วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เล่ม 2 ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 Slide PowerPoint_ส่อื ประกอบการสอน บริษัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากดั : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทร./แฟกซ์ : 0 2622 2999 (อตั โนมตั ิ 20 คูส่ าย) [email protected] / www.aksorn.com
5หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี สารรอบตัวเรา ตวั ชี้วดั • อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการแยกสารผสมโดยการหยบิ ออก การร่อน การใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดดู การรนิ ออก การกรอง และการตกตะกอน โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ รวมท้งั ระบวุ ธิ ี แก้ปญั หาในชีวิตประจาวันเก่ยี วกับการแยกสาร
นกั เรยี น สามารถแยกสารผสมในชีวิตประจาวนั ได้หรอื ไม่ อย่างไร ?
การแยกสารผสม การแยกสารผสมมหี ลายวิธี เช่น 1 การหยิบออก เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ผสมกับของแข็งทมี่ ีขนาดและมลี กั ษณะ แตกตา่ งกันชัดเจน วิธกี ารแยกสารด้วยการหยบิ ออก คือ ใชม้ อื หยิบออก เขยี่ ออก หรอื ใชอ้ ปุ กรณอ์ ื่น ๆ ช่วยหยบิ ออก
การแยกสารผสม การแยกสารผสมมหี ลายวิธี เช่น 1 การหยิบออก เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ผสมกับของแข็งทมี่ ีขนาดและมลี กั ษณะ แตกตา่ งกันชัดเจน วิธกี ารแยกสารด้วยการหยบิ ออก คือ ใชม้ อื หยิบออก เขยี่ ออก หรอื ใชอ้ ปุ กรณอ์ ื่น ๆ ช่วยหยบิ ออก
การแยกสารผสม การแยกสารผสมมหี ลายวิธี เช่น 1 การหยิบออก เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ผสมกับของแข็งทมี่ ีขนาดและมลี กั ษณะ แตกตา่ งกันชัดเจน วิธกี ารแยกสารด้วยการหยบิ ออก คือ ใชม้ อื หยิบออก เขยี่ ออก หรอื ใชอ้ ปุ กรณอ์ ื่น ๆ ช่วยหยบิ ออก
การแยกสารผสม การแยกสารผสมมหี ลายวิธี เช่น 1 การหยิบออก เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ผสมกับของแข็งทมี่ ีขนาดและมลี กั ษณะ แตกตา่ งกันชัดเจน วิธกี ารแยกสารด้วยการหยบิ ออก คือ ใชม้ อื หยิบออก เขยี่ ออก หรอื ใชอ้ ปุ กรณอ์ ื่น ๆ ช่วยหยบิ ออก
การแยกสารผสม ตัวอยา่ ง การแยกสารดว้ ยการหยบิ ออก การแยกกรวดออกจากเมล็ดขา้ วสาร
การแยกสารผสม 2 การร่อน เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทมี่ ขี องแขง็ ท่มี ี ขนาดแตกต่างกนั ผสมกนั อยู่ใหอ้ อกจากกัน โดยของแขง็ มขี นาดเลก็ และไม่สามารถ ใชม้ ือหยิบออกได้ วธิ ีการแยกสารด้วยการร่อน คือ ใสส่ ารผสมลงในอุปกรณท์ ม่ี รี พู รนุ เชน่ ตะแกรง กระชอน แลว้ สา่ ยอปุ กรณ์ ท่มี ีสารผสมอยู่ จะทาใหส้ ารที่มีอนุภาค ขนาดใหญ่กวา่ รูของอปุ กรณค์ า้ งอยู่บน ตะแกรงและสารที่มอี นุภาคขนาดเล็ก กวา่ รขู องอุปกรณล์ อดผ่านรูแยกออกได้
การแยกสารผสม 2 การรอ่ น เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทมี่ ีของแขง็ ท่มี ี ขนาดแตกต่างกันผสมกันอย่ใู ห้ออกจากกนั โดยของแข็งมีขนาดเล็ก และไมส่ ามารถ ใชม้ อื หยิบออกได้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการรอ่ น คอื ใสส่ ารผสมลงในอปุ กรณท์ ่ีมรี พู รนุ เชน่ ตะแกรง กระชอน แลว้ ส่ายอุปกรณ์ ท่มี สี ารผสมอยู่ จะทาใหส้ ารที่มอี นุภาค ขนาดใหญ่กวา่ รูของอุปกรณค์ า้ งอยบู่ น ตะแกรงและสารทม่ี อี นภุ าคขนาดเล็ก กวา่ รูของอปุ กรณล์ อดผ่านรแู ยกออกได้
การแยกสารผสม 2 การรอ่ น เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทมี่ ีของแขง็ ท่มี ี ขนาดแตกต่างกันผสมกันอย่ใู ห้ออกจากกนั โดยของแข็งมีขนาดเล็ก และไมส่ ามารถ ใชม้ อื หยิบออกได้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการรอ่ น คอื ใสส่ ารผสมลงในอปุ กรณท์ ่ีมรี พู รนุ เชน่ ตะแกรง กระชอน แลว้ ส่ายอุปกรณ์ ท่มี สี ารผสมอยู่ จะทาใหส้ ารที่มอี นุภาค ขนาดใหญ่กวา่ รูของอุปกรณค์ า้ งอยบู่ น ตะแกรงและสารทม่ี อี นภุ าคขนาดเล็ก กวา่ รูของอปุ กรณล์ อดผ่านรแู ยกออกได้
การแยกสารผสม 2 การรอ่ น เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทมี่ ีของแขง็ ท่มี ี ขนาดแตกต่างกันผสมกันอย่ใู ห้ออกจากกนั โดยของแข็งมีขนาดเล็ก และไมส่ ามารถ ใชม้ อื หยิบออกได้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการรอ่ น คอื ใสส่ ารผสมลงในอปุ กรณท์ ่ีมรี พู รนุ เชน่ ตะแกรง กระชอน แลว้ ส่ายอุปกรณ์ ท่มี สี ารผสมอยู่ จะทาใหส้ ารที่มอี นุภาค ขนาดใหญ่กวา่ รูของอุปกรณค์ า้ งอยบู่ น ตะแกรงและสารทม่ี อี นภุ าคขนาดเล็ก กวา่ รูของอปุ กรณล์ อดผ่านรแู ยกออกได้
การแยกสารผสม ตัวอยา่ ง การแยกสารด้วยการร่อน การรอ่ นเมลด็ ขา้ วเปลอื ก การรอ่ นแปง้ เพื่อใชท้ าขนม
การแยกสารผสม 3 การระเหดิ เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทม่ี ขี องแข็ง ทร่ี ะเหิดไดผ้ สมกับของแขง็ ทร่ี ะเหดิ ไม่ได้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการระเหิด คอื ให้ความรอ้ นกับสารผสม จะทาให้ สารทีร่ ะเหิดได้เปลี่ยนสถานะจากของแข็ง กลายเป็นไอ โดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว ทาให้แยกสารออกจากสารผสมน้ันได้
การแยกสารผสม 3 การระเหดิ เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทมี่ ีของแข็ง ทรี่ ะเหดิ ไดผ้ สมกับของแข็งทรี่ ะเหิด ไมไ่ ด้ วิธกี ารแยกสารด้วยการระเหิด คอื ใหค้ วามร้อนกับสารผสม จะทาให้ สารทรี่ ะเหิดได้เปล่ียนสถานะจากของแข็ง กลายเป็นไอ โดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว ทาให้แยกสารออกจากสารผสมน้นั ได้
การแยกสารผสม 3 การระเหดิ เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทมี่ ีของแข็ง ทรี่ ะเหดิ ไดผ้ สมกับของแข็งทรี่ ะเหิด ไมไ่ ด้ วิธกี ารแยกสารด้วยการระเหิด คอื ใหค้ วามร้อนกับสารผสม จะทาให้ สารทรี่ ะเหิดได้เปล่ียนสถานะจากของแข็ง กลายเป็นไอ โดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว ทาให้แยกสารออกจากสารผสมน้นั ได้
การแยกสารผสม ตัวอยา่ ง การแยกสารด้วยการระเหดิ การแยกเกล็ดไอโอดีนออกจากทราย โดยใหค้ วามรอ้ นกบั สารผสม
การแยกสารผสม 4การใช้แม่เหล็กดงึ ดูด เป็นวธิ กี ารแยกสารผสมทใี่ นสว่ นประกอบ หน่ึงของสารผสมมีสมบัตใิ นการถกู แม่เหล็กดงึ ดดู ได้ เรียกวา่ สารแมเ่ หลก็ วธิ ีการแยกสารดว้ ยการใชแ้ ม่เหล็กดึงดูด คอื วางแมเ่ หล็กให้สมั ผสั กบั สารผสม แล้วยกแม่เหลก็ ข้นึ จะทาใหส้ ารทมี่ ีสมบัติ ในการถกู แม่เหล็กดงึ ดดู ได้ ถูกแม่เหลก็ ดูด แยกออกจากสารท่ีไมม่ สี มบัตใิ นการถกู แมเ่ หล็กดงึ ดดู
การแยกสารผสม 4การใชแ้ มเ่ หล็กดึงดูด เป็นวิธกี ารแยกสารผสมทใ่ี นส่วนประกอบ หน่ึงของสารผสมมสี มบัตใิ นการถกู แม่เหล็กดึงดูดได้ เรียกวา่ สารแม่เหล็ก วิธกี ารแยกสารด้วยการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู คือ วางแมเ่ หลก็ ให้สมั ผสั กบั สารผสม แล้วยกแม่เหลก็ ขนึ้ จะทาใหส้ ารทีม่ สี มบัติ ในการถกู แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู ได้ ถูกแมเ่ หลก็ ดดู แยกออกจากสารท่ไี ม่มีสมบตั ิในการถูก แม่เหล็กดึงดดู
การแยกสารผสม 4การใชแ้ มเ่ หล็กดึงดูด เป็นวิธกี ารแยกสารผสมทใ่ี นส่วนประกอบ หน่ึงของสารผสมมสี มบัตใิ นการถกู แม่เหล็กดึงดูดได้ เรียกวา่ สารแม่เหล็ก วิธกี ารแยกสารด้วยการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู คือ วางแมเ่ หลก็ ให้สมั ผสั กบั สารผสม แล้วยกแม่เหลก็ ขนึ้ จะทาใหส้ ารทีม่ สี มบัติ ในการถกู แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู ได้ ถูกแมเ่ หลก็ ดดู แยกออกจากสารท่ไี ม่มีสมบตั ิในการถูก แม่เหล็กดึงดดู
การแยกสารผสม ตัวอยา่ ง การแยกสารด้วยการใช้แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู แม่เหล็กดึงดดู เหลก็ จากกองขยะ
การแยกสารผสม 5 การรนิ ออก เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทมี่ ีของแข็ง ผสมอยู่กบั ของเหลว โดยของแขง็ จะ ไม่ละลายในของเหลวน้นั วิธกี ารแยกสารดว้ ยการรนิ ออก คือ ค่อย ๆ รนิ สารสว่ นทเี่ ป็นของเหลว ให้แยกออกจากส่วนทีเ่ ปน็ ของแขง็
การแยกสารผสม 5 การรินออก เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทม่ี ีของแขง็ ผสมอยกู่ บั ของเหลว โดยของแข็งจะ ไมล่ ะลายในของเหลวน้นั วธิ กี ารแยกสารด้วยการรินออก คอื คอ่ ย ๆ รนิ สารสว่ นทเ่ี ปน็ ของเหลว ให้แยกออกจากส่วนทีเ่ ป็นของแข็ง
การแยกสารผสม 5 การรินออก เปน็ วิธกี ารแยกสารผสมทม่ี ีของแขง็ ผสมอยกู่ บั ของเหลว โดยของแข็งจะ ไมล่ ะลายในของเหลวน้นั วธิ กี ารแยกสารด้วยการรินออก คอื คอ่ ย ๆ รนิ สารสว่ นทเ่ี ปน็ ของเหลว ให้แยกออกจากส่วนทีเ่ ป็นของแข็ง
การแยกสารผสม ตวั อยา่ ง การแยกสารด้วยการรินออก รินนา้ ซาวข้าว รนิ นา้ ลา้ งมะเขอื เทศ เพื่อแยกน้าออกจากเมลด็ ขา้ ว เพือ่ แยกน้าออกจากมะเขอื เทศ
การแยกสารผสม 6 การตกตะกอน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งแขวนลอย อยู่ในของเหลว โดยสารผสมนน้ั จะมลี กั ษณะขนุ่ วธิ ีการแยกสารด้วยการตกตะกอน คือ ตัง้ สารผสมทิง้ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน หรอื ใช้ สารส้มเป็นตวั กลางเพ่อื ชว่ ยใหเ้ กิดการตกตะกอน ได้เรว็ ขน้ึ โดยการแกว่งสารส้มในสารผสม แล้วตั้ง สารผสมทิ้งไว้ใหเ้ กิดการตกตะกอน
การแยกสารผสม 6 การตกตะกอน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งแขวนลอย อยู่ในของเหลว โดยสารผสมนน้ั จะมลี กั ษณะขนุ่ วธิ ีการแยกสารด้วยการตกตะกอน คือ ตัง้ สารผสมทิง้ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน หรอื ใช้ สารส้มเป็นตวั กลางเพ่อื ชว่ ยใหเ้ กิดการตกตะกอน ได้เรว็ ขน้ึ โดยการแกว่งสารส้มในสารผสม แล้วตั้ง สารผสมทิ้งไว้ใหเ้ กิดการตกตะกอน
การแยกสารผสม 6 การตกตะกอน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งแขวนลอย อยู่ในของเหลว โดยสารผสมนน้ั จะมลี กั ษณะขนุ่ วธิ ีการแยกสารด้วยการตกตะกอน คือ ตัง้ สารผสมทิง้ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน หรอื ใช้ สารส้มเป็นตวั กลางเพ่อื ชว่ ยใหเ้ กิดการตกตะกอน ได้เรว็ ขน้ึ โดยการแกว่งสารส้มในสารผสม แล้วตั้ง สารผสมทิ้งไว้ใหเ้ กิดการตกตะกอน
การแยกสารผสม 6 การตกตะกอน เปน็ วิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งแขวนลอย อยู่ในของเหลว โดยสารผสมนน้ั จะมลี กั ษณะขนุ่ วธิ ีการแยกสารด้วยการตกตะกอน คือ ตัง้ สารผสมทิง้ ไว้ใหเ้ กดิ การตกตะกอน หรอื ใช้ สารส้มเป็นตวั กลางเพ่อื ชว่ ยใหเ้ กิดการตกตะกอน ได้เรว็ ขน้ึ โดยการแกว่งสารส้มในสารผสม แล้วตั้ง สารผสมทิ้งไว้ใหเ้ กิดการตกตะกอน
การแยกสารผสม ตัวอย่าง การแยกสารดว้ ยการตกตะกอน ขั้นตอนหน่งึ ของการบาบัดน้าเสีย โดยการทาใหเ้ กดิ การตกตะกอน
การแยกสารผสม 7การกรอง เป็นวิธีการแยกสารผสมทม่ี ีของแขง็ ผสม อยู่กบั ของเหลว หรอื ใชแ้ ยกสารแขวนลอย ออกจากนา้ วธิ ีการแยกสารดว้ ยการกรอง คือ เทสารผสมผา่ นอปุ กรณท์ ม่ี ีรพู รนุ เช่น ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง สาลี กระชอน จะทาใหอ้ นภุ าคของแขง็ ทีม่ ขี นาดใหญก่ วา่ รพู รุนลอดผ่านรูพรุนไมไ่ ด้ ส่วนน้าหรอื สารท่ีละลายนา้ ได้จะลอดผ่านรพู รุน
การแยกสารผสม 7การกรอง เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทมี่ ขี องแขง็ ผสม อยกู่ บั ของเหลว หรอื ใชแ้ ยกสารแขวนลอย ออกจากนา้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการกรอง คอื เทสารผสมผา่ นอปุ กรณ์ที่มีรพู รนุ เชน่ ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง สาลี กระชอน จะทาให้อนุภาคของแข็งที่มขี นาดใหญ่กวา่ รูพรุนลอดผ่านรพู รนุ ไม่ได้ สว่ นน้าหรือ สารทล่ี ะลายน้าไดจ้ ะลอดผ่านรูพรุน
การแยกสารผสม 7การกรอง เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมทมี่ ขี องแขง็ ผสม อยกู่ บั ของเหลว หรอื ใชแ้ ยกสารแขวนลอย ออกจากนา้ วิธกี ารแยกสารดว้ ยการกรอง คอื เทสารผสมผา่ นอปุ กรณ์ที่มีรพู รนุ เชน่ ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง สาลี กระชอน จะทาให้อนุภาคของแข็งที่มขี นาดใหญ่กวา่ รูพรุนลอดผ่านรพู รนุ ไม่ได้ สว่ นน้าหรือ สารทล่ี ะลายน้าไดจ้ ะลอดผ่านรูพรุน
การแยกสารผสม ตวั อยา่ ง การแยกสารด้วยการกรอง กรองกากกาแฟออกจากน้า กรองกากมะพร้าวออกจากนา้
การแยกสารผสม 8 การระเหยแห้ง เป็นวธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ีของแข็งละลาย อย่ใู นของเหลวอย่างผสมกลมกลืน เปน็ เน้อื เดยี วกนั หรือเรียกวา่ สารละลาย วิธีการแยกสารดว้ ยการระเหยแห้ง คอื ใหค้ วามรอ้ นแกส่ ารผสม สารทอี่ ยู่ในสถานะ ของเหลวเกิดการระเหยไปจนหมด เหลือสาร ท่ีอยใู่ นสถานะของแข็งในภาชนะ
การแยกสารผสม 8 การระเหยแหง้ เป็นวิธีการแยกสารผสมทมี่ ขี องแข็งละลาย อยใู่ นของเหลวอยา่ งผสมกลมกลนื เปน็ เนอื้ เดียวกัน หรอื เรียกวา่ สารละลาย วธิ กี ารแยกสารดว้ ยการระเหยแห้ง คอื ใหค้ วามรอ้ นแกส่ ารผสม สารทอี่ ยู่ในสถานะ ของเหลวเกิดการระเหยไปจนหมด เหลือสาร ทอ่ี ยใู่ นสถานะของแข็งในภาชนะ
การแยกสารผสม 8 การระเหยแหง้ เป็นวิธีการแยกสารผสมทมี่ ขี องแข็งละลาย อยใู่ นของเหลวอยา่ งผสมกลมกลนื เปน็ เนอื้ เดียวกัน หรอื เรียกวา่ สารละลาย วธิ กี ารแยกสารดว้ ยการระเหยแห้ง คอื ใหค้ วามรอ้ นแกส่ ารผสม สารทอี่ ยู่ในสถานะ ของเหลวเกิดการระเหยไปจนหมด เหลือสาร ทอ่ี ยใู่ นสถานะของแข็งในภาชนะ
การแยกสารผสม ตัวอยา่ ง การแยกสารด้วยการระเหยแห้ง การทานาเกลือสมุทร การทาเกลอื สนิ เธาวแ์ บบด้งั เดมิ
?นกั เรียน สรปุ สามารถแยกสารผสมในชีวติ ประจาวนั ได้หรือไม่ อย่างไร ได้ เชน่ ใช้การหยิบออกแยกกรวด ได้ เช่น ใช้การกรองแยกกากมะพร้าว ได้ เชน่ ใชก้ ารรนิ ออกแยกน้าซาวข้าว ออกจากเมล็ดขา้ วสาร ออกจากนา้ กะทิ ออกจากข้าวสาร
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: