันธ์ของสิ่งมีชีวติ ท่ีแตกตา่ งกัน 8. ในปา่ ดงดิบมักไม่พบหญา้ หรือไม้พมุ่ ขนาดเลก็ ๆเจริญอยู่ใตต้ น้ ไม้ใหญท่ ง้ั นเี้ พราะปจั จัยใด เป็นตวั จาํ กัดการเจริญเตบิ โตของหญ้าและไม้พ่มุ เหล่านั้น ก. นํ้าในดนิ ข. อณุ หภมู ิ ค. แสงสว่าง ง. ความช้นื ในอากาศ 9. ส่วนประกอบทส่ี าํ คัญและจาํ เป็นท่ีสดุ ในระบบนิเวศได้แก่ ก. ผูผ้ ลิตและผบู้ ริโภค ข. พลังงานและการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ค. แบคทเี รยี และพืชสีเขยี ว ง. วัฏจกั รของสารและการถ่ายทอดพลงั งาน 10. ระบบนเิ วศประกอบด้วยโครงสร้างใดบา้ ง ก. กลุ่มสิ่งมชี ีวิตเพียงอย่างเดียว ข. กลุม่ ส่งิ มีชีวติ และแหล่งที่อยู่ ค. กลมุ่ ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ง. กล่มุ สิง่ มีชวี ติ แหล่งท่ีอยู่และสง่ิ แวดล้อม

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม31 เฉลยใบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง สาํ รวจสง่ิ มชี วี ิตในทอ้ งถิน่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 3 1. ปัญหาของการทํากจิ กรรมน้คี ืออะไร (1 คะแนน) ตอบ ระบบนิเวศบรเิ วณโรงเรยี นประกอบด้วยกลุ่มส่งิ มชี วี ิตชนิดใดบา้ งและมคี วามสมั พันธ์กันอยา่ งไร 2. นักเรยี นคาดคะเนว่าจะพบส่ิงมชี วี ติ ใดบ้างบรเิ วณที่ไปสํารวจ และจะมีปริมาณมากน้อยเพยี งใด (1 คะแนน) ตอบ บรเิ วณทส่ี าํ รวจสระนํ้าขา้ งอาคารเรยี น พบพชื เช่น จอก จํานวนมากท่สี ุด รองลงมาคือ แหน และน้อยที่สดุ คอื บวั สาย ส่วนสตั ว์พบ ลกู ออ๊ ด จาํ นวนมากท่สี ดุ รองลงมาคือ หอยขม และ น้อยทีส่ ุดคือ ปลาดกุ บริเวณที่สํารวจสวนหย่อมหน้าอาคารเรียน พบพชื เชน่ หญา้ จํานวนมากท่ีสุด รองลงมาคอื ตน้ ดาวเรือง และน้อยทสี่ ุดคือต้นมะม่วง สว่ นสัตว์พบ มดแดง จาํ นวนมากท่ีสดุ รองลงมาคอื นก 3. บนั ทกึ ผลการศึกษาและสํารวจ (3 คะแนน) ตอบ บันทกึ ผลการศึกษาและสาํ รวจสระน้ําขา้ งอาคารเรยี น(สาํ หรบั กลมุ่ ทีส่ าํ รวจสระนา้ํ ข้างอาคาร เรียน) สภาพแหล่งน้ําทัว่ ไปมีลกั ษณะดงั น้ี เป็นสระนํ้ากว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร นาํ้ มีสนี ้าํ ตาลอ่อน ไมม่ ีกล่นิ มีตน้ ไมใ้ หญ่ข้ึนอยู่ รมิ แหล่งนํา้ พน้ื ดินรอบๆ แหล่งนํ้ามตี ้นไม้และพชื ขนาดเล็ก ก่งิ ไมแ้ ละใบไม้แห้งกระจายอยทู่ ว่ั ไป

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ของสง่ิ มีชีวติ กับสง่ิ แวดล้อม32 รายละเอยี ดเกย่ี วกับส่งิ ไม่มชี วี ิตและส่งิ มชี วี ิต แสดงในรปู ของตารางไดด้ ังนี้ ตารางบนั ทึกผลการศึกษาและสาํ รวจรายละเอียดของสิง่ ไมม่ ีชีวติ และสงิ่ มชี วี ิตในระบบนเิ วศสระนา้ํ ข้างอาคารเรยี น รายละเอียดของสิ่งไมม่ ชี วี ติ รายละเอยี ดของสง่ิ มชี วี ติ ความลึกใน อุณหภมู ิ ความ สง่ิ มชี วี ติ ลกั ษณะ จํานวน แหลง่ ท่ี พฤติกรรมท่ี การส่อง ของผวิ นํา้ เป็นกรด- ท่ีพบ สงั เกต/ ผ่านของ (องศา เบส ของ พบ การกนิ แสงในน้าํ เซลเซียส) ผวิ นา้ํ อาหาร (เมตร) (pH) 0.5 30 7 บวั สาย ใบแบนบางลอยอยู่บน 30 ต้น พบทว่ั ไป - ผิวนาํ้ ขนาดใหญ่ ขอบ บนผวิ นํ้า ใบหยกั ดอกสีขาว จอก ลําตน้ ส้ัน ใบเดี่ยวเป็นรปู มาก พบทวั่ ไป - พัด มขี นปกคลุมทวั่ ไป บนผิวนาํ้ แหน ใบกลมสีเขยี ว มีราก ปาน พบท่วั ไป - เปน็ เสน้ เล็กๆ หลายเสน้ กลาง บนผวิ นาํ้ ขนาดของรากสั้น หย่ัง ไม่ถึงดิน หอยขม เป็นหอยฝาเดียว บดิ 50 ตวั เกาะอยู่ เคลือ่ นไหว เป็นเกลียว เปลือกหนา ขอบตลิง่ ชา้ ๆ สเี ขยี ว กินซากพืช ลกู อ๊อด มีสดี ํา หัวโต หางยาว 100 ตวั พบท่ัวไป - บนผวิ นํา้ ปลาดกุ มีสีดํา ลาํ ตัวยาวหัวแบน 20 ตวั พบทัว่ ไป เคล่ือนท่ี และแข็ง ไมม่ ีเกลด็ ในน้าํ เร็ว กิน มีหนวดยาว ปลาตวั เลก็

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เรื่อง ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มีชวี ติ กับสงิ่ แวดล้อม33 บนั ทกึ ผลการศึกษาและสาํ รวจสวนหย่อมหนา้ อาคารเรยี น (สําหรับกล่มุ ทสี่ าํ รวจสวนหยอ่ มหน้าอาคารเรยี น) สภาพทว่ั ไปมีลกั ษณะดังน้ี เนือ้ ดนิ ในบรเิ วณนนั้ มีเนื้อละเอียดสีดํา บรเิ วณท่สี ํารวจมตี ้นไมห้ ลากหลายชนิดขน้ึ อยู่ พนื้ ดินมีหญา้ ขึน้ จํานวนมาก รายละเอียดเกยี่ วกับสง่ิ ไม่มชี วี ิตและสิ่งมีชีวิต แสดงในรูปของตารางได้ดังน้ี ตารางบันทึกผลการศกึ ษาและสํารวจรายละเอียดของสิง่ ไม่มีชวี ิตและสงิ่ มชี วี ิตในระบบนเิ วศสวนหย่อมหนา้ อาคารเรยี น รายละเอียดของสิ่งไม่มีชวี ติ รายละเอยี ดของสง่ิ มีชีวติ อณุ หภูมิทผ่ี ิวดิน ความเปน็ สงิ่ มีชวี ติ ลักษณะ จํานวน แหลง่ ที่พบ พฤติกรรม (องศาเซลเซียส) กรด-เบส ท่ีพบ ที่สังเกต/ การกนิ (pH) อาหาร ของดิน 31 7 หญา้ มีปล้องสั้น ใบยาวเรียว มาก พบทว่ั ไปใน - ขึน้ อยูต่ ิดกนั บรเิ วณ สํารวจ ต้นดาวเรือง ใบเป็นรูปหอก ขอบใบ 100 ตน้ ข้ึนอย่เู ป็น - หยกั ดอกสเี หลืองขนาด แนวยาว ปานกลาง บรเิ วณ สาํ รวจ ตน้ มะมว่ ง ไม้ยนื ต้น เปลือกลาํ ต้น 3 ตน้ พบบริเวณ - เรียบ ใบจํานวนมากและ ทสี่ ํารวจ ยาวประมาณ 30 cm มดแดง ลําตวั ยาว แบ่งเป็น 3 มาก พบทว่ั ไป เดินเปน็ สว่ น มีสแี ดง ตามพน้ื ดนิ แถวตาม และบน กนั เปน็ ต้นไม้ แนวยาว นกกระจอก เป็นนกขนาดเล็ก ขนสี 2 ตัว เกาะกงิ่ กําลงั จิก นํ้าตาลอ่อนปนดํา มะมว่ ง แมลง

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่ือง ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มชี ีวติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม34 4. สรุปผลการศึกษาและสาํ รวจ (2 คะแนน) ตอบ สรุปผลการศกึ ษาและสํารวจ ไดด้ ังน้ี 1. สภาพแวดล้อมประกอบด้วยสิ่งมชี วี ติ และไมม่ ชี วี ิตซง่ึ จะแตกตา่ งกันไปในแตล่ ะแหง่ และ สภาพแวดลอ้ มนั้นๆ มีความเหมาะสมกบั การดํารงชวี ิตของสิง่ มชี ีวติ ในบริเวณนัน้ 2. สิ่งมีชีวิตจะมีความสัมพันธก์ ันและมีความสมั พนั ธ์กบั สิง่ ไมม่ ชี ีวิต 3. สภาพแวดลอ้ มแตล่ ะแห่งมชี นิดของสิ่งมีชีวิตทีห่ ลากหลายและจํานวนแตกต่างกนั ไป 5. คาํ ถามทา้ ยกจิ กรรม (3 คะแนน) 5.1 ในบรเิ วณที่สํารวจ นกั เรียนพบส่ิงมีชวี ติ ชนดิ ใดมากที่สุด และชนิดใดนอ้ ยทส่ี ดุ นักเรียนคดิ ว่าทเ่ี ปน็ เชน่ นีเ้ พราะเหตใุ ด(0.5คะแนน) ตอบ บริเวณทีส่ าํ รวจสระน้ําข้างอาคารเรยี น พบพชื คอื จอก จาํ นวนมากท่สี ดุ รองลงมาคือ แหน และน้อยทสี่ ุดคอื บัวสาย ส่วนสตั วพ์ บ ลูกอ๊อด จาํ นวนมากทสี่ ุด รองลงมาคือ หอยขม และ น้อยทีส่ ดุ คือ ปลาดกุ บรเิ วณทส่ี ํารวจสวนหย่อมหนา้ อาคารเรียน พบพชื คือ หญา้ จํานวนมากทส่ี ุด รองลงมาคือ ต้นดาวเรือง และน้อยที่สดุ คือต้นมะมว่ ง ส่วนสตั วพ์ บ มดแดง จาํ นวนมากท่สี ุด รองลงมาคอื นก การท่พี บส่งิ มีชวี ติ ชนดิ หน่งึ มากกวา่ ส่ิงมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เนือ่ งจากสภาพแวดล้อมบรเิ วณนั้นมี ความเหมาะสมกับการดํารงชีวิตของสิง่ มีชวี ติ ชนิดนั้น เชน่ มธี าตุอาหารอุดมสมบูรณ์ อุณหภมู ิ แสง สว่าง เหมาะกับการดํารงชวี ิตของส่งิ มีชีวติ นนั้ ๆ 5.2 ชนดิ และปรมิ าณของส่ิงมชี วี ติ ทีพ่ บในแตล่ ะบรเิ วณท่ีศึกษา เหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างไร เพราะ เหตุใดจงึ เปน็ เชน่ น้นั (0.5คะแนน) ตอบ บริเวณทมี่ ีสภาพแวดลอ้ มแตกตา่ งกนั จะพบชนิดและปริมาณของสง่ิ มชี วี ติ ที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณสวนหย่อมหน้าอาคารเรยี น จะพบชนดิ ของสิ่งมชี วี ติ แตกต่างจากบรเิ วณสระนํา้ และ ถึงแม้ว่าบรเิ วณทศ่ี ึกษาจะมีลักษณะที่คล้ายกนั เชน่ บริเวณท่งุ หญ้า ก็อาจพบสิง่ มชี วี ติ ชนิดเดียวกนั แตม่ ี ปริมาณท่แี ตกตา่ งกนั ก็ได้ เพราะชนิดและปริมาณของสงิ่ มีชวี ิตข้นึ อยกู่ ับความเหมาะสมของ สภาพแวดลอ้ มท่ีมตี อ่ การดํารงชีวิตของสง่ิ มีชีวิตนนั้ ๆ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ดุ ที่ 1 เรื่อง ความสัมพนั ธข์ องส่ิงมีชวี ติ กบั สงิ่ แวดล้อม35 5.3 ปจั จัยใดบ้างที่ทาํ ให้สิ่งมีชีวติ ดาํ รงชีวติ อยใู่ นบริเวณท่สี ํารวจได้(0.5คะแนน) ตอบ แสง ความชื้น อณุ หภูมิ และอ่นื ๆ เช่น ถา้ ความเข้มข้นของแสงเหมาะสม ทําให้พืช เจริญเติบโตไดด้ ี แตถ่ ้าความเข้มขน้ ของแสงเปลย่ี นแปลงไป จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพชื ทําให้ พืชเจรญิ เติบโตชา้ หรือไมเ่ จริญเตบิ โต นอกจากน้นั แสงสว่าง อุณหภมู ิ ความชืน้ ยังมีอทิ ธิพลต่อ การดํารงชวี ิต เช่น พฤตกิ รรมการหาอาหารของสตั ว์ การสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช เป็นตน้ 5.4 ส่งิ มชี วี ิตที่พบในบริเวณท่ีสํารวจมคี วามสัมพันธ์กันหรอื ไม่ อยา่ งไร(0.5คะแนน) ตอบ ส่งิ มีชีวติ ทีพ่ บในบริเวณท่ีสํารวจมคี วามสมั พนั ธ์กนั เชน่ สิง่ มชี วี ติ ชนิดหนง่ึ อาจเปน็ อาหารของส่งิ มีชีวิตอีกชนดิ หน่ึง หรอื อาจต้อพ่ึงพาสิ่งมีชวี ิตอีกชนิดหนงึ่ เช่น ดอกไม้ต้องอาศยั แมลง ช่วยผสมเกสร หรอื นกอาศัยตน้ ไม้เป็นแหลง่ ทอ่ี ยู่ 5.5 ส่ิงมชี วี ติ ทีพ่ บในบริเวณท่สี าํ รวจมคี วามสัมพนั ธ์กบั ส่งิ ไม่มีชวี ิต เช่น ดิน นํ้า แสงสวา่ ง อย่างไร (0.5คะแนน) ตอบ สง่ิ มชี ีวิตท่พี บในบรเิ วณทีส่ ํารวจมีความสมั พนั ธ์กับสง่ิ ไมม่ ีชวี ติ พืชใชแ้ สง แก๊สคาร์บอน-ได ออกไซด์ น้ํา ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง และใชแ้ รธ่ าตุในดนิ เปน็ องค์ประกอบในการสร้างสารต่างๆ ส่วนสตั ว์ใช้นาํ้ ในการบรโิ ภค สิง่ มีชวี ิตทกุ ชนิดใชแ้ กส๊ ออกซิเจนในการหายใจ 5.6 ความแตกตา่ งของอุณหภมู ิ ความเป็นกรด-เบส และแสงสว่าง ในแตล่ ะบรเิ วณท่สี ํารวจขนึ้ อยูก่ บั สิง่ ใดบา้ ง(0.5คะแนน) ตอบ ความแตกต่างของอุณหภมู ิ ขนึ้ อยู่กับโอกาสท่ีแตล่ ะบริเวณได้รับแสงในแตล่ ะวัน เชน่ ใตร้ ่มไม้ จะมีอณุ หภมู ติ าํ่ กว่ากลางแจ้ง ชว่ งเวลาท่แี ต่ละบรเิ วณไดร้ บั แสงในแตล่ ะวนั ความเปน็ กรด-เบส ข้ึนอยกู่ ับสารทล่ี ะลายหรือแขวนลอยอยใู่ นนาํ้ ความสว่างในแต่ละบริเวณขน้ึ อยกู่ ับรม่ เงาของตน้ ไม้ หรือ สิ่งปลูกสร้าง ซ่ึงสิ่งเหล่านี้จะมีผลตอ่ ชนิดและปริมาณของส่ิงมชี วี ิต

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เร่อื ง ความสมั พันธข์ องสิ่งมีชวี ติ กับสง่ิ แวดลอ้ ม36 เฉลยใบงานท่ี 1 เร่ือง ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชวี ติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม วชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 คําชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคาํ ถามต่อไปนี้ 1. ส่ิงแวดลอ้ ม มีความหมายวา่ อยา่ งไร และสิ่งแวดลอ้ มแบ่งออกเปน็ กปี่ ระเภท อะไรบ้าง (1 คะแนน) ตอบสง่ิ แวดล้อม หมายถงึ สิ่งต่างๆท่ีอยูร่ อบตวั เราซึ่งมีท้ังสิ่งที่มีชวี ติ และส่งิ ที่ไม่มีชีวิตแยกไดเ้ ป็น ประเภท 2 คอื 1. สงิ่ แวดล้อมทางกายภาพ คือสิ่งแวดลอ้ มท่ไี ม่มีชีวิตเชน่ นา้ํ อากาศ ดิน แร่ธาตุแสงสวา่ ง อณุ หภูมิ 2. สงิ่ แวดล้อมทางชวี ภาพ คอื สง่ิ แวดล้อมท่มี ชี ีวิต เช่นพืช และ สตั ว์ 2. ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม แบ่งออกได้เป็นกี่ลกั ษณะ อะไรบา้ ง (1 คะแนน) ตอบความสมั พันธข์ องสิ่งมีชีวิตกับสิง่ แวดลอ้ ม แบ่งออกได้เปน็ 2 ลกั ษณะ คือ 1. ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี ีวิตกับสิ่งไม่มชี วี ติ หรือความสัมพันธ์ของส่ิงมีชวี ิตกบั ส่งิ แวดล้อมทางกายภาพ 2. ความสมั พันธข์ องสงิ่ มชี ีวติ กบั ส่งิ มชี ีวิต หรอื ความสัมพันธ์ของสิ่งมชี ีวิตกับส่งิ แวดล้อมทางชีวภาพ 3. จงบอกความหมายของคาํ ตอ่ ไปน้ี (5 คะแนน) 3.1 ระบบนเิ วศ(1คะแนน) ตอบ ระบบนิเวศ (Ecosystem) หมายถงึ หนว่ ยของธรรมชาติทป่ี ระกอบดว้ ยกลุ่มส่งิ มชี ีวติ และ ส่ิงไมม่ ชี ีวติ ทีม่ ีความสมั พันธก์ ัน 3.2 กลุ่มส่งิ มีชีวติ (1คะแนน) ตอบ กลมุ่ ส่ิงมีชีวิต (Community) หมายถงึ สง่ิ มชี ีวิตต่างๆหลายชนิดมาอาศัยอยูร่ วมกันในบริเวณ ใดบริเวณหน่ึงโดยมคี วามสมั พนั ธก์ ันโดยตรงหรือโดยทางอ้อม

ชุดกจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 เรอ่ื ง ความสัมพนั ธ์ของส่งิ มีชวี ติ กบั สง่ิ แวดล้อม37 3.3 ประชากร(1คะแนน) ตอบ ประชากร (Population) หมายถงึ สิง่ มชี วี ิตชนิดเดียวกันทอี่ าศยั อยู่ในทีเ่ ดยี วกนั ในช่วงเวลาใดเวลา หนึ่ง 3.4 โลกของสิง่ มีชีวิต(1คะแนน) ตอบ โลกของส่งิ มชี ีวติ หรือชวี าลัย(Biosphere) หมายถึงระบบนิเวศหลายๆระบบนเิ วศมารวมกัน 3.5 แหล่งทอ่ี ยู่(1คะแนน) ตอบ แหลง่ ท่ีอยู่ (Habitat) หมายถึงบริเวณตา่ งๆ ท่ีเป็นที่อยู่อาศยั ของส่งิ มชี ีวติ 4.ระบบนิเวศจําแนกเปน็ กีป่ ระเภทอะไรบ้างและใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์ในการจําแนก(1 คะแนน) ตอบ 2 ประเภทได้แก่ระบบนเิ วศบนบก และระบบนิเวศในนํ้า โดยใช้แหลง่ ท่ีอยูเ่ ปน็ เกณฑ์ 5.ระบบนิเวศในนํ้าและระบบนเิ วศบนบกแตกต่างกันอย่างไร(1 คะแนน) ตอบ ระบบนิเวศในนํ้าเป็นระบบนเิ วศทม่ี นี ้าํ เป็นสง่ิ แวดลอ้ มท่ีสําคัญในการดํารงชวี ติ ของส่งิ มชี ีวติ สตั วแ์ ละพืชในระนิเวศน้ีจะเป็นส่งิ มีชวี ิตท่สี ามารถปรบั ตวั และอยใู่ นนาํ้ ได้ ระบบนิเวศบนบกเป็นระบบนิเวศทม่ี ดี นิ เปน็ สง่ิ แวดล้อมทีส่ ําคัญในการดาํ รงชวี ติ ของสิ่งมีชวี ิตสตั วแ์ ละพชื ในระนเิ วศน้จี ะเปน็ ส่งิ มีชีวิตที่สามารถปรับตวั และอย่บู นดนิ ได้ 6. โครงสร้างระบบนเิ วศประกอบด้วยอะไรบา้ ง(1 คะแนน) ตอบ โครงสร้างระบบนิเวศประกอบด้วยกลุม่ สิ่งมชี ีวติ แหล่งท่อี ยู่ และสงิ่ แวดล้อม

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เรื่อง ความสมั พันธ์ของสิง่ มีชีวติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม38 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น ชุดที่ 1 เรื่อง ความสมั พันธข์ องสิง่ มชี วี ติ กับสิ่งแวดลอ้ ม วชิ า วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรยี น หลงั เรียน ขอ้ คําตอบ ขอ้ คาํ ตอบ 1ก 1ง 2ก 2ก 3ก 3ก 4ข 4ก 5ง 5ค 6ก 6ข 7ง 7ก 8ง 8ค 9ค 9ง 10 ค 10 ง

ชุดกิจกรรมการเรียนรชู้ ุดที่ 1 เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ของสิง่ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม39 ขั้นท่ี 7ข้ันนาํ ความรไู้ ปใช้ (Extension Phase) นกั เรียนปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1. นักเรยี นนําสิ่งทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในชีวิตประจาํ วนั และนาํ ความรทู้ ่ีได้รบั ไปเขียนสรปุ แล้วนําไปตดิ ที่ป้ายนเิ ทศหน้าห้องเรียน เพ่ือเป็น การถ่ายโอนการเรียนรู้ 2. นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายซักถามเก่ียวกับเรอ่ื ง ความสมั พนั ธข์ องสง่ิ มีชีวิตกบั ส่ิงแวดล้อมจนเกิดความเข้าใจทถี่ ูกต้องและสมบูรณ์

ชุดกิจกรรมการเรยี นรชู้ ดุ ที่ 1 เร่อื ง ความสัมพนั ธข์ องส่งิ มชี วี ติ กับสงิ่ แวดลอ้ ม40 บรรณานุกรม กรมวิชาการ. (2551ก). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551.กรุงเทพฯ : โรง พิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. . (2551ข).ตวั ชี้วดั และสาระแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. นงลกั ษณ์ สุวรรณพินจิ และคณะ. (2556). คมู่ อื เตรียมสอบ วชิ าวิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 2.กรุงเทพฯ : ฐานบณั ฑิต. ประดับนาคแกว้ และดาวลั ยเ์ สรมิ บญุ สุข. (2555). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรม์ .3. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัทสาํ นกั พิมพ์แม็คจาํ กดั . มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์. (2558).ระบบนิเวศ.[Online]. Available : http://www.dnp.go.th/FOREMIC/WEB%20SITE2/fower_insect.php. [ 2560, ตลุ าคม 14] ศูนย์วจิ ยั กีฏวิทยาป่าไม้ที่ 2. (2558).แมลงผสมเกสร.[Online]. Available : https://anisahcheana.wordpress.com/2015/11/29. [2560, ตลุ าคม 14] สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2556). คมู่ อื ครู รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 6 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที3 เล่ม 2.พมิ พ์คร้ังที่ 2. กรงุ เทพฯ : โรง พิมพ์ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. . (2557).หนงั สือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรว์ ิทยาศาสตร์ 6 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เลม่ 2.พมิ พค์ รงั้ ที่ 2. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว.

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดท่ี 1 เร่ือง ความสัมพันธ์ของสง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ แวดล้อม41 ประวัตยิ ่อผสู้ ร้างนวัตกรรม ชื่อ –สกลุ นายธนาวัฒน์ คงนาค วัน เดือน ปี เกดิ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ที่อยู่ปจั จบุ นั บา้ นเลขที่ 45 หมู่ 3 ตาํ บล หนองเมธี อาํ เภอท่าตูม จงั หวัดสรุ นิ ทร์ ทท่ี าํ งานปัจจุบัน โรงเรียนลานทรายพทิ ยาคม อําเภอทา่ ตูม จงั หวดั สรุ ินทร์ รหัสไปรษณยี ์ 32120 โทรศัพทม์ อื ถอื 081-0634371 ตาํ แหนง่ หนา้ ที่ ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการ ประวัติการศึกษา ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านแตล ตาํ บลแตล อาํ เภอศขี รภูมิ จงั หวัดสุรินทร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแตลศริ ิวทิ ยา ตาํ บลแตล อําเภอศขี รภมู ิ จงั หวดั สุรนิ ทร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นศีขรภูมพิ ิสัย ตําบลระแงง อําเภอศีขรภมู ิ จังหวดั สุรนิ ทร์ ปริญญาตรี (ครศุ าสตรบัณฑิต)วชิ าเอก วิทยาศาสตรท์ ั่วไป มหาวิทยาลัย ราชภัฏอุตรดิตถ์ จังหวดั อุตรดติ ถ์

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1 เร่อื ง ความสมั พนั ธข์ องส่ิงมชี วี ติ กับสงิ่ แวดลอ้ ม42 - จบ - ชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง ระบบนเิ วศ โดยใชว้ ัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั สาํ หรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ชดุ ที่ 1 เร่ือง ความสมั พันธข์ องส่ิงมชี ีวิตกับสง่ิ แวดล้อม ธนาวัฒน์ คงนาค โรงเรยี นลานทรายพิทยาคม อาํ เภอท่าตูม จังหวดั สุรนิ ทร์ สํานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 กระทรวงศึกษาธิการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook