วสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั
คํานาํ งานชนิ นเี ปนงานในรายวชิ าการอ อกเเบบเเละเทคโนโลยสี รา้ งขนึ เพอื ศึกษาวสั ดใุ นชวี ติ ประจาํ วนั . หวงั วา่ จะเปนประโยชนเ์ เก่คนรนุ่ หลังต่อไป ถ้าผิดพลาดประการใดก็ ขออภัยไว้ ณ ทีนีด้วย
ส า ร บั ญ ห น้ า ที 1 1 . เ ก ริ น นาํ ห น้ า ที 2 - 2 . ไ ม้ 4 3.โลหะ ห น้ า ที 5 - 4 . พ ล า ส ติ ก 7 5.ยาง 6 . อ้ า ง อิ ง ห น้ า ที 8 - 10 ห น้ า ที 1 1 - 13 ห น้ า ที 1 4
สิงของเครองใช้ต่างๆ สร้าง WILLIAM SHAKESPEARE ขึนจากวัสดุหลายประเภท วัสดุเเต่ล้ะประเภทมีสมบัติ เเละลักษณะทีเเตกต่างกัน การเลือกใช้วัสดุให้ถูกต้อง เเละเหมาะสมจึงมีความ สําคัญต่อการออกเเบบเเละ สร้างสิงของเครองใช้ วัสดุทีนํามาทําสิงของ เครอง ใช้ทีเราพบเจอในชีวต ประจํา วัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง มีสมบัติเเละการใช้งา หนา้ ที1
ไม้(WOOD) ไม้ คือ วัสดุธรรมชาติทีได้มาจาก ลาํ ต้นของต้นไม้ ซึงส่วนใหญ่เปนไม้ ยืนต้น ไม้มีความเเข็งเเรง ทนทาน ต้านทานไฟฟา ไม่เปนสนิม มีรูปร่าง คงตัว ผิวเรียบ มีกลิน เเละมี ลวดลาย ถ้าได้รับความชืนเปนเวลานานอาจ บวมผิดรูป เเละผุได้ ไม้เเบ่งออกได้ เปน 2ประเภท คือ หนา้ ที2
ไมจ้ ริงหรอื ไม้ ธรรมชาต(ิ natural wood or solid wood) คือไม้ทีไดม้ าจากลําตน้ ของต้นไม้โดยตรง เเบ่งได้เปน 2 ประเภท คือ ไม้เนือเเข็งเเละไม้ เนอื ออ่ น หนา้ ที3
ไม้ประกอบ(processed wood) คือไม้ทีได้มา จากการนําชินส่วนของ ไม้มาต่อรวมกันด้วย กระบวนการต่างๆ ไม้ ประกอบมีหลายประเภท เช่น ไม้อัด ไม้ปาร์ติเคิ ลบอร์ด หนา้ ที4
โลหะ(metals) โลหะ คอื วสั ดทุ ไี ดจ้ ากการถลงุ สนิ เเรต่ า่ งๆโลหะทนี าํ มาใชง้ านสว่ น ใหญจ่ ะผา่ นการปรบั ปรงุ สมบตั ิ ใหด้ ขี นึ กอ่ นนาํ มาใชง้ านโลหะเปน ตวั นาํ ความรอ้ นเเละไฟฟา มคี วาม เเขง็ เเรงสงู มคี วามคงทนถาวร ไมเ่ สอื มสบายเปนวตั ถทุ บึ เเสง ทนทานตอ่ การกดั กรอ่ นโลหะเเบง่ อ อกไดเ้ ปน 2 ประเภท คอื หนา้ ที5
โลหะกลุ่มเหล็ก (FERROUS METALS) คือ โลหะทีมีเหล็ก เปนส่วนประกอบหลัก แบ่ง ออกเปนเหล็กกล้า (STEEL) และเหล็กหล่อ (CAST IRON) ซึงมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ใน ปริมาณทีต่างกันตังแต่ 0.1% ไปจนถึง 4.0% คาร์บอนทีผสม ลงในเหล็กมีผลต่อความแข็ง และเปราะของเหล็ก โดยทัวไป โลหะกลุ่มเหล็กจะเกิดสนิมและมี สมบัติดูดติดกับแม่เหล็กได้ หนา้ ที6
โลหะนอกกลมุ่ เหลก็ (non-ferrous metals) คอื โลหะทไี มม่ เี หลก็ เปน สว่ นประกอบ ดงั นนั โลหะ ประเภทนจี ะไมเ่ กดิ สนมิ และไมด่ ดู ตดิ กบั แมเ่ หลก็ เชน่ อะลมู เิ นยี ม ทองแดง สงั กะสี ทองเหลอื ง WILLIAM SHAKESPEARE หนา้ ที7
พลาสติก (plastics) พลาสตกิ คอื วสั ดสุ งั เคราะห์ ทมี นษุ ยส์ รา้ งขนึ สว่ นใหญเ่ ปน ผลผลติ ทไี ดจ้ ากการกลนั นํามนั ดบิ ปจจบุ นั พลาสตกิ นาํ มาใช้ สรา้ งสงิ ของเครอื งใชม้ ากมาย และมบี ทบาทอยา่ งยงิ ตอ่ การ ดาํ เนนิ ชวี ติ ประจําวนั พลาสตกิ แบง่ ออกไดเ้ ปน 2 ประเภทคอื หนา้ ที8
เทอรโ์ มพลาสตกิ (thermoplastics) จะออ่ นตวั และ หลอมเหลวเมอื ไดร้ บั ความรอ้ น และจะแขง็ ตวั เมอื ทาํ ใหเ้ ยน็ ลง พลาสตกิ ทแี ขง็ ตวั แลว้ สามารถ นาํ มาหลอมซาํ ไดด้ ว้ ยความรอ้ น หนา้ ที9
เทอรโ์ มเซตตงิ พลาสตกิ (Thermosetting plastic) เปนพลาสตกิ ที มสี มบตั พิ ิเศษ คอื ทนทาน ตอ่ การเปลยี นแปลง อณุ หภมู แิ ละทนปฏกิ ริ ยิ า เคมไี ดด้ ี หนา้ ที10
ยาง (rubber) ยาง คอื วสั ดทุ มี คี วาม ยดื หยนุ่ ถกู นาํ ไปแปรรปู เพือใชป้ ระโยชนใ์ นการ สรา้ งสงิ ของเครอื งใช้ หลายชนดิ สามารถแบง่ ออกเปน 2 ประเภท คอื หนา้ ที11
ยางธรรมชาติ (natural rubber) คอื ผลผลติ ทไี ดจ้ ากตน้ ยาง เมอื ยางอยใู่ นสภาวะอณุ หภมู ติ าํ จะ แขง็ กระดา้ ง เมอื ยางอยใู่ น สภาวะ อณุ หภมู สิ งู จะออ่ นนมิ มคี วาม ยดื หยนุ่ สงู ทนตอ่ การสกึ หรอ แตไ่ มท่ นตอ่ ตวั ทาํ ละลายพวกนาํ มนั ปโตเลยี ม หนา้ ที12
ยางสงั เคราะห์ (synthetic rubber) คอื ยางทไี ดจ้ ากการ สงั เคราะห์ ทางเคมเี พือเลยี นแบบ ยางธรรมชาติ ขอ้ ดคี อื สามารถปรบั ปรงุ สมบตั ิ ตา่ งๆ ได้ หนา้ ที13
อ้างอิง WILLIAM SHAKESPEARE https://www.krui3.com/ content/materials-in-daily-life/
จดั ทาํ โดย เ ด็ ก ห ญิ ง นุ ช น า ถ ร า ช มี ชั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ป ที 2 / 1 เ ล ข ที 2 7
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: