หลกั การตลาด
จดั ทำโดย นำงสำวรจนำ พ่วงพวง ปวส. 2 คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ หอ้ ง 2 เสนอ อำจำรยอ์ ภิญญำ สมสุข
บทที่ 3 บทบำทและหนำ้ ที่กำรตลำด
บทบาทและหนา้ ท่ีการตลาด ในสมยั โบราณสินคา้ และบริการยงั ไมม่ ีหลากหลายสว่ นใหญจ่ ะเป็นสินคา้ ท่มี ีความจาเป็นตอ่ การดารงชวี ิตและ ปจั จยั ส่ีการจะไดม้ าซ่ึงสินคา้ และบริการนั้น แตล่ ะคนก็จะนา สินคา้ ของตน ไปแลกเปล่ียนกนั ในลกั ษณะ ตา่ งกนั เชน่ ใชส้ ินคา้ แลกสินคา้ หรือใชส้ ินคา้ แลกเงิน การแลกเปล่ยี นน้ันจะกระทากนั ในสถานท่ีใดท่หี น่ึงท่ี เรียกวา่ “ตลาด” ซ่ึงหมายถึง สถานท่ที ่ี มีการซ้ือขายแลกเปล่ยี นสินคา้ ระหวา่ งผูซ้ ้ือและผูข้ าย แตเ่ ม่ือสงั คม เจริญกา้ วหนา้ มากข้นึ เกิดการเพ่ิมข้นึ ของประชากรสง่ ผล ใหเ้ กิดความตอ้ งการในสินคา้ ประเภทตา่ งๆและ บริการเพ่ิมข้นึ ประกอบกบั ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยีและระบบส่ือสาร ในปจั จุบนั ท่ที าใหก้ ารซ้ือขายไม่ จาเป็นตอ้ งนาสินคา้ ไปแลกเปล่ยี นกนั ใหย้ ุง่ ยาก เพราะสามารถซ้ือขาย กนั ไดโ้ ดยการเจรจาตกลงกนั เอง หรือ ใชร้ ะบบส่ือสารติดตอ่ กนั ไดท้ ุกประเภทไมว่ า่ จะเป็น การแฟ็กขอ้ ความซ้ือสินคา้ โทรศพั ท์ โทรเลข จดหมาย ฯลฯ การซ้ือขายในลกั ษณะน้ีเรียกวา่ ตลาด
การตลาดกบั สงั คม (Marketing and Society) การตลาดไดเ้ ขา้ ไปมีสว่ นสมั พนั ธอ์ ยา่ งแน่นแฟ้นในสงั คมเมืองปัจจุบนั มีการเปล่ียนแปลง หลายประการทางสงั คมท่ีเกิดข้ึน อนั สืบเน่ืองมาจากการตลาด
1. การตลาดกอ่ ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในการดารงชีวิต การท่มี ีสินคา้ หลากหลายเขา้ ไปตอบสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคทาใหส้ ภาพความเป็นอยูส่ ุขสบายข้นึ กวา่ เดิม ผูค้ นในสงั คมระดบั ตา่ งๆ ไดเ้ ปล่ยี นพฤติกรรมในการบริโภคอาหาร การอยูอ่ าศยั การสมาคมอยา่ ง มากมาย เชน่ การบริโภคอาหาร เปล่ยี นไปนิยมซ้ืออาหารสาเร็จรูปหรือรับประทานตามรา้ นอาหารมากกวา่ ท่ี จะทาทานกนั เอง การอยูอ่ าศยั เปล่ยี นลกั ษณะท่อี ยูอ่ าศยั จากบา้ นเด่ียวเป็นอาคารเรือนแถวท่เี รียกวา่ Town house การแตง่ กาย ในปจั จุบนั การแตง่ กายไดร้ ับอิทธิพลมาจากตะวนั ตกเปล่ยี นไปซ้ือเส้ือผา้ สาเร็จรูป มากกวา่ การ ส่งั ตดั เย็บโดยเฉพาะ
2. ความสมั พนั ธท์ างครอบครวั มีความมน่ั คงนอ้ ยลง สมาชิกในครอบครวั เปล่ียนไปรบั ประทานอาหารนอกบา้ นกนั เพ่ิมข้ึนหรือรบั ประทานอาหาร ในบา้ นตามเวลาสะดวกของแตล่ ะคนทาใหส้ มาชิกในครอบครัวมีเวลาพบปะพูดคุยหรือทา กิจกรรมร่วมกนั นอ้ ยลงเน่ืองมาจากความจาเป็นในการใชช้ ีวิตนอกบา้ นมีมากข้ึน
3. ความสมั พนั ธข์ องสงั คมชุมชนเปล่ียนแปลงไป ในยุคกอ่ นๆ ท่ผี ลิตภณั ฑย์ งั ไมส่ ามารถหาซ้ือไดส้ ะดวก กิจกรรมในการดารงชีวิตประจาวนั หลายเร่ืองท่ตี อ้ ง อาศยั เพ่ือนบา้ น สมาชิกของสงั คมชุมชนมาชว่ ยเหลือ จึงเป็นสงั คมท่ตี า่ งตอบแทนดว้ ยความสมคั รใจ มีความ เสียสละ เอ้ือเฟอ้ -เผ่ือแผ่ แบง่ ปนั กนั มีความรูจ้ กั คุน้ เคยสนิทสนมกนั ดที กุ ครัวเรือนแตใ่ นปจั จุบนั สงั คม เปล่ยี นแปลงความสมั พนั ธ์ การชว่ ยเหลือกนั ดว้ ยการจา่ ยคา่ ตอบแทนเป็นคา่ จา้ งความสมั พนั ธ์ทางจิตใจ ไดล้ ด นอ้ ยลงเร่ือยๆ สรา้ งความรูส้ ึกเห็นแกต่ วั มากข้นึ ผลกระทบจากการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมของสังคมในเร่ืองน้ี ไดก้ อ่ ความเสียหายตอ่ คุณภาพชีวิตของบุคคลในสงั คม ความเกรงใจ ความเอ้ืออาทรตอ่ กนั ลดนอ้ ยลง
การตลาด กบั เศรษฐกิจ (Marketing and Economics) กิจกรรมตา่ งๆ ทางการตลาดไดเ้ ขา้ มามีบทบาทตอ่ การเปล่ียนแปลงหลายๆ ประการของ เศรษฐกิจ ดงั เชน่
1. มีการเพ่ิมงานอาชีพไดม้ ากข้ึน เม่ือการผลิตขยายตวั เพ่ิมข้นึ เน่ืองจากความตอ้ งการผลิตภณั ฑต์ า่ งๆ มีมากข้นึ ผูผ้ ลิตจาหน่ายไดด้ ว้ ยกจิ กรรม ทางการตลาด จะเกิดความตอ้ งการแรงงานบุคลากรเขา้ ไปเพ่ิมในภาคการผลิต โรงงานอุตสาหกรรมตา่ งๆ เปิ ด กิจการเพ่ิมข้นึ โรงงานเดิมขยายกิจการ ตอ้ งการแรงงานเพ่ิม และเก่ยี วเน่ืองไปถึงธุรกิจผลิตอ่ืนๆ ท่เี ก่ยี วเน่ือง กนั ทงั้ แหลง่ วตั ถุดิบ กิจการผลิตอุปกรณเ์ คร่ืองมือตา่ งๆ ตอ่ เน่ืองไปถึงการขยายตวั ของตาแหน่งงานตา่ งๆ ใน ภาคการตลาดและธุรกิจอ่ ืนๆ
2. ประชาชนมีรายไดส้ ูงข้ึน เม่ือมีงานอาชพี ใหมๆ่ ตาแหน่งงานเพ่ิมข้นึ อตั ราการวา่ งงานลดลง ประชาชนมีงานทา มีรายไดก้ นั ทว่ั หนา้ ยอ่ ม มีกาลงั ซ้ือท่จี ะไป จบั จา่ ยซ้ือสินคา้ บริการมาตอบสนองความตอ้ งการผูค้ นไมอ่ ดอยากการขยายตวั ดานการผลติ การทาธุรกิจตา่ งๆ ทาใหเ้ กิดความตอ้ งการดา้ นบุคลากรสูงจนตอ้ งแขง่ ขนั กนั ในการแยง่ บุคลากร ท่มี ี ประสิทธิภาพ ตอ้ งจา่ ยคา่ จา้ งแรงงานในอตั ราท่สี ูงข้นึ ๆเม่ือประชาชนมีงานทา มีรายไดส้ ูง ทาใหม้ ีอานาจจบั จา่ ย ไดเ้ พ่ิมข้นึ และตดั สินใจจา่ ยงา่ ย รวดเร็วข้นึ ดว้ ยนาไปสูค่ วามตอ้ งการ สินคา้ บริการเพ่ิมข้นึ กิจการธุรกิจ จาหน่ายสินคา้ ไดด้ ี จะตอ้ งการขยายการผลิตเพ่ิมข้นึ ขยายการขาย จึงตอ้ งการกาลงั คนเพ่ิมมากข้นึ ตอ้ งจา่ ย คา่ จา้ งเพ่ิมข้นึ จะเป็นผลตอ่ เน่ืองเชน่ น้ีไปเร่ือยๆ
3. มีการหมุนเวียนปจั จยั การผลิต กอ่ ใหเ้ กิดการกระจายรายไดท้ ว่ั ถึง การขยายตวั ในการผลิตของกิจการหน่ึง จะกอ่ ใหเ้ กิดความตอ้ งการปจั จยั การผลิตเพ่ิมข้นึ ดังน้ันผูผ้ ลิตปจั จยั การผลิตท่เี ก่ยี วเน่ือง ยอ่ มจะตอ้ งขยายการผลิตตามไปดว้ ยแตก่ ิจการผลิตจะเกิดปรากฏการณ์เชน่ น้ีได้ ยอ่ ม จะตอ้ งอาศยั ระบบการจดั จาหน่าย หรือการตลาดท่เี ขม้ แข็งสามารถทาให้ ผลิตภณั ฑท์ ่ผี ลิตข้นึ มาจาหน่ายออก ไปสูแ่ หลง่ ตา่ งๆ ไดร้ ัฐบาลปจั จุบนั จึงมุง่ เนน้ การสง่ เสริมงานดา้ นการตลาดมากทงั้ ตลาดในประเทศ และ ตา่ งประเทศ มีการสง่ เสริมการสง่ ออกเพ่ือนารายไดเ้ ขา้ ประเทศใหม้ ากข้นึ และจะไดม้ าสรา้ งงานอาชพี ใน ประเทศไดเ้ พ่ิมข้นึ
4. การแขง่ ขนั ทางการตลาด ทาใหต้ น้ ทุนของสินคา้ และบริการเพ่ิมสูงข้ึน ส่ิงจูงใจจากผลตอบแทนกาไรในการประกอบธุรกิจตา่ งๆ ทาใหเ้ กิดคูแ่ ขง่ ขนั เพ่ิมข้นึ ในตลาดผลิตภณั ฑห์ น่ึงๆ คู่ แขง่ ขนั ตา่ งพยายามสรรหากิจกรรมทางการตลาดรูปแบบใหมๆ่ มาเรียกรอ้ งความสนใจของลกู คา้ เพ่ือให้ ผูบ้ ริโภคเกิดความพึงพอใจมากข้นึ ซ่ึงผูผ้ ลิต ผูข้ าย จะพยายามผลกั ภาระไปสูผ่ ูบ้ ริโภคปลายทาง ทาใหผ้ ูบ้ ริโภค ตอ้ งจา่ ยคา่ สินคา้ บริการตา่ งๆ ในราคาท่ีสูงข้นึ ดงั นั้นรัฐบาลมีหนา้ ท่ตี อ้ งเขา้ มาแทรกแซงในธุรกิจประเภทตา่ งๆเม่ือมีการแขง่ ขนั ท่ีรุนแรงมากเพ่ือไมใ่ ห้ ราคาสูงเกินไปจนจาหน่ายไมไ่ ดก้ อ่ ความเดือดรอ้ นใหป้ ระชาชนท่มี ีรายไดน้ อ้ ยนักการตลาดยุคใหมจ่ ะตอ้ งมี จริยธรรมในการทาธุรกิจท่จี ะไมฉ่ กฉวยโอกาสท่ผี ู ้ บริโภคไมท่ ราบ สรา้ งราคาสินคา้ ข้นึ สูงมากเกินไปเป็นการ แสวงหากาไรควร จะทาธุรกิจอยูไ่ ดไ้ มน่ าน
หนา้ ท่ีทางการตลาด (Marketing Functions) หนา้ ท่ีทางการตลาด หมายถึง กิจกรรมท่ีเกิดการเคล่ือนยา้ ยสินคา้ หรือผลิตภณั ฑข์ องบริษทั ไปยงั ลูกคา้ หรือผูบ้ ริโภคเพ่ือกอ่ ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงกรรมสิทธ์ิในสินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์ เม่ือใดก็ตามท่ีการตลาดเป็นระบบท่ีมีคุณภาพยอ่ มสง่ ผลใหป้ ระชาชนสงั คมและชุมชนมี คุณภาพไปดว้ ย
ดงั นน้ั ในระบบของการตลาดโดยทว่ั ไปแลว้ จะมีหนา้ ท่ีสาคญั ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. หนา้ ท่ีการจดั การเก่ียวกบั สินคา้ และบริการ คือ การดาเนินการเก่ียวกบั การเปล่ียนแปลง กรรมสิทธ์ิในสินคา้ และบริการ เพ่ือใหเ้ กิดความพอใจและตรงกบั ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค หรือลกู คา้ มากท่ีสุด ซ่ึงวิธีท่ีจะจดั การในเร่ืองน้ีมีดงั ตอ่ ไปน้ี
1.1การพฒั นาและกาหนดมาตรฐานสินคา้ และบริการ(Development and StandardGoods) หรือท่ีเรียกวา่ “ดีเวลลอบเมนท์ แอนด์ แสตนดารด์ กูด๊ ” หนา้ ท่ีโดยตรงของการตลาด คือ การจดั หาสินคา้ และบริการใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค โดยการพฒั นาและ กาหนดสินคา้ ใหท้ นั สมยั กาหนดรายละเอยี ดของสินคา้ และบริการ ไมว่ า่ จะเป็น คุณภาพ ปริมาณ ลกั ษณะ รูปร่างและมาตรฐานตามกาหนด ซ่ึงจะตอ้ งมีการศึกษาหาขอ้ มูล เพ่ือ กาหนดสินคา้ ท่ีจะผลิตออกมาตอบสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค
1.2 การขาย (Selling ) หรือท่ีเรียกวา่ “เซลลล์ ่ิง” หนา้ ท่ีโดยตรงของการตลาด คือ การจดั ใหม้ ีการถา่ ยโอน หรือ เปล่ียนแปลงกรรมสิทธ์ิอนั จาเป็นตอ่ การหมุนเวียนสินคา้ และบริการ ทาใหเ้ กิดความคลอ่ งตวั ดา้ นธุรกิจ ท่ีดาเนินการอยู่ ซ่ึงอาจจะมีเจา้ หนา้ ท่ีฝ่ายขายติดตอ่ โดยตรง หรืออาจจะมีการ ประสานงานกนั ทางโทรศพั ทห์ รือระบบสารสนเทศตา่ ง ๆ
1.3 การซ้ือ (Buying) หรือท่ีเรียกวา่ “บายอ้ิง” กิจกรรมในสว่ นของการซ้ือก็คือการศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกบั สินคา้ ท่ี ตอ้ งการ ซ้ือใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของลูกคา้ เป็นหลกั โดยในการซ้ือสินคา้ น้นั จะตอ้ ง ศึกษาหาขอ้ มูลกอ่ นวา่ มีคุณภาพหรือมาตรฐานมากนอ้ ยเพียงใด
2. หนา้ ท่ีเก่ียวกบั แจกจา่ ยสินคา้ และบริการสินคา้ ท่ีผลิตข้ึนมาแลว้ จาเป็นตอ้ งมีการจดั สง่ ไปยงั ผูบ้ ริโภคซ่ึงการเคล่ือนยา้ ยสินคา้ ดงั กลา่ วตอ้ งอาศยั กิจกรรมตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 การขนสง่ (Transportation) หรือท่ีเรียกวา่ “ทรานสปอตเตชน่ั ” สินคา้ จะไปถึงมือผูบ้ ริโภคหรือ ลูกคา้ ท่ีอยูห่ า่ งไกล ซ่ึงกระจายกนั ในแตล่ ะทอ้ งถ่ินได้ จะตอ้ งอาศยั การ ขนสง่ โดยจะตอ้ งเลือกวิธีการ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพของสินคา้ ผลิตภณั ฑ์ ระยะเวลาและสภาพของทอ้ งถ่ิน รวมทงั้ ความเหมาะสม ของคา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ เชน่ สินคา้ ท่ีมีน้าหนักและปริมาณมาก ควรจะเลือกการขนสง่ โดยทาง รถยนต์
2.2 การเก็บรักษาสินคา้ (Storage) หรือท่เี รียกวา่ “สตอเรจ” เป็นกิจกรรมเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการใหแ้ กล่ ูกคา้ ดว้ ยการเก็บรักษาสินคา้ ไว้ เพ่ือใหส้ ินคา้ มีคุณคา่ คุณภาพดีสม่าเสมอ หรือรอโอกาสท่เี หมาะสมในการจาหน่ายใหแ้ กล่ กู คา้ ซ่ึงการ เก็บรักษาสินคา้ ของตลาดนั้นเป็นไปใน 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. เก็บรักษาเพ่ือเพ่ิมคุณภาพสินคา้ และบริการบางอยา่ งหากเก็บรักษาไวน้ านจะทาใหม้ ีราคาสูงข้นึ เชน่ ท่ีดิน บา้ น เป็นตน้ 2. เก็บรักษาเพ่ือคาดหวงั ผลกาไร เชน่ กรณีสินคา้ ราคาตกต่า หนา้ ท่กี ารตลาด (ผูข้ าย) จะเก็บสินคา้ นั้น ๆ ไว้ กอ่ นจนกวา่ สินคา้ จะมีราคาสูงข้นึ จึงจะนาออกมาจาหน่าย
3. หนา้ ท่ีการบริการใหค้ วามสะดวก เพ่ือใหธ้ ุรกิจตา่ ง ๆ สามารถดาเนินตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งมน่ั คง และถาวร การตลาดจึงตอ้ งใหก้ าร บริการและอานวยความสะดวกใหก้ บั ธุรกิจตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ดา้ นการเงิน โดยมีสถาบนั การเงิน คือ ธนาคารเขา้ มาจดั บริการดา้ นสินเช่ือเพ่ือใหม้ ีการกูย้ ืมเงินมาใชใ้ นการ ลงทุน นอกจากน้ียงั จดั ใหม้ ีการบริการอานวยความสะดวก เพ่ือลดความเส่ียงของ ธุรกิจ เชน่ บริการดา้ นการประกนั ตา่ ง ๆ เชน่ การประกนั ราคาสินคา้ การประกนั อบุ ตั ิภยั และการใหบ้ ริการซอ่ มแซม เป็นตน้
4. หนา้ ท่ีการส่ือสารขอ้ มูลทางการตลาด เจา้ หนา้ ท่ีฝ่ายการตลาด เม่ือวิเคราะหข์ อ้ มูลทางการตลาดไดแ้ ลว้ จะตอ้ งนาขอ้ มูลความ ตอ้ งการสินคา้ หรือผลิตภณั ฑใ์ หมใ่ หแ้ กผ่ ูผ้ ลิต เพ่ือผูผ้ ลิต จะไดน้ าขอ้ มูลท่ีไดไ้ ปปรบั ปรุง สินคา้ และบริการข้ึนมาใหม่ ใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของลูกคา้ หรือผูผ้ ลิต จะมีฝ่ายการผลิต เป็นผูด้ าเนินการปรับปรุงสินคา้ และฝ่ายประชาสมั พนั ธภ์ ายในบริษทั จะทาหนา้ ท่ี ประชาสมั พนั ธส์ ินคา้ ตวั ใหมไ่ ปยงั ลกู คา้ และผูอ้ ปุ โภค บริโภค เพ่ือใหผ้ ูบ้ ริโภคหรือลูกคา้ ได้ ทราบถึงสินคา้ หรือบริการใหม่ ผูผ้ ลิตตอ้ งทราบความเคล่ือนไหวทางการตลาดได้ ถูกตอ้ ง เพ่ือเป็นขอ้ มูลท่ีจะนาไปสูก่ ารผลิตสินคา้ และบริการมาสนองใหต้ รงกบั ความ ตอ้ งการของประชาชนไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
5. หนา้ ท่ีในการวิเคราะหต์ ลาด การวิเคราะหต์ ลาดเป็นกระบวนการท่ีตอ้ งดาเนินการอยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดเวลา เพ่ือทราบ ขอ้ มูลเก่ียวกบั ความตอ้ งการของตลาด อนั จะทาใหผ้ ูผ้ ลิตสามารถผลิตสินคา้ และบริการได้ ตรงความตอ้ งการของลกู คา้ ไดต้ ลอดเวลา และการวิเคราะหต์ ลาดยงั เป็นการชว่ ยแกไ้ ข ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศได้ เพราะผูผ้ ลิตและผูบ้ ริโภคสามารถทราบขอ้ มูลท่ีเป็น ปัจจุบนั และคาดคะเนผลท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตได้ ทาใหม้ ีการเตรียมแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งและถูกวิธีดว้ ย
6.หนา้ ท่ีในการทาใหส้ ินคา้ ตา่ งกนั เม่ือไดร้ บั ขอ้ มูลจากการวิเคราะห์ แลว้ หนา้ ท่ีของตลาดก็จะตอ้ งปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงสินคา้ และบริการข้ึนใหม่ เพ่ือสนองความตอ้ งการ และสรา้ งความพึงพอใจใหแ้ กผ่ ูซ้ ้ือ ซ่ึงการปรับปรุงเปล่ียนแปลงทาไดด้ งั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี 6.1 เปล่ียนแปลงตวั สินคา้ ใหมแ่ ทนสินคา้ ตวั เดิม 6.2 เปล่ียนแปลงราคาสินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์ 6.3 เปล่ียนแปลงทศั นคติของผูบ้ ริโภค เชน่ ซ้ือสินคา้ เพราะของแถมหรือการออกสลากรางวลั นาโชค 6.4 เปล่ียนแปลงขอ้ มูลใหผ้ ูซ้ ้ือไดร้ บั รู้ 6.5 เปล่ียนแปลงการบรรจุหีบหอ่ หรือตราย่ีหอ้ ใหม่
7. หนา้ ท่ีในการตีราคา การตีราคาจะชว่ ยในการพิจารณาจุดคุม้ ทุนวา่ การซ้ือขายแลกเปล่ียนท่ีเกิดข้ึน ทางการตลาด นน้ั มีประโยชนค์ ุม้ คา่ หรือไม่ หรือสรา้ งความพอใจใหก้ บั ผูซ้ ้ือ-ขายหรือไมห่ รือหากตน้ ทุนสูง กวา่ ผลประโยชนข์ องสงั คมก็ควรจะตอ้ งมี การปรบั ปรุงคุณภาพของสินคา้ หรือผลิตภณั ฑแ์ ละ การตลาดใหเ้ หมาะสม
8. หนา้ ท่ีในการแบง่ สว่ นตลาด เป็นการทาใหต้ ลาดมีขนาดเล็กลง เพ่ือสะดวกในการแลกเปล่ียน ซ้ือขายสินคา้ เน่ืองจาก ผูผ้ ลิตสามารถเจาะจงลูกคา้ ได้ ในขณะท่ีผูบ้ ริโภคเองก็สามารถเลือกสินคา้ และบริการเฉพาะ อยา่ งไดม้ ากข้ึน ทาใหเ้ กิดการประหยดั ทงั้ การผลิตและบริโภคดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: