วิชาศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศิลป์และการละคร ครูโชติกา หนสู วสั ด์ิ
เลขานกุ าร น ส พิมพ์พิชชา มีเสน ชอื เล่น: ปโป Facebook: Pimpitcha Meesen E-mail: [email protected] Line: 0980700394 เบอรโ์ ทรศัพท์: 0980700394 เลขที 36 สมาชกิ ในกลุ่ม นายธนั วาชาติ ชูคง ชอื เล่น : มารค์ E-mail :[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0806266971 Facebook : Sojxn mark Line : 0806266971 เลขที 6 นาย อนวุ ฒั น์ เขียวอุน่ E-mail :[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0917587939 Facebook : Anuwat kheawoun Line : 0917587939 เลขที 14
หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวปภาวรนิ ทร์ ทะลิทอง นางสาวจุทาทิพ กิมเหล็ง ชอื เล่น ออ้ ย ชอื เล่น ตะนอย E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0893278178 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0950387502 Facebook Papawarin Talitong Facebook Chuthatip Kimleng Line 0945890955 Line tttanoi เลขที 35 เลขที 18 ตารกี ีปส สมาชกิ ในกลุ่ม สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวสุชานันท์ สุวรรณรตั น์ ชอื เล่น : นาหวาน Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0826141536 Facebook : สุชานันท์ สุวรรณรตั น์ Line : suwannarat9999 เลขที 42
1.ทําใหเ้ ปนคนรนื เรงิ แจ่มใส นาฏศิลปไทย เปนศิลปะแหง่ การฟอนราํ 2.มีความสามัคคีในหมู่คณะ ทีมีสมมติฐานมาจากธรรมชาติ 3.สามารถยดึ เปนอาชพี ได้ แต่ได้รบั การตกแต่งและปรบั ปรุงใหง้ ดงามยงิ ขึน 8.ได้รบั ความรูจ้ ากการเรยี นนาฏศิลปจนเกิดความชาํ นาฏศิลปไทย นาญสามารถนํามาสรา้ งชอื เสียงได้ เกิดมาจากกิรยิ าท่าทางซึงแสดงออกในทางอารมณ์ข ประโยชน์ของการเรยี นนาฏศิลป องมนษุ ยก์ ิรยิ าต่าง ๆ สุชานันท์ สุวรรณรตั น์ 27/11/64 เหล่านีเปนเหตุใหป้ รมาจารยท์ างศิลปะนํามาปรบั ปรุง 4.ทําใหร้ ูจ้ ักดนตรแี ละเพลงต่าง ๆ สัดส่วนและกําหนดวธิ กี ารขึน จนกลายเปนท่าฟอนราํ 5.ทําใหเ้ กิดความจําและปฏิภาณดี 6. ชว่ ยใหเ้ ปนคนทีมีบุคลิกท่าทางเคลือนไหวสงา่ งาม โดยวางแบบแผนลีลาท่าราํ ของมือ เท้า ใหส้ อดคล้องสัมพันธก์ ันจนเกิดเปนท่าราํ ขึน และมีววิ ฒั นาการปรบั ปรุงมาตามลําดับ จนดูประณีตงดงาม ออ่ นชอ้ ยวจิ ิตรพิสดาร จนถึงขันเปนศิลปะได้ นอกจากนี นาฏศิลปไทย ยงั ได้รบั อทิ ธพิ ลแบบแผนตามแนวคิดจากต่างชาติเข้ ามาผสมผสานด้วย เชน่ วฒั นธรรมอนิ เดียเกียวกับวฒั นธรรมทีเปนเรอื งของเ ทพเจ้า และตํานานการฟอนราํ ธนั วาชาติ ชูคง เลขที 6 27/11/64 ทีมาของนาฏศิลปไทย 4.การแสดงพนื เมือง 7.ชว่ ยในการออกกําลังกาย ได้เปนอยา่ งดี 4.1 การแสดงพืนเมืองภาคเหนือ พืนฐานนาฏศิล เปนศิลปะการราํ และการละเล่น หรอื ทีนิยมเรยี กกันทัวไปวา่ “ฟอน” ปไทย การฟอนเปนวฒั นธรรมของชาวล้านนา และกลุ่มชนเผ่าต่างๆ ทีมา: รูปแบบของนาฏศิลปไทย 4.2 การแสดงพนื เมืองภาคกลาง พิมพพ์ ชิ ชา มีเสน เลขที 36 สืบค้นเมือวนั ที 27/11/2564 เปนศิลปะการรา่ ยราํ และการละเล่นของชนชาวพืนบ้านภาคกลาง ซึงส่วนใหญ่มีอาชพี เกียวกับเกษตรกรรม ความหมายของคําวา่ “นาฏศิลป” ศิลปะการแสดงจึงมีความสอดคล้องกับวถิ ีชวี ติ และเพอื ความบันเทิงสนกุ สนาน 2.ละคร 1.โขน ! โด เปนการพักผ่อนหยอ่ นใจจากการทํางาน หรอื เมือเสรจ็ จากเทศการฤดูเก็บเกียว ละครเปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีเล่นเปนเรอื งราว โขนเปนการแสดงนาฏศิลปชนั สูงของไทยทีมีเอกลักษณ์ นาย อนวุ ฒั น์ เขียวอุน่ ม 4/2 เลขที14 สืบค้นเมือวนั ที เหล่าน 4.3 การแสดงพืนเมืองภาคอสี าน มีพฒั นาการมาจากการเล่านิทาน คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหวั ทีเรยี กวา่ หวั โขน 27/11/2564 ละครมีเอกลักษณ์ในการแสดงและการดําเนินเรอื งด้วย และใชล้ ีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพากย์ ความหมายของรูปศัพท์ของคําวา่ นาฏศิลป มาจากคํา ๒ 3. เกิด เปนศิลปะการราํ และการเล่นของชาวพืนบ้านภาคอสี าน หรอื การเจรจาของผู้พากยแ์ ละตามทํานองเพลงหน้าพาทยท์ ีบ คําทีรวมอยูด่ ้วยกัน คือนาฏ, ศิลปะ ดังรายละเอยี ดกล่าวคือ ทีม ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย แบ่งได้เปน 2 กลุ่มวฒั นธรรมใหญ่ๆ คือ กระบวนลีลาท่าราํ เข้าบทรอ้ ง เรอื กลุ่มอสี านเหนือ มีวฒั นธรรมไทยลาวซึงมักเรยี กการละเล่นวา่ “เซิง ฟอน ทํานองเพลงและเพลงหน้าพาทยท์ ีบรรเลงด้วยวงปพาท รรเลงด้วยวงปพาทย์ นาฏ ความหมายโดยภาพรวมของคําวา่ นาฏ ทีน่าสนใจคือ ผู้ใ ยม์ ีแบบแผนการเล่นทีเปนทังของชาวบ้านและของหลวง ประเภทของโขน กา และหมอลํา” 1.โขนกลางแปลง คว ทีเรยี กวา่ ละครโนราชาตรี ละครนอก ละครใน น 4.4 การแสดงพืนเมืองภาคใต้ เรอื งทีนิยมนํามาแสดงคือ พระสุธน สังข์ทอง คาวี 2 โขนโรงนอกหรอื โขนนังราว ซึง ย์ ท เปนศิลปะการราํ และการละเล่นของชาวพนื บ้านภาคใต้อาจแบ่งตามกลุ่มวฒั นธร อเิ หนา อุณรุท 3.โขนหน้าจอ รมได้ 2 กลุ่มคือ วฒั นธรรมไทยพุทธ ได้แก่ การแสดงโนรา หนังตะลุง เพลงบอก นอกจากนียงั มีละครทีปรบั ปรุงขึนใหม่อกี หลายชนิด นาฏศิลป เปนคําสมาส ระหวา่ งคําวา่ นาฏ กับคําวา่ ศิลป นาฏศิลป หมายถึง การแต่งกายของละครจะเลียนแบบเครอื งทรงของพระม 4.โขนโรงใน คําวา่ นาฏ หมายถึงการฟอนราํ การแสดงละคร ดังนันคําวา่ ศิลปะการรอ้ งราํ ทําเพลงทีมนษุ ยเ์ ปนผูส้ รา้ งส เพลงนา และวฒั นธรรมไทยมุสลิม ได้แก่ รองเงง็ ซําแปง มะโยง่ หากษัตรยิ ์ เรยี กวา่ การแต่งการแบบยนื เครอื ง 5.โขนฉาก นาฏศิลป จึงหมายถึง ฐ์ขึนอยา่ งประณีตและมีแบบแผน ใหค้ วามร 3.ราํ และ ระบํา นิยมเล่นในงานพิธสี ําคัญและงานพระราชพิธขี องพระม การฟอนราํ ทีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึนใหส้ วยงาม ซึงเปนพนื ฐานสําคัญทีแสดงใหเ้ หน็ ถึงวฒั นธร ตัวละครในการแสดงโขน โดยอาศัยธรรมชาติเปนแบบอยา่ ง (ลัดดา พนัสนอก, ๒๕๔๒ : 3.1 ราํ หากษัตรยิ ์ งของชาติได้เปนอยา่ งดี (สุมิตร เทพวงศ์, ๒ หมายถึง ศิลปะแหง่ การรายราํ ทีมีผู้แสดง ตังแต่ 1-2 คน เชน่ นาฏย ความหมาย ตามพจนานกุ รมไทยฉบบั ท การราํ เดียว การราํ คู่ การราํ อาวุธ เปนต้น นาฏศิลป หรอื นาฏยศิลป หมายถึง ศิลปะการฟอนราํ ๒๘๕) หมายถึง เกียวกับการฟอนราํ , เกียวกับก ทังทีเปนระบาํ ราํ เต้น และอนื ๆ รวมทังละครราํ โขน นาฏ ความหมายตามพจนานกุ รมไทยฉบบั ทัน มีลักษณะการแต่งกายตามรูปแบบของการแสดง หนังใหญ่ ฯลฯ ปจจุบนั มักมีคนคิดชอื ใหม่ใหด้ ูทันสมัยคือ ๒๘๕) หมายถึง การเคลือนไหวอวยั วะ, นางละ ไม่เล่นเปนเรอื งราวอาจมีบทขับรอ้ งประกอบการราํ เข้ากับทํานองเ นาฏกรรม สังคีตศิลป วพิ ธิ ทัศนา และศิลปะการแสดง ซึงมีความหมายใกล้เคียงกันเพราะเปนคําทีครอบคลุมศิลปะแ หรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอน พลงดนตรี มีกระบวนท่าราํ โดยเฉพาะการราํ คู่จะต่างกับระบาํ หง่ การรอ้ ง การราํ และการบรรเลงดนตรี (สุรพล วริ ุฬหร์ กั ษ์, เนืองจากท่าราํ จะมีความเชอื มโยงสอดคล้องต่อเนืองกัน ศิลปะ เปนคําภาษาสันสกฤต (ส ศิลปะ; ป ๒๕๔๓ : ๑๒) มีฝมืออยา่ งยอดเยยี ม)ซึงหมายถ และเปนบทเฉพาะสําหรบั ผู้แสดงนันๆ เชน่ ราํ เพลงชา้ เพลงเรว็ ราํ แม่บท ราํ เมขลา –รามสูร เปนต้น นาฏศิลป หมายถึง การแสดงออกมาใหป้ รากฏขึนอยา่ งงดงา การรา่ ยราํ ในสิงทีมนษุ ยเ์ ราได้ปรุงแต่งจากธรรมชาติใหส้ วยส ก่อใหเ้ กิดอารมณ์สะเทือนใจ ตรงกับภาษาองั ก 3.2 ระบํา ดงดงามขึน อมรา กลาเจรญิ , ๒๕๔๒ : ๑) หมายถึง ศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีผู้เล่นตังแต่ 2คนขึนไป แต่ทังนีมิได้หมายถึงแต่การรา่ ยราํ เพยี งอยา่ งเดียว มีลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกัน จะต้องมีดนตรเี ปนองค์ประกอบไปด้วย กระบวนท่ารา่ ยราํ คล้ายคลึงกัน ไม่เล่นเปนเรอื งราว จึงจะชว่ ยใหส้ มบูรณ์แบบตามหลักวชิ านาฏศิลป (อาคม อาจมีบทขับรอ้ งประกอบการราํ เข้าทํานองเพลงดนตรี สายาคม, ๒๕๔๕ : ๑๕) ซึงระบาํ แบบมาตรฐานมักบรรเลงด้วยวงปพาทย์ การแต่งกายนิยมแต่งกายยนื เครอื งพระนางหรอื แต่งแบบนางใน ราชสํานัก เชน่ ระบําสีบท ระบาํ กฤดาภินิหาร ระบาํ ฉิง เปนต้น ดังนันความหมายของนาฏศิลปกล่าวโดยสรุป จึงหมายถึง ศิลปะการรอ้ งราํ ทําเพลงทีมนษุ ยเ์ ปนผู้สรา้ งสรรค์ทั งท. ีเปนระบาํ ราํ เต้น และอนื ๆ รวมทังละครราํ .โขน หนังใหญ่ ฯลฯ โดยประดิษฐ์ขึนอยา่ งประณีตและมีแบบแผนทีสวย งาม ใหค้ วามรู้ ความบนั เทิงทีต้องมีดนตรเี ปนองค์ประกอบไปด้วย
ความสําคัญของนาฏศิลปไทย นาฏศิลปชว่ ยพฒั นาบุคลิกภาพของผูแ้ สดง นางสาวจุทาทิพ กิมเหล็ง ม 4/2 ใหผ้ ูแ้ สดงมีความกล้าแสดงออก และมีความมันใจมากยงิ ขนึ เลขที18 27/11/2564 ทําใหม้ ีท่าทางการเคลือนไหวทีดูสงา่ งาม childrenlovethai.//(2564).//ความส ทําใหค้ วามจําและปฏิภาณดี และหากได้ าํ คัญของนาฏศิลปไทย //สืบค้นเมือ2 7พฤศจิกายน2564,/จาก นาฏศิลปแสดงถึงความเปนเอกลักษณ์ประจําชาติ แสดงถึงอารยประเทศ ความเจรญิ รุง่ เรอื งของประเทศไทยตังแต่อดีตจนถึงปจจุบัน วถิ ีชวี ติ ความเปนอยู่ ประวตั ิศาสตร์ ภูมิปญญาไทย จารตี ประเพณี และ วฒั นธรรมของประเทศไทย ซึงถือวา่ เปนสิงทีน่าภาคภูมิใจของคนไทยตังแต่อดีต จนถึงปจจุบัน และถือวา่ เปนมรดกทีสําคัญของชาติ จึงควรแก่การอนรุ กั ษ์ และสืบทอดต่อไป นาฏศิลปทําใหเ้ กิดความสามัคคีกันในหมู่คณะ นาฏศิลปทําใหผ้ ูแ้ สดงมีความสามัคคีกัน เพราะผูแ้ สดงต้องรว่ มกันแสดงท่าราํ ทางนาฏศิลป เพอื ใหก้ ารแสดงนาฏศิลปนันออกมาเรยี บรอ้ ยและงดงาม เมือมีความรูน้ าฎศิลปจนเกิดความชาํ นาญ ก็จะสามารถปฏิบัติได้ดีมีชอื เสียง หรอื ยดึ เปนอาชพี ต่อไปได้ ครูเฉลย ศุขะวณิช ครูลมุล ยมะคุปต์ นายอาคม ฉายาคม กําเนิด : คุณครูเฉลย ศุขะวณิช หรอื “แม่เหลย” ประวตั ิ : นางลมุล ยมะคุปต์ หรอื อกี ชอื หนึงทีบรรดาศิษยท์ ังหลายจะขนานนามใหท้ ่านด้วยความ เคารพรกั อยา่ งยงิ วา่ ของลูกศิษยน์ าฏศิลปทัวประเทศ เกิดทีกรุงเทพฯ เมือวนั ที ๑๑ พฤศจิกายน “คุณแม่ลมุล” เปนธดิ าของรอ้ ยโท นายแพทยจ์ ีน อญั ธญั ภาติ กับ นางคํามอย อญั ธญั ภาติ (เชอื อนิ ต๊ะ) เกิดเมือวนั ที ประวตั ิ : ครูอาคม สายาคม เดิมชอื บุญสม เกิดเมือวนั ที 26 ตุลาคม พ ศ 2406 ณ ๒๔๔๗ (ท่านอายุมากกวา่ คุณครูลมุล ๑ ป) เปบุตรขี องนายเงนิ และนางเน้ย 2 มิถุนายน พ ศ 2448 ณ จังหวดั นา่ น ในขณะทีบิดาขึนไป ราชการสงครามปราบกบฏเงยี ว (กบฏ จ ศ 1264 ปขาล บา้ นสีแยกหลานหลวง จังหวดั พระนคร เปนบุตร ของนายเจือ ศรยี าภัย และ นางผาดศรยี าภัย สกุลเดิม อศิ รางกูร ณ อยุธยา แต้สุข ชอื เดิมท่านชอื กิมฮวย พ ศ 2445) (นามสกุลสายาคมเปนนามสกุลทีได้รบั พระราชทานจากรชั กาลที 6) สุหรี นางมณฑา เปนต้น การศึกษา : เรมิ ต้นเรยี นวชิ าสามัญทีโรงเรยี นสตรวี ทิ ยา เมืออายุได้ 5 ขวบ เรยี นได้เพียงปเดียว ครูอาคมได้รบั การฝกหดั โขนพรอ้ มกับเรยี นหนังสือจนจบชนั มัธยมปที 3 จากนัน ประวตั ิ : คุณครูเฉลย ศุขะวณิช เกิดเมือวนั ที ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช บิดานาํ ไปกราบถวายตัวเปนละคร ณ วงั สวนกุหลาย ในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟาอษั ฎางค์ เดชาวุธ เขา้ รบั ตําแหน่ง “พระ” แผนกโขนหลวง กรมพิณ พาทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวงั ๒๔๔๗ เปนผู้เชยี วชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลปไทย แหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ซึงมีความรูค้ วาม กรมหลวงนครราชสีมา ซึงอยูใ่ นความปกครองของคุณท้าวนารวี รคณารกั ษ์ (แจ่ม ไกรฤกษ์) ต่อมา พ ศ 2478 โอนมาประจําโรงเรยี นศิลปากร แผนกดุรยิ างค์ สามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภท ดํารงตําแหน่งนักวชิ าการละครและดนตรี 7 กองการสังคีต กรมศิลปากร ผลงานด้านการแสดง : ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง เพราะมีฝมือเปนเยยี ม บทบาททีท่าน เคยแสดง เชน่ ทางราชการได้มอบหมายใหเ้ ปนผูว้ างรากฐานจัดสรา้ งหลักสูตร พระสังข์ เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา พระวษิ ณุกรรม พระอภัยมณี ศรสี ุวรรณ สุดสาคร อุศเรน อเิ หนา สียะตรา เมือเกษียณอายุ กรมศิลปากรได้เชญิ ใหเ้ ปนผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลป การเรยี นการสอนวชิ านาฏศิลปตังแต่ระดับต้นจนถึงขันปรญิ ญา วหิ ยาสะกํา อุณรุท พระราม พระลอ พระมงกุฎ อนิ ทรชติ พระนารายณ์ พระคเณศ สมิงพระราม พระไวย พลายบัว สอนนักศึกษาปรญิ ญาตรี เปนผู้มีความเมตตาเออื อารี อุทิศตนเพอื พระพันวษา เปนต้น ผลงานด้านการแสดง : ครูอาคม สายาคม แสดงเปนตัวเอก เชน่ พระราม อเิ หนา ประโยชน์แก่การศึกษาและงานศิลปอยา่ งต่อเนือง ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ : ทีประดิษฐ์ใหก้ รมศิลปากรในฐานะผู้เชยี วชาญ เชน่ ราํ แม่บทใหญ่ ราํ ซัดชาตรี พระรว่ ง พระอภัยมณี ขุนแผน พระไวย ไกรทอง ฮเนา (เรอื งเงาะปา) พระลอ อุณรุท ได้รบั ปรญิ ญาครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ สาขา นาฏศิลป ราํ วงมาตรฐาน ราํ เถิดเทิง ราํ กิงไม้เงนิ ทอง ระบํากลอง ระบําฉิง ระบํานกยูง ระบํากฤดาภินิ หาร ระบําชุมนมุ เผ่าไทย สหวทิ ยาลัยรตั นโกสินทร์ วทิ ยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา นางเฉลย ระบําอธษิ ฐาน ระบําในนามีปลา ระบําระฆัง ระบํานกสามหมู่ ระบําเชญิ พระขวญั ฟอนเงยี ว ฟอนเล็บ ฟอนเทียน พระสังข์ เปนต้น ศุขะวณิช สมควรได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ : ได้แก่ เพลงหนา้ พาทยต์ ระนาฏราช สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป) ประจําปพุทธศักราช ๒๕๓๐ ฟอนม่านมุ้ยเชยี งตา ฟอนแพน ฟอนแคน เซิงสราญ เซิงสัมพันธ์ เปนต้น เพลงหนา้ พาทยโ์ ปรยขา้ วตอก เพลงเชดิ จีน ลีลาประกอบท่า เชอื ม ตําราท่าราํ นอกจากนี ท่านยงั เปนผู้รา่ งหลักสูตรใหแ้ ก่วทิ ยาลัยนาฏศิลป ซึงนับวา่ ท่านเปนครูนาฏศิลป ผลงานด้านวชิ าการ : เขียนคําอธบิ ายนาฏยศัพท์ บทความ เพลงพืนเมือง ผลงานด้านการแสดง : คนแรกในการวางหลักสูตรการเรยี นการสอนนาฏศิลปไทย ทําใหก้ ารเรยี นนาฏศิลปมีระบบ มีขนั ตอนใน การฝกหดั ท่านมีฝมือและความสามารถในการแสดงเปนตัวนางเอก เชน่ นางสีดา เพลงหนา้ พาทย์ ความสําคัญของหวั โขน ระบํา ราํ เต้น นางสุวรรณมาลี นางเบญกาย นางมณโฑ มะเดหวี ประไหมสุหรี นางมณฑา นับเปนมรดกทางวฒั นธรรมอนั ลาค่าทีท่านฝากไวแ้ ก่แผน่ ดิน การเลือกเด็กเขา้ ฝกหดั ละครสมัยรชั กาลที 7 เปนต้น เปนต้น นางสาวจุทาทิพ กิมเหล็ง ม 4/2 เลขที18 27/11/64 ผลงานด้านวทิ ยุกระจายเสียง : ตังคณะสายเมธี ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ : เชน่ ราํ แม่บทสลับคํา ราํ พัดรตั นโกสินทร์ อาทิมา แสดงนิยายและบรรเลงในแบบดนตรสี ากลและดนตรไี ทย ตังคณะสายาคมแสดง ชุดศุภลักษณ์อุม้ สม ฉุยฉายวนั ทองแปลง ฉุยฉายศูรปนขา พรหมพงษ์ //(2564).//บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปไทย //สืบค้นเมือ27พฤศจิกายน2564,/จาก เพลงพืนเมือง เปนต้น ฉุยฉายยอพระกลิน ราํ กรชิ ดรสา ราํ ฝรงั คู่ ระบําศรชี ยั สิงห์ ระบํา ผลงานด้านภาพยนตร์ : ๑ แสดงภาพยนต์ เรอื งอมตาเทวี ของบรษิ ัทละโวภ้ าพยนต์ กาญจนาภิเษก ระบําเทพอปั สรพนมรุง้ ระบําขอม ระบํากินนร แสดงเปนพระเอก ระบํามิตรไมตรซี ีเกมส์ ฟอนลาวสมเด็จ เซิงสราญ เปนต้น ๒ แสดงภาพยนต์ เรอื งไซอวิ ของคณะปญญาพล แสดงเปนพระถังซําจัง ธนั วาชาติ ชูคง 27/11/64 ๓ แสดงภาพยนต์ เรอื งรามเกียรติ ชุดลงสรง เปนตัวพระราม https://sites.google.com/site/bukhkhlsakhaynats และเปนผูก้ ํากับการแสดง ilpm4/bukhkhl-sakhay-khxng-natsilp-thiy/khru- chely-sukha-wnich ๔ กํากับเวทีและควบคุมการแสดง พรอ้ มทังเปนผูบ้ รรยาย ผูเ้ ขยี นบทโทรทัศน์ในรายการนาฏศิลปของกรมศิลปากรจัดแสดงเปนครงั แรกทางไทยที วชี อ่ งบาง ขุนพรหม ออกอากาศ เมือวนั ที ๒ ตุลาคม ๒๔๙๘ และได้รบั ความสําเรจ็ มาจนถึง ปจจุบนั น ๕ จัดรายการโฆษณาจําหนา่ ยแผ่นเสียง เขยี นคําบรรยาย และเปนผู้บรรยายของกรมศิลปากรทางไทยทีวี ชอ่ ง ๔ และชอ่ ง ๗ ๖ บรรยายการภ่ายทอดโทรทัศน์ทีโรงละครของกรมศิลปากร ในการแสดงโขนและละครของกรมศิลปากร ตําแหน่งหนา้ ทีสุดท้ายในกรมศิลปากร ครูอาคมดํารงตําแหน่งผู้เชยี วชาญ (โขน) ประจํากองการสังคีต มีหนา้ ทีใหค้ ําปรกึ ษาตลอกจนแนะนาํ เกียวกับท่าราํ ทังโขนและละครแก่ของกองการสังคี ต และมีหนา้ ทีโดยตรงจะต้องเปนผูท้ ําพิธไี หวค้ รูและครอบนักศึกษาวทิ ยาลัยนาฏศิลปสาข าภูมิภาคพรอ้ มทังทําพิธใี หแ้ ก่บรรดาศิลปนทัวๆไป ผลงานด้านกํากับเวที : กํากับการแสดงและการสอนโขนและละครเรอื งต่างๆ พ ศ 2505 >>> ได้รบั มอบใหเ้ ปนผู้ประกอบพิธไี หวค้ รู พ ศ 2506 >>> ได้รบั ถ่ายทอดท่าราํ องค์พระพิราพจากครูรงภักดี พ ศ 2507 >>>ทําพิธคี รอบโขนละครในพิธไี หวค้ รูประจําป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที 9 โปรดเกล้าฯ ใหส้ มเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ พ ศ 2508 >>> เปนต้นมา ได้รบั เชญิ เปนประธานไหวค้ รูของสถาบนั การศึกษาต่างๆ ทังของราชการและเอกชน รวมทังท่านได้พยายามถ่ายทอดวชิ า ความรูแ้ ละประสบการณ์ต่างๆ ของท่านใหแ้ ก่เยาวชนรุน่ หลังได้รบั สืบทอดต่อไป ซึงนับวา่ ครูอาคมได้ปฏิบัติภารกิจด้านนาฏศิลปไทยอยา่ งครบถ้วน นาย อนวุ ฒั น์ เขยี วอุน่ ม 4/2 เลขที14 27/11/2564 ศิลปนทรงคุณค่า ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) การกําเนิดนาฏศิลปไทย เปนศิลปนอาวโุ สด้านนาฏศิลปทีมีผลงานดีเด่นเปนทียอมรบั ในวงการนาฏศิลปไทยโดยทัวไป เคยรบั ราชการเปนมหาดเล็กในพระบาทสเด็จ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยูห่ วั .ปภาวรนิ ทร์ ทะลิทองเลขที 35 ทีมาประวตั ิความเปนมานาฎศิลปไทย สืบค้นเมือวนั ที 27/11/2564 จาก เรมิ ชวิ ติ ศิลปนในกรมโขนหลวง โดยฝกหดั เปนตัวยกั ษ์ ได้รบั การถ่ายถอดท่าราํ จากบรรดาครู ทีสืบเนืองจากรชั 1.เกิดจากการเลียนแบบธรรมชาติ 2.เกิดจากการมนษุ ยค์ ิดประดิษฐ์เครอื งบันเทิงใจ ดยเฉพาะการเคลือนไหวอริ ยิ าบถตามธรรมชาติของมนษุ ย์ เมือหยุดพักจากภารกิจประจําวนั สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนศิลปนผูเ้ ดียวทีได้รบั การถ่ายทอดท่าราํ หนา้ พาทยส์ ูงสุด ความสามารถในการรา่ ยราํ นี หรอื การแสดงความรูส้ ึก อารมณ์ต่างๆ เปนการผ่อนคลายความเหน็ดเหนือยโดยเรมิ จากการเล่าเรอื งต่า ทําใหไ้ ด้รบั บทเปนตัวแสลงเอก จนได้รบั พระราชทินนามวา่ \"นายรงภักดี\" ตลอดเวลาอนั ของมนษุ ยท์ ีแสดงออกมาในกิรยิ าอาการต่างๆ งๆ สู่กันฟง เชน่ นิทาน นิยาย ยาวนานนี ท่านอุทิศเวลาใหก้ ับการสอนท่าราํ ใหค้ ําแนะนาํ ปรกึ ษาแก่ศิลปนกรมศิลปากร มนษุ ยไ์ ด้ใชล้ ักษณะท่าทางต่างๆ ต่อมาได้มีววิ ฒั นาการโดยนําเอาดนตรมี าประกอบการเล่าเรอื งเห และนาฏศิลปรุน่ หลังด้วยความเสียสละและเต็มใจ นีในการสือความหมายและนํามาดัดแปลงใหน้ ่มุ นวลน่าดูชดั เ ล่านันเรยี กวา่ การขับเสภา ภายหลังมีการประดิษฐ์ท่าทางต่างๆ ในเกียรติประวตั ิคุณความดีนีสมควรได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติใหเ้ ปนศิลปนแหง่ ชาติ และมีการพัฒนารูปแบบไปเปนการรา่ ยราํ จนถึงขันการแสดงเปน จนไปกวา่ ธรรมชาติ จนเกิดเปนศิลปะ การฟอนราํ ขึน สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลปไทย) ประจําป ๒๕๒๙ เรอื งราว การทํางาน : นักแสดงโขน (กรมมหรสพ) ตํารวจหลวง ดจากการละเล่นเลียนแบบของมนษุ ย์ รางวลั : ศิลปนแหง่ ชาติสาขาศิลปะการแสดง(นาฏศิลป) มักหาความสนกุ สนานเพลิดเพลินจากการเลียนแบบแม้ 4. เกิดจากการเซ่นบวงสรวงบูชาเทพเจ้า ด้วยเหตุนีหนา้ พาทยอ์ งค์พระพิราพจึงไม่สูญไปจากนาฏศิลปไทย องราวของตนเอง เชน่ เลียนแบบท่าทางของพ่อ แม่ ครู ในสมัยก่อนมนษุ ยม์ ีความเชอื ในเรอื งเทพเจ้าพระผู้เปนเจ้า นับวา่ ครูรงภักดีได้เปนผู้สืบทอดเพลงหนา้ พาทยส์ ูงสุดของวชิ านาฏศิลปไวเ้ ปนมรดกของแผ่น ใหญ่ หรอื เลียนแบบธรรมชาติสิงแวดล้อมต่างๆ เชน่ สิงศักดิสิทธิ และจะเคารพบูชาในสิงทีตนนับถือ ารเล่นงูกินหาง การเล่นขายของ การเล่นมอญซ่อนผ้า เมือมนษุ ยเ์ กิดความหวนั กลัว ดิน เพือเยาวชนไทยรุน่ หลังจะได้ศึกษาเรยี นรูต้ ่อไป วามสนกุ ของการเล่นเลียนแบบอยูท่ ีการได้เล่นเปนคนอื จะมีการเคารพสักการบูชาสิงศักดิสิทธิ เรมิ จากการอธษิ ฐานบวงสรวงบูชาด้วยอาหาร ต่อมา ทีมา: พิมพ์พิชชา มีเสน เลขที 36 สืบค้นวนั ที 27/11/2564 งถือเปนการเรยี นรูใ้ นเรอื งของการแสดงขันต้นของมนษุ มีการบวงสรวงบูชาด้วยการรา่ ยราํ ทีนําไปสู่การสรา้ งสรรค์การแสดงนาฏศิลป มีการเล่นเครอื งดนตรดี ีดสีตีเปาและมีการรอ้ งประกอบ นายประเมษฐ์ บุณยะชยั ท่านผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี เพือใหเ้ ทพเจ้าพอใจมีความกรุณาผ่อนผันหนักเปนเบาหรอื ปร สรรค์โดยประดิษ ะทานใหป้ ระสบความสําเรจ็ ในสิงทีปรารถนา สําเรจ็ การศึกษานาฏศิลปชนั สูงจากโรงเรยี นนาฏศิลป กรมศิลปากร ในป พ ศ 2514 เปนผู้เชยี วชาญด้านนาฏศิลปไทย ทังยงั เปนผู้คิดค้นท่าราํ ใหม่โดยยดึ ระเบียบแบบแผนตามประเพณีโบราณ รู้ ความบันเทิง แล้ว ได้รบั ราชการเปนครูผู้สอนนาฏศิลป ตังแต่ป พ ศ 2514 จนเกษียณอายุราชการ และมีความสามารถในการประพันธบ์ ทโขนละคร เคยเปนหม่อมในสมเด็จพระเชษฐาธริ าช รรมความรุง่ เรอื เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา นายประเมษฐ์ บุณยะชยั ได้รบั การถ่ายทอดกระบวนท่าราํ โขน ๒๕๔๘ : ๒) ละครจากปรมาจารยห์ ลายท่าน เชน่ ครูอรา่ ม อนิ ทรนัฏ ครูทองเรมิ มงคลนัฏ ครูลมุล ถือเปนหญงิ สามัญชนทีไม่ใชล่ ูกหลานขุนนางคนแรกทีได้เปนสะใภ้หลวงหลังสามีทิวงคตจึงสมรสใหม่กับหม่อ มสนิทวงศ์เสนี (หม่อมราชวงศ์ตัน สนิทวงศ์) ทันสมัย(๒๕๔๓ : ยมะคุปต์ เปนต้น การแสดงละคร ระหวา่ งรบั ราชการในวทิ ยาลัยนาฏศิลปได้รบั คัดเลือกใหเ้ ปนผู้แสดงในบทบาทต่างๆ ท่านผู้หญงิ แผ้วถูกประกาศเปนศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป) เมือ พ ศ 2528 นสมัย (๒๕๔๓ : รว่ มกับศิลปนชนั ครูหลายเรอื ง ทังการแสดงโขน ละครใน ละครนอก ละครพันทาง และได้รบั รางวลั บุคคลดีเด่นของชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป ประจําป พ ศ 2529 ะคร การฟอนราํ นราํ ละครรอ้ ง ละครพูด และละครองิ ประวตั ิศาสตร์ เปนต้น ผลงาน ผลงานเกียวกับการแสดงศิลปะนาฏกรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ นอกจากนี ยงั เปนผู้จัดทําบทโขน ละคร ฝกซ้อม กํากับการแสดง ใหก้ ับวทิ ยาลัยนาฏศิลป การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ละครพันทาง และระบําฟอนต่างๆ เปนผู้คัดเลือกการแสดง สถาบันบัณฑิตพฒั นศิลป และสถาบันต่างๆ เปนผูร้ อื ฟนการแสดงต่างๆ จัดทําบทและเปนผู้ฝกสอน ฝกซ้อม ในด้านบทวรรณกรรมสําหรบั ใชแ้ สดง ได้ค้นคิดปรบั ปรุง ทังยงั เปนผูถ้ ่ายทอดความรูใ้ นเรอื งการวางองค์ประกอบทีถูกต้องของการแสดงโขน ละคร เสรมิ แต่งใหเ้ หมาะสมกับยุคสมัย ดําเนินไปโดยถูกต้องตามระเบยี บแบบแผนอนั มีมาแต่ดังเดิม เชน่ บทละครเรอื งอเิ หนา ตอนเข้าเฝาท้าวดาหา นอกจากนี ยงั ได้คิดประดิษฐ์กระบวนท่าราํ ขึนใหม่ไวอ้ กี มาก เชน่ กลวธิ กี ารแต่งหนา้ การแต่งกาย การเขียนบท รวมถึงการ เชดิ หุน่ อกี ด้วย บทโขนเด่นทีสรา้ งขนึ ใหม่ กระบวนท่ารา่ ยราํ ในการแสดงโขนเรอื งรามเกียรติ นอกจากนันยงั มีผลงานด้านวชิ าการ อาทิ หนังสือ บทความ บทสารคดี ปภาวรนิ ทร์ เลขที 35 แผ้ว เสนีสนิทวงศ์ สืบค้นเมือวนั ที 27/11/2564 สืบค้นจาก เอกสารประกอบการสอนเกียวกับนาฏศิลปครงั สําคัญต่างๆ ตีพิมพ์ในวารสารศิลปากร หนังสือทีระลึกในวาระสําคัญ เชน่ งานพระศพพระบรมวงศานวุ งศ์ หนังสือละครวงั สวนกุหลาบ หนังสือเครอื งแต่งกายโขนละครในกรุงรตั นโกสินทร์ บทสารคดี ชุด โขน นาฏกรรม ลาค่าของไทย ใหก้ ับหนว่ ยงาน และสถานศึกษาต่างๆ ทัวประเทศ สุชานันท์ สุวรรณรตั น์ 27 /11/64 ป สิปุป วา่ ถึง ามน่าพึงชม กฤษวา่ “Arts”(
คำถำม หวั ขอ้ กำรกำเนิดนำฏศลิ ป์ ตงั้ โดย น.ส.ปภำวรนิ ทร์ ทะลทิ อง ม.4/2 เลขท่ี 35 1.กำรเกดิ นำฏศลิ ป์ ไทยมสี ำเหตมุ ำจำกสง่ิ ใด ? ก.เกดิ จำกกำรเลยี นเเบบธรรมชำติ ค.เกดิ จำกกำรละเลน่ เลยี นเเบบของมนุษย์ ข.เกดิ จำกกำรบวงสรวงบูชำเทพเจำ้ สงิ่ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ ง.ถูกทกุ ขอ้ ทก่ี ลำ่ วมำ เฉลย ง.ถูกทกุ ขอ้ ท่กี ล่ำวมำ หวั ขอ้ ควำมสำคญั ของนำฏศลิ ป์ ไทย ตงั้ โดย น.ส.จทุ ำทพิ กมิ เหลง็ ม.4/2 เลขท่ี 18 2.ควำมสำคญั ของนำฏศลิ ป์ไทยคอื อะไร ก.แสดงถงึ ควำมเป็นเอกลกั ษณป์ ระจำชำตแิ ละอำรยประเทศ ค.ทำใหผ้ แู้ สดงฝึกซอ้ มจนเกดิ ปัญหำสขุ ภำพ ข.ทำใหผ้ แู้ สดงมบี ุคลกิ ภำพไม่ดี ง.ทำให้ไมช่ อบนำฏศลิ ป์ สำกล เฉลย ก.แสดงถงึ ควำมเป็นเอกลกั ษณ์ประจำชำตแิ ละอำรยประเทศ หวั ขอ้ รปู แบบประเภทนำฏศลิ ป์ ไทย ตงั้ โดยน.ส.พมิ พพ์ ชิ ชำ มเี สน ม.4/2 เลขท่ี 36 3.โขนโรงนอกเรยี กอกี อยำ่ งหน่ึงว่ำอะไร ก.โขนฉำก ค.โขนกลำงแปลง ข.โขนนงั ่ รำว ง.โขนโรงใน เฉลย ข.โขนนงั ่ รำว หวั ขอ้ ท่มี ำของนำฏศลิ ป์ ตงั้ โดยนำยธนั วำชำติ ชูคง ม.4/2 เลขท่ี 6 4. นำฏศลิ ป์ ไทยมสี มมตฐิ ำนกำรเคลอ่ื นไหวมำจำกธรรมชำตดิ ้ำนใดมำกท่สี ดุ ก. สตั วป์ ่ำ ค.กริ ยิ ำและกำรแสดงออกของมนุษย์ ข. ตน้ ไมแ้ ละแมน่ ้ำ ง.ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ค.กริ ยิ ำและกำรแสดงออกของมนุษย์ 5.หัวั ขอ้ ประโยชนข์ องกำรเรยี นนำฏศลิ ป์ ตงั้ โดยน.ส.สชุ ำนนั ท์ สุวรรณรตั น์ ม.4/2 เลขท่ี 42 ขอ้ ใดถอื เป็นประโยชน์สูงสดุ จำกกำรเรยี นนำฏศลิ ป์ในอนำคต ก.สร้ำงเสรมิ บุคลกิ ภำพทด่ี แี ละมสี ขุ ภำพท่ดี ี ค.กอ่ ให้เกดิ ควำมจำและปฏฏิ ำนท่ดี แี ละเป็นคนรำ่ เรงิ แจ่มใส ข.สำมำรถนำไปประกอบอำชพี เล้ยี งตนเองได้ ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย ง. ถกู ทกุ ขอ้ หวั ขอ้ ควำมหมำยของนำฏศลิ ป์ ตงั้ โดย นำยอนุวฒั น์ เขยี วอนุ่ ม.4/2 เลขท่ี 14 6.นำฏหมำยถงึ อะไร ก.นำงละคร ค.นกั วำดรูป ข.แม่นำค ง.พญำนำค เฉลย ก.นำงละคร
หวั หน้ากลุ่ม นายพศิน ศรวี ไิ ล(เนียบ) เลขที 7 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0973602798 Facebook : พศิน ศรวี ไิ ล Line : 0973602798 รองหวั หน้า Group Work นายถาวร เจียรวภิ า ( วร ) เลขที11 กลุ่ม : ทศกัณฐ์ Email : [email protected] . เบอรโ์ ทรศัพท์ 0622411681 Facebook : Taworn Jainwipa Line : 0929860383worn สมาชกิ ในกลุ่ม นายกฤตบุญ บุญแอ (ต้น) เลขที 4 Email : [email protected] เบอรม์ ือถือ : 0864654131 Facebook : Kittabun Bunae : Line : 0637479649
เลขานกุ าร นายศุภวงศ์ คงเเก้ว ( เเซม ) เลขที08 E-mail : [email protected] เบอรม์ ือถือ : 0822613966 นายศุภวงศ์ คงเเก้ว . เลขที08 ม 4/2 Facebook : Suphawong Panda Line : sammy_130149 สมาชกิ ในกลุ่ม นายรชั พล ภูบาลกระแส (พูห)์ เลขที13 Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0936815545 facebook : รชั พล ภูบาลกระแส line : 0936815545
สืบค้นเมือ25/11/2564 อา้ งองิ : ระบําเทวศี รสี ัชนาลัย สืบค้นเมือ25/11/2564อา้ งองิ : เปนระบําทีประดิษฐ์ขนึ มาใหม่ ระบําเทววารศี รเี มืองบางขลังถือกําเนิดขึนภายใต้ข้อมูลทา โดยนําหลักฐานทังทางด้านท่าราํ ละครราํ แก้บนแต่ละชุดใชเ้ วลาราํ ประม งประวตั ิศาสตร์ เครอื งแต่งกาย มาจากรูปปน นาที มีนางราํ ๔-๖ คน แต่งเปนพระแล ลักษณะท่าราํ ได้จินตนาการมาจากเหล่าเทวดานางฟาทัง รูปแกะสลักเทวดา นางฟา เนือเรอื งมักตัดตอนมาจากวรรณค ๗ วนั และลวดลายต่างๆ แก้วหน้าม้า รามเกียรติ สังขท์ อง เป การราํ แก้บนเปนวถิ ีชวี ติ แบบไทยทีสะท้อ ทีองิ แอบกับความสําคัญของลํานาฝากระดาน(แม่นาแม่ม ทีปรากฏอยูบ่ นโบราณสถาน โบราณวตั ถุ อกในปจจุบัน) ที ขุดค้นพบ ณ อ และเอกลักษณ์เฉพาะของจังห ละครแก้บนเปนกิจกรรมทีชว่ ยปลดเปล เสมือนเส้นเลือดใหญ่ทีหล่อเลียงผูค้ นในชุมชน อุทยานประวตั ิศาสตรส์ ุโขทัย ทีมาคอยปกปกรกั ษาโบราณสถานเอาไวจ้ นกวา่ จะมีผู้มีบุ กพันทีติดค้างทางใจ ระบําเทวศี รสี ัชนาลัย เปนสือกลางในเรอื งการชว่ ยเหลือและก ญมาพบ ถ่ายทอดความรูส้ ึกสู่จินตนาการจากภูมิสถานและประวตั ิ นระหวา่ งผูบ้ นกับองค์หลวงพอ่ พุทธ และเปนสือ สะท้อนใหเ้ หน็ ถึงความเชอื ความเปนมาของโบราณคดี คือเรอื งบุญคุณ ความกตัญ ู เปน ระบําเทววารศี รเี มืองบางขลัง ละครแก้บน อา้ งองิ ในสมัยนีไม่มีหลักฐานเกียวกับการละครมากนัก ละครทีเกิดขึนในสมั แต่จะเปนการแสดงทีเน้นหนักไปทางศิลปะแหง่ ยอยุธยา ระบําประเภทนีมีถินกําเนิดในมณฑลยูนานเ การละเล่นพืนเมืองประเภทรและระบํามากกวา่ แ ปนจังหวดั ในประเทศจีนระบํานกยูงนีเปนทีโ สืบค้นเมือวนั ที 24 พ ย 2564 ละได้มีการกําหนดแบบแผนของโขนละครและฟ พบหลักฐาน ด่งดังอยา่ งมากในแถบเอเชยี มันมีความหม อนราํ ขึนการแสดงละครทีสันนิษฐานวา่ มีในสมัย การละครและฟอนราํ ปรากฏอยูใ่ นศิลาจาลึกของพ่อขุนรามคําแหง ายสือถึงสวรรค์ความสงบความสงา่ งามและ การเเสดงสมัยน่านเจ้า ความโชคดีในรูปแบบการเคลือนไหวจะเปน นีคือเรอื งมโนราหแ์ ละเกิดละครแก้บน กล่าววา่ การเรยี นแบบนกยูงซึงจะเรมิ ตังแต่การตืน เมือจักเข้ามาเรยี งกันแต่อรญั ญิกพู้นเท้าหวั ลานด้วยเสียงพาทย์ การออกอาหารการอาบนาในแม่นาในตอนท้ ระบําหมวก เสียงพณิ เสียงเลือน เสียงขับ ใครจักมักเหล้น เหล้นใครจักมักหวั มีลักษณะท่าราํ ออ่ นชอยสวยงามจะใชห้ มวกรูปทรงก ายทีสุดก็จะบินออกไป หวั ใครจักมักเลือน รวยทีเรยี กวา่ “นอนล้า” เลือนจึงทําใหร้ บั วฒั นธรรมของอนิ เดียผสมผสานกับวฒั นธรรมไทย และชุดแต่งกายทีเรยี กวา่ “อาวหยาย” เปนสิงของและการแต่งกายทีใชใ้ นชวี ติ ประจําวนั มีการบัญญัติศัพท์ขนึ ใหม่เพอื ใชเ้ รยี กศิลปะการแสดงของไทย วา่ โขน ละคร ฟอนราํ สมัยสุโขทัย พวกไต คือ ประเทศไทยเรา ระบํานกยุง ระบําหมวก แต่เปนพวกทีไม่อพยพลงมาจากดินแดนเดิ จากการค้นควา้ หาหลักฐานทางประวตั ิศาสตรพ์ บวา่ สมัยน่านเจ้า ววิ ฒั นาการของนาฏศิลป สม ม สมัยอาณาจักรน่านเจ้า ไทยมีนิยายเรอื งหนึงคือ และการละครไทย ชวี ติ และความเปนอยูข่ องพวกไตเปนแบบช “มโนหร์ า” ซึงปจจุบันนีก็ยงั มีอยู่ ยุคแรก าวเหนือของไทยประกอบอาชพี ทําสวนผลไม้ หนังสือทีเขยี นบรรยายถึงเรอื งของชาวจีนตอนใต้ พวกไทยนีสืบเชอื สายมาจากสมัยน่านเจ้า และเขยี นถึงนิยายการเล่นต่างๆ ของจีนตอนใต้ เหตุแวดล้อมดังกล่าวจึงชวนใหเ้ ข้าใจวา่ เปน มีอยูเ่ รอื งหนึงทีชอื เหมือนกับนิยายของไทย คือเรอื ง ชาติทีมีศิลปะมาแล้วแต่ดังเดิม “นามาโนหร์ า” ซึงได้รกั ษาขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมไวอ้ ยา่ งเดียวกับไทยภาคเหนือ และอธบิ ายไวด้ ้วยวา่ เปนนิยายของพวกไต การละเล่นของไทยในสมัยน่านเจ้า ซึงจีนถือวา่ เปนชนกลุ่มน้อยอยูท่ างใต้ของประเทศจีน นอกจากเรอื งมโนหร์ า ไตเปนน่านเจ้าสมัยเดิม คําวา่ “นามาโนหร์ า” ยงั มีการแสดงระบําต่างๆ เชน่ ระบําหมวก เพียนมาจากคําวา่ “นางมโนหร์ า” ของไทยนันเอง ระบํานกยูง ซึงปจจุบันจีนถือวา่ เปนการละเล่นของชนก ลุ่มน้อยในประเทศของเขา ตํารวจมหาดเล็ก สมัยกรุงศรอี ยุธยา มีการแสดงละค ละครใน แต่เดิม เปนคนแสดงโขนกลางส บุคคลสําคัญสมัยกรุงศรอี ยุ จะแสดงตามพืนทีว นาม ธยา คร เรยี กว ต่อมาได้มีการววิ ฒั เรยี กวา่ ละค โดยปรบั ใหม้ ีการแต่งการทีป มีดนตรแ และมีการส พระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ ละครทีเกิดขึนในยุคกรุงศรอี ยุธยา พระองค์ทําใหม้ ีการฟนฟูงานทางด้านศิ ละครใน ละครนอก ลปวทิ ยาการต่าง ๆ เปนละครทีแสดงในวงั ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา โดยเฉพาะการทนบุ าํ รุงพุทธศาสนาและ ได้นําวธิ กี ารเล่นเดินเรอื งอยา่ งละครนอก เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี ศิลปวฒั นธรรมมีการบูรณะปฏิสังขรณ์วั มาใหเ้ หล่าระบําในพระราชฐานแสดง แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง และรอ้ งแ ดวาอารามเปนจํานวนมาก โดยนําบททีเคยแสดงโขนคือเรอื งรามเกียรตื แล้วต่อมาภายหลังจับเปนเรอื งเปนตอนข และอุณรุท มาแสดงโดยนางในราชสํานัก เปนละครทีดัดแปลงววิ ฒั นาการมาจากละคร \"โนห จึงเรยี กวา่ ละครนางใน หรอื ละครขา้ งใน ต่อมาเรยี กสันๆ \"ชาตร\"ี โดยปรบั ปรุงวธิ แี สดงต่างๆ ตลอดจนเพ วา่ ละครใน เรอื งทีแสดง แสดงเฉพาะ ๓ เรอื ง คือ และดนตรปี ระกอบใหแ้ ปลกออกไปแสดงได้ทุกเรอื งยก รามเกียรติ อุณรุท และอเิ หนา คือ อเิ หนา อุณรุฑ และรามเกียรติ เรอื ง รามเกียรติ เรอื ง อุณรุท เรอื ง สังขท์ อง เรอื ง อเิ หนา เรอื ง ไกรทอง อา้ งองิ
มาณ ๕-๑๐ 5. ตอนปล่อนม้าอุปการ 4. ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบลิ พทั อา้ งองิ สมัยธนบุรี สืบค้นเมือ 22 พฤจิกายนต์ 2564 ละนางคู่กัน 2. ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ สืบค้นเมือ 22 พฤจิกายนต์ 2564 คดี เชน่ 3. ตอนทศกันฐ์ตังพธิ ที รายกรด สืบค้นเมือ 22 พฤจิกายนต์ 2564 ปนต้น อนความเชื 1. ตอนอนมุ านเกียวนางวานรนิ พระเจ้าตากสินมหาราช หวดั เจ้าพระยาจักรี ลืองความผู รามเกียรติ เเต่งเพอื ใชเ้ ล่นละครหลวง ซึงในพ ศ 2313 การตอบแท ชว่ ง พ ศ 2310–2325 นีพระองค์ทรงยกกองทัพไปปราบเจ้านครศรธี รรมราชจึงโปรดใ ในสมัยนีเปนชว่ งต่อเนืองจากสงครามในสมัยอยุธยา ธโสธร ทําใหศ้ ิลปนกระจายไปในทีต่าง ๆ หห้ ดั ละครหลวงขนึ อแบบไทยๆ เมือพระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกกรุงธนบุรี และทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติเพอื ใชเ้ ล่นละค นต้น จึงมีการฟนฟูละครใหม่และรวบรวมศิลปนต่าง ๆ รและใชใ้ นงานสมโภชต่างๆ มัยธนบุรี ใหม้ าอยูร่ วมกัน พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติขึนอกี 5 ครชาตรี ละครนอก ม ทีเล่นเปนละครเร่ ตอน มีดังนี วา่ งโดยไม่ต้องมีโรงละ วา่ ละครชาตรี การมหรสพ : ในสมัยกรุงธนบุรี ฒนาการ เปนละครราํ การมหรสพแม้จะหยุดเล่นไปในระยะเสียกรุงศรอี ยุธยา ครใน ละครนอก บปรุงรูปแบบ แต่กฟ็ นตัวได้ในระยะเวลาอนั สัน ประณีตงดงามมากขึน มหรสพทีปรากฏในยุคนีกม็ ีลักษณะคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับทีมีในสมัย แี ละบทรอ้ ง สรา้ งโรงแสดง อยุธยาเปนราชธานี คือ มีทังหุน่ โขน ละคร และละครชาตรี ซึงปรากฏอยูใ่ นหลักฐานต่างๆ า แก้กัน ทังในหนังสือของทางราชการและในวรรณคดี ึน หร์ า\" หรอื บุุคคลสําคัญในสมัยธนบุรี พลงรอ้ ง กเวน้ ๓ เรอื ง ละครใน : สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ทรงรวบรวมตัวละครทีกระจัดกระจาย เรอื ง มโนราห์ หนีภัยสงครามบ้างและตัวละครผู้หญิงของเจ้านครศรธี รรมราช เข้ามาเปนครูหดั ละครผู้หญิงของหลวงขึนใหม่ จึงได้มีละคร ผู้หญิงแต่ของหลวงเพียงโรงเดียวตามแบบเดิม บทละครก็ใชข้ องเดิมซึงไม่ค่อยจะสมบูรณ์ ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง และรอ้ งแก้กัน แล้วต่อมาภายหลังจับเปนเรอื งเปนตอนขึน เปนละครทีดัดแปลงววิ ฒั นาการมาจากละคร \"โนหร์ า\" หรอื \"ชาตร\"ี โดยปรบั ปรุงวธิ แี สดงต่างๆ ตลอดจนเพลงรอ้ ง และดนตรปี ระกอบใหแ้ ปลกออกไป
ชน้ิ งานท่ี 4 สรปุ หนว่ ยที่ 1 นายศภุ วงศ์ คงแก้ว เลขที่08 ม.4/2 1. รามเกียรติ์ตอนใดไม่ได้ถกู พระราชนพิ นธข์ น้ึ ในชว่ งสมัยธนบุรี ( พ.ศ.2310-2325 ) ก. ตอนทา้ วมาลีวราชว่าความ ข. ตอนปลอ่ นมา้ อุปการ ค. ตอนศึกไมยราพ ง. ตอนอนมุ านเกย้ี วนางวาริน เฉลยตอบ ค. ตอนศึกไมยราพ
ละครชาตรเี กิดขนึ้ ในสมยั ใด? ก.สมยั กรุงศรอี ยธุ ยา ข.สมยั สโุ ขทยั ค.สมยั กรุงธนบรุ ี ง.สมยั นา่ นเจา้ เฉลย ก.สมยั กรุงศรอี ยธุ ยา
ละครนอกมมี าตงั้ เเต่สมยั ใด? ก.น่านเจา้ ข.สโุ ขทยั ค.กรุงศรอี ยธุ ยา ง.กรุงธนบรุ ี เฉลย ตอบขอ้ ค.กรุงศรอี ยธุ ยา
คาถามนาฏศิลป์ หนงั สือทีเขียนบรรยายถงึ เรื่องของชาวจีนตอนใต้ และเขียนถึงนิยายการเลน่ ต่างๆ ของจีนตอน ใต้ มีอยเู่ ร่ืองหน่ึงท่ีช่ือเหมือนกบั นิยายของไทย คือเรื่อง ก.มโนห์รา ข.นามาโนห์รา ค.สามก๊ก ง.การละเล่นพ้ืนบา้ น ตอบ ข.นามาโนห์รา
คาถามนาฏศิลป์ หนงั สือทีเขียนบรรยายถงึ เรื่องของชาวจีนตอนใต้ และเขียนถึงนิยายการเลน่ ต่างๆ ของจีนตอน ใต้ มีอยเู่ ร่ืองหน่ึงท่ีช่ือเหมือนกบั นิยายของไทย คือเรื่อง ก.มโนห์รา ข.นามาโนห์รา ค.สามก๊ก ง.การละเล่นพ้ืนบา้ น ตอบ ข.นามาโนห์รา
น ส ญาณภัทร ดังศรเี ทศ (ซี) เลขที 30 ศิลปสวสั ดิ Email:[email protected] กลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์:0937256460 ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและการละครไทย Facebook: Yanapat Dangsrthet รตั นโกสินทร์ ร 1-ร 9 (4/2) Line:yanapat1181 Kor นายพชั รพล ทองคง (พ)ี เลขที 3 Tel : 097 E-mail:[email protected] FB : Korranit Mean เบอรโ์ ทรศัพท์: 0889207860 ID : kkhaw25 Facebook:Patcharapon Thongkong Line:0627261505
หวั หน้ากลุ่ม นางสาวพัชรช์ ญาพร พูลสวสั ดิ (เพลงพิณ) เลขที 20 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 063-5040545 Facebook : Phatcha Line : hamtaro เลขากลุ่ม นายนิติวนนท์ ทิพวงศ์ (กัส) เลขที 12 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0613413489 Facebook : Gus Nitiwanon Line : Gus Nitiwanon รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวอณั ณ์จันทน์ ทองนวลจันทร์ (อยั ย)์ เลขที 22 [email protected] Tel : 0640407779 FB :Unnchxn Id: 0887845173 น ส กรณิศ เมียงหอม (ต้นขา้ ว) เลขที17 [email protected] 70314535 nghorm
นางสาวพัชรช์ ญาพร พูลสวสั ดิ 4/2 เลขที 20 (รชั กาลที4) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ สมัยนีได้เรมิ มีการติดต่อกับชาวต่างชา อา้ งองิ โดยเฉพาะชาวยุโรปบ้างแล้ว \"นาฏศิลปสมัยรตั โกสินทร์ รชั กาลที4\" [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ สืบค้น 21พฤศจิกายน 2564. จึงทรงโปรดเกล้าฯ ใหฟ้ นฟูละครหลวงขึนอกี ครงั หนึง \"การละครไทยสมัยรตั โกสินทร์ รชั กาลที4\" [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก : พรอ้ มทังออกประกาศสําคัญเปนผลใหก้ า สืบค้น รไทยขยายตัวอยา่ งกวา้ งขวาง 21พฤศจิกายน 2564. รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั \"บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปและการละครไทยสมัยรตั นโกสินทร์ รชั กาลที4\" โปรดใหม้ ีละครราํ ผู้หญิงในราชสํานักตามเดิมและใ [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : สืบค้น นเอกชนมีการแสดงละครผู้หญิงและผู้ชาย 21พฤศจิกายน 2564. ในสมัยนีมีบรมครูทางนาฏศิลป ได้ชาํ ระพิธโี ขนละคร \"ตํานานละคร รชั กาลที4\" [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : สืบค้น 21พฤศจิกายน 2564. ทูลเกล้าถวายตราไวเ้ ปนฉบับหลวง และมีการดัดแปลงการราํ เบิกโรงชุดประเรงิ มาเปน สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ \"ราํ ดอกไม้เงนิ ทอง รชั กาลที4\" [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : สืบค้น ราํ ดอกไม้เงนิ ทอง 21พฤศจิกายน 2564. โขนไทยร ละครของเจ้าจอมมารดาจันรชั กาลที ๔ ตัวอยา่ งละครทีหดั ขึนเมือรชั กาลที ๔ ละครของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงศ์ เจ้าจอมมารดาวาด แสดงเปนอเิ หนา ละครกรมหมืนมเหศวรศิววลิ าศ ท้าววรจันทรมีนามเดิมวา่ แมว เปนบุตรของสมบุญ รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ งามสมบตั ิ (มหาดเล็กในรชั กาลที 3) กับถ้วย อยูห่ วั รชั กาลที4 งามสมบัติ (ท้าวปฏิบตั ิบิณฑทาน)[1] เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง : ในสมัยนีสถาพบ้านเมืองมีความเจรญิ ก้าวหน้าเพราะได้รบั วฒั นธร บุคคลสําคัญ ผู้รเิ รมิ ละครพันทาง รมจากตะวนั ตก ญาติได้นําเข้าไปถวายตัวในวงั หลวงตังแต่วยั เด็ก ประวตั ิของท่าน เข้าไปเปนข้าหลวงในสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวฒั ทําใหศ้ ิลปะการแสดงละครได้มีววิ ฒั นาการขนึ นอกจากนียงั กําเนิด จ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง (เพ็ง ละครดึกดําบรรพ์ และละครพันทางอกี ด้วย นาวดี เพ็ญกุล) ในยามวา่ งก็ทรงใหฝ้ กหดั ละครและเปนศิษยข์ องเจ้ มีการส่งเสรมิ ใหเ้ อกชนตังคณะละครอยา่ งแพรห่ ลายแล้ว “...เปนคนแรกทีคิดตังโรงละคร ละครคณะใดทีมีชอื เสียงแสดงได้ดี าจอมมารดาแยม้ [2] เคยรบั บทเปนอเิ หนา เล่นละครเก็บเงนิ คนดู พระเอกเรอื ง อเิ หนา[3] พระองค์ทรงเสด็จมาทอดพระเนตร และโปรดเกล้าฯ ละครในสมัยนันก็คือ ละครนอก ใหแ้ สดงในพระราชฐานเพือเปนการต้อนรบั แขกบา้ นแขกเมือง เล่นได้ดีเยยี มจนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า วา่ กันวา่ เรอื งทีชอบเล่นคือ ดาหลัง อยูห่ วั ตรสั เรยี กวา่ \"แมวอเิ หนา\" หรอื อเิ หนาใหญ่ นายคุ้ แต่ต่อมาเล่นทังละครนอก ละครใน แสดงเปนพระราม ทวา่ ดัดแปลงท่าราํ ใหย้ กั เยอื งต่างไป นายบัว แสดงเปนทศกัณฐ์ จากแบบหลวง” บุคคสําคัญ พระราชชายา เจ้าดารารศั มี นาฏศิลปล้านนา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที 5) ววิ ฒั นาการของน เหตุการณ์สําคัญ ครไทย รตั นโก นายทองอยู่ สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั นั แสดงเปนพิเภก บเปนยุคทองของศิลปะด้านการแสดง มีการก่อตังแตรวงของทหารบก ทังแบบจารตี คือ โขน ละครนอก ละครใน ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ และละครแบบใหม่ซึงได้รบั อทิ ธพิ ลของประเทศ เจ้าฟาบรพิ ตั ร ตะวนั ตก ละครรอ้ ง มีการระบําคันฉากการแสดง การดําเนินการละครอติ าเลียน การแสดงใชเ้ รอื งราวของคนตะวนั ตก ใชท้ ่าทางอยา่ งชาวตะวนั ตก ใชต้ ํารอ้ งแบบไทย มีการอดั แผ่นเสียงเกิดขนึ 1) โขน ความสําคัญ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที6) 2) ละคร พลเอกเจ้าพระยารามราฆพ เเสดงเปน บุคคลสําคัญ พระราม การแสดงโขนเปนศิลปะขันสูงของไทยทีมีม ในสมัยรชั การที 6 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ าตังแต่อดีตทังส่วนของพระมหากษัตรยิ แ์ ล ซึงเหน็ ได้อยา่ งเด่นชดั คือศิลปะการแสดงละคร เจ้าฟาอษั ฏางค์เดชาวธุ คณะละครวงั โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงนําแ ะประชาชนทัวไป สวนกุหลาบ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทร บบอยา่ งมาเผยแพร่ ทังบทละคร วธี แี สดง งสนับสนนุ ศิลปะการแสดงโขนด้วยการพระ การวางตัวละครบนเวที การเปล่งเสียงพูด บทพระราช บทละครเรอื งนีจึงเปนต้นแบบของละครปลุกใจใหร้ กั ช าติ ราชนิพนธบ์ ท กรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ ทรงควบคุมการจัดแสดงและฝกซ้อมด้วยพ เเสดงละครพุดเเละละครพูดสลับลํา ระองค์เอง การละคร ทรงถนัดทังแบบละครเก่าและละครใหม่ นายนิติวนนท์ ทิพวงศ์ 4/2 เลขที12 ทรงแสดงละครทังละครพูดและละครรอ้ ง เชน่ อา้ งองิ โจร 40 ผวั กลัวเมีย และนิทราชาครติ \"ศิลปวฒั นธรรมในสมัยรชั กาลที6\" (ออนไลน์ ) เข้าได้จาก : การดนตรี โปรดการเล่นซอสามสายและระนาด ทรงจัดตังวงมโหรปี พาทยท์ ีมีชอื เสียงโดดเด่นใน สมัยรชั กาลที 5 สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั (ร 7) :โปรดใหม้ ีการจัดตังศิลปากรขึนแทนกรมมหรสพทีถูกยุ บไป ทําใหศ้ ิลปะโขน ละคร ระบํา ราํ ฟอน ยงั คงปรากฏอยู่ เพอื เปนแนวทางในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาสืบต่อไป บุคคลสําคัญ 1.เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี : ผู้วางรากฐานการก่อตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตร์ 2.ครูอาคม สยาคม แสดงเปนประธาน 3.ครูจําเรยี ง พุธประดับ แสดงเปนตัวนาง
บุคคลสําคัญ หม่อมเเยม้ เเสดงเปนอเิ หนา นายนิติวนนท์ ทิพวงศ์ 4/2 เลขที 12 ประวตั ิ อา้ งองิ พระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที3) เธอเปนศิษยค์ นหนึงของสมเด็จ \"นาฏศิลปไทย \" (ออนไลน์ ) เข้าได้จาก : พระสัมพนั ธวงศ์เธอ เจ้าฟาจุ้ย หวั าติ กรมหลวงพทิ ักษ์มนตรี หวั เจ้าจอมมารดาแยม้ จึงเปนนางล ะครผู้มีชอื ในรชั กาลพระบาทสม ารละค เด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทีโดดเด่นจากแสดงเปนอเิ หนา จึงรบั สมญาวา่ แยม้ อเิ หนา กรมหลวงรกั เรศ ทรงมีคณะละครผู้ชายจัดเเสดงเรอื งการเเสดง นายเกษ เเสดงเปนพระราม (ครูฝก) รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั โปรดใหย้ กเลิกละครหลวง ทําใหน้ าฏศิลปไทยเปนทีนิยมแพรห่ ลายในหมู่ประชาช น และเกิดการแสดงของเอกชนขึนหลายคณะ ละครถือเปนแบบแผนในการปฏิบัติสืบต่อมา ถึง ปจจุบันได้แก่ รชั กาลที 4 1.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณาคุณ 2.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวนั กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ 3.ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรกั ษ์รณเรศ จพระจอมเกล้าเจ้า รชั กาลที2 พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทกลอนมากมาย ทรงเปนยอดกวดี ้านการแต่งบทละครทังละครในและละค นาฏศิลปและการละ กสินทร์ ร 1-ร 9 รนอก มีหลายเรอื งทีมีอยูเ่ ดิมและทรงนํามาแต่งใหม่เพือใหใ้ ชใ้ น การแสดงได้ เชน่ รามเกียรติ และอเิ หนา โดยเรอื งอเิ หนานี เนือเรอื งเดิมมีความยาวมาก พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธใ์ หม่ตังแต่ต้นจนจบ เปนเรอื งยาวทีสุดของพระองค์ ด้านกวนี ิพนธ์ ในรชั สมัยของพระองค์ได้รบั การยกยอ่ ง วา่ เปนยุคทองของวรรณคดีในสมัยนัน ด้านกาพยก์ ลอนเจรญิ สูงสุด รชั กาลที1 บุคคลสําคัญ วนั ที 24 กุมภาพนั ธข์ องทุกป ยงั ได้กําหนดใหเ้ ปน พระบาทสมเด็จพระพุทธย “วนั ศิลปนแหง่ ชาติ” รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา อดฟาจุฬาโลกมหาราช จุฬาโลก โปรดรวบรวมตําราฟอนราํ ผู้ทรงเปนพระปฐมบรมศิลปนแหง่ กรุงรตั นโกสินท ร์ และเขียนภาพท่าราํ แม่บทบันทึกไวเ้ ปนห 1.ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี สาขาศิลปะการแสดง- ลักฐาน สุนทรภู่ (กวเี อกของโลก) ท่านเกิดเมือวนั ที26มิถุนายน พ ศ 2329 นาฏศิลป 2528 ในสมัยรชั กาลที1ท่านเสียชวี ติ ในป พ ศ 2398 ในสมัยรชั กาลที4 มีการพัฒนาโขนเปนรูปแบบละครใน ประวตั ิของ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี มีการปรบั ปรุงระบาํ สีบท ทําใหไ้ ด้รบั สมญานามวา่ \"กวสี ีแผ่นดิน\" ผลงานเกียวกับการแสดงศิลปะนาฏกรรม เชน่ บทนิทานกลอนทีมีชอื เสียงทีสุดของท่านคงหนีไม่พน้ เรอื ง พระอภัยมณี ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ ซึงเปนระบาํ มาตรฐานตังแต่สุโขทัย การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ในรชั สมัยสมัยนีได้เกิดนาฏศิลปขนึ มาหล พระโฉมยงองค์อภัยมณีนาถ เพลินประพาสพศิ ดูหมู่มัจฉา เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกันมา ค่อยเคลือนคลาคล้ายคล้ายในสายชล ละครพันทาง และระบําฟอนต่างๆ ายชุด เชน่ ระบําเมขลา-รามสูร เปนผู้คัดเลือกการแสดง จัดทําบทและเปนผู้ฝกสอน ในราชนิพนธร์ ามเกียรติ ฉนากอยูค่ ู่ฉนากไม่จากคู่ ขนึ ฟองฟูพน่ ลอองฝน ฝูงพิมพาพาฝูงเข้าแฝงวล บ้างผุดพน่ ฝองนาบ้างดําจร ฝกซ้อม อาํ นวยการแสดงถวายทอดพระเนตรหน้าพระทีนัง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผเี สือสมุทร 2 นายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ตัวอยา่ งบททีรชั กาลที1 ทรงพระราชนิพนธใ์ นบทละคร เรอื ง รามเกียรติ สาขาศิลปะการแสดง-นาฏศิลป 2529 เอาภูษาผูกศอใหม้ ัน แล้วพันกับกิงโศกใหญ่ 3 นางเฉลย ศุขะวณิช สาขาศิลปะการแสดง- หลับเนตรดํารงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา นาฏศิลป 2530 บัดนันวายบุตรวุฒิไกรใจกล้า ครนั เหน็ องค์อคั รกัลยาผูกศอโจนมาก็ตกใจ 4 นางสาวจําเรยี ง พุธประดับ ตัวสันเพียงสินชวี ี รอ้ นจิตดังหนึงเพลิงไหม้ สาขาศิลปะการแสดง-นาฏศิลป (ละคร) 2531 โลดโผนโจนตรงลงไป ด้วยกําลังวอ่ งไวทันที 5 นายกรี วรศะรนิ สาขาศิลปะการแสดง- รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ศิลปนผูท้ รงคุณค่า นาฏศิลป (โขน) 2531 นาฏศิลป ละคร ฟอน ราํ ไดอ้ ยูใ่ นความรบั ผดิ ชอบของรฐั บาล น ส ญาณภัทร ดังศรเี ทศ เลขที30 ชนั ม 4/2 ได้มกี ารสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ ชยี วชาญนาฏศิลปไทยคิดประดษิ ฐ์ ท่าราํ ระบาํ ชุดใหม่ ไดแ้ ก่ ระบาํ พมา่ ไทยอธษิ ฐาน อา้ งองิ อีกทังยงั มกี ารปลกู ฝงจติ สาํ นกึ ในการรว่ มกันอนุรกั ษ์ ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปไทยและละครไทย(ออนไลน์) สบื สาน สบื ทอด และพฒั นาศิลปะการแสดงของชาติผา่ นการเรยี นการส เขา้ ถึงได้จาก อนในระดับการศึกษาทกุ ระดบั พฤศจิกายน 2564 มสี ถาบนั ทีเปดสอนวชิ าการละครเพมิ มากขนึ ทังของรฐั และเอกชน มรี ูปแบบในการแสดงละครไทยทีหลากหลายใหเ้ ลือกชม เชน่ ละครเวที ละครพูด ละครรอ้ ง ละครราํ เปนต้น สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั อานันทมหดิ ล(ร 8) หลวงวจิ ิตรวาทการ อธบิ ดีของกรมศิลปากร ได้ก่อตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตรข์ ึนมา สรา้ งแรงจูงใจใหค้ นไทยหนั มาสนใจนาฏศิลปไทย และได้มีการตังโรงเรยี นนาฏศิลปแทน และเปนการทํานบุ าํ รุง เผยแพรน่ าฏศิลปไทยใหเ้ ปนทียกยอ่ งนานาอารยาประเท ศ บุคคลสําคัญ จัดทําโดย:นายพัชรพล ทองคง ม 4/2 เลขที3 1.คณะโขนละครของ ครูหมัน คงประภัศร์ อา้ งองิ ประวตั ิ ของครูหมัน คงประภัศร์ ตลอดเวลาทีท่านเข้ารบั ราชการ \"นาฏศิลปสมัยรตั โกสินทร์ รชั กาลที7และ8 [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก : ท่านได้เดินทางไปแสดงในนามรฐั บาลไทย ในประเทศญีปุน และได้รบั การยกยอ่ งในความสามารถของ ท่านทีสามารถแสดงบทบาทในละครได้ทุก บทบาท และในการแสดงโขน ท่านสามารถขึนแสดงแทนในบทบาทชาย ได้ 2.คณะโขนละครของพระเจ้าวชั รวี ง ศ์
แบบทดสอบ วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย รัตนโกสินทร์ ร.1-ร.9 1.ระบำเมขลา-รามสูร เกิดในรัชกาลใด ก. รัชกาลที่ 4 ข. รัชกาลที่ 3 ค. รัชกาลที่ 2 ง. รัชกาลที่ 1 ตอบ ง. รัชกาลที่ 1 2.ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นาฏศิลป์ และละครไทยอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด ก.รัฐบาล ข.กระทรวงการคลัง ค.กรมสรรพสามิต ง.กระทรวงการต่างประเทศ ตอบ ก.รัฐบาล 3.สมัยราชกาลใดที่นาฏศิลรุ่งเรืองที่สุด ก. รัชกาลที่ 4 ข. รัชกาลที่ 3 ค. รัชกาลที่ 2 ง. รัชกาลที่ 1 ตอบ ค. รัชกาลที่ 2 4.ชื่อดังเพลงที่ร.๒ ทรงพระราชนิพนธ์ชื่อว่าเพลงอะไร ก. สุบินลอยฝัน ข. บุหลันลอยเลื่อน ค.ทรงสุบินพาฝั น ง.พาฝั นพระสุบิน ตอบ ข. บุหลันลอยเลื่อน 5.ในสมัยรัชกาลที่5 สถาพบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้ าเพราะได้รับวัฒนธรรมจาก ตะวันตกศิลปะการแสดงละครได้มีวิวัฒนาการ ทำให้เกิดละครแบบใดขึ้นในสมัยนั้น ก. ละครดึกดำบรรพ์ ข. โขนละคร ค. ละครของเจ้าจอมมารดาจัน ง. ละครกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ ตนอำบเสกน. อละแคกร่ ดึกดำบรรพ์ ท6.ใรคิสรเปก็ นาบุคลคลาสกำคาัญรีของราชกาลที่2 ก.สุนทรภู่ ข.ครูหมัน คงประภัศร์ ค.ครูอาคม สยาคม ง.กรมหมื่นทิวากรวงษ์ประวัติ ตนำอบเ สกน.อสุนโ ดทยรภู่ เฮอร์มาน อเดลฟี
สมาชิก กลุ่มวิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย รัตนโกสินทร์ ร.1-ร.9 (4/2) 1. นายพัชรพล ทองคง เลขที่ 3 2. นายนิติวนนท์ ทิพวงศ์ เลขที่ 12 3. นางสาวกรณิศ เมี้ยงหอม เลขที่ 17 4. นางสาวพัชร์ชญาพร พูลสวัสดิ์ เลขที่ 20 5. นางสาวอัณณ์จันทน์ ทองนวลจันทร์ เลขที่ 22 6. นางสาวญาณภัทร ดังศรีเทศ เลขที่ 30
หวั หน้ากลุ่ม นางสาวพิชชาภา วสิ มิตนันทน์ (จ๋า) เลขที28 E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0990981629 Facebook: JJaa pichchapa Line: 0990981629 GROUP WORK กลุ่ม:ละครราํ สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวธนพร สวสั ดิคีรี (ดีด้า) เลขที33 E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0984974307 Facebook: ธนพร สวสั ดิคีรี Line: 0631015332
รองหวั หน้า นางสาวชลพินท์ุ วรี ะแกล้ว (ปราย) เลขที15 Email: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0918274353 Facebook: Chonlapin Veeraklaew Line: prigh_zii070347 เลขานกุ าร นางสาวอภิชญา บลิ หมัด (นานา) เลขที43 E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0954613002 Facebook: Nana Aphichaya Line: nana9987
ลักษณะการแสดง เกิดขึนในสมัยรชั กาลที 5 ละครดึกดําบรรพ์ ละครไทยประเภทราํ แบบปรบั ปรุงขึนใหม่ น ส พิชชาภ นําแบบอยา่ งมาจากละครโอเปรา่ (Opera) ละครพนั ทาง ค้นหาเมือวนั ท ของยุโรป ลักษณะการแสดงละครดึกดําบรรพ์ คือ น ส อภิชญา บิลหมัด เลขที 43 ผู้แสดงรอ้ งและราํ เอง ไม่มีการบรรยายเนือรอ้ ง ละครราํ เปนศิลปะกา ผู้ชมต้องติดตามฟงจากการรอ้ งและบทเจรจาของผู้ ค้นหาเมือวนั ที 27 พฤษจิกายน 2564 ดนตรบี รรเลง แ แสดง ละครราํ มีผู้แสดงเป แต่งองค์ทรงเค ดนตรแี ละเพลงรอ้ งของละครดึกดําบรรพ์ ดนตรี ใชป้ พาทยด์ ึกดําบรรพ์ เพือความไพเราะน่มุ นวล ท่าราํ ตามบทรอ้ งประส โดยการผสมวงดนตรขี ึนใหม่และคัดเอาสิงทีมีเสียงแหลมเ เรว็ เรา้ อารมณ์ให ล็กหรอื ดังมาก ๆ ออกเหลือไวแ้ ต่เสียงทุ้ม ตัวละครสือความหมาย ทังเพิมเติมสิงทีเหมาะสม7เข้ามา เชน่ ฆ้องหยุ่ มี 7 ลูก 7 ทาง โดยใชส้ ่วนต่าง จังห เสียง ต่อมาเรยี กวา่ “วงปพาทยด์ ึกดําบรรพ์” ในปจจุบันละครราํ นิย เรอื งทีนิยมเเสดง ได้แก่ เรอื งสังข์ทอง งแพรห่ ลาย มีท คาวตี อนสามหงึ อเิ หนาตอนไหวพ้ ระ สังข์ศิลปชยั ภาคต้นกรุงพานชมทวปี รามเกียรติ อยูใ่ นสถานทีนัน ๆ วดั พระศรรี ตั นมห อุณรุฑ มณีพชิ ยั ศาลท้าวมหาพร ลักษณะการแสดงเกิดหลังละครดึกดําบรรพ์ เปนละครราํ แบบละครนอกผสมละครในมีศิลปะของชาติต่าง ความ ๆ เขา้ มาปะปนตามท้องเรอื ง ทังศิลปะการรอ้ ง การราํ ละครไท และการแต่งกาย ผสมกับศิลปะไทย บบดังเด โดยยดึ ท่าราํ ไทยเปนหลัก บุค ดนตรแี ละเพลงรอ้ งของละครพนั ทางใชว้ งปพาทยไ์ ม้นวม ใชข้ ลุ่ยแทนป เพิมซออู้ เพลงรอ้ งและบรรเลงมักเปน เพลงภาษา น ส ธนพ และมี เครอื งภาษา เข้าประสม เชน่ กลองจีน ปมอญ เปงมาง ฯลฯ เรอื งทีนิยมแสดง นิยมแสดงเรอื งทีเกียวกับต่างชาติ เชน่ พระอภัยมณี ขุนชา้ งขุนแผน พระลอ ราชาธริ าช สามก๊ก พญาน้อย ลักษณะการแสดงเปนละครทีดําเนินเรอื งด้วยการราํ ประก ละครเสภา บุคคลสําคัญละครดึกดําบรรพ์ อบบทรอ้ งและบทขับเสภา มหาอาํ มาตยเ์ อก นายพันเอก เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ นามเดิม มีเครอื งประกอบจังหวะพิเศษคือ “ กรบั เสภา ” หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร เรอื งทีนิยมแสดง มักจะนํามาจากนิทานพืนบ้าน เชน่ เปนพระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน ไกรทอง หรอื เรอื งจากบทพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๖ เชน่ กับหม่อมสุด กุญชร ณ อยุธยาเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ เรอื งพญาราชวงั สัน สามัคคีเสวก ได้เดินทางไปยุโรปเมือป พ ศ 2434 ดนตรแี ละเพลงรอ้ งละครเสภา และมีโอกาสได้ชมละครโอเปรา่ มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ บรรเลง (opera) ซึงท่านชนื ชมการแสดงมาก และมีกรบั ขยบั ประกอบการขับเสภาเพลงรอ้ ง เมือกลับมาจึงคิดทําละครโอเปรา่ ใหเ้ ป มีลักษณะคล้ายละครพันทาง นแบบไทย แต่จะมีการขับเสภาซึงเปนบทกลอนสุภาพแทรกอยูใ่ นเรอื ง จึงเล่าถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธ ตลอดเวลา อ เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ ก็โปรดเหน็ วา่ ดีในการสรา้ งละครดึกดํา เรอื งทีนิยมแสดง มักจะนาํ มาจากนิทานพืนบา้ น เชน่ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน ไกรทอง บรรพ์ครงั นี ท่านเปนผู้สรา้ งโครงละครดึกดําบรรพ์ หรอื เรอื งจากบทพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๖ เชน่ เรอื งพญาราชวงั สัน สามัคคีเสวก สรา้ งเครอื งแต่งกาย และอุปกรณ์การแสดง ค้นหาเมือวนั ที 23 ธนั วาคม 2564
ภา วสิ มิตนันทน์ เลขที28 ละครราํ แบบดังเดิม ( ละครราํ โบราณ ) ละครชาตรี ลักษณะการแสดง ถือวา่ เปนต้นแบบของละครราํ นิยมใช้ ที 27 พฤษจิกายน 2564 ผูช้ ายแสดง มีตัวละคร 3 ตัว คือ ตัวพระ ตัวนาง และเบ็ดเตล็ด ( น ส ชลพินท์ุ วรี ะแกล้ว เลขที15 ละครนอก ารแสดงของไทย ทีประกอบด้วยท่าราํ เปนตลก , ฤษี ฯลฯ ) การแสดงเรมิ ด้วยการบูชาครูเบิกโรง และบทขับรอ้ งเพือดําเนินเรอื ง ค้นหาเมือวนั ที 27 พฤษจิกายน 2564 ผู้แสดงออกมาราํ ซัดไหวค้ รู โดยรอ้ งเอง ราํ เอง ปนตัวพระ ตัวนาง และตัวประกอบ ครอื งตามบท งดงามระยบั ตา ตัวตลกทีนังอยูเ่ ปนลูกคู่เมือรอ้ งจบจะมีบทเจรจาต่อ สานทํานองดนตรที ีบรรเลงจังหวะชา้ หเ้ กิดความรูส้ ึกคึกคัก สนกุ สนาน ดนตรแี ละเพลงรอ้ งของละครชาตรี ละครชาตรมี ีดนตรปี ระกอบน้อยชนิ และเปนเครอื งเบาๆ เหมาะทีจะขนยา้ ยรอ่ นเรไ่ ปแสดงทีต่างๆ ดนตรมี ีเพยี ง ป หรอื เศรา้ โศก ยบอกกล่าวตามอารมณ์ด้วยภาษาท่า ๑ เลา โทน(ชาตร)ี ๑ คู่ กลองเล็ก(กลองชาตร)ี ๑ คู่ ฆ้องคู่ ๑ ราง งๆของรา่ งกาย วาดลีลาตามคํารอ้ ง ละครชาตรที ีมาแสดงในกรุงเทพฯ มักตัดเอาฆ้องคู่ออก ใชม้ ้าล่อแทน หวะและเสียงดนตรี ซึงเปนประเพณีสืบต่อมา และบางครงั ก็ยงั ใชก้ ลองแขกอกี ด้วย เพลงรอ้ ง ยมนํามาแสดงแก้บนสิงศักดิสิทธอิ ยา่ ในสมัยโบราณตัวละครมักจะเปนผู้ด้นกลอนและรอ้ งเปนทํานองเพลงรา่ ย ทังแบบชวั คราว กับประจําโรง และปจจุบันเพลงรอ้ งมักมีคําวา่ ชาตรี อยูด่ ้วย เชน่ รา่ ยชาตรี รา่ ยชาตรกี รบั ๆ เลย เชน่ วดั โสธรวรารามวรวหิ าร หาธาตุวรมหาวหิ าร ศาลหลักเมือง รา่ ยชาตรี ๒ รา่ ยชาตรี ๓ ราํ ชาตรี ชาตรตี ะลุง รหม โรงแรมเอราวณั [เปนต้น เรอื งทีนิยมแสดงในสมัยโบราณ มหมายของละครราํ ละครชาตรนี ิยมแสดงเรอื งจักรๆวงศ์ๆ โดยเฉพาะเรอื งพระสุธนนางมโนหร์ า กับรถเสน ทยประเภทละครราํ (แ ดิม,ละครราํ แบบปรบั ป (นางสิบสอง) รุงขึนใหม่) ลักษณะการแสดง ดัดแปลง มาจากละคร ชาตรี เปนละครทีเกิดขึนนอกพระราชฐาน คคลสําคัญ เปนละครทีคนธรรมดาสามัญนิยมเล่นกัน ผูแ้ สดงเปนชายล้วน พร สวสั ดิคีรี เลขที33 ไม่มีฉากประกอบ นิยมเล่นกันตามชนบทท่าราํ และเครอื งแต่งกายไม่ค่อยพิถีพิถัน ดนตรแี ละเพลงรอ้ งของละครนอก เดิมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ บรรเลงประกอบการแสดง ปจจุบันเปลียนแปลงตามความใหญ่โตของงาน เพลงรอ้ งส่วนมากเปนเพลงชนั เดียว หรอื สองชนั ทีมีจังหวะรวบรดั ดําเนินเรอื งด้วยเพลงรา่ ยนอก ระดับเสียงในการรอ้ งและบรรเลงใชท้ างนอก เหมาะกับเสียงผู้ชาย เรอื งทีนิยมแสดง เรอื งทีใชแ้ สดงละครนอกเปนเรอื งจักร ๆ วงศ์ ๆ เชน่ สังข์ทอง มณีพิชยั ไกรทอง สังขศ์ ิลปชยั โม่งปา พิกุลทอง การะเกด เงาะปา ฯลฯ การแสดงดําเนินเรอื งรวดเรว็ โลดโผน ในบางครงั จะพูดหยาบโลน มุ่งแสดงตลก ใชภ้ าษาตลาด และไม่คํานึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี ละครใน ลักษณะการแสดง เปนละครไทย ทีพระมหากษัตรยิ ท์ รงดัดแปลงมาจากละครนอก ใชผ้ ู้หญิงแสดงล้วน บุคคลสําคัญของละครเสภา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ และแสดงในพระราชฐานเท่านัน การแสดงละครในมีความประณีตวจิ ิตรงดงาม กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์เปนพระราช ท่าราํ ต้องพิถีพถิ ันใหม้ ีความออ่ นชอ้ ย เครอื งแต่งกายสวยงาม โอรสพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ บทกลอนไพเราะ สํานวนสละสลวยเหมาะสมกับท่าราํ เพลงทีใชข้ บั รอ้ งและบรรเลงต้องไพเราะ ชา้ ไม่ลุกลน หวั ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียน สมัยทีทรงพระเยาว์ ดนตรแี ละเพลงรอ้ งของละครใน ใชว้ งปพาทยเ์ หมือนละครนอก ใชท้ างในซึงมีระดับเสียงเหมาะกับผูห้ ญิง และมักเปนเพลงทีมีลีลา พระองค์เจ้าวรวรรณากรสนพระทัยศิลปะ วรรณคดี ประวตั ิศาสตร์ และภาษา ท่วงทํานองค่อนขา้ งชา้ วจิ ิตรพิสดาร เหมาะกับลีลาท่าราํ รวมทังภาษาองั กฤษจนถึงขันอา่ น เพลงรอ้ งปรบั ปรุงใหม้ ีทํานองและจังหวะนิมนวล สละสลวย เขียนและแปลได้คล่อง ผลงาน / ตัวละครไม่รอ้ งเอง มีต้นเสียงและลูกคู่ มักมีคําวา่ \"ใน\" อยูท่ ้ายเพลง เชน่ งานประพันธ์ เชน่ ชา้ ปใน โอโ้ ลมใน บทละครเสภาเรอื งขุนชา้ งขุนแผนตอนวนั ทองหา้ มทัพ , เรอื งทีนิยมแสดง เรอื งทีใชแ้ สดงมี 3 เรอื ง คือ อเิ หนา รามเกียรติ และอุณรุท บทเสภาราํ เรอื งพระอาลสะนัม และท่านยงั ได้เปนผู้ทีปรบั ปรุงละครเสภาขึ นอกี ด้วย ค้นหาเมือวนั ที 23 ธนั วาคม 2564
1.ละครนอก มีลกั ษณะอยา่ งไร 3.ท่านใดเป็นผปู้ รับปรุงละครข้ึนใหม่ที่เรียกวา่ ก.สนุกสนาน ตลก ดาเนินเร่ืองรวดเร็ว ละครพนั ทาง ข.สวยงาม ดาเนินเรื่องชา้ ก. กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์ ค.ใชต้ วั ละครเยอะ ข. เจา้ พระยาเทเวศนว์ งศว์ ิวฒั น์ ง.มีฉากประกอบ ค. พระองคเ์ จา้ สิงหนาทราชดุรงคฤ์ ทธ์ิ ง. เจา้ พระยามหินทรศกั ด์ิธารง เฉลย ก. น.ส.ชลพินทุ์ วีระแกลว้ เลขที่15 เฉลย ง. น.ส.ธนพร สวสั ด์ิคีรี เลขที่33 2.ปัจจุบนั การแสดงละครรานิยมใชแ้ สดงเพื่อ 4.ละครดึกดาบรรพม์ ีแบบอยา่ งมาจากละครใด วตั ถุประสงคใ์ ด ก.ละครพนั ทาง ก.เพื่อความสนุกสนาน ข.ละครโอเปร่า ข.เพอ่ื แกบ้ นสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ ค. ละครศาสนา ค.เพอื่ แสดงในงานมงคล ง.ละครใน ง.เพอ่ื แสดงในงานอวมงคล เฉลย ข. เฉลย ข. น.ส.อภิชญา บิลหมดั เลขท่ี43 น.ส.พชิ ชาภา วสิ มิตนนั ทน์ เลขที่28
สมาชกิ ในกลุ่ม แก้วหน้า นางสาว ทัศน์วรรณ อนิ จันทรศ์ รี (ฟล์ม)เลขที32 สมาชกิ ในกลุ่ม E-mail : [email protected] นางสาว เพทาย เต๊ะหนิหม๊ะ (จีวา่ ) เลขที38 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0630601622 Facebook : ฟล์ม ทัศน์วรรณ E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0967710341 Line : Thassawan_17 Facebook : Pethaiy Tehnima สมาชกิ ในกลุ่ม Line : 0967710341 นางสาว มณฑาทิพย์ เกตุแก้ว (ปราย)เลขที39 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0611766481 Facebook : Montatip Ketkaeo Line : praii1135
หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้า นางสาว พมิ พ์ลภัส สุวรรณรตั น์ (ครมี ) เลขที37 นางสาว ลัลล์ลลิล กองเอยี ด (ใบตอง) เลขที40 E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0945988447 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0622165994 Facebook : Pimlapat Suwannarat Facebook : Lalalil Kongeaiad Line : pimlapat16551 Line : Baitong1334 าม้า เลขานกุ าร นางสาว สกาวรตั น์ โคตรสาลี (เฟยร)์ เลขที41 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0990790512 Facebook : Sakaorat Kotsalee Line : fear_2548
ละครเวที (play หรอื stageplay) ประพนั ธบ์ ทโดยนักเขยี น บทละคร ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ งและบทพูด ละครรอ้ งสลับพูด ได้รบั อทิ เปนรูปแบบของวรรณกรรม โดยมากมักจะมีบทพูดกันระหวา่ งตัวละคร ยดึ ถือการอ้ งเปนส่วนสําคัญ ละครรอ้ งล้วนๆ ตัวละครรอ้ งเพ คือ มีบทเจรจาตา ซึงมีลักษณะการแสดงมากกวา่ การอา่ น บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพอื ทวนบททีตัวละครรอ้ งออกมานันเ มีการจัดฉากแล ละครเวทีมีความแตกต่างจากละครเพลงซึงเน้นการรอ้ งมากกวา่ อง คาดกันวา่ ละครเวทีมีมาตังแต่สมัยกรกี อรสิ โตเติลบันทึกไวว้ า่ ละครของกรกี รอื ง เช แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์มีลู เรมิ ต้นขึนจากการกล่าวคําบูชาเทพเจ้าไดโอนีซุส กคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ เทพเจ้าแหง่ ไวน์และความอุดมสมบูรณ์ ทรงพฒั นารูปแบบการแสดงละค ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง บทละครเรอื งสาวเครอื ฟ ลูกคู่จะเปนผูร้ อ้ งทังหมด ศิลปนผูท้ รงคุณค่า ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสุดทรงเรยี กวา่ “ละครกําแบ” ละครรอ้ งล้วนๆ ตัวละครขับรอ้ งโต้ตอบกันและเล่าเรอื งด้วยการรอ้ งเพลงล้วนๆไม่มีบ ทพูดแทรก มีเพลงหน้าพาทยป์ ระกอบกิรยิ าบถของตัวละคร จัดฉากตามท้องเรอื ง ใชเ้ ทคนิคอุปกรณ์แสงสีเสียงเพือสรา้ งบรรยากาศใหส้ มจรงิ อา้ งองิ : บ้านจอมยุทธ สิงหาคม 2543 , เมือ 23 พฤศจิกายน 2564 จาก องค์ประกอบของละครเวที คือ การแสดงสดบนเวที ทีมีฉาก แสง นางสาวมณฑาทิพย์ เกตุแก้ว เลขที 39 ละครรอ้ ง เสียง ประกอบ และบทละคร คือ คือ ส่วนทีสําคัญทีสุดในการทําละครทุกชนิด โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ละครเวที เพราะมันคือ องค์ประกอบ ตัวกําหนดองค์ประกอบอนื ๆ ทุกอยา่ งในละคร ไม่วา่ จะเปน โครงของเรอื ง, สีสันของแสง ของฉาก ของเสือผ้า และรวมไปถึงการแสดง (acting) ของนักแสดงด้วย จุดเด่นของละครเวที คือ การสือสารระหวา่ งผู้ชมกับนักแสดง ละครเวที การสือสารระหวา่ งผู้ชมและนักแสดงเกิดขนึ ไปพรอ้ ม ๆ กัน บุคคลสําคัญ อา้ งองิ ศิลปนแหง่ ชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๐ สาขาศิลปะการแสดง อา้ งองิ :สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (2021).ความแตกต่างระหวา่ งละครเวทีและละครเพลง,สืบค้นเมือ 20พฤศจิการยน ศาสตราจารยม์ ัทนี โมชดารา รตั นิน (ละครเวที)และเปนผู้ก่อตังคณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ 2564.จาก อา้ งองิ :กรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม (2021). น ส ลัลล์ลลิล กองเอยี ด เลขที 40 กวช แถลงผลการคัดเลือกศิลปนแหง่ ชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๐,สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564.จาก น ส พมิ พ์ลภัส (37) ละครโทรทัศน์ ละครทีพัฒนาขึน ละครโทรทัศน์ คือรายการทางโทรทัศน์ทีมีบทละครและเรอื งราว ไม่รวมถึงรายการจําพวก กีฬา ขา่ ว เรยี ลลิตีโชว์ เกมโชว์ สแตนอพั คอเมดี และวาไรตีโชว์ โดยละครโทรทัศน์โดยมากจะมีหลายตอน เน้นความบนั เทิงเปนหลัก เพอื การรบั ชมภายในเคหสถาน : ศิลปนผู้ทรงคุณค่า นักแสดงทีแสดงในละครโทรทัศน์จะใชห้ ลายมุมกล้อง เศรษฐา ศิระฉายา (เกิด 6 พฤศจิกายน พ ศ 2487 -) ชอื เล่น ต้อย บางครงั นักแสดงจะไม่ทราบวา่ เมือไรกล้องจะจับภาพ เปนพิธกี ร นักแสดง และอดีตนักรอ้ งนําวงดิอมิ พอสซิเบลิ ทางด้านบทละครโทรทัศน์ ต้องมีความละเอยี ดทุกขันตอนกวา่ ละครเวที วงสตรงิ คอมโบทีประสบความสําเรจ็ และยงั เปนแรงบันดาลใจใหก้ ับว เพราะบทโทรทัศน์เปนตัวกําหนดมุมกล้อง กําหนดฉาก งดนตรหี ลายวงทีกําเนิดขนึ ในยุคต่อมา ในป พ ศ 2554 การแต่งกายของผู้แสดง ดนตรี เสียงประกอบ และบางเรอื งยงั มีคอมพิวเตอรก์ ราฟกเขา้ มาเพอื ความสมจรงิ อกี ด้ว เศรษฐาได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติใหเ้ ปนศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรไี ทยสากล-ขบั รอ้ ง) ... ย อา้ งองิ : ปนัดดา ธนสถิตย์ (2531). ละครโทรทัศน์ไทย กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย สืบค้นเมือ 22 พฤศจิกายน 2564 จาก น ส สกาวรตั น์ โคตรสาลี เลขที 41 ละครสังคีตเปนละครทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรง ละครเพลง เปนรูปแบบของละครทีนําดนตรี เพลง คําพูด และการเต้นราํ รเิ รมิ ขนึ โดยมีววิ ฒั นาการจากละครพูดสลับลํา รวมเข้าด้วยกัน การแสดงอารมณ์ ความสงสาร ความรกั ความโกรธ ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด รวมไปถึงเรอื งราวทีบอกเล่าผ่านละคร ผา่ นคําพูด ดนตรี การเคลือนไหว เทคนิคต่าง และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆ กัน ๆ ใหเ้ กิดความบนั เทิงโดยรวม ตังแต่ต้นศตวรรษที 20 เรอื งทีแสดง นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น ละครสังคีต : การแสดงละครเพลงบนเวทีจะเรยี กวา่ งา่ ย ๆ วา่ มิวสิคัล (musicals) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มี 4 เรอื ง ได้แก่ เรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง ทรงเรยี กวา่ \"ละครสลับลํา\" ละครเพลงมีการแสดงทัวไป ทัวโลก อาจจะแสดงในงานใหญ่ ๆ ทีมีทุนสรา้ งสูงอยา่ ง หรอื การแสดงสมัครเล่นในโรงเรยี น เรอื งววิ าหพระสมุทร ทรงเรยี กวา่ \"ละครพูดสลับลํา\" มหาวทิ ยาลัย เรอื งมิกาโดและวงั ตี ทรงเรยี กวา่ \"ละครสังคีต\" คือ การแต่งกาย แต่งแบบสมัยนิยม คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามท้องเรอื ง ละครเพลง : องค์ประกอบ และความงดงามของเครอื งแต่งกาย อา้ งองิ : ผู้แสดง ใชผ้ ู้ชาย และผูห้ ญงิ แสดงจรงิ ตามท้องเรอื ง 23 พฤศจิกายน 2564 ศิลปนผู้ทรงคุณค่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชริ าวุธฯ ละครเพลงในประเทศไทย อา้ งองิ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั หรอื เปนละครของเอกชนทีเกิดขึนภายหลังการเปลียนแปลงการปกครอง พ ศ 2475 ละครทีมีชอื เสียงนีคือ \"คณะจันทโรภาส\" เปนละครของนายจวงจันทน์ จันทรค์ ณา บุคคลสําคัญ พระบาทสมเด็จพระรามาธบิ ดีศรสี ินทรมหาวชริ าวธุ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั (พรานบูรณ์) สิงหนึงทีพรานบูรณ์ทําเปนหลักคือ ปรบั ปรุงเพลงไทยเดิมทีมีทํานองรอ้ งเออื น มาเปนเพลงไทยสากลทีไม่มีทํานองเออื น มีพระอจั ฉรยิ ภาพและทรงบําเพญ็ พระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทังด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข นับเปนหวั เลียวหวั ต่อของการเปลียนแปลงเพลงไทยเดิมมากทีเดียว การต่างประเทศ อา้ งองิ :สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ และทีสําคัญทีสุดคือด้านวรรณกรรมและอกั ษรศาสตร์ (2021).ความแตกต่างระหวา่ งละครเวทีและละครเพลง,สืบค้นเมือ ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทรอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรองไวน้ ับพนั เรอื ง 20พฤศจิการยน 2564.จาก นายจวงจันทน์ จันทรค์ ณา (พรานบูรณ์) สิงหนึงทีพรานบูรณ์ทําเปนหลักคือ 6. ภาพ ปรบั ปรุงเพลงไทยเดิมทีมีทํานองรอ้ งเออื น มาเปนเพลงไทยสากลทีไม่มีทํานองเออื น อนั เ สาม นับเปนหวั เลียวหวั ต่อของการเปลียนแปลงเพลงไทยเดิม นางสา
ละครแบบหนึง เปนการนําการแสดงทีมีอยูแ่ ล้วมาออกอากาศทางวทิ ยุกระจายเสียง ทธพิ ลจากละครแบบยุโรป แต่ต้องเขยี นบทละครใหม่โดยหาวธิ สี รา้ งจินตนาการใหแ้ ก่ผูฟ้ ง พลงเองในการดําเนินเรอื งตลอดทั ใหส้ ามารถเข้าใจและนึกภาพความเปนไปของเรอื งได้ โดยเฉพาะเกียวกับบุคลิกลักษณะ กิรยิ าท่าทาง งเรอื ง อุปนิสัยใจคอของตัวละครตลอดจนอารมณ์และความรูส้ ึกต่างๆ ามเนือเพลงทีตัวละครรอ้ งจบไป ละแต่งกายตามสมัยทีปรากฏในเ จะต้องแสดงออกทางคําพูดของตัวละครโดนเฉพาะบทเจรจาต้องใส่อารมณ์หรอื ควา ชน่ ละครรอ้ งเรอื งพระรว่ ง มรูส้ ึกทางคําพูดเปนพเิ ศษ เพราะผูฟ้ งไม่เหน็ ตัวละครจําเปนต้องใชจ้ ินตนาการเอง เรอื งสาวเครอื ฟา นอกจากนีต้องมีบทบรรยายแทรก เพอื ชว่ ยใหด้ ําเนินเรอื งกระชบั ขนึ ปประพนั ธพ์ งศ์ ครรอ้ ง เชน่ ฟา เปนละครทีเกิดขึนหลังละครเวที ลักษณะการแสดง เรมิ มีการแสดงละครวทิ ยุกระจายเสียงขึน ครงั แรกในสหรฐั อเมรกิ า ต่อมาได้รบั ความนิยมไปทัวโลกซึงรวมทังประเทศไทยด้วย เสียงประกอบการแสดง ละครวทิ ยุจําเปนต้องมีเสียงประกอบเพือใหผ้ ูฟ้ งเกิดจินตนาการ ได้แก่ เสียงดนตรี เสียงสัตวต์ ่างๆ เสียงคลืนลมตาามธรรมชาติ นางสาวเพทาย เต๊ะหนิหม๊ะ ม 4/2 เลขที38 คือ หรอื เสียงประกอบอนื ๆ เชน่ เสียงทะเลาะววิ าท เสียงฟนดาบ เสียงม้าวงิ ละครวทิ ยุ เสียงปน เปนต้น อา้ งองิ ตัวละครสําหรบั บทละครวทิ ยุ บุคคลสําคัญ มีตัวสําคัญประมาณ 3-4 ตัวและต้องเลือกผูแ้ สดงทีมีเสียงแตกต่างกันมากๆ มิฉะนันผู้ฟงจะแยกเสียงไม่ออกวา่ เปนบทของตัวละครตัวไหน ขณะแสดง ผูแ้ สดงทุกคนจะยนื อา่ นบทอยูต่ รงหน้าไมโครโฟนในหอ้ งส่งวทิ ยุกระจายเ สียง แต่ปจจุบัน คณะละครวทิ ยุใชว้ ธิ บี นั ทึกเสียงครงั ละประมาณ 5 ตอน ออกอากาศไปได้ทังสัปดาห์ ถ้ามีการผดิ พลาดก็แก้ไขได้ ผศ ไตรรตั น์ พิพฒั โภคผล ศศ บ , กศ ม (2551) ละครวทิ ยุ นางสมสุข กัลยจ์ าฤก (ละครวทิ ยุ - ละครโทรทัศน์) สืบค้นเมือ 22 พฤศจิกายน 2564 เปนผู้รว่ มบุกเบิกและพฒั นาละครวทิ ยุของไทยมาอยา่ งยาวนาน เปนผู้ก่อตังคณะละครวทิ ยุ กันตนา ซึงเปนหนึงในละครวทิ ยุคณะแรก ๆ . ของประเทศไทย เปนผู้เขยี นบทละครวทิ ยุ แสดงละครวทิ ยุ THE PEOPLE (15 เมษายน 2562) รูปภาพ ประพันธเ์ รอื งและเขยี นบทโทรทัศน์ออกอากาศทังสถานีโทรทัศน์ชอ่ ง ๕ สืบค้นเมือ 22 พฤศจิกายน 2564 และชอ่ ง ๓ ซึงได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งสูง (7 มีนาคม 2562 ) บุคคลสําคัญ ละครวทิ ยุ สืบค้นเมือ 27 พฤศจิกายน 2564 ดําเนินเรอื งด้วยการพูด ไม่มีการรอ้ ง ผู้แสดงพูดเอง เรมิ ขนึ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนต้นแบบของละครวทิ ยุ ละครเวที ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และละครโทรทัศน์ในปจจุบัน ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก นมาใหม่ “เจ้าขา้ สารวดั !” ละครพูด ละครพูดในสมัยนีแตกต่างกับละครพูดในสมเด็จพระบรมโอรสาธริ า น ส ทัศน์วรรณ อนิ จันทรศ์ รี เลขที32 ม 4/2 ช เจ้าฟามหาวชริ าวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ในสมัยหลังเกียวกับเนือเรอื ง คือ เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนีดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีเรารู้ จักกันอยา่ งแพรห่ ลาย พ ศ 2447 บุคคลสําคัญ ละครพูดแบ่งได้เปนประเภทใหญ่ ๆ คือ อา้ งองิ :สํานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ ละครพูดล้วน ๆ แต่งกายตามสมัยนิยม (2021).ความแตกต่างระหวา่ งละครเวทีและละครเพลง,สืบค้นเมือ 20พฤศจิการยน ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพความเปน การแต่งกายเหมือนละครพูดล้วนๆ 2564.จาก หรอื แต่งกายตามเนือเรอื ง จรงิ ของตัวละคร การแสดงจะดําเนินเรอื งด้วยวธิ พี ูดใชท้ ่าทางแบบสามัญชนประกอบ การพูดทีเปนธรรมชาติ ลักษณะพิเศษอยา่ งหนึงของละครชนิดนีคือ ในขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ มักจะใชว้ ธิ ปี องปากพูดกับผู้ดุ ถึงแม้จะมีตัวละครอนื ๆ อยูใ่ กล้ๆ ก็สมมติวา่ ไม่ได้ยนิ ละครพูดสลับลํา 1. โครงเรอื ง ละครองิ ประวตั ิศาสตร์ ยดึ ถือบทพูดมีความสําคัญในการดําเนินเรอื งแต่เพียงอยา่ งเดียว บทรอ้ งเปนเพียงสอดแทรกเพือเสรมิ ความ ลําดับเหตุการณ์อยา่ งเปนเหตุเปนผลและมีจุดหมายปลายทางมีค ยาความ วามยาวพอเหมาะ น ส พิมพ์ลภัส (37) 2. ตัวละคร คือผูก้ ระทําหรอื ผู้ทีได้รบั ผลจากการกระทําในบทละคร อา้ งองิ : ปนัดดา ธนสถิตย์ (2531). ละครโทรทัศน์ไทย กรุงเทพมหานคร: สํานักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย สืบค้นเมือ 22 พฤศจิกายน 2564 จาก ละครไทยมักเปนละครประโลมโลก กล่าวคือ มีการแสดงเกินจรงิ การกระทําเหมือนอยูบ่ นละครเวที ตัวโกงหญิงมีการกรดี รอ้ งดินพล่าน 2.1 ตัวละครแบบตายตัว/ ปมในเรอื งทังหมดต้องคลีคลายในตอนจบ ทุกฝายใหอ้ ภัยกัน ลักษณะ ละครโทรทัศน์ไทย มองเหน็ เพียงด้านเดียวมีนิสัยตามแบบฉบับนิยม เชน่ ตัวโกงถูกลงโทษ คนดีได้รางวลั คือรูปแบบรายการโทรทัศน์ประเภทบนั เทิงของไทย ละครโทรทัศน์ไทยเรอื งแรกคือ สุรยิ านีไม่ยอมแต่งงาน ตัวละคร LGBT มักใชเ้ ปนบทตลกคลายเครยี ด ตัวอยา่ งทีชดั เจนเชน่ สะใภ้ลูกทุ่ง[3] ออกอากาศทางชอ่ ง 4 บางขุนพรหม พระเอก – นางเอก ผูร้ า้ ย ตัวอจิ ฉา ละครโทรทัศน์ไทยมีเนือหาส่วนใหญ่เปนเรอื งชนชนั สูงในสังคมไทย ตัวละครมุ่งเน้นไปทีฝายดี ฝายเลว บ 2.2 ตัวละครแบบเหน็ ได้รอบด้าน/ มีการกําหนดคู่รกั หลักสองคนตังแต่เปดเรอื ง ซึงผูช้ มสังเกตได้โดยงา่ ย เขา้ ใจได้ยากกวา่ ตัวละครแบบแรก นิสัยคล้ายคนจรงิ มักเปนดาราละครทีได้รบั ความนิยมสูงสุดในยุคนัน เปน \"พระเอก\" และ สามารถเดาตอนจบของเรอื งได้งา่ ย มักจะจบลงแบบสุขนาฏกรรม (happy ending) มีการนํามาทําซากันบอ่ ยครงั \"นางเอก\" ศิลปนผู้ทรงคุณค่า มีตัวโกงเปนหญงิ อยา่ งน้อย 1 คนเปนเรอื งปกติ มีทังส่วนดี– ส่วนเสีย บุคคลนีมักตกหลุมรกั พระเอก และพยายามขดั ขวางความรกั ของคู่พระ- หนําเลียบแสดงหนังทีวใี หก้ ับค่ายดาราฟล์มของคุณไพรชั สังวรบิ ุตร ตังแต่อายุ 7 ขวบ เรอื งแรกคือ “สางเขียว” เมือป 3. ความคิด แงค่ ิดทีผูเ้ ขียนต้องการสือถึงผู้ชม นาง พยายามเปนแฟนกับพระเอก ขณะเดียวกันพยายามกําจัดนางเอกไปด้วย 2523 เล่นเปนใครผมจําไม่ได้ แต่ผมจําได้แม่นกับบท 4. การใชภ้ าษา ตัวละครนีมีลักษณะตายตัวมักมีฐานะรารวย ภูมิหลังดี พฤติกรรมไม่ดี “หนําเลียบ” ในเรอื ง “ปูโสมเฝาทรพั ย”์ เมือป 2524 และบท บทเจรจาของตัวละครต้องเหมาะสมกับนิสัยของตัวละคร และคอยบงการ ตัวละครเหล่านีบางตัวเปนผหี ญิงทีชวั รา้ ย สือความได้กระจ่างชดั ปกติตัวละครเหล่านีเรยี ก \"นางอจิ ฉา\"[1][2] “ยกั ษ์แคระ” ในเรอื ง “สุวรรณหงส์” เมือป 2525 และบท “พราหมณ์จินดา” ใน “สิงหไกรภพ” ป 2526 เปาหมายหลักคือมีตอนจบทีสมบูรณ์แบบ ใหต้ ัวละครนําแต่งงานกับคู่ครองของตน และอยูด่ ้วยกันอยา่ งมีความสุข หนําเลียบยงั มีผลงานการแสดงอกี มากมาย เชน่ กิงไผ่ 2526 พระอภัยมณี 2529 แก้วหน้าม้า 2531 โม่งปา 2534 ละครโทรทัศน์ไทยมีขนบการเล่าเรอื ง ตัวละคร และสูตรทีค่อนขา้ งตายตัว ละครส่วนใหญเ่ ปนไปตามลักษณะดังนี โดยเฉพาะอยา่ งยงิ เรอื งทีได้รบั ความนิยมมาก 5. เพลง เปนส่วนหนึงของการถ่ายทอดเรอื งราว เชน่ บทรอ้ งของผู้แสดง เพลงประกอบหรอื แม้แต่ความเงยี บเมือตัวละครได้รบั ขา่ วรา้ ย พ คือ ภาพทีปรากฏต่อผูช้ ม เกิดมาจากผลรวมของทุกอยา่ งทีเกียวขอ้ งกับการแสดง มารถวดั ความชดั เจนได้จากความพงึ พอใจของผูช้ ม าวลัลล์ลลิล กองเอยี ด เลขที 40
กลุ่มที่ 5 เร่ือง ละครที่พฒั นาข้ึนมาใหม่ 4.ละครพดู เริ่มข้ึนในสมยั ใด (กลุ่ม แกว้ หนา้ มา้ ) ก.พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่๔ ข.พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่๕ 1.ขอ้ ใดไม่ใช่ลกั ษณะของละครอิงประวตั ิศาสตร์ ค.พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี๖ ก.เป็ นละครที่มีการแสดงเกินจริ ง ง.พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่๗ ข.ปมในเร่ืองท้งั หมดตอ้ งคล่ีคลายในตอนจบ เฉลย ค.เน่ืองเรื่องในตอนจบสามารถจบแบบโศกนาฏกรรม ข.พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี๕ หรือสุขนาฎกรรมกไ็ ด้ ง.มีเน้ือหาส่วนใหญ่เป็นเร่ืองราวของชนช้นั สูง นางสาวทศั นว์ รรณ อินจนั ทร์ศรี ม.4/2 เลขท่ี 32 เฉลย ค.เนื่องเร่ืองในตอนจบสามารถจบแบบโศกนาฏกรรม 5.ละครสงั คีตมีววิ ฒั นาการจากละครประเภทใด หรือสุขนาฎกรรมกไ็ ด้ ก.ละครพดู ลว้ นๆ ข.ละครพดู สลบั ลำ น.ส.พมิ พล์ ภสั สุวรรณรัตน์ เลขที่ 37 ม.4/2 ค.ละครร้อง ง.ละครเวที 2.ขอ้ ใดคือจุดเด่นของละครเวที เฉลย ก.เน้ือเรื่องมีความน่าสนใจ ข.ละครพดู สลบั ลำ ข.การส่ือสารระหวา่ งผชู้ มกบั นกั แสดง ค.อุปกรณ์ประกอบฉาก น.ส.สกาวรัตน์ โคตรสาลี ม.4/2 เลขที่ 41 ง.ความเพลินเพลินในการดำเนินเร่ือง เฉลย 6.ละครที่ใชผ้ แู้ สดงเป็นผหู้ ญิงลว้ น ยกเวน้ ตวั ตลก คือ ข.การสื่อสารระหวา่ งผชู้ มกบั นกั แสดง ละครประเภทใด ก.ละครร้องสลบั พดู นางสาวลลั ลล์ ลิล กองเอียด เลขท่ี 40 ม.4/2 ค.ละครพดู แบบร้อยกรอง ง.ละครร้องแบบพระมงกฎุ ฯ 3.บุคคลสำคญั ของละครวทิ ยคุ ือใคร เฉลย ก.จวงจนั ทร์ จนั ทร์คณา ก.ละครร้องสลบั พดู ข.เศรษฐา ศิระฉายา ค.สมสุข กลั ยจ์ าฤก นางสาวมณฑาทิพย์ เกตุแกว้ เลขท่ี 39 ม.4/2 ง.พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์ เฉลย ค.สมสุข กลั ยจ์ าฤก นางสาวเพทาย เตะ๊ หนิหมะ๊ ม.4/2 เลขท่ี 37
สมาชกิ กลุ่ม จิกฤษณ นางสาวณิชาภัค เพ็งจํารสั (จาจ้า) เลขที 31 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0987659829 FB:Nichapak pengjumras Line: 0987659829 สมาชกิ กลุ่ม นางสาวอานิสา เหมรหิ นี (นา) เลขที 44 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0952463278 FB:Anisa Hemrinee Line:nam_hrn สมาชกิ กลุ่ม นางสาวธญั จิรา จันทรโชติ (ใบปอ) เลขที 34 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0650386782 FB:Baipor Baipor Line:baipor6104
หวั หน้ากลุ่ม นายจิรานวุ ฒั น์ นวลเกลือน (ไข่) เลขที 9 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0936752941 FB: Jiranuwat Nualkluean Line: 0936752941 ณ์นันณิธญั อา รองหวั หน้ากลุ่ม นายกฤษณ์วศิลป หมันหลี (นาบิล) เลขที 10 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0968817275 FB:Kritwasil Manlee Line:0953896467 เลขานกุ าร นางสาวนันทนัช ประทุมโพธิ (ชกิ าโม่) เลขที 29 Email:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0630526041 FB:Schneider Mo Line:chikamo23
ผู้รบั ผิดชอบ : นางสาวธญั จิรา จันทรโชติ ม 4/2 เลขที34 ผลงานและเกียรติคุณทีได้รบั การแต่งกา ทีมา : ได้ ตังคณะชา่ งฟอนและคิดประดิษฐ์ท่าเต้นของชาวเขา สืบค้นเมือ 25 พฤศจิกายน 2564 ผูร้ บั ผดิ ชอบ : นางสาวนันทนัช ป เปนระบําชาวเผ่าต่างๆทังยงั ได้ ปรบั ปรุงท่าราํ เลขที29 สืบค้นเมือวนั ที 25 พฤษจิก ชุดพนื เมืองภาคเหนือใหแ้ ก่วทิ ยาลัยนาฏศิลปเชยี งใหม่ เชน่ ดนตรี ชุดราํ ไทยเขิน ฟอนวี ฟอนกมพัด เปนต้น และยงั เปนผูส้ ูบสานพฒั นานาฏศิลปพนื เมืองชุดล้านนาใหด้ ํารงอยูท่ ่ามก ลางกระแสความเปลียนแปลงของสังคม ได้รบั การประกาศยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติสาขาศิลปะการ แสดง (นาฏศิลปพืนเมืองล้านนา) ศิลปนทรงคุณค่า : ครูสมพนั ธ์ โชตนา ผู้รบั ผดิ ชอบ : นางสาวธญั จิรา จันทรโชติ ม 4/2 เลขที34 ผลงาน ทีมา : ผลงานนาฏยประดิษฐ์ของครูลมุล ยมะคุปต์ พ ศ 2477-2525 สืบค้นเมือ 24 พฤศจิกายน 2564 มากกวา่ 50 แบง่ ได้เปน 6 ประเภท เชน่ ระบาํ กํา-แบ ราํ บาํ เลียนแบบท่าทางของสัตว์ ระบําประกอบเครอื งดนตรี เปนต้น และยงั มีบทบาทสําคัญต่อวงการนาฎศิลปไทย คือ เปนผูร้ า่ งหลักสูตรการเรยี นใหก้ ับวทิ ยาลัยนาฏศิลป เพอื ทีจะทําใหก้ ารสอนนาฏศิลปนันมีขันตอนในการฝกหดั ทังยงั ได้แสดงเปนตัวละครเอกในละครหลายเรอื ง เชน่ เรอื งอเิ หนา แสดงเปนอเิ หนา สียะตรา สังคามาระตา วหิ ยาสะกํา ศิลปนทรงคุณค่า : นางลมุล ยมะคุปต์ นางบัวผัน จันทรศ์ รี ผูร้ บั ผิดชอบ น ส ณิชาภัค เพง็ จํารสั เลขที31 ภาคเหนือ ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง ศิลปนทรงคุณค่า (เพลงพืนบ้านภาคกลาง) ผลงาน เธอมีความคิดทีเปนเลิศ สามารถด้นสดและแต่กลอนคํารอ้ งได้อยา่ งคมคาย สามารถบอกเพลงได้โดยไม่ติดขดั มีความจําทีเปนเยยี ม โดดเด่นในเรอื งของการขับรอ้ งเพลงอแี ซ่ว และ เพลงฉ่อย และยงั ได้รว่ มบนั ทึกเพลงพืนบา้ นต่างๆ เพือคนรุน่ หลังไวอ้ ยา่ งมาก แหล่งขอ้ มูล วนั ทีค้นหา 18/12/64 การแต่งกาย ราํ สีนวล นางขวญั จิต ศรปี ระจันต์ เปนชอื ของเพลงหน้าพาทยท์ ีใชป้ ระกอบการแสดงละคร ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง สีนวลเปนการราํ ของผูห้ ญิงพนื เมืองภาคกลาง ประกอบกิรยิ าไปมาของสตรที ีมารยาทกระชดกระชอ้ ย ทํานองเพลงมีท่วงทีซ่อนความพรงิ เพราไวใ้ นตัว ลักษณะการแต่งกายจะหม่ สไบ น่งุ โจงกระเบน ปล่อยผม ต่อมามีผู้ประดิษฐ์ทํานองรอ้ งขนึ ประกอบการราํ ซึงทําใหค้ วามหมายของเพลงเด่นชดั (เพลงพนื บ้าน-อแี ซ่ว) ทัดดอกไม้ด้านซ้าย สวมเครอื งประดับ สรอ้ ยคอ ตุ้มหู สะองิ นาง ปรากฏเปนภาพงดงามเมือมีผู้รา่ ยราํ ประกอบแต่เดิมการราํ เพลงสีนวลมีอยูแ่ ต่ในเรอื งละคร ภายหลังจึงแยกออกมาใชเ้ ปนระบําเบด็ เตล็ด เพราะมีความงดงามไพเราะทังในชนั เชงิ ของทํานองเพลง ผลงาน และกําไลเท้า เธอมีความสามารถในการเล่นเพลงทีหาตัวจับได้ยาก และท่าราํ ความหมายของการราํ สีนวล เปนแม่เพลงพืนบา้ นภาคกลางทีมีชอื เสียง และ อุทิศชวี ติ 1. ชาย น่งุ กางเกงขายาวครงึ แข้ง สวมเสือคอกลม แขนสัน เปนไปในการบันเทิงรนื รมยข์ องหญงิ สาวแรกรุน่ ทีมีจรติ กิรยิ างดงามตามลักษณะกุลสตรไี ทย ในการอนรุ กั ษ์ ฟนฟูและ เผยแผ่เพลงอแี ซ่วมาจนถึงปจจุบัน เหนือศอก มีผา้ โพกศีรษะและผา้ คาดเอว ด้วยความทีทํานองเพลง บทขบั รอ้ ง และท่าราํ ทีเรยี บงา่ ยงดงาม แหล่งขอ้ มูล 2. หญิง น่งุ ผา้ ซินมีเชงิ ยาวกรอมเท้า จึงเปนชุดนาฏศิลปชุดหนึงทีได้รบั ความนิยมแพรห่ ลายเปนทีรูจ้ ักกันทัวไปจํานวนผู้แสดง วนั ทีค้นหา 18/12/64 สวมเสือแขนกระบอกคอปด ผา่ อกหน้า หม่ สไบทับเสือ ใชแ้ สดงเปนหมู่ หรอื แสดงเดียวก็ได้ ตามโอกาสทีเหมาะสมดนตรปี ระกอบการแสดง ใชว้ งปพาทย์ สวมสรอ้ ยตัวคาดเข็มขัดทับนอกเสือ สรอ้ ยคอ และต่างหู ผูร้ บั ผดิ ชอบ นาย กฤษณ์วศิลป ภาคกลาง การแสดง ปล่อยผมทัดดอกไม้ด้านซ้าย ราํ กลองยาว หมันหลี เลขที10 พนื บ้าน4ภาค ราํ กลองยาวหรอื บางครงั เรยี กวา่ ราํ เถิดเทิง การแต่งกาย สาเหตุทีมีชอื เรยี กวา่ ราํ เถิดเทิงก็เนืองมาจากเสียงกลองยาวทีเวลาตีมีเสียงคล้าย ๆ ภาคกลางเปนทีรวมของศิลปวฒั นธรรม คําวา่ เถิดเทิงนันเอง การแสดงชุดนีใชแ้ สดงเนืองในโอกาสวนั ขึนปใหม่ หรอื ในงานบวช การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกัน และพัฒนาดัดแปลงขึนเรอื ยๆ เครอื งแต่งกายแสดงถึงวฒั นธรรมการแต่งกายของภาคกลางราํ กลองยาว จนบางอยา่ งกลายเปนการแสดงนาฏศิลปแบบฉบับไปก็มี เชน่ ราํ วง สันนิษฐานวา่ เปนของพม่านิยมเล่นกันมาก่อน เมือครงั พม่าทําสงครามกับไทยในสมัยกรุงธนบุรใี นเวลาพกั รบ เปนต้น และเนืองจากเปนทีรวมของศิลปะนีเอง พวกทหารพม่าก็เล่นสนกุ สนานกันด้วยการเล่นต่าง ๆ ซึงทหารพม่าบางพวกก็เล่น ทําใหค้ นภาคกลางรบั การแสดงของท้องถินใกล้เคียงเข้าไวห้ มด \"กลองยาว\" พวกไทยเราได้เหน็ ก็จํามาเล่นกันบ้าง แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลางคือ การรา่ ยราํ ทีใชม้ ือ แขน และมีกลองยาวเปนอุปกรณ์ประกอบการแสดง และลําตัว เชน่ การจีบมือ ม้วนมือ ตังวง การออ่ นเอยี งและยกั ตัว สังเกตได้จาก ราํ ลาวกระทบไม้ ทีดัดแปลงมาจาก เต้นสาก การเต้นเข้าไม้ของอสี านในการเต้นสากก็เปนการเต้นกระโดดตามลีลาอี สาน แต่การราํ ลาวกระทบไม้ทีกรมศิลปากรปรบั ปรุงขึนใหม่นัน น่มุ นวลออ่ นหวาน กรดี กรายรา่ ยราํ แม้การเข้าไม้ก็น่มุ นวลมาก ลักษณะดนตรี และเครอื งดนตรภี าคกลาง ผู้รบั ผดิ ชอบ น ส ณิชาภัค เพง็ จํารสั เลขที31 การแต่งกาย ดนตรพี ืนบ้านเภาคกลาง ไม่หรูหรา เปนชุดพนื บ้าน ระบําชาวนา ทีเหน็ แล้วจะจะทําใหร้ ูไ้ ด้เลยวา่ การแสดงชุดนีต้องเกียวกับกา ซึงผูแ้ ต่งทํานองเพลงนีคือ นายมนตรี ตราโมท รทํานา ผูเ้ ชยี วชาดนตรไี ทยและศิลปนแหง่ ชาติ ส่วนท่าราํ นันท่านผู้หญงิ แผว้ สนิทวงศ์เสนี ตัวละคร ผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลปไทยและศิลปนแหง่ ชาติ เครอื งแต่งกายตัวละครนันจะเปนชาวบ้านทังหญงิ และชาย เปนผู้คิดและออกแบบท่าราํ เมือได้ชมการแสดงระบําชาวนา แล้วจะมีสุนทรยี ภาพทางนาฏศิลปทีเกิดขึนดังนี จะเปนแต่งชุดม่อฮอ่ ม ซึงเปนชุดทีเรยี บงา่ ย ดนตรพี นื บา้ นภาคกลาง ประกอบด้วยเครอื งดนตรี ดีด สี ตี เปา โดยเครอื งดีดจะมี จะเข้ จ้องหน่อง เครอื งสีก็พวกซอด้วง ซออู้ เครอื งตีจะเปนระนาด ฆ้อง โหม่ง ฉิง ฉาบ ส่วนเครอื งเปาจะเปนขลุ่ย ป แหล่งทีมา โดยจุดเด่นของวงดนตรพี นื บ้านภาคกลาง คือ วงปพาทยจ์ ะผสมผสานกับวงดนตรหี ลวง ในตอนแรกใชป้ และกลองเปนหลัก ต่อมาจึงเพิมระนาด ฆ้องวงเข้าไป ทําใหว้ งดนตรขี นาดใหญ่และยงั มีการขบั รอ้ งทีคล้ายคลึงกับปพาทยข์ องหลวง เพราะได้รบั การถ่ายทอดวฒั นธรรมมนันเอง แหล่งทีมา ภาคใต้ รางวลั ผู้รบั ผิดชอบ : นางสาวธญั จิรา จันทรโชติ ม 4/2 เลขที34 ทีมา : พ ศ 2524 : ได้รบั โล่เกียรติคุณจาก ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทีมา : พ ศ 2529 : ได้รบั โล่เชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนพนื บ้านดีเด่น สืบค้นเมือวนั ที 25 พฤศจิกายน สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ประจําป 2528 พ ศ 2530 : โล่พระราชทานและเข็มเชดิ ชูเกียรติศิลปนแหง่ ชาติ ศิลปนทรงคุณค่า : นายกัน ทองหล่อ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ประจําป 2529 ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง(หนังตะลุง) การเล่นหนังลุงของนายกัน ในการเล่นหนังตะลุงของนายกัน ทองหล่อ อาศัยเทคนิคหรอื กลวธิ ใี นการทีจะนําเนือเรอื งหนังตะลุงเสนอต่อผู้ชมใหเ้ กิดความประทับใจซึงมีเทคนิคหลายประการ เชน่ การสวมวญิ ญาณไปในตัวหนังหรอื รูปหนังเพอื ใหก้ ารแสดงมีรสชาติมีชวี ิ ตชวี า รูจ้ ักใชเ้ สียงใส่ความรูส้ ึก เปนต้น ประวตั ิความเปนมา ผู้รบั ผิดชอบ : นางสาวธญั จิรา จันทรโชติ ม 4/2 เลขที34 ทีมา: วนั ทีค้นหา 24 พฤศจิกายน 2564 ศิลปนทรงคุณค่า : คล้าย พรหมเมศ (มโนราหค์ ล้ายขีหนอน) รางวลั และเกียรติคุณ คําวา่ ขหี นอนเปนภาษาถินใต้หมายถึง ”กินนร” ดังนันคําวา่ ในปพ ศ 2451 โนราคล้ายขหี นอน ก็คือ โนราคล้ายกินนร รชั กาลที5ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานบรรดาศักดิใหเ้ ปน “หมืนระบาํ บนั เทิงชาตร”ี และได้ไปราํ โนราถวายหน้าพระทีนัง ทีเรยี กเชน่ นันเพราะวา่ ท่านชอื คล้ายและราํ โนราสวยงามราวกับกินนร ในปพ ศ 2466 โดยโนราคล้ายพรหมเมศได้ออกโรงราํ มโนราหอ์ ยูห่ ลายปจนมีชอื เสียงโด่ง รชั กาลที6ได้เขา้ ไปราํ หน้าพระทีนังภายในพระบรมมหาราชวงั อกี ครงั ดังมีท่าราํ เปนเอกลักษณ์สวยงาม คือ ท่าตัวออ่ น และท่ากินนรเลียบนา เจ้าหน้าทีฝายศิลปากรได้ถ่ายรูปท่าราํ ต่างๆของหมืนระบําฯและโนราเ ยน็ แหง่ อาํ เภอฉวางผู้เปนศิษยไ์ วเ้ ปนแบบฉบับ เพือการศึกษาและเผยแพร่
าย ใชผ้ ูแ้ สดงเปนผู้หญงิ ล้วน นิยมแสดงหมู่คราวละหลายคน ฟอนเล็บเปนศิลปะการแสดงทีเปนเอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะรู โดยจํานวนคนเปนเลขคู่ เชน่ 8 หรอื 10 คน ปแบบการฟอนมีอยู่ ๒ แบบ คือแบบพืนเมืองหรอื ฟอนเมือง ประทุมโพธิ ม 4/2 และแบบคุ้มเจ้าหลวง กายน 2564 ทีมา: แล้วแต่ความยงิ ใหญ่ของงานนัน และความจํากัดของสถานที โดยผู้แสดงแต่งกายแบบฟอนเล็บ คือ การสวมเสือแขนกระบอก กระบวนท่าราํ เปนลีลาท่าฟอนทีมีความงดงามเชน่ เดียวกับฟอนเทียน ค เพลงแต่ไม่ถือเทียน นิยมฟอนในเวลากลางวนั น่งุ ซินมีเชงิ กรอมเท้า มุ่นผมมวย มีอุบะหอ้ ยขา้ งศีรษะและอกี แบบคือสวมเสือรดั อก สําหรบั ชอื ชุดการแสดงจะมีความหมายตามลักษณะของผู้แสดงทีจะสวม แต่มีผ้าสไบเปนผ้าทอลายพาดไหล่อยา่ งสวยงาม เล็บยาวสีทองทุกนิว ยกเวน้ นิวหวั แม่มือ แต่ยงั คงน่งุ ซินกรอมเท้าและมุ่นผมมวย มีอุบะหอ้ ยศีรษะ การฟอนเลบ็ อาณาบรเิ วณทางภาคเหนือของไทย ทีเรยี กวา่ “ล้านนา”นัน ฟอนแงน้ เปนทีนิยมอยูใ่ นแถบจังหวดั แพร่ น่าน เชยี งราย พะเยา เคยมีประวตั ิอนั ซับซ้อนและยาวนานเทียบได้กับสมัยสุโขทัย ประกอบการบรรเลงดนตรสี ะล้อซึงและป ถือวา่ เปนศูนยก์ ลางทังด้านปกครอง การเศรษฐกิจ และวฒั นธรรม การแสดงพืนบา้ นของภาคเหนือมีความเด่นอยูใ่ นรูปแบบทีเปนตัวของตัว เมือซอสินคําลงและปเปารบั ตอนท้ายก็ฟอนราํ ฟอนได้ทังหญิงและชาย เองอยา่ งสมบูรณ์ แม้วา่ เคยอยูใ่ นอาํ นาจของรฐั อนื ๆ มาบางระยะบ้าง ฯลฯ ก็มิได้ทําใหร้ ูปแบบของการแสดงต่าง ๆ เหล่านันเสือมคลายลง ฟอนเล็บแบบดังเดิม ผู้แสดงเปนหญงิ ทังหมด ใชด้ นตรปี ระกอบคือ ส่วนทีได้รบั อทิ ธพิ ลก็มีอยูบ่ ้าง วงติงโนง ประกอบด้วยกลองแอว (กลองติงโนง) หรอื กลองหลวง แต่ก็ได้รบั การประยุกต์ใหเ้ ขารูปแบบของล้านนาดังเดิมอยา่ งน่าชมเชยมา กลองตะโล้ดโปด ปแนน้อย ปแนหลวง ฉาบ ฆ้อง ก แสดงวา่ สามารถรกั ษาเอกลักษณ์ไวไ้ ด้อยา่ งสมบูรณ์ ฟอนเล็บนีภายหลังได้รบั การปรบั ปรุงใหม่ ทําใหล้ ีลาการฟอนราํ แตกต่างออกไปจากเดิมบ้าง ดนตรที ีใชป้ ระกอบการฟอน จะใชว้ งดนตรพี ืนเมืองซึงมีสะล้อ ซอ ซึง การแสดงพืนเมืองภาคเหนือ เปนศิลปะการราํ และการละเล่น เพลงรอ้ งมักไม่นิยมมี จะมีแต่เพลงทีใชบ้ รรเลงประกอบ ทีนิยมเรยี กกันทัวไปวา่ “ฟอน” มีลักษณะการแสดงลีลาท่าราํ ทีแชม่ ชา้ กลองสะบัดชยั เปนศิลปะการแสดงพนื บา้ นล้านนาอยา่ งหนึง ออ่ นชอ้ ย น่มุ นวล และสวยงาม ซึงปจจุบนั มักจะพบเหน็ ในขบวนแห่ แต่การแสดงบางชุดได้รบั อทิ ธพิ ลจากศิลปะของพม่า เชน่ ฟอนเล็บ ฟอนเทียน ฟอนเงยี ว ฟอนดาบ ฟอนเจิง ฟอนบายศรตี ีกลองสะบัดชยั หรอื งานแสดงศิลปะพนื บ้านโดยทัวไป ลีลาในการตีมีลักษณะโลดโผน เรา้ ใจ มีการใชอ้ วยั วะหรอื ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย เชน่ ศอก เขา่ ศีรษะ ฟอนสาวไหม การแต่งกายแบบพนื บ้านภาคเหนือ ดนตรที ีใชค้ ือ วงดนตรพี นื บ้าน เชน่ วงสะล้อ ซอ ซึง วงปูเจ่ วงกลองแอว ประกอบในการตีด้วย ทาใหก้ ารแสดงการตีกลองสะบดั ชยั เปนทีประทับใจของผู้คนทีได้ชม ๑ ฟอนเมืองหมายถึงการฟอนราํ แบบพนื เมือง ราํ ม่านหรอื ฟอนพม่า เปนการราํ ตามแบบแผนของพม่า เปนการฟอนราํ ทีมีแบบอยา่ งถ่ายทอดสืบ โดยการยกแขยแอน่ ตัวยดื ขึนสูง แล้วทิงตัวลงตาทันที จนเปนทีนิยมกันอยา่ งกวา้ งขวางในปจจุบนั จึงดูคล้ายการเต้นชา้ ๆ แต่ออ่ นชอ้ ย มีทังทีราํ เดียวและราํ หมู่ ต่อกันมานานอนั ประกอบด้วยการฟอนราํ ดนตรี และการขบั รอ้ ง ซึงฟอนบางอยา่ งก็มีแต่ดนตรกี ับฟอนแต่ไม่มีการขับรอ้ งอาจจําแนกได้ห ตลอดจนราํ เปนคู่หญงิ ชาย แต่ค่อนขา้ งหาดูได้ยาก ทังท่าราํ ก็ไม่ค่อยมีแบบแผนมากนัก ลายชนิด ดนตรปี ระกอบใชด้ นตรพี ืนเมืองทีออกสําเนียงพม่าหรอื มอญ การแสดงพนื เมือง การฟอนราํ ๒ ฟอนม่าน หมายถึงการฟอนราํ ตามแบบอยา่ งของพม่าหรอื มอญ ฟอนผเี ม็ง เปนการฟอนราํ โดยการเขา้ ทรงเชน่ เดียวกับฟอนผมี ด คงจะเปนด้วยเมือครงั เชยี งใหม่เปนเมืองขึนของพม่า นิยมเล่นในงานสงกรานต์ตามแบบแผนของชาวรามัญ (มอญ) ผู้รบั ผิดชอบ : นางสาวนันทนัช การฟอนราํ แบบดังเดิม แบ่งออกเปนประเภทใหญ่ ๆ ได้ ๓ ประเภท ประทุมโพธิ ม 4/2 เลขที29 สืบค้นเมือวนั ที คือ ฟอนเมือง ฟอนม่าน และฟอนเงยี วดังต่อไปนี จึงมีการถ่ายทอดแบบอยา่ งการฟอนราํ ซึงมีอยูด่ ้วยกันหลายแบบ ได้แก่ ซึงเคยอาศัยอยูใ่ นดินแดนล้านนาส่วนหนึงหลังจากอพยพเข้ามาพึงพระบ 25 พฤษจิกายน 2564 ทีมา: รมโพธสิ มภารและพม่าเคยกวาดต้อนเอาเข้ามาอยูต่ ามหวั เมืองเหนือ : ในการฟอนนีจะตังเตาไฟและหม้อดินบรรจุปลารา้ ไวต้ รงหน้าโรงพิธซี ึงปลู กแบบเพงิ งา่ ย ๆ การฟอนเรมิ ด้วยการทีผูเ้ ขา้ ผเี รมิ ขยบั รา่ งกาย ฟอนเงยี วแบบดังเดิม เปนการฟอนราํ ของผูช้ ายฝายเดียว ไม่มีผูห้ ญิงปนเหมือนทีมีการประยุกต์ขนึ ใหม่ ตามแบบดังเดิมนันไม่กําหนดท่าราํ ทีแน่นอน แต่จะออกท่าราํ ต่าง ๆ ผสมการตลกคะนองไปด้วยในตัว ไม่ลง “มง แซะ มง …” แต่จะออกทํานองกลองก้นยาว คือ “บอง บอง บอง เบอง เทิง บอง” การแต่งกายก็แต่งแบบชาวไตมีการพนั ศรษี ะด้วยผ้าขาวม้า สวมเสือแขนกระบอกสีดํา ๓ ฟอนเงยี ว ความจรงิ แล้ว ฟอนกินราหรอื กิงกะหลา แบบเดิมเปนอยา่ งไรไม่อาจระบุชดั ได้ แนวปกคอเสือและแนวกระดุมตกแต่งด้วยผ้าแถบลายแพรวาสีแดง ฟอนเงยี วเปนการฟอนตามแบบแผนของชาวไตหรอื ไทยใหญ่ เพราะมีการปรบั ปรุงเปลียนแปลงออกไปต่าง ๆ การฟอนของชาวไตมีหลายแบบ ส่วนใหญแ่ ล้วมักใชก้ ลองก้นยาว ฉาบ กุ๊นขอบลายผ้าด้วยผา้ กุ๊นสีเหลืองและขาว ประดับด้วยกระดุมเงนิ แม้การแต่งกายก็เชน่ เดียวกัน เดิมนันเปนการราํ เลียนแบบนก หม่ ผา้ สไบไหมแพรวาสีแดง น่งุ ผา้ ซินมัดหมีภูไทมีตีนซินยาวคลุมเข่า และฆ้อง เท่านัน มีอยูบ่ ้างทีใชด้ นตรอี นื คือ ฟอนไต มีการราํ คู่กัน เกียวพาราสีกัน หรอื หยอกล้อเล่นหวั กัน ผมเกล้ามวยมัดมวยผมด้วยผา้ แพรมน การฟอนภูไทกาฬสินธุ์ เปนการฟอนประกอบทํานองหมอลําภูไท ดนตรที ีใชป้ ระกอบการราํ ก็คือกลองก้นยาว ฉาบ ฆ้อง ไม่มีการรอ้ ง ซึงเปนทํานองพืนเมืองประจําชาชาติพนั ธุภ์ ูไท แบบดังเดิม ใช้ แคน กลองกิง กลองตุ้ม กลองแตะ กลองยาว การแต่งกาย ซึงปกติแล้วการแสดงหมอลําภูไท ฆ้องโหม่ง พังฮาด ไม้กับแก๊บ สําหรบั วงโปงลาง มักจะมีการฟอนราํ ประกอบกันไปอยูแ่ ล้ว ใชเ้ ครอื งดนตรคี รบชุดของวงโปงลาง ดนตรี ซึงทําใหก้ ารฟอนภูไทกาฬสินธุใ์ นแต่ละอาํ เภอหรอื หมู่บ้าน ผู้รบั ผดิ ชอบ นายจิรานวุ ฒั น์ นวลเกลือน เลขที 9 จะมีท่าฟอนทีแตกต่างกัน ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ฟอนภูไทกาฬสินธุ์ การฟอนภูไทเรณูนคร เปนการฟอนประเพณีทีมีมาแต่บรรพบุรุษ ทีสรา้ งบ้านแปลงเมือง การฟอนภูไทนีถือวา่ เปนศิลปะเอกลักษณ์ทางด้านวฒั นธรรม ประจําเผา่ ของภูไทเรณูนคร เครอื งดนตรปี ระกอบทีใชใ้ นการเล่น ประกอบด้วย กลองสัน กลองยาว ตะโพน ม้าล่อราํ มะนา แคน ฉิง ฉาบ การแสดงของภาคอสี าน มักเกิดจากกิจวตั รประจําวนั ฟอนภูไทเรณูนคร ดนตรี หรอื ประจําฤดูกาล เชน่ แหน่ างแมว เซิงบงั ไฟ เซิงสวงิ เซิงกระติบ ราํ ลาวกระทบไม้ ฯลฯ ลักษณะการแสดงซึงเปนลีลาเฉพาะของอสี าน คือ ลีลาและจังหวะในการก้าวเท้า มีลักษณะคล้ายเต้น แต่น่มุ นวล มักเดินด้วยปลายเท้าและสะบดั เท้าไปข้างหลังสูง เปนลักษณะของ เซิง การแต่งกาย หญิงแต่งตัวแบบพนื เมืองเดิม เกล้ามวยผม ใส่เล็บยาว ผูกแถบผา้ สีแดงบนมวยทีเกล้าไว้ ชายน่งุ กางเกง ใส่เสือคอกลม มีผ้าขาวม้าคาดพุง และมีผา้ พนั ศีรษะ ผูร้ บั ผิดชอบ น ส ณิชาภัค เพ็งจํารสั เลขที 31 ศิลปนทรงคุณค่า นายเปลือง ฉายรศั มี ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรพี นื บ้าน โปงลาง) ผลงาน เขาศึกษาค้นควา้ ปรบั ปรุงและพัฒนา \"เกราะลอ\" ใหเ้ ปนโปงลางตลอดระยะเวลา 40 ป มีความสามารถพิเศษในการเล่น และ ถ่ายทอด ในการเล่นเครอื งดนตรพี นื บ้านอสี านได้เกือบทุกชนิด เชน่ พิณ แคน และโดยเฉพาะ โปงลาง แหล่งข้อมูล วนั ทีค้นหา 18/12/64 นางบุญเพง็ ไฝผิวชยั ศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลํา) ผลงาน กลอนลําแต่ละคําของเธอมีความโดดเด่นใน ทางด้านสาระปรชั ญาชวี ติ คติสอนใจ จนเธอได้รบั ความนิยม และในไม่นาน ในป พ ศ 2498 เธอก็เปนหมอลําหญิงคนเดียว ทีได้รบั การบันทึกแผ่นเสียงมากทีสุด ได้รบั ฉายาวา่ \"ราชนิ ีหมอลํากรอน\" แหล่งขอ้ มูล วนั ทีค้นหา 18/12/64 -ทีมา ผูร้ บั ผิดชอบ นางสาวอานิสา เหมรหิ นี ม 4/2 เลขที44 การแสดงพนื เมืองภาคใต้ โนรา เปนการรา่ ยราํ ตามแบบฉบบั ของชาวปกษ์ใต้ ศิลปะการราํ และการละเล่นของชาวพนื บ้านภาคใต้อาจแ มีการขับรอ้ งประกอบดนตรกี ารราํ โนราน่าจะเปนวฒั นธรรมของอนิ เดีย บง่ ตามกลุ่มวฒั นธรรมได้ 2 กลุ่มคือ - มาแต่เดิม แล้วแพรห่ ลายเข้าสู่ชวา มลายู วฒั นธรรมไทยพุทธ ได้แก่ การแสดงโนรา หนังตะลุง ในชว่ งทีอาณาจักรศรวี ชิ ยั กําลังรุง่ เรอื ง วฒั นธรรมไทยมุสลิม ได้แก่ รองเงง็ ซําแปง มะโยง่ องค์ประกอบในการรา่ ยราํ และการแสดงโนรา ลิเกฮูลู หรอื ดีเกฮูลู โรง หรอื เวทีแสดง โรงโนราในสมัยก่อนไม่มีการยกพืน ลิเกฮูลู เปนการละเล่นขนึ บทเปนเพลงประกอบดนตรแี ละจังหวะตบมือ โดยทัวไปจะปลูกเปนรูปสีเหลียมจัตุรสั มีขนาดระหวา่ ง ๘-๙ ศอก มีรากฐานเดิมมาจาก เปดโล่งทังสีด้าน มีเสากลางอยูต่ ้นหนึง เรยี กวา่ \"เสามหาชยั ” คําวา่ ลิเก ส่วนการขบั กลอนเปนทํานองเสนาะจากทิศใต้ บทกลอนทีใชข้ บั เรยี กวา่ ปนตน หรอื ปาตง ในภาษามลายูถินปตตานี ผูแ้ สดงโนราแต่เดิมมีเพียง ๓ คน ปจจุบันมีประมาณ ๑๕-๒๐ คน เนืองจากนิยมแสดงจากนิยายสมัยใหม่ ต้องใชต้ ัวประกอบมาก องค์ประกอบ เครอื งแต่งกาย มีลักษณะคล้ายกับกินนร หรอื กินรี เครอื งแต่งกายประกอบด้วย เทรดิ หนา้ พราน -ลักษณะการเเสดง ลิเกฮูลูคณะหนึง ๆ จะมีประมาณ 10 คน เปนชายล้วน ผา้ หอ้ ยหนา้ ผา้ หอ้ ยขา้ ง (ชายไหว ชายแครง) ผ้าน่งุ หางหงส์ กําไลมือหรอื กําไลปลายแขน มีต้นเสียง 1-3 คน และเล็บมือซึงทําด้วยเงนิ หรอื โลหะ -การเเต่งกาย ผู้เล่นลิเกฮูลูนิยมน่งุ กางเกงขายาว *เครอื งดนตรี เครอื งดนตรโี นรารุน่ เก่า มีอยู่ ๕ ชนิ คือ กลอง ทับ คู่หนึง โหม่ง ๑ คู่ น่งุ ผา้ ซอแกะทับขา้ งนอกสันเหนือเข่า สวมเสือคอกลมมีผ้าโพกศีรษะ ฉิง ๑ คู่ กรบั ๑ อนั ป ๑ เลา -เครอื งดนตรี เล่นลิเกฮูลู ประกอบด้วยราํ มะนา อยา่ งน้อย ๒ ใบ ใชต้ ีดําเนินจังหวะในการแสดง ฆ้องเปนเครอื งกํากับจังหวะ
การแสดงพื้นเมืองของภาคอีสานเกิดขึ้นจากอะไร ก.รักความสนุกสนาน ข.ฐานะทางเศรษฐกิจ ค.กิจวัตรประจำวันหรือประจำฤดูกาล ง.ความอุดมสมบูรณ์ เฉลย ค. นายจิรานุวัฒน์ นวลเกลื่อน เลขที่ 9 \" หมอลำ \" เป็นการแสดงของภาคใด ก.ภาคเหนือ ข.ภาคกลาง ค.ภาคอีสาน ง.ภาคใต้ เฉลย ค. นายกฤษณ์วศิลป์ หมันหลี เลขที่ 10 การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือแบ่งได้เป็นสองประเภทคือฟ้อนเล็บและฟ้อนรำ แล้วการฟ้อนรำแบ่งออกได้เป็นกี่ ประเภท อะไรบ้าง ก.2ประเภท คือ ฟ้อนม่าน ฟ้อนเงี้ยว ข.3ประเภท คือ ฟ้อนเมือง ฟ้อนม่าน ฟ้อนกิงกะลา ค.2ประเภท คือ ฟ้อนม่าน ฟ้อนกิงกะลา ง.3ประเภท คือ ฟ้อนเมือง ฟ้อนม่าน ฟ้อนเงี้ยว เฉลย ง. นันทนัช ประทุมโพธิ์ เลขที่29 ศิลปินแห่งชาติท่านใดที่ได้รับการบันทึกแผ่นเสียงมากที่สุด และในปีใด ก. นาย เปลื้อง ฉายรัศมี ได้รับการบันทึกแผ่นเสียงใน ปี พ.ศ 2481 ข. นาง บุญเพ็ง ไฝผิวชัย ได้รับการบันทึกแผ่นเสียงใน ปี พ.ศ.2498 ค. นาง บัวผัน จันทร์ศรี ได้รับการบันทึกแผ่นเสียงใน ปี พ.ศ.2479 ง. นาย เปลื้อง ฉายรัศมี ได้รับการบันทึกแผ่นเสียงใน ปี พ.ศ.2487 เฉลย ข. น.ส. ณิชาภัค เพ็งจำรัส เลขที่ 31 ข้อใดถูกต้อง ก.คล้าย พรหมเมศ : มีท่ารำที่มีเอกลักษณ์ คือ ท่าราหูจับจันทร์ ข.นายกั้น ทองหล่อ : มีเทคนิคในการเล่นหนังตะลุงโดยการใช้น้ำเสียงเดียวทั้งเรื่องไม่สื่อสารอารมณ์ ค.นางลมุล ยมะคุปต์ : มีบทบาทสำคัญต่อวงการนาฏศิลป์ไทย คือ เป็นผู้ร่างหลักสูตรการเรียนให้กับวิทยาลัย นาฏศิลป์ ง.ครูสมพันธ์ โชตนา : ได้ปรับปรุงท่ารำ ชุดพื้นเมืองภาคใต้ให้แก่วิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ เฉลย ข้อ ค. น.ส.ธัญจิรา จันทรโชติ เลขที่ 34 เครื่องดนตรี (ทับ) ทำหน้าที่อย่างไร ก. เสริมแนวจังหวะและล้อเสียงทับ ข. การเป่า สามารถควบคุมได้21เสียง ค. คุมจังหวะและเป็นตัวนำในการเปลี่ยนจังหวะทำนอง ง. กำกับจังหวะของดนตรีไทย เฉลย ค. อานิสา เหมริหนี เลขที่44
เลขานกุ าร เลขที 21 สมาชกิ ในกลุ่ม เลขที 24 ชอื :นางสาว อภิษฎา ใบเด้น (ไอซ์) นางสาวสุวชิ ญา ละอองมณี (ติด) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0982613087 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0887517647 Facebook : ไอซ์ อภิษฎา Line : 0982613087 Facebook : Suwichaya Laongmanee Line : tich.14 รองหวั หน้ากลุ่ม เลขที 19 GROUP WORK หวั หน้ากลุ่ม เลขที 23 Power Puff Girl ชอื : นางสาว ปุณชรสั มิ ไชยศรี นางสาวชนิกานต์ นพรตั น์ (ตุ๊กตา) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0994060090 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0945618502 Facebook : Phuncharat chaisri Facebook : Chanikan Nopparat Line : 0945618502 Line : chanikan5030 สมาชกิ ในกลุ่ม เลขที 16 ชอื :นางสาวชนากานต์ เกิดศรี E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0803057040 Facebook :Chanakarn kerdsri Line :0803057040
การแสดงพืนบา้ น ประเทศเวยี ดนาม ศิลปนผู้ทรงคุณค่า หนุ่ กระบอกนา โต หงอ็ ก เวนิ (เวยี ดนาม: Tô Ngọc Vân) เกิดเมือ การเชดิ หนุ่ กระบอกนาของเวยี ดนามมีเอกลั กษณ์เฉพาะตัวทีโดดเด่นและเปนการละเล่น พ ศ 2449 เสียชวี ติ เมือ พ ศ 2497 ทีมีอยูเ่ พียงแหง่ เดียวในโลก เปนจิตรกรทีมีชอื เสียงของเวยี ดนาม ผู้เชดิ หนุ่ จะยนื อยูห่ ลังฉากในนาทีสูงถึงระดั ผลงานของเขาหลายชนิ จัดแสดงไวใ้ นพิพิธภัณฑ์วจิ ิตร บเอว ศิลปแหง่ ชาติเวยี ดนาม และควบคุมการเคลือนไหวของหุน่ กระบอกด้ ถนนสายหนึงในฮานอยตังตามชอื ของเขา วยไม้ไผ่ลํายาว เวนิ ทํางานเปนครูสอนศิลปะ โดยมีวงดนตรพี ืนบ้านบรรเลงประกอบ เนือเรอื งส่วนใหญบ่ อกเล่าถึงขนบธรรมเนีย และเปนจิตรกรทีเปนแรงบันดาลใจของจิตรกรรุน่ หลัง ๆ ม ประเพณี วถิ ีชวี ติ พืนบ้านตามชนบทของชาวเวยี ดนาม เวนิ เข้ารว่ มกับขบวนการต่อต้านฝรงั เศสในภาคเหนือข องเวยี ดนาม ทีผูกพันอยูก่ ับสายนา รวมถึงตํานานทีสําคัญของเวยี ดนาม เชน่ และเขาเสียชวี ติ หลังจากได้รบั บาดเจ็บระหวา่ งการรบ ในยุทธการ เดียนเบียนฟู ตํานานทะเลสาบคืนดาบ และถึงแม้วา่ การแสดงหนุ่ กระบอกนาไม่มีก [] ารพากยด์ ้วยภาษาอนื สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 แต่ท่าทางของหุน่ ก็ทําใหผ้ ู้ชมเข้าใจเรอื งราว น ส ชนิกานต์ นพรตั น์ ม 4/2 เลขที19 ได้เปนอยา่ งดี ประเทศบรูไน (( )) การแสดงพืนบา้ น สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 อาลุส ูวา ดินดัง (Alus Jua Dendang) ศิลปนผทู้ รงคณุ ค่า คือการแสดงฟอนราํ ของชาวบรูไน \"มาเรยี \" หรอื เมเรยี วยั 24ป เปนประเพณีทีสืบต่อกันมาจากสมัยโบราณ เธอเปนเจา้ ของรางวลั มากมาย รวมถึงเปนนักรอ้ งหญิงยอดเยยี มใน มักมีแสดงในงานแต่งงาน Pelangi Awards มีนักเต้นทังผู้ชายและผู้หญงิ ทําการฟอนราํ เปนเจา้ ของหลายเพลงดงั ซงึ ติดอันดบั หนึงใ นหลายชารต์ โดยแนวเพลงทีเธอถนัดคือ และรอ้ งเพลงประกอบไปด้วย อารแ์ อนด์บี และบลั ลาด เปาหมายทางดา้ นอาชพี ของมาเรยี คือ () การมชี อื เสยี งระดับนานาชาติ และทีผา่ นมา เธอยงั มผี ลงานเพลงภาษาอังกฤษออกมาแล้ สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ว ทังยงั เคยทํางานรว่ มกับศิลปนชอื ดงั จากสงิ ค์โปร์ และมชี อื เสยี งไมน่ ้อยทีบรูไน [] สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ประเทศอนิ โดนีเซีย น ส อภิษฎา ใบเด้น ม 4/2 เลขที 24 การแสดงพืนบ้าน ประเทศกัมพูชา ระบาํ บารอง หนึงในการแสดงด้วยศิลปะการรา่ ศิลปนผทู้ รงคณุ ค่า การแสดงพืนบา้ น ศิลปนผู้ทรงคุณค่า การแสดงพืนบ้าน ยราํ อนั เปนเอกลักษณ์มากทีสุดอ เฮริ โดโน (HERI DONO) ระบาํ อปั สรา (Apsara Dance) โซฟลีนคือหนึงในเด็กหญิง 111 บงั สาวนั (ฺBangsawan) ยา่ งหนึงของเกาะบาหลี คือศิลปนรว่ มสมยั ยุค 1980 เปนการแสดงนาฏศิลปทีโดดเด่ คนทีเข้าไปเปนนักเรยี นนาฏศิลปรุน่ แรกขอ เปนการแสดงละครรอ้ งเหมือนกับการแ ซึงไม่เพียงแต่เปนศิลปะการแสดง การนั ตีฝไมล้ ายมอื ด้วยการเขา้ รว่ มแสดงผลงานใน นของกัมพูชา ซึงถอดแบบการ งโรงเรยี น เธอเปนลูกหลานครูนาฏศิลป สดงโอเปรา่ ของทางยุโรปเปนการแสดง อนั งดงามเท่านัน เทศกาลศิลปะรว่ มสมยั นานาชาติ เบยี นนาเล่ กวา่ แต่งกายและท่ารา่ ยราํ มาจากภ ผู้หญิงคนนีเปนนักเต้นคนสําคัญทีขับเคลือ ทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมากในสิงคโ บารองยงั เปนส่วนหนึงของพิธกี รร 31 ครงั าพจําหลักรูปนางอปั สรทีปราสา ปรโ์ ดยมีการแสดงประกอบกับการรอ้ งบ มตามความเชอื ดังเดิมของบาหลี และเปนศิลปนรว่ มสมยั ชาวอินโดนีเซยี ผเู้ ดียวทีได้รบั เ นนาฏศิลปกัมพูชา ทละครออกมาเปนเพลงด้วยตัวของนักแ ซึงจําลองการต่อสู่ระหวา่ งฝายธร ชญิ เขา้ รว่ ม The Biennale Arte ในป 2003 ทนครวดั แม่ครูคนนียงั สรา้ งสรรค์ผลงานจนได้รบั รา รมะและฝายอธรรม นอกจากนีเขายงั ได้รบั รางวลั ระดับนานาชาติอีกหลาก งวลั มากมายและเดินสายแสดงผลงานไปทั สดงเอง หลายรางวลั เฮริ โดโน สืบค้นเมือวนั ที22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 พรอ้ มกับการเต้นประกอบดนตรี สืบค้นเมือวนั ที 21 พฤศจิกายน พ ศ 2564 โด่งดังเรอื งงานศิลปะชุมชนทีเอาวฒั นธรรม ศิลปะ วโลก ในท่าทางและอารมณ์ต่างๆตามบทบาท พนื เมอื ง มานําเสนอในหลากหลายรูปแบบ ผลงานดังของเธอคือละครราํ แบบรดั เครอื ง มผี ลงานทีสง่ ผลมาถึงชวี ติ ผคู้ นปจจุบนั ทีได้รบั มาสรา้ งเปนผลงาน ดังเชน่ Javanese folk ทีดัดแปลงจากเรอื ง Othello สรา้ งความสนกุ สนานใหผ้ ู้ชมเปนอยา่ งม theater : wayang ของเชกสเปยร์ าก สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 โดยการแต่งกายจะมีการแต่งกายด้วยเ สือผ้าสีสันสดใสทีได้รบั อทิ ธมิ ากจากประ เทศเพือนบ้านอยา่ งมาเลเซีย สืบค้นเมือวนั ที22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 Dru นักแ ทีมีอทิ ธ ล อาร สืบค
การแสดงพืนบ้าน การแสดงพืนบ้าน ยนั แย่ - ฟอนเทียน (Oil Lamp Dance) เปนศิลปะการแสดงฟอนราํ ดังเดิมของประเทศพม่า เปนการแสดงของชาวชองซึงเปนชนพืนเมืองดังเดิม เพือเปนการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธด้วยดวงประที ทีอาศัยอยูแ่ ถบตําบลตะเคียนทอง และ ป โดยในการฟอนจะใชก้ ารจุดดวงประทีป หรอื ดวงไฟ ตําบลคลองพลู อาํ เภอเขาคิชฌกูฏ จังหวดั จันทบุรี กับไส้ตะเกียงทีในแชน่ ามัน แต่เดิมนันเพลงยนั แย่ จะใชส้ ําหรบั รอ้ งกล่อมเด็ก ซึงมีถ้วยดินเผารองไวอ้ กี ทีหนึง ผสมผสานกับลีลาท่วงท่าในการรา่ ยราํ ทีต้องคอยประ ผู้รอ้ งจะรอ้ งเปน ภาษาของชอง คับประคองดวงประทีปไม่ใหด้ ับ เนือหาของบทรอ้ งจะเปนเรอื งราวเกียวกับชวี ติ ความเ ซึงถือเปนหวั ใจหลักของการแสดงฟอนนี ทีอาจกล่าวได้วา่ เปนการสือความหมายถึงความเลือม ปนอยู่ การทํามาหากินพรอ้ มทังสอดแทรกข้อคิด ใสศรทั ธาในพระพุทธศาสนาจะไม่มีวนั ดับสูญจากพุท ปรชั ญา ความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธทิ ีเขานับถือ ธศาสนิกชน ไม่มีการแต่งบทรอ้ งไวเ้ ปนลายลักษณ์อกั ษร นับวา่ เปนการแสดงทีมีจุดเด่นทีดึงดูดใจจากผู้ชมได้เ ผู้รอ้ งจะรอ้ งด้นสด ๆ ตามประสบการณ์ และ ปนอยา่ งดี จินตนาการของตนเอง ใชค้ ํางา่ ยๆ ซึงในปจจุบนั ได้มีการปรบั เปลียนมาใชเ้ ทียนไขในการ ต่อมาได้มีการนําเอาทํานองเพลงยนั แย่ มาแต่งบทรอ้ งใหเ้ ปนบทโต้ตอบ และเกียว แสดง พาราสีกันของหน่มุ สาวเพือใชแ้ สดง สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 https://www.m-culture.go.th/ สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ประเทศไทย น ส สุวชิ ญา ละอองมณี ม 4/2 ประเทศพม่า ศิลปนผู้ทรงคุณค่า เลขที21 Siti Nurhaliza binti Tarudin เปนนักรอ้ งชาวมาเลเซีย ตังแต่เธอเปนนักรอ้ ง ศิลปนผู้ทรงคุณค่า ศิลปนผู้ทรงคุณค่า เธอได้รบั รางวลั การแข่งขันประกวดรอ้ งเพลงระดับนา นายวโิ รจน์ วรี ะวฒั นานนท์ พระเอกลิเก- พิว พิว จ่อ เต็ง ผู้กํากับการแสดงลิเก-ผู้ประพันธบ์ ทลิเก- เปนนักรอ้ งสาววยั 31 นาชาติหลายครงั ทีอยูใ่ นธุรกิจดนตรมี ายาวนานเกือบทศวรรษคนนีมี เธอได้รบั ฉายาวา่ เปนเสียงแหง่ เอเชยี ผู้ประกอบพิธไี หวค้ รูลิเก คุณตาหอมหวลได้ตังคณะลิเก ดีกรเี ปนถึงแพทยห์ ญิง หลังจากชนะตําแหน่งกรงั ปรแี ชมเปยนจากเทศกาล “คณะหอมหวลรุน่ พิเศษ” พาออกแสดงตามเมืองต่างๆ โดยนอกจากปรญิ ญาแพทยศาสตรแ์ ล้ว เธอยงั เปนเลขาธกิ ารสมาคมดนตรแี หง่ พม่า Voice of Asia โดยมอบความไวว้ างใจใหน้ ายวโิ รจน์หลานชายรบั บทพร และเปนตัวแทนทูตองค์กรการกุศลขององั กฤษเพือ รายการประกวดรอ้ งเพลงทีจัดขึนทีเมืองอลั มาเตอ ต่อต้านการค้ามนษุ ยอ์ กี ด้วย ประเทศคาซัคสถาน โดยก่อนหน้านันในป ค ศ ะเอกประจํา และอลั บัมล่าสุดของเธอ \"A Girl is Broken- 1999 เธอได้รบั รางวลั โกลด์อะวอรด์ จากรายการ Asia hearted\" ก็ขึนชารต์ เพลงอนั ดับหนึงในพม่า จนเรมิ มีชอื เสียงและเมือมีประสบการณ์มากขึน และติดท็อปเทนนานถึง 3 เดือน New Singer Competition ทีเซียงไฮเ้ อเชยี มิวสิกเฟสติวลั ทีจัดทีเมืองเซียงไฮ้ คุณตาหอมหวลได้อนญุ าตใหเ้ ปนหวั หน้าคณะลิเกเอง สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ประเทศจีน และในปเดียวกันเธอได้รบั 2 รางวลั จาก โดยใชช้ อื คณะวา่ “วโิ รจน์หลานหอมหวล” การประกวดรอ้ งเพลงเซาท์แปซิฟกในป ค ศ 1999 สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน ทีจัดทีเมืองโกลด์โคสต์ รฐั ควนี ส์แลนด์ พ ศ 2564 ประเทศออสเตรเลีย น ส ปุณชรสั มิ ไชยศรี ชนั ม 4/2 เลขที 23 สืบค้นเมือวนั ที 21 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ประเทศมาเลเซีย การเเสดงพืนบ้าน ระบําโยเก็ต (Joget Dance) เปนระบํามาเลยแ์ บบดังเดิม มีถินกําเนิดทีมะละกา ได้รบั อทิ ธพิ ลมาจากระบําโปรตุเกสทีแพรเ่ ข้ามายงั มะละในยุคของการค้าขาย เครอื งเทศ เปนหนึงในระบําพืนเมืองทีได้รบั ความนิยมมากทีสุดของมาเลเชยี โดยปกติจะแสดงโดยคู่นักเต้นระบําชาย-หญิง ในชว่ งเทศกาลต่างๆ หรอื ในงานแต่งงาน และงานพิธตี ่างๆ ทางสังคมดนตรเี น้นจังหวะหนักและค่อนข้างเรว็ ระหวา่ งทีคู่เต้นหยอกล้อเล่น กัน สืบค้นเมือวนั ที 21 พฤศจิกายน พ ศ 2564 การแสดงพืนบ้านอาเซียนในโซน เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า Amelia Lapeña-Bonifacio (อะมีเลีย ลาเพนา-โบนิฟาซิโอ) ประเทศฟลิปปนส์ (เกิด 4 เมษายน 1930) เมืองมะนิลา ประเทศฟลิปปนส์ การเเสดงพนื บ้าน เสียชวี ติ เมือ: 29 ธนั วาคม ตินิกลิง (Tinikling)ระบําประจําชาติของฟลิปปนส์ เปนระบําของชนเผ่าพนื เมืองทีใชไ้ ม่ไผ่สองลําตี – แตะกระทบกัน 2563เปนนักเขียนบทละครชาวฟลิปปนส์ ผู้เต้นจะก้าวขาเต้นเปนจังหวะระหวา่ งไม้ไผ่สองลํานัน นักเชดิ หนุ่ และนักการศึกษาทีรูจ้ ักกันในชอื \"Grande Dame ตินิกลิงเปนระบําทีต้องอาศัยความเชยี วชาญและการฝกฝน of Southeast Asian Children's Theatre\" ผู้เต้นต้องมีความรวดเรว็ และความคล่องตัว เธอได้รบั การยอมรบั ในป 2018 ในฐานะ เปนการแสดงพนื บา้ นของเมืองเลยเ์ ต (Leyte) และเมืองอนื ๆ ศิลปนแหง่ ชาติของฟลิปปนส์ สําหรบั Theatre ในหมู่เกาะวซี ายสั ซึงเปนงานประชุมทีแสดงถึงการยกยอ่ งศิลปนสูงสุดของรฐั ***ดนตรขี องชาวฟลิปปนส์ได้รบั อทิ ธพิ ลจากสเปนค่อนขา้ งมาก ฟลิปปนส์ ส่วนใหญ่มักใชก้ ีตารเ์ ปนเครอื งดนตรหี ลัก สืบค้นเมือวนั ที 21 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ชาวฟลิปปนส์ไม่เพียงแต่เล่นกีตารเ์ ก่งแต่ยงั สามารถผลิตกีตารท์ ี น ส ชนากานต์ เกิดศรี ม 4/2 เลขที16 มีคุณภาพสูงด้วย โดยส่วนใหญ่ผลิตขึนทีเกาะเซบู ประเทศสิงคโปร์ ประเทศลาว ศิลปนผู้ทรงคุณค่า สืบค้นเมือวนั ที 21 พฤศจิกายน พ ศ 2564 u Chen เปนนักรอ้ ง แต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า การแสดงพืนบา้ น ธพิ ลแนวดนตรสี ไตล์โซ ดาวเวยี ง บุตรนาโค เปนนักเขียน ลําลาวหรอื หมอลําเปนการแสดงด รแ์ อนด์บี แจ๊ส และฟงค์ กวี นตรพี ืนบา้ นของลาว ค้นเมือวนั ที 22 พฤษจิกายน พ ศ 2564 และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอนั โด่ โดยนักรอ้ งเปนผู้เล่าเรอื ง ใชแ้ คนเปนเครอื งดนตรหี ลัก งดัง แต่ก็ใชเ้ ครอื งดนตรอี นื ประกอบได้ และยงั เปนศิลปนแหง่ ชาติของสา การแสดงแบบเดียวกันนีในภาคตะ ธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชน วนั ออกเฉียงเหนือของไทยเรยี กหม ลาว อลํา แต่ในลาว คําวา่ หมอลําจะเน้นทีตัวผู้ขับรอ้ ง error error สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564 สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน พ ศ 2564
การแสดงพนื้ บ้านอาเซียนในโซนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ น.ส.ชนากานต์ เกดิ ศรี ม.4/2 เลขท1ี่ 6 เร่ือง การเเสดงพ้ืนบ้านของประเทศสิงคโปร์ 1.บงั สาวนั เป็นการรอ้ งเพลงแนวไหน ก.ร็อค ข.แจส๊ ค.โอเปร่า ง.ป๊อป น.ส.ชนิกานต์ นพรัตน์ ม.4/2 เลขที่19 เร่ือง ศิลปินประเทศเวยี ดนาม 2.โต หง็อก เวิน เสียชีวติ จากการรบในยทุ ธการใด ก.ยทุ ธการบริเต ข.ยทุ ธการเดียนเบยี นฟู ค.ยทุ ธการมิดเวย์ ง.ยทุ ธการเบอร์ลิน น.ส.สวุ ิชญา ละอองมณี ม.4/2 เลขท่ี21 เร่ือง การแสดงพืน้ บ้านของประเทศไทย 3.แต่เดิมเพลงยันแยใ่ ชส้ ำหรับโอกาสอะไร ก.แสดงละครพ้ืนบา้ น ข.รอ้ งกลอ่ มเด็ก ค.แสดงโขน ง.แสดงระบำ น.ส.ปณุ ชรัสม์ิ ไชยศรี ม.4/2 เลขท่ี 23 เรอื่ ง การเเสดงพนื้ บ้านของประเทศมาเลเซยี 4.ระบำโยเกต็ เป็นการเเสดงของประเทศอะไรเเละไดร้ บั อทิ ธิพลมาจากประเทศใด ก.ประเทศอนิ โดนีเซยี ,ประเทศฝร่งั เศส ข.ประเทศฟิลิปปนิ ส์,ประเทศฝรง่ั เศส ค.ประเทศมาเลเซยี ,ประเทศโปรตเุ กส ง.ประเทศบรไู น,ประเทศโปรตุเกส น.ส.อภิษฎา ใบเดน้ ม.4/2 เลขท2่ี 4 เรอ่ื ง ศลิ ปินประเทศอนิ โดนเี ชีย 5.เฮริ โดโนเป็นศิลปนิ ชาวใดแลว้ โดดเด่นเร่อื งอะไร ก.ชาวอินโอนเี ซีย เด่นเรือ่ งนำศลิ ปะพืน้ เมือง ข.ชาวลาว เด่นเร่ืองนกั แตง่ เพลง ค.ชาวเวียดนาม เดน่ เรอ่ื งการทำละครและการแสดงลิเก ง.ชาวสงิ คโปร์ เดน่ เรื่องมีผลงานศิลปะการแสดงสด
เฉลย 1. ค. โอเปร่า 2. ข. ยุทธการเดยี นเบยี นฟู 3. ข.ร้องกล่อมเด็ก 4. ค. ประเทศมาเลเซยี ,ประเทศโปรตเุ กส 5. ก. ชาวอนิ โดนีเซีย เด่นเรื่องการนำศิลปะพื้นเมอื ง
เลขานกุ าร GROUP W นางสาวณิชาพัชร์ นิตยว์ มิ ล (ปรายฝน) กลุ่ม : DANCING E-mail : [email protected] ASEAN เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0954419808 Facebook : Nichapat Nitvimon Line : 0818972019 เลขที 26 สมาชกิ ในกลุ่ม นายวชั รพงศ์ เสนเพ็ชร์ (ปอย) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0973560672 Facebook : วชั รพงศ์ เสนเพ็ชร์ Line : 0973560672 เลขที 5
หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวทักษอร แก้วแพรก (อุน่ ) นางสาวจิดาภา มีพัฒน์ (พะแพง) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0824559655 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0611758485 Facebook : ทักษอร แก้วแพรก Facebook : Jidapa Meepat Line : 0824559655 Line : 0611758485 เลขที 25 เลขที 27 สมาชกิ ในกลุ่ม WORK นายวทิ ทสุ ทองนิม (จูน) G ART OF E-mail : [email protected] N เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0910488400 Line : 0910488400 สมาชกิ ในกลุ่ม Facebook : Wittasu thongnim นายเจษฎาภรณ์ หว้ ยหอ้ ง (เจฟฟ) เลขที 2 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0845817503 Facebook :Jaffy Huayhong Line : 08458175033 เลขที 1
เพลงพืนเมืองโอกินาวา่ ในหม ชาวบา้ นทีเปนต้นกําเน จนก่อใหเ้ กิดกา เปนหนึงในศิลปะการแสดงทีมีการรา่ ยราํ แบบดังเดิ ระบาํ รวิ กิว ม คูมิโอโดริ ซึงใชแ้ สดงในงานเลียงต้อนรบั ทูตสัมพันธไมตรจี า กจีนทีถูกส่งมาประจําในสมัยราชวงศ์รวิ กิว เปนผลงานการแสดงทีถูกสรา้ งสรรค์ออกมาตามก ารดําเนินชวี ติ ของชาวบ้านด้วยท่วงท่าระบําหลากลี ลาทีแสดงออกมาด้วยความรูส้ ึกทีมาจากใจ บทพูด (ใชค้ ําศัพท์ญีปุนโบราณหรอื คําศัพท์ทีใชพ้ ูดในเมือง ชูรซิ ึงเปนทีตังของรฐั บาลเปนหลัก), ดนตรแี ละแนวเพลงรวิ กะในสมัยรวิ กิวโบราณ (ดนตร-ี เพลง) และการรา่ ยราํ (ระบํารวิ กิว) การแสดงชุดนีได้รบั การสืบทอดไปตามยุคสมัยในฐ านะทีเปนศิลปะการแสดงชนั สูงทีมีความเปนทางก ารของ “รวิ กิว” ซึงคล้ายกับศิลปะการแสดงแบบดังเดิมของญปี ุนที เรยี กวา่ ละครโนและละครเคียวเงน็ เปนชอื ทีใชใ้ นการแสดงของนักแสดงอุปรากรจีน เหมย หลันฟง ศิลปนผู้ทรงคุณค ทีมีชอื เสียงทีสุดของประเทศจีนในยุคปจจุบนั มีชอื จรงิ วา่ เหมย หลัน เขาเปนนักแสดงชายผู้รบั บท \"ตัน\" หรอื ตัวนาง ทีมีลีลาการแสดงทีออ่ นชอ้ ยงดงาม ได้รบั การยกยอ่ งเปนหนึงในสีนักแสดงงวิ ปกกิง ทีสมบูรณ์แบบทีสุดในประวตั ิศาสตรก์ ารแสดงอุปร ากรจีน อา้ งอ โยชโิ ตโมะ นาระ (ญีปุน: 奈良美智) ผลงานมีทังภาพวาดและประติมากรรม เปนศิลปนชาวญีปุน ทีมีชอื เสียงระดับโลก จะมีบุคลิกแบบการต์ ูนเด็กหรอื ทีภาษาญีปุนเ นาระเกิดวนั ที 5 ธนั วาคม ค ศ 1959 รยี กวา่ 'มังงะ' (manga) รวมถึงสัตว์ ทีเมืองฮโิ รซากิ จังหวดั อาโอโมริ ประเทศญีปุน โดยเฉพาะสุนัข จบการศึกษาศิลปะในระดับปรญิ ญาตรแี ละโท ทีกลับแสดงอารมณ์ในทางตรงข้าม บินไปเรยี นศิลปะต่อทีประเทศเยอรมนี (ผดิ กับคน) คือดูอบอุน่ ออ่ นโยน หลังจากนันก็กลับมาทํางานศิลปะและอยูท่ ีกรุงโตเ ซึงล้วนเปนแรงบันดาลใจมาจากความทรงจํา กียว ประเทศญีปุน ในวยั เด็ก ประวตั ิของละครญีปุนเรมิ ต้นประมาณศตวรรษที ศิลปนผู้ทรงคุณค่า 7ได้แก่ ละครโนะ ละครคาบูกิ การกําเนิดของละครญีปุน อา้ งองิ สืบค้นเมือวนั ที : 26/11/2564 มีกําเนิดมาจากพนื เมืองปฐม สืบค้นเมือวนั ที : 26/11/2564 กล่าวคือววิ ฒั นาการมาจากการแสดง ระบําบูชาเทพเจ้าแหง่ ภูเขาไฟ ละครโนะเปนละครทีเก่าแก่ทีสุดในญีปุน พัฒนาขึนในศตวรรษที 14 และต่อมาญีปุนได้รบั แบบแผนการแสดงมาจากป ระเทศจีนโดยได้รบั ผา่ นประเทศ เกาหลีชว่ งหนึง เคยเฟองฟูในหมู่ชนชนั ซามูไร เวทีละครโนมีลักษณะเรยี บงา่ ย ประวตั ิประเทศญปี ุน นักแสดงสวมหน้ากาก ญปี ุน และแต่งกายแบบโบราณทีสวยหรู ก ใชเ้ สียงค่อนขา้ งเนิบ เปล่งออกมาในระดับเดียว ประ ละครคาบูกิ เปนศิลปะการแสดงของญีปุน เรยี กวา่ อุไต (utai) โดยมีการแต่งหน้าทีเปนเอกลักษณ์ เปนการผสมผสานกันระหวา่ งเสียงสวดมนต์ เปนการแสดงทีเต็มไปด้วยฉากตืนเต้นเรา้ ใ และการเล่านิทาน จ เครอื งแต่งกายวจิ ิตรงดงาม เปนเรอื งราวเกียวกับสังคมซามูไรและเรอื ง ราวชวี ติ ของชาวเมือง ละครคาบูกิ นาฏศิลปพืนบ้าน ละครโนะ ละครหุน่ บุนรากุ นายวชั รพงศ์ เสนเพ็ชร์ เลขที 5 เปนการแสดงทีนิยมและแพรห่ ลายทีสุด นางสาวจิดาภา มีพัฒน์ เลขที 25 เปนหุน่ ทีสรา้ งขึนอยา่ งประณีตงดงาม ขนาดเกือบเท่าคนจรงิ เคลือนไหวได้แทบทุกส่วน เรอื งทีแสดงมักแสดงเรอื งเดียวกับละครโนะ อา้ งองิ สืบค้นวนั ที่ 24 พฤศจิกายน 2564 Buchaechum ถูกสรา้ งขึนในปพ ศ 2497 ศิลปนผู้ทรงคุณค่า โดยนักเต้น Kim Baek-bong ซึงได้รบั อทิ ธพิ ลจากทังสองอยา่ ง หมอผีเกาหลี การเต้นราํ แบบพิธกี รรมและแบบดังเดิม โชซอน ศาลและการเต้นราํ พืนบ้าน 1. แบบแสดงออกซึงความรนื เรงิ ความโอบออ้ มอารี นาฏศิลปเกาหลี ประวตั ิความเปนมาของนาฏศิลป และความออ่ นไหวของอารมณ์ มีลีลาอนั งดงามออ่ นชอ้ ยอยูท่ ีการเคลือนไหวไหล่และเอวเปน ศิลปะการรา่ ยราํ แบบเกาหลีแบ่งออกเปน 2 2. แบบพิธกี าร ส่วนสําคัญ ตามหลักทฤษฎีนาฎศิลปเกาหลี มี 2 แบบ คือ ประเภทเชน่ เดียวกับดนตรี คือ แบบราชสํานักและแบบพืนบา้ น ดัดแปลงมาจากวฒั นธรรมและประเพณีทางพุทธศาสนา ในแบบฉบบั ของราช สํานักนัน ท่าทางของการราํ จะชา้ และสงา่ งาม ซึงสะท้อนปรชั ญาของการเดินสายกลางและการระงบั อารมณ์ความ รูส้ ึก เปนอทิ ธพิ ลมาจากปรชั ญาขงจือ ในทางตรงกันข้าม ระบาํ พืนบ้านซึงสะท้อนชวี ติ การทํางานและศาสนาของสามัญชนจะใ ชจ้ ังหวะและทํานอง ทีสนกุ สนาน เปนลักษณะของการแสดงออกทีเปนอสิ ระและมีชวี ติ ชวี าของคนเกา หลี เชน่ ระบาํ ของชาวนาชาวไร่ ระบําหน้ากาก และการรา่ ยราํ ทางไสยศาสตร์
Search