วชิ า : งานเคร่อื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 1/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครื่องเจียระไนลบั คมตัด หนวยการเรยี นรทู ่ี 2 เครอื่ งเจียระไนลบั คมตัด เคร่อื งเจียระไนลบั คมตดั และงานลับเครอ่ื งมอื ตดั เคร่อื งเจยี ระไนลับคมตัด เปน เครอื่ งมอื กลพ้นื ฐานชนดิ หนึง่ ทมี่ ีประโยชนมากสามารถทํางานไดอ ยาง กวางขวาง เชน ใชสาํ หรบั ลบั คมตัดตาง ๆ ของเครอื่ งมือตดั ไดแกมดี กลงึ มดี ไส ดอกสวาน และยงั สามารถ เจยี ระไนตกแตง ชนิ้ งานตาง ๆ ไดโดยคํานงึ ถงึ เร่อื งความปลอดภยั 1. ชนิดของเครื่องเจียระไนลบั คมตดั เครื่องเจยี ระไนลบั คมตดั โดยท่วั ๆ ไป แบงออกเปน 2 ชนดิ คือ เครอ่ื งเจียระไนแบบต้งั โตะและ เครื่องเจียระไนแบบตงั้ พน้ื 1. เครือ่ งเจียระไนแบบต้ังโตะ (Bench Grinding) เครื่องเจียระไนชนดิ นี้จะยดึ ตดิ อยกู บั โตะ เพื่อเพ่ิมความสงู และสะดวกในการใชง าน ภาพที่2.1 เครอื่ งเจยี ระไนแบบต้งั โตะ
วชิ า : งานเครือ่ งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 2/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครอื่ งเจยี ระไนลบั คมตัด 2. เครอื่ งเจียระไนแบบตัง้ พน้ื (Floor Grinding) เปนเครอื่ งเจียระไนลบั คมตดั ท่มี ีขนาดใหญกวา แบบตัง้ โตะ มสี ว นทเี่ ปนฐานเครอื่ ง เพื่อใชยดึ ตดิ กบั พนื้ ทําใหเคร่อื งเจียระไนมีความมน่ั คงแขง็ แรงกวา เครื่อง เจยี ระไนแบบตั้งโตะ ภาพท่ี 2.2 เครอ่ื งเจียระไนแบบตั้งพ้นื 2. สว นประกอบของเครื่องเจยี ระไนลบั คมตดั โดยท่วั ๆ ไปของเคร่ืองเจียระไนตง้ั พ้นื จะมีสวนประกอบดังนี้ - มอเตอร (Motor) - ลอ หินเจยี ระไน (Grinding Wheel) - ฝาครอบลอหิน (Wheel Guard) - แผน กระจกนริ ภยั (Safety Glass) - แทนรองรับงาน (Tool Rest) - ถงั นํา้ หลอ เย็น (Water Pot) - สวิตซเ ครื่อง (Switch) - ฐานเครื่อง (Base)
วชิ า : งานเคร่ืองมอื กลเบอื้ งตน ใบเน้อื หา 3/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เครื่องเจยี ระไนลบั คมตดั รูปท่ี 2.3 แสดงสว นประกอบของเครอื่ งเจยี ระไนต้ังพืน้ 2.1 มอเตอร (Motor) เปนสวนสําคัญของเคร่ืองเจียระไนลบั คมตัด ทําหนาท่ีสง กาํ ลังใหล อ หิน เจยี ระไนหมนุ เครื่องเจียระไนลับคมตัดมมี อเตอรเ ปน รูปทรงกระบอก โดยปลายแกนเพลาทง้ั สอง ขา งใชจับยดึ ลอหนิ เจยี ระไน มอเตอรสวนใหญจะใชแ รงดนั ไฟฟา 220 โวลต หรือ 380 โวลต รปู ท่ี 2.4 มอเตอรเ ครื่องเจยี ระไน
วชิ า : งานเครื่องมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 4/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจยี ระไนลบั คมตดั 2.2 ลอหนิ เจยี ระไน (Grinding Wheel) จะมีอยู 2 ลกั ษณะ คอื ลอ หนิ เจียระไนชนดิ หยาบและลอ หิน เจียระไนชนดิ ละเอียด จะยดึ ตดิ อยูอ ยา งละขางของแกนมอเตอรโดยจะมีลอหนิ เจียระไนชนดิ หยาบ เพื่อเจยี ระไนหยาบชว ยใหเ จียระไนไดเ รว็ ข้นึ และอกี ขางหนง่ึ จะใชจบั ยึดลอ หินเจียระไนชนดิ ละเอยี ดเพื่อใชเ จยี ระไนผวิ เรยี บเพื่อเปน การเจียระไนข้นั สดุ ทาย ในการเลอื กใชล อ หนิ เจียระไน จะตองเลอื กลอ หนิ เจยี ระไนใหต รงกับชนดิ วสั ดขุ องมดี ตดั ทจ่ี ะนํามาลบั เพราะวัสดทุ าํ มีดตัดมีหลาย ประเภท เชน มีดกลงึ เหล็กรอบสูง (High Speed Steel) มดี กลงึ คารไ บดห รือมีดเล็บ (Carbide Tool) ภาพที่ 2.5 เครื่องเจียระไนเคร่อื งมอื ตดั ทเี่ ปนคารไ บด การเลอื กลอ หนิ เจยี ระไนลับคมตดั ตอ งคาํ นึงถึงขนาดของลอหนิ เจยี ระไนดว ยวา เครอื่ งเจียระไน ระบใุ หใ ชล อ หนิ ขนาดเทาใด สง่ิ ทต่ี องทราบกค็ อื - ขนาดเสนผาศนู ยกลางโตนอกของลอหินเจยี ระไน - ความหนาของลอหินเจยี ระไน - ขนาดเสนผาศนู ยก ลางรใู นของลอ หนิ เจียระไน รูปท่ี 2.6 สวนตาง ๆ ของลอ หนิ เจยี ระไน
วิชา : งานเครอ่ื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเน้ือหา 5/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจียระไนลบั คมตดั รูปท่ี 2.7 ขนาดตาง ๆ ของลอหนิ เจยี ระไน กอนนาํ หนิ เจยี ระไนมาใชค รง้ั แรก จะตองทําการปรบั ศูนยลอหินเจียระไนใหไดศ นู ยกอ นจงึ จะ นําไปติดตง้ั กบั เครอ่ื งเจียระไน รูปท่ี 2.8 การปรับศูนยล อหนิ เจยี ระไนใหไ ดศ ูนย หนิ เจยี ระไนหลงั จากทาํ การปรับศูนยแ ละนาํ มาติดตั้งบนเครอ่ื งเจยี ระไนแลว จะตองทาํ การ แตง หนาหินกอ นใชง านเสมอ หลงั จากการใชง านเม่ือหนิ เจยี ระไนทอ่ื หรอื มีรอยบนิ่ หนาไมเ รยี บ สมํ่าเสมอ ตอ งทาํ การแตง หนาหนิ ใหเ รยี บพรอ มใชงานตลอดเวลา
วิชา : งานเครอื่ งมือกลเบอื้ งตน ใบเนอื้ หา 6/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่อื งเจยี ระไนลับคมตัด รปู ท่ี 2.9 การแตงหนาหนิ เจยี ระไนดว ยลอ ตา งหนาหนิ เจยี ระไน (Wheel Dresser) รปู ท่ี 2.10 การแตง หนิ เจียระไนดว ย Abrasive Stick รปู ท่ี 2.11 การแตง หินเจยี ระไนดว ยเพชรแตง หนา หิน
วิชา : งานเครอื่ งมอื กลเบอื้ งตน ใบเน้อื หา 7/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครอื่ งเจียระไนลบั คมตดั รูปท่ี 2.12 ลอแตงหนา หินเจยี ระไน (Wheel Dressers) รูปท่ี 2.13 ลอ แตง หนา หินเจยี ระไน (Abrasive Wheel Dresser) รปู ที่ 2.14 ตัวแตงหนา หนิ เจยี ระไน (Abrasive Stick Wheel Dressing Tool) รปู ที่ 2.15 ชดุ ตวั แตงหนาหนิ เจียระไน (Diamond Wheel Dressing Tool)
วิชา : งานเครื่องมือกลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 8/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เครอ่ื งเจยี ระไนลับคมตดั รูปท่ี 2.16 หินเจียระไนกอนแตง และหนิ เจยี ระไนทแ่ี ตงหนาหนิ แลว 2.3 ฝาครอบหินเจยี ระไน (Wheel Guard) เปน ฝาครอบลอ หินเจียระไนทง้ั สองขางเพอ่ื ปอ งกนั อนั ตราย จากลอ หินเจยี ระไน สว นใหญจะทาํ ดวยเหล็กเหนยี วขนึ้ รปู รูปท่ี 2.17 ฝาครอบลอ หนิ เจยี ระไนและแทน รองรบั งาน 2.4 กระจกนริ ภยั (Safety Glass) จะตดิ ตงั้ ไวทง้ั สองลอ เพ่อื ปองกันเศษโลหะกระเดน็ เขา ตาผูปฏิบตั ิงาน เปน ทีใ่ หผูปฏบิ ตั ิงานมองในขณะลับเครอ่ื งมือตัด รปู ท่ี 2.18 กระจกนริ ภยั
วชิ า : งานเครอ่ื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอื้ หา 9/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจียระไนลับคมตดั 2.5 แทนรองรบั งาน (Tool Rest) ทําหนา ท่ีรองรับงานหรือเครอื่ งมือวดั และยงั ชว ยทําหนา ทีป่ ระคอง มือผูปฏบิ ัตงิ านดว ย สวนใหญท าํ ดว ยเหล็กหลอข้ึนรูปหรือเหลก็ เหนยี ว ควรตรวจสอบระยะหา ง อยเู สมอ ควรมีระยะหางมากสดุ ไมเ กนิ 2-3 มม. ถา มรี ะยะหางมากชน้ิ งานอาจจะหลดุ ลงไปใน ชองทําใหเกดิ อันตรายได ลอ หินเจยี ระไนอาจจะแตกกระเดน็ โดนผูปฏิบตั ิงานในขณะปรบั ระยะหา งระหวางแทนรองรบั งานจะตองปด สวิตซใหล อหยดุ นง่ิ กอน เม่ือตังระยะหา งเรยี บรอ ย แลว ตอ งทําการทดสอบโดยการหมุนดว ยมือกอน เพื่อปอ งกันกรณีลอหินเจยี ระไนแกวง มาก กระแทกกบั แทนรองรบั งาน 2.6 ภาชนะใสน าํ้ ระบายความรอย (Water Pot) ในขณะทเ่ี จยี ระไนลบั คมตดั มีดตดั ชนดิ ตา ง ๆ หรือ เจยี ระไนชิ้นงานจะมคี วามรอนเกดิ ขน้ึ ที่มมี ดี ตัดหรือใชชนิ้ งานจะทาํ ใหร อ นมอื และจะทาํ ให โครงสรา งวสั ดุของมดี ตัดเปลย่ี นไป จาํ เปน จะตอ งมกี ารระบายความรอ นโดยการจมุ ลงในน้าํ แลว แกวงไปมาเพอ่ื เปน การระบายความรอนไดเรว็ ขึน้ ตวั ระบายความรอ นสําหรับเครอื่ งเจยี ระไนลบั คมตดั นิยมใชน า้ํ ธรรมดา ไมจ ําเปนตองใชน ้ําหลอ เลน็ เพราะจะทาํ ใหล อหินเจยี ระไนทอ่ื เรว็ ตอ ง ตา งหนาลอ หนิ เจยี ระไนบอยขึ้น ทาํ ใหส ิ้นเปลอื ง 2.7 สวิตซเครอ่ื ง (Switch) มีไวเพ่อื ควบคุมเคร่อื งเพื่อใชส ําหรับปด เปด ในเครือ่ งเจยี ระไนเคร่ืองหนึ่ง อาจจะมสี วติ ซเพิ่มเตมิ มากขนึ้ กไ็ ด เพอื่ เปน การเพม่ิ ความปลอดภยั แกผ ูปฏบิ ัตงิ าน 2.8 ฐานเครือ่ ง (Base) อยูสว นลางสดุ ของเคร่อื งมีหนา ทร่ี องรบั สว นตาง ๆ ของเครอื่ งท้ังหมด ทําจาก เหล็กหลอใชย ดึ ตดิ กบั พนื้ หรอื โตะ 3. เคร่อื งมอื และอุปกรณทใี่ ชใ นการเจียระไนลบั คมตดั เครื่องมอื และอุปกรณตาง ๆ ที่ใชในการลบั คมตดั ของเครอ่ื งมือตดั ชนิดตา ง ๆ เชน การลบั มดี กลงึ มดี ไส และลบั ดอกสวา น จาํ เปนจะตองมีเคร่อื งมอื และอุปกรณอ นื่ ๆ ทสี่ าํ คัญเพ่ิมเตมิ อกี ดังน้ี 3.1 ใบวดั มมุ (Angle Protractor) เปนเครอ่ื งมือวัดมมุ สําหรบั วดั มมุ ของเครอ่ื งมอื วดั เชน มดี กลึง มดี ไส ใบวดั มมุ สามารถวัดมุมไดต ้ังแต 0-180 องศา รปู ที่ 2.19 ใบวดั มุม
วชิ า : งานเคร่อื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนือ้ หา 10/35 หนวยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลับคมตัด รูปที่ 2.20 การวดั มุมมีดกลึงดวยใบวดั มุม 3.2 เกจวดั มมุ เกลียวสามเหล่ยี ม (Center Gage) ใชเปนเครื่องมือวัดสาํ หรับวัดมมุ มีดกลงึ เกลียว สามเหล่ียมและใชตงั้ มดี กลงึ เกลยี วสามเหลยี่ ม โดยทวั่ ๆ ไปจะมีมุมรวมยอดเกลยี ว 60 องศา ยกเวน เกลยี ววติ เวอตมมี ุมรวม 55 องศา รูปท่ี 2.21 เกจวดั มุมเกลยี วสามเหลีย่ ม 3.3 เกจเกลยี วสเี่ หล่ยี มคางหมู เปนเกจทใี่ ชว ดั มมุ มีดกลงึ เกลยี วสี่เหลย่ี มคางหมกู รณเี ปนแบบเกลียว สเ่ี หล่ยี มคางหมเู มตริก จะมตี ัวเลขทเี่ กจเปน ระยะพิตซ (Tr) และมมี มุ รวมปลายมดี 30 องศา และเกลยี วส่เี หล่ียมคางหมอู เมริกนั (Acme) จะมเี ลขบอกท่ีเกจเปนจาํ นวนเกลียวตอ น้ิว และมีมมุ รวมปลายมีด 29 องศา ดังนน้ั การนําเกจมาใชจ ะตอ งเลือกใหถูกตอ ง มฉิ ะน้ันความกวางปลายมดี และมมุ รวมปลายมดี จะผดิ
วิชา : งานเครอ่ื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนือ้ หา 11/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เครื่องเจียระไนลับคมตัด รปู ที่ 2.22 เกจเกลยี วสเ่ี หล่ียมคางหมู (Acme) 3.4 เกจวดั มมุ ดอกสวา น (Drill Point Gage) หรอื (Drill Grinding) เปน เกจสําหรับใชวัดมุมดอกสวาน รูปท่ี 2.23 เกจวดั มมุ ดอกสวา น 4. ประโยชนข องเครอ่ื งเจยี ระไนลบั คมตดั เปน เคร่อื งมอื ท่ชี ว ยทนุ แรง ประหยดั เวลา สามารถใชป ระโยชนห ลายอยาง เชน 4.1 ใชล ับคมตดั ตา ง ๆ ไดห ลายชนดิ เชน ลับมดี กลงึ ลบั มดี ไส ลับคมสกดั และลบั คมมดี ทั่วไป 4.2 ใชเจยี ระไนสว นทีไ่ มตองการออก เชน รอยเช่ือม รอยเยิน ผิวชนิ้ งานทไ่ี มเรียบ 4.3 เครอื่ งเจยี ระไนบางเคร่อื งอาจดดั แปลงเปน เครอ่ื งขดั ผิวชิ้นงาน เชน ขดั ผวิ ชนิ้ งานชบุ เคลอื บผวิ โครเมียม โดยเปลย่ี นลอหนิ เปนลอ ขดลวดหรอื ผา ขดั
วชิ า : งานเครือ่ งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 12/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจียระไนลับคมตัด 5. ความปลอดภยั ในการใชเ ครอื่ งเจยี ระไน 5.1 ตรวจสอบความพรอมของเคร่ืองเจยี ระไนกอ นเปด เคร่ืองใชงานทกุ ครง้ั เชน ตรวจสอบระบบ ไฟฟา ลอ หินเจียระไน ฝาครอบลอ หนิ เจยี ระไน ฯลฯ เปนการตรวจสอบวา อุปกรณต าง ๆ ดังกลาวอยใู นสภาพทพ่ี รอ มจะใชง านและมคี วามปลอดภยั หรือไม 5.2 การแตง กายตอ งรัดกุม ไมรมุ รา ม ไมผกู เนก็ ไท ผมไมย าวรุงรงั 5.3 ตอ งสวมแวน ตานริ ภัยทกุ ครง้ั ท่ีปฏบิ ตั งิ าน 5.4 จะตองมีกระจกนิรภยั และอยใู นสภาพพรอ มท่ีจะใชงาน เพอื่ ปองกนั เศษโลหะกระเดน็ เขา ตา 5.5 ตองปรบั ระยะหา งแทน รองรบั งานใหอยใู นระยะหางไมเกนิ 3 มม. ปอ งกันชิน้ งานหลุดเขาไปขดั กบั ลอ หนิ เจยี ระไน ลอหนิ เจยี ระไนอาจจะแตกกระเดน็ โดยผูปฏิบัตงิ านได 5.6 เมอ่ื ลอ หินเจยี ระไนทอ่ื หรอื เกิดรอยบิน่ จะตอ งทําการแตง หนาลอ หินเจยี ระไนใหม มฉิ ะนัน้ ผูปฏบิ ตั งิ านจะตอ งออกแรงกดชนิ้ งานทนี่ าํ มาลับมากเพราะหินท่อื อาจจะทําใหพลาดไปโดนลอ หนิ เจยี ระไน ทาํ ใหเกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ด 5.7 หา มใชผา จบั เครือ่ งมือตัดหรือช้นิ งานทีน่ าํ มาเจยี ระไน เพราะผา อาจจะติดเขา ไปในลอหนิ เจยี ระไน ทก่ี ําลงั หมุน และทําใหม อื ติดเขาไปดว ยทาํ ใหเ กดิ อันตรายได 5.8 ในขณะเร่ิมเปด สวติ ซเครือ่ งเจยี ระไนเพอ่ื ปฏบิ ตั งิ านจะตอ งระมัดระวงั ไมยนื ตรงกบั ลอ หนิ เจยี ระไน เพราะในชว งทเ่ี รมิ่ เปด เคร่ืองใหม ๆ ลอ หนิ เจยี ระไนจะมแี รงเหว่ยี งมาก ถา ลอหนิ เจยี ระไนเกิดรอย แตกรา วอยูกอนอาจกระเด็นออกมาถกู ผูป ฏบิ ัตงิ านทําใหเ กิดอบุ ตั เิ หตไุ ด 5.9 เคร่ืองเจยี ระไนทกุ เครื่องจะตองมีการติดตง้ั สายดนิ เพอ่ื ปอ งกันไฟฟา ดดู ผูปฏิบตั งิ าน 6. การบาํ รุงรกั ษาเครื่องเจียระไนลับคมตดั 6.1 หม่นั ตรวจดคู วามเรยี บรอยของเคร่ืองใหเ รียบรอยทกุ จดุ ใหอ ยใู นสภาพดี พรอมจะใชง านเสมอ หากเกดิ การชาํ รุดเสียหายควรทาํ การจดั ซอ มใหใชงานไดด ี 6.2 ตรวจดูลอหนิ เจยี ระไนวา มรี อยราวหรอื รอยบิน่ หรอื ไม เมอ่ื ลอ หนิ เจยี ระไนทื่อไมค มจะตอ งทําการ แตง หนาหินเจยี ระไนใหม 6.3 ควรดแู ลรกั ษามอเตอร คอยตรวจสอบเสยี งของมอเตอรว า มีเสียงดงั ผิดปกตหิ รือไม 6.4 จะตองตรวจสอบระยะหา งของแทนรองรบั งานเปนประจํา โดยใหมรี ะยะหางมากสุด ไมค วรเกิน 3 มม. เพือ่ ปอ งกันชิ้นงานหรอื เคร่ืองมือตัดหลุดเขาไปในระหวางลอ หนิ อาจจะทาํ ใหล อ หินแตก หรอื แทน รองรับงานอาจแตกหักทาํ ใหเกิดความเสียหายได 6.5 หลงั จากเลกิ ใชงานทุกคร้งั ควรปด สวติ ซแ ละทาํ ความสะอาดเครือ่ งเจยี ระไน
วิชา : งานเครอ่ื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอื้ หา 13/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เครื่องเจยี ระไนลับคมตัด 7. ขัน้ ตอนการทํางานของเครอ่ื งระในลบั คมตดั 7.1 เตรียมเครือ่ งมือตัดหรอื ชิ้นงานทต่ี อ งการเจยี ระไนใหพรอ ม ศึกษาวิธีการและหลักการทํางานให เขา ใจกอ นลงมอื ปฏบิ ตั ิงาน 7.2 ตรวจสอบความพรอมและความเรยี บรอยของเครอ่ื งเจียระไนลบั คมตดั ท่จี ะใช เชน ตรวจสอบ ระบบไฟฟา สายไฟฟาและลอ หินเจียระไนวา มรี อยแตกราวหรอื ไม ลอหนิ ท่อื หรอื ไมร ะยะหาง แทนรองรบั งานเหมาะสมหรอื ไม 7.3 เปด สวติ ซต า ง ๆ ตามข้ันตอนใหเ ครอ่ื งเจยี ระไนหมนุ 7.4 ทําการลับมดี ตัดหรือช้นิ งานท่เี ตรียมไวต ามขั้นตอนทไ่ี ดศ กึ ษามา 7.5 เมื่อทาํ งานเสร็จก็ปดสวิตซใ หเรยี บรอย 7.6 ทําความสะอาดหลงั จากเลกิ ใชง านพรอมตรวจดูความเรียบรอ ยของเคร่ืองเจยี ระไน 8. การลับเครอ่ื งมอื ตดั เน่อื งจากเครื่องมือตดั มมี ากมายหลายประเภท เชน มดี กลึง มดี ไส ดอกสวาน แตล ะประเภทยงั มี รปู ทรงและลักษณะการใชง านท่ีแตกตางกนั อีก เชน มดี กลงึ ปาดหนา มดี กลึงบอกมีดกลงึ เกลยี ว และมดี กลึง ขึ้นรูปตาง ๆ ดังน้นั วิธีการลับจงึ ตอ งตามรปู แบบของเคร่อื งมือตัดแตล ะชนดิ ตามทต่ี อง ซึ่งในท่นี ี้จะบอกลา ว เฉพาะท่สี าํ คัญ ๆ ดังน้ี 8.1 มีดกลึง (Cutting Tool) เปน เครือ่ งมือแปรรูปชิน้ งาน เพอ่ื ใหช ้นิ งานมรี ูปรางและขนาดไดพกิ ดั ตาม แบบสั่งงาน วัสดทุ ํามีดกลงึ สาํ หรับใชในงานกลงึ ปจจบุ นั มี 2 ชนดิ คือ มดี กลงึ ทําจากเหลก็ กลา รอบสูง (HSS) ซ่งึ เปนมีดกลงึ ท่ีนิยมใชงานโดยทว่ั ไป และมีดกลึงทท่ี ําจากคารไบด (Carbide) ซง่ึ เปน โลหะท่มี ีความแข็งสูงมาก เหมาะสําหรับการกลึงขึ้นรูปช้ินงานท่ีเปน โลหะแข็ง แขง็ มาก หรอื งานกลึงผลติ ภัณฑอุตสาหกรรม เชน เหล็กหลอ เหล็กกลา ผสม มีดกลงึ มคี มตดั เปนมมุ ตาง ๆ ท่ีเหมาะสาํ หรบั การนาํ ไปใชก บั ช้นิ งานที่เปน วัดสดุ ทส่ี อดคลอ งกัน เมอื่ คมมดี กลึงท่ือแลว ตอ ง เจียระไนใหค ม และไดมุมท่ตี องการสาํ หรบั การใชงานตอ ไป 8.2 วสั ดุมีดกลงึ ชา งโลหะ วัสดทุ ใี่ ชท ํามดี กลึงงานโลหะ รปู ท่ี 2.24 มดี เหล็กไฮสปด
วชิ า : งานเคร่อื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอื้ หา 14/35 หนวยการเรยี นที่ 2 : เครอื่ งเจียระไนลบั คมตดั 1. เหลก็ ไฮสปด (High Speed Steel = HSS) เปนเหล็กกลา ผสมสามารถรักษาคมไวไดจ น อณุ หภูมสิ ูงถงึ 6500 ซ. เหลก็ ไฮสปด มีสวนประกอบตาง ๆ กนั แบง ออกเปน 3 ประเภทหลัก คอื - เหล็กไฮสปดชนิ 18-4-1 มีสวนผสมของทงั สเตน 18% โครเมียม 4% และวาเนเดียม 1% - โมลบิ ดีนัมไฮสปดสตลี เปนเหลก็ ไฮสปด ท่ใี ชโมลิบดนี มั ผสมแทนทงั สเตนบางสวน สวนผสมที่นิยมใชคอื ทงั สเตน 6% โมลบิ ดีนัม 6% โครเนียม 4% วาเนดียม 2% - ซปุ เปอรไ ฮสปดสตีลมโี คบอลตผสมเพ่มิ ขึน้ อกี ประมาณ 2-15% ทังสเตน 20% โครเมยี ม 4% วาเนดยี ม 2% และโคบอลต 12% 2. สเตลไลต (Stelite) ใชเ ปนมดี เลบ็ มีสวนผสมของทงั สเตนประมาณ 12-15% โครเมียม 15-3% โคบอลต 40-50% คารบอน 1-4% และมีคารไ บดของธาตุอน่ื ๆ อีกประมาณ 1% คงความแขง็ ไวไดจ นอณุ หภูมิสงู ถงึ ประมาณ 9500 ซ. 3. ทังสเตนคารไบต (Thungsten Carbide) ใชเ ปนมดี เลบ็ เปน วสั ดทุ ี่สงั เคราะหม าจากทังสเตน กับคารบ อนทนความรอนโดยไมเสยี คม จนอุณหภูมิสงู ประมาณ 1,2000 ซ. เหมาะสําหรับ กลงึ งานท่เี ปน เหลก็ หลอไมเหมาะกบั การกลึงเหลก็ กลา อตั ราสวนท่ีเหมาะสมคอื ทงั สเตน คารไบด 82% ไทตามเนยี มคารไบด 10% และโคบอลต 8% รปู ท่ี 2.25 รูปแบบมดี เล็บคารไ บด หรือเซรามิก ตาม DIN 4987 4. เพชร (Diamond) ใชเ ปนมดี เลบ็ สําหรับกลึงงานเบา ๆ ที่ตองการขนาดท่ีเที่ยงตรงมากหรอื ใช สาํ หรับตดั งานท่ีมีความแขง็ มาก จนไมส ามารถตัดดวยวัสดุอ่ืนได
วิชา : งานเครอ่ื งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 15/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่ืองเจียระไนลบั คมตัด 5. เซรามกิ (Ceramic) ใชเปนมดี เลบ็ ทนความเรว็ ตดั ใหสงู กวา วสั ดุชนดิ อืน่ ๆ และทนแรงอัดได สูง แตเ ปราะมาก รูปที่ 2.26 ชดุ มีดเซรามิก 8.3 ชนดิ ของมดี กลงึ แบงตามลกั ษณะการใชงาน มีทง้ั ปาดหนาซายและปาดหนาขวา 8.3.1 มดี กลงึ ปาดหนา ใชส ําหรับปาดหนาชนิ้ งานใหเรยี บ ดงั รปู รูปที่ 2.27 มดี กลงึ ปาดหนาซา ย รปู ท่ี 2.28 มีดกลงึ ปาดหนา ขวา
วิชา : งานเครื่องมือกลเบอ้ื งตน ใบเน้อื หา 16/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจียระไนลับคมตัด 8.3.2 มีดกลงึ บอก ใชส ําหรบั กลงึ ปอกชน้ิ งานใหไดข นาดความยาวเสนผาศนู ยกลางทต่ี องการ มี ท้ังมีดกลึงปอกขวา คอื กลงึ ปอกจากขวามอื มาซา ยมอื หรอื จากทายแทน มายงั หวั เครือ่ งกลึง และมีดกลงึ ปอกซา ย คือ กลึงจากซา ยมอื มาขวามือหรือกลึงจากหวั เครื่องกลึงมายังทาย แทน รปู ที่ 2.29 มีดกลึงปอกซาย รูปที่ 2.30 มดี กลึงปอกขวา 8.3.3 มีดกลึงปอกชนิดกลงึ ปอกไดท ัง้ กลงึ ปอกซายและกลึงปอกขวา เหมาะสาํ หรบั งานที่ ตองการกลงึ ในสองทศิ ทาง 8.3.4 มดี ตดั หรอื มีดกลงึ ตกรอ งเปน มีดกลึงทีใ่ ชต ดั ชน้ิ งานหรอื ใชก ลงึ ตกรองชิ้นงาน รูปท่ี 2.31 มีดกลึงทัง้ สองทศิ ทาง รูปท่ี 2.31 มีดตดั หรอื มดี กลงึ ตกรอ ง
วชิ า : งานเคร่อื งมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 17/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่อื งเจยี ระไนลบั คมตดั 8.3.5 มดี กลงึ เกลยี วสามเหล่ียมเปน มดี กลึงเกลยี วสามเหลย่ี มทใ่ี ชก ลงึ เกลยี วนอกสว นมากมมี ุม รวม 60 องศา 8.3.6 มีดควา นรใู น ใชสําหรับควานรูใหเ รยี บ และไดขนาดตามตองการ รปู ท่ี 2.33 มีดกลึงเกลียวนอก รูปที่ 2.34 มดี ควา นรใู น 8.3.7 มดี กลงึ เกลยี วใน ใชส ําหรบั กลึงเกลียวใน รปู ที่ 2.35 มีดกลึงเกลียวใน
วิชา : งานเคร่ืองมือกลเบอ้ื งตน ใบเนือ้ หา 18/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เครอ่ื งเจยี ระไนลบั คมตัด 9. มมุ ของมีดกลงึ มีดกลงึ ทจี่ ะนําไปใชงาน จะตองมีการลับคมตัดมดี กลงึ เสยี กอ น ซงึ่ สวนทีถ่ กู ลับออกไปจะทําให เกดิ เปนมมุ ข้นึ ดงั ภาพท่ี 2.36 รูปท่ี 2.36 แสดงมุมของมีดกลึง 9.1 มมุ คายเศษ (Top Rake Angle) มมุ น้ีจะเปน มมุ ทีล่ ับลงมาใหลาดต่ําลงจากปลายมดี กลงึ สาํ หรับ ใหเศษกลึงไหลออกไดส ะดวกยิง่ ข้นึ ขณะคมมีดกลึงกินนาน 9.2 มุมฟรหี นา (Front Relief Angle) มุมนี้เปน มมุ ท่ีลับเพ่ือไมใ หผิวดา นหนา ของมดี กลึงเสียดสีกับ ผวิ งานขณะกลึง 9.3 มมุ ฟรขี า ง (Side Relief Angle) มุมนีเ้ ปน มมุ ท่ีลับเพ่ือไมใ หผิวดานขา งของมดี กลึงเสียดสีกับผิว งานขณะกลงึ 9.4 มมุ ตดั ดานขา ง (Side Cutting Edge Angle) เปนมมุ ที่ลับใหค มตดั เอียงทาํ มมุ กบั ของของตวั มดี เพือ่ ใหม ดี กลงึ เดนิ ตัดเนอื้ วัสดุไดส ะดวกมแี รงตา นนอย ขนาดของมุมน้ีจะขึน้ อยูกบั ชนดิ ของวัสดุ ท่ใี ชทํามีดและวัสดงุ าน 9.5 มมุ ตัดดานหนา (Front Cutting Edge Angle) เปนมมุ ท่ีลบั เพอื่ ไมใ ชผิวดานหนา ของคมตดั ของมดี กลึงเสยี ดสีกับผวิ งานในขณะกลึงงาน 9.6 มุมรวมปลายมดี เปน มมุ ท่เี กิดจากการลับมุมคมตัดดานขา งและมุมคมตดั ดานหนา ของมดี กลงึ มมุ ของมีดกลงึ แตละมมุ จะแตกตางกันไปตามวสั ดุทจ่ี ะกลงึ และขึ้นอยกู ับวัสดทุ ีจ่ ะนาํ มาใชกลึง สาํ หรบั ในทน่ี จ้ี ะกลาวถึงมดี กลงึ ที่ทําดวยเหลก็ รอบ ดงั แสดงในตารางท่ี 2.1
วิชา : งานเครอื่ งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเน้ือหา 19/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครื่องเจยี ระไนลับคมตดั ตารางที่ 2.1 แสดงมมุ ของมดี H.S.S ที่เหมาะสมกับวัสดุ คา มมุ ตา ง ๆ ของมดี H.S.S ทเ่ี หมาะสมกับวัสดุงาน วัสดุ มมุ คาย มุมฟรีหนา มุมฟรีขา ง มมุ รวมปลายมดี 62 เหล็กคารบอน 15 8 12 68 74 เหลก็ คารบอนปานกลาง 12 8 10 77 75 เหล็กคารบ อนสงู 8 8 10 62 65 เหลก็ หลอ 588 ทองเหลือง 0 8 10 บรอนซ 0 8 10 อะลมู เิ นียม 35 8 12 9.7 การเลือกใชมมุ คายใหเ หมาะสมกับวสั ดุงาน • มมุ คายบนเปน บวก (Positive) เหมาะสําหรบั ใชกลงึ งานทีเ่ ปนเหลก็ กลา เพราะลดแรงกดบนหนา มีด ผวิ งานจะเรยี บดี รปู ท่ี 2.37 มุมคายเปน บวก • มมุ คายบนเปน ศูนย รปู ท่ี 2.38 มุมคายเปน ศนู ย ดา นบนของมดี กลงึ จะอยูในแนวราบ มุม คายเปน ศนู ยเหมาะสําหรับใชกลึงทองเหลือง เพราะ จะปอ งกนั ไมใ หม ดี ดูด (มีดเลื่อนเขาไปในเน้ืองาน โดยที่ยังไมไดป อน) และใชก ับมดี กลงึ เกลยี ว เพื่อ ปอ งกันไมใ หม มุ ของเกลียวทีก่ ลึงไดผิดไปจากมุมของ มีดกลึง
วิชา : งานเครอื่ งมือกลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 20/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เครอ่ื งเจยี ระไนลับคมตดั • มุมคายบนเปน ลบ (Negative) มมุ คายเปนลบ คอื มดี ท่ีลบั ใหปลายมดี ตาํ่ กวาโคน เหมาะสาํ หรบั งานกลึงทไี่ มสมาํ่ เสมอ ขรขุ ระ เชน ผวิ เหลก็ หลอ ผิวงานท่ีตดั ดว ยแกส เพราะทนตอ การกระแทกไดด ี มมุ คายชนิดนี้ กลึงงาน ไมค อยเรยี บ เพราะจะมีลักษณะการตดั เปนการขูด มากกวาการเฉอื น รปู ท่ี 2.39 มมุ คายเปน ลบ 10. ขัน้ ตอนการลับมดี กลงึ 10.1 ลบั มดี กลึงปาดหนา มดี กลงึ ปาดหนา เปน มดี กลงึ ชนดิ หนึ่งในจาํ นวนมีดกลึงหลาย ๆ ชนิด ทาํ จากวัสดทุ ี่มคี วามแข็งแรงทนตอ ความรอ นไดส ูง ใชในการกลึงปาดหนาผวิ งานกลึงบาฉาก กลึง ลบมมุ ตาง ๆ ได มีดกลึงปาดหนา จะแตกตา งไปจากมีดกลึงชนิดอน่ื ๆ ตรงคา ของมมุ คมตดั ดงั นน้ั จะตองลบั มมุ คมตัดตาง ๆ ใหถกู ตอ งตามแบบ รูปท่ี 2.40 แสดงรูปรางและมมุ ของมีดกลงึ ปาดหนา รูปท่ี 2.40 แสดงการทาํ งานของมดี กลึงปาดหนา
วชิ า : งานเครอื่ งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 21/35 หนวยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลบั คมตัด การลบั มีดกลงึ ปาดหนา มี 3 ขน้ั ตอน ขั้นท่ี 1 ลบั มมุ หลบขา งมีด 8 องศา ยาว 15 มิลลเิ มตร รปู ที่ 2.42 แสดงการลับมุมหลบขา งมดี ข้นั ที่ 2 ลบั มุมหลบปลายมีด 10 องศา และมมุ หลบหนามดี 8 องศาพรอ มกนั รูปท่ี 2.43 แสดงการลับมุมหลบปลายมดี ขนั้ ที่ 3 ลบั มมุ คายเศษ 14 องศา รปู ท่ี 2.44 แสดงขัน้ ตอนการลับมุมคายเศษ
วิชา : งานเครอ่ื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 22/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลบั คมตัด 10.2 ลบั มีดกลงึ ปอกผวิ มดี กลงึ ปอกผิวเปน มดี กลึงอีกชนิดหนึ่ง ทําจากวสั ดุแขง็ ทนความรอน ใช กลงึ ปอกผวิ ชน้ิ งาน ใหม ีขนาดเลก็ ลงไดอ ยา งรวดเร็ว มดี กลึงปอกผวิ ตา งจากมดี กลึงชนิดอนื่ ๆ ตรงมมุ คมตดั ดังนัน้ ตอ งลบั มมุ คมตัดใหถกู ตอ งตามแบบ รูปท่ี 2.45 แสดงรปู รางและมุมคมตดั มดี กลงึ ปอกผวิ รูปท่ี 2.46 แสดงการทาํ งานของมดี กลึงปอกผิว
วชิ า : งานเครือ่ งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนือ้ หา 23/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจียระไนลับคมตดั การลับมดี กลึงปอกผวิ มี 3 ขนั้ ตอน ข้นั ท่ี 1 ลบั มมุ ขา งมดี 30 องศา และ 8 องศา พรอ มกนั รปู ท่ี 2.47 แสดงการลบั มมุ ขา งมดี ขน้ั ท่ี 2 ลับมุมหลบปลายมีด 90 องศา และมุมหลบหนา มีด 8 องศาพรอ มกัน รูปท่ี 2.48 แสดงการลบั มุมหลบปลายมีด ข้ันที่ 3 ลบั มมุ คายเศษ 14 องศา รปู ที่ 2.49 แสดงการลบั มมุ คายเศษ
วชิ า : งานเคร่อื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอ้ื หา 24/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลบั คมตัด 10.3 ลบั มีดกลงึ เกลยี วสามเหล่ียม มีดกลงึ เกลยี วสามเหลยี มเปน มีดกลึงอกี ชนดิ หนึ่งทที่ ําจากวสั ดแุ ข็ง ทนความรอ น ใชก ลงึ เกลยี วสามเหลยี มมุม 60 องศา มีดกลึงเกลยี วสามเหลียมมีขอ จํากดั คือ ตอ งลบั มมุ มดี ใหไ ด 60 องศาตามเกจ หางปลา รปู ท่ี 2.50 แสดงรูปรางและมมุ คมตัดมีดกลงึ เกลยี วสามเหล่ียม รปู ท่ี 2.51 แสดงการกลงึ เกลยี วสามเหลีย่ ม
วชิ า : งานเคร่อื งมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนอื้ หา 25/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครือ่ งเจียระไนลับคมตัด การลบั มดี กลึงเกลียวสามเหลี่ยมมี 3 ขัน้ ตอน ขนั้ ที่ 1 ลับมมุ มีดดานซาย 30 องศา และ 1 องศาพรอมกัน รูปที่ 2.52 แสดงการลับมุมมดี ดา นซา ย ข้นั ที่ 2 ลบั มุมมดี ดานขวา 30 องศา รปู ที่ 2.53 แสดงการลบั มมุ มดี ดานขวา ขัน้ ที่ 3 ลับมุมปลายมดี 8 องศา รปู ที่ 2.53 แสดงการลับมุมปลายมดี
วิชา : งานเคร่อื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอื้ หา 26/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลับคมตัด 10.4 ลับมดี กลึงตกรองฉาก รปู ที่ 2.55 แสดงรูปรา งและมมุ คมตัดมีดกลงึ ตกรอ งฉาก (A) งานกลึงตกรอ งฉาก (B) งานกลงึ ตกรอ งโคง (C) การกลงึ ตกรอ งตัววี รปู ที่ 2.53 แสดงการทาํ งานของมีดตกรอ ง
วชิ า : งานเครือ่ งมือกลเบอ้ื งตน ใบเน้ือหา 27/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจียระไนลบั คมตดั การลบั มีดกลึงตกรอ งมี 4 ขน้ั ตอน ขนั้ ที่ 1 ลบั มุมหลบหนา มีด 8 องศา รปู ท่ี 2.54 แสดงการลบั มุมหลบหนามี ขั้นท่ี 2 ลบั มุมมดี ดา นซา ย 1 องศา และ 2 องสา พรอ มกัน รูปที่ 2.55 แสดงการลบั มุมมีดดานซาย
วชิ า : งานเคร่อื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนื้อหา 28/35 หนวยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจยี ระไนลบั คมตัด ข้นั ที่ 3 ลับมมุ มดี ดา นขวา 1 องศา และ 2 องศา พรอ มกัน รูปที่ 2.56 แสดงการลับมมุ มีดดานขวา ขน้ั ที่ 4 ลบั คมคายเศษ 8 องศา รปู ท่ี 2.59 แสดงการลับมุมคายเศษ
วชิ า : งานเครื่องมอื กลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 29/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจยี ระไนลับคมตดั 11. การลบั มีดไส มีวิธีการลับเชน เดียวกับการลับมีดกลึงปาดหนา มดี กลงึ ปอกผิว มดี กลึงเกลยี วสามเหล่ียม จะ แตกตางกนั ตรงคา ของมมุ คมตดั เทา นัน้ รูปที่ 2.60 แสดงทิศทางการทาํ งานของมดี ไสแบบตา ง ๆ ลับมีดไสผิวราบ รูปท่ี 2.61 แสดงรปู รา งและมุมคมตัดมีดไสผวิ ราบ
วชิ า : งานเครื่องมือกลเบอ้ื งตน ใบเนื้อหา 30/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เครอ่ื งเจียระไนลบั คมตัด รูปท่ี 2.62 แสดงการทาํ งานของมีดไสผวิ ราบ การลบั มดี ไสผวิ ราบมี 3 ข้ันตอน ขน้ั ที่ 1 ลับมมุ มดี ดา นขาง 2 องศา และ 8 องศาพรอ มกัน รปู ท่ี 2.63 แสดงการลบั มุมมีดดา นขา ง ขั้นท่ี 2 ลับมมุ หลบปลายมดี 8 องศา และมมุ หลบหนา มดี 5 องศาพรอมกัน รูปที่ 2.64 แสดงการลบั มมุ หลบปลายมีด
วิชา : งานเครอ่ื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเนอ้ื หา 31/35 หนวยการเรยี นท่ี 2 : เครื่องเจียระไนลับคมตัด ขั้นที่ 3 ลบั มุมคายเศษ 15 องศา รูปที่ 2.65 แสดงการลับมมุ คายเศษ 12. กฎการลับมีดกลงึ และมีดไส กฎการลบั มีดกลึงใหถูกวิธีมีดงั น้ี 1. จับมีดกลงึ ดว ยมือทง้ั สองขา งใหแ นน 2. อยา ออกแรงกดลบั มากเกนิ ไป 3. ขณะลบั มีดใหใ ชน าํ้ มนั สบูชว ยหลอ เยน็ ดวย 4. ควรตรวจสอบมมุ ของมีดทกุ ครง้ั ทลี่ ับเสรจ็ ในแตละมมุ 5. ควรลบั ดว ยลอ หนิ ชนิดหยาบกอน เสรจ็ แลว จึงคอยลบั ดว ยลอหนิ ชนดิ ละเอียด 6. ในขณะลับ จะตองเคล่ือนมดี ไป-มาตลอดหนาหนิ 13. การลบั ดอกสวาน ดอกสวานมีความจาํ เปน มากในงานชาง ดงั นนั้ ชางทกุ คนควรจะตอ งลับดอกสวานเปน เพ่ือทจ่ี ะ ไดลับดอกสวา นไดเม่ือดอกสวานไมค ม มมุ จกิ หรอื มุมรวมปลายดอกสวา นที่ใชง านท่ัว ๆ ไปจะมมี ุมรวม 118 องศา รปู ท่ี 2.66 มุมตา ง ๆ ของดอกสวาน
วชิ า : งานเครอ่ื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเน้ือหา 32/35 หนวยการเรยี นที่ 2 : เครื่องเจยี ระไนลบั คมตัด รูปที่ 2.67 มมุ หลบหรือมมุ ลาดเอียงของดอกสวานทถ่ี ูกตอ ง รปู ที่ 2.68 มมุ หลบหรือมุมลาดเอียงของดอกสวานทไ่ี มถ กู ตองจะเจาะงานไมได รูปที่ 2.69 มมุ หลบหรือมุมลาดเอียงของดอกสวา นไมมจี ะทาํ ใหสวา นแตกหัก
วิชา : งานเครือ่ งมือกลเบอื้ งตน ใบเนือ้ หา 33/35 หนว ยการเรยี นที่ 2 : เคร่ืองเจียระไนลบั คมตัด รปู ที่ 2.70 มุมหลบหรอื มุมลาดเอียงของดอกสวานมากเกินไป ทําใหส วานบนิ่ รูปท่ี 2.71 ลับมมุ ของดอกสวานไมเ ทากันคมตดั จะตดั งานคมตัดเดยี ว รูปที่ 2.72 ลับความกวางของคมตัดไมเ ทา กัน มมุ จกิ จะไมไดศ นู ยทาํ ใหเ จาะงานมีขนาดใหญกวา ขนาดจริง
วชิ า : งานเครอ่ื งมือกลเบอ้ื งตน ใบเนอ้ื หา 34/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจียระไนลับคมตัด รปู ที่ 2.73 คามมุ ดอกสวานสําหรับเจาะวสั ดุตา ง ๆ การลบั ดอกสวา นจะตอ งเอยี งใหแกนของดอกสวานเอยี งทาํ มุมกบั หนา หนิ เจยี ระไนโดยทว่ั ไป มี มมุ 59 องศา เม่ือลบั สองดา นกจ็ ะมมี ุมรวมปลายดอกสวา นเทากบั 118 องศา รูปที่ 2.73 แสดงวธี ีลับดอกสวานรูปท่ี 2.74 วธิ ีการวัดมุมและวดั ความกวางคมตดั ดอกสวาน
วิชา : งานเคร่อื งมอื กลเบอื้ งตน ใบเน้อื หา 35/35 หนว ยการเรยี นท่ี 2 : เคร่อื งเจยี ระไนลับคมตดั ตารางท่ี 2.2 แสดงขอผดิ พลาดและผลจากการลับสวา นไมถ ูกตอง ขอผดิ พลาด ผลท่ีเกิดขน้ึ - ปลายดอกสวานไม 1. รเู จาะโตกวา ขนาดของดอกสวาน ตรงเสนแกน 2. ขณะเจาะชน้ิ งานจะสั่น 3. ดอกสวา นจะท่อื เรว็ - มุมคมตดั ไมเ ทา กัน 4. หากกดเจาะดวยแรงมาก ๆ และจบั งานไว แนน ดอกสวา นจะหักได - ปลายสวานไมตรง 5. ในขณะเริม่ เจาะจะเกดิ การลืน่ ไถล เสนแกน 1. ปลายรเู จาะจะเปน 2 ชน้ั ในรูเจาะทไี่ ม - มุมของคมตดั โตไม ทะลุ เทากนั 2. คมดอกสวา นจะกนิ งานเพยี งคมดา นเดยี ว 3. รูเจาะจะเบยี้ ว 4. คมดอกสวา นท่มี ีมุมนอยกวา จะทือ่ เร็ว 1. รูเจาะจะโตกวาขนาดจรงิ 2. จะใชคมตดั เพยี งดา นเดยี วในการเจาะ 3. ขณะเจาะจะสัน่ - ปลายดอกสวา นไม 1. รูเจาะจะโตกวาขนาดจรงิ ตรงเสนแกน 2. ในขณะเร่มิ เจาะจะเกดิ การลนื่ ไถล - มมุ ของคมตัดยาวไม เทากัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: