Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องเลื่อย

เครื่องเลื่อย

Published by ramet2006, 2020-05-12 03:52:18

Description: งานเครื่องมือกลเบื้องต้น

Search

Read the Text Version

วิชา : งานเคร่ืองมือกลเบอื้ งตน ใบเน้อื หา 1/19 หนวยการเรยี นที่ 1 : เคร่ืองเล่อื ยกล หนว ยการเรยี นรูท่ี 1 เคร่อื งเลอื่ ยกล (Sawing Machine) เคร่อื งเลอื่ ยกล (Sawing Machine) การเล่ือย คือ การตัดชนิ้ งานออกดวยใบเลอื่ ยท่ีมีคมเลก็ ๆ หลาย ๆ คม คลายคมสวิ่ หรือคมสกดั จาํ นวนมาก เรียงกนั เปน แถว ฟน ใบเล่อื ยจะกดั ชน้ิ งานพรอม ๆ กันทลี ะหลายฟน ใหเปนรอ ง จนขาดออกจากนั การเล่ือย จาํ แนกเปนการเล่อื ยดวยมือ (Hand Sawing) คือเปน งานเลอ่ื ยชิ้นงานจาํ นวนไมมาก และ เลื่อยดว ยเลอ่ื ยไฟฟา (Power Hack Saw) หรือเรียกวา เคร่อื งเล่ือยกล (Sawing Machine) จาํ เปนสาํ หรบั งาน เลอ่ื ยชนิ้ งานอตุ สาหกรรม คอื เลือ่ ยชน้ิ งานจํานวนมาก ทง้ั ชนิ้ งานขนาดเล็กและขนาดใหญ เคร่อื งเลือ่ ยกลแบง ออกเปนประเภทใหญ ๆ ไดด งั น้ี เครอ่ื งเล่อื ยกลแบงออกเปน 4 ชนดิ คือ 1. เคร่อื งเลื่อยชกั (Power Hack Saw) 2. เครื่องเลื่อยสายพานนอน (Horizontal Band Saw) 3. เครื่องเล่ือยสายพานตั้ง (Vertical Band Saw) 4. เครอ่ื งเลือ่ ยวงเดือน (Radius Saw or Circular Saw) 1. เครื่องเลือ่ ยชกั (Power Hack Saw) เคร่อื งเล่อื ยแบบชกั เปนท่นี ยิ มใชกันอยางแพรอหลายในการเล่ือยตดั วสั ดงุ านใหไ ดขนาดและความยาว ตามความตองการ ระบบการขบั เคลอ่ื นใบเล่ือย ใชส งกําลังดว ยมอเตอร แลว ใชเฟองเปน ตวั กลับทศิ ทางและใช หลักการของขอ เหวย่ี งเปนตวั ขบั เคลอื่ นใหใ บเลื่อยเคลอ่ื นท่กี ลบั ไปกลบั มาในแนวเสน ตรงอยางตอเนื่องทาํ ใหใ บ เล่ือยสามารถตัดงานได รูปท่ี 1.1 เครือ่ งเล่อื ยชัก (Power Hack Saw)

วชิ า : งานเครอ่ื งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนอื้ หา 2/19 หนวยการเรยี นที่ 1 : เครื่องเล่อื ยกล 1.1 สว นประกอบของเครื่องเล่อื ยชัก สวนประกอบทุกสวนมคี วามสาํ คัญเทา กนั เพราะจะตองทําหนาทีร่ วมกนั ตลอดเวลา ซง่ึ ประกอบดว ยสว นตาง ๆ ดังน้ี 1.1.1 โครงเลือ่ ย (Saw Frame) มีลักษณะเหมือนตัวยูควํา่ โครงเล่อื ยสว นใหญท าํ จากเหล็กหลอ อยางดีใชส าํ หรบั ใสใบเล่ือย โครงเล่อื ยจะเคลือ่ นท่ไี ป – มาอยูใ นรองหางเหยยี่ วโดยการสง กาํ ลงั จากลอเฟอง ดังรูปท่ี 1.2 รปู ที่ 1.2 สว นประกอบของเคร่อื งเลือ่ ยชัก 1.1.2 ปากกาจบั งาน (Vise) ใชจับชิน้ งานเพอ่ื ทาํ การเลอื่ ย สามารถปรับปรุงเอียงขวา-ซาย ได ขา งละ 45 องศา และสามารถเล่อื นปากเขา-ออกไดดว ยเกลยี วแขนหมนุ ล็อคแนน ดังรปู ท่ี 1.3 รูปท่ี 1.3 แสดงสวนประกอบปากกาจับงาน

วชิ า : งานเครือ่ งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 3/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครื่องเลอ่ื ยกล 1.1.3 แขนต้งั ระยะงาน (Cut Off Gage) มีหนาท่ีในการต้ังระยะของช้นิ งานท่ตี องการตดั จํานวนมาก ๆ เพ่ือใหชน้ิ งานทต่ี ัดออกมามคี วามยาวเทา กนั ทุกชน้ิ ดงั รปู ท่ี 1.4 รปู ท่ี 14 แสดงการทํางานของแขนตง้ั ระยะงาน 1.1.4 ระบบปอ นตดั เครอ่ื งเลอื่ ยชักมีระบบปอนตดั 2 ชนดิ คอื ชนิดใชลกู ถวงน้ําหนกั และ ชนิดใชน้ํามนั ไฮดรอลิกท้ัง 2 ชนิด ทาํ หนา ท่เี หมอื นกนั คือการปอ นตดั แตหลกั การ ทํางานตา งกันตรงทช่ี นิดลกู ถวงนํา้ หนกั อาศัยแรงดงึ ดดู ของโลก สว นชนิดไฮดรอลิกอาศยั แรงดนั จากน้าํ มันไฮดรอลกิ 1.1.5 ระบบหลอ เยน็ เครอื่ งเล่ือยชักมีความจาํ เปน ตอ งใชน ํา้ หลอ เย็น เพอ่ื ชว ยระบายความรอน เนื่องจากการเสยี ดสีระหวา งใบเล่ือยกบั ชนิ้ งาน และยังชว ยยดื อายุการใชง านของใบเลอ่ื ย ใหย าวนาน 1.1.6 ฐานเคร่ืองเลอ่ื ยชัก (Base) ทาํ หนาทีร่ องรับสวนตา ง ๆ ของเครื่องเล่อื ยชกั ทง้ั หมด ฐาน เครือ่ งเลอ่ื ยชักบางชนดิ จะทาํ เปนโพรงภายใน เพ่ือเปน ที่เก็บถงั น้ําหลอเย็นและมอเตอร 1.1.7 มอเตอร (Motor) เครอ่ื งเล่อื ยชักมีมอเตอรท ําหนา ทเี่ ปน ตน กําลงั ขับมอเตอรจะใชก บั กระแสไฟฟา 220 โวลตห รอื 380 โวลต ข้ึนอยกู บั ผูผลิต 1.1.8 สวติ ซเ ปด-ปด เคร่อื งเลอื่ ยชกั มสี วติ ชเ ปด-ปด แบบก่งึ อตั โนมตั ิ คือ สวิตซเครอื่ งจะปด โดยอตั โนมัตเิ มอื่ ใบเลอ่ื ยตัดชน้ิ งานขาด 1.1.9 ชุดเฟอ งทด (Gear) ทาํ หนา ท่ีในการทดสง กําลังจากมอเตอรไปยังโครงเลื่อยเฟอ งทดที่ใช กบั เคร่อื งเล่อื ยชักมี 2 ชนิด คือ เฟอ งเฉยี ง และเฟองตรง 1.1.10 มลู ่ี (Pulley) ทาํ หนา ทส่ี ง กาํ ลังผานสายพานไปยังชดุ เฟองทด ใชกบั สายพานตวั วี

วชิ า : งานเครอ่ื งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเน้อื หา 4/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เคร่อื งเลื่อยกล 1.2 กลไกการทาํ งานของเครอ่ื งเลอื่ ยชัก กลไกการทาํ งานของเคร่ืองเลอื่ ยชัก เปนกลไกสง กาํ ลงั ดวยมอเตอร สง กําลงั ผานเฟอ งขบั ซง่ึ เปน เฟอ งทด เพอื่ ทดความเร็วรอบมอเตอร และเพือ่ ทดแรงขบั ของมอเตอร ทข่ี างเฟองขับ มจี ดุ หมนุ กานตออยูคน ละศนู ยก ับศนู ยกลางเฟอง เพื่อตอกานตอไปขับโครงเลื่อย ใหช กั โครงเลื่อยเดนิ หนา และถอยหลังได รูปท่ี 1.5 กลไกการทํางาน 1.3 นา้ํ หนกั กดโครงเลอ่ื ย สาํ หรบั น้ําหนกั กดโครงเลื่อย ยิง่ เล่อื นหางออกจากหวั เครือ่ งมากเทา ใด จะกดใหใบเลื่อยตัดเฉอื น มากเทา น้นั ดงั นน้ั การเลอ่ื นปรับระยะนา้ํ หนักกด ใหส งั เกตการตัดเฉือนของฟง เลื่อยดว ย น้ําหนกั กดใกลห วั เคร่ือง = นาํ้ หนกั กดโครงเล่อื ยนอย น้าํ หนกั กดหา งหวั เคร่ือง = นา้ํ หนกั กดโครงเลอ่ื ยมาก รูปท่ี 1.6 นํ้าหนกั กดโครงเลื่อย

วชิ า : งานเครอ่ื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 5/19 หนว ยการเรยี นที่ 1 : เครอ่ื งเล่ือยกล 1.4 ใบเลือ่ ยเคร่อื ง (Saw Blade) ใบเลื่อยเปน อปุ กรณข องเครอ่ื งเลื่อยทีม่ ีความสําคัญมาก ทําหนาท่ตี ัดเฉอื นช้ินงาน ใบเลอื่ ยเครื่อง ทาํ จากเหลก็ รอบสงู มคี วามเขง็ แตเ ปราะ ดงั น้นั การประกอบใบเลื่อยเขากบั โครงเล่ือย จะตองประกอบใหถูก วธิ แี ละขนั สกรูใหใบเลือ่ ยตงึ พอประมาณ เพอื่ ปอ งกนั ไมใ หใ บเลอ่ื ยหกั สวนตา ง ๆ ของใบเลอ่ื ยประกอบดว ย ความกวา ง ความยาว ความหนา ความโตของรูใบเลือ่ ย และจํานวนฟน ใบเล่ือย ซ่งึ มที ง้ั ฟนหยาบและฟน ละเอยี ด จํานวนฟน ใยเลอ่ื ยบอกเปนจาํ นวนฟนตอ นวิ้ เชน 10 ฟน ตอ นิ้ว 14 ฟน ตอ นิว้ แตทนี่ ยิ มใชง านทวั่ ๆ ไป คอื 10 ฟน ตอ นวิ้ ดังรปู ท่ี 1.7 รปู ที่ 17 สวนประกอบตา ง ๆ ของใบเลื่อยเครื่อง ลกั ษณะของใบเล่อื ย 1. ความยาวของใบเล่ือย การวดั ความยาวของใบเลอ่ื ยจะวดั จากจดุ ศูนยกลางของรยู ึดใบเลื่อยท้งั สอง เรียกวาขนาดความยาวของใบเลอื่ ยจะมีขนาด 200 ม.ม. และขนาด 300 ม.ม. 2. ความกวางของใบเล่ือย กวา ง 12.7 ม.ม. หรือ 1/2 นิว้ 3. ความหนาของใบเลื่อย หนา 0.64 ม.ม. หรือ 0.025 นว้ิ 4. การวดั จาํ นวนฟนของใบเลอ่ื ย คือ วดั ระยะหางของยอดฟน หน่งึ ถงึ ยอดฟนหนึ่ง - ในระบบเมตรกิ เรยี กวา ระยะพิต Pitch (P) - ในระบบอังกฤษ จะวดั ขนาดความถห่ี า งของฟน เลือ่ ย นยิ มบอกเปนจํานวนฟน ตอความยาว 1 นิ้ว รปู ที่ 1.8 ระยะพติ

วชิ า : งานเครอ่ื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 6/19 หนวยการเรยี นที่ 1 : เครือ่ งเลือ่ ยกล ตารางท่ี 1 ขนาดมาตรฐานใบเลือ่ ยแบบเคร่อื งเล่อื ยชัก

วชิ า : งานเครื่องมือกลเบอื้ งตน ใบเน้อื หา 7/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครอ่ื งเล่อื ยกล ตารางท่ี 2 การเลือกใบเล่อื ยใหเ หมาะกับงาน รปู รางของฟน เล่อื ย จาํ นวนฟน/นวิ้ ตัวอยางวัสดุทใี่ ช ชว งยาวของแนวตดั 14, 16, 18 วสั ดุออ น เชน ดบี ุก ทองแดง มากกวา 40 ม.ม. ขึ้นไป ตะกวั่ อะลมู เิ นยี ม พลาสติก เหล็กเหนยี ว 22, 24 วสั ดุแขง็ ปานกลาง เชน นอยกวา 40 ม.ม. ลงมา เหลก็ หลอ เหลก็ โครงสรา ง ทองเหลือง 32 วัสดแุ ขง็ มาก เชน เหล็กทาํ แผนโลหะ, ทอ บาง ๆ เครื่องมือ เหลก็ กลา เจือ 1.5 มุมฟน เลื่อย ฟน เลอื่ ยแตล ะฟนมลี กั ษณะคลา ยกบั ลิ่ม ทําหนา ท่จี กิ เขา ไปในเนือ้ วสั ดุ ฟนแตล ะฟน ประกอบดว ย มุมที่สาํ คัญ 3 มมุ ไดแ ก - มมุ คมตัด (β) เปน มุมคมตดั ของฟน เลอื่ ย - มุมคายเศษ (γ) เปน มมุ ทใี่ ชด นั เศษโลหะออกจากฟน เลื่อย - มุมหลบ (α) เปน มุมทที่ ําใหล ดการเสยี ดสรี ะหวางฟน เลื่อยกบั ชน้ิ งาน และชว ยใหเ กิดมมุ คม ตัด

วชิ า : งานเครอ่ื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอ้ื หา 8/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เครื่องเล่ือยกล 3 มุมรวมกนั (α + β + γ) = 90° รปู ที่ 1.9 มมุ ฟนเลอื่ ย 1.6 คลองเล่ือย (Free Cutting Action) คลองเลอื่ ย คือ ความกวางของรองบนวัสดงุ าน หลังจากทีม่ ีการตัดเฉอื น ปกติคลองเล่อื ยจะมี ขนาดความหนามากกวาใบเล่ือย ท้ังนี้ ถา ไมมีคลองเลื่อย ขณะทาํ การเลื่อยใบเลอ่ื ยกจ็ ะตดิ ซงึ่ เปน สาเหตุหนึ่งท่ี ทาํ ใหใบเลือ่ ยหัก ลกั ษณะของคลองเลือ่ ย 1. คลองเลอ่ื ยฟน สลับ ลักษณะฟนเลอ่ื ยจะสลับซายกบั ขวาตลอดใบเลอ่ื ย ฟนเล่ือยลกั ษณะนเี้ หมาะ สําหรบั ใชกบั เครือ่ งเล่อื ยกล รปู ท่ี 1.10 คลองเลอ่ื ยฟนสลับ

วชิ า : งานเครื่องมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 9/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครือ่ งเล่ือยกล 2. คลองเลอื่ ยแบบฟน คล่นื ลกั ษณะฟน เลอ่ื ยจะเลือ้ ยเปน คล่ืน ฟนเลื่อยลกั ษณะนเ้ี หมาะสําหรบั ใชง านกบั เลอื่ ยมือ รปู ที่ 1.11 คลองเลอ่ื ยฟนคลนื่ 3. คลองเลอ่ื ยแบบตอก ลกั ษณะฟน เล่ือยจะมมี ุมฟรีท้งั สองขาง ฟน เลอ่ื ยลกั ษณะนีเ้ หมาะสาํ หรับใชง าน กับเลือ่ ยวงเดือน รปู ที่ 1.12 คลองเลือ่ ยแบบตอก

วิชา : งานเครือ่ งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนือ้ หา 10/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครื่องเล่อื ยกล 1.7 ทศิ ทางการตดั เฉอื น การทาํ งานของคมเลอื่ ยประกอบดวยทศิ ทางทส่ี ําคญั 2 ทิศ ไดแก ทศิ ทางการกดลงและทศิ ทางการดนั ไป ดูตามลกู ศร ทศิ ทางท้งั 2 เปนตัวทําใหเกดิ การตดั เฉือนขึน้ แรงทกี่ ระทาํ การกดและการดัน จะตองสมั พนั ธกนั ถา แรงใดมากเกนิ ไปหรือฝนอาจจะทาํ ใหใ บเลื่อยหกั ได 1.8 การประกอบใบเลอ่ื ยเขา โครงเลื่อย การประกอบใบเลอ่ื ยเขากบั โครงเล่ือยตอ งระวังทิศทางของฟน เลื่อย จะตองใสใหถกู ทศิ ทาง เนื่องจากจงั หวะถอยกลบั ของโครงเลอ่ื ย จะเปนจงั หวะท่ีทาํ การตดั เฉอื น เพอื่ ตัดเฉอื นชน้ิ งานการประกอบใบ เลอื่ ยตอ งผอ นตัวดึงใบเล่อื ยใหย ื่นออกแลวใสใ บเลื่อยเขา ไปใหร ูของใบเล่อื ยตรงกับสลักรอยทงั้ 2 ขา ง ของ โครงเลือ่ ย จากนนั้ ปรับตวั ดงึ ใบเลอ่ื ยใหพ อตึง ๆ แลวปรบั ขยบั ใบเลอื่ ยใหต ้ังฉากโดยการใชคอ นเคาะเบา ๆ ให ใบเลื่อยแนบสนิทกบั ตัวดงึ ใบเล่อื ย จงึ ขันใหต ึงอีกครงั้ ดว ยแรงมอื รปู ที่ 1.13 ฟน เล่ือยตัดเฉอื นหนา ชน้ิ งาน รูปที่ 114 การประกอบใบเลือ่ ย

วชิ า : งานเครื่องมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอ้ื หา 11/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เคร่ืองเลื่อยกล 1.9 การจับยดึ ชนิ้ งานสาํ หรบั งานเลื่อย การจับงานที่ผดิ วธิ ใี นกรณชี น้ิ งานสั้น ปากของปากกาไมส ามารถจะจบั ช้นิ งานใหแนน ได แรงกด ของเกลยี วจะดนั ชน้ิ งานหลดุ ถา ฝนเล่ือย ใบเล่อื ยจะหกั การจบั งานทถี่ กู วิธี ปากของปากกาจะตอ งกดขนาน กันทั้ง 2 ปาก การจับชิ้นงานส้ัน ใชเหลก็ หนุนชว ยในการจับ ดนั ปากของปากกาใหข นาน กดชน้ิ งานแนน เม่อื ขันเกลียวจะทาํ ใหชนิ้ งานไมห ลุด รปู ท่ี 1.15 การจับช้นิ งานส้นั ผดิ วิธี รูปท่ี 1.6 การจบั ช้ินงานสน้ั ถกู วธิ ี รูปท่ี 1.17 การจับยึดชิ้นงานในลักษณะตา ง ๆ

วิชา : งานเคร่อื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 12/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เครือ่ งเล่ือยกล 1.10 การวดั ตดั ช้นิ งาน การเลอ่ื ยช้นิ งานขนาดเดยี วกนั จํานวนมาก ๆ ถาตง้ั วดั งานทกุ คร้งั ที่ทําการตดั จะใชเวลามากและ ขนาดของชนิ้ งานจะไมเทา กนั มโี อกาสคลาดเคลอ่ื นได วธิ กี ารแกไ ขในการตดั ชน้ิ งานขนาดเดยี วกนั จํานวน มาก ๆ โดยการตัง้ วัดระยะงานชิ้นแรก แลว ใชแขนตงั้ ระยะชว ยในการเลื่อยชน้ิ งานชนิ้ ตอ ไป รูปท่ี 1.17 การวดั ขนาดหาระยะความยาวช้นิ งาน 1.11 การใชแขนตงั้ ระยะ แขนตงั้ ระยะ ชวยในการวดั ชน้ิ งานท่ีตอ งการตัดจํานวนมาก ๆ ใหไดขนาดเดยี วกันทกุ ชนิ้ แขนตง้ั ระยะสามารถปรบั ระยะได โดยการขันสกรูยึดใหแนน และมอื หมุนขนั แนน เมื่อปรับไดท ี่แลว ตอ งขนั แนนทง้ั 2 จดุ เพราะเมื่อดันชนิ้ งานเขามาตัดใหมจ ะเกดิ การกระแทก อาจทาํ ใหข นาดเปลยี่ นแปลงไปได รูปที่ 1.18 สวนประกอบแขนตงั้ ระยะ

วชิ า : งานเครือ่ งมือกลเบอื้ งตน ใบเนอื้ หา 13/19 หนว ยการเรยี นที่ 1 : เคร่อื งเลอื่ ยกล ขอควรจํา ไมด ันชิ้นงานกระแทกเขนตั้งระยะแรงจนเกนิ ไป จะทําใหข นาดความยาวชิ้นงานท่ตี ดั มีขนาดความ ยาวเคลือ่ นไปจากทีต่ ั้งระยะไว 1.12 ขัน้ ตอนการใชเ คร่อื งเลอื่ ยชัก เครือ่ งเลอ่ื ยชกั มขี ั้นตอนการใชด งั นี้ 1.12.1 ตรวจสอบความพรอมของเครื่องเลอ่ื ยชกั และอุปกรณ 1.12.2 ตรวจความพรอ มสภาพรา งกายของผูป ฏบิ ัติงาน 1.12.3 เปด สวิตซเ มนใหญใหก ระแสไฟฟา เขา เคร่ืองเลื่อยชกั 1.12.4 ยกโครงเล่อื ยคา งไวก อนตดั 1.12.5 บีบจบั ชิน้ งานดวยปากกาจับงานไมตองแนน ใหส ามารถเลอ่ื นปรบั ชิ้นงานได 1.12.6 ปรบั โครงเลือ่ ยลงใหฟน ของใบเลือ่ ยหา งจากชนิ้ งานประมาณ 10 มิลลเิ มตร 1.12.7 ต้งั ระยะความยาวชน้ิ งานโดยใชบ รรทดั เหล็กวดั ขนาด 1.12.8 บบี จับช้นิ งานดว ยปากกาจับงานใหแ นน 1.12.9 ปรบั แขนตงั้ ระยะใหย าวเทา กับความยาวของช้ินงาน 1.12.10 เปด สวิตซเ ดนิ เครอ่ื งเลือ่ ยชักทาํ งาน 1.12.11 คอย ๆ ปรบั ระบบปอนตัดไฮดรอลิกใหโ ครงเลอ่ื ยเลื่อนลงชา ๆ 1.12.12 ปรบั ทอ นํา้ หลอ เยน็ ใหน ้ําฉดี ตรงคลองเลอื่ ยเพอื่ ชว ยระบายความรอน 1.12.13 คอยจนกวา เลอื่ ยตัดชนิ้ งานขาด 1.13 การบํารงุ รกั ษาเครอื่ งเล่ือยชกั เคร่อื งเลอ่ื ยชักเปน เครือ่ งจกั รกลพืน้ ฐานท่ีมคี วามจาํ เปน มาก ดงั นน้ั เพอื่ ยืดอายกุ ารใชง านให ยาวนานจําเปน จะตอ งมกี ารบํารุงรักษาเครื่องดงั ตอ ไปน้ี 1.13.1 กอ นใชเครอ่ื งเลื่อยชกั ทุกครั้งควรหยอดน้าํ มนั หลอลืน่ ตรงบริเวณจุดท่ีเคลื่อนที่ 1.13.2 หลงั เลิกใชงานทุกครัง้ ควรทําความสะอาด และใชผ า คลุมเคร่ืองปองกันฝนุ ละออง 1.13.3 ควรเปลี่ยนนํ้าหลอเย็นทกุ ๆ สปั ดาห 1.13.4 ตรวจสอบกระบอกสบู นาํ้ มนั ไฮดรอลกิ สว า รัว่ ซึมหรอื ไม 1.13.5 ตรวจสอบ สายพาน มเู ล เฟอ งทด ปมนํา้ หลอ เย็นเพือ่ ใหใ ชงานไดต ลอด

วชิ า : งานเครอื่ งมือกลเบอื้ งตน ใบเน้ือหา 14/19 หนว ยการเรยี นที่ 1 : เครือ่ งเลื่อยกล 1.14 ความปลอดภยั ในการใชเ ครอ่ื งเล่อื ยชัก เครอ่ื งจักรทุกชนดิ มีประโยชนแ ตกม็ โี ทษมากเชนกนั ดงั นั้นกอ นใชง านทุกครัง้ ตองคาํ นงึ ถึงความ ปลอดภยั เสมอ การใชเ ครื่องเลือ่ ยชกั ก็เชน กนั สามารถเกดิ อันตรายได เพอ่ื ความปลอดภัยจึงตอ งรูว ธิ ีใชดังน้ี 1.14.1 กอ นใชเ ครื่องเลื่อยชกั ทกุ คร้ังตอ งตรวจสอบความพรอมของเครอ่ื งเสมอ 1.14.2 บีบปากกาจับชน้ิ งานใหแนน กอ นเปด สวติ ซเ คร่ืองทาํ งาน 1.14.3 หามตัดช้นิ งานท่มี ีความยาวนอ ยกวา ปากของปากกาจบั งาน เพราะจะทําใหใบเลอื่ ยหกั 1.14.4 เมือ่ ตองการตัดชิน้ งานยาว ๆ ควรมีฐานรองรบั งานมารองรบั ปลายช้ินงานทกุ คร้งั 1.14.5 กอ นเปดสวิทซเดนิ เครือ่ งเลื่อยชักตองยกใบเลื่อยใหห างจากชน้ิ งานประมาณ 10 มลิ ลเิ มตร 1.14.6 การปอนตดั ดว ยระบบไฮดรอลคิ มากเกินไปจะทาํ ใหใ บเลอื่ ยหกั 1.14.7 เหล็กหลอ ทองเหลอื ง ทองแดง และอะลมู ิเนยี มควรหลอเยน็ ใหถูกประเภท 1.14.8 ไมค วรกม หนา เขาใกลโครงเลื่อยชักขณะจะเปด สวิตซเ ดนิ เครือ่ งเลื่อยทาํ งาน 1.14.9 ขณะเคร่ืองเลอ่ื ยชกั กาํ ลงั ตัดชิ้นงานหา มหมนุ ถอยปากกาจบั งานออกเปน อนั ขาด 1.14.10 เพ่อื ความปลอดภัยใหค ดิ กอ นทําเสมอ 2. เครอ่ื งเล่อื ยสายพานแนวนอน (Horizontal Band Saw) เปน เครือ่ งเลอ่ื ยทีม่ ใี บเลื่อยยาวตดิ ตอ กนั เปน วงกลม การเคลอื่ นทขี่ องใบเล่อื ย มีลักษณะการสง กําลงั ดวยสายพาน คอื มลี อ ขบั และลอ ตาม ทําใหค มตดั ของใบเลอ่ื ยสามารถเลือ่ ยตดั งานไดต ลอด เน่ืองตลอด ทง้ั ใบ การปอ นตดั งานใชระบบไฮดรอลกิ ควบคุมความตึงของใบเล่ือย ปรบั ดวยมอื หมนุ หรอื ใชไ ฮดรอลิก ปรบั ระยะหางของลอ มีโครงสรางแขง็ แรง ตัวเคร่อื งสามารถตดิ ตัง้ ไดก บั พ้ืนโรงงาน รปู ที่ 1.19 เครือ่ งเลอื่ ยสะพานแนวนอน

วชิ า : งานเครือ่ งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 15/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครื่องเลือ่ ยกล 3. เครอ่ื งเลื่อยสายพานแนวตงั้ (Vertical Band Saw) เคร่ืองเลื่อยสายพานแนวตงั้ เปนเครื่องเลือ่ ยท่ีมใี บเลอ่ื ยเปน แบบสายพานในแนวตง้ั ซึง่ จะหมนุ ตดั ชนิ้ งานอยางตอ เนื่อง ใชต ัดงานเบาไดท กุ ลกั ษณะ เชน ตดั เหลก็ แบน หรือเหล็กบางใหข าด หรือตดั เปน รปู ทรงตาง ๆ ซง่ึ เครอ่ื งเล่ือยชนิดอื่น ๆ ไมส ามารถทาํ ได รปู ท่ี 1.20 ลกั ษณะของชิ้นงานจากการเล่ือยดว ยเครอ่ื งเลอื่ ยสายพานแนวต้ัง รูปท่ี 1.21 เครอ่ื งเลือ่ ยสายพานแนวตง้ั

วชิ า : งานเครอ่ื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนอ้ื หา 16/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เคร่ืองเลอื่ ยกล เคร่ืองเล่ือยสายพานแตกตา งจากเครอ่ื งเลือ่ ยชัก ทีส่ ามารถตดั ชิน้ งานเปน แบบตอ เนือ่ ง ในขณะท่ี เคร่ืองเล่อื ยชกั ทําหนา ทต่ี ัดงานเฉพาะชว งชกั ตดั เทานนั้ และยังใชป ระโยชนของใบเลอื่ ยในชว งจํากดั อีกดว ย คอื จะใชป ระโยชนเฉพาะสว นกลางของใบเล่ือยเทา นั้น ใบเล่อื ยสายพานจะมคี วามหนานอยกวาใบเล่ือยชนดิ อื่น ๆ จงึ ทําใหม ีการสญู เสียวัสดุนอยกวา เลือ่ ยสายพานแนวตั้ง ใหล กั ษณะเดน ในการทํางานหลายประการ คลา ยกบั งานฉลดุ ว ยมือ ซงึ่ จะ ไมพ บในเครื่องเลื่อยโลหะชนิดอน่ื ๆ เชน งานตดั ชน้ิ งานเปน รูปทรงเรขาคณิต รูปที่ 1.22 ลกั ษณะการขบั ใบเล่ือย 4. เครื่องเลอ่ื ยวงเดือน (Circular Saw or Radius Saw) เคร่ืองเลอื่ ยวงเดอื น เปนเครอื่ งเลอ่ื ยท่ีใบเลอื่ ยเปนวงกลม มฟี น รอบ ๆ วง สามารถตัดชนิ้ งานได อยา งตอ เนอ่ื ง มักเปน ชิ้นงานบาง ๆ เชน อะลมู เิ นียม สามารถตดั งานไดทง้ั ลักษณะตรงและเอยี งเปน มมุ รปู ท่ี 1.23 เครื่องเล่อื ยวงเดอื น

วชิ า : งานเคร่อื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 17/19 หนวยการเรยี นที่ 1 : เคร่ืองเลอ่ื ยกล ความปลอดภยั ในการใชเลื่อยวงเดอื น - เลอ่ื ยวงเดือนเกิดอันตรายไดง ายมาก ใหใ สฝ าครอบใบเล่ือยเสมอ - อยา ใจรอน ออกแรงควบคมุ ตัดเกินพกิ ัด - ใหระวังกอนชนิ้ งานขาด ใชแ รงควบคมุ ตดั เพียงเลก็ นอย เพราะขาดงา ย - ใหหมน่ั ตรวจการแตกราวของใบเล่ือย หรือการยดึ ตดิ คมเลอ่ื ย รปู ท่ี 1.24 การตดั งานดว ยเครอ่ื งเลอื่ ยวงเดอื น การหลอ เย็นชิน้ งานขณะตดั เฉือนโลหะ รปู ท่ี 1.25 การหลอเยน็ ชิน้ งานขณะทํางาน

วิชา : งานเครอื่ งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 18/19 หนว ยการเรยี นท่ี 1 : เคร่ืองเล่ือยกล งานตดั กลงึ โลหะมักใชใบมดี ในการเจาะ เซาะ เฉือนเนอื้ โลหะ หรือใชห ินขดั ในการเจยี ระไนเพอ่ื ให ช้นิ งานน้นั ไดร ปู รางหรอื ขนาดตามทต่ี อ งการ ในขณะทกี่ ารเจาะเซาะหรือเฉือนหรอื เจียระไนนน้ั ความรอนจะ เกดิ ขน้ึ สูงมาก โดยอาจสูงถึง 7000C หรอื สูงกวา ซ่งึ ความรอนน้เี กดิ จากการเสียดสี ระหวางใบมีดกับชิน้ งาน และจากการเปลยี่ นรปู ของเนอ้ื โลหะ (Deformation) หากความรอนทเี่ กดิ ขน้ึ นีไ้ มไดรบั การระบายออกโดยเรว็ ก็ จะเกดิ การสะสมทาํ ใหใ บมดี และชิ้นงานรอ นจดั ใบมดี จะสญู เสยี ความแข็ง และสึกหรอได ในทส่ี ดุ สวนชนิ้ งาน อาจบิดเบ้ียวทาํ ใหไ มไดร ูปรา งหรอื ขนาดตามทตี่ อ งการและอาจเกิดการหลอมตดิ ของเศษโลหะทบี่ ริเวณปลาย ใบมีด ซึ่งเรยี กวาเกดิ Built Up Edge หรอื เรียกโดยยอวา BUE ทาํ ใหใ บมดี สกึ เร็วและอาจถึงข้นั แตกหักได หนาท่ขี องนาํ้ มนั หลอ เย็น นํา้ มันหลอเยน็ มีหนาทห่ี ลัก 4 ประการ คือ 1. ระบายความรอ น น้าํ มันตัดกลึงโลหะมีหนาทร่ี ะบายความรอ นออกจากบริเวณใบมดี และชน้ิ งานเพื่อไมใหใ บมดี สูญเสยี ความแขง็ หรอื ออนตวั อันเนอื่ งมาจากความรอน ปอ งกันไมใหเ กิดการหลอมตดิ ของเศษโลหะทป่ี ลาย ใบมดี (BUE) ทําใหสามารถทํางานตดั กลงึ ไดเร็วชน้ิ งานไดขนาดและคุณภาพผิดตามตองการ 2. หลอล่ืนลดแรงเสยี ดทาน นํา้ มนั ตัดกลงึ โลหะทําหนา ท่ีหลอลนื่ ลดแรงเสยี ทานระหวา ง ระหวา งชนิ้ งานกบั ใบมีด รวมทั้งเศษ โลหะท่ีเคลือ่ นที่ผานหนา ใบมีด การตดั กลงึ ใชก าํ ลงั นอยลง ลดการสกึ หรอของใบมีดชวยปองกันการเกิดปญ หา BUE 3. ซะลา งและพาเศษโลหะ น้าํ มันตดั กลงึ โลหะทําหนา ที่ในการชะลา งและพาเศษโลหะที่เกดิ จากการตดั เฉอื นออกไปจาก บริเวณตดั เฉอื น และชิน้ งาน 4. ปอ งกันสนมิ นา้ํ มนั ตดั กลึงโลหะทําหนาทป่ี องกนั สนิม ใหแกชิ้นงานท่ถี กู ตัดเฉอื นใหม ซึง่ ผวิ โลหะสวนน้ีมัก ไวตอการเกิดสนิมมากและยงั ทําหนา ทีป่ อ งกนั สนิม ใหแ กเ ครอ่ื งจักรและรางแทน (Slideways) ดว ย น้ํามันหลอ เย็น น้ํามนั หลอ เยน็ หรอื ในภาษาองั กฤษวา “Water Emulsifiable Cutting Fluid” จะผสมนํ้าใชงานท่ี อตั ราสว นผสม แตกตางกนั ไปตามคณุ สมบตั ขิ องนํา้ มนั หลอเย็นหรอื ตามความตอ งการใชงาน โดยปกตจิ ะผสม ใชงานอยใู นชว ง 2% ถงึ 10% ในน้ํา ซึง่ นยิ มแบงนํ้ามนั หลอเยน็ ออกเปน 3 ประเภท ตาม % สดั สว นผสม ของน้ํามนั หลอ ล่ืนพน้ื ฐานประเภทน้าํ มันแรในผลิตภณั ฑก อนผสมนาํ้ คอื

วิชา : งานเครอ่ื งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 19/19 หนวยการเรยี นท่ี 1 : เครือ่ งเลื่อยกล 1. น้ํามันสบู นํา้ มนั หลอ เยน็ ประเภทน้ํามนั สบู หรอื เรยี กในภาษาอังกฤษวา Soluble Oil มีองคป ระกอบที่ สาํ คัญคอื นา้ํ มันหลอ ลนื่ พน้ื ฐานประเภทนํา้ มันแร (Mineral Oil) กบั สาร Emulsifier ซ่งึ ทาํ หนาทใ่ี หน า้ํ มนั แร สามารถกระจายและอยูต วั ไดในน้ํา โดยมสี ดั สวนผสมของนาํ้ มันหลอลนื่ พน้ื ฐานประเภทน้ํามันแรใ นผลติ ภัณฑ กอนผสมนา้ํ ประมาณ 75% หรอื มากกวา เมอื่ ผสมนาํ้ แลว จะมีสีขาวคลายนํา้ นม จึงมกั ถูกเรียกอกี วา เปน นํา้ มนั หลอเยน็ ประเภท “นา้ํ นม” หรอื “Milky” ทัง้ น้ีเพราะนา้ํ มันสบมู ี % สัดสว นผสมของน้าํ มันแรอยสู ูงอนภุ าค ของน้าํ มนั แรท ่ีกระจายอยใู นน้าํ จึงมขี นาดใหญเ กิดการทบึ แสง และมองเหน็ เปน สีขาว น้าํ มันหลอ เยน็ ชนิดนาํ้ มนั สบมู ีขอ ดที ีเ่ ดน ชดั คอื ราคาตอลิตรไมสูง และใชง านไดก บั งานทวั่ ไปที่ ไมห นัก หรอื ไมม คี วามตอ งการพเิ ศษ แตข อเสยี โดยทวั่ ไป คือการอยตู ัวในนํา้ (Stability) ไมคอยดี และมอี ายุ การใชง านสั้นจนถงึ อาจเกดิ การสนิมไดง าย 2. นา้ํ มันสงั เคราะห นํา้ มันหลอ เยน็ ชนิดนํ้ามนั สังเคราะหห รือเรียกในภาษาอังกฤษวา “Synthetic Fluid” น้ีผลติ จาก นํา้ มนั พืน้ ฐานหรอื สารเคมีทมี่ าจากการสังเคราะหท ัง้ หมด โดยทไี่ มมสี ดั สว นของนา้ํ มันหลอ ล่ืนพนื้ ฐานประเภท น้าํ มนั แร ผสมอยเู ลยมกั นยิ มใชสาํ หรบั งานเจียระไนคณุ ภาพสงู โดยใชง านทอี่ ตั ราสว นผสมนา้ํ ข้ันต่าํ ประมาณ 2% หรอื อัตราสวนนํ้ามันตอ นํ้า 1 ตอ 49 ทัง้ นี้ เพราะลกั ษณะงานเจียระไนตอ งการการระบายความรอ นเปน สําคญั และไมตองการคุณสมบัติการหลอลนื่ มากนัก การทไ่ี มม นี าํ้ มนั แรอยูเ ลย ทาํ ใหหนา หนิ ไมบ อดงายจาก การที่เศษผงโลหะขนาดเลก็ ทเี่ กิดจากการเจียระไนเกาะตดิ อุดหนา หนิ ขอ พงึ ระวงั จากการใชน าํ้ มนั หลอเยน็ ชนดิ สงั เคราะหโดยทว่ั ไป คอื ปญหาเรือ่ งสนิมทีม่ ักเกดิ ขึน้ กับเครอื่ งจกั ร และรางแทน (Slideways) โดยเฉพาะนาํ้ มันในอตั ราสว นท่ีสูงมาก เกดิ การส้ินเปลือง เมือ่ มี การหยดุ เครื่อง หรือหากไมเ กดิ สนิมก็อาจตอ งผสม 3. นาํ้ มนั กง่ึ สงั เคราะห นํา้ มนั หลอ เยน็ ประเภทก่ึงสงั เคราะหจะมนี ํา้ มันหลอล่ืนพื้นฐานผสมกนั ระหวางนํ้ามนั สังเคราะห และนํา้ มันแรห รือเรยี กในภาษาองั กฤษวา “Semi Synthetic Fluld” โดยมีสัดสวนผสมของน้ํามนั แรอยูในชวง ระหวาง 20% ถงึ 60% ทง้ั นี้เพื่อผสมผสานคณุ สมบตั ิดา นการหลอล่นื ทด่ี ีของนาํ้ มนั แรก ับคณุ สมบตั ิพเิ ศษที่ ตองการของนาํ้ มันสังเคราะหใหเ หมาะกบั ความตองการของการใชง าน นํ้ามันชนิดกึ่งสงั เคราะหโ ดยท่วั ไปเมือ่ ผสมนาํ้ จะมีสีขุนไมท ึบแสง (Translucent) เพราะมีปริมาณ นา้ํ มันแรตา่ํ กวา นํา้ มันสบอู นภุ าคนา้ํ มันทก่ี ระจายในนํ้าจงึ มขี นาดเลก็ กวา ย่ิงไปกวานั้นปรมิ าณสาร Emulsifier ที่ตองการกม็ นี อ ยกวาเม่อื เทยี บกบั นาํ้ มนั สบู นํา้ มนั หลอเยน็ ชนดิ กงึ่ สังเคราะหโดยทว่ั ไปจึงมคี ณุ สมบตั ติ านทาน แบคทีเรียในเบื้องตนดีกวา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook