“สถาบนั พระมหากษตั รยิ ”์
พระบารมีแหง่ สถาบันพระมหากษตั รยิ ์
แกนหลกั แห่งความ มนั่ คงของชาติ แกนหลกั แหง่ ความมน่ั คงของชาตไิ ดแ้ ก่ สถาบนั ชาติ สถาบนั ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ความสาคญั ของ สถาบนั ทงั้ สามปรากฏอยู่ในธงไตรรงคซ์ ่ึงเป็ นธงชาติไทย ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ไดท้ รงรเิ ร่ิมใหใ้ ชธ้ ง ไตรรงคเ์ ป็ นธงชาติไทยตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็ นตน้ มาจนถึง ปัจจบุ นั น้ี
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ไดท้ รงพระราช นพิ นธ์ความหมายของธงไตรรงคไ์ วด้ งั น้ี แดง คอื โลหติ เราไซร้ ซง่ึ ยอมสละได้ เพ่ือรกั ษาชาตศิ าสนา (แดงหมายถึงสถาบนั ชาติ) ขาว คอื บรสิ ุทธศิ์ รสี วสั ดิ์ หมายถึงพระไตรรตั น์ และธรรม คมุ้ จติ ใจ (ขาวหมายถึงสถาบนั ศาสนา) นา้ เงนิ คอื สโี สภา อนั จอมประชา ธ โปรดเป็นสว่ นพระองค์ (นา้ เงินหมายถึงสถาบนั พระมหากษตรยิ )์ สถาบนั ชาติ สถาบนั ศาสนา และสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ จงึ เป็นอนั หนึ่งอนั เดยี วกนั ไมอ่ าจแยกจากกนั ได้ ตามคากลา่ วทว่ี า่ “พระมหากษตั รยิ ค์ ชู่ าติ พทุ ศาสนค์ ไู่ ทย”
ความหมายของสถาบนั พระมหากษัตริย์ ความหมายของ “พระมหากษตั ริย์” ตามรูปศพั ท์ หมายถึง “นกั รบผู้ ย่ิงใหญ่” ถา้ จะถือตามความหมายที่ใชก้ นั อยู่ทวั่ ไปและความเขา้ ใจตามธรรมดาแลว้ พระมหากษตั ริยก์ ็คือ พระเจา้ แผ่นดิน ในภาษาสนั สกฤตคาวา่ กษตั ริย หมายถึงผู้ ป้ องกนั หรือนกั รบ มีคาเรียกพระมหากษตั ริย์หลายคาเช่น พระราชา หรือราชนั หมายถึง ผูช้ ุบนอ้ มจติ ใจของผูอ้ นื่ ไวด้ ว้ ยธรรม จกั รพรรดิ หมายถึง ผูป้ กครองท่ีปวง ชนพึงใจและเป็ นผูม้ ีคุณธรรมสูง และใกลเ้ คยี งกบั คาวา่ ธรรมราชา หมายถึง ผูร้ กั ษา และปฏิบตั ิธรรมทง้ั เป็ นตน้ เหตุแห่งความยุติธรรมทงั้ ปวง คาว่าพระเจา้ อยู่หวั หมายถึง พระผูเ้ ป็ นผูน้ า หรือประมุขของประเทศ และคาว่า “พระเจา้ แผ่นดิน” หมายถึงพระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นเจา้ ของแผน่ ดนิ ไม่ว่าจะเลือกใชค้ าใด คาว่า “ราชา” “กษัตริย์” “จกั รพรรดิ” โดย ความหมายแลว้ น่าจะใชเ้ หมือนๆกนั อย่างไรก็ดีในสงั คมไทยเรียกพระมหากษตั รยิ ว์ า่ “ในหลวง” “พ่อหลวง” “พ่อของแผน่ ดิน” ความหมายก็คือเป็ นผูป้ กครองท่ีเปรยี บ เหมือนพ่ออยเู่ หนือเกลา้ เหนือชวี ติ ซง่ึ ชนชาวไทยมคี วามจงรกั ภกั ดชี ว่ั กาลนาน
จากอดีตจนถึงปั จจุบัน คนไทยเราอยู่และคุ้นเคยกับสถาบัน พระมหากษตั ริยเ์ ป็ นอย่างมาก พระมหากษตั ริย์ ไทยทรงบาเพ็ญพระราชกรณียกิจ นานปั การเพ่ือใหพ้ สกนิกรอยู่เย็นเป็ นสุข สถาบนั พระมหากษตั รยิ จ์ ึงหมายถึงสถาบนั สูงสุด โดยทรงเป็ นพระประมุขของชาติ ทรงเป็ นศูนยร์ วมแห่งความจงรกั ภกั ดี ทรง เป็ นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยทงั้ ชาติ ทรงไวซ้ ึ่งคุณธรรมอนั ประเสริฐ และทรงเป็นทเ่ี คารพรกั เทดิ ทนู อยา่ งสงู ยิ่งของประชาชนชาวไทยทงั้ ประเทศ
บทบาทของสถาบัน พระมหากษัตริย์ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ก์ อ่ ใหเ้ กิดคุณประโยชนอ์ ย่างมากมาย มหาศาลตอ่ ประเทศชาติมาตง้ั แตโ่ บราณจวบจนปัจจบุ นั น้ี ทงั้ ในฐานะที่ ก่อใหเ้ กิดการสรา้ งชาติ การกูเ้ อกราชของชาติ การรกั ษาและพฒั นา ชาติ มีสาระสาคญั ทค่ี วรแกก่ ารนามาศกึ ษา คอื
1 . พ ร ะ ม ห า กษัตริย์ท ร ง เ ป็ น ศูน ย์ร วม จิตใ จ ข อ ง ประชาชน พระมหากษตั ริยท์ รงทาใหเ้ กิดความสานึกเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกัน แมว้ ่าสถาบันการเมืองการปกครองจะแยกสถาบันนิติ บัญญัติ บริหาร ตุลาการ แต่ตอ้ งใหอ้ านาจของตนภายใต้พระ ปรมาภิไธย ทาใหท้ ุกสถาบนั มีจุดรวมกนั อานาจที่ไดม้ าจากแหล่ง เดียวกนั คือ พระมหากษตั ริย์ นอกจากน้ีพระมหากษตั ริย์ยงั ทาใหเ้ กิด ความสานึกเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ระหวา่ งหมู่ชนภายในชาติ โดยท่ี ตา่ งเคารพสกั การะและจงรกั ภกั ดีต่อพระมหากษตั ริยร์ ว่ มกัน แมจ้ ะมี ความแตกตา่ งกนั ในดา้ นเช้ือชาติ เผ่าพนั ธุ์ ศาสนา ก็มีความสมาน สามคั คกี ลมเกลียวกนั ในปวงชนทง้ั หลาย ทาใหเ้ กิดความเป็ นปึกแผน่ และเป็ นพลงั ท่ีสาคญั ย่ิงของชาติ กล่าวไดว้ า่ พระมหากษตั ริยเ์ ป็ น ศูนยร์ วมของชาตเิ ป็นศูนยร์ วมจติ ใจ กอ่ ใหเ้ กิดความสมานสามคั คี และ เป็นอนั หน่ึงอนั เดยี วกนั ของคนในชาติ เกิดเอกภาพทงั้ ในทางการเมือง การปกครองในหมู่ประชาชนอย่างดียิ่ง พระมหากษตั ริยท์ รงรกั ใคร่ หว่ งใยประชาชนอย่างยิ่ง ทรงโปรดประชาชนและทรงใหเ้ ขา้ เฝ้ าฯอย่าง ใกลช้ ิด ทาใหเ้ กิดความจงรกั ภกั ดีแน่นแฟ้ นมากข้ึนไม่เสื่อมคลาย พระองคเ์ สดจ้ พระราชดาเนินไปทุกแหง่ ไมว่ า่ จะเป็ นถิ่นทุรกนั ดารหรอื มี อนั ตรายเพียงไร เพ่ือทรงทราบถึงทุกข์สุขของประชาชน และ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะหอ์ ยา่ งกวา้ งขวางโดยไม่จากดั ฐานะ เพศ วยั ประชาชนก็มีความผูกพนั กบั พระมหากษตั ริย์อย่างลึกซ้ึง กวา้ งขวางแน่นแฟ้ นมนั่ คง จนยากทจี่ ะมีอานาจใดมาทาใหส้ นั่ คลอนได้
2. พระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นสญั ลกั ษณแ์ ห่งความต่อเนื่องของ ชาติ สถาบนั พระมหากษตั ริยเ์ ป็ นสถาบนั ประมุขของชาติสืบต่อกนั มา โดยไม่ขาดสายขาดตอนตลอดเวลา ไม่วา่ รฐั บาลจะเปล่ียนแปลงไปก่ีชุด ก่ีสมยั ก็ตาม แตส่ ถาบนั พระมหากษตั รยิ ย์ งั คงอยูเ่ ป็ นความตอ่ เน่ืองของ ประเทศชาติ ช่วยใหก้ ารปกครองไม่มีช่องว่างแต่มีความต่อเนื่อง ตลอดเวลา เพราะสาเหตุที่มีพระมหากษัตริย์เป็ นประมุขอยู่มิได้ เปลีย่ นแปลงไปตามรฐั บาลดว้ ย 3. พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็ นพุทธมามกะและอคั ร ศาสนปู ถมั ภก ทาใหเ้ กิดความสมั พนั ธแ์ น่นแฟ้ นระหวา่ งคนในชาติแมจ้ ะมี ศาสนาต่างกัน เพราะพระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาแม้ว่า พระองคจ์ ะทรงเป็ นพุทธมามกะ จึงก่อใหเ้ กิดพลงั ความสามคั คีในชาติ ไมบ่ าดหมางกนั ดว้ ยการมศี าสนาตา่ ง 4. พระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นพลงั ในการสรา้ งขวญั และกาลงั ใจ ของประชาชน พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นที่มาแห่งเกียรติยศทั้ง ปวง ก่อใหเ้ กิดความภาคภูมิ ปี ติยินดี และเกิดกาลงั ใจในหมู่ประชาชน ทว่ั ไปทจี่ ะรกั ษาคณุ งามความดี มานะพยายามกระทาความดี โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเม่ือพระองคท์ รงไวซ้ ึ่งความดีงานตลอดเวลา ทาใหป้ ระชาชนผู้ ปฏิบตั ิดปี ฏิบตั ิชอบมีกาลงั ใจที่จะทางานเสยี สละตอ่ ไป จงึ เสมือนแรงดล ใจผลกั ดนั ใหผ้ ูม้ ีเจตนาดี ประกอบคุณงามความดีมุ่งมนั่ ในการปฏิบตั ิ อยา่ งเขม้ แข็ง ทงั้ ในสว่ นประชาชน สว่ นราชการหรอื รฐั บาล
5. พระมหากษตั ริย์ทรงมีส่วนสาคญั ในการรกั ษาผลประโยชน์ของ ประชาชนและทาใหก้ ารบริหารงานประเทศเป็ นไปดว้ ยดี พระมหากษตั ริยท์ รงข้ึน ครองราชยด์ ว้ ยความเห็นชอบยอมรบั ของประชาชน โดยมีรฐั สภาทาหนา้ ท่ีแทน พระองค์จึงไดร้ บั การเทิดทูนยกย่องเสมือนผูแ้ ทน อนั อยู่ในฐานะเป็ นท่ีเคารพ สกั การะของประชาชนดว้ ย การที่พระมหากษตั ริยท์ รงมีพระราชอานาจท่ีจะยบั ยง้ั พระราชบญั ญตั ิ หรือพระราชทานคาแนะนาตกั เตือน คาปรึกษา และการ สนบั สนุนในกิจการตา่ งๆ ทงั้ ของรฐั บาล รฐั สภา และศาล ตามรฐั ธรรมนูญจดั ได้ ว่าพระองคท์ รงมีส่วนร่วมอนั สาคญั ในการรกั ษาผลประโยชน์ของประชาชนและ ก่อใหเ้ กิดผลดีในการบริหารการปกครองประเทศ อย่างนอ้ ยก็ชว่ ยใหฝ้ ่ ายปฏิบตั ิ หนา้ ท่ีทง้ั หลายเกิดความสานึก เกิดความระมดั ระวงั รอบคอบมิใหเ้ กิดความ เสียหายต่อสว่ นรวมมากพอสมควร พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็ นประมุขและทรงเป็ น กลางทางการเมืองการกาหนดหลกั การสืบสนั ตติวงศ์ไวอ้ ย่างชดั เจนโดยกฎมร เทียรบาลและรฐั ธรรมนูญเป็ นเคร่ืองประกนั วา่ จะทรงเป็ นกลางทางการเมืองได้ อยา่ งแทจ้ รงิ และทาใหส้ ามารถยบั ยง้ั ทว้ งติง ใหก้ ารปกครองประเทศเป็ นไปโดย สุจริตยุติธรรมเพ่ือประชาชนโดยสว่ นรวม ซ่ึงตา่ งจากประมุขของประเทศท่ีมาจาก การเลือกตงั้ ทจี่ ะตอ้ งยึดนโยบายของกลุม่ หรอื พรรคการเมืองเป็ นหลกั 6. พร ะมห ากษัตริย์ทรงแ ก้ไขวิ กฤตกา รณ์ ส ถาบัน พระมหากษตั ริย์เป็ นกลไกสาคญั ในการยบั ยงั้ แกไ้ ขวิกฤตการณ์ที่รา้ ยแรงใน ประเทศได้ ไม่ทาใหเ้ กิดความแตกแยกภายในชาติอย่างรุนแรงจนถึงตอ้ งตอ่ สูก้ นั เป็ นสงครามกลางเมือง หรือแบ่งแยกกนั เป็ นประเทศเล็กประเทศนอ้ ย ขจดั ปัด เป่ ามิให้เหตุการณ์ลุกลามและทาให้ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติได้ เพราะ พระมหากษตั ริย์เป็ นที่ยอมรบั ของทุกฝ่ ายไม่ว่าจะเป็ นดา้ นประชาชน รฐั บาล หน่วยราชการ กองทพั นิสิต-นักศึกษา ปัญญาชนทงั้ หลาย หรือกลุ่มต่างๆ แมก้ ระทงั่ ชนกลุม่ นอ้ ยในประเทศ อนั ไดแ้ ก่ ชาวไทยภูเขา ชาวไทยมุสลิม เป็นตน้
7. พระมหากษัตริย์ทรงส่งเสริมความม่ันคงของ ป ร ะ เ ท ศ โ ด ย ก า ร ยึ ด เ ห นี่ ย ว จิ ต ใ จ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ กองทพั พระมหากษตั ริย์ทรงดารงตาแหน่งจอมทพั ไทยจึงทรงใส่ พระทยั ในการพฒั นากองทพั ทง้ั ทางวตั ถุและจิตใจ ทรงเยี่ยมเยียน ปลอบขวญั ทหาร พระราชทายของใชท้ ่ีจาเป็ น ทรงช่วยเหลือ อนุเคราะห์ ผูเ้ สียสละเพื่อชาติ ทาใหเ้ กิดขวญั และกาลงั ใจแก่ทหาร ขา้ ราชการอย่างดีย่ิงพรอ้ มท่ีจะรกั ษาความมนั่ คงและเอกราชของชาติ อยา่ งแน่นแฟ้ น 8. พระมหากษตั ริย์ทรงมีส่วนเสริมสรา้ งสมั พนั ธไมตรี ระหว่างประเทศ พระมหากษตั ริยใ์ นอดีตไดท้ รงดาเนินวเิ ทโศบายได้ อย่างดีจนสามารถรกั ษาเอกราชไวไ้ ด้ โดยเฉพาะสมยั การล่าเมืองข้ึน ในรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลท่ี 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สาหรับ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั กาลปัจจุบนั ก็ทรงดาเนินการใหเ้ กิด ความเขา้ ใจอนั ดี ความสมั พันธ์อนั ดีระหว่างประเทศต่างๆ กับ ประเทศไทย โดยเสด็จพระราชดาเนินเป็ นทตู สนั ถวไมตรกี บั ประเทศ ตา่ งๆ ไม่นอ้ ยกวา่ 31 ประเทศ ทาใหน้ โยบายตา่ งประเทศดาเนินไป อย่างสะดวกและราบร่ืน นอกจากนนั้ ยงั ทรงเป็ นผูแ้ ทนประเทศไทย ตอ้ นรบั ประมุขประเทศ ผูน้ าประเทศ เอกอคั รราชทูต และทูต สนั ถวไมตรีจากตา่ งประเทศอกี ดว้ ย
9. พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็ นผูน้ าในการพฒั นาและปฏริ ูป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ การพัฒนาและการปฏิรูปท่ี สาคัญๆ ของชาติส่วนใหญ่พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นผู้นา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปู พ้ืนฐาน ประชาธิปไตย โดยการจดั ตงั้ กระทรวงตา่ งๆ ทรงสง่ เสรมิ การศึกษา และเลิกทาส ปัจจุบนั พระมหากษตั ริยท์ รงเก้ือหนุนวทิ ยาการสาขา ตา่ งๆ ทรงสนบั สนุนการศึกษาและศลิ ปวฒั นธรรม ทรงรเิ ร่ิมกิจการ อนั เป็ นการแกป้ ัญหาหลกั ทางเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ โดย จะเห็นวา่ โครงการตามพระราชดาริส่วนใหญ่มุ่งแกป้ ัญหาหลกั ทาง เกษตรกรรมเพื่อชาวนา ชาวไร่ และประชาชนผูย้ ากไรแ้ ละดอ้ ย โอกาสอันเป็ นชนส่วนใหญ่ของประเทศ เช่น โครงการฝน หลวง ชลประทาน พฒั นาทดี่ นิ พฒั นาชาวเขา เป็นตน้ 10. พระมหากษตั ริย์ทรงมีส่วนเก้ือหนุนระบอบ ประชาธิปไตย บทบาทของพระมหากษตั ริยม์ ีสว่ นชว่ ยเป็ นอย่างมาก ที่ทาใหป้ ระชาชนบงั เกิดความเชื่อมน่ั ในระบอบประชาธิปไตย เพราะ ก า ร ท่ี ป ร ะ ช า ช น เ กิ ด ค ว า ม จ ง ร ัก ภัก ดี แ ล ะ เ ชื่ อ ม ั่น ใ น ส ถ า บ ั น พระมหากษตั ริย์ จึงมีผลส่งใหป้ ระชาชนเกิดความศรทั ธาในระบอบ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ป็ นประมุขดว้ ย เนื่องจาเห็นวา่ เป็ นระบอบที่เชิดชูสถาบนั พระมหากษตั ริยอ์ นั เป็ นท่ีเคารพสกั การะ ของประชาชนนนั่ เอง
แนวคดิ สถาบันพระมหากษตั ริย์ พระมหากษตั ริยแ์ ต่เดิมมีแนวคิดสองประการคือ ถือ วา่ พระมหากษตั รยิ ค์ อื หวั หนา้ ครอบครวั ใหญท่ มี่ ีความสมั พนั ธ์ กันทางสายเลือดกับหมู่คณะและประการท่ี สองคือ พระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุขของรฐั ในทางการเมืองหรือ เป็นผมู้ ีอานาจสงู สุด โดยเฉพาะในยุโรปมีความเชื่อในเร่ืองลทั ธิ เทวสทิ ธ์ิ (Divine right of King) และถือวา่ พระมหากษตั ริย์ ทรงไวซ้ ่ึงอานาจอธิปไตยและมีอานาจสูงสุดในการปกครอง ประเทศ รวมทงั้ มีอานาจโดยสมบูรณ(์ Absolute)
สาหรบั ประเทศไทยแนวคิดในเรอื่ งพระมหากษตั ริยเ์ ริ่มปรากฏ ชดั เจนในยุคกรุงสุโขทยั โดยใชค้ าวา่ “พ่อขุน” ราษฎรมีความใกลช้ ิดกบั องคพ์ ระมหากษตั ริย์ พระมหากษตั ริยใ์ นสมยั นนั้ เรียกวา่ พ่อขุนก็พรอ้ มท่ี จะช่วยประชาชน โดยประชาชนที่รอ้ นอกรอ้ นใจก็สน่ั กระด่ิงเพื่อรอ้ งขอให้ พิจารณาอรรถคดตี า่ งๆ ได้ ทกุ วนั พระก็ชกั ชวนขา้ ราชบริพารและหมูเ่ หลา่ ปวงชนพรอ้ มใจกนั ฟังเทศน์รบั พร ประชาชนใกลช้ ิดผูป้ กครองใช้หลกั ครอบครวั มาบริหารรฐั และใชห้ ลกั ศาสนาเขา้ ผูกใจคนใหอ้ ยู่รว่ มกนั อย่าง ปกติสุข ดงั นน้ั พ่อขุนหรือพระมหากษตั ริย์ในสมยั สุโขทัยนน้ั จึงเรียกว่า “อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ” หมาย ถึงพระมหากษตั ริยท์ ี่ประชาชนและ เหล่าอามาตยเ์ ลือกพระองคข์ ้ึนปกครองประเทศ อย่างไรก็ดีในช่วงการ เปลี่ยนแผ่นดินและศูนยก์ ลางความเจริญยา้ ยลงมาทางใต้ อาณาจกั รกรุง ศรีอยุธยาเริ่มเจริญข้ึนการแพรข่ องแนวคิดตา่ งๆ ท่ีอยู่รอบๆ อาณาจกั ร ใหม่ทงั้ จากชาติตะวนั ตกที่เขา้ มาคา้ ขายและชนชาติเขมรหรือขอมก็เขา้ สู่ แนวคิดเรื่องพระมหากษตั ริยใ์ นชว่ งน้ี แนวคิดเรื่องพระมหากษตั ริยจ์ ึงมี การผสมผสาน ดงั นนั้ พระมหากษตั รยิ จ์ งึ ไมใ่ ชค่ นธรรมดาอยา่ งพ่อขุนแต่ เป็นบุคคลทเ่ี ป็นคนสรา้ งชาติ รวมแผน่ ดนิ แนวคดิ ทงั้ ฝรงั่ และเขมรจงึ ทา ใหพ้ ระมหากษตั ริยม์ ีอานาจใจการปกครองสูงสุดดุจไดร้ บั เทวสิทธิ์ และ ขณะเดียวกนั พระมหากษตั ริยท์ รงใชห้ ลกั การปกครองโดยมีหลกั ศาสนา กากบั เพราะพระมหากษตั รยิ ม์ ีนิตริ าชประเพณี ทศพิธราชธรรม และทรง มีพระมโนธรรมกากบั นอกจากน้ีพระมหากษตั ริย์ไทยยงั ทรงอยู่คู่กบั ราษฎรไทยเสมอมา
ปัจจุบนั รฐั ธรรมนูญเกือบจะทุกฉบบั รบั รองฐานะของ พระมหากษตั ริยว์ า่ “ประเทศไทยเป็ นราชอาณาจกั รอนั หนึ่ง อนั เดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุขและ ทรงดารงตาแหน่งจอมทพั ไทยองคพ์ ระมหากษตั ริย์ ทรงดารง อยู่ในฐานะอนั เป็ นท่ีเคารพสกั การะ ผูใ้ ดจะละเมิดมิได้ และจะ กล่าวหาหรือฟ้ องร้องในทางใด ๆ มิได้” ฐานะของ พระมหากษตั รยิ ใ์ นระบอบประชาธิปไตยก็คือ ทรงเป็ นประมุข ของประเทศและยงั ทรงใชอ้ านาจอานาจอธิปไตยทางรฐั สภา คณะรฐั มนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรฐั ธรรมนูญ
ความสาคัญของสถาบัน พระมหากษัตริย์ ประเทศไทยมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุขของประเทศ ตลอดมา พระมหากษตั ริย์ของไทยไดท้ รงปกครองแผ่นดินดว้ ย ทศพิธราชธรรม ไดท้ รงบาบดั ทุกข์บารุงสุขของประชาชน ไดท้ รง ทานุบารุงบา้ นเมืองใหม้ ีความเจริญมน่ั คงกา้ วหนา้ ในดา้ นต่างๆ บางพระองคไ์ ดท้ รงกอบกูเ้ อกราชของชาติดว้ ยความกลา้ หาญและ เสียสละ อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราช บางพระองคไ์ ดท้ รงดาเนินวิเทโศบายท่ีชาญฉลาดทาให้ ประเทศไทยสามารถรกั ษาเอกราชอธิปไตยไวไ้ ดจ้ นทุกวนั น้ี เช่น พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั พระปิยมหาราช
ชาติไทยของเรามีการววิ ฒั นาการมาตงั้ แต่เร่ิมรวมชาติรวม แผ่นเดิน ก่อร่างสรา้ งเมืองตง้ั แต่ อดีต จนมาเป็ นประเทศชาติทุก วนั น้ีก็เพราะสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ สถาบนั พระมหากษตั ริยย์ งั เป็ น สถาบนั ที่อยู่ในหวั ใจของประชาชน เป็ นสถาบนั ที่เคารพ สกั การะ เหนือเกลา้ เหนือกระหม่อมของปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ผูใ้ ดหรือ ใครจะมาล่วงเกินพระราชอานาจไม่ได้ ในสมัยสุโขทยั สถาบัน พระมหากษตั ริยเ์ ปรียบเสมือนพ่อของประชาชนฐานะของพระองค์ เป็ นพ่อขุน มีความใกลช้ ดิ ประชาชน พอเขา้ สมยั กรุงศรีอยุธยาฐานะ ของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ทรงเป็ นสมมุติเทพหรอื เป็ นเทวดาโดย สมมุติและทรงมีพระราชอานาจในการปกครองทรง เป็ นองค์ อธิปัตยส์ ูงสุดในการปกครองบา้ นเมือง ทรงปกครองบา้ นเมืองดว้ ย หลกั ธรรมะโดยมที ศพิธราชธรรม และธรรมะหลกั สาคญั ตา่ งๆ
ในการปกครองจนทาใหไ้ พร่ฟ้ าประชาราษฏอ์ ยู่เย็นเป็ น สุข ทรงครองราชยป์ ้ องเมือง ทานุบารุงบา้ นเมือง ศาสนา และ สงั คมมาจนถึงทุกวนั น้ี แมว้ ่าประเทศไทยจะมีรูปการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย พระราชอานาจของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ก็มิทรงเส่ือมถอย แต่สถาบนั พระมหากษตั ริยก์ ลบั เป็ นที่เคารพ สกั การะจากประชาชนมากเชน่ เดมิ ไม่มีเปลีย่ นแปลง
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: