หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6 วทิ ยาศาสตร์ เล่ม 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 Slide PowerPoint_สื่อประกอบการสอน บรษิ ัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จากัด : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
6หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ แหล่งน้าและลมฟ้าอากาศ ตวั ชีว้ ดั • เปรียบเทียบปริมาณน้าในแต่ละแหลง่ และระบุปรมิ าณน้าที่มนษุ ยส์ ามารถนามาใช้ประโยชน์ได้จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ • ตระหนักถึงคุณคา่ ของน้าโดยนาเสนอแนวทางการใชน้ า้ อย่างประหยัดและการอนรุ กั ษน์ ้า • สร้างแบบจาลองที่อธบิ ายการหมุนเวียนของนา้ ในวัฏจักรน้า • เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง และน้าค้างแขง็ จากแบบจาลอง • เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดฝน หมิ ะ และลูกเห็บ จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
แหลง่ นา้ เพือ่ ชวี ติ แหลง่ น้าและการอนุรกั ษน์ า้ แหล่งน้าบนโลก พื้นดิน 1 สว่ น บนโลกมนี า้ พนื้ นา้ 3 ส่วน 3 ใน 4 ส่วนของพื้นผวิ โลก
แหล่งนา้ เพอ่ื ชีวิต แหลง่ นา้ และการอนรุ ักษน์ า้ แหล่งน้าบนโลกจะอยู่ในแหลง่ ต่าง ๆ ดังนี้ 1 แหลง่ นา้ ผวิ ดนิ เชน่ ทะเล บึง แม่น้า คลอง
แหลง่ น้าเพ่อื ชีวติ แหล่งนา้ และการอนรุ กั ษน์ า้ แหลง่ น้าบนโลกจะอยูใ่ นแหลง่ ตา่ ง ๆ ดังน้ี 2 แหลง่ นา้ ใต้ดนิ เชน่ น้าในดนิ น้าบาดาล
แหล่งน้าเพ่ือชวี ิต แหลง่ น้าและการอนรุ กั ษน์ ้า แหล่งน้า คือ บริเวณบนผิวโลกที่มีน้าอยู่ร่วมกันเป็นจานวน นา้ จดื 2.5 ส่วน มาก ซึ่งมีทั้งน้าเค็มและน้าจืด และถ้าสมมติให้น้าบนโลกมี ทั้งหมด 100 ส่วน พบว่า น้าประมาณ 97.5 ส่วน เป็นน้าเค็ม และอกี ประมาณ 2.5 สว่ น เปน็ น้าจืด ดังภาพ น้าเค็ม 97.5 สว่ น
แหลง่ น้าเพ่ือชีวิต แหลง่ นา้ และการอนรุ กั ษ์นา้ น้าจดื บนโลกที่มนษุ ย์สามารถนามาใชไ้ ดน้ ั้นมีปรมิ าณนอ้ ยมาก ซ่งึ ส่งิ มีชวี ิตต่างๆ ลว้ นต้องใช้น้าในการดารงชีวิตทงั้ สิน้ ดงั นั้น เราจงึ ควร ใช้นา้ อยา่ งประหยัด คมุ้ คา่ และร่วมกันอนุรกั ษน์ ้า ดงั น้ี ตัวอย่าง การใช้นา้ อยา่ งประหยัดและค้มุ ค่า 1. อาบนา้ 2. แปรงฟนั 3. ซักผ้า ใชฝ้ ักบวั แทนขันตกั นา้ ใช้แกว้ รองน้าขณะ รวบรวมผา้ ใหม้ ากพอต่อ แปรงฟัน การซักแต่ละครั้ง 4. ทาความสะอาดพืน้ 5. ปิดก๊อกนา้ 6. รดนา้ ต้นไม้ ซกั ลา้ งอปุ กรณ์ในภาชนะ ปิดกอ๊ กนา้ ให้สนิทหลัง นาน้าสุดท้ายท่ีใชซ้ กั ผ้า ใช้งาน มารดตน้ ไม้ แทนการฉดี น้าลา้ ง
แหลง่ นา้ เพอื่ ชีวิต แหลง่ น้าและการอนรุ กั ษน์ า้ ตวั อยา่ ง การอนุรักษน์ า้ พฒั นาแหล่งนา้ ปลกู ป่า ป้องกนั มลพษิ ของน้า
ปรากฏการณล์ มฟ้าอากาศ เมฆ หมอก นา้ คา้ ง นา้ คา้ งแข็ง เมฆ ไอน้า เมฆ เกิดจากไอน้าในอากาศเกิดการควบแน่น เป็นละอองน้าเล็กๆ จานวนมาก และเกาะ กลุ่มรวมกันลอยอยู่สงู จากพน้ื ดนิ มาก
ปรากฏการณล์ มฟ้าอากาศ เมฆ หมอก นา้ คา้ ง น้าค้างแข็ง หมอก หมอก ไอน้า เกิดจากไอน้าในอากาศเกิดการควบแน่น เป็นละอองนา้ เล็กๆ และเกาะกลุ่มรวมกันลอย อยูใ่ กล้พนื้ ดนิ
ปรากฏการณ์ลมฟา้ อากาศ เมฆ หมอก นา้ ค้าง น้าคา้ งแข็ง ไอนา้ ควบแนน่ นา้ ค้าง นา้ คา้ ง เกิดจากอากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินในเวลา กลางคืนเย็นลงเร็วกว่าอากาศบนท้องฟ้า จงึ ทาใหไ้ อนา้ ควบแนน่ เป็นละอองนา้ เกาะ อยบู่ นพื้นผวิ วตั ถใุ กล้ๆ พนื้ ดิน
ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ เมฆ หมอก น้าคา้ ง นา้ ค้างแขง็ ไอน้า ควบแน่น น้าค้างแข็ง อณุ หภมู ติ ่ากว่า จุดเยอื กแขง็ นา้ ค้างแข็ง เกิดจากเมอื่ อณุ หภมู ิที่อย่ใู กล้พื้นดินตา่ กวา่ จดุ เยือกแขง็ น้าคา้ งจะเกดิ การแขง็ ตัวกลาย เป็นนา้ ค้างแข็ง
ปรากฏการณล์ มฟา้ อากาศ หยาดนา้ ฟ้า น้าในสถานะต่างๆ ที่ตกจากฟ้าลงมาสู่พ้ืนโลก ซ่ึงมีสถานะแตกตา่ งกนั ดงั นี้ หยาดนา้ ฟ้าทเ่ี ปน็ ของเหลว หยาดน้าฟา้ ที่เปน็ ของแขง็ ฝน หมิ ะ ลูกเหบ็
ปรากฏการณล์ มฟา้ อากาศ หยาดนา้ ฟ้า ฝน หิมะ ลูกเหบ็ ฝน เกิดจากเม่ือไอน้าในอากาศควบแนน่ เปน็ ไอน้า ละอองน้าเลก็ ๆ เมื่อละอองนา้ ในเมฆรวมตัว กันจนอากาศไม่สามารถพยุงไว้ได้จึงตกลงมา เปน็ ฝน
VDO
ปรากฏการณล์ มฟา้ อากาศ หยาดนา้ ฟ้า ฝน หิมะ ลกู เห็บ หมิ ะ เกิดจากไอน้าในอากาศระเหิดกลับเป็นผลึก น้าแข็ง จากนั้นรวมตัวกันจนหนักมากและ ตกลงพน้ื โลก เมอ่ื ตกลงมาในเขตอากาศเย็น ไอน้า จะตกลงมาถึงพน้ื โลกเป็นหมิ ะ
ปรากฏการณ์ลมฟา้ อากาศ หยาดน้าฟ้า ฝน หมิ ะ ลกู เห็บ ลกู เหบ็ เกิดจากหยดน้าเปล่ียนเปน็ น้าแข็ง แลว้ ถูกพายุพดั วน ในเมฆฝนฟ้าคะนองจนหยดนา้ กลายเป็นกอ้ นนา้ แข็ง แล้วตกลงพน้ื โลก ลูกเห็บมีขนาดแตกต่างกัน บางก้อนมีน้าหนักเกือบ 2 กิโลกรัม จนอาจ ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อ ทรพั ยส์ ิน หรอื พืชผลทางการเกษตรได้
ปรากฏการณล์ มฟ้าอากาศ 3 เม่ือละอองน้าในเมฆมจี านวนมากข้ึน วัฎจักรน้า วฏั จักรน้า มขี นั้ ตอนการเกิด ดงั นี้ จนอากาศไมส่ ามารถรับนา้ หนักหรอื พยุงไว้ไดจ้ ะตกลงมาเป็นฝน 4 น้าฝนไหลกลบั ส่แู หลง่ น้าตา่ งๆ หรอื 1 น้าในแหลง่ นา้ ไดร้ บั ซมึ ลงใต้ดิน ความร้อนจากแสงอาทิตย์ แล้วระเหยเป็นไอน้าลอย ขึ้นไปในอากาศ ไอนา้ 2 ไอน้าควบแนน่ เป็นละอองน้าเลก็ ๆ และรวมตวั เป็นเมฆ
ปรากฏการณ์ลมฟา้ อากาศ วัฎจกั รนา้ วฏั จักรนา้ ปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ไอน้า การเกิดวฏั จกั รนา้ ความรอ้ น ลม ปา่ ไม้
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: