สื่อ คำนาม

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เน้ือหา แบบฝึ กหดั ผจู้ ดั ทา

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้(๑)มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั ชนิดและหนา้ ทข่ี องคานาม(๒)บอกชนิดของคานามไดถ้ ูกตอ้ ง(๓)เลอื กใชค้ านามไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ประโยคทกุ ประโยค

คำนำม คือ คำที่ใช้เรียก คน สัตว์สิ่งของ สถำนท่ี ทงั้ ท่ีเปน็ รูปธรรมซ่งึ เปน็ คำที่จบั ตอ้ งไดแ้ ละนำมธรรมจับตอ้ งไมไ่ ด้

คานามแบง่ ออกเป็น ๕ ชนิด ๑. คำนำมทวั่ ไป (สามานยนาม) อา่ นวา่ สา-มาน-ยะ-นาม ๒. คำนำมเฉพำะ (วสิ ามานยนาม) อา่ นวา่ ว-ิ สา-มาน-ยะ-นาม ๓. คำนำมบอกหมวดหมู่ (สมุหนาม) อา่ นวา่ สะ-หมุ-หะ-นาม ๔. คำนำมบอกลกั ษณะ (ลกั ษณนาม) อา่ นวา่ ลกั -สะหนะ-นาม ๕. คำนำมบอกอำกำร (อาการนาม) อา่ นวา่ อา-กาน-ระ-นาม

๑. คำนำมท่วั ไป (สำมำนยนำม ) (อ่ำนว่ำ สำ-มำน-ยะ-นำม) เป็นคำนำมไม่ชี้เฉพำะเจำะจง ใช้เรียก คน สัตว์ ส่ิงของสถำนที่ทั่ว ๆ ไป เช่น นักเรียน คน รองเท้ำ ดอกไม้ ผลไม้ รถไฟ นกนำฬิกำ โรงเรยี น เป็นต้น

ตวั อยา่ งรถไฟ ดอกไม้ โรงเรยี น ผลไม้

๒. คำนำมเฉพำะ (วิสำมำนยนำม ) (อ่ำนว่ำ ว-ิ สำ-มำน-ยะ-นำม) เป็นคำนำมที่ใช้เรียกช่ือเฉพำะของคน สัตว์ สิ่งของสถำนที่โดยกำรช้ีเฉพำะเจำะจงลงไปว่ำเป็นคนไหน สิ่งใดหรือท่ีใด เช่น ครูดิเรกโรงเรียนสำธติ บำ้ นสมเดจ็ เจำ้ พระยำ ประเทศไทย เปน็ ต้น

ตวั อยา่ งครูดเิ รก วดั ระฆงั หลนิ ปิง

๓. คำนำมบอกหมวดหมู่ (สมุหนำม) (อา่ นวา่ สะ-หมุ-หะ-นาม) เป็ นคานามที่เรียกรวมกนั เป็ นกลุ่ม เป็ นหมู่ของคานามทวั่ ไปหรอื คานามเฉพาะ โดยบอกลกั ษณะของ คน สตั ว์ สงิ่ ของ สถานที่ ทร่ี วมกนัเป็นหมวดหมู่ เชน่ หมู่ กลุม่ กอง ทมี สมาคม ฝงู พรรค โขลง เป็นตน้

ตวั อยา่ งกลุม่ นกั เรยี น กองหนงั สอื โขลงชา้ ง

๔. คำนำมบอกลกั ษณะ (ลกั ษณนำม) (อา่ นวา่ ลกั -สะ-หนะ-นาม) เป็นคานามทใี่ ชบ้ อกลกั ษณะของคานามอนื่ ๆ เพื่อบอกรูปรา่ ง ขนาดหรือปรมิ าณของคานามนนั้ ๆ ใหช้ ดั เจนมากข้ึน ซง่ึ ลกั ษณนามโดยทวั่ ไปจะวางไวห้ ลงั ตวั เลขหรอื หลงั คาบอกจานวน เชน่ เลม่ ฟอง แทง่ ช้นิ อนั เป็นตน้

ตวั อยา่ งไข่ไก่ ๔ ฟอง เคก้ ๓ ช้นิ ตกุ๊ ตา ๑ ตวั

๕. คำนำมบอกอำกำร (อำกำรนำม) (อำ่ นว่ำ อำ-กำน-ระ-นำม) เป็ นคานามทบ่ี อกอาการซงึ่ มีคาวา่ “กำร” หรอื “ควำม” นาหนา้ตามดว้ ยคากริยาหรือคาวเิ ศษณ์ เช่น การยืน การนงั่ การนอน การเดินการพดู การเรยี น ความเจรญิ ความดี ความรกั ความสุข เป็นตน้เพมิ่ เติม ถา้ ใช้ “กำร” หรือ “ควำม” นาหน้าคาชนิดอ่ืน เช่น คำนำมจะไม่ถือว่าคานั้นเป็ นคำนำมบอกอำกำร แต่จะกลายเป็ นคำนำมทวั่ ไป(สำมำนยนำม) เชน่ การบา้ น การเมือง การประปา การคลงั ความแพ่งความอาญา เป็นตน้

ตวั อยา่ งการวงิ่ การเลา่ นิทาน การนอน

แบบทดสอบจงเลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งทสี่ ุด ๑. ขอ้ ใดคอื ความหมายของคานาม ก. คาทใ่ี ชข้ ยายชอ่ื คน สตั ว์ สงิ่ ของ ข. คาทแี่ สดงความเป็นเจา้ ของ คน สตั ว์ สงิ่ ของ ค. คาทใี ชเ้ รยี กชอ่ื คน พืช สตั ว์ สง่ิ ของ สถานท่ี ง. คาทใี ชแ้ ทนชอ่ื สง่ิ มีชวี ติ

๒. “ชา้ งชอบกินกลว้ ย” คาทขี ีดเสน้ ใตเ้ ป็นคานามชนิดใดก. คานามทวั่ ไป ข.คานามบอกลกั ษณะค.คานามบอกหมวดหมู่ ง. คานามเฉพาะ๓. ขอ้ ใดมีวสิ ามานยนามก. คณุ ป่ ูชอบนงั่ องิ หมอนบนเตียง ข. นายโอชาซ้อื อูฐมาเล้ียงค. เดก็ ผชู้ ายไมช่ อบเลน่ ตกุ๊ ตา ง. ยายอาบนา้ แตง่ ตวั ใหมเ่ อย่ี ม

๔. ขอ้ ใดใชค้ าลกั ษณนามผดิ ข. ฉนั มดี นิ สอ ๒ อนั ก. พี่ซ้อื ปากกา ๒ ดา้ ม ง. คณุ ตามีเกวยี น ๒ เลม่ ค. คณุ พ่อมีขลุย่ ๒ เลา ข. ๕ ชนิด๕. คานามมีก่ีชนิด ง. ๗ ชนิด ก. ๔ ชนิด ค. ๖ ชนิด

๖. แมน่ า้ น่าน ไหลผา่ นจงั หวดั พิษณุโลก คาทขี่ ีดเสน้ ใตเ้ ป็นคานามชนิดใดก. สมุหนาม ข. อาการนามค. ลกั ษณนาม ง. วสิ ามานยนาม๗. ขอ้ ใดมีคานามทบี่ อกหมวดหมู่ก. ดวงจนั ทรข์ ้ึนเวลากลางคนื ข. นกั เรยี นชายกาลงั เลน่ ฟุตบอลค. ความซอื่ สตั ยเ์ ป็นสมบตั ขิ องคนดี ง. คณะนกั รอ้ งกาลงั แสดงอยบู่ นเวที

๘. “ฉนั เป็นคนจงั หวดั พิษณุโลก” จากประโยคสว่ นใดเป็นคานามเฉพาะ ( วสิ ามานยนาม ) ก. ฉนั ข. คน ค. จงั หวดั ง. พิษณุโลก

ผจู้ ดั ทา นางสาว ณฐั ชากรณ์ บารุงจติ ต์ รหสั ๖๐๒๑๑๕๖๐๑๙ คณะ ครุศาสตร์ สาขา เทคโนโลยแี ละสอื่ สารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา