หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1SlidePPT61-NEW ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 Slide PowerPoint_สอ่ื ประกอบการสอน บรษิ ัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จากดั : 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสาร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
1หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวติ ตวั ชี้วัด • บรรยายหน้าทขี่ องราก ลาต้น ใบ และดอก ของพชื ดอกโดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ • จาแนกส่ิงมชี ีวติ โดยใชค้ วามเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะของส่ิงมชี วี ิตออกเป็นกลมุ่ พชื กลุ่มสัตว์ และกลุ่มทไี่ มใ่ ชพ่ ืชและสตั ว์ • จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอกและพชื ไม่มดี อก โดยใชก้ ารมีดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ • จาแนกสตั ว์ออกเป็นสัตวม์ กี ระดกู สันหลังและสตั วไ์ ม่มกี ระดกู สันหลงั โดยใชก้ ารมกี ระดูกสันหลงั เป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ • บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสงั เกตไดข้ องสัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั ในกล่มุ ปลา กลมุ่ สัตว์สะเทินนา้ สะเทนิ บก กลุ่มสตั วเ์ ล้ือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม และ ยกตัวอยา่ งสิง่ มชี วี ิตในแตล่ ะกลุ่ม
กลุ่มส่ิงมชี ีวิต การจดั กล่มุ สิ่งมชี ีวติ กล่มุ พชื กลมุ่ สตั ว์ กลุ่มท่ไี ม่ใช่พืชและสตั ว์
กล่มุ พืช เป็นส่ิงมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารได้เอง สามารถเคล่ือนไหวได้แต่ เคล่ือนทด่ี ้วยตนเองไม่ได้ เชน่ ทานตะวัน เฟริ น์ ไผ่ มะเขือเทศ
กล่มุ สตั ว์ เป็นส่ิงมีชวี ิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย และเคล่อื นท่ีได้ แตบ่ างชนิดไมส่ ามารถเคล่อื นทไ่ี ด้ เช่น ชา้ ง ลงิ ปู ดาวทะเล
กล่มุ ที่ไมใ่ ช่พืชและสตั ว์ เป็นส่ิงมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างอาหารได้เอง สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย และเคลื่อนทีไ่ ด้ แตบ่ างชนดิ ไมส่ ามารถเคลอ่ื นทไ่ี ด้ เชน่ เห็ดรา จุลนิ ทรยี ์ ราขนมปงั แบคทีเรยี
พืชดอก ความหลากหลายของพชื พืชไมม่ ีดอก • เมื่อเจริญเตบิ โตเต็มทีแ่ ลว้ จะสรา้ งดอก เพ่อื ใชใ้ นการสืบพนั ธ์ุ • มีสว่ นประกอบ คอื ราก ลาต้น ใบ และดอก • เปน็ พืชทไ่ี มม่ ีดอกเลยตลอดการดารงชวี ติ • ส่วนใหญส่ ืบพนั ธุ์โดยการสร้างสปอร์ • พชื มดี อกมองเห็นได้ชัดเจน บางชนดิ มีดอก • มสี ่วนประกอบ คือ ราก ลาตน้ และใบ ขนาดเล็ก • ใช้ลกั ษณะของราก ลาต้น และใบ เปน็ เกณฑ์ จดั กลมุ่ พืชได้ เป็นพืชใบเล้ยี งเดีย่ วและพืช ใบเล้ยี งคู่
พชื ใบเล้ียงเดยี่ ว พืชดอก พชื ใบเล้ียงคู่ กลบี ดอก มีจานวน 3 หรอื มจี านวน 4-5 หรอื กลีบดอก ลาตน้ ทวคี ูณของ 3 ทวคี ณู ของ 4-5 ลาตน้ ใบ ใบ ใบเล้ยี ง ลาตน้ เปน็ ลาต้นเป็นขอ้ ปลอ้ ง ใบเลยี้ ง ราก ข้อปลอ้ งชดั เจน ไม่ชดั เจน ราก ใบเรยี วแคบ ใบกวา้ ง เส้นใบเป็น เป็นเส้นขนาน ร่างแห มใี บเลี้ยง 1 ใบ มีใบเลี้ยง 2 ใบ ในระยะที่งอก ในระยะที่งอก ออกจากเมลด็ ออกจากเมล็ด มรี ะบบ มีระบบ รากฝอย รากแก้ว
ความหลากหลายของสตั ว์ สตั ว์มีกระดกู สนั หลงั • สัตว์ท่ีไม่มีกระดูกแข็งเป็นโครงสร้างของ ร่างกาย ลาตัวมีลักษณะออ่ นน่ิม • สัตว์ท่ีมีกระดูกเรียงต่อกันเป็นข้อๆ ทาหน้าท่ีเป็นแกนกลางอยู่ภายใน สัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั รา่ งกาย
สตั วม์ กี ระดกู สนั หลัง 3 กลุ่มสตั วเ์ ล้ือยคลาน แบ่งได้ 5 ประเภท เป็นสัตว์เลือดเย็น ผิวหนังหนา มีเกล็ดแข็งแห้ง ปกคลมุ ลาตวั หรือมีกระดองแขง็ หุ้มลาตวั 1 กลุม่ ปลา 4 กลุ่มนก เป็นสัตว์เลือดเย็น มีรูปร่างเรียวยาว ลาตัว เป็นสัตวเ์ ลือดอุ่น มีขา 2 ขา มีเกล็ดท่ีขาและน้ิวเท้า ค่อนข้างแบน เพ่ือให้มีลักษณะท่ีเหมาะสมกับ และมีปีก 1 คู่ รา่ งกายปกคลุมด้วยขนเป็นแผงและ การเคลอ่ื นทใี่ นนา้ เป็นปุย ปากเป็นจะงอยแหลม ไม่มีฟัน กระดูกทั่ว รา่ งกายเปน็ โพรงกลวงและเบา มีถงุ ลมติดกบั ปอด 2 กล่มุ สตั ว์สะเทนิ น้าสะเทนิ บก 5 กลุม่ สตั ว์เล้ียงลกู ด้วยนา้ นม เป็นสัตว์เลือดเย็น มีขา 2 คู่ ไม่มีขน ไม่มีคอ ผิวหนังบางและไม่มีเกล็ด ตาโปนและกลม มีหู เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวเมีย แต่ไม่มีรูหู มีรูจมูกอยู่ด้านบนของปาก มีฟันซ่ี จะมีต่อมน้านมไว้สาหรับเล้ียงลูกอ่อน มีขน เลก็ ๆ แบบเส้นผมปกคลมุ ตามร่างกาย มีหู และใบหู
สตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง สัตวท์ ม่ี ีลาตวั เป็นปลอ้ ง 4 แบง่ ได้ 7 ประเภท • ลาตวั กลมยาว เปน็ ปลอ้ งคลา้ ยวงแหวนตอ่ กนั • ผิวหนังเปยี กชน้ื 1 สตั ว์ทะเลผวิ ขรุขระ 5 ฟองนา้ • ตามผวิ ลาตวั หยาบ ขรุขระ มสี ารหนิ ปูนเปน็ องคป์ ระกอบ • มลี ักษณะคลา้ ยพืช เกาะตดิ อยู่กับที่ • ไม่มีส่วนหวั ลาตวั แยกเป็นแฉก • ลาตัวเป็นโพรง มชี อ่ งเปิดดา้ นบน มีรพู รุนโดยรอบ หอยและหมกึ ทะเล 6 2 สตั วท์ ่ีมลี าตวั กลวง • มโี ครงแขง็ อยูใ่ นลาตวั • ลาตัวใสคลา้ ยว้นุ มรี ูปรา่ งคล้ายทรงกระบอก • เคล่อื นท่โี ดยใชห้ นวด • ตรงกลางลาตัวเปน็ โพรง • มีขาต่อกันเป็นขอ้ ๆ สตั ว์ท่มี ีขาเปน็ ข้อ 3 หนอนและพยาธิ 7 • ลาตวั น่ิม กลมยาว ไมม่ ีขา • ผิวเรียบ ไม่เป็นปล้อง • มเี ปลอื กแขง็ หมุ้ ลาตัว
หนา้ ทขี่ องส่วนต่างๆ ของพืช หน้าทีข่ องสว่ นต่างๆ ของพชื หนา้ ทขี่ องราก รากแก้ว มลี ักษณะตอนโคนโตแลว้ ค่อยเรียว • เป็นสว่ นของพชื ทีเ่ จรญิ เตบิ โตและ เล็กลงไปจนถงึ ตอนปลาย แผ่ขยายอยใู่ ตด้ ิน รากแขนง • ชว่ ยยดึ ลาต้นให้ตั้งอยบู่ นดิน เปน็ รากท่ีเจรญิ เติบโตออกมาจาก • ดูดน้าและแร่ธาตุท่ีอยู่ในดินขึ้นไป รากแก้วและแตกแขนงออกเปน็ ทอดๆ เลี้ยงส่วนตา่ งๆ ของพืช รากฝอย เป็นรากเส้นเล็กๆ ทีม่ ขี นาดโตสมา่ เสมอ และงอกออกมาเปน็ กระจกุ
หนา้ ที่ของลาต้น ท่อลาเลยี งนา้ • ลาเลยี งนา้ และแรธ่ าตุไปยงั สว่ นตา่ งๆ ของพชื และลาเลียงน้าไปสู่ใบเพื่อใช้ในการสร้าง อาหารของพืช ท่อลาเลียงอาหาร • ลาเลียงอาหารท่ีสร้างขึ้นจากใบไปเลี้ยงส่วน ตา่ งๆ ของพชื
หนา้ ที่ของใบ มรี ูปรา่ งลกั ษณะแตกต่างกนั ตามชนดิ ของพืช ใบมีหนา้ ที่หลักคือ สรา้ งอาหาร หายใจ และคายน้า ปากใบ ปากใบเปิด ทาหน้าท่ีหายใจโดยมีการ ปากใบปดิ แลกเปลี่ยนแก๊สทางปากใบ และคายน้าออกมาทาง ปากใบ
การคายน้าของพชื
กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช น้าตาล ( ������������ ������������������������������ ) ด คลอโรฟิลล์ อาหารท่ีพืชสร้างขึ้น คือ น้าตาล ซ่ึงจะถูก เป็นตัวดูดกลืนแสง เพื่อนา แสงมาใชเ้ ป็นแหลง่ พลังงาน ลาเลยี งไปเล้ียงสว่ นตา่ งๆ ของพืช ส่วนที่เหลือ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซต์ ( ������������������) ������������ พชื จะเกบ็ สะสมไว้ในรปู ของแปง้ พืชจะดูดแก๊สคารบ์ อนไดออกไซต์ เขา้ ทางปากใบเพื่อใชเ้ ปน็ วัตถดุ ิบ ������������������ แกส๊ ออกซิเจน ( ������������) ในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง พืชคายแก๊สออกซเิ จนออกทางปากใบ ชว่ ย ทาใหอ้ ากาศบริสุทธิ์ นา้ ( ������������������) ������������ ������������������������������ พืชดดู น้าผา่ นรากและลาเลยี งขึ้นสู่ นา้ ( ������������������) ใบ เพ่ือใช้เปน็ วัตถดุ ิบในการ ������������������ พืชคายน้าออกทางปากใบ ช่วยทาให้อากาศ สังเคราะห์ดว้ ยแสง ������������������ ������������������ ช่มุ ชืน้
สว่ นประกอบของดอกของพชื กลบี ดอก ทาหน้าที่ห่อหุ้มเกสรขณะที่เกสรยังอ่อนอยู่ มักมีสีสัน เกสรเพศเมยี สวยงาม หรือมีกล่ินหอมเพื่อช่วยล่อแมลงให้มาผสม ทาหน้าท่ีสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศ เกสร เมีย กลบี เล้ียง เกสรเพศผู้ ทาหนา้ ท่ีหอ่ หุ้มสว่ นของดอกในขณะทยี่ งั ตูมอยู่ ทาหนา้ ที่สร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุเพศผู้ เพอ่ื ปกป้องอนั ตรายจากแมลง
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: