1 โครงงาน สารวจปัญหากวนในท่ีหอต้องพบเจอ จดั ทาโดย นางสาว วภิ า ลาภมา เลขที2่ 4 นางสาว สุธิณา ชุมภูสืบ เลขท่2ี 9 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี4/2 เสนอ คุณครู พชั ราภรณ์ ทองสอาด รายงานเล่มนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของวชิ า i30202 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา
2 กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเร่ืองการสารวจปัญหากวนใจท่ีเด็กหอตอ้ งพบเจอน้ี สาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยความ ช่วยเหลืออนั ดียง่ิ จากคุณครู พชั ราภรณ์ ทองสอาด ท่ีใหค้ าปรึกษาขอบคุณเดก็ หอพกั ของโรงเรียนแม่ เมาะวทิ ยาและเพื่อนๆทุกคนที่ใหค้ วามร่วมมือ ค่อยช่วยเหลือและใหค้ าปรึกษากนั มาตลอด คณะผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ โครงงานการสารวจปัญหากวนใจที่เดก็ หอตอ้ งพบเจอจะเป็น ประโยชนต์ ่อการศกึ ษาโครงงานเร่ืองน้ี ถา้ หากโครงงานฉบบั น้ีมีขอ้ ขาดตกบกพร่องประการใด คณะผูจ้ ดั ทาตอ้ งขออภยั มา ณ ท่ีน้ี ดว้ ย คณะผจู้ ดั ทา
3 บทคดั ย่อ โครงงานเรื่อง แบบสารวจปัญหาของเดก็ หอท่ีตอ้ งพบเจอ จดั ทาข้ึนโดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ไดร้ ู้ถึงปัญหา ที่พวกเขาตอ้ งพบเจอและคิดหาทางแกไ้ ขปัญหาต่างๆท่ีพวกเขาบอกมา จากผลสารวจพบวา่ เด็กหอพกั น้นั มีปัญหาที่กวนใจในการอยหู่ ออยา่ งหลากหลายและแตกตา่ งกนั ออกไป สาหรับดา้ นผลกระทบ/ปัญหา 1.รับประทานอาหารแลว้ ไม่ลา้ งจาน 2.จดั รองเทา้ ไม่เป็นระเบียบ 3.ไม่มีความรับผดิ ชอบ 4.ไม่มีความเป็ นส่วนตวั 5.ส่งเสียงดงั ในเวลากลางคืน
4 คานา โครงงานการออกแบบสารวจฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชาis ซ่ึงดิฉนั นางสาว วิภา ลาภมาและนางสาว สุธิณา ชุมภูสืบ จดั ทาข้ึนเพ่ือศึกษาออกแบบสารวจเกี่ยวกบั การสารวจ ปัญหาของเดก็ หอที่ตอ้ งพอเจอ ไม่วา่ จะเป็นดา้ นปัญหาต่างๆและสถานที่ๆอยอู่ าศยั ท่ีเป็ น ปัญหากวนใจ เป็นตน้ ดิฉนั หวงั เป็ นอย่างย่ิงว่าโครงงานการออกแบบสารวจฉบบั น้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ ท่านไม่มากกน็ อ้ ย จดั ทาโดย วภิ า ลาภมา สุธิณา ชุมภูสืบ
5 หนา้ 2 สารบัญ 3 เรื่อง 4 กิตติกรรมประกาศ 5 บทคดั ยอ่ 7 คานา สารบญั 8 บทท่ี 1 บทนา 9 ความเป็ นมา วตั ถุประสงค์ 10 ขอบเขตการศึกษา 12 สถานที่การดาเนินงาน ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ บทที่ 2 เอกสารและโครงงานท่ีเก่ียวขอ้ ง กาหนดและสมมติฐาน แนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกบั การปรับตวั วยั รุ่น บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินการศึกษาวจิ ยั ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษา การมอบหมายภาระงาน
6 13 งบประมาณ 14 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 15 ข้นั ตอนการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 16 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 17 ตารางผลการวิเคราะห์ 18 บทท่ี 5 สรุป อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลการศึกษา ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม 18ภาคผนวก
7 บทท่ี 1 บทนา 1.ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา ฟฟฟฟฟฟฟฟณ ปัจจุบนั มีเดก็ หอที่อาศยั อยูใ่ นหอพกั ของโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยาเป็ นจานวนมาก เนื่องจากมีหลาย ครอบครัวที่ไม่มีเงินชาระค่าใชจ้ ่ายในการเดินทางและระยะทางการเดินทางท่ีไกลจากโรงเรียนแม่เมาะวิทยา จึง ตอ้ งมาอาศยั อยดู่ ว้ ยกนั เป็นกลุ่มในหอพกั นกั เรียน ฟฟฟฟฟฟฟฟจากการศึกษาพบวา่ ในตอนน้ีมีเด็กหอที่มาอาศยั พกั นอนอยูใ่ นหอพกั เป็ นจานวนมาก หลายคนอยู่ ในระเบียบวนิ ยั และมีบางคนท่ีไม่อยใู่ นกฎระเบียบวนิ ยั ซ่ึงทาใหเ้ กิดปัญหาหลายๆอยา่ งในแต่ละสัปดาห์ ฟฟฟฟฟฟฟฟดิฉันและเพ่ือนไดเ้ ห็นถึงปัญหาที่เกิดข้ึนในตอนน้ีของเด็กพกั หอ ดิฉันและเพื่อนอยากจะช่วยหา แนวทางแกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึนในปัจจุบนั และช่วยแกไ้ ขปัญหาใหก้ บั เดก็ หอทุกๆคนและเพือ่ ท่ีจะไดร้ ู้ถึงปัญหาท่ี เด็กหอไดเ้ จอในปัจจุบนั น้ี ฟฟฟฟฟฟฟฟดงั น้นั หากเราสามารถที่จะช่วยเหลือหรือใหค้ าปรึกษาใหก้ บั เด็กพกั นอนไดบ้ อกกล่าวหรือเล่าใน สิ่งท่ีตวั เองรู้สึกไดเ้ ราก็อยากจะเป็ นส่วนหน่ึงในการให้คาแนะนาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาไดเ้ พ่ือท่ีเด็กหอจะได้ อยหู่ อร่วมกนั โดยไมข่ ดั แยง้ กนั และอยหู่ อพกั อยา่ งมีความสุข 2.วตั ถุประสงค์ 1.เพ่อื สารวจปัญหาที่เกิดข้ึนของเด็กหอโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา 2.หาขอ้ เสนอแนะแนวทางการแกไ้ ข 3.ขอบเขตการศึกษา ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ ในเรื่องน้ี ไดแ้ ก่ นกั เรียนหอพกั ของโรงเรียนแมเ่ มาะวทิ ยาท้งั หมด 40 คน 4.ระยะเวลาการดาเนินงาน
8 8 มกราคม 2564-19 มกราคม 2564 5.สถานทก่ี ารดาเนินงาน โรงเรียนแมเ่ มาะวทิ ยา 6..ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ การออกแบบสารวจเรื่อง สารวจปัญหาท่ีเด็กหอตอ้ งพบเจอ เป็ นการศึกษาเพื่อหาปัจจยั หลกั ท่ีทาใหเ้ ด็ก หอตอ้ งพบเจอกบั ปัญหาอะไรบา้ ง ซ่ึงสามารถนาไปวิเคราะห์หาสาเหตุและปัญหาท่ีเป็ นปัจจยั หลกั ได้ในระดบั หน่ึง
9 บทท่ี 2 เอกสารและโครงงานทเ่ี กย่ี วข้อง ในการศึกษาคร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั ไดป้ ระมวลและงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั วตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการจะศึกษาเก่ียวกบั การสารวจปัญหาท่ีเดก็ หอตอ้ งพบเจอซ่ึงประกอบดว้ ยเน้ือหา 4 ส่วน 1. ความรู้เก่ียวกบั ที่มาของเดก็ หอ 2. แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกบั การปรับตวั ของวยั รุ่น เอกสารวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงประมวลมาเพือ่ เป็นหลกั ฐานสาหรับการ 1. กาหนดสมมตฐิ านในการวจิ ัยคร้ังนี้ 1.1 ความหมายของคาวา่ ”เด็กหอ” ร้อยท้งั ร้อยพอไดม้ าเป็ นเด็กหอแรกๆ ก็ตอ้ งมีอาการเหงา คิดถึงบา้ นกนั อยา่ งแน่นอน ย่ิงถา้ ใครท่ีเป็ นคนติดบา้ น แลว้ ตอ้ งยา้ ยมาอยคู่ นเดียวละก็ อาจจะมีน้าตาซึมกนั เลยทีเดียว บางคนอาจจะถึงข้นั เป็ น Homesickเลยก็วา่ ได้ วธิ ี แกก้ ็อาจจะโทรหาที่บา้ นบ่อยๆ หรือใชช้ ีวติ อยกู่ บั เพือ่ นมากข้ึน เราจะไดไ้ ม่เหงาอยคู่ นเดียว พอตอ้ งมาอยคู่ นเดียวแลว้ ทุกๆ ส่ิงทุกๆ อยา่ งเราก็ตอ้ งเป็นคนทาเองจดั การเองท้งั หมด ไมว่ า่ จะเป็น ซกั ผา้ ถูหอ้ ง กวาดหอ้ ง หรือเกบ็ ขยะ เป็นตน้ เวลาท่ีป่ วยก็อาจจะลาบากเสียหน่อยถา้ เราอยคู่ นเดียว ดงั น้นั การหารูมเมทดีๆ สัก คนก็ถือว่าเป็ นตวั เลือกที่น่าสนใจอยู่เหมือนกนั นะ หรือถา้ ใครท่ีชอบอยู่คนเดียวก็ควรหาเพื่อนท่ีไวว้ างใจไดท้ ่ี อาศยั อยไู่ ม่ไกลจากกนั เพือ่ ไวค้ อยช่วยเหลือกนั และกนั ยามลาบากก็ได้ 1.2 กาเนิดของเด็กหอ ท่ีมาจากการที่พวกเขาตอ้ งออกจากบา้ นที่ท่ีป็ นที่พกั อาศยั มาต้งั แต่กาเนิด ก็คือการตอ้ งไปศึกษาต่อในระดบั ท่ี สูงข้ึนและตอ้ งปรับเปล่ียนการใชช้ ีวติ ที่ไม่เหมือนเดิม การท่ีตอ้ งช่วยเหลือตวั เองทุกๆอยา่ ง ไม่ว่าจะอาหารการ
10 กิน ที่พกั อาศยั การใชช้ ีวิตและร่วมถึงการไดร้ ับการเอาใจใส่ การปลอบตวั เองเม่ือยามท่ีลาบากและเสียใจ และ ตอ้ งดูแลตวั เองเมื่อไม่สบายและตอ้ งหายาทานดว้ ยตวั เองและไมม่ ีใครดูแลเราเหมือนเดิมที่อยทู่ ี่บา้ น 2. แนวคดิ ทฤษฎเี กยี่ วกบั การปรับตัวของวยั รุ่น 2.1 ความหมายของการปรับตวั ดาวิน(Darwin) เป็ นผูเ้ ร่ิมใช้คาว่า “การปรับตัว” (Adaptation) ในทฤษฎีว่าด้วยการวิวฒั นาการใน ค.ศ. 1859 โดยไดส้ รุปความคิดว่าสิ่งมีชีวิตท่ีสามารถปรับตวั ให้เขา้ กบั สภาวะแวดลอ้ มของโลกท่ีเต็มไปดว้ ย ภยนั ตรายได้เท่าน้ัน ที่จะดารงชีวิตอยู่ได้ ต่อมานักจิตวิทยาได้นาคาว่าการปรับตวั มาใช้ในความหมายทาง จิตวทิ ยาโดยเปล่ียนมาใชค้ าวา่ Adjustment ในการศึกษาและเขา้ ใจพฤติกรรมของมนุษย์ จาเป็ นตอ้ งศึกษาท้งั ใน แง่ชีววิทยาและจิตวิทยา ในแง่ชีววิทยา ไดแ้ ก่ การปรับตวั ให้เป็ นไปตามความตอ้ งการของร่างกาย ส่วนในแง่ ของจิตวทิ ยา หมายถึง การปรับตวั ใหเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการของจิตใจ นิ ภ า นิ ธ ย า ย น ไ ด้ ร ว บ ร ว ม ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ก า ร ป รั บ 1.มาลม์ และเจมิสัน กล่าววา่ การปรับตวั หมายถึง วธิ ีการท่ีคนเราปรับตวั ใหเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการของตวั เอง ในสภาพแวดลอ้ ม ซ่ึงบางคร้ังส่งเสริม บางคร้ังขดั ขวาง และบางคร้ังสร้างความทุกขท์ รมานแก่เรา กระบวนการ ปรับตวั น้ี เกิดข้ึนจากความจริงที่ว่า มนุษยท์ ุกคนมีความตอ้ งการและเราสามารถใช้วิธีการแบบต่าง ๆ ในการ ดาเนินการเพ่ือใหบ้ รรลุถึงความตอ้ งการน้นั ๆ ในสภาวะแวดลอ้ มท่ีปกติธรรมดา หรือมีอุปสรรคขดั ขวางต่าง ๆ กนั ไป 2. ลาซารัส กล่าววา่ การปรับตวั ประกอบข้ึนดว้ ยกระบวนการหรือวิธีการท้งั หลายทางจิตซ่ึงมนุษยใ์ ช้ ในการเผชิญขอ้ เรียกร้องหรือแรงผลกั ดนั ภายนอกและภายในต่อมาในปี 1981 โคลแมน และแฮมแมน กล่าววา่ การปรับตวั หมายถึง ผลของความพยายามของบุคคลท่ีพยายามปรับสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนแก่ตนเอง ไม่วา่ ปัญหา น้นั จะเป็ นปัญหาดา้ นบุคลิกภาพ ด้านความตอ้ งการหรือดา้ นอารมณ์ให้เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม จนเป็ น สถานการณ์ที่มีบุคคลน้นั สามารถอยใู่ นสภาพแวดลอ้ มน้นั ๆ เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ พ จ น า นุ ก ร ม ท า ง พ ฤ ติ ก ร ร ม ศ า ส ต ร์ ไ ด้ ใ ห้ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ก า ร ป รั บ ตั ว ว่ า 1. เป็นความสัมพนั ธ์ที่สอดคลอ้ งระหวา่ งสภาพแวดลอ้ มกบั ความตอ้ งการของตนเอง 2. เป็ นการปรับ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จาเป็ น เพื่อสนองความตอ้ งการและความพึงพอใจอยา่ ง สูงสุด โดยสร้างความสัมพนั ธ์ท่ีกลมกลืนกบั สภาพแวดลอ้ ม
11 นงพงา ลิ้มสุวรรณ วยั รุ่น เป็ นวยั ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากท้งั ร่างกายและจิตใจ วยั รุ่นจึงตอ้ งมีการปรับตวั มาก ซ่ึงอาจทาให้วยั รุ่นมีปฏิกิริยาต่อการเปล่ียนแปลงของร่างกายและอารมณ์ บางคร้ังปฏิกิริยาเหล่าน้ี อาจ เหมือนความผิดปกติท่ีตอ้ งการความช่วยเหลือได้ แต่โดยทวั่ ไปแลว้ ปฏิกิริยาบางคร้ังจะเป็ นอยูช่ ัว่ คราวแลว้ หายไปเองได้ ซ่ึงการเปลี่ยนแปลงของวยั รุ่น สามารถแบ่งไดเ้ ป็น การเปลี่ยนแปลงทางกายและการ กนั ยา สุวรรณแสง ไดใ้ หค้ วามหมายของการปรับตวั ไวว้ า่ การปรับตวั หมายถึง การปรับกายใจใหอ้ ยใู่ นสังคมได้ ในสภาวะแวดลอ้ ม และสถานการณ์ต่าง ๆ อยา่ งมีความสุข ลกั ขณา สริวฒั น์ ไดใ้ ห้ความหมายของการปรับตวั ไวว้ า่ การปรับตวั คือ การที่บุคคลสามารถสร้างหรือ ขดั เกลาพฤติกรรมให้เขา้ กบั แบบแผนของสังคม หรือส่ิงแวดลอ้ มที่เปลี่ยนแปลง ให้สามารถบรรลุจุดหมายที่ ตอ้ งการ ทาใหม้ ีชีวติ อยอู่ ยา่ งปกติสุขท้งั ทางกายและจิตใจ ไมเ่ กิดผลเสียท้งั ตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น พจนานุกรมศพั ท์สังคมวิทยา องั กฤษ-ไทย ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน ไดใ้ ห้ความหมายของการปรับตวั ทางสังคมวา่ หมายถึง การท่ีบุคคลปรับตวั ให้เขา้ กบั ผูอ้ ่ืนได้ ในการอยู่ร่วมกนั ในสังคม ซ่ึงจะตอ้ งมีการติดต่อ สัมพนั ธ์หรือแข่งขนั กนั คนในสังคมจะสามารถดารงชีวิตอยูร่ ่วมกนั ไดโ้ ดยการปรับปรุงไม่ใหเ้ กิดความขดั แยง้ จนถึงตอ้ งแตกกลุ่มกนั แมว้ า่ แต่ละคนอาจจะมีนิสยั ใจคอหรือผลประโยชนแ์ ตกตา่ งกนั
12 บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินการศึกษาวจิ ยั 1.ประชากรทใี่ ช้ในการศึกษา นกั เรียนหอพกั ท้งั หมดของโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา 2.การมอบหมายภาระงาน/ระยะเวลาในการออกแบบสารวจและปฏบิ ตั งิ าน ปฏิทินการปฏิบตั ิงาน วนั ท่ี/เดือน/พ.ศ. รายการปฏิบตั ิงาน ผลที่ไดร้ ับ ผรู้ ับผดิ ชอบ 8 มกราคม 2564 วภิ า สุธิณา 15 มกราคม 2564 เร่ิมจบั คูแ่ ละคิดชื่อเรื่อง ไดช่ือเรื่องในการทางาน วภิ า สุธิณา 22 มกราคม 2564 หาวตั ถุประสงค์และกิจกรรมใน ไดแ้ นวทางในการทางาน วภิ า สุธิณา 29 มกราคม 2564 การทางาน วภิ า สุธิณา 5 กุมภาพนั ธ์ 2564 วภิ า สุธิณา 12กมุ ภาพนั ธ์ 2564 คิ ดแ นวท าง ในก าร ออก แบ บ ไดแ้ นวทางในการทากิจกรรม วภิ า สุธิณา 19กุมภาพนั ธ์ 2564 วภิ า สุธิณา กิจกรรม 26กุมภาพนั ธ์ 2564 วภิ า สุธิณา เริ่มเขียนปฏิทินในการทางาน ไดร้ ู้ตารางเวลาในการทางาน 5 มีนาคม 2564 วภิ า สุธิณา 12 มีนาคม 2564 เริ่มลงมือปฏิบตั ิงาน ไดง้ าน วภิ า สุธิณา 3.งบประมาณ เร่ิมสารวจปัญหาและเกบ็ ขอ้ มูล ไดข้ อ้ มูลและไดร้ ู้ปัญหา นาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แยก ไดแ้ ยกลาดบั ของปัญหา ลาดบั ปัญหา เร่ิ มรวบรวมข้อมูลท้ังหทดแล้ว ไดร้ ูปเล่มรายงานที่สมบรูณ์ จดั เป็นรูปเล่ม ประเมินรายงานรูปเล่ม ไดเ้ น้ือหารายงานที่สมบรูณ์ นาเสนอโครงงาน โครงงานเสร็จสมบรูณ์ ไม่มีงบประมาณในการศึกษาวจิ ยั
13 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล การนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลการดา้ นศึกษาวิจยั เร่ือง สารวจปัญหาที่เด็กหอตอ้ งพบเจอ ผศู้ ึกษาได้ นาการเสนอการวเิ คราะห์ขอ้ มูลและการแปลผลขอ้ มูลตามลาดบั ดงั น้ี 1.ข้นั ตอนการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 2.ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ข้ันตอนการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนท1ี่ เป็นผลการวเิ คราะห์เกี่ยวกบั การสอบถามหาปัญหาที่พบเจอมากที่สุดในอนั ดบั ท่ี1-3ของปัญหา ตอนท2ี่ เป็นผลการวเิ คราะห์เก่ียวกบั การเรียงลาดบั ปัญหาที่เป็นปัญหามากท่ีสุดใน1-3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ดงั รูปตอนท1ี่ เป็นผลการวเิ คราะห์เกี่ยวกบั การสอบถามหาปัญหาที่พบเจอมากท่ีสุดในอนั ดบั ที่1-3ของปัญหามี ตารางปัญหาท้งั หมดที่พบเจอ
14 จากตารางดงั กล่าวคือปัญหาท่ีเราพบเจอมากท่ีสุด ปัญหา มากท่ีสุดก่ีขอ้ /คน 1.ไม่มีความเป็ นส่วนตวั 13=5.2 % 2.ไม่มีความรับผดิ ชอบ 10=4 % 3.หอแคบถ่ายเท 9=3.6 % 4.ไม่มีความสามคั คี 6=2.4 % 5.ประตูเสีย 5=2 % 6.ไมค่ ่อยลา้ งจาน 5=2 % 7.หอ้ งน้าไม่สะอาด/ห้องครัวไม่สะอาด 8=3.2 % 8สุนขั คุย้ ขยะ 3=1.2 % - เป็นผลการวเิ คราะห์เกี่ยวกบั การสอบถามหาปัญหาที่พบเจอมากที่สุดใน1-3 ตอนท่ี2 เป็นผลการวเิ คราะห์เก่ียวกบั การเรียงลาดบั ปัญหาที่เป็นปัญหามากท่ีสุดใน1-3ของปัญหาท้งั หมด ลาดบั ปัญหาที่พบมากท่ีสุด มากที่สุด ระดบั ความพึงพอใจ นอ้ ยท่ีสุด 1 1.5 ไม่มีความรับผดิ ชอบ 1 มาก ปานกลาง นอ้ ย 1 ไมม่ ีความเป็นส่วนตวั 0 562 1 364 ไม่มีความสามคั คี 554
15 บทท่ี5 สรุป อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา ผลการศึกษาวิจยั เรื่อง สารวจปัญหาที่เด็กหอตอ้ งพบเจอ จากจานวนเด็กหอพกั โรงเรียนแม่เมาะวิทยา ท้งั หมด 40 คน สามารถสรุปผลไดด้ งั น้ี 1.ผลการวเิ คราะห์ข้อเสนอของปัญหา จากการสอบถามพบวา่ ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทุกคนตอบมาน้นั มกั จะเป็ นปัญหาที่เก่ียวกบั กไม่มีความเป็ น ส่วนตวั ไม่มีความรับผดิ ชอบและอ่ืนๆอีกมากมายที่เด็กหอจะพบเจอ 2.ผลการวเิ คราะห์ 3 อนั ดบั ส่วนใหญ่ของปัญหา จากจานวนเด็กหอของโรงเรียนแม่เมาะวิทยาท้งั หมด 40 คน ตอบแบบสารวจน้นั พบวา่ มีปัญหาที่เป็ น อนั ดบั ที่1-3มีดงั น้ี อนั ดบั ท่ี1 คือ ปัญหาไมม่ ีความรับผดิ ชอบ อนั ดบั ท่ี2 คือ ปัญหาไม่มีความเป็นส่วนตวั อนั ดบั ท่ี3 คือ ปัญหาไมม่ ีความสามคั คี อภปิ รายผลการศึกษา การศึกษาคร้ังน้ีผศู้ ึกษาไดค้ น้ พบประเด็นท่ีควรนามาอภิปรายดงั น้ี 1. ในการศึกษาขอ้ มูลพบวา่ ผลการวิเคราะห์ขอ้ เสนอของปัญหาน้นั มีปัญหามากมายยงั มาสามารถสรุป ได้ 2. จากการศึกษาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการตอบแบบสารวจน้นั พบวา่ มีปัญหาท่ีมากท่ีสุดใน 3ปัญหา คือ ปัญหา ไม่มีความรับผิดชอบ ปัญหาไม่มีความเป็ นส่วนตวั ปัญหาไม่มีความสามคั คี ซ่ึงผลการศึกษาคร้ังน้ีจะเป็ น
16 ประโยชน์เพ่ือให้เด็กหอได้บอกกล่าวถึงปัญหาที่ตอ้ งพบเจอและได้รู้ว่าปัญหาไหนที่เป็ นปัญหามากท่ีสุดใน ปัจจุบนั น้ี ข้อเสนอแนะ จากขอ้ เสนอแนะ อยากจะให้ทุกคนร่วมดว้ ยช่วยกนั ปฏิบตั ิติอหนา้ ท่ีองตนเองให้ดีที่สุด มีระเบียบ วนิ ยั และควรมีเวรทาความสะอาดให้ดีกว่าน้ีและใหเ้ กียรต์ิต่อกนั มีความเป็ นส่วนตวั และไม่ควรล้าเสนเรื่องส่วนตวั ของกนั และกนั
17 บรรณานุกรม http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/54930534/chapter2.pdf?fbclid=IwA R2co7blz9SMXAKkqSUlGxSu0fyPbdM6qiipruLbkxtVqdddVsN4JrYGzQ8 https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fhe02.tci- thaijo.org%2Findex.php%2FVeridian-E- Journal%2Farticle%2Fdownload%2F84731%2F67481%2F%3Ffbclid%3DIwAR1HkG nplaq7GBfHaHH0HQYJeHSDpbNz1b5wmlOZvUx2PLTluLn_UfNeTAU&h=AT3OEz AWkZmeZ4HUQxqxSKXug1IjA9Vl0kGyckKPUTkVWfityCBhQoTAfZmmpOn1qkA nX5- ctmRbOEkuRUdK5L0KH0_A6qx_6J0cDfldPeS1r4fG4EyB3B7rwI2O2gTzxXJCfHlrB 7yLGdrOphSDow
18 ภาคผนวก ภาพตอนท่ีกาลงั นาเสนอขอ้ มูล ภาพตอนที่ไดข้ อ้ มูลและไดส้ รุปจานวนของปัญหา
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: