หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2การเปล่ียนแปลงทางร่างกายจิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศลกั ษณะการเปล่ียนแปลงทางร่างกายของวยั รุ่นชายและหญิงวยั รุ่นชาย วยั รุ่นหญิง1. มีหนวดเครา มีขนบริเวณรักแร้ 1. มีขนบริเวณรักแร้และอวยั วะเพศหนา้ อก(บางคน) และอวยั วะเพศ2. มีกลา้ มเน้ือมากข้ึน 2. ทรวงอกขยายใหญ่ข้ึน ผวิ พรรณสดใส3. น้าหนกั ส่วนสูง เพม่ิ ข้ึนอยา่ งรวดเรว 3. น้าหนกั ส่วนสูง เพม่ิ ข้ึนอยา่ งรวดเรว สะโพกผาย4. ฟันกรามซ่ีที่สองข้ึน 4. ฟันกรามซี่ท่ีสองข้ึน5. ลูกกระเดือกโตข้ึน เสียงแตกหา้ ว 5. เสียงแหลมข้ึน6. มีการหลงั่ อสุจิ 6. เริ่มมีประจาเดือน
ลกั ษณะการเปลยี่ นแปลงทางจิตใจและอารมณ์ วยั รุ่นจะแสดงภาวะอารมณ์ท้ังทางบวกและทางลบ ตามสถานการณ์และสภาพแวดลอ้ มอารมณ์ทางบวก อารมณ์ทางลบ– มีความมนั่ คงทางจิตใจ – มีอารมณ์รุนแรง– รู้จกั ควบคุมตนเอง – แปรปรวน เปล่ียนแปลง– รู้จกั การเอ้ืออาทร – หงุดหงิดง่าย– มีจิตใจพร้อมที่จะเสียสละ – โกรธง่าย ฉุนเฉียว– ชอบความเปนอิสระ – มีอารมณ์ซึมเศร้า ไม่มีสาเหตุ– มีความภาคภูมิใจในความเปนชาย - – อารมณ์ไม่มน่ั คง ขาดการย้งั คิด หญิง
พฒั นาการทางเพศ หญิงและชายเมื่อเขา้ สู่วยั รุ่น ไฮโพทาลามสั (Hypothalamas) จะผลิตฮอร์โมนมากระตุน้ การทางานของต่อมใตส้ มอง (Pituitary) เพื่อให้รังไข่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen) ส่วนอณั ฑะผลิตฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (Testosterone) ฮอร์ โมนเพศทาให้ร่ างกายเจริ ญเติบโตชายและหญิงจะเริ่ มมีความรู้สึกทางเพศหรื อมีอารมณ์เพศ ผชู้ ายเร่ิมมีอาการที่เรียกวา่ “ฝันเปี ยก”เปนอาการท่ีเกิดข้ึนเองธรรมชาติ วยั รุ่นชายจะมีอสุจิท่ีสมบูรณ์ เมื่ออายุประมาณ 13-14 ปี การจดั การกบั อารมณ์ทางเพศดว้ ยการช่วยเหลือตวั เองเปนเรื่องธรรมชาติ และเปนทางเลือกหน่ึงในการพกั ผอ่ นคลายอารมณ์ทางเพศ
วยั รุ่นหญิง พบวา่ ฮอร์โมนที่ผลิตจากรังไข่ทาใหม้ ีประจาเดือนและระดูขาวออกจากช่องคลอดทุกเดือน โดยไข่หน่ึงใบจะเคลื่อนตัวออกจากรังไข่ไปตามท่อรังไข่ขณะเดียวกนั ผนังมดลูกจะหนาและนุ่มข้ึน เพ่ือเตรียมพร้อมสาหรับการฝังตวั ของไข่ที่ไดร้ ับการผสมแลว้ ซ่ึงจะเติบโตเปนทารก ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิ ผนัง มดลูกจะค่อยๆลอกตวั หลุดออกมาทางช่องคลอด เปนเลือด เรียกวา่ ประจาเดือน (Menstruation) โดย จะมีประเดือนมาประมาณ 3-7 วนั แลว้ แต่สภาพ ความสมบูรณ์ของร่างกายแต่ละคน
การยอมรับและการปรับตวั ต่อการเปลย่ี นแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์และพฒั นาการทางเพศ การยอมรับและการปรับตวั ต่อการเ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ก า รเจริญเติบโต จะช่วยใหว้ ยั รุ่นปฏิบตั ิตนต่อการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
การปรับตวั ทางเพศต่อการเปลยี่ นแปลงทางร่างกายจิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ1. ทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั ฮอร์โมนเพศที่มีตอ่ การเปล่ียนแปลงทางร่างกาย2. ทาความเขา้ ใจใหถ้ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั พฒั นาการของอวยั วะเพศท้งั ภายในและภายนอก3. รับผดิ ชอบต่อบทบาทหนา้ ท่ีของตนเองอยา่ งเหมาะสมกบั เพศและวยั4. ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั5. ปฏิบตั ิตนอยใู่ นขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรมไทย6. สร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั การเกิดอารมณ์ทางเพศ การปรับตวั และระบายอารมณ์ ทางเพศอยา่ งเหมาะสม7. หลีกเล่ียง ป้องกนั การมีเพศสัมพนั ธ์และการต้งั ครรภโ์ ดยไม่พึงประสงค์8. รู้จกั ควบคุม หลีกเล่ียง และปลดปลอ่ ยอารมณ์ทางเพศดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสม
การเบยี่ งเบนทางเพศ (Sexual Deviation) การเบี่ยงเบนทางเพศ เปนความผิดปกติท่ีเกิดข้ึนในคนที่มีความรู้สึกทางเพศเจตคติ ตลอดจนพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออก แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ของสังคมท่ีพึงปฏิบตั ิ สาเหตุทเี่ กดิ ความเบย่ี งเบนทางเพศจากสมมตฐิ าน 1. สภาพจิตใจท่ีผิดปกติทาให้ไม่สามารถควบคุมตนเองในการแสดงพฤติกรรมตาม เพศของตนเองได้ 2. เกิดจากยนี หรือโครโมโซมที่ผิดปกติในตอนปฏิสนธิ 3. การอบรมเล้ียงดู 4. การเลียนแบบจากคนดงั เพื่อน หรือส่ือตา่ งๆ
ลกั ษณะของการเบี่ยงเบนทพี่ บบ่อยในสังคม1. ลกั เพศ (Transvestism) มีความพงึ พอใจในเพศและอารมณ์เพศจากการแต่งตวั2. ปฏิเสธเพศ (Transsexualism) เปนภาวะของคนท่ีไม่ยอมรับเพศที่แทจ้ ริงของตน3. พวกชอบอวดอวยั วะเพศ (Exhibitionism) ชอบอวดอวยั วะเพศของตนเองในท่ี สาธารณะ ส่วนใหญ่จะเปนชาย ถา้ บุคคลที่พบเหนตื่นตกใจจะทาให้คนพวกน้ีมี ความสุข4. พวกถ้ามอง (Voyeurism) เปนพวกท่ีพึงพอใจท่ีไดแ้ อบดูร่างเปลือย หรือการ่วม เพศของคนอ่ืน5. รักร่วมเพศ (Homosexual) ความรู้สึกทางเพศท่ีเกิดข้ึนกบั เพศเดียวกนั มกั มีอารมณ์ กา้ วร้าวรุนแรง เม่ือผดิ หวงั เรื่องเพศ6. เบียดเสียดถูไถ (Frotteurism) พวกน้ีจะถือโอกาสเบียดเสียดถูไถร่างกายของหญิง ท่ีอยขู่ า้ งหนา้ จนเกิดความรู้สึกทางเพศอยา่ งรุนแรงถึงข้ึนสาเรจความใคร่
การปรับตัวกบั การเบยี่ งเบนทางเพศ1. ยอมรับและพยายามปรับพฤติกรรมการแสดงออกใหเ้ หมาะสมตามกาลเทศะ2. หาท่ีปรึกษาและคนท่ีไวใ้ จเม่ือเกิดปัญหาในการปรับตวั3. หลีกเล่ียงการมีเพศสัมพนั ธ์ที่ไม่ปลอดภยั แก่ตนเองและผอู้ ื่น4. พฒั นาตนเองให้มีความรู้ความสามารถตามศกั ยภาพของตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้ เปนที่ยอมรับเชิงบวกในสังคม5. รู้จกั วางตนในการคบเพือ่ น ไม่ทาใหค้ รอบครัวและคนรอบขา้ งเดือดร้อน6. หลีกเลี่ยงการใชย้ า สารเสพติดทุกชนิด ไม่วา่ จะอยใู่ นสถานการณ์ใดๆ
การป้องกนั การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ 1. แนวทางการป้องกนั ตนเอง1.1 ก่อนจะไปที่ใด ควรบอกใหพ้ อ่ แม่ รับรู้ สถานที่ไป ไปกบั ใคร กลบั เมื่อไหร่1.2 ไม่ควรไปคนเดียว1.3 อยา่ ไวใ้ จคนแปลกหนา้ อยา่ หลงเชื่อคารม1.4 หลีกเล่ียงการแตะเน้ือตอ้ งตวั หรือการสมั ผสั อวยั วะทุกส่วน1.5 เมื่อเกิดปัญหาตอ้ งหาทางแกไ้ ข โดยปรึกษาพอ่ แม่ ครูหรือผทู้ ่ีไวใ้ จได้
2. การใช้ทกั ษะในการป้องกนั ตนเองจากการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ2.1 การใชท้ กั ษะการปฏิเสธ 1) ปฏิเสธอยา่ งจริงจงั เช่น ขอไม่ไปนะ, ฉนั ไม่อยากไป, ไม่ ฉนั ไม่ชอบ 2) ใชค้ วามรู้สึกมาเปนขอ้ อา้ งประกอบเหตุผล เช่น “ฉันรู้สึกผิดท่ีตอ้ งโกหกพ่อ แม่” “เรารู้สึกไม่สบายใจที่ทาใหพ้ อ่ แม่เขา้ ใจผดิ ” “เราน่าจะรู้จกั กนั มากกวา่ น้ี” 3) การขอความเหนชอบและแสดงความขอบคุณ เช่น “เธอคงไม่วา่ อะไรเรานะ เราไปไม่ไดจ้ ริงๆ” 4) ถา้ ถูกเซ้าซ้ีหรือถูกสบประมาทกอย่าหวน่ั ไหว เช่น “เราจะไม่ทาในสิ่งที่ไม่ เหมาะสมเช่นน้ีอีก” “ถา้ ฉนั ทอ้ งแลว้ เธอจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร”
2.2 ทกั ษะในการต่อรอง เปนการโนม้ นา้ วชวนให้ปฏิบตั ิส่ิงอ่ืนแทนส่ิงที่เราไม่ตอ้ งการ เช่น “เราจะคิดวา่ ไปเล่นกีฬากบั เพอ่ื นๆ ดีกวา่ นงั่ อยสู่ องคนตามลาพงั แบบน้ี”2.3 ทกั ษะในการผดั ผอ่ น เปนวิธีการผอ่ นคลายเพ่ือให้ผชู้ วนเปล่ียนความต้งั ใจ เช่น “วนั น้ีฉนั ไปก่อนนะ เอาไวว้ นั หลงั ค่อยพบกนั ” “วนั น้ีฉนั ติดธุระจริงๆ เอาไวว้ นั หนา้ กแลว้ กนั ”2.4 ทกั ษะอ่ืน ๆ เปนพ้ืนฐานทวั่ ไปที่จะใชป้ ้องกนั ตนเอง เช่น– ไม่อยใู่ นท่ีลบั ตาคน– หลีกเล่ียงการไปไหนตามลาพงั สองตอ่ สอง– ไม่ด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์– ไม่แต่งตวั ลอ่ แหลม ไม่พดู จายว่ั เยา้ ทา้ ทาย
สรุป การใช้ทักษะต่างๆในชีวติ ประจาวนั ควรได้รับการฝึ กฝนให้ติดตวั จนเป็ นธรรมชาติ เมื่อเกดิ เหตุการณ์หรือตกอยู่ในสถานการณ์ท่คี บั ขนั จะได้มีสติในการเลือกใช้ทักษะอย่างเหมาะสมกบั เหตุการณ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: