วชิ าพระพุทธศาสนา ครูผสู้ อน ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 นางสาวธนวรรธน์ ทองม่นั เรื่อง การบริหารจติ และการเจริญปญั ญา
เรือ่ ง การเจรญิ ปัญญาดว้ ยการคิดแบบโยนิโสมนสิการ https://sites.google.com ในการดาเนินชวี ิตประจาวนั คนเรายอ่ มต้องเผชญิ กบั สถานการณต์ ่าง ๆ มากมาย การนาวิธีคดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร 10 วิธี มาใช้ เพ่อื คดิ แกป้ ญั หาในสถานการณ์นน้ั ๆ จะทาใหต้ ัดสนิ ใจไดด้ ว้ ยความม่ันใจและเกดิ ความภมู ิใจในตนเอง อีกทง้ั ยงั สามารถ ดารงชีวิตอย่ไู ดอ้ ย่างมคี วามสขุ
ปญั ญา 3 แปลว่า ความรู้ทว่ั คอื รู้ทว่ั ถึงเหตถุ งึ ผล รอู้ ย่างชดั เจน ร้เู รื่องบาป บญุ คณุ โทษ รสู้ ่งิ ท่ีควรทาควรเว้น เป็นตน้ เป็นธรรมที่คอยกากับศรัทธา เพือ่ ให้เชอ่ื ประกอบดว้ ยเหตุผล ไม่ใหห้ ลงเชอ่ื อยา่ งงมงาย ฉะนน้ั ปญั ญาสามารถทาใหเ้ กิดได้ 3 วธิ ี คอื 1.การสดับตรับฟัง การฟงั อย่างตัง้ ใจและเอาใจใส่ (สตุ มยปัญญา) 2.การคดิ คน้ การตรึกตรอง (จินตามยปัญญา) 3.การอบรมจติ การเจริญภาวนา (ภาวนามยปญั ญา) https://www.baanjomyut.com
คดิ แบบสบื สาวหาเหตปุ ัจจยั เหตุ ผล 1. คิดแบบสืบสาวหาเหตุปัจจัย คือ พิจารณาผลลัพธ์ที่ปรากฏ แล้วคิดค้นหาเหตุ ที่ส่งผลสืบทอดกันมา วิธีคิดแบบนี้เหมาะสาหรับปัญหางานที่มีข้อมูลในอดีต แลว้ มีผลลพั ธ์ให้วิเคราะหย์ อ้ นกลบั ไปหาสาเหตุได้ คล้ายๆ วิธีการสืบสวนสอบสวน ของตารวจ ไล่ถามทาไมไปเร่ือยๆ แลว้ หาคาตอบ https://www.gotoknow.org
คดิ แบบแยกแยะประเดน็ https://www.gotoknow.org เหตุ 1 ผล เหตุ 2 เหตุ 3 2.คดิ แบบแยกแยะประเดน็ : คือการคิดจาแนกแยกแยะองค์รวมของส่งิ ตา่ งๆ ออกเปน็ องค์ยอ่ ย ๆ ทาให้มองเห็นความสมพันธ์ขององคป์ ระกอบยอ่ ยเหลา่ น้ันว่ามคี วาม เกย่ี วเนอื่ งกนั เป็นเหตุเปน็ ผลและพง่ึ พาอาศัยกันอย่างไร จึงประสานสอดคล้องกนั เปน็ องคร์ วม วิธคี ดิ แบบนี้จะทาใหเ้ ราร้แู ละเขา้ ใจสง่ิ ตา่ ง ๆ ตามสภาพความเป็นจรงิ
คิดแบบรเู้ ท่าทนั ธรรมดา 3. คดิ แบบรเู้ ทา่ ทันธรรมดา คือ พิจารณาผลลพั ธ์สิง่ นนั้ แบบรเู้ ท่าทันตามกฎไตรลักษณ์ คอื นิจจงั ทุกขัง อนัตตา ว่าเปน็ ของธรรมดาตามจริง ตามธรรมชาติ ท่ีมเี กิดขนึ้ ตง้ั อยู่ และดับไป วธิ กี ารคิดแบบนเ้ี หมาะสาหรับปัญหางานท่เี ก่ียวกับความเสอ่ื มไปของวสั ดุอุปกรณ์ เครื่องมอื เคร่ืองจกั ร ความไม่แนน่ อนของขอ้ มลู ของเคร่ืองมือวดั แล้วคน้ หาเหตปุ จั จยั แห่งความเส่อื ม นัน้ ๆ https://www.gotoknow.org
คิดแก้ปัญหาเชิงอริยสัจ 4. วธิ คี ิดแก้ปญั หาเชงิ อรยิ สัจ : คือ พิจารณาผลที่เปน็ ปัญหาตรงจดุ ตามเหตุ ตามผล หรือคดิ แกป้ ัญหาตามหลกั อรยิ สัจ ค้นหาปญั หา พจิ ารณาหาสาเหตุ กาหนดเป้าหมาย การแกป้ ญั หา และแสวงหาวิธกี ารแก้ปัญหาท่ี ทกุ ข์ -> ไมม่ ปี ากกาใช้ สมทุ ยั -> ปากกาหมกึ หมด นิโรธ -> ควรไปซ้อื ปากกาใหม่ ไมย่ มื เพือ่ น มรรค -> ซ้อื ปากกาหลากหลาย https://www.gotoknow.org
คดิ แบบหลักการและจดุ มุง่ หมาย 5. คดิ แบบหลกั การและจุดมงุ่ หมาย คอื พจิ ารณาผลลัพธ์ในเชิงหลกั ธรรมกับความมุ่งหมาย ให้มคี วามสอดคล้องกนั ซ่งึ อาจตอ้ งมีเป้าหมายรวมหรอื เป้าหมายสุดทา้ ย และเป้าหมาย ท่ามกลางเปน็ ระยะๆ หรอื หลักกิโลเมตร (Mile Stone) ทบ่ี อ กความสาเร็จเปน็ ระยะๆ ก่อน จะไดเ้ ปา้ หมายสดุ ทา้ ยเชน่ - ตง้ั เป้าหมายของผมไว้ว่า วันน้จี ะต้องวิดพ้ืนให้ได้ 100 ครั้ง และปฏบิ ตั ิตามเปา้ หมาย https://www.gotoknow.org
คดิ แบบเหน็ ข้อดีข้อเสยี และทางออก 6. คิดแบบเหน็ ขอ้ ดีขอ้ เสยี และทางออก คอื การพิจารณาผลลัพธห์ รอื ปญั หา หรือจดุ หมาย นนั้ มีจริงหรอื ไม่ ตลอดจนเป็นไปได้อย่างไร จากการคดิ ถงึ ข้อดี ข้อเสีย และทางออกซึ่ง จะต้องทาความเขา้ ใจปญั หาอยา่ งถ่องแท้ (รเู้ ขารู้เรา ย่อมมองเหน็ ทางชนะ) หลงั จากมอง ตามความเป็นจริงแล้ว ก็หาทางออกทางเลือกท่ีจะหลุดพน้ จากท้ังข้อดี ข้อเสีย นามาพฒั นา ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ีขึ้น https://www.gotoknow.org
คิดแบบคณุ คา่ แท้ - คุณคา่ เทยี ม 7. คดิ แบบคุณค่าแท้ - คุณคา่ เทียม : รูจ้ กั แยกแยะสง่ิ ดชี ่ัวได้อย่างมีเหตผุ ล คณุ ค่าแท้ หมายถงึ ความหมาย คุณค่า หรือประโยชน์ของสง่ิ ท้ังหลาย ในแงท่ ี่ สนองความตอ้ งการของชวี ติ โดยตรง หรือทม่ี นษุ ย์นามาใช้แก้ปัญหาของตนเพอื่ ความดงี ามความดารงอยู่ด้วยดีของชวี ติ คุณคา่ พอกเสรมิ ประโยชน์ของสิ่งทั้งหลายท่เี พือ่ ปรนเปรอ การเสพเสวยเวทนา เรียกวา่ คุณค่าสนอง ตัณหาก็ได้ เช่น อาหารมคี ณุ คา่ อย่ทู ี่ความเอรด็ อร่อย https://www.gotoknow.org
ใบงาน เรือ่ ง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ช่ือ………………………..นามสกลุ ………………………..ชนั้ …………..เลขท…่ี ……… คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นนาขอ้ มลู ท่ีสืบคน้ มาแยกลงในชอ่ งว่างให้ถกู ตอ้ ง 1. การกระทาทแ่ี สดงใหเ้ ห็นถงึ ผลประโยชน์ส่วนตน 1)................................................................................................................................... 2)................................................................................................................................... 3)................................................................................................................................... 2. การกระทาท่ีแสดงใหเ้ หน็ ถึงผลประโยชน์ส่วนรวม 1)................................................................................................................................... 2)................................................................................................................................... 3)...................................................................................................................................
เฉลยคาตอบ ตอบ เดก็ ชายในภาพมีองค์รวม คอื เป็นคนมอี วยั วะภายในครบ 32 ประการ เช่น หู ตา คอ จมูก ลนิ้ หวั ใจ ตับ ไส้ กระเพาะ ฯลฯ สามารถจดั ระบบได้ เช่น ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร อวยั วะต่างๆ จะ ทางานสมั พนั ธ์ซึ่งกนั และกัน ถ้าขาดสงิ่ หนงึ่ สิง่ ใด เดก็ ชายคนนี้ก็จะไม่ สมบูรณ์ พกิ าร ไม่สมประกอบ https://mumeaw.com
สรปุ การเจรญิ ปญั ญา บารุงพัฒนาปญั ญาให้มากขึ้นได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยกู่ บั ประสิทธภิ าพของจติ ถ้าจติ ดี มีสมาธิ ก็ย่อมทาให้สามารถ รับรเู้ รื่องราวต่าง ๆ ได้ดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: