การแจ้งขอ้ ความ อันเปนเท็จ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 137
คํานาํ INTRODUCTION หนังสอื อิเล็กทรอนิกสเ์ ล่มนี จดั ทําขนึ เพอื ใชเ้ ปนสอื ประกอบ การเรยี นการสอนในรายวชิ าอาญา 2 ซงึ ภายในหนังสอื เล่มนี จะ ประกอบด้วย หIลtัก'sเกmณyฑ2์หnรอdื อyงeคa์ปrรtะeกaอcบhคinวgามtผhดิis grade. อายุความ ตัวอยา่ งโจทย์ คําพพิ ากษาศาลฎีกา บทสรุปของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และหากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ทีนดี ้วยค่ะ 631081215 แพรธดิ า บวั เนตร ผจู้ ดั ทํา
สารบัญ 3 หลักเกณฑ์หรอื องค์ประกอบของความผดิ 11 อายุความ 12 ตัวอยา่ ง 13 คําพพิ ากษาศาลฎีกา 16 สรปุ 20 บรรณานกุ รม
ËÅѡࡳ±ËÃ×Íͧ¤»ÃСͺ ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มาตรา 137 บญั ญัติวา่ “ผใู้ ดแจง้ ขอ้ ความอันเปนเท็จ แก่เจา้ พนักงาน ซงึ อาจะทําใหผ้ อู้ ืนหรอื ประชาชนเสยี หาย ต้องระวางโทษจาํ คกุ ไมเ่ กินหกเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนึง พนั บาท หรอื ทังจาํ ทังปรบั ” หลักเกณฑ์หรอื องค์ประกอบของความผิดของ มาตรา 137 มดี ังนี คือ 1 แจง้ ขอ้ ความอันเปนเท็จ 2 แก่เจา้ พนักงาน 3 ซงึ อาจะทําให้ผู้อืนหรอื ประชาชนเสยี หาย 4 โดยเจตนา
1 ᨧ¢Í¤ÇÒÁÍѹ໹à·ç¨ แจง้ ข้อความอันเปนเท็จ หมายความว่า การนาํ ข้อเท็จจรง แจ้งแกเ่ จา้ พนกั งาน ซึงการแจง้ ข้อความอันเปนเทจ็ ตามมาตรา 137 นอี าจจะกระทําโดยผ้แู จ้งไปแจง้ ตอ่ เจา้ พนกั งานเอง หรอ โดยตอบคาํ ถามของเจา้ พนักงานก็ได้ โดยการแจง้ ความเท็จ เปนการทาํ ใหเ้ จ้าพนักงานรับทราบขอ้ ความ ส่วนเมอื รับทราบ ข้อความแลว้ จะเชือหรอไม่นันไม่สาํ คญั ถอื ว่าเปนการแจง้ ความ เทจ็ สาํ เร็จแล้ว ซึงความเทจ็ นัน ใหถ้ ือตามความรู้สกึ ของผแู้ จง้ เปนสาํ คญั ว่า ตัวเองรู้หรอไมว่ ่าเปนการแจง้ ความเท็จ
1 ᨧ¢Í¤ÇÒÁÍѹ໹à·ç¨ การแจ้งข้อความอนั เปนเทจ็ ตามมาตรานี อาจกระทาํ ได้ 3 วธี ดงั นี 1. กระทําด้วยวาจา 2.กระทาํ ดว้ ยลายลักษณ์อกั ษร 3.กระทาํ ด้วยการแสดงกิรยาทา่ ทางอยา่ งใดอย่างหนงึ ซึงจะเปนการกระทาํ อยา่ งใดอย่างหนึงกไ็ ด้ เพอื ให้เจา้ พนกั งานได้ทราบขอ้ ความ โดยทีข้อความทีแจง้ นนั จะต้อง เปนความเท็จ ถ้าข้อความทีแจ้งนนั ไมเ่ ปนความเท็จแลว้ ผู้แจ้งกไ็ มม่ ีความผิดตามมาตรา 137 นี และการทีเจา้ พนกั งานสอบถามแล้วจาํ เลยไมร่ ับหรอปฏเิ สธนนั กม็ ิใช่การ แจง้ ความเท็จตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
2 á¡à¨Ò¾¹Ñ¡§Ò¹ แกเ่ จ้าพนักงาน หมายถึง เจา้ พนักงานผูร้ ับแจ้งขอ้ ความ จะต้องเปนผูม้ หี นา้ ทีรับแจ้งข้อความนนั และต้องกระทําการ ตามหน้าทีโดยชอบดว้ ยกฎหมายจงึ จะถือว่าเปนเจา้ พนกั งาน ถ้าเปนการแจง้ ขอ้ ความต่อเจา้ พนักงานซงึ ไมม่ อี ํานาจหนา้ ที ในการรับแจง้ ขอ้ ความเช่นนัน ผู้แจง้ ก็ไม่มีความผิดตาม มาตรา 137 นี
3 «èÖ§ÍҨзíÒã˼ÙÍè×¹ËÃ×Í »ÃЪҪ¹àÊÕÂËÒ ซงึ อาจทาํ ใหผ้ อู้ นื หรอประชาชนเสียหาย หมายถงึ ถา้ ข้อความนันไม่อาจทําให้ผูใ้ ดได้รับความเสยี หายกไ็ มค่ รบองค์ ประกอบความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จ และมีขอ้ สงั เกตวา่ ไมต่ อ้ ง เกิดความเสียหายขนึ จรงๆ คอื แม้การแจ้งข้อความอันเปนเทจ็ นันเพียงแต่อาจะก่อใหเ้ กิดความเสยี หายได้ กเ็ ปนความผิด สําเร็จทนั ทเี มอื มีการแจง้ และการแจ้งนนั ได้รู้ถงึ เจ้าพนกั งาน แลว้ การแจง้ ข้อความอันจะเปนความผิดตาม ป.อ. มาตรา 137 ตอ้ งเปนขอ้ ความเท็จซึงอาจทําใหผ้ อู้ นื หรอประชาชนเสยี หายด้วย เช่น นาํ ทีดนิ ไปขายแล้ว กลับไปแจ้งตอ่ เจ้าพนกั งาน ตาํ รวจว่าโฉนดทีดินหรอหนังสือรับรองการทําประโยชน์หายไป เพือขอออกใบแทน ทําใหเ้ จา้ ของทดี นิ เสยี หาย
4 â´Âਵ¹Ò โดยเจตนา หมายถงึ เจตนาธรรมดาตามมาตรา 59 คือ ผ้แู จง้ จะตอ้ งรู้ว่าขอ้ ความทีนาํ ไปแจง้ ตอ่ เจา้ พนักงานนนั เปนเทจ็ ถ้าหากไมร่ ู้กถ็ ือว่าไม่มเี จตนา ผู้แจง้ กไ็ ม่มีความผิดตามมาตรานี เจตนาธรรมดาตามมาตรา 59 แบง่ เปน 2 ความหมาย คือ เจตนาประสงค์ต่อผล หมายถงึ มุ่งหมายหรอประสงคต์ ่อ ผลโดยตรง ในความผดิ ตอ่ ชวี ต และความผิดต่อร่างกาย ในการวนิจฉยั ตอ้ งใชห้ ลกั กรรมเปนเครองชีเจตนาเปน แนวทางในการพจิ ารณา
4 â´Âਵ¹Ò เจตนาเล็งเห็นผล หมายถงึ ผูก้ ระทาํ ไม่ประสงคต์ อ่ ผลแต่ เล็งเหน็ ได้ว่าจะเกิดผลอย่างแน่นอน เท่าทีจิตใจของบุคคล ในฐานะเช่นเดยี วกบั ผู้กระทาํ โดยปกติเลง็ เห็นได้ ในการ วนิจฉยั นัน ใหพ้ จิ ารณาถึงเรองประสงคต์ ่อผลก่อน หาก พิจารณาเห็นว่าผู้กระทาํ ไมป่ ระสงค์ตอ่ ผล จงึ คอ่ ยมา พจิ ารณาต่อไปว่าผ้กู ระทําเลง็ เห็นผลหรอไม่ เจตนา ประสงคต์ อ่ ผลหรอเล็งเห็นผลกม็ ผี ลทางกฎหมายอย่าง เดียวกัน
4 â´Âਵ¹Ò และการทจี ะมคี วามผิดมาตรา 59 นัน จะต้องมีการ กระทาํ ทีครบองคป์ ระกอบทกี ฎหมายบญั ญตั ิ กลา่ วคือ มกี ารกระทํา การกระทาํ นนั ครบองคป์ ระกอบภายนอกของ ความผิดในเรองนนั ๆ การกระทาํ นนั ครบองคป์ ระกอบภายในของความ ผิดในเรองนนั ๆ ผลของการกระทําสัมพันธ์กบั การกระทําตามหลกั ในเรองความสัมพนั ธร์ ะหว่างการกระทําและผล องคป์ ระกอบของความผิด
ÍÒÂØ¤ÇÒÁ การแจง้ ความเทจ็ นัน มอี ายคุ วามในการดําเนนิ คดี หา้ ป นับแต่วันแจ้งความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(4) ประกอบมาตรา 137 มาตรา 95 ในคดอี าญา ถา้ มไิ ดฟ้ องและ ได้ตวั ผกู้ ระทําความผดิ มายงั ศาลภายในกําหนดดังตอ่ ไปนี นับ แต่วันกระทําความผดิ เปนอนั ขาดอายคุ วามตาม (4) หา้ ป สําหรับความผิดตอ้ งระวางโทษจําคุกกว่าหนึงเดอื นถงึ หนงึ ป
µÑÇÍÂÒ§ ตํารวจจบั กุมนายแดงในข้อหาว่าเปนคนลาวอพยพหนี จากเขตควบคมุ นายแดงใหก้ ารปฏเิ สธพร้อมทังแสดงบตั ร ประชาชนใหต้ าํ รวจดู ซึงข้อความทีใหก้ ารเปนเท็จ ดังนี นาย แดงมีความผิดตอ่ เจ้าพนกั งานประการใดหรอไม่ เพราะเหตุใด กรณตี ามปญหา การทตี ํารวจไดจ้ บั กมุ นายแดงในขอ้ หาว่า เปนคนลาวอพยพหนจี ากเขตควบคุม นายแดงใหก้ ารปฏิเสธ พร้อมทงั แสดงบัตรประชาชนใหต้ ํารวจดู ซงึ ข้อความทใี ห้การ เทจ็ ดังนี นายแดงไม่มีความผดิ ตอ่ เจา้ พนกั งานฐานแจง้ ความ เทจ็ ตามมาตรา 137 เพราะเปนการใหก้ ารในฐานะผู้ต้องหา ซึง ชอบทีจะแกต้ วั ต่อสคู้ ดีอย่างไรกไ็ ดเ้ พอื ให้ตนพน้ ผดิ จงึ ไมถ่ ือ เปนการแจ้งความ แมจ้ ะเปนเทจ็ กไ็ มเ่ ปนความผดิ ตามมาตรานี สรุป นายแดงไม่มคี วามผดิ ต่อเจ้าพนักงานฐานแจ้ง ความเท็จตามมาตรา 137
¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าที 2141/2532 จาํ เลยทงั สียนื คําร้องต่อเจา้ พนักงานทีดนิ ขอรับมรดกทีดินมีโฉนด แล้วจําเลยทงั สีใหถ้ อ้ ยคาํ และยืนยนั รับรองบัญชีเครอญาติ ต่อเจา้ หน้าทที ดี ินทสี อบสวนทีดนิ มรดกว่า ผตู้ ายมที ายาท เพียง 4 คน คอื จําเลยทังสี อนั เปนเทจ็ ซึงความจรง จําเลยทงั สีต่างทราบดี อยแู่ ลว้ ว่าผตู้ ายยังมีบตุ รสาวอีก 2 คน เปนทายาทโดยธรรม เจา้ พนกั งานทีดนิ จดทะเบียน โอนกรรมสิทธทิ ีดินใหแ้ ก่จาํ เลยที 2 ถึง ที 4 ตาม คําขอของ จําเลยทงั สที าํ ใหก้ รมทีดนิ และบุตรสาวอีก 2 คน ของผูต้ าย เสยี หาย จําเลยทังสยี อ่ มมคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 137 และกรณีเชน่ นีถือว่าเปนความผิดสาํ เร็จ ในวันทกี ระทาํ ความผิดนันเอง
¤Òí ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คําพพิ ากษาศาลฎีกาที 2550/2529 ข้อเท็จจรงที ปรากฏในคาํ ฟองของโจทกไ์ ด้ความว่าการทจี ําเลยไปแจง้ ว่า ชายคนทีไปร้านของจําเลยคอื โจทกน์ ันกเ็ ปนการแจ้งไปตาม คําบอกเลา่ ของเดก็ ทีอยใู่ นร้านโจทกม์ ไิ ด้ยืนยนั ข้อเท็จจรงให้ ปรากฏในคาํ ฟองว่าเดก็ ในร้านมิไดบ้ อกกบั จําเลยเช่นนันอัน จะทําใหเ้ หน็ ว่าข้อทีจําเลยแจ้งนันเปนเท็จเมือฟงไมไ่ ดว้ า่ ข้อความทีจาํ เลยแจง้ เปนเทจ็ แล้วการแจ้งความของจาํ เลยก็ ไมม่ มี ลู ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137
¤Òí ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®Õ¡Ò คาํ พิพากษาศาลฎกี าที 1329/2529 กรมทีดินจ้าง ป.เปน ลูกจ้างชัวคราว และนายอําเภอมีคาํ สงั แตง่ ตัง ป.ใหป้ ฏิบตั ิ หนา้ ทีพิสจู น์สอบสวนการทาํ ประโยชนใ์ นทีดนิ ป.จงึ เปนเจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตามบทบัญญตั ิประมวล กฎหมายทดี ิน มาตรา 58 จําเลยซือทดี ินซงึ มหี นงั สอื รับรอง การทาํ ประโยชน์(น.ส.3) อยู่แล้วจําเลยได้ไปขอให้ทางราชการ ออกหนงั สือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก)โดยใช้รูปถ่าย ทางอากาศสาํ หรับทดี ินนันอีก โดยแจง้ ต่อป. เจ้าหนา้ ทีพิสจู น์ สอบสวนว่าทดี นิ ดังกลา่ วยังไมเ่ คยมหี นงั สือรับรองการทาํ ประโยชน์มาก่อน จนทางราชการออก น.ส.3 ก. ใหจ้ าํ เลย แตใ่ นทีสดุ ผูว้ ่าราชการจังหวัดสังเพกิ ถอนเพราะเหตุจําเลยแจง้ ข้อความอนั เปนเทจ็ ดังนี เกดิ ความเสียหายขึนแล้ว การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ เปนความผดิ ฐานแจ้งความเท็จตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 137
ÊÃØ» ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นัน ผู้ใดแจ้ง ความอนั เปนเท็จแก่เจา้ พนักงาน ซึงอาจทําใหผ้ ู้อนื หรอ ประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจาํ คุกไม่เกินหกเดอื น หรอ ปรับไมเ่ กินหนงึ หมนื บาท 1. ผ้แู จ้งขอ้ ความอาจเปนบคุ คลธรรมดาหรอนิติบคุ คล ก็ได้ ซงึ การแจ้งข้อความอนั เปนเท็จของนิตบิ คุ คลกระทําโดย ผ่านผู้แทนนิติบคุ คล เชน่ กรรมการผมู้ อี ํานาจจัดการแทนของ นติ บิ ุคคล
ÊÃØ» 2. การแจ้งขอ้ ความอนั เปนเท็จอาจทาํ โดยบอกกับเจา้ พนกั งาน ตอบคาํ ถามเจา้ พนักงาน เชน่ ให้การเทจ็ ในฐานะเปน พยาน การแจ้งโดยวธีแสดงหลกั ฐาน เชน่ คนตา่ งดา้ วไมม่ ี สทิ ธทิ ีจะขอมบี ตั รประจําตัวประชาชนไดโ้ ดชอบดว้ ยกฎหมาย การทคี นตา่ งดา้ วอ้างและนําหลักฐานแสดงต่อนายทะเบียนเพือ ขอมีบัตรประจําตัวประชาชน จึงเปนการแจง้ เท็จต่อเจ้า พนกั งานเพราะหลงเชือคนต่างด้าวคนนนั มสี ญั ชาตไิ ทยกต็ าม ก็หาใชเ่ ปนขอ้ อ้างทจี ะนาํ มาใชเ้ พอื ขอให้มีการทําบตั รใหมแ่ ทน บัตรเดมิ ทีหมดอายุ 3. ข้อความทแี จ้งต้องเปนข้อเทจ็ จรงในอดีตหรอใน ปจจบุ นั หากเปนเรองอนาคตไม่เปนความเทจ็
ÊÃØ» 4. การแจ้งขอ้ เทจ็ จรงนันตอ้ งมีลักษณะเปนการยนื ยนั ขอ้ เท็จจรง มใิ ชก่ ารแสดงความคิดเห็น หรอการคาดคะเนถงึ เหตกุ ารณ์ในอนาคต 5. การแจ้งความเทจ็ ต่อเจ้าพนักงาน อนั เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา 137 นนั จะต้องเปนการแจ้งขอ้ ความอันเปน เท็จแก่เจ้าพนกั งานทีมีอํานาจหนา้ ทีเกียวกับเรองทีแจ้งความ นัน หรอผมู้ ีหนา้ ทีรับผิดชอบตามทไี ดร้ ับมอบหมายจากผู้ บังคับบญั ชาหากเปนการแจ้งข้อความอันเปนเท็จแกเ่ จ้า พนักงานอืนทไี มม่ ีหนา้ ทเี กยี วกับการทแี จง้ กไ็ ม่เปนความผดิ ฎ.2413/2521
ÊÃØ» 6. ความผิดฐานแจง้ ความเท็จตาม ป.อ.137 นนั จะต้อง ปรากฏว่าการแจ้งความเทจ็ นนั อาจทําใหผ้ ู้อนื หรอประชาชน เสียหาย โดยไมต่ อ้ งคาํ นงึ ถึงผลว่าต้องเกิดผลเสียหายขึนกอ่ น จึงจะเปนความผดิ ฎ.1329/2529 7. การแจง้ ความเทจ็ นนั ผูแ้ จ้งต้องกระทําโดยเจตนากล่าว คอื ตอ้ งรู้ข้อเท็จจรงว่าสงิ ทีแจง้ นันเปนเท็จ ไม่เปนความจรง ตามทีแจง้ เพราะหากแจ้งตามทีเขา้ ใจเชน่ นถี ือว่าผแู้ จ้งไม่มี เจตนาแจง้ ความเท็จ
bบibรlรiณogาrนaกุ pรมhy สหรัฐ กิติ ศุภการ. (2563). หลกั และคําพิพากษา : กฎหมายอาญา (พมิ พ์ครังที 10). กรุงเทพฯ: อมรนทร์พรนตงิ แอนดพ์ ับลิชชงิ . บรษัท ทนายใกลต้ ัว จํากดั . (ม.ป.ป). การแจ้งข้อความอัน เปนเทจ็ แกเ่ จา้ พนกั งาน. สืบคน้ 9 สิงหาคม 2564, จาก https://www.closelawyer.com/ ขอบเขตขอ้ สอบวชา LAW2007 กฎหมายอาญา. (2558). สบื คน้ 9 สิงหาคม 2564, จาก https://sites.google.com/site/lawru2015/example-law2007
ป รั ช ณ า ค ณ ะ นิ ติ ศ า ส ต ร์ นิ ติ เ ป น เ ลิ ศ เ ทิ ด คุ ณ ธ ร ร ม นํา ยุ ติ ธ ร ร ม สู่ สั ง ค ม ม ห า วิ ท ย า ลั ย ทั ก ษิ ณ วิ ท ย า เ ข ต ส ง ข ล า
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: