Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พื้นฐานวัสดุช่าง

พื้นฐานวัสดุช่าง

Published by เกียงไกร พาคํา, 2019-11-16 02:51:06

Description: ilovepdf_merged (1)

Search

Read the Text Version

หน่ วยที่1พ้ืนฐานวัสดุช่าง

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 1/19 หน่วยการเรียนที่ 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม 1.1 ความสาคญั ของวสั ดุในงานอตุ สาหกรรม มนุษยไ์ ดม้ ีการคน้ คิดหาวสั ดุอุปกรณ์เพอ่ื นามาอานวยความสะดวกในการดาเนินชีวติ อยตู่ ามปัจจยั 4 อนั ประกอบไปดว้ ย อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ที่อยอู่ าศยั แต่ยงั มีปัจจยั อื่น ๆ ที่มีความสาคญั เมื่อ ววิ ฒั นาการความกา้ วหนา้ ทางอารยธรรมของมนุษย์ ความตอ้ งการมากข้ึน เริ่มจากยคุ โบราณใชว้ สั ดุอุปกรณ์จาก ธรรมชาติ หิน ไม้ มาใชง้ ่าย ๆ เม่ือถึงยคุ อุตสาหกรรมสังคมเมืองประเทศ ทวปี วสั ดุอุปกรณ์ตอ้ งมีให้เพยี งพอ ผลผลิตมากข้ึน เพ่ือสร้างคุณประโยชน์ สร้างศกั ยภาพ ของตนเองจนยคุ ปัจจุบนั วสั ดุอุปกรณ์ตา่ งเขา้ มามี ความสาคญั ในสงั คมน้นั ๆ มีบทบาทในการส่งเสริมศกั ยภาพ สร้างคุณประโยชนใ์ หก้ บั ประชาคมโลก สังคม โลกในทุกสาขาอาชีพ ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ ประเทศที่มีการพฒั นาทางดา้ นอุตสาหกรรมมีเทคโนโลยดี ีกวา่ เร็วกวา่ มี ประสิทธิภาพดีกวา่ กส็ ามารถเปรียบเทียบไดม้ ากข้ึน ดงั น้นั หากอุตสาหกรรมประเทศใดมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ น้นั ก็หมายความวา่ คุณภาพของวสั ดุอุปกรณ์ชาติน้นั มีมาตรฐานเป็ นท่ียอมรับนามาใชเ้ ป็นแบบอยา่ งได้ ช่าง อุตสาหกรรมจึงควรที่จะเรียนรู้ สร้างความเขา้ ใจในวสั ดุอุปกรณ์อุตสาหกรรมใหช้ ดั เจนแตเ่ บ้ืองตน้ ก่อน 1.2 ความหมายของวสั ดุในงานอตุ สาหกรรม หมายถึง วสั ดุท่ีจะนามาใชใ้ นงานอุตสาหกรรมมีมากมายหลายประเภท เพือ่ นามาใชป้ ระโยชน์ โดยตรงหรือทางออ้ มซ่ึงนามาจากธรรมชาติหรือคน้ คิดประดิษฐข์ ้ึนมาเป็นผลิตภณั ฑเ์ พ่ือใหท้ นั และเพียงพอกบั ความตอ้ งการท่ีขยายตวั มากข้ึนจนเกิดเป็นอุตสาหกรรมในสาขาตา่ ง ๆ อยา่ งมากมาย นาเอาไปใชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและ มีประสิทธิภาพอยา่ งที่สุดจะตอ้ งไม่กระทบกบั สภาพแวดลอ้ มโดยรวมดว้ ย

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 2/19 หน่วยการเรียนที่ 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม 1.3 แหล่งทม่ี าของวสั ดุช่างอตุ สาหกรรม วตั ถุดิบท่ีไดจ้ ากธรรมชาติถูกนามาผา่ นข้นั ตอนดว้ ยกรรมวธิ ีตา่ ง ๆ ต้งั แตข่ ้นั ตอนการสารวจแหล่ง ทรัพยากร ข้นั ตอนการนาวตั ถุดิบมาใช้ ข้นั ตอนการผลิต การแปรรูป จนกระทงั่ ออกมาเป็นวสั ดุใชง้ าน วสั ดุ ช่วยงาน ในทุกสาขางานอุตสาหกรรมใหไ้ ดเ้ ป็นสินคา้ วสั ดุอุปกรณ์ ผลิตภณั ฑ์ ตลอดจนสามารถพิสูจน์ทราบได้ วา่ ส่ิงของแตล่ ะอยา่ งทามาจากวสั ดุอะไร แหล่งไหน ใครเป็นผผู้ ลิต ผจู้ าหน่าย และผใู้ ช้ 1.3.1 การสารวจแหล่งทรัพยากร การสารวจแหล่งทรัพยากรเป็ นงานเร่ิมตน้ ของกระบวนการดาเนินงานใหไ้ ดม้ าซ่ึงวสั ดุ การสารวจ สมยั ใหม่จะเริ่มตน้ ดว้ ยการสารวจธรณีวทิ ยาจากภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อพบวา่ บริเวณใดมี แนวโนม้ จะมีแร่ธาตุสาคญั ปริมาณมากพอในเชิงพาณิชยไ์ ด้ กจ็ ะทาการสารวจทางภาคสนามเพิ่มเติมโดยใช้ เทคนิคทางธรณีเคมี ธรณีฟิ สิกส์ และการเจาะสารวจ เม่ือไดข้ อ้ มลู มากพอและวเิ คราะห์แลว้ วา่ คุม้ การลงทุนก็จะ เริ่มการดาเนินการเลือกวธิ ีการทาเหมืองต่อไป แร่ (MINERAL) แร่ เป็นสารประกอบอนินทรียห์ รือธาตุท่ีเกิดโดยธรรมชาติ นอกจากน้นั ยงั รวมไปถึงสารประกอบ อินทรียบ์ างชนิด เช่น ถ่านหินและน้ามนั อีกดว้ ย หรืออาจกล่าวไดว้ า่ แร่ มีส่วนประกอบทางเคมีซ่ึงสามารถเขียน เป็นสูตรเคมีแทนได้ แร่มีคุณสมบตั ิทางเคมี ทางฟิ สิกส์ และทางแสงเฉพาะตวั ถา้ มีการเปล่ียนแปลงก็ไมม่ ากนกั การศึกษาเก่ียวกบั เร่ืองแร่ให้รายละเอียดน้นั เป็นไปไดโ้ ดยยากพอสมควร เนื่องจากแร่ท่ีคน้ พบใน ปัจจุบนั น้ีมีเป็นจานวนนบั ร้อยชนิดและยงั มีอีกเป็นจานวนไมน่ อ้ ยท่ียงั คน้ หาไม่พบ การท่ีจะรู้จกั ใหก้ วา้ งขวาง น้นั จะตอ้ งพยายามศึกษาถึงความหมายที่แทจ้ ริงของแร่ใหเ้ ขา้ ใจเสียก่อนวา่ แร่แต่ละชนิดมีความแตกต่างกนั อยา่ งไร มีลกั ษณะอะไรท่ีสังเกตไดบ้ า้ ง ฯลฯ

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 3/19 เน่ืองจากแร่มีเป็นจานวนมาก เพ่ือใหจ้ ดจาและเขา้ ใจไดง้ ่ายพอสมควร จึงจาเป็ นตอ้ งแบ่งแยกแร่ ออกเป็ นกลุ่มโดยอาศยั ส่วนประกอบทางเคมีเป็นหลกั ซ่ึงแบ่งไดด้ งั น้ี 1. กลุ่มธาตุธรรมชาติ (Native Elements) เป็นแร่ท่ีเกิดข้ึนโดยมีธาตุเพยี งธาตุเดียวในธรรมชาติ เช่น ทองคาธรรมชาติ, กามะถนั , เพชร เป็ นตน้ 2. กลุ่มซลั ไฟด์ (Sulphides) เป็นแร่ที่เกิดเป็นสารประกอบ คือ ประกอบดว้ ยโลหะกบั ธาตุ กามะถนั ส่วนมากเป็นแร่โลหะ ไดแ้ ก่ กาลีนา (PbS) เป็นตน้ 3. กลุ่มซลั โฟซอลต์ (Sulphosalt) เป็ นแร่ที่ประกอบดว้ ยตะกว่ั หรือทองแดง หรือเงินกบั กามะถนั และมีพลวงหรืออาร์เซนิกหรือบิทมสั ประกอบอยดู่ ว้ ย 4. กลุ่มออกไซดแ์ ละไฮดรอกไซด์ (Oxides and Hydroxides) แร่จาพวกออกไซดเ์ ป็ นแร่ที่ ประกอบดว้ ยธาตุโละกบั ออกซิเจน เช่น เฮมาไตท์ (Fe2O3) ส่วนพวกไฮดรอกไซดน์ ้นั เป็ น แร่ออกไซดท์ ี่มีน้าปนอยดู่ ว้ ย ซ่ึงไดแ้ ก่ ลิมอไนต์ 5. กลุ่มเฮไลด์ (Halides) เป็นแร่ท่ีประกอบดว้ ย คลอไรด,์ ฟลูออกไรด,์ โบร์ไมด์ ไอโอไดด์ เช่น ฟลูออไรท์ ( CaF2 ) 6. กลุ่มคาร์บอเนต (Carbonates) เป็ นแร่ที่มีคาร์บอเนต(CO3 ) ประกอบอยดู่ ว้ ย เช่น แคลไซด์ ( CaCO3 ) 7. กลุ่มซลั เฟต (Sulphates) เป็ นแร่ที่ประกอบดว้ ยซลั เฟต ( SO4 ) เช่น แบไรต์ ( BaSO4 ) 8. กลุ่มทงั สเตต (Tungstates) และ โมลิบเดต (Molybdates) แร่บางชนิดท่ีประกอบดว้ ยกลุ่ม ทงั สเตต (WO4 ) เช่น ชีไลต์ ( CaWO4 ) วลุ ฟิ ไนต์ ( PbMoO4 ) 9. กลุ่มฟอสเฟต (Phosphates) เป็นแร่ท่ีมีพวกฟอสเฟต ( PO4 ) ประกอบอยู่ เช่น อะพาไทต์ ( Ca5 (F,Cl) Po4 )3 โมนาไซด์ ( Ce, La,Y,Th)PO4 10. กลุ่มซิลิเกต (Silicates) เป็นกลุ่มแร่ที่เกิดมากที่สุด ส่วนประกอบสาคญั คือ กลุ่มซิลิเกต ( SLO4 ) หรือชิลิกอนกบั ออกซิเจน แร่ในกลุ่มน้ีประกอบดว้ ยธาตุมากมายหลายชนิดต่าง ๆ กนั ที่พบอยเู่ สมอไดแ้ ก่ โซเดียม, โปตสั เซียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม, อลูมิเนียม และเหล็ก

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 4/19 1.3.2 วธิ ีการทาหมอื งแร่ โดยทว่ั ไปการทาเหมืองแร่แบง่ ออกเป็ นประเภทใหญ่ ๆ คือ การทาเหมืองบนดินหรือในระดบั ต้ืน ๆ การทาเหมืองใตด้ ินและการทาเหมืองแร่ในทะเล การทาเหมอื งแร่บนดนิ หรือใต้ดนิ ในระดับตืน้ ๆ เป็ นการทาเหมืองในแหล่งลานแร่หรือแหล่งแร่ที่ อยใู่ นดินระดบั ต้ืน ๆ หรืออยบู่ นเขา เช่น การทาเหมืองสูบ เหมืองฉีด และเหมืองฉาบ ซ่ึงอาจตอ้ งทาเหมืองเปิ ด แบบข้นั บนั ได รวมท้งั การเจาะระเบิดแหล่งแร่ตามสายแร่ การทาเหมอื งใต้ดนิ มีหลายวธิ ีตามลกั ษณะและคุณภาพตามสายแร่ หินขา้ งเคียงและการค้ายนั ส่วนมากเป็นการทาเหมืองอุโมงคแ์ ละเหมืองละลายแร่ เช่น การละลายช้นั เกลือใตด้ ินเป็นตน้ ปกติจะตอ้ งเจาะ เป็นปล่องหรืออุโมงคล์ งไปใตด้ ินหรือภูเขาเพอื่ ตามสายแร่แลว้ นาเอาหินปนแร่ข้ึนมาเขา้ อุปกรณ์แต่งแร่ รูปที่ 1.1 การทาเหมืองแร่

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 5/19 การทาเหมืองแร่แบบต่าง ๆ เหมอื งเรือขุด เป็นการทาเหมืองโดยใชเ้ คร่ืองจกั รและอุปกรณ์ทาเหมืองติดต้งั บนเรือ หรือโป๊ ะและขดุ แร่ปนดินทรายดว้ ยเคร่ืองตกั เครื่องขดุ หรือเคร่ืองสูบ แลว้ นาแร่ปนดินทรายไปเขา้ รางกแู้ ร่ หรืออุปกรณ์แตง่ แร่ อยา่ งอ่ืน เหมืองเรือขดุ น้ีอาจขดุ บนบกหรือในทะเลก็ได้ เหมืองหาบ เป็นการทาเหมืองโดยวธิ ีการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายวธิ ี เช่น การใชแ้ รงคน เคร่ืองขดุ หรือการระเบิดขดุ หรือเปิ ดหนา้ เหมืองใหเ้ ป็นบ่อหรือข้นั บนั ไดแลว้ นาเอาหินดินทรายปนแร่ไปเขา้ รางกแู้ ร่ เหมอื งสูบ เป็นการทาเหมืองโดยวธิ ีอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายวธิ ี เช่น การใชแ้ รงคน พลงั น้า เคร่ือง ขดุ หรือการระเบิดพงั ดินทรายแร่หนา้ เหมืองแลว้ ใชเ้ คร่ืองสูบทรายสูบดินทรายปนแร่ข้ึนมาสู่รางกแู้ ร่หรือ อุปกรณ์แต่งแร่อยา่ งใดอยา่ งหนึ เหมืองแล่น เป็นการทาเหมืองในแหล่งที่อยบู่ นเนินหรือไหล่เขา จะใชแ้ รงคน พลงั น้า เคร่ืองขดุ หรือ การระเบิดพงั ดินปนทรายแร่หนา้ เหมืองแลว้ ปล่อยใหด้ ินปนทรายแร่ไหลลงรางกแู้ ร่ หรืออุปกรณ์แต่งแร่อยา่ ง อยา่ งอื่น เหมืองฉีด เป็นการทาเหมืองคลา้ ยเหมืองสูบ แตใ่ ชพ้ ลงั น้าธรรมชาติฉีดพงั หนา้ เหมืองแลง้ ใชเ้ ครื่องดูด ดินทรายปนแร่ข้ึนสู่รางกแู้ ร่หรืออุปกรณ์แตง่ แร่อยา่ งอ่ืน เหมืองปล่อง เป็นการทาเหมืองในลานแร่ท่ีมีเปลือกดินหนา โดยการขดุ เป็ นปล่องลงไปจนถึงช้นั กระสะแร่แลว้ เดินอุโมงค์ เพอื่ นาเอาดินทรายปนแร่จากช้นั กระสะแร่ข้ึนมาแตง่ แร่ดว้ ยรางกแู้ ร่ หรืออุปกรณ์ แต่งแร่อยา่ งอ่ืน เหมืองอุโมงค์ เป็นการทาเหมืองใตด้ ินเป็นท่ีทางแร่หรือแหล่งแร่แบบอ่ืนท่ีไม่ใช่ลานแร่ โดยการเจาะ เป็นปล่องหรืออุโมงคห์ รือท้งั สองอยา่ ง จะโดยวธิ ีใชแ้ รงคน หรือเคร่ืองจกั ร อุปกรณ์หรือการระเบิดเพ่ือนาเอา หินปนแร่ข้ึนมาเขา้ อุปกรณ์แต่งแร่ หรือนาไปใชป้ ระโยชนโ์ ดยตรง เหมอื งเจาะงนั เป็นการทาเหมืองแร่ท่ีทางแร่โดยแรงคน เครื่องจกั รหรืออุปกรณ์หรือการระเบิดขดุ หรือเปิ ดเป็นร่องหรืออุโมงคเ์ ขา้ ไปในภเู ขาเพ่ือตามสายแร่ลงไปในแนวด่ิงไมเ่ กิน 10 เมตร แลว้ นาหินปนแร่ จากสายแร่ข้ึนมาลา้ งหรือทุบยอ่ ย หรือเลือกเอาแต่กอ้ นแร่ท่ีมีปริมาณแร่สูง หรือนาเขา้ อุปกรณ์แต่งแร่ เหมืองละลายแร่ เป็นการเจาะบ่อหรือรูลงไปใตด้ ินจนถึงแหล่งแร่ แลว้ ปล่อยสารละลายลงไป ละลายแร่จากน้นั สูบข้ึนมาทางรูบ่อเดิม หรือทางบ่อหรือรูอื่น เหมืองเรือสูบ เป็ นการทาเหมืองโดยใชเ้ คร่ืองจกั รและอุปกรณ์ทาเหมืองติดต้งั บนเรือหรือแพ โดยใช้ เครื่องดูดทรายขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางไม่เกิน 14 นิ้ว สูบหินดินทรายปนแร่ข้ึนมาลา้ งบนเรือหรือแพ

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนที่ 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 6/19 1.3.3 การย่อย การคดั ขนาด และการแต่งแร่ แร่ท่ีไดจ้ ากการทาเหมืองมกั จะมีความสะอาดไม่มากพอ จาเป็นตอ้ งมาคดั เลือกเพอ่ื แยกเอาแตแ่ ร่ ออกจากมลทิน ซ่ึงไดแ้ ก่ หิน กรวด ทราย ที่ปะปนมากบั แร่ การทาแร่ใหส้ ะอาดน้ีเรียกวา่ การแต่งแร่ (mineral processing) ไดแ้ ก่ การยอ่ ย การคดั ขนาด การแยกแร่ ซ่ึงรวมถึงการใชโ้ ตะ๊ แยกแร่ จิ๊ก การลอยแร่ การใชแ้ ม่เหลก็ การใชไ้ ฮเทนชนั (high tension) เฮฟวมี ีเดีย (heave media) และการยา่ ง (roasting) ดว้ ย การจะเลือกวธิ ีการใดมาแต่งแร่น้นั ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบหลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ สมบตั ิ ลกั ษณะ ชนิด แหล่งกาเนิด ขนาด และความสะอาดของแร่ท่ีตอ้ งการจะแตง่ - การย่อยแร่ บดแร่ คัดขนาดแร่ และการล้างออกด้วยน้า เพ่ือทาใหแ้ ร่หลุดจากหินหรือแร่ มลทินอื่น ๆ และแยกขนาดเมด็ แร่ออกเป็ นกลุ่ม ๆ เพื่อสะดวกและเหมาะสมกบั เคร่ืองแยก แร่แต่ละชนิด - การเลอื กแร่ด้วยมอื เป็นวธิ ีโบราณสาหรับเลือกเกบ็ แร่ที่มีความสมบรู ณ์สูงเป็นกอ้ นใหญ่ ๆ และแยกเป็นกอ้ นอิสระจากหิน เช่น การเลือกเกบ็ พลอย แร่ฟลูออไรต์ เป็นตน้ - การใช้ความแตกต่างด้านความถ่วงจาเพาะของแร่และมลทินเจือปน วธิ ีน้ีมีอุปกรณ์หลาย ชนิด เช่น โดยใชเ้ ลียงล่อนแร่ รางกแู้ ร่ รางลา้ ง แร่ จ๊ิก โตะ๊ สัน่ แยกแร่ ฮมั ฟรีนส์ ไปราล (ตะแกรงหมุนคดั ขนาด) ไดล้ า้ งแร่ และเครื่องแยกแร่ แบบมชั ฌิมหนกั เป็ นตน้ - การแยกแร่ด้วยแม่เหลก็ อาศยั อานาจแรงแม่เหลก็ ซ่ึงแร่ต่างชนิดกนั จะมีคุณสมบตั ิดูดติด แม่เหล็กท่ีความเขม้ สนามแม่เหลก็ ต่างกนั อุปกรณ์อาจเป็นเคร่ืองแยกแมเ่ หล็กไฟฟ้ า ซ่ึง สามารถจดั แรงแม่เหลก็ ใหม้ ากนอ้ ยตามตอ้ งการ - การแยกแร่ด้วยไฟฟ้ าสถติ หรือไฟฟ้ าแรงสูง อาศยั คุณสมบตั ิในการเป็ นส่ือไฟฟ้ าของแร่แต่ ละชนิดมาเป็นหลกั ในการสร้างเคร่ืองแยกแร่ เม่ือเครื่องใหป้ ระจุไฟฟ้ าแก่แร่ทาทาเกิดแรง ดูดหรือแรงพลกั ข้ึนทาใหส้ ามารถแยกแร่ที่มีคุณสมบตั ิในการเป็นส่ือไฟฟ้ าตา่ งกนั ออกจาก กนั ได้ - การลอยแร่ อาศยั ความแตกตา่ งของสมบตั ิที่ผวิ ต่อสารเคมีแตล่ ะชนิดท่ีแตกตา่ งกนั ของแร่ แต่ละชนิด สารเคมีท่ีใชใ้ นการลอยแร่ จะทาใหแ้ ร่เปี ยกน้าไม่เท่ากนั แร่ที่ไมเ่ ปี ยกน้าจะ เกาะติดฟองอากาศไดด้ ีกวา่ แร่ที่เปี ยกน้าฟองอากาศจะพาเมด็ แร่ท่ีเกาะติดลอยข้ึนมาผิวน้า ส่วนที่แร่เปี ยกน้าจะจมอยใู่ นน้าเหมือนเดิม - การแต่งแร่โดยวธิ ีเคมี หมายถึง การแยกแร่โดยใชส้ ารละลายและปฏิกิริยาเคมีเขา้ ช่วย และ ยงั รวมถึงการเผาหรือการยา่ งแร่ ดว้ ยความร้อนทาใหแ้ ร่เปล่ียนสภาพจากสารประกอบชนิด หน่ึงไปเป็ นสารประกอบอีกชนิดหน่ึง

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนที่ 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 7/19 - การตัดหรือขดั แตง่ แร่โดยวธิ ีตดั แร่หรือหินใหเ้ ป็นขนาดตา่ ง ๆ ตามตอ้ งการแลว้ นาไปขดั ตอ่ จนเรียบเป็นเงาสวยงามเพ่อื ใชใ้ นการประดบั เป็นการเพิ่มมลู คา่ หรือประโยชนข์ องแร่ และหินทางดา้ นเศรษฐกิจ โดยทวั่ ไปวธิ ีน้ีใชส้ าหรับหินอ่อน หินแกรนิตและหินชนิดอื่น ๆ ในการแปรรูปเป็ นหินประดบั รูปที่ 1.2 แร่จากตะแกรงหมุนเขา้ สู่รางกแู้ ร่ รูปท่ี 1.3 เคร่ืองแต่งแร่แม่เหล็ก รูปท่ี 1.4 แร่ที่ไดจ้ ากรางกูแ้ ร่

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 8/19 หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม รูปท่ี1.5 แผนผงั แสดงข้นั ตอนการดาเนินงานและการผลิตที่จาเป็นสาหรับวสั ดุ 1.3.4 การผลติ โลหะจากแร่ เม่ือแร่ถูกขดุ และนามาแต่งแยกแยะแลว้ จะนามาสู่กรรมวธิ ีทางโลหกรรมท่ีประกอบดว้ ยข้นั ตอน ตา่ ง ๆ ท่ีจะทาใหแ้ ร่ตา่ ง ๆ เหล่าน้นั เป็นโลหะบริสุทธ์ิ โลหะผสม หรือทาใหเ้ ป็ นไปตามท่ีกาหนดไว้ แลว้ แต่วา่ แร่น้นั มีองคป์ ระกอบทางเคมีเป็นแบบใด เช่น ประเภทซลั ไฟด์ ออกไซด์ คาร์บอเนต ซิลิเกต หรืออื่น ๆ กรรมวธิ ีทางโลหะกรรมน้ีแบ่งเป็น 3 วธิ ีใหญ่ ๆ คือ 1) วิธีใชค้ วามร้อน 2)ใชไ้ ฟฟ้ า 3) ใชส้ ารเคมี วธิ ีใช้ความร้อน น้นั จะตอ้ งมีการควบคุมการใหค้ วามร้อนใหด้ ี เพ่ือใหไ้ ดโ้ ลหะออกมาตามท่ี ตอ้ งการ เช่น แร่ท่ีเป็ นประเภทออกไซด์ อาจจะใหค้ วามร้อนโดยตรงได้ แต่พวกซลั ไฟดจ์ ะตอ้ งมีการยา่ งก่อน เพื่อเปล่ียนแร่ซลั ไฟดใ์ หเ้ ป็นประเภทออกไซดเ์ สียก่อน วธิ ีน้ียงั ใชก้ บั แร่ประเภทอื่นอีกหลายชนิด เช้ือเพลิงท่ีใช้ ในกระบวนการน้ีโดยทวั่ ไปจะใชถ้ ่านโคก๊ น้ามนั หรือแก๊ส หรือไมก่ ็พลงั งานไฟฟ้ า

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 9/19 วธิ ีการทางไฟฟ้ า คือ วธิ ีการทางเคมีไฟฟ้ า โดยเฉพาะการใชก้ ระบวนการไฟฟ้ าสังเคราะห์ในการ แยกและทาความสะอาดโลหะและในการชุบไฟฟ้ า โดยมีอยู่ 2 ประเภทคือ การแปรพลงั งานไฟฟ้ าเป็นพลงั ทางเคมีและการใชพ้ ลงั งานความร้อนที่ไดจ้ ากพลงั งานไฟฟ้ า วธิ ีใช้สารเคมี คือ เทคโนโลยกี ารใชส้ ารละลายตามหลกั เคมีฟิ สิกส์ อนินทรีย์ เคมี เคมีไฟฟ้ า และเคมีวเิ คราะห์ โดยมีข้นั ตอนการดาเนินการโดยเริ่มจากการละลายโลหะ หรืออโลหะโดยใชส้ ารละลาย มกั เรียกวา่ การกรองตะกอน ข้นั ต่อไปก็แยกเอาของท่ีไม่ใชอ้ อก และทาตะกอนใหบ้ ริสุทธ์ิ ตอ่ มาก็แยกโลหะจาก ตะกอนสารละลายโดยวธิ ีทางเคมีและไฟฟ้ าสงั เคราะห์ สินแร่เหลก็ (Iron Ore) สินแร่เหล็กท่ีขดุ พบบนพ้นื ผิวโลกน้นั จะอยใู่ นลกั ษณะของผสมโดยจะอยรู่ วมกนั หิน ดิน ทราย กามะถนั ฟอสฟอรัส คาร์บอน และแร่อื่น ๆ แร่เหลก็ ท่ีพบทว่ั ไปในโลกน้นั จะอยใู่ นรูปของออกไซด์ (Oxide) สินแร่เหล็กท่ีคน้ พบมีอยู่ 5 ชนิด ดงั น้ี สินแร่เหลก็ แม็กนีไทต์ (Magnetite) มีชื่อทางเคมีวา่ เฟอร์โรโซเฟอริกออกไซด์ (Ferrosoferic Oxide) ซ่ึงสูตรทางเคมีคือ “ Fe3O4 ” มีสีน้าตาลเขม้ จนถึงดา มีคุณสมบตั ิเป็นแม่เหลก็ สินแร่เหล็กชนิดน้ีเม่ือ นาไปถลุงจะไดเ้ น้ือเหลก็ ประมาณ 72% โดยปริมาตร พบมากท่ีประเทศสวเี ดนและบริเวณตะวนั ตกของ ประเทศสหรัฐอเมริกา สินแร่เฮมาไทต์ (Hematite) หรือเรียกกนั อีกช่ือหน่ึงวา่ เรดเฮมาไทต์ (Red Hematite) เนื่องจาก สินแร่มีสีแดงจนถึง น้าตาลเขม้ มีชื่อเรียกทางเคมีวา่ เฟอรัสออกไซด์ ซ่ึงสูตรเคมีคือ “ Fe2O3 ” เม่ือนาไปถลุง แลว้ จะไดเ้ น้ือเหลก็ ประมาณ 60% พบมากในประเทศเยอรมนี องั กฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ซ่ึง ประเทศไทยกม็ ีแร่เหล็กชนิดน้ีมากเช่นเดียวกนั สินแร่เหลก็ ไลมอไนต์ (Limonite) หรือเรียกกนั อีกชื่อหน่ึงวา่ บราวน์เฮมาไทต์ (Brown Hematite) เน่ืองจากมีสีน้าตาลจนถึงเหลืองเขม้ ประกอบดว้ ยเหล็กออกไซดแ์ ละน้า สูตรทางเคมี คือ (Fe2O3-3H2O”) เมื่อ นาไปถลุงแลว้ จะไดเ้ น้ือเหล็กประมาณ 50% พบมากในประเทศเยอรมนีองั กฤษ และสหรัฐอเมริกา สินแร่เหลก็ ซิเดอไรด์ (Siderite) มีชื่อเรียกทางเคมีวา่ เฟอร์รัสคาร์บอเนต (Ferrous Carbonate) ซ่ึงสูตรทางเคมีคือ “Fe2CO3) เม่ือนาไปถลุงแลว้ จะไดเ้ หล็กประมาณ 48% พบมากในประเทศองั กฤษ เยอรมนี ออสเตรีย และสหรัฐอเมริกา สินแร่เหลก็ ไพไพต์ (Iron Pyrite) มีสูตรทางเคมีคือ “FeS2” เมื่อนาถลุงจะไดเ้ หลก็ ประมาณ 45% โดยปริมาตร แต่สินแร่ชนิดน้ีไม่นิยมนาไปถลุงเป็นเหลก็ เนื่องจากสินแร่ชนิดน้ีมีกามะถนั อยมู่ าก จึง นิยมนาไปใชเ้ ป็นวตั ถุดิบในการผลิตกามะถนั มากกวา่

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนที่ 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 10/19 ข้นั ตอนการผลติ เหลก็ รูปพรรณจากสินแร่ การผลิตเหล็กและเหลก็ กลา้ จากสินแร่เหลก็ มีข้นั ตอนการผลิตดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 นาสินแร่เหลก็ ที่ขดุ ไดม้ าแยกส่ิงเจือปนต่าง ๆ เช่น หิน ดิน ทราย จากน้นั นามาป้ันใหม้ ีลกั ษณะ เป็นรูปร่างกลม (Pellets) ข้นั ตอนท่ี 2 นาสินแร่เหล็กไปเผารวมกนั ถานโคก้ และหินปนู หรือปูนขาวซ่ึงผา่ นการบดและกรองมาแลว้ ใน เตาสูง (Blast Furnace) ข้นั ตอนท่ี 3 ไดน้ าเหลก็ ที่สะอาดปราศจากสารมลทิน นาไปเทลงในแบบเพื่อให้แขง็ ตวั เป็นแท่ง (Ingot) ข้นั ตอนท่ี 4 แท่งเหล็ก (Ingot) mไดจ้ ะเป็นเหลก็ บริสุทธ์ิซ่ึงมีคุณสมบตั ิไม่เพยี งพอต่อการนาไปใชง้ าน ตอ้ ง นาไปหลอมละลายใหมแ่ ละปรับปรุงคุณภาพโดยการเติมธาตุบางอยา่ งลงไปในเตาเบสเซมเมอร์ (Bessemer Converter) หรือเตาเบสิก-ออกซิเจน (Basic Oxygen) หรือเตาโอเพนฮาร์ธ (Open Hearth Furnace) หรือเตา ไฟฟ้ า (Electric Furnace) เพือ่ ใหม้ ีคุณสมบตั ิตามความตอ้ งการใชง้ าน จากน้นั จึงเทลงในแบบใหแ้ ขง็ ตวั เป็น แท่งเก็บไว้ ข้นั ตอนท่ี 5 นาแท่งเหลก็ ท่ีมีคุณสมบตั ิตามท่ีกาหนดน้นั ใหค้ วามร้อนจนกระทง่ั เน้ือเหล็กมีลกั ษณะอ่อนเปี ยก จากน้นั จึงนาเขา้ เคร่ืองจกั ร เพอ่ื ดึงหรือรีดใหเ้ ป็ นแทง่ ยาวหรือเป็นแผน่ หนาต่อไป ข้นั ตอนที่ 6 นาเล็กที่มีลกั ษณะเป็นแท่งยาวหรือเป็นแผน่ หนาไปผา่ นกระบวนการดึง (Drawing การดนั ให้ ไหล (Extrude) การรีด (Rolling) เพอ่ื ทาใหเ้ ป็ นเหล็กรูปพรรณตา่ ง ๆ เช่น เส้นลวด เหล็กโครงสร้าง ทอ่ และ แผน่ เหลก็ เป็ นตน้ 1.4 ชนิดของวสั ดุในงานอตุ สาหกรรม วสั ดุท่ีใชใ้ นงานอุตสาหกรรมแยกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. โลหะ (Metallic Material) โลหะยงั สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น - โลหะประเภทเหล็ก - โลหะประเภทไมใ่ ช่เหลก็ 2. อโลหะ (Non-Metallic Material) อโลหะยงั สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็ น สารธรรมชาติ สารสังเคราะห์ สามารถพิจารณาแผนภมู ิแสดงการจาแนกชนิดวสั ดุท่ีใชใ้ นงานอุตสาหกรรมไดด้ งั น้ี

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนที่ 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 11/19 แผนภูมิแสดงการจาแนกชนิดวสั ดุทใี่ ช้ในงานอุตสาหกรรม รูปที่1.6

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 12/19 หน่วยการเรียนที่ 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม 1.5 คุณสมบตั ขิ องวสั ดุในงานอตุ สาหกรรม 1.5.1 คุณสมบตั ิทางเคมขี องวสั ดุช่างอุตสาหกรรม วสั ดุช่างควรมีคุณสมบตั ิทางเคมีดงั ต่อไปน้ี 1. มีความคงทนต่อการกดั กร่อน หมายถึง การท่ีมีความตา้ นทานต่อการแตกหรือแยกตวั ของผวิ จากปฏิกิริยาเคมีจาก ลม น้า กรด หรือสารเคมี 2. ความคงทนต่อความร้อน หมายถึง ทนความร้อนไดท้ ี่อุณหภมู ิสูง 3. สามารถประสม (เจือ) ร่วมกนั ได้ 4. มีความเป็นพษิ นอ้ ย 5. ตา้ นทานต่อแบคทีเรียได้ 1.5.2 คุณสมบัตทิ างฟิ สิกส์ของวสั ดุช่างอุตสาหกรรม คุณสมบตั ิทางฟิ สิกส์ที่สาคญั ของวสั ดุ ไดแ้ ก่ ความสารถในการนา การแผค่ วรร้อนและ กระแสไฟฟ้ า การยดึ ตวั ตามความร้อน ความหนาแน่น จุดหลอมเหลว จุดเร่ิมแขง็ จุดเดือด จุดกลุ่นตวั คุณสมบตั ิท่ีกล่าวมาน้ีมีประโยชนใ์ นการนามาใชง้ าน 1. คุณสมบตั ิในการเป็ นตวั นาไฟฟ้ า (Electrical – Conductivity) คุณสมบตั ิที่วสั ดุงานยอมให้ กระแสไฟฟ้ าไหลผา่ นไดง้ ่ายและดี ส่วนมากเป็นพวกโลหะ เช่น ทองแดง เงิน อลูมิเนียม เหลก็ ฯลฯ 2. คุณสมบตั ิในการนาความร้อน (Heat Conductivity) คือ คุณสมบตั ิของวสั ดุที่ยอมใหค้ วาม ร้อนผา่ นไดด้ ี ซ่ึงจะเป็นโลหะท้งั หลายนนั่ เอง

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนที่ 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 13/19 1.5.3 คุณสมบตั ิทางฟิ สิกส์ของวสั ดุช่างอตุ สาหกรรม คุณสมบตั ิทางดา้ นเชิงกลของวสั ดุช่างอุตสาหกรรม 1. ความแข็งแรง (Stength) ความแขง็ แรง คือ ความสามารถในการรับแรงโดยไมแ่ ตกหกั เสียหาย ซ่ึงแบ่งออกไดเ้ ป็น - ความแขง็ แรงในการับแรงดึง (Tensile Strength) คือ ความสามารถของวสั ดุท่ี จะตอ้ งทานการแตกหกั เม่ือไดร้ ับแรงดึงสองขา้ งออกจากกนั ดงั รูป รูปท่ี 1.7 ลกั ษณะรับแรงดึง - ความแขง็ แรงในการรับแรงอดั (Compressive Stength) คือ ความสามารถของวสั ดุ ที่จะตา้ นทานการแตกปริเมื่อไดร้ ับแรงอดั ดงั รูป รูปท่ี 1.8 ลกั ษณะรับแรงอดั

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 14/19 - ความแขง็ แรงในการรับแรงเฉือน (Stearing Strength) คือความสามารถของวสั ดุที่ จะตา้ นทานการฉีกเม่ือถูกเฉือน ดงั รูป รูปที่ 1.9 ลกั ษณะรับแรงเฉือน 2. ความเหนียว (Toughtness) ความเหนียว (Toughtness) หมายถึง ความสามารถของวสั ดุท่ีสามารถตา้ นทานตอ่ แรงกระตุก หรือกระแทก (Shock Loading Impact Loading) อยา่ งทนั ทีทนั ใดไดโ้ ดยไม่เกิดการเสียหาย ความสามารถ ทางดา้ นความเหนียวมีอยดู่ ว้ ยกนั ดงั น้ี คือ - ความสามารถในการยดื หยนุ่ ตวั (Elasticity) ความสามารถในการยดื หยนุ่ ตวั คือ สมบตั ิในการคืนสู่สภาพเดิมภายหลงั จากถูกดึง หรืออดั คุณสมบตั ิน้ีมีความสาคญั มากสาหรับวสั ดุโครงสร้าง เพราะตอ้ งออกแบบไม่ใหร้ ับแรงเกินจุดคราก (Yield Point) ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดการยดื ตวั อยา่ งถาวรนาไปสู่การแตกหกั และเสียหายได้ หมายเหตุ จุดคราก (Yield Point) คือ จุดท่ีวสั ดุมีการยดื ตวั อยา่ งถาวรไมส่ ามารถกลบั คืนสู่ สภาพเดิมได้ รูปที่ 1.10 ความสามารถในการยดื หยนุ่ ตวั ของวสั ดุ

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 15/19 - ความสามารถในการยดื ตวั (Ductillity) ความสามารถในการยดื ตวั ของวสั ดุ คือ สมบตั ิของวสั ดุท่ีสามารถดึงหรืออดั ใหย้ ดื ตวั ออกไดง้ ่ายโดยไมแ่ ตกหกั วสั ดุที่มีความสามารถในการยดื ตวั ไดด้ ี ไดแ้ ก่ อะลูมิเนียม ทองแดง เหล็กกลา้ และทองเหลือง รูปท่ี 1.11 ความสามารถในการยดื ตวั ของวสั ดุ - ความสามารถในการบิดงอและอดั รีดข้ึนรูป (Torsion and Malleability) ความสามารถในการบิดงอและอดั รีดข้ึนรูป คือ สมบตั ิของวสั ดุที่สามารถบิดงอหรือ อดั รีดข้ึนรูปไดโ้ ดยไม่ปริแตกง่าย เป็นคุณสมบตั ิท่ีคลา้ ยคลึงกบั ความสามารถในการยดื ตวั โลหะท่ีอ่อนมี ความสามารถในการอดั ข้ึนรูปไดด้ ีกวา่ โลหะท่ีแขง็ รูปที่ 1.12 ความสามารถในการบิดงอและอดั รีดข้ึนรูปของวสั ดุ

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 16/19 3. ความแข็งของผวิ (Hardness) ความแขง็ ของผิว คือ สมบตั ิของวสั ดุในการตา้ นทานการสึกหรอ หรือตา้ นทานต่อการถูกขีด ด่วน หรือแรงกด โดยมาตราการวดั ความแขง็ ใชเ้ ปรียบเทียบกบั เพชรซ่ึงเป็นวสั ดุที่แขง็ ที่สุด ในการทดสอบหาค่าความแขง็ ของวสั ดุ นิยมใชก้ นั อยู่ 3 วธิ ี คือ 1. การทดสอบแบบบริเนล (Brinell Test) โดยใชล้ ูกบอลเหลก็ กลา้ ชุบแขง็ ขนาดเส้น ผา่ นศูนยก์ ลาง 10 มิลลิเมตรกดลงบนชิ้นงาน โดยใชแ้ รงกด 3,000 กิโลกรัม สาหรับวสั ดุแขง็ และ 500 กิโลกรัมสาหรับวสั ดุออ่ น ทาการกดประมาณ 30 วนิ าที หลงั จากน้นั ทาการวดั ขนาด เส้นผา่ นศูนยก์ ลางของรอยกด เพื่อนามา คานวณหาคา่ ความแขง็ 2. การทดสอบแบบวคิ เกอร์ (Vickers Test) โดยใชห้ วั เพชรรูปพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมมี มุมจิก136องศาและหวั กดลูกบอลเหลก็ กลา้ กดลงบนชิ้นงานการทดสอบแบบรอคเวล เป็นการทดสอบความแขง็ ท่ีสะดวกมาก เนื่องจากสามารถอ่านคาความแขง็ ได้ โดยตรงจากหนา้ ปัดของเครื่องทดสอบ 3. การทดสอบแบบรอคเวล (Rockwell Test) มีสองสเกล คือ 3.1 รอคเวล B โดยใชล้ ูกบอลเหล็กกลมกดลงบนชิ้นงาน 3.2 รอคเวล C โดยใชก้ รวยเพชร มุมกรวย 120 องศา กดลงบนชิ้นงาน

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 17/19 หน่วยการเรียนที่ 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม พจิ ารณารูปการทดสอบความแข็งของผวิ วสั ดุได้ดังนี้ รูปที่ 1.13 การทดสอบความแขง็ ของผวิ วสั ดุ

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทม่ี าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 18/19 4. ความสามารถในการรับแรงกระแทก (Impact Resistance) ความสามารถในการรับแรงกระแทก คือ ความสามารถของวสั ดุท่ีทนทานตอ่ แรงกระแทก ท่ีมาโดยเฉียบพลนั โดยไม่แตกหกั เสียหาย วสั ดุโดยทว่ั ไปจะรับแรงกระแทกไดน้ อ้ ยกวา่ แรงที่ค่อย ๆ รับอยา่ ง ชา้ ๆ และสม่าเสมอ 5. ความเปราะ (Brittleness) ความเปราะ คือ สมบตั ิของวสั ดุที่จะแตกหกั โดยง่ายเมื่อบิดตวั เล็กนอ้ ย โดยทวั่ ไปวสั ดุที่มี ความแขง็ มากจะเปราะมาก นนั่ คือจะเกิดการแตกหกั ง่าย รูปท่ี 1.14 การทดสอบความเปราะของวสั ดุ 1.6 การนาวสั ดุไปใช้งาน ในการเลือกวสั ดุไปใชใ้ นงานอุตสาหกรรมมีขอ้ ควรพิจารณาดงั ต่อไปน้ี 1. การขึน้ รูป วสั ดุท่ีใชต้ อ้ งสามารถทาใหเ้ ป็นรูปร่างตามความตอ้ งการของผอู้ อกแบบได้ โดยใช้ กระบวนการหรือเครื่องจกั รท่ีสามารถจดั หาได้ 2. ราคา ราคาของชิ้นส่วนสาเร็จรูปเป็ นปัจจยั ในการเลือกวสั ดุ 3. ความแขง็ แรง วสั ดุที่จะใชต้ อ้ งมีความแขง็ แรงในการรับน้าหนกั หรือแรงดึง แรงเฉือน แรง กระแทกต่าง ๆ โดยไมแ่ ตกหกั เสียหายชารุด 4. ความคงรูปเมอ่ื รับรับแรง ถา้ ชิ้นส่วนตา่ งรับแรง รับน้าหนกั จะตอ้ งไมย่ ดึ หรือบิดหดตวั จนเสียรูป เกิดพกิ ดั ที่ออกแบบไว้ 5. ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม วสั ดุที่ใชจ้ ะตอ้ งสามารถคงรูปหรือรักษาสมบตั ิไวเ้ ม่ือสภาพแวดลอ้ ม เปล่ียนแปลง เช่น อุณหภูมิสูง ความช้ืนสูง เป็นตน้

วชิ า : วสั ดุช่างอตุ สาหกรรม หน่วยการเรียนท่ี 1 : ทมี่ าของวสั ดุอตุ สาหกรรม ใบเนือ้ หา 19/19 6. อายกุ ารใช้งานและอายกุ ารเกบ็ รักษา ชิ้นส่วนต่าง ๆ มีอายกุ ารใชง้ านที่จะเส่ือมสภาพไปตามเวลาที่ ใช้ ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการบารุงรักษาในช่วงเวลาท่ีกาหนด 7. สมบตั ใิ นการใช้งาน ผลิตภณั ฑบ์ างอยา่ งมีความตอ้ งการวสั ดุที่มีสมบตั ิพิเศษในการใชง้ านเฉพาะ อยา่ ง 8. ผลกระทบกบั ส่ิงแวดล้อม ถือวา่ มีความสาคญั อยา่ งหน่ึงในการเลือกใชว้ สั ดุในสมยั ปัจจุบนั 9. การกาจัดของเสีย วสั ดุต่าง ๆ มีของเสียท้งั ระหวา่ งกระบวนการผลิต ระหวา่ งใชง้ านและเม่ือเลิกใช้ แลว้ ดงั น้นั จะตอ้ งคิดใหร้ อบคอบวา่ จะนาของเสียเหล่าน้นั ไปกาจดั ท่ีใดรวมท้งั วธิ ีการกาจดั และ คา่ ใชจ้ ่ายดว้ ย 1.7 การเกบ็ และบารุงรักษาวสั ดุ วสั ดุท่ีใชใ้ นงานอุตสาหกรรมลว้ นแลว้ แตม่ ีราคาค่อนขา้ งสูง และอาจเสื่อสภาพได้ หากมีการเกบ็ รักษาท่ีผดิ วธิ ี ดงั น้นั การเก็บและบารุงรักษาวสั ดุท่ีถูกวธิ ีพิจารณาไดด้ งั น้ี 1. เกบ็ ไว้เป็ นทเี ป็ นหมวดหมู่ วสั ดุประเภทเดียวกนั ควรจะเกบ็ ไวใ้ กลก้ นั เพอ่ื ความสะดวกตอ่ การ นาไปใชง้ านและจดั เกบ็ รักษา เช่น ทาช้นั หรือาตูเ้ กบ็ วสั ดุพร้อมรายละเอียดของวสั ดุ 2. จัดหาและหมุนเวยี นวสั ดุทใี่ ช้ เมื่อใชว้ สั ดุไปจานวนหน่ึงจะตอ้ งจดั หามาเพ่มิ เติมเพอื่ ไมใ่ หข้ าด เมื่อตอ้ งการ และจะตอ้ งหมุนเวยี นวสั ดุเก่าในสตอ๊ กเอาไปใชก้ ่อนแลว้ เอาวสั ดุใหม่มาแทนท่ี 3. จัดการป้ องกนั การสึกหรอ สึกกร่อน หรือสนิม 3.1 วสั ดุประเภทเหล็กจะตอ้ งมีการเคลือบน้ามนั กนั สนิมที่ผวิ 3.2 วสั ดุประเภทไมจ้ ะตอ้ งระวงั ความช้ืนซ่ึงทาใหผ้ หู้ รือมีมอดแมลงมากดั กิน 4. เตรียมป้ องกันเพลงิ ไหม้ ควรแยกวสั ดุไวไฟออกเกบ็ ไวต้ า่ งหากในท่ีซ่ึงมีการป้ องกนั เพลิงไหม้ ไวอ้ ยา่ งดี 5. ตรวจสอบอายกุ ารเกบ็ รักษาวสั ดุ 5.1 วสั ดุท่ีมีอายกุ ารเก็บรักษาส้ัน จะตอ้ งไมซ่ ้ือมาเกบ็ ไวใ้ นสตอ๊ กมากนกั ควรหมุนเวยี นซ้ือเป็น ช่วง ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook