Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 ประชาธิปไตยในชุมชน

บทที่ 1 ประชาธิปไตยในชุมชน

Published by yeng5304, 2021-01-24 03:47:34

Description: บทที่ 1 ประชาธิปไตยในชุมชน

Search

Read the Text Version

ประชาธปิ ไตยในชุมชน สค12010 สาระการพฒั นาสังคม ระดบั ประถมศกึ ษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั เขตบางเขน สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั กรุงเทพมหานคร สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ 1 | ห น้ า

สารบญั หนา้ บทที่ 1 ประชาธปิ ไตยในชมุ ชน 1 ความหมายของประชาธปิ ไตย 2 รปู แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย 8 รูปแบบต่าง ๆ ของประชาธปิ ไตย 9 ประเภทของประบอบประชาธิปไตย 11 2 | ห น้ า

สาระสาคญั ประชาธปิ ไตยเป็นรูปแบบการปกครองและวิธกี ารดาเนินชวี ติ ซ่ึงยดึ หลักของความเสมอภาค เสรีภาพและศักด์ศิ รีแห่งความเป็นมนษุ ย์ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยถือวา่ ทุกคนมีสทิ ธเิ สรภี าพเทา่ เทียมกัน และอานาจอธิปไตยตอ้ งมาจากปวงชน คาวา่ ประชาธิปไตย เป็นศพั ท์ทีน่ ามาใช้กันอยา่ งแพรห่ ลายมากในโลกปจั จบุ ัน เปน็ ท่ีนา่ สงั เกตว่า ประเทศตา่ งๆ แม้จะมีรูปแบบการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมที่แตกต่างกัน แตต่ ่างก็อ้างว่าประเทศ ของตนเป็นประชาธิปไตยกันทั้งส้ิน ในประเทศสงั คมนิยมหลายประเทศ เชน่ อดตี สหภาพโซเวียต และจีน ตา่ งก็อ้างว่าประเทศของตน ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แตเ่ ปน็ ประชาธิปไตยในอีกแง่หนึ่งท่ีเรียกว่า ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ กล่าวคือ ยินยอมให้ประชาชนมีสทิ ธแิ ละเสรภี าพในขอบเขตทจ่ี ากัด สว่ นการ ดาเนนิ การทางการเมือง ยงั คงตกอยู่ในมือของผู้มีอานาจเพียงไม่ก่ีคนเทา่ นั้น นอกจากนี้ประเทศอินโดนเี ซยี ซึ่ง เปน็ ประเทศเพ่ือนบา้ นของไทย หลงั จากได้รับเอกราชจากเนเธอรแ์ ลนดใ์ นสมยั ของประธานาธบิ ดซี ูการ์โน ได้ ประกาศใชร้ ะบอบประชาธิปไตยนาวถิ ี จากความหลากหลายของการให้ความหมายนีเ้ พ่ือไม่ใหเ้ กดิ ความ สบั สน ในท่ีน้ีจะขออธิบายประชาธิปไตยในความหมายของเสรีประชาธิปไตย หรอื ประชาธปิ ไตยแบบตะวนั ตก เท่านัน้ ความหมายของประชาธปิ ไตย 1.ความหมายของคาวา่ ประชาธิปไตย ตรงกับคาในภาษาอังกฤษว่า Democracy ซึ่งมาจากคา ภาษากรีกว่า Democratia ซึง่ ประกอบดว้ ยคา 2 คา คือ Demos กับ kratein คาว่า Demos หมายถงึ ประชาชน และ Kratein หมายถึง การปกครอง ฉะนัน้ ประชาธปิ ไตย (Demoskratia) จึงหมายถงึ ประชาชน ปกครอง หรือการปกครองโดยประชาชน 2.ความหมายทเี่ น้นเรื่องสิทธเิ สรภี าพ และความเสมอภาค นกั ปรัชญาการเมืองหลายทา่ นท่ี ชใ้ี หเ้ ห็นว่ารูปแบบการปกครองที่ดีก็คือ การปกครองท่ีเคารพสิทธแิ ละความเสมอภาคของมนษุ ย์ เช่ือว่าสมาชิก ของสังคมทุกคนมีสทิ ธเิ ทา่ เทยี มกันท่จี ะเขา้ มสี ่วนร่วมในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเมือง และสงั คมเพ่ือพฒั นา ตนเองและสงั คมโดยส่วนรวม ยอกจากน้รี ะบบการเมืองจะตอ้ งเปิดโอกาส หรอื ใหเ้ สรีภาพแกป่ ระชาชนในการ ดาเนินการใดๆ ภายใต้กฎระเบยี บของสงั คมด้วย ซ่ึงรูปแบบการปกครองดังกล่าว กค็ ือระบอบประชาธปิ ไตย 3 | ห น้ า

3.ความหมายทีเ่ นน้ การเขา้ มีส่วนรว่ มหรอื เสยี งของประชาชน ในเมือ่ ระบอบประชาธปิ ไตยให้ ความสาคัญกบั ประชาชนในฐานะทเี่ ปน็ เจ้าของอานาจอธิปไตย ใช้อานาจน่ผี า่ นทางองค์กรทางการเมืองตา่ งๆ เพื่อประโยชน์สขุ ของตนเอง บาทบาทของประชาชนในทางการเมือง จงึ มีความสาคญั มากในระบอบน้ี จนมผี ู้ กล่าววา่ ประชาธิปไตยนน้ั ถือวา่ ประชาชน คือ เสยี งสวรรค์ เป็นระบอบที่เปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนร่วม ดาเนินการเพื่อสร้างสรรคส์ ังคมของตนเอง กิจกรรมการเข้ารว่ มทางการเมืองของประชาชน อาจเป็นทางอ้อม โดยผา่ นกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเ์ ข้าไปทาหน้าท่ีแทน หรอื อาจเป็นทางตรง เชน่ การ ประท้วง การร้องเรยี น ในรูปแบบตา่ งๆ เพ่อื ใหร้ ัฐบาลรับทราบถงึ ปัญหา เปน็ ตน้ 4.ความหมายที่เนน้ เจตนารมณข์ องประชาชน ประธานาธิบดีอบั ราฮมั ลินคอลน์ แห่ง สหรัฐอเมริกาไดใ้ หค้ วามหมายของคาว่าประชาธปิ ไตยไวอ้ ยา่ งกระชบั และคมคายวา่ เป็นการปกครองของ ประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ในระบอบประชาธปิ ไตยนน้ั ผูน้ าทางการเมืองเปน็ ผู้ท่ีถือเสมือน เป็นตัวแทนเจตนารมณ์ของประชาชน รัฐบาลเปน็ ตัวแทนของพรรคการเมอื งท่มี ีเสยี งขา้ งมาก หรอื ได้รับเสียง สนับสนุนส่วนใหญ่ รัฐบาลจะคงอยูใ่ นอานาจต่อไปไดเ้ ม่อื วาระส้นิ สดุ ลง กโ็ ดยการแสดงใหป้ ระชาชนผ้เู ลือกต้งั เห็นวา่ รฐั บาลสามารถสนองตอบต่อเจตนารมณ์ของประชาชนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพเท่าน้นั 5.ความหมายตามท่มี าและขอบเขตอานาจ มผี ู้ให้ความหมายของประชาธิปไตยไว้ว่า อานาจสงู สุด มาจากประชาชน ทั้งนี้โดยอ้างว่ามนุษยท์ ุกคนเกิดมาย่อมมีสิทธแิ ละเสรภี าพ โดยธรรมชาติ พวกเขาสามารถท่ี คดิ และกระทาการใดๆ ได้ แต่เม่อื มนุษยม์ าอยูร่ วมกนั เปน็ สังคม เขาจะสละสทิ ธิ์และอานาจบางประการให้กบั ผปู้ กครอง เพื่อใชอ้ านาจน้ันดาเนนิ การภายในกรอบที่กาหนด ฉะน้นั เราจะพบวา่ รฐั บาลในประเทศที่ปกครอง ดว้ ยระบอบประชาธิปไตยนัน้ จะมีอานาจทีม่ ีขอบเขต จากความหมายอันหลากหลายของคาว่า ประชาธิปไตย นี้ จงึ อาจสรปุ ความหมายหลักได้ 3 ประการ คือ 1.ความหมายในเชิงอดุ มการณ์ทางการเมือง 2.ความหมายในเชงิ รูปแบบการปกครอง 3.ความหมายในเชงิ วิถีวชิ วี ติ ของประชาชน 1. ความหมายในเชิงอดุ มการณท์ างการเมือง อุดมการณท์ างการเมอื ง คือ ระบบความคิดทางการเมืองอยา่ งหน่ึง อุดมการณ์ประชาธปิ ไตยเปน็ ที่ ยอมรับกันอยา่ งกว้างขวางในฐานะท่ีเป็นระบบความคดิ ทางการเมืองชนิดหนึ่ง ท่ีให้ความสาคญั กบั หลักการ 3 ประการ 1.หลกั มนุษยเ์ ปน็ ผู้มีสติปญั ญา รูจ้ ักใชเ้ หตผุ ล รู้ดีรู้ชั่ว และสามารถปกครองตนเองได้ ประชาธปิ ไตยนน้ั เปน็ ระบบท่ีสมาชกิ จะต้องแสดงออกซึง่ เหตผุ ล เพ่ือให้ได้มาซ่ึงขอ้ สรปุ ทเี่ ปน็ ท่ยี อมรับกนั เช่ือ กนั วา่ ถ้าการดาเนนิ การใดๆ เป็นไปตามหลกั การแห่งเหตุผลแลว้ ย่อมจะส่งผลให้เกดิ การพฒั นาคุณภาพชีวิต ของสงั คมอย่างไม่มีขีดจากัด 4 | ห น้ า

2.หลกั สิทธิเสรีภาพ คาว่า สิทธิ หมายถึง อานาจอันชอบธรรม เสรีภาพ หมายถงึ ความมีอิสระ ที่จะกระทาการใดๆ ได้ แตก่ ารใช้เสรีภาพจะต้องไม่ไปละเมิดสทิ ธิและเสรภี าพของผู้อื่นด้วย เสรภี าพในสงั คม ประชาธปิ ไตยมีขอบเขตจากัดในระดับหนง่ึ ส่งิ ที่จะมาเปน็ ตวั จากัดเสรภี าพคือ กฎหมาย ขอ้ บงั คับ ขนบธรรมเนยี มประเพณีเสรภี าพขนั้ พื้นฐานในระบอบประชาธปิ ไตยอาจจาแนกได้ดงั ต่อไปนี้ 1) เสรภี าพในการแสดงความคิดเหน็ การแสดงความคิดเหน็ ซ่งึ อาจแสดงออกในรูปของการพดู การเขียน และการโฆษณาถือเปน็ เสรภี าพขั้นพ้ืนฐานประการหนึ่ง ในสังคมประชาธิปไตยนัน้ เป็นสังคมท่ีถอื วา่ ประชาชน คอื เสยี งสวรรค์ เปน็ สังคมที่ยินยอมใหป้ ระชาชนในฐานะเจ้าของอานาจอธปิ ไตยเข้ามีสว่ นรว่ มใน กจิ กรรมทางการเมืองโดยเสรีการแสดงความคดิ เห็นจึงถอื เปน็ กิจกรรมท่สี าคญั ยิ่งดว้ ย 2) เสรภี าพในการรวมกลมุ่ อาจจะเป็นการรวมตัวกันของเกษตรกรที่ปลูกอ้อย จดั ตั้งเป็น สหกรณช์ าวไร่อ้อย หรอื อาจจะเปน็ การรวมตัวกนั ของผทู้ ี่มคี วามสนใจในกจิ กรรมทางสังคมอย่างหนง่ึ อย่างใด รว่ มกนั จดั ตง้ั เป็นสมาคม เป็นตน้ และยงั รวมไปถงึ การรวมตวั กนั ของประชาชนเพ่ือเข้ามีสว่ นรว่ มทางการเมือง ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเรยี กรอ้ งใหร้ ฐั บาลดาเนนิ การใดๆอีกดว้ ย แตท่ ้งั น้ีกิจกรรมอนั เกิดจากเสรภี าพในการ รวมกลุ่มจะต้องอยใู่ นกรอบแหง่ กฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคม 3) เสรีภาพในการนับถือศาสนา มนุษยแ์ ตล่ ะคนย่อมมีความเชื่อท่ีเหมือนกนั บ้าง ต่างกนั บ้าง เปน็ ธรรม การนบั ถือหรือศรัทธาทีม่ นุษยพ์ ึงมตี ่อความเชื่อศาสนาใดๆ จึงนับไดว้ ่าเปน็ เสรภี าพข้ันพื้นฐาน ประการหนง่ึ 4) สทิ ธิและเสรีภาพอ่นื ๆ นอกจากสิทธิและเสรีภาพขา้ งตน้ แลว้ อุดมการณป์ ระชาธปิ ไตยยังให้ ความสาคัญกับสทิ ธแิ ละเสรภี าพขัน้ พืน้ ฐานของบุคคลด้านอ่ืนๆ อีก เช่น สิทธจิ ะไดร้ ับการคุ้มครองท้ังทาง ร่างกายและทรพั ยส์ นิ จากรัฐ สิทธใิ นเคหสถาน สิทธิและเสรภี าพในการเคลือ่ นย้ายที่อยู่อาศยั สทิ ธแิ ละเสรภี าพ ในการเดินทางสทิ ธิและเสรีภาพในการประกอบอาชพี โดยสุจริตเสรีภาพในทางรา่ งกายเป็นต้น 3.หลกั ความเสมอภาค ความเสมอภาพหรือความเทา่ เทยี มกัน เป็นหลกั ทสี่ าคัญของอุดมการณ์ ประชาธปิ ไตยอีกหลักการหนึ่ง ระบอบประชาธิปไตยเชื่อวา่ มนุษย์ทุกคนไมว่ ่าจะอยู่ในชนช้ันใด เพศใด มีฐานะ ทางเศรษฐกจิ หรือฐานะทางสังคมอย่างไรต่างเทา่ เทยี มกัน ความเท่าเทียมกนั ในที่น้ีไม่ใชค่ วามเท่าเทียมกันใน สติปญั ญา ความสามารถ หรอื ความสูงความตา่ แต่เป็นความเท่าเทยี มกันในศกั ดิศ์ รีของความเปน็ คน ซ่งึ ทุกคน มีสิทธิทจี่ ะอยู่รอดในสังคม ความเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตยอาจจาแนกไดเ้ ปน็ 4 ประการ ดังต่อไปนี้ 1) ความเสมอภาพในการมีส่วนรว่ มทางการเมือง จากแนวความคดิ ท่ีว่าประชาธปิ ไตย เปน็ เรอ่ื ง ของการปกครองโดยประชาชน ถอื วา่ เสยี งของประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ รัฐประชาธิปไตยจงึ ตอ้ งเปิดโอกาสให้ สมาชกิ เขา้ มีสว่ นร่วมในการปกครองของประชาชนอยา่ งกว้างขวาง ทุกคนมสี ทิ ธิที่จะเข้ารว่ มกจิ กรรมทางการ เมือง มสี ิทธิออกเสียงเลือกต้ังเมือ่ อายถุ ึงเกณฑท์ ่ีกฎหมายระบุไว้ และบัตรเลอื กต้งั แต่ละใบจะมีเสยี งเพียง 1 เสียงเทา่ เทียมกนั ซ่ึงตรงกับปฏญิ ญาสากลแหง่ สิทธมิ นุษยชนข้อ 21 (3) ทีร่ ะบุวา่ เจตจานงของประชาชน จะตอ้ งเปน็ มลู ฐานแห่งอานาจของรฐั บาล เจตจานงเช่นว่านี้จะตอ้ งแสดงออกทางการเลือกต้งั ตามกาหนดเวลา 5 | ห น้ า

และอย่างแทจ้ ริง โดยอาศัยการออกเสยี งทั่งไปและอย่างเสมอภาค และลงคะแนนเสยี งลับ หรอื การลงคะแนน โดยอิสระอย่างอน่ื ทานองเดียงกนั 2) ความเสมอภาคทจี่ ะไดร้ บั การคุม้ ครองตามกฎหมาย ในรฐั ประชาธปิ ไตยนนั้ จะถือวา่ กฎหมาย เป็นเสมอื นข้อกาหนดสของสังคมที่ออกมาโดยมีวัตถปุ ระสงค์ในการควบคุมพฤติกรรมท่ีมีผลร้ายตอ่ สงั คมโดย ส่วนรวม นัน่ คือกฎหมายจะใหค้ วามคมุ้ ครองป้องกันแก่คนทกุ คนโดยเทา่ เทยี มกัน และผู้ที่ละเมิดกฎหมายกจ็ ะ ไดร้ ับโทษทัณฑต์ ามที่กาหนดหรอื ถา้ มีเหตุอนั ควรปรานีใหม้ ีการลอดหย่อนหรือยกเว้นโทษ กค็ วรจะไดร้ ับการ พิจารณาโดยเทา่ เทยี มกันด้วย 3) ความเสมอภาคทจ่ี ะแสวงหาความกา้ วหน้าในชวี ิต ในระบอบประชาธิปไตยนั้น รัฐจะต้องเปิด โอกาสให้สมาชิกทุกคนสามารถพฒั นาตนเองได้ เช่น จัดใหม้ ีโรงเรยี น วทิ ยาลยั หรอื มหาวิทยาลัย ให้เพียงพอ สาหรับคนทปี่ รารถนาแสวงหาความรู้มีโอกาสรับการศึกษาไดร้ บั ความรู้ และมีโอกาสใช้ความรคู้ วามสามารถ สรา้ งความกา้ วหน้าและความมนั่ คงในชวี ติ ใหก้ บั ตนเอง และต้องบรหิ ารระบบของสังคมใหเ้ ปิดโอกาสสาหรับ ทกุ ๆ คนในการทีจ่ ะได้ ทางานโดยสิทธิเท่าเทียมกนั เช่น การเปดิ โอกาสให้ทุกคนมีสทิ ธเิ สมอภาคในการสอบ คดั เลือกเขา้ เปน็ ข้าราชการ เป็นตน้ 4) ความเสมอภาคทางเศรษฐกจิ และสังคม ในที่นี้ไม่ได้หมายความวา่ รัฐประชาธิปไตยจะต้องทา ให้สมาชกิ ทุกคนมีฐานะทางเศรษฐกจิ สังคมสงู กล่าวคือ มรี ายได้สูง และมีความเป็นอยทู่ ่ีหรูหรากันทกุ คน แต่ จะตอ้ งพยายามกระจายรายได้ นาเอาทรัพยากรทางสงั คมมาใช้ประโยชน์ ลดช่องว่างระหวา่ งชนช้นั ให้นอ้ ยลง โดยการสนบั สนนุ หรอื ชว่ ยเหลือกลมุ่ ท่ีด้อยโอกาสวา่ ใหเ้ ตบิ ใหญ่และแข็งแรงพอทจี่ ะช่วยเหลือตนเองได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพ เช่น การทีร่ ัฐสนบั สนุนโครงการจดั ตัง้ กลุ่มสง่ เสรมิ อาชีพในชนบท โครงการจดั ต้งั สหกรณผ์ ้ผู ลิต สหกรณ์ผู้จาหน่ายผลิตภัณฑ์ใด ๆ โครงการสาธารณสขุ ขั้นพื้นฐาน เพ่ือยกระดับความกินดี อยูด่ ี เป็นต้น 2. ความหมายในเชิงรูปแบบการปกครอง แนวคดิ พื้นฐานของประชาธปิ ไตยในฐานะที่เปน็ รปู แบบการปกครองมาจากความเช่ือทว่ี ่า ประชาธิปไตย เปน็ ระบอบการปกครองทปี่ ระชาชนมอี านาจสงู สุดในการปกครองประเทศ การปกครองตนเองของประชาชน ดาเนนิ การโดยผา่ นผู้แทนทป่ี ระชาชนเลือกเข้าไปทาหนา้ ท่ีแทนตนตามระเบียบวิธีทีบ่ ัญญตั ไิ วใ้ นรัฐธรรมนูญ เราจงึ อาจสรปุ หลักการทีส่ าคัญของการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยได้ดังต่อไปน้ี 1.หลกั อานาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชน หมายความวา่ ประชาชนเป็นเจา้ ของอานาจสูงสุดของรฐั ประชาชนจะเปน็ ผู้ตัดสินปญั หาและกาหนดความเปน็ ไปของพวกเขาเอง แตม่ ไิ ดห้ มายความวา่ ประชาชนท้งั ประเทศจะต้องมานั่งถกเสียงหาทางแก้ปัญหา 2.หลกั อานาจอธิปไตยโดยปวงชน หมายถงึ การใหป้ ระชาชนมีสว่ นรว่ มในทางการเมือง รูปแบบ ของการเข้ามสี ว่ นรว่ มของประชาชนจงึ มีอยหู่ ลายทางดว้ ยกันท่ีสาคัญ คือ การเลือกตวั แทนของตนขึน้ ไปทา หนา้ ทีใ่ นรฐั สภา นอกจากน้ีประชาชนอาจทาได้โดยการช่วยรณรงค์หาเสยี งใหผ้ ้สู มคั รท่ีตนนยิ มอย่หู รือเข้าเปน็ สมาชกิ พรรคการเมืองที่มอี ุดมการณเ์ ดียวกนั เพอื่ หาทางผลกั ดนั ให้นโยบายของพรรคนามาใช้ปฏิบัติ เปน็ ตน้ 6 | ห น้ า

3.หลักอานาจอธปิ ไตยเพอื่ ประชาชน สงั คมประชาธิปไตยน้ัน ผปู้ กครองหรอื ผู้มีอานาจในการ บรหิ ารประเทศและรัฐบาลจะต้องไมก่ ระทาไปเพียงเพ่ือผลประโยชน์ของคนในกล่มุ ตนเท่านน้ั ผ้ปู กครองที่มา จากประชาชนในระบอบประชาธิปไตยน้ันจะต้องเป็นผทู้ ี่กระทาเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชนส่วนใหญด่ ว้ ยให้ สมกับความไว้วางใจของประชาชนทเ่ี ลอื กตนเข้ามารับหนา้ ท่ี ไมเ่ ชน่ นั้นเมื่อครบวาระอาจจะไม่ไดร้ ับเลอื กให้ เปน็ ตัวแทนในสมัยต่อไปกไ็ ด้ 4.หลกั เหตผุ ล ประชาธปิ ไตยประกอบดว้ ยหลักเหตผุ ล ทัง้ นเ้ี น่ืองจากคนแต่ละคนต่างกม็ ี แนวความคิดในการแกไ้ ขปญั หาท่ีแตกต่างกันไป ถา้ คนปราศจากเหตผุ ลแล้ว สังคมก็อาจยุง่ เหยงิ ไม่ได้ข้อยุตทิ ี่ดี และถูกตอ้ ง ดงั นน้ั ในระบอบประชาธปิ ไตยนน้ั ทุกคนจะตอ้ งร่วมกนั คดิ โดยต่างก็เสนอความคิดเห็นแลว้ อาจมี การเปิดอภปิ ราย มกี ารวิพากษ์วิจารณ์กันอยา่ งกวา้ งขวาง ตา่ งคนตา่ งรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อนื่ ดว้ ยใจเปน็ ธรรม ข้อเสนอหรือความคิดเหน็ ของใครที่มีเหตผุ ลดกี วา่ ก็จะไดร้ บั เลือกให้เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาน้นั ๆ ต่อไป 5.หลักเสยี งขา้ งมาก วธิ ีการหนึ่งท่จี ะรู้ไดว้ ่าระบอบประชาธปิ ไตยเป็นหลักการเพ่อื ปวงชน คือ หลักเสยี งขา้ งมาก นั่นคอื หลงั จากทผ่ี ู้แทนราษฎรได้มโี อกาสแสดงความคิดเหน็ วพิ ากษ์วิจารณ์โดยการอภปิ ราย กนั พอแล้ว ก็จะมกี ารออกเสยี งลงคะแนนกนั ข้อเสนอท่ไี ดร้ ับเสยี งข้างมากจากทีป่ ระชุมก็จะไดร้ ับเลือกใหน้ าไป ปฏบิ ตั ทิ ั้งนเ้ี พราะถือได้ว่าเปน็ ขอ้ เสนอที่มีเหตุผลของคนส่วนใหญ่ 6.หลักความยนิ ยอม ประชาธปิ ไตยจะต้องมพี ้ืนฐานมาจากความยินยอมอกี ด้วย เม่อื อานาจ อธปิ ไตยเป็นของปวงชน และปวงชนได้เลอื กต้ังตัวแทนของตนเพอ่ื ใช้อานาจ ดังกลา่ ว จงึ ถือได้วา่ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั เลือก ให้เข้ามาใช้อานาจเหลา่ นี้ได้รับความยินยอมจากปวงชน แต่จะมีอานาจจากัดตามรฐั ธรรมนูญ และยังถกู จากดั ชว่ งเวลาท่ไี ด้รับความยนิ ยอม คืออาจอย่ใู นวาระชว่ งระยะเวลาหนงึ่ (วาระครบ 4 ปี เปน็ ตน้ ) เม่อื ครบวาระหรือ มกี ารยบุ สภากจ็ ะมีการเลอื กต้ังใหม่ หากผแู้ ทนราษฎรผใู้ ดได้รับความไว้เนื้อเช่อื ใจจากประชาชนจะไดร้ บั เลือก เขา้ มาทาหน้าทต่ี ่อไป 7.หลักประนีประนอม ในหลายกรณี หลงั จากที่ผ้แู ทนราษฎรได้อภิปรายกันแล้ว และเล็งเหน็ ว่า ข้อเสนอต่างๆ ทผ่ี แู้ ทนแต่ละคนเสนอไปน้ันมีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันมาก หรือมีข้อขดั แย้งกนั ไม่มากนกั ท่ี ประชมุ ก็อาจใชก้ ารประนีประนอมกนั โดยยึดหลกั ผลประโยชนข์ องส่วนรวมเป็นเกณฑ์ ไม่จาเป็นต้องมีการ ลงคะแนนเสียงขา้ งมากกไ็ ด้ 8.หลกั ความเสมอภาค ประชาธิปไตยเชอ่ื วา่ มนษุ ยต์ า่ งกม็ ีศักดศิ์ รีเท่าเทียมกนั แม้แตร่ ฐั ธรรมนูญ ไทย กย็ อมรบั ในหลักการนีโ้ ดยเขียนไว้วา่ บคุ คลยอ่ มเสมอภาคกนั ในกฎหมาย ฐานนั ดรศักด์โิ ดยกาเนิดก็ดี โดย แต่งตง้ั ก็ดี โดยประการอ่นื ก็ดี ไมก่ ระทาใหเ้ กดิ อภสิ ิทธิแ์ ต่อย่างใดเลย ฉะนน้ั กฎหมายในสงั คมประชาธิปไตย จงึ บังคบั ใช้กบั บุคคลทุกคนโดยเสมอหน้ากนั หมด 9.หลกั เสรภี าพ สงั คมประชาธิปไตย นอกจากจะให้ความสาคัญกับหลักความเสมอภาคแลว้ ยังให้ ความสาคญั กับหลกั เสรีภาพด้วย กลา่ วคือ รัฐในระบอบประชาธิปไตยจะต้องส่งเสริมเสรีภาพต่างๆของปวงชน เชน่ เสรีภาพในการพูด การเขียน การอบรมศึกษา การรวมตวั กนั เปน็ สมาคม เป็นต้น แตท่ ้งั น้ีเสรีภาพเหล่าน้ี จะถูกจากัดโดยกฎหมายนั้นคือประชาชนตอ้ งไม่ใชเ้ สรภี าพน้ีเพ่ือทาลายหรือรบกวนเสรภี าพของผ้อู ื่น 7 | ห น้ า

10.หลักนติ ิธรรม หมายถงึ การยดึ ถือกฎหมายเป็นเกณฑ์กติกา และหลกั ประกนั ความเสมอภาคให้ ประชาชนไดร้ ับการคมุ้ ครอง สิทธเิ สรภี าพ และการรักษาผลประโยชน์ ส่วนรวม เพื่อความถูกตอ้ ง สงบ เรียบร้อยและชอบธรรม โดยรฐั บาลจะตอ้ งบงั คบั ใชก้ ฎหมายแก่คนทุกคนโดยเท่าเทียมกนั ไมใ่ ห้มกี ารละเมดิ สทิ ธิ เพราะเหตุแห่งความเป็นผมู้ อี ิทธพิ ล ยศฐาบรรดาศักด์ิ เงินทอง หรืออภิสทิ ธ์ิอน่ื ๆ 11.หลักการปกครองตนเอง เม่ือสังคมประชาธปิ ไตยใหค้ วามสาคัญกบั หลกั ความเสมอภาคและ หลกั เหตผุ ล เช่อื ว่ามนษุ ยส์ ามารถปรับปรงุ ตัวเองให้ก้าวหนา้ รวมทงั้ แก้ไขปัญหาของตนเองได้ โดยเปิดโอกาส ให้ประชาชนไดป้ กครองตนเอง ทัง้ นีเ้ พราะพวกเข้ารู้ดีกว่าคนอ่นื ๆ ว่าตนเองต้องการอะไร หรอื สง่ิ ใดที่เปน็ ผลประโยชน์ของพวกเขา ซึง่ ผลประโยชนเ์ หล่านอ้ี าจจะอยู่ในแง่รูปธรรม เชน่ สวัสดิการทางสงั คมต่างๆ หรือ อาจจะอยใู่ นแงข่ องนามธรรม เชน่ เสรภี าพในการรวมตัวกันเป็นสมาคมกไ็ ด้ 3. ความหมายในเชิงวิถีวชิ ีวิตของประชาชน วถิ ีชวี ิตของประชาชน หมายถึง วธิ ีการในการดาเนนิ ชวี ติ ของคนในสังคมทีเ่ อ้ืออานวยต่อการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย มีความเชือ่ อยู่วา่ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะไรเ้ สถียรภาพ ถ้าบุคคลหรือ สมาชกิ ของสังคมขาดแบบแผนของความเชอื่ ทัศนคติและค่านิยมทีเ่ ปน็ ประชาธปิ ไตย วถิ ีชวี ติ แบบ ประชาธปิ ไตยอาจจาแนกได้ดังตอ่ ไปน้ี 1.ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาหรือขอ้ ขดั แย้งระหว่างกนั ในทางปฏิบัตแิ ม้วา่ มนุษย์จะไม่ได้ใช้ เหตผุ ลตลอดเวลา แตก่ ็ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เพราะการแสดงออกซึ่งความคดิ เห็น โดยการใช้เหตุผล จะนามาซึ่งข้อสรุปทเ่ี ปน็ ที่ยอมรับกันโดยไม่ก่อใหเ้ กิดความรุนแรง ซง่ึ จะเป็นผลใหเ้ กดิ ความแตกแยกข้นึ ใน สงั คม 2.รจู้ ักรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่ืนอยา่ งมสี ตสิ ัมปชัญญะ ปราศจากอคติ และมีความอดทนต่อ ความคดิ เหน็ ที่แตกต่างไปจากตน 3.มนี า้ ใจประชาธปิ ไตย กลา่ วคอื มีความคิดเหน็ เป็นของตนเอง ไม่นยิ มการยอมตามความคิดเหน็ ของผู้อืน่ นอกจากจะถกู ลบล้างดว้ ยเหตุผลทีน่ ่าเชือ่ ถือกว่า ยอมรบั เสียงข้างมาก เคารพในศกั ดิ์ศรี สทิ ธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของเพ่ือนมนุษยด์ ว้ ยกนั มจี ิตใจกว้างขวาง พร้อมทจี่ ะยอมรับการวพิ ากษว์ จิ ารณ์จากผู้อนื่ และพร้อมทจี่ ะปรบั ปรงุ ตนเองอยเู่ สมอ 4.สนใจกิจการบ้านเมืองและเข้ามีสว่ นร่วมทางการเมือง โดยถือว่าเป็นหน้าท่ี เคารพกฎเกณฑห์ รือ กตกิ าทางการเมืองในระอบประชาธิปไตยอย่างเครง่ ครัด 5.รจู้ กั ประนปี ระนอมมากกวา่ ท่จี ะดงึ ดนั เอาชนะกนั โดยอาศยั การขู่เข็ญ บังคับใหอ้ ีกฝา่ ยหน่งึ ยอมรับในเงื่อนไขของฝ่ายตนแต่ฝา่ ยเดียว 6.มองโลกในแงด่ ี สมาชิกของสงั คมประชาธปิ ไตยจะต้องมีศรทั ธาและความหวงั ตอ่ ชีวิตเสมอกก ระบวนการในระบอบประชาธิปไตยน้ันอาจต้องใช้เวลา ความอดทน อดกลน้ั จึงเป็นสิง่ จาเป็นยิ่ง 7.มคี วามรับผดิ ชอบต่อสว่ นรวม เม่อื สมาชิกของสังคมประชาธปิ ไตยเกิดความรู้สึกว่าตนเองเปน็ 8 | ห น้ า

เจา้ ของประเทศ และประเทศเป็นของทุกคนแลว้ ทกุ คนจะเกดิ ความรัก ความภักดตี ่อชาติบ้านเมือง ตา่ ง พยายามท่ีจะประพฤตติ นให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และศีลธรรมอนั ดงี าม และตา่ งก็จะพยายามทาตนเปน็ พลเมืองดี ชว่ ยกนั บารงุ รักษาสาธารณสมบตั ิ ช่วยเหลือผู้ที่ตกทกุ ขไ์ ดย้ ากในรปู ของสงั คมสงเคราะห์ เขา้ มสี ่วน รว่ มในการพัฒนาบา้ นเมืองให้สะอาดร่มเยน็ เป็นต้น รปู แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในประเทศประชาธปิ ไตยนัน้ ไมไ่ ดม้ รี ปู แบบการปกครองเหมือนๆ กนั ทั้งหมด นกั วิชาการได้พยายาม เสนอหลกั เกณฑต์ า่ งๆ ท่อี าจใชแ้ บ่งรปู แบบการปกครองของประเทศประชาธิปไตยมากมายดว้ ยกนั สรปุ ได้เปน็ 2 หลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.หลักประมขุ ของประเทศ แบง่ รูปแบบประชาธปิ ไตยได้ 2 ลกั ษณะคือ 1) มพี ระมหากษตั รยิ ์เป็นประมขุ พระมหากษัตริย์จะทรงใช้อานาจอธปิ ไตย ซึง่ เป็นของปวงชน โดยใช้ องค์กรแยกกันเปน็ 3ทางคือทรงใช้อานาจนติ บิ ญั ญัติโดยผา่ นทางรัฐสภาอานาจบรหิ ารโดยผา่ นทาง คณะรัฐมนตรี และอานาจตุลาการโดยผา่ นทางศาล สว่ นองค์พระมหากษตั รยิ จ์ ะทรงเป็นกลางในทางการเมือง เชน่ ไทย อังกฤษ เปน็ ตน้ 2) มปี ระธานาธิบดเี ป็นประมุข ผู้อารงตาแหน่งประธานาธิบดีมาจากการเลือกตัง้ ของประชาชน ทา หน้าท่ีเป็นประมุขของรัฐเพียงหนา้ ที่เดียว เชน่ สงิ คโปร์ อนิ เดีย ฯลฯ และบางประเทศประธานาธบิ ดที าหนา้ ท่ี เปน็ ประมุขของฝ่ายบริหารด้วย เช่น สหรฐั อเมริกา อินโดนีเซีย ฯลฯ 2.หลักการรวมและการแยกอานาจแบง่ ออกเป็น3ลกั ษณะ 1 )แบบรัฐสภา ระบอบประชาธิปไตยแบบรฐั สภา ได้แก่ การมเี ฉพาะผู้แทนราษฎรเพยี งสภา เดียวหรืออาจมี 2 สภาก็ได้ มที ง้ั สภาผู้แทนราษฎร ซงึ่ ตวั แทนหรือสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรท่ีประชาชนเปน็ ผู้ ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซง่ึ มาจากการเลือกตั้ง และวฒุ ิสภาซ่ึงเป็นสภาของผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนมากสมาชกิ ไดม้ า จากการแต่งตง้ั แตส่ มาชิกวุฒิสภาในบางประเทศก็มาจากการเลอื กต้ัง ชอ่ื สภาอาจเรยี กตา่ งกันได้ เช่น ใน องั กฤษเรียกสภาผู้แทนราษฎรวา่ สภาลา่ งและวฒุ สิ ภาวา่ สภาสูงหรอื สภาขุนนาง แต่โดยหลกั การสภาทง้ั สอง ต้องประชมุ ร่วมกันรวมกันเป็น รฐั สภา ผใู้ ชอ้ านาจนติ ิบญั ญตั แิ ละอานายบรหิ าร คอื มีอานาจในการออก กฎหมายเพ่ือใช้ปกครองประเทศ และมีอานาจบริหารในการใหค้ วามเหน็ ชอบหรือจัดต้ังรัฐบาล และควบคมุ การบริหารของรฐั บาลด้วย คือ รัฐบาลบรหิ ารด้วยความไว้วางใจของรัฐสภา ในทางปฏิบตั ถิ อื กันเป็นหลกั เกณฑ์ วา่ สมาชกิ สภากลุ่มหรือพรรคการเองท่มี เี สียงข้างมากสนับสนุนจะได้สทิ ธิในการจดั ตง้ั รัฐบาล เพือ่ ทาหน้าท่ี บริหารบ้านเมือง แต่รัฐบาลจะต้องอยใู่ นความควบคุมของสมาชกิ รฐั สภา ลกั ษณะดังกล่าวน้ี รัฐสภาและรฐั บาล ต่างทาหนา้ ที่ของตน แตร่ ฐั สภาควบคุมรฐั บาลดว้ ยกระบวนการตามรัฐธรรมนญู และอาจลงมตไิ มไ่ ว้วางใจ เพือ่ ให้รฐั บาลลาออกได้ สว่ นรัฐบาลก็อาจยบุ สภาได้ ทาใหเ้ กดิ ความสมดุลแห่งอานาจ 9 | ห น้ า

2) แบบประธานาธิบดี ระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดมี ีลักษณะคล้ายคลงึ กบั แบบ รัฐสภา การมีรัฐสภาเหมือนกัน แตม่ ลี ักษณะทแ่ี ตกต่างกนั คอื การมีประธานาธบิ ดีเป็นผู้ใชอ้ านาจบรหิ าร โดยประธานาธบิ ดมี ีสิทธิและหน้าทีใ่ นการจะแต่งตัง้ คณะรัฐมนตรีขนึ้ มาชดุ หน่งึ เพอ่ื บรหิ ารประเทศและ รบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ส่วนอานาจนิติบัญญตั ินน้ั กย็ ังคงตกอยู่ทีร่ ฐั สภา การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบ ประธานาธบิ ดีนี้ ท้งั ประธานาธบิ ดแี ละสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรต่างก็ได้รับเลอื กจากประชาชน ท้ังสองฝ่าย จงึ ต้องรบั ผดิ ชอบโดยตรงต่อระชาชน ส่วนอานาจตุลาการยังคงเป็นอิสระ ฉะนน้ั อานาจนติ ิบัญญัติ อานาจบรหิ าร และอานาจตุลาการ ต่างกเ็ ป็นอสิ ระและแยกกนั สถาบันผู้ใช้อานาจทงั้ สามจะเปน็ ตวั ที่คอยยบั ย้งั และถว่ งดุลกนั และกัน ไม่ให้ฝา่ ยหน่งึ ฝ่ายใดใช้อานาจเกินขอบเขต เชน่ การปกครองของสหรัฐอเมริกา เปน็ ตน้ 3) แบบกงึ่ รฐั สภากงึ่ ประธานาธบิ ดี ระบอบประชาธปิ ไตยแบบน้ีประธานาธิบดเี ป็นทง้ั ประมุขของ รฐั และบริหารราชการแผ่นดินร่วมกบั นายรัฐมนตรี ในด้านการบรหิ ารนั้นนายกรฐั มนตรี เปน็ ผู้ลงนาม ประกาศใชก้ ฎหมาย และคณะรัฐมนตรีก็ยงั คงเป็นผู้ใช้อานาจบริหาร แตต่ ้องรบั ผดิ ชอบต่อรฐั สภา สว่ นรฐั สภา เองก็ยังคงทาหน้าที่สาคัญ คือ ออกกฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ประธานาธบิ ดีในระบอบ ประชาธิปไตย แบบนเ้ี ปน็ ผกู้ าหนดนโยบายตา่ งประเทศและการเมืองโดยทว่ั ๆ ไปทั้งยังทาหนา้ ท่ี อนุญาโตตลุ าการ ระหวา่ งรัฐสภากบั คณะรัฐมนตรี นอกจากน้ยี งั มีอานายยบุ สภาได้ดว้ ย จงึ มีอานาจมาก เช่น อินเดีย ฝรงั่ เศส ประเภทของประบอบประชาธปิ ไตย แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท 1.ประชาธิปไตยโดยทางตรง เปน็ รูปแบบการปกครองที่ให้ประชาชนท้ังประเทศ เป็นผใู้ ช้อานาจ ในการปกครองโดยตรง ด้วยการประชมุ ร่วมกัน พจิ ารณา ตัดสินปญั หาร่วมกันในที่ประชมุ โดยตรง และจะเปน็ ผเู้ ลอื กตงั้ เจ้าหน้าที่ปฏบิ ตั งิ านของรัฐโดยตรง เราจะเหน็ วา่ ประชาธิปไตยประเภทน้จี ะใช้ไดใ้ นเชิงปฏิบตั จิ รงิ ๆ ก็ แต่เฉพาะในสงั คมเลก็ ๆ หรอื ประเทศเลก็ ๆ ทม่ี ีสมาชกิ จานวนน้อย ซงึ่ แต่ละคนมีโอกาสอภปิ ราย วิพากษว์ ิจารณ์ และพจิ ารณาปัญหาต่างๆ อย่างละเอียดและมีเหตผุ ล แต่ถ้านาเอาประชาธิปไตยประเภทน้ีมา ใชก้ บั สงั คมขนาดใหญ่ทมี่ ีสมาชิกจานวนมากแล้วจะเป็นอุปสรรค เน่ืองจากความไมพ่ ร้อมเพรยี งกัน และการที่ จะหาสถานทีป่ ระชมุ ขนาดใหญ่ เพอ่ื จะให้ประชาชนทั้งประเทศมาประชุมในท่ีเดียวกันย่อมเปน็ ไปได้ยากยิ่ง 2.ประชาธปิ ไตยโดยทางอ้อม เปน็ ประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยอีกประเภทหนง่ึ ซ่ึงเป็นผล เนอื่ งมาจากประเทศต่างๆ ของโลกได้ขยายตัวออกไปมาก ประชาชนพลเมอื งเพิม่ ขน้ึ ปัญหาต่างๆเกิดข้นึ มามาก ฉะน้ันโอกาสทป่ี ระชาชนทัง้ ประเทศจะมานั่งปรกึ ษาหารอื กัน เพอื่ แก้ปัญหากันแบบประชาธิปไตยโดยทางตรง ยอ่ มเปน็ ไปไม่ได้ เพื่อแก้ไขอุปสรรคนแี้ ทนท่ีประชาชนทกุ คนจะต้องมาประชมุ ร่วมกันเพ่ือพจิ ารณาตดั สินปญั หา ใด กจ็ ะให้ประชาชนได้มโี อกาสเลือกตวั แทนหรอื ท่รี จู้ ักในนาม สมาชกิ รฐั สภา เขา้ ไปสู่ทีป่ ระชุมแทน สว่ น ลักษณะและวิธกี ารเลือกสมาชิกรฐั สภาของประชาชนในแต่ละประเทศจะแตกต่างกนั ไป 10 | ห น้ า

หวั ใจและกระบวนการของระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากในระบอบประชาธปิ ไตยนั้นถือวา่ เปน็ การปกครองของประชาชน บทบาททางการเมอื ง ของประชาชนในฐานะทเ่ี ปน็ เขา้ ของอานาจอธิปไตยจงึ เปน็ หัวใจของระบบนี้ ดังนัน้ การเข้ามสี ่วนรว่ มในการ ปกครองตนเองของประชาชน จึงถอื เป็นกระบวนการท่สี าคญั ย่งิ การเขา้ มีสว่ นรว่ มทางการเมอื งของประชาชน นัน้ อาจเกดิ ขน้ึ ได้ในหลายลักษณะ เช่น การไปลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั การพูดคยุ เรื่องการเมือง การชว่ ยพรรค การเมืองในการรณรงคห์ าเสยี ง การเข้าร่วมประชมุ ทางการเมืองการเปน็ ผสู้ มคั รเขา้ รบั เลือกต้ัง หรอื แมแ้ ต่การ เดินขบวนประท้วง หรอื สนบั สนุนการดาเนนิ การของรัฐทยี่ ังผลใหต้ นเองไดป้ ระโยชน์หรือเสียประโยชน์ ลกั ษณะหรือรปู แบบของการเขา้ มสี ว่ นร่วมทางการเมืองทสี่ าคัญยงิ่ ในประเทศประชาธิปไตย อาจ แบ่งออกเป็น4รูปแบบคือ 1.การเขา้ มีส่วนร่วมในกลมุ่ ผลประโยชน์ กลุ่มผลประโยชน์ หมายถงึ กล่มุ บุคคลท่มี ีความต้องการ มผี ลประโยชนใ์ นลักษณะใดๆ เหมอื นๆ กนั รวมตัวกันโดยมีการจัดองค์การอยา่ งเป็นระบบ กลุ่มผลประโยชน์น้ี จะทาหนา้ ที่ในการรักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม โดยการเรียกร้องใหร้ ฐั บาลดาเนินการสนองตอบต่อความ ตอ้ งการของกลมุ่ เช่น กรรมการรวมตัวกนั จดั ต้งั สหภาพแรงงานข้นึ และใช้สหภาพแรงงานเป็นฐานในการ เรยี กร้องใหร้ ัฐบาลประกนั ค่าจา้ งขัน้ ตา่ ในอตั ราท่ีกาหนด ตวั อย่างของกลุ่มผลประโยชน์โดยทว่ั ไปมกั รวมตัวกนั เปน็ องคก์ รตา่ งๆ เช่น สโมสร สมาคม ชมรม กลมุ่ อาชีพ ฯลฯ ทงั่ นี้ยอมแตกต่างไปในแตล่ ะประเทศ ซึ่งขึน้ อยู่กบั ระบบการเมอื ง การปกครอง สภาพแวดลอ้ มทางวฒั นธรรม สงั คม และเศรษฐกิจ แตล่ ะกลุม่ ผลประโยชนข์ องทุกสงั คมมักมีความคลา้ ยคลงึ กันในเรอื่ งตอ่ ไปนี้ 1.ความพยายามท่จี ะมีอิทธิพลตอ่ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั 2.ความมงุ่ หมายทีจ่ ะเขา้ ถึงหนว่ ยงานที่กาหนดนโยบายของรัฐ 3.การใช้โอกาส และวิธีการเทา่ ที่จะดาเนินการได้เพอื่ ทาให้บรรลวุ ัตถุประสงค์ เชน่ การเรยี กร้อง การบริการและสวัสดกิ าร การคดั ค้านนโยบายบางอย่าง การเข้าไปแทรกแซงในการแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง กลมุ่ ผลประโยชนท์ ี่มคี วามสาคัญทางการเมือง คอื ความสามารถในการรวบรวม ประชาชนให้เป็นปกึ แผ่นได้ และเปน็ ตัวกระตุ้นให้บุคคลได้คานึงถงึ ประโยชน์อันเปน็ พลังท่ีทาให้เกดิ ความสานึก ทางการเมือง และเสรมิ สร้างพัฒนาการทางการเมืองให้มีความก้าวหน้าม่ันคงในประเทศประชาธิปไตยนัน้ รฐั จะใหเ้ สรภี าพกบั ประชาชนในการจดั ต้งั กลุ่ม สมาคม ประเทศประชาธิปไตยที่มกี ารพัฒนาเศรษฐกิจสงั คมยงิ่ เจรญิ กา้ วหนา้ มาก กลุ่มองค์กร หรอื สมาคมท่เี กดิ จากการรวมตัวกนั ของประชาชนก็จะมากตามไปด้วย แต่ละ กลุม่ ตา่ งกม็ ีผลประโยชน์ท่ีเป็นตวั ของตนเอง และต่างกจ็ ะพยายามเรียกร้องใหร้ ฐั บาลสนองตอบตอ่ ความ ตอ้ งการของกลมุ่ รัฐบาลในฐานะผ้ใู ชอ้ านาจบริหารจึงจาเป็นต้องรับฟงั ข้อเรียกร้องของประชาชนและ จาเปน็ ต้องปรับปรงุ กลไกทางการบรหิ ารใหม้ ีประสทิ ธภิ าพพร้อมท่จี ะสนองตอบต่อข้อเรียกรอ้ งได้อย่าง 11 | ห น้ า

เหมาะสม 2.การเข้ามีส่วนรว่ มในพรรคการเมือง พรรคการเมือง คอื กลุม่ บคุ คลที่มีอดุ มการณ์และนโยบาย ทางการเมอื งสอดคล้องกัน รวมตัวกนั โดยมจี ุดมุ่งหมายท่ีจะเข้าไปมบี ทบาททางการเมือง นาเอานโยบายไป ปฏบิ ัตหิ รอื เพื่อทจี่ ะจัดตัง้ รัฐบาล การาเขา้ มีสว่ นร่วมทางการเมอื งของประชาชนโดยการสมัครเป็นสมาชกิ ของ พรรคการเมอื งใดๆ ที่เชื่อว่ามีแนวนโยบายตรงกับความต้องการของตนมากทส่ี ุด การชว่ ยพรรคการเมืองในการ รณรงคห์ าเสียงหรือการโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ ตลอดจนการสมคั รเขา้ รบั การเลือกตง้ั โดยสังกัดพรรคการเมือง ใดๆ นน้ั ถอื ไดว้ ่าเป็นพฤติกรรมท่ีจาเป็นยงิ่ ของระบอบประชาธปิ ไตย ซ่ึงเปน็ ระบบ การปกครองของประชาชน และโดยประชาชน ถา้ พรรคการเมืองทสี่ งั กัดไม่ทาตามนโยบายที่ประกาศไว้ สมาชกิ กอ็ าจถอนตัวไปใหก้ าร สนับสนนุ พรรการเมืองอื่นท่ปี ระชาชนไม่ศรัทธาพรรคการเมอื งนน้ั กจ็ ะไม่อาจดารงอยู่ได้ 3.การาเขา้ มสี ว่ นรว่ มในการเลอื กต้ัง การเลือกตั้ง หมายถึง กระบวนการท่ปี ระชาชนเลอื กบุคคล หอื กลมุ่ บุคคลเพื่อเขา้ ไปเป็นตัวแทนรกั ษาผลประโยชน์ของประชาชน เมอ่ื ยอมรบั กนั ว่าประชาธปิ ไตยเป็นการ ปกครองของประชาชน อานาจสูงสดุ ในการปกครองประเทศเป็นของประชาชน รปู ธรรมของแนวคิดนี้อาจเห็น ไดจ้ ากการท่ปี ระชาชนใชส้ ทิ ธขิ องตนเลือกตวั แทนหรือการผ่านทางกระบวนการเลือกตั้ง สทิ ธใิ นการเลอื กต้ังจงึ เป็นสทิ ธิข้ันพื้นฐานทบ่ี ุคคลแตล่ ะคนจะพึงไดร้ ับในระบอบประชาธิปไตย แตป่ ระเทศที่เปดิ โอกาสให้ประชาชน ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง กห็ าได้หมายความวา่ ประเทศน้นั จะเป็นประชาธปิ ไตย การเลือกตัง้ ในระบอบ ประชาธปิ ไตยนัน้ จะต้องตั้งอยู่บนหลักการท่ีสาคญั 6ประการคือ 1) หลกั การเลอื กต้งั โดยอสิ ระ จะต้องให้บุคคลผ้ใู ช้สทิ ธิมีโอกาสใช้ดุลยพินิจเลอื กผสู้ มัครใดๆ อยา่ งเต็มที่ ไม่มีการกระทาในลักษณะของการข่มขูบ่ ังคบั จา้ งวานหรอื ใช้อิทธิพลบบี ค้ันให้บุคคลไปใช้สิทธเิ ลือก ผูส้ มคั รคนใดคนหน่ึง 2) หลักการเลือกตัง้ โดยลับ หมายความวา่ ผูใ้ ชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเสียงเท่านั้นท่จี ะรวู้ า่ ลงคะแนนให้ ผู้สมคั รคนใด หลักการนีจ้ ะชว่ ยสนบั สนุนหลักการแรก เปน็ การเปดิ โอกาสไม่ใหม้ กี ารข่มขูบ่ ังคับในการเลือกต้ัง เพราะจะไมม่ ีใครทราบนอกจากผู้ไปใช้สิทธิเอง แมจ้ ะมีการข่มขู่บังคับเกิดขึน้ บา้ ง แตก่ ไ็ ร้ผลทางการเมอื ง เพราะจะไมอ่ าจหาหลักฐานใดๆมาพสิ ูจน์ไดว้ ่าผูท้ ีถ่ ูกข่มข่ไู ดล้ งคะแนนเสียงไปตามนน้ั หรือไม่ 3) หลกั การเลือกตั้งอย่างแท้จริง การเลอื กต้ังในระบอบประชาธิปไตยน้ันจะต้องเปดิ โอกาสให้ มีผ้สู มัครเขา้ รบั การเลอื กต้งั อย่างกวา้ งขวางเมื่อมผี ูส้ มคั รมากกเ็ ทา่ กบั เป็นการเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนมตี วั เลอื ก ที่หลากหลาย ผ้สู มคั รตา่ งก็มีแนวคดิ มนี โยบาย ตลอดจนแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดนิ ทเ่ี ป็นของ ตนเอง ประชาชนก็จะมโี อกาสเลือกผ้แู ทนที่ตรงกับเจตนารมณข์ องตนมากทส่ี ดุ เขา้ ไปเป็นปากเสียงแทนตนเอง ได้ นอกจากนี้การเลือกตัง้ ที่แท้จรงิ ยังต้องคานงึ ถงึ ความบรสิ ทุ ธยิ์ ตุ ธิ รรม จะตอ้ งไม่มีการโกงการเลอื กตั้งเกดิ ขึ้น ไม่ว่าจะอยูใ่ นรูปแบบใดๆดว้ ย 4) หลักการเลอื กตั้งในระยะเวลาท่ีกาหนด หมายถึง วาระการดารงตาแหนง่ ของผูท้ ่ไี ดร้ บั การ เลอื กตงั้ ไปทาหนา้ ท่เี ป็นผแู้ ทนปวงชนน้นั จะต้องแนน่ อน เชน่ 4 ปี ทั้งนกี้ เ็ พือ่ เปดิ โอกาสให้ประชาชนในฐานะ เจ้าของอานาจไดต้ รวจสอบและประเมนิ การทางานของผ้แู ทนของตนวา่ มีผลงานมากน้อยเพียงไร สอนงตอบ 12 | ห น้ า

ตอ่ เจตนารมณ์ของพวกเขาได้มากน้อยเพยี งใด ทงั้ นจ้ี ะช่วยกระตุ้นใหผ้ ู้แทนกระตือรอื รน้ ท่จี ะปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี โดย รบั ผดิ ชอบตอ่ ประชาชนเจ้าของประเทศอยา่ งเต็มความสามารถ 5) หลักความเสมอภาค หมายความวา่ คะแนนเสยี งของประชาชนท่ีไปใชส้ ิทธใิ นการเลอื กตง้ั นัน้ ทุกคนจะมคี ่าเทา่ กับหน่ึงหรอื หน่งึ คนหน่ึงเสยี ง เทา่ กนั หมดไม่วา่ จะยากดีมจี นหรือมีตาแหนง่ ระดบั ใด จะไม่ มีใครที่มอี ภิสิทธเ์ิ หนือบุคคลอื่นๆ 6) หลักการใหส้ ิทธิท่วั ถ้วน หมายความ การเลอื กต้งั ทเ่ี ปน็ ประชาธปิ ไตยนน้ั จะต้องไมม่ ีการ จากดั เพศ ไม่วา่ เพศชายหรือหญงิ ต่างมคี วามเท่าเทยี มกันในสิทธทิ างการเมือง และรัฐประชาธิปไตยจะต้อง อานวยความสะดวกให้แกผ่ ู้มีสิทธิสามารถไปใช้สิทธิของตนเองได้ เชน่ จดั ให้มีหน่วยเลอื กตัง้ อย่างท่ัวถงึ ทุกเขต มีการโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ให้ประชาชนรูแ้ ละเข้าใจถงึ วัน เวลา หลกั เกณฑ์ และวิธีการในการเลือกต้ัง ใน ประเทศประชาธิปไตยบางประเทศยินยอมใหม้ กี ารลงคะแนนเสยี งทางไปรษณีได้ด้วย 4.การเข้ามีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็นปละวิพากษว์ จิ ารณรฐั บาล ในประเทศประชาธปิ ไตย รฐั บาลจะต้องรบั ฟงั ความคดิ เห็น ซ่ึงเป็นความต้องการของประชาชน รัฐบาลถือเป็นตวั แทนของประชาชนทีเ่ ข้าไปใชอ้ านาจในการบริหารราชแผน่ ดนิ เพอ่ื บาบัดทุกข์ บารงุ สุขให้กับ ประชาชน การบริหารงานของรฐั บาล จงึ สง่ ผลโดยตรงตอ่ ประชาชน การกระทาการบางอยา่ งของขา้ ราชการใน ฐานะทีเ่ ปน็ ผนู้ าเอานโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติอาจไมเ่ ป็นไปตามเปา้ หมายหรือแมแ้ ตน่ โยบายเองอาจ ก่อใหเ้ กดิ ผลเสียต่อการดารงชีวติ ตามปกตขิ องบุคคลบางคนบางกล่มุ คน เหล่าน้ใี นฐานะเจ้าของประเทศตา่ งมี สทิ ธทิ ่จี ะแสดงความคิดเหน็ วิพากษว์ จิ ารณร์ ัฐบาลได้ ปัจจยั ท่เี อ้ือต่อระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบประชาธิปไตยไม่อาจดารงอยู่ไดดว้ ยตัวของมนั เอง จึงจาเป็นตอ้ งมีปจั จัยอ่ืนๆ ท่จี ะเป็นตวั คอยให้การสนับสนนุ หรือช่วยใหร้ ะบอบนี้ดารงอย่ไู ด้อยา่ งมีเสถยี รภาพ 1.ระดับการศึกษาของประชาชน เป็นปจั จยั หน่ึงท่เี อ้ือต่อระบอบประชาธิปไตย คือ ในเมื่อคนใน สังคมไดร้ ับการศึกษาดี มีเหตุผล มักจะติดตามขา่ วสารทางการเมือง มคี วามสนใจทางการเมืองและมคี วามรู้ ความเข้าใจว่าตนเองเป็นสมาชกิ คนหนึ่งของสงั คม นโยบายใดๆทสี่ ังคมออกมากย็ อ่ มทจี่ ะมผี ลกระทบต่อเขา โดยตรง จึงเป็นสาเหตุหนง่ึ ท่ที าให้ผทู้ ่ีไดร้ ับการศกึ ษาดมี ักจะเข้าไปมสี ว่ นร่วมทางการเมืองไมท่ างใดกท็ างหนึง่ 2.การพัฒนาเศรษฐกจิ จะพบว่าประเทศพฒั นาน้นั จะมรี ะดบั ของความเสมอภาคทางเศรษฐกิจสูง กว่าประเทศด้วยพัฒนาทว่ั ไป นอกจากนย้ี ังเปน็ ผลใหส้ ังคมมสี วสั ดิการต่างๆท่ดี ี เช่น การศกึ ษา การ รักษาพยาบาล ฯลฯ นอกจากเศรษฐกจิ ท่ดี ีม่นั คงจะชว่ ยให้ประชาชนไดม้ ีโอกาสเขา้ มีส่วนร่วมทางการเมอื งด้วย ความสมคั รใจ ไมต่ กอย่ภู ายใต้อิทธิพลหรือการถกู ชักจูง ขู่เข็ญใดๆ และยงั มีผลใหร้ ะบอบประชาธิปไตย ดาเนิน ไปด้วยดีและมีเสถียรภาพดว้ ย 3.บุคลิกภาพแบบประชาธปิ ไตย เป็นปจั จยั หน่งึ ท่ีจะส่งผลให้ระบอบประชาธปิ ไตยยงั่ ยนื อยู่ได้ ลกั ษณะของบุคลิกภาพเหล่านี้คอื ความสนใจที่จะมีต่อกจิ การบ้านเมอื ง เมอ่ื สนใจแล้วกม็ ีความกระตือรือร้นที่จะ 13 | ห น้ า

ติดตามความเป็นไป มีการถกเถียงวพิ ากษว์ ิจารณ์อยา่ งมีเหตุผล ไร้อคติ และทส่ี าคญั ได้แก่ การเข้ามสี ว่ นรว่ ม ทางการเมอื งโดยถอื เสมือนว่าเปน็ หนา้ ทท่ี ี่ตนจะตอ้ งทา หรอื ที่ตนจะต้องรบั ผดิ ชอบในฐานะสมาชิกผ้หู นึง่ ของ สังคม 4.เสถียรภาพของสถาบันทางการเมือง มีสว่ นช่วยใหร้ ะบอบประชาธปิ ไตยก้าวหนา้ มน่ั คงดว้ ย น่นั คอื เม่อื สถาบันหรือองคก์ รทางการเมืองเป็นท่ียอมรับของประชาชน ประชาชนก็จะมีความศรทั ธา และจะเขา้ ไปเปน็ สมาชิก หรอื เข้าไปมีสว่ นร่วมมากข้ึน เช่น เมอื่ พรรคการเมอื งมนั่ คงสามารถแสดงออกซึง่ เจตนาของ สมาชิกได้อยา่ งแจ่มชัด นโยบายทอ่ี อกมาก็ไดร้ บั การเช่ือถือและนามาปฏบิ ัติ ประชาชนจะมีความศรัทธาพรรค การเมืองน้ัน และเขา้ มาเป็นสมาชกิ เพิ่มขึ้น ซึ่งกเ็ ท่ากับเป็นการเก้ือกลู ให้ระบอบประชาธปิ ไตยมีเสถยี รภาพ ย่งิ ขน้ึ ด้วย 5.พัฒนาการทางการปกครองและการบริหาร ปจั จยั หนง่ึ ท่ีเอื้อต่อระบอบประชาธิปไตย คือการ ปกครองและการบรหิ ารต้องมีประสทิ ธภิ าพและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน นโยบายของรัฐบาล ตรงตามเจตนารมณแ์ ละมผี ลดีตอ่ ประชาชน คือ ประชาชนได้มีโอกาส ไดม้ สี ว่ นร่วมและได้รบั ประโยชน์จากการ ดาเนนิ งานอยา่ งทวั่ ถงึ ส่งผลให้ประชาชนเข้าใจศรัทธาและยึดมั่นการเมืองระบอบประชาธิปไตยเพมิ่ ข้นึ เจ้าของ มีส่วนร่วมสนบั สนุนใหเ้ กดิ ความมนั่ คงทางการเมืองมากขึ้นไปดว้ ย คณุ คา่ ของประชาธิปไตย 1.คณุ คา่ ต่อบุคคล ระบอบนี้ให้คุณค่าแก่บคุ คล โดยมองว่าบุคคลมีเสรภี าพและเทา่ เทียมใน ศักดิ์ศรีและความเปน็ คน การทีค่ นจะมเี สรีภาพได้อย่างแท้จรงิ หมายความวา่ คนจะต้องไม่ตกอยภู่ ายใต้การ ควบคมุ ของผูอ้ ื่น เพราะประชาธิปไตยเปน็ รูปแบบของการปกครองทีย่ ดึ ถือวา่ อานาจอธิปไตยเป็นของ ประชาชน และประชาชนเป็นผูป้ กครองเอง การทป่ี ระชาชนจะปกครองตนเองได้จะต้องมเี สรีภาพอยา่ งแทจ้ รงิ ประชาธปิ ไตยยอมรบั ในคุณค่าของบุคคล โดยใหเ้ สรภี าพทางการเมืองและเสรภี าพในการพดู เขยี นและ วพิ ากษ์วิจารณ์ด้วย เสรภี าพในทางการเมอื ง ได้แก่ เสรภี าพในการเลือกผู้แทนเพื่อทีจ่ ะะไปทาหน้าท่หี รือแสดง เจตนารมณแ์ ทนปวงชน และมคี วามเท่าเทยี มกนั คือ ประชาชนแตล่ ะคนต่างมคี ะแนนเสียง 1 เสียงไม่ว่าจะเป็น เศรษฐีหรอื ยาจก ส่วนเสรีภาพในการพดู เช่น วพิ ากษ์วิจารณ์น้ันเปน็ ส่ิงควบคู่กบั เสรภี าพทางการเมือง คือ ถ้า รัฐบาลให้เสรภี าพแกป่ ระชาชนในการเลอื กตงั้ แต่ไม่ใหป้ ระชาชนพดู เขยี นหรือวิพากษว์ ิจารณ์โดยเสรแี ลว้ ประชาชนก็จะไมม่ โี อกาสไดแ้ สดงออกให้รัฐบาลหรือรัฐสภาไดท้ ราบความตอ้ งการของประชาชน เม่ือเป็นเช่นน้ี ประชาธปิ ไตยจะไร้ความหมาย เสรภี าพในการพดู การเขียนและการวิพากษว์ ิจารณ์นี้หมายรวมถึง การทรี่ ัฐเปิด ช่องทางใหป้ ระชาชนไดแ้ สดงออกซึ่งความคิดเหน็ ในดา้ นตา่ งๆตอ่ นโยบาย ตลอดจนการดาเนินงานของรัฐอีก ดว้ ย เป็นตัวควบคุมหรอื ตัวกระตนุ้ อย่างหนึ่งทจี่ ะทาให้การดาเนินงานได้ทาไปเพือ่ ผลประโยชน์ของสว่ นรวม จรงิ ๆมากกวา่ ทจี่ ะการะทาเพ่ือผลประโยชนค์ นบางคนบางกลมุ่ 2.คณุ ค่าต่อสงั คม สงั คมประชาธปิ ไตยนัน้ เป็นสงั คมทเี่ ช่อื ม่ันในศกั ด์ิศรขี องเพ่ือนมนุษย์มีความ ไวว้ างใจซึง่ กันและกัน ประชาชนเปน็ ผูม้ ีเหตุผล รจู้ กั คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ มคี วามเต็มใจที่จะประนปี ระนอม 14 | ห น้ า

ผ่อนปรนให้กนั และกัน มนี ้าเป็นนกั กีฬา และพร้อมทจ่ี ะยอมรับการเปล่ยี นแปลงเสมอ สงั คมท่ปี ระกอบไปด้วย บุคคลทมี่ วี ิถีชวี ติ แบบประชาธิปไตย จงึ ไดช้ ่อื ว่าเป็นสงั คมที่มีคุณค่า เปน็ สงั คมทีม่ ีนา่ อยอู่ าศัย ข้อดแี ละข้อเสยี ของประชาธิปไตย ขอ้ ดี 1.ประชาชนมสี ิทธิ เสรีภาพและเสมอภาค ประชาชนทุกคนมีสทิ ธิแห่งความเป็นคนเหมือนกันไม่ วา่ ยากดมี จี น เชน่ สทิ ธิในร่างกาย สทิ ธิในทรพั ยส์ นิ ทกุ คนมีเสรภี าพในการกระทาใดๆ ได้หากเสรีภาพนน้ั ไม่ ละเมดิ สิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เชน่ เสรภี าพในการนบั ถือศาสนา เสรีภาพในการพดู การเขยี น การ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ และทกุ คนมีความเสมอภาค หรอื เท่าเทียมกันทจ่ี ะได้รบั การคมุ้ ครองโดยกฎหมาย มีความเสมอ ภาคในการประกอบอาชีพเป็นตน้ 2.ประชาชนปกครองตนเอง ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนไปใชอ้ านาจนติ ิบญั ญัตใิ นการออก กฎหมายมาใช้ปกครองตนเอง และเป็นรฐั บาลเพ่ือใชอ้ านาจบรหิ าร ซ่งึ สามารถสนองตอบความต้องการของ ประชาชนสว่ นรวมได้ดีเพราะผบู้ ริหารท่เี ป็นตวั แทนของปวงชนย่อมรู้ความต้องการของประชาชนไดด้ ี 3.ประเทศมีความเจรญิ ม่นั คง การมีสว่ นร่วมในการปกครองตนเองทาให้ประชาชนมีความพรอ้ ม เพรยี งในการปฏิบัติตามกฎและระเบยี บที่ตนกาหนดข้ึนมายอมรบั ในคณะผู้บริหารท่ตี นเลือกขนึ้ มาและ ประชาชนไม่มีความรู้ต่อต้านทาให้ประเทศมีความสงบสขุ เจริญกา้ วหน้าและมัน่ คง ขอ้ เสีย 1.ดาเนนิ การยาก ระบอบประชาธปิ ไตยเป็นหลกั การปกครองทีด่ ี แตก่ ารทจี่ ัดสรรผลประโยชน์ ตรงกับความต้องการประชาชนทุกคนย่อมทาไม่ได้ นอกจากนั้นยังเปน็ การยากทีจ่ ะให้ประชาชนทุกคนมีความรู้ ความเขา้ ใจและปฏิบตั ิตามสิทธิ เสรภี าพทกุ ประการ ท้งั นี้เพราะวสิ ยั ของมนษุ ย์ย่อมมีความเห็นแกต่ ัว เหน็ แก่ได้ การดาเนนิ ชวี ิตของมนุษย์ในสงั คมจงึ มีการกระทบกระทั่งและละเมิดสทิ ธเิ สรีภาพของผอู้ ืน่ ได้ 2.เสยี ค่าใช้จา่ ยสงู การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย จาเป็นต้องให้ประชาชนไปใช้สทิ ธิเลือกต้ัง ผแู้ ทน เพ่อื ใหป้ ฏบิ ัตหิ น้าที่แทนตน การเลอื กตั้งในแต่ละระดบั ตา่ งตอ้ งเสียคา่ ใช้จา่ ยมาก ทัง่ งบประมาณ ดาเนินงานชองทางราชการและคา่ ใช้จา่ ยของผสู้ มัครรับเลือกตงั้ 3.มคี วามลา่ ชา้ ในการตัดสินใจ การตัดสนิ ใจในระบอบประชาธปิ ไตยตอ้ งใชเ้ สยี งสว่ นใหญ่ โดย ผ่านข้ันตอนการอภปิ ราย แสดงเหตผุ ลและมติทม่ี ีเหตุผลเป็นทย่ี อมรบั ของสมาชิกส่วนใหญ่ จงึ ต้องดาเนนิ ตาม ขั้นตอนทาใหเ้ กดิ ความล่าชา้ เช่น การตรากฎหมาย ตอ้ งดาเนินการตามลาดบั ขัน้ ตอนของวาระ อาจใช้เวลา เปน็ สปั ดาหเ์ ปน็ เดอื น หรือบางฉบับต้องใชเ้ วลาเป็นปี จงึ จะตราออกมาเป็นกฎหมายได้ 15 | ห น้ า

บรรณานุกรม การเลือกต้งั . [ออนไลน์]. http://www.ect.go.th/thai/senator/senate1.htm, 21 มิถุนายน 2553. จิตสาธารณะ. [ออนไลน์]. http://webcache.googleusercontent.com, 21 มถิ ุนายน 2553. บวรศักด์ิ อวุ รรณโณ.(2548). ประชาธปิ ไตยแบบมีสว่ นรว่ ม. พมิ พ์คร้ังที่ 3. กรุงเทพ : สถาบนั พระปกเกลา้ . ระบอบประชาธิปไตย. [ออนไลน์]. http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/Democracy- System.htm, 21 มิถุนายน 2553. วรทพิ ย์ มีมาก, และชวี นิ ทร์ ฉายาชวลิต. (2547). หนา้ ทพ่ี ลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ . กรงุ เทพฯ : กองทนุ เพ่อื การพฒั นาพรรคการเมือง คณะกรรมการการ เลอื กต้ัง. 16 | ห น้ า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook