จัดทำโดย น.ส.ธนัญญา เอี่ยมสอาด ม.4/6 เลขที่ 27 เสนอ นางสาวศศธร เรืองวิริยะชัย
หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา ประวัติศาสตร์ เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ ไทย และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน ผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือ นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิด พลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ 25/01/2565
คำนำ ก. สารบัญ ข. พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยก่อนรัตนโกสินทร์ -ประวัติของพระนเรศวรมหาราช 1 2 ข้อมูลส่วนพระองค์ การครองราชย์ 3 3 -พระราชกรณียกิจ 4 การบริหารบ้านเมือง 5 ด้านการทำสงคราม พระราชกรณียกิจที่สำคัญ -พระบรมราชานุสรณ์ -ตัวอย่างตราประจำจังหวัด พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์ -ประวัติของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ข้อมูลส่วนพระองค์ การครองราชย์ การรับราชการในสมัยกรุงธนบุรี -พระราชกรณียกิจ การบริหารบ้านเมือง ด้านการทำสงคราม -พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ 6 บรรณานุกรม ค.
1 พระนเรศวรมหาราช -ประวัติของพระนเรศวรมหาราช ข้อมูลส่วนพระองค์ -พระปรมาภิไธย สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ -วันพระราชสมภพ พ.ศ. ๒๐๙๘ -วันสวรรคต ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ -พระอิสริยยศ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา -พระราชบิดา สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช -พระราชมารดา พระวิสุทธิกษัตริย์ -พระอัครมเหสี พระมณีรัตนา พระเอกกษัตรี พระมเหสีอยุธยา การครองราชย์ -ราชวงศ์ ราชวงศ์สุโขทัย -ทรงครองราชย์ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๑๓๓ -๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๑๔๘ ระยะเวลาครองราชย์ 15 ปี -รัชกาลก่อนหน้า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช -รัชกาลถัดมา สมเด็จพระเอกาทศรถ
2 -พระราชกรณียกิจ 1.การบริหารบ้านเมือง แต่งตั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ(น้อง)ให้ดำรงตำแหน่งพระอุปราชแต่มี ยศเสมอกษัตริย์ สมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชทานนามให้พระองค์ว่า \"พระนเรศวร\" และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราช พระชนมายุ 17 พรรษา ไป ปกครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงปกครองเมืองอย่างดีและทรงเริ่ม เตรียมการที่จะกอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยา 2.ด้านการทำสงคราม การตีกรุงศรีอยุธยาของเขมร รบกับเขมรที่ไชยบาดาล การรบที่เมืองรุมเมืองคัง รบกับพระยาพะสิม รบกับพระเจ้าเชียงใหม่ที่บ้านสระเกศ 3.พระราชกรณียกิจที่สำคัญ การประกาศอิสริภาพของสมเด็จพระนเรศวร ณ เมืองแครงเกิดขึ้นเมื่อเดือน 6 ปีวอก พ.ศ. 2127 การประกาศอิสรภาพตัดขัดจากกรุงหงสาวดี โดยได้ตรัสแก่ทหารอยุธยาที่ตามเสด็จมา และชาวมอญ ณ เมืองแครงว่า “เราหาความผิดมิได้ ซึ่งพระเจ้าหงสาดีคิดร้ายต่อเราก่อนนั้น อันแผ่นดินพระมหานคร ศรีอยุธยา กับแผ่นดินเมืองหงสาวดี ขาดจากทางพระราชไมตรีกัน เพราะเป็นอกุศลกรรมนิยมสำหรับที่จะ ให้สมณพราหมณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน” เมื่อตรัสแล้วพระหัตถ์ขวาของพระองค์ที่ทรงพระ สุวรรณภิงคารอยู่ ได้หลั่งอุทกธาราลงเหนือพื้นพระสุธาดล พระแสงดาบคาบค่าย ปีพ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรงประชุมกองทัพจำนวน 250,000 คนยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในช่วงต้น เดือนยี่ข้าวในนายังเกี่ยวไม่เสร็จ สมเด็จพระนเรศวรจึงรับสั่งให้เจ้าพระยากำแพงเพชรยกทัพออกไป ป้องกันชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าว พอทัพพม่าของพระมหาอุปราชยกทัพมาถึงก็ให้ทัพม่าเข้าตีจนทัพ เจ้าพระยากำแพงเพชรแตกพ่ายหนีเข้าเมือง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธอย่างมาก เพราะไทยไม่เคย แตกพ่ายแพ้ต่อข้าศึกอาจทำให้ทหารขวัญเสีย พระองค์และสมเด็จเอกาทศรถเสด็จลงเรือพระที่นั่งออกไป รบทันที[22] (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงถูกกระสุนปืนแต่ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ฉลองพระองค์ขาดเท่านั้น) ผลปรากฏว่าทรงยึดค่ายคืนมาได้ สมเด็จพระนเรศวรมีรับสั่งประหารชีวิตเจ้าพระยากำแพงเพชร แต่โชคดี ที่พระบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงขอชีวิตเอาไว้[23] การศึกครั้งนี้พม่าหมายมั่นจะตีกรุงศรีอยุธยา ให้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารไทยจึงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้เสมอ เสด็จออกปล้นค่ายพม่าซึ่งเป็นทัพ หน้าของหงสาวดี ข้าศึกแตกพ่ายถอยหนี พระองค์จึงไล่ตีมาจนถึงค่ายหลวงของพระเจ้านันทบุเรง เสด็จ ลงจากม้าคาบพระแสงดาบแล้วนำทหารปีนบันไดขึ้นกำแพงข้าศึก แต่ถูกพม่าใช้หอกแทงตกลงมาข้างล่าง หลายครั้งจึงเสด็จกลับพระนคร พระแสงดาบนี้มีนามว่า พระแสงดาบคาบค่าย
3 -พระบรมราชานุสรณ์ พระบรมราชานุสาวรีย์และศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ มีการจัดสร้างไว้เพื่อรำลึก ถึงพระราชวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตามจังหวัดต่าง ๆ ดังต่อไป นี้ ได้แก่ ส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก(พระราชวังจันทน์, ค่ายสมเด็จพระนเรศวร, มหาวิทยาลัยนเรศวร) พระนครศรีอยุธยา(ทุ่งภูเขาทอง, วัดใหญ่ชัยมงคล) สุพรรณบุรี (ดอนเจดีย์ ถือว่าเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกและในเขต เทศบาลสุพรรณบุรี) อ่างทอง (วัดท่าสุทธาวาส) เชียงใหม่ (เชียงดาว) เชียงราย (แม่สาย) ลำปาง แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ สระแก้ว หนองบัวลำภู เพชรบุรี ปราจีนบุรี กาญจนบุรี -ตัวอย่างตราประจำจังหวัด ตราประจำ ตราประจำ ตราประจำ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดตาก จังหวัดสุพรรณบุรี
4 พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช -ประวัติของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ข้อมูลส่วนพระองค์ -พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง -เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 (นับแบบปัจจุบัน พ.ศ. 2280) (วันที่ 20 เดือน 4 ตามปีจันทรคติ) ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักร อยุธยา -พระองค์เป็นบุตรคนที่ 4 ของพระอักษรสุนทรศาสตร์ (ทองดี) -ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก กับพระอัครชายา (หยก) -เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต (ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร) -ครั้นพระชนมายุครบ 21 พรรษา ก็เสด็จออกผนวชเป็นภิกษุอยู่วัดมหาทลาย 1 พรรษา แล้วลาผนวชเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรดังเดิม -เมื่อพระชนมายุได้ 25 พรรษา พระองค์เสด็จออกไปรับราชการที่เมืองราชบุรีใน ตำแหน่ง \"หลวงยกกระบัตร\" ในแผ่นดินสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ -ได้สมรสกับคุณนาค (ภายหลังได้รับการสถาปนาที่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) การครองราชย์ -ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองแก่กรุงอังวะแล้ว พระยาตาก (สิน) ได้ ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ -ย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี การรับไปราชการในสมัยกรุงธนบุรี -ในขณะนั้นนายทองด้วงมีอายุ 32 ปี ได้เข้าถวายตัวรับราชการในแผ่นดินสมเด็จ พระเจ้ากรุงธนบุรีตามคำชักชวนของน้องชาย พระมหามนตรี (บุญมา) -ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น พระราชริน (พระราชวรินทร์) เจ้ากรม พระตำรวจนอกขวา -ย้ายมาอาศัยอยู่ที่บริเวณวัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารใน ปัจจุบัน)
5 -พระราชกรณียกิจ 1.การบริหารบ้านเมือง • การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระราชกรณียกิจประการแรกที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรง จัดทำเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ คือการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งกรุง รัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา แทนกรุงธนบุรี ด้วยเหตุผลทางด้านยุทธศาสตร์ เนื่องจากกรุงธนบุรีตั้งอยู่บนสองฝั่ งแม่น้ำ ทำให้การ ลำเลียงอาวุธยุทธภัณฑ์ 2.ด้านการทำสงคราม สงครามครั้งที่ 1 พ.ศ. 2327 สงครามเก้าทัพ สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับพม่าส่งคือ สงครามเก้าทัพ โดยในครั้งนั้นพระเจ้า ปดุงแห่งราชวงศ์อลองพญาของพม่า มีพระประสงค์จะเพิ่มพูนพระเกียรติยศและชื่อเสียงให้ ขจรขจายด้วยการกำราบอาณาจักรสยาม สงครามครั้งที่ 2 พ.ศ. 2329 สงครามท่าดินแดงและสามสบ โดยพม่าได้ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ มาตั้งค่ายอยู่ที่ท่าดินแดงและสามสบ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงยกทัพหลวงเข้าตีพม่าที่ค่ายดินแดงพร้อมกับให้ทัพของสมเด็จพระ บวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเข้าตีค่ายพม่าที่สามสบ หลังจากรบกันได้ 3 วันค่ายพม่าก็แตกพ่ายไปทุกค่าย สงครามครั้งที่ 3 พ.ศ. 2330 สงครามตีเมืองลำปางและเมืองป่าซาง หลังจากที่พม่าพ่ายแพ้แก่สยาม ก็ส่งผลทำให้เมืองขึ้นทั้งหลายของพม่า เช่น เมืองเชียงรุ้งและเชียง ตุง เกิดกระด้างกระเดื่อง ตั้งตนเป็นอิสระ สงครามครั้งที่ 4 พ.ศ. 2330 สงครามตีเมืองทวาย ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เกณฑ์ ไพร่พล 20,000 นาย ยกทัพไปตีเมืองทวาย แต่สงครามครั้งนี้ไม่มีการรบพุ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างก็ ขาดแคลนเสบียงอาหาร รี้พลก็บาดเจ็บจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ถอยทัพกลับกรุงเทพ สงครามครั้งที่ 5 พ.ศ. 2336 สงครามตีเมืองพม่า ในครั้งนั้นเมืองทวาย ตะนาวศรี และมะริด ได้เข้ามาขอสวามิภักดิ์ต่อไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ยกทัพไปช่วยป้องกันเมือง แต่เมื่อพระเจ้าปดุงยก ทัพมาปราบปรามเมืองทั้งสามก็หันกลับเข้ากับทางพม่าอีก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชจึงโปรดเกล้าฯ ให้ถอยทัพกลับกรุงเทพฯ สงครามครั้งที่ 6 พ.ศ. 2340 สงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึง โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุร สิงหนาทคุมไพร่พล 20,000 นาย ขึ้นไปรวมไพร่พลกับทางเหนือเป็น 40,000 นาย ระดมตีค่ายพม่า เพียงวันเดียวเท่านั้นทัพพม่าก็แตกพ่ายยับเยิน สงครามครั้งที่ 7 พ.ศ. 2346 สงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ในครั้งนั้นพระเจ้ากาวิละได้ยกทัพไปตีเมืองสาด หัวเมืองขึ้นของพม่า พระเจ้าปดุงจึงยกทัพลงมาตี เมืองเชียงใหม่เพื่อแก้แค้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบ จึงโปรด เกล้าฯ ให้ส่งกองทัพไปช่วยเหลือ และสงครามครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายไทย
6 -พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ ทองด้วง (20 มีนาคม พ.ศ. 2279 - พ.ศ. 2311) พระราชริน (พระราชวรินทร์) (พ.ศ. 2311) พระยาอภัยรณฤทธิ์ (พ.ศ. 2311 - พ.ศ. 2313) พระยายมราช (พ.ศ. 2313 - พ.ศ. 2317) เจ้าพระยาจักรี (พ.ศ. 2317 - สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก (สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี - 6 เมษายน พ.ศ. 2325) พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิ บดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถ นายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยน ทราธิบดินทร์ หริหรินทรธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณอขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์ บรม ธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร์ โลก เชฏฐวิสุทธิ์ รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว (6 เมษายน พ.ศ. 2325 - สมัยรัชกาลที่ 3)
https://th.m.wikipedia.org/wiki/ http://www.watpho.com/th/article/detail/280
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: