การศึกษาคน้ ควา้ เรื่อง เซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขาม Electricity from tamarind leaves คณะผจู้ ดั ทา นายธนากร วรรณทอง ช้นั ม.5/3 เลขที่ 1 นายพทั ธดนย์ วงั แสง ช้นั ม.5/3 เลขที่ 7 นางสาวบงกชกร ช่วยพนั ธ์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 17 นางสาวพริ ิยาภรณ์ สุขพูล ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 36 นางสาวรวภิ ทั ร ศิวานนท์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 37 ครูที่ปรึกษา ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสารฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2563
การศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง เซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขาม Electricity from tamarind leaves คณะผจู้ ดั ทา นายธนากร วรรณทอง ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 1 นายพทั ธดนย์ วงั แสง ช้นั ม.5/3 เลขที่ 7 นางสาวบงกชกร ช่วยพนั ธ์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 17 นางสาวพิริยาภรณ์ สุขพูล ช้นั ม.5/3 เลขที่ 36 นางสาวรวิภทั ร ศิวานนท์ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 37 ครูที่ปรึกษา ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ เอกสารฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ (IS1) โรงเรียนปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37 ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2563
ก ช่ือเรื่อง : เซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขาม ผจู้ ดั ทา : นายธนากร วรรณทอง เลขที่1 ม.5/3 นายพทั ธดนย์ วงั แสง เลขที่7 ม.5/3 นางสาวบงกชกร ช่วยพนั ธ์ เลขท่ี17 ม.5/3 นางสาวพริ ิยาภรณ์ สุขพูล เลขท่ี36 ม.5/3 นางสาวรวิภทั ร ศิวานนท์ เลขท่ี37 ม.5/3 ท่ีปรึกษา : ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ปี การศึกษา : 2563 บทคัดย่อ เรื่องการศึกษาเซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขาม ผลการศึกษาพบวา่ ใบมะขามสามารถใหก้ ระแสไฟฟ้าได้ เซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขามมีส่วนประกอบที่สาคญั คอื ใบมะขาม, น้า และคู่โลหะ ปริมาณของใบมะขามต่อน้า โดยใชอ้ ตั ราส่วนดงั น้ี มวลใบมะขาม 150, 200, 250, 300 กรัม ตอ่ น้า 150 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ทกุ กระป๋ องแลว้ ใชค้ โู่ ลหะ 3 ชนิด คอื ทองแดงกบั สงั กะสี, ทองแดงกบั มกั นีเซียม และทองแดงกบั ตะกวั่ เสียบลงในใบมะขาม ลึก ประมาณ 7 เซนติเมตร ห่างกนั 3 เซนติเมตร แลว้ วดั ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศกั ย์ โดยใชม้ ลั ติมิเตอร์ทุก 24 ชวั่ โมง เป็นเวลา 5 วนั จากการศึกษาพบวา่ คโู่ ลหะแตล่ ะคู่และปริมาณใบมะขามท่ีต่างกนั จะมีผลตอ่ กระแสไฟฟ้าที่ได้ คูโ่ ลหะ ใหก้ ระแสไฟฟ้ามากท่ีสุด คือ ทองแดงกบั มกั นีเซียม ในปริมาณของใบมะขาม 250 กรัม ค่ากระแสไฟฟ้าจะเพิม่ มากที่สุดในวนั ท่ี 2 ของการทดลอง กระแสไฟฟ้าโดยเฉลี่ยสูงสุดคือ 14.83 มิลลิแอมแปร์ และค่าความตา่ งศกั ย์ 1.71 โวลต์ ในกรณีใชป้ ริมาณของใบมะขามตอ่ น้าในอตั ราส่วน 1 : 1 ยงั พบวา่ ค่โู ลหะท่ีสามารถใหก้ ระแสไฟฟ้า มากท่ีสุดคือ ทองแดงกบั มกั นีเซียม ในปริมาณของใบมะขาม 300 กรัม กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มมากที่สุดในวนั ที่ 1 ของการทดลอง มีค่ากระแสไฟฟ้าเฉลี่ย 14.83 มิลลิแอมแปร์ และมีค่าความต่างศกั ย์ 1.82 โวลต์
ข กติ ติกรรมประกาศ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรื่องเซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขาม เลม่ น้ี สาเร็จลลุ ่วงไดด้ ว้ ยความกรุณาจาก คุณครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ คุณครูที่ปรึกษาวิชาIS ที่ไดใ้ หค้ าเสนอแนะ แนวคดิ ตลอดจนใหค้ าแนะนาแกไ้ ข ขอ้ บกพร่องตา่ งๆมาโดยตลอด จนโครงงานเลม่ น้ีเสร็จสมบูรณ์ คณะผจู้ ดั ทาจึงขอขอบพระคณุ เป็ยอยา่ งสูง ขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คณุ แม่ และผปู้ กครองท่ีใหค้ าแนะนา คาปรึกษาในเรื่องตา่ งๆ รวมทงั เป็น กาลงั ใจท่ีดีเสมอมา คณะผจู้ ดั ทา
สารบัญ ค เร่ือง หน้า บทคดั ยอ่ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบญั ค บทท่ี 1 บทคดั ยอ่ 1 1.1ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน 2 1.2จุดมุ่งหมายในการศึกษาคน้ ควา้ 5 1.3สมมติฐานของการศึกษา 8 1.4ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 9 บทที่ 2 เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินงาน บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน บทท่ี 5 สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรรม ประวตั ิผศู้ ึกษา
1 บทท1่ี บทนา 1.1 ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน ปัจจุบนั พลงั งานที่เรานามาใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดม้ าจากแหล่งตา่ งๆ ท่ีอยรู่ อบตวั เรา เช่น พลงั งาน แสงอาทิตย์ น้า ลม ความร้อน เช้ือเพลิงตา่ งๆ พลงั งานเหลา่ น้ีนบั วนั กล็ ดนอ้ ยลงเรื่อยๆ เราจึงจาเป็นจะตอ้ งหา แหลง่ พลงั งานใหมๆ่ มาทดแทน เพื่อใหม้ ีพลงั งานเพียงพอที่จะนามาใชใ้ นอนาคต โครงงานวทิ ยาศาสตร์เรื่องน้ีเป็นเรื่องหน่ึง ซ่ึงนบั วา่ เป็นการหาแหล่งพลงั งานใหม่ ท่ีเราสามารถนามาใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั ไดแ้ นวคดิ จากการอา่ นหนงั สือ เรื่อง พลงั งานไฟฟ้าจากสิ่งมีชีวิต คอื ไฟฟ้าในพืชทาใหเ้ กิดความ สนใจเรื่องน้ี จึงนาเร่ืองน้ีไปปรึกษาอาจารย์ 1.2 จุดมงุ่ หมายการศึกษาคน้ ควา้ 1.เพอ่ื เปรียบเทียบความสามตา่ งศกั ย์ และการเกิดกระแสไฟฟ้าจากใบมะขาม 2.เพ่ือเปรียบเทียบกระแสไฟฟ้า เม่ือใชค้ ู่โลหะท่ีเป็นข้วั ต่างชนิดกนั 3.เพอื่ สร้างเซลลไ์ ฟฟ้าจากใบมะขามมาใชป้ ระโยชน์ 1.3สมมติฐานของการศึกษา 1.ความต่างศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟ้าจากใบมะขามท่ีทีปริมาณแตกต่างกนั จะมีคา่ แตกต่างกนั 2.ความตา่ งศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟ้าจากใบมะขามท่ีใชค้ โู่ ลหะเป็นอิเล็คโตรด(ข้วั )ตา่ งกนั จะมีคา่ ต่างกนั 3.ความต่างศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟ้าจากใบมะขามจะมีปริมาณลดลงเมื่อเวลาเพ่ิมข้ึน 1.4ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1.ทราบถึงความต่างศกั ยแ์ ละปริมาณกระแสไฟฟ้าจากใบมะขามท่ีมีปริมาณแตกตา่ งกนั เพื่อสามารถนาเอา เซลลไ์ ฟฟ้าที่ไดจ้ ากใบมะขามไปใชป้ ระโยชน์ 2.เพือ่ เป็นการฝึกและนาทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ มาใชใ้ นการทดลอง และแกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั
2 บทท่ี 2 เอกสารท่เี กย่ี วข้อง ความรู้ท่วั ไปเก่ยี วกบั มะขาม มะขาม มะขามเป็นพืชใน ตระกลู Caesalpiniaceae เป็นไมย้ นื ตน้ มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่เป็นไมท้ ี่ เจริญเติบโตชา้ ถา้ ไดร้ ับน้าอยา่ งสม่าเสมอและเพียงพอจะทาใหต้ น้ เป็นพุ่มเขียวสวยงามตลอดท้งั ปี ถา้ ข้นึ ในพ้นื ท่ี แหง้ หรือหลงั เกบ็ เก่ียว แลว้ ไม่มีการใหน้ ้าจะทาใหใ้ บบางใบหล่นในปลายฤดูหนาวใบใหม่จะเร่ิมเจริญขนึ้ มาใน ระหวา่ งตน้ ฤดูฝน ส่วนฝักมะขามจะเกบ็ เกี่ยวไดป้ ระมาณเดือนมกราคม จะเร็วหรือชา้ ข้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ ม มะขามเป็นพชื ท่ีใหป้ ระโยชน์หลายอยา่ ง คือ นอกจากให้ประโยชนท์ างดา้ นอาหารและเป็นยารักษาโรค บางอยา่ ง ยงั ใชป้ ลกู เป็นไมประดบั ที่สวยงามชนิดหน่ึงอีกดว้ ย ส่วนอื่นๆของมะขาม เนื้อ เน้ือมะขามเร่ิมใชป้ ระโยชน์ไดต้ ้งั แต่เป็นฝักมนั อ่อน โดยนามาปรุงอาหารเช่น ทาเป็นน้าพริก มะขามอ่อนหรือใชบ้ ริโภคสดๆร่วมกบั พริกเกลือหรือกะปิ หวาน ฝักสดท่ีแก่จดั เมด็ เร่ิมเปลี่ยนสีแตเ่ ปลือกยงั ไม่ ลอ่ น นิยมใชท้ ามะขามแช่อ่ิมบางคร้ังก็นิยมนามาเผาไปจนเกรียมหรือหมกไวใ้ นเทา่ ฟันและแกะเปลือกทองใช้ รับประทาน ฝักมะขามเปร้ียวที่แก่จดั และเปลือกหุม้ เปราะดีแลว้ เม่ือแกะเปลือกออกภายในเรียกวา่ มะขามเปี ยก นอกจากใชใ้ ส่แกงต่างๆเพื่อปรุงรสแลว้ ยงั ใชท้ าน้ามะขามมะขามกวนต่างประเทศอินเดียและบริเวณใกลเ้ คียง ใครทาจตั นีใชม้ ะขามดองปลาเพ่อื ดบั กลิ่นคาว เปลือกฝัก เปลือกของฝักมะขามที่แกะเน้ือมาออกไปแลว้ ใส่น้าเป็นยาฝาดสมาน ใชเ้ ปลือกที่ทุบใหแ้ ตก เป็นเกร็ดเลก็ ๆผสมกบั ยาสูบพ้นื เมืองช่วยทาใหร้ สชาติยาสูบกลมกล่อมดียง่ิ ข้ึน เปลือกเมลด็ เปลือกสีน้าตาลที่หุม้ เมลด็ น้นั เม่ือกะเทาะออกเอาเน้ือสีขาวขา้ งในออกไปแลว้ อาจนามาใช้ เป็นอาหารสตั วห์ รือนามาผสมกบั สารส้มและยางสนเพอื่ ทาสียอ้ มผา้ ใบอ่อน ไมอ่ ่อนหรือยอดมะขามนิยมใชป้ รุงอาหารไทย ใบแก่ ในประเทศอินเดียใชใ้ บแก่มาสกดั สีออกเพื่อทาสียอ้ มผา้ ราก ใชส้ ่วนของรากมะขามรักษาโรคเร้ือน
3 โครงสร้าง มะขามเป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งกา้ นสาขามากไมม่ ีหนาม เปลือกตน้ ขรุขระและ หนา สีน้าตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเลก็ ออกตามกิ่งกา้ นใบเป็นคู่ ใบยอ่ ยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและ โคนใบมน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10-15 คู่ แต่ละใบยอ่ ยมีขนาดเลก็ กวา้ ง 2-5 มม. ยาว 1-2 ซม. ออกรวมกนั เป็น ช่อยาว 2-16 ซม. ดอก ออกตามปลายก่ิง ดอกมีขนาดเลก็ กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยกู่ ลาง ดอก ผลเป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโคง้ ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้าตาลเกรียม เน้ือในติด กบั เปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแขง็ กรอบหกั ง่าย สีน้าตาล เน้ือในกลายเป็นสีน้าตาลหุม้ เมลด็ เน้ือมีรส เปร้ียว และ/หรือหวาน ซ่ึงฝักหน่ึง ๆ จะมีหุม้ เมลด็ 3-12 เมลด็ เมลด็ แก่จะแบนเป็นมนั และมีสีน้าตาล ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก ใบยอ่ ยแตล่ ะใบแยกออกจากกา้ น2 ขา้ งของแกนกลาง คลา้ ย ขนนก ถา้ ปลายสุดของใบจะเป็นใบยอ่ ยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ การปลกู มะขาม นิยมขยายพนั ธุ์โดยการทาบก่ิง ติดตาหรือต่อก่ิง เพราะไดผ้ ลเร็วและลดการกลายพนั ธุ์ ทาไดโ้ ดยเตรียมดิน โดยขดุ หลุมกวา้ ง ยาวและลึกดา้ นละ 60 ซม.ใส่ป๋ ยุ คอกหรือป๋ ุยหมกั คลกุ เคลา้ ดินรองกน้ หลมุ เอาก่ิงพนั ธุล์ งปลูก รดน้าใหช้ ุ่ม มะขามเม่ือลงดินแลว้ จะโตเร็ว ควรใชไ้ มห้ ลกั พยงุ ไวใ้ หแ้ น่น และการบารุงรักษาหลงั เริ่มปลูก ควร เอาใจใส่ดายหญา้ รอบตน้ และรดน้าทกุ วนั ข้ึนไดใ้ นดินแทบทกุ ชนิดแมแ้ ต่ดินเลว เช่นดินลกู รัง เจริญไดด้ ีในดิน ร่วนปนดินเหนียว ทนแลง้ ไดด้ ี ฤดูปลูกที่เหมาะสม คอื ตน้ ฤดูฝน ควรหาเศษหญา้ ฟางคลมุ โคนจนกวา่ ตน้ จะ แขง็ แรง ควรฉีดยาป้องกนั โรคราแป้งและแมลงพวกหนอนเจาะฝัก ดว้ งเจาะเมลด็ ในระยะที่เป็นดอกอยู่ ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั พลงั งานไฟฟ้าจากปฏิกริ ิยาเคมี พลงั งานไฟฟ้าจากปฏิกริิยาเคมีเป็นพลงั งานไฟฟ้าท่ีเกิดจากการนาโลหะต่างชนิดกนั จุ่มลงในสารละลาย อิเลคโตรไลตก์ ็จะเกิดปฏิกริิยาใหแ้ ละรับอิเลคตรอน ในกรณีนจี้ ะเกิดความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าข้นึ ระหวา่ งข้วั ท้งั สอง ถา้ นาตวั นามาต่อท่ีข้วั ท้งั สองก็จะเกิดการ ไหลของอิเลคตรอน หรือกระแสไฟฟ้าขนึ้ เซลลไ์ ฟฟ้าเคมีถูกประดิษฐ์ ข้นึ เป็นครั้งแรกโดย อเลคซิลโดร วอลตา จึงเรียกว่า เซลของวอลตา หรือวอลตาอิกเซลลส์ ่วนประกอบที่สาาคญั ไดแ้ ก่ 1.ข้วั ไฟฟ้า หรืออิเลคโตรด ทาดว้ ยโลหะ 2 ชนิดที่แตกตวั เป็นอิออนไดไ้ ม่เทา่ กนั เช่น แผน่ ทองแดง และแผน่ สังกะสี หมายเหตุในเซลลไ์ ฟฟ้าเคมีมีการกาหนดข้วั ไวด้ งั น้ี
4 ข้วั บวก คือ ข้วั ท่ีมีอิเลก็ ตรอนหนาแน่นนอ้ ยกวา่ หรือข้วั ที่อิเลก็ ตรอนไหลเขา้ ข้วั ลบ คือ ข้วั ท่ีมีอิเลก็ ตรอนหนาแน่นมากกวา่ หรือข้วั ที่มีอิเลก็ ตรอนไหลออก 2.สารละลายอเิ ลคโตรไลท์เป็นสารละลายท่ียอมใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นไดห้ รือสามารถแตกตวั เป็นอิ ออนได้ เช่น สารละลายกรดซลั ฟิ วริก, สารละลายคอปเปอร์ซลั เฟต ขบวนการใหแ้ ละรับอิเลก็ ตรอนของปฏิกิริยาเซลลไ์ ฟฟ้าเคมีน้ี นกั เคมีเรียกวา่ ปฏิกิริยาออกซิเดชนั่ รีดกั ชนั ซ่ึงรวมเรียกส้นั ๆวา่ ปฏิกิริยารีดอกซ์ ในกระบวนการใหแ้ ละรับอิเลก็ ตรอนของปฏิกิริยาเซลลไ์ ฟฟ้าเคมีน้นั ถา้ ใช้ ค่โู ลหะทองแดงกบั สงั กะสี
5 บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ การทดลอง พืชท่ีใช้ทดลอง 1. ใบมะขาม 2. ใบตน้ เขยี วหมื่นปี 3. ใบหญา้ 4. ใบยคู าลิปตสั วัสดุและเคร่ืองมือ 1. โลหะทองแดง, แมกนีเซียม, สงั กะสี, ตะกวั่ 2. กระป๋ องพลาสติก สูง 14.5 cm 3. น้า 4. เคร่ืองป่ัน 5. เคร่ืองชงั่ 6. ไมบ้ รรทดั 7. มลั ติมิเตอร์ 8. ปลก๊ั ไฟ 3 ตา 9. สายไฟพร้อมครีมปากจระเข้
6 10. มีด 11. นาฬิกา 12. กระบอกตวง 13. บิกเกอร์ 14. โถแกว้ 15. กลอ้ งถ่ายรูป วิธดี าเนนิ การทดลอง การทดลอง 1 (การทดลองเบื้องต้น) พืชที่ใชท้ ดลอง 1. ตน้ มะขาม ขนาดเลก็ 2. ตน้ เขยี วหมื่นปี 3. ตน้ ยคู าลิปตสั วธิ ีทดลอง 1) ไปวดั กระแสไฟฟ้ า ท่ีตน้ มะขามที่มีเส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง ประมาณ 20 cm สูงจากพ้นื ดิน ประมาณ 100 cm โดยเจาะเปลือกลงไปลึกประมาณ 1.5 cm ห่างกนั 2 cm (เจาะ 2 รู) 2) ใช้ Cu กบั Zn เสียบลงไปในรูต่อแอมมิเตอร์วดั ค่ากระแสไฟฟ้ าบนั ทึกผล 3) ทาการทดลองเหมือนขอ้ 1-2 แต่เปลี่ยนราก โดยขดุ ดินลงไป เลือกรากท่ีมีขนาดเส้นผ่าน ศนู ยก์ ลาง ประมาณ 2 cm เจาะรู 2 รู ใช้ Cu และ Zn เป็นคู่โลหะวดั ค่ากระแสไฟฟ้ าบนั ทึกผล
7 4) ทาการทดลองเหมือนขอ้ 1 – 3 แต่เปลี่ยนจากตน้ มะขามเป็นตน้ เขยี วหมื่นปี และตน้ ยูคาลิปตสั ตามลาดบั บนั ทึกผล
8 บทท่ี 4 สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง ผลจากการทดลอง เม่ือใชค้ ูโ่ ลหะ (Cu และ Zn และเติมน้า 150 cm3 ทุกระดบั พบวา่ ใบมะขามมวล 150 กรัม เมื่อทาการวดั ค่ากระแสไฟฟ้ าต้งั แตว่ นั ท่ี 1 ถึงวนั ท่ี 5 กระแสไฟฟ้าท่ีไดจ้ ะมีค่าเพม่ิ ข้ึนโดยเฉลี่ย เรียงตามลาดบั วนั ท่ีตรวจวดั ดงั น้ี 2.63, 3.05, 3.50, 3.60, และ 5.5 mAตามลาดบั ส่วนค่าความตา่ งศกั ยท์ ี่วดั ไดไ้ ม่แตกตา่ งกนั มากนกั ใบ มะขามมวล 200 กรัม เมื่อทาการวดั ค่ากระแสไฟฟ้ าต้งั แต่วนั ท่ี 1 ถึงวนั ท่ี 5 ปรากฏวา่ กระแสไฟฟ้าที่วดั ไดจ้ ะ เพิ่มจนถึง วนั ท่ี 4 ส่วนวนั ท่ี 5 กระแสไฟฟ้ าท่ีวดั ไดจ้ ะลดลงนอ้ ยกวา่ วนั ท่ี 4 ดงั น้ี 3.3, 4.5, 4.5, 5.6, 4.6 mA ส่วน ค่าความต่างศกั ยท์ ่ีไดจ้ ะไม่แตกต่างกนั มากนกั ใบมะขามมวล 250 กรัม เมื่อทาการวดั คา่ กระแสไฟฟ้ าต้งั แต่วนั ที่ 1 ถึงวนั ท่ี 5 ปรากฏวา่ กระแสไฟฟ้ าที่วดั ไดจ้ ะเพิม่ ข้ึนจนถึงวนั ท่ี 4 ส่วนวนั ท่ี 5 กระแสไฟฟ้ าที่วดั ไดจ้ ะลด นอ้ ยลงกวา่ วนั ท่ี 4 กระแสไฟฟ้ าที่วดั ไดโ้ ดยเฉล่ียมีดงั น้ี 3.6, 5.6, 6.4, 9.6, และ 7.5 mA ตามลาดบั ส่วนคา่ ความ ต่างศกั ยม์ ีคา่ แตกตา่ งกนั เลก็ นอ้ ย ใบมะขามมวล 300 กรัม พบวา่ กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มข้นึ ตามเวลาจนถึงวนั ท่ี 4 ท่ี ทาการวดั และจะมีกระแสไฟฟ้ าลดลงในวนั ท่ี 5 กระแสไฟฟ้าที่วดั ไดโ้ ดยเฉล่ียมีดงั น้ี 3.5, 4.0, 4.5, 6.16 และ 4.6 mA ตามลาดบั คา่ ความต่างศกั ยแ์ ตกตา่ งกนั เลก็ นอ้ ยจากการทดลองจะเห็นวา่ กระแสไฟฟ้ าที่วดั ไดม้ ากที่สุดที่ ระดบั มวลใบมะขาม 250 กรัม เติมน้า 150 cm3 และพบวา่ เม่ือทดลองไปเวลาเพ่มิ ข้ึนท่ีแผน่ สงั กะสีจะมีสีดา ปรากฏและมีเช้ือราเกิดข้ึนใบมะขาม
9 บทท่ี 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ เมื่อใชค้ โู่ ลหะทองแดงและสังกะสีกรณีเติมน้า150 cm3 มวลของใบมะขามท่ีใหก้ ระแสไฟฟ้ามากที่สุด คือ มวล 250 กรัม โดย มีคาเฉลี่ยของกระแสไฟฟ้าสูงท่ีสุดในวนั ที่ 4 ท่ีทาการวดั คือ 9.6 mA และมีความตางศกั ย์ ไฟฟ้าประมาณ 0.95 โวลต์ เม่ือใชค้ ู่โลหะทองแดงกบั มกั นีเซียม มวลของใบมะขามท่ีใหกระแสไฟฟ้ามากที่สุด คือ มวล 250 กรัม โดยมีคาเฉล่ียของ กระแสไฟฟ้ามากท่ีสุด ในวนั ที่ 2 ท่ีทาการวดั คือ 14.83 mA และมีความต่าง ศกั ย์ ไฟฟ้าประมาณ 1.71 โวลต์ เม่ือใชค้ ู่โลหะทองแดงกบตะกว่ั มวลของใบมะขามท่ีใหก้ ระแสไฟฟ้ามากที่สุด คือ มวล 300 กรัม โดยมีค่าเฉลี่ยของ กระแสไฟฟ้าสูงที่สุดในวนั ท่ี 4 ท่ีทาการวดั คอื 2.6 mA และมีความต่างศกั ย์ ไฟฟ้าประมาณ 0.48 โวลต์ จะเห็นไดว้ า่ คู่โลหะทองแดงกบมกั นีเซียม จะเป็นคู่โลหะท่ีสามารถใหก้ ระแสไฟฟ้า ไดม้ ากท่ีสุด รองลงมากเป็นคู่ โลหะทองแดงกบั สงั กะสีและคไู่ ฟฟ้าท่ีให้กระแสไฟฟ้าไดนอ้ ยที่สุดคือ ทองแดง กบตะกวั่ ข้อเสนอแนะ 1. จากการทดลองพบวาสามารถนากระแสไฟฟ้าจากใบมะขามที่หมกแลว้ 6 วนั ไปลองตอ่ กระแสไฟเขา้ ไปใน นาฬิกาดูพบวา่ นาฬิกาสามารถเดินไดเ้ ช่นเดียวกนั การใชถ้ ่านไฟฉาย และเท่ียงตรงดว้ ย จากการทดลองน้ีควรจะ ไดม้ ีการศึกษาคนควา้ ลองใชก้ ระแสไฟฟ้าจากใบมะขามน้ีในเคร่ืองเล่น เครื่องใชไ้ ฟฟ้าต่างๆต่อไป 2. จากการทดลองวดั กระแสไฟฟ้าและนาไปใชน้ ้นั ใบมะขามบดละเอียดท่ีใชทดลองเสร็จแลว้ อาจสามารถนามา ทาเป็นป๋ ยุ ไดค้ วรจะมีการศึกษาคนควา้ ตอ่ ไป 3. การทดลองเซลลไฟฟ้าจากใบมะขามน้ีเราอาจจะลองใชใ้ บอ่ืนๆ หรือสิ่งอื่นๆ มาทาการศึกษาคน้ ควา้ ต่อไปวา่ จะเกิดกระแสไฟฟ้าไดห้ รือไมซ่ ่ึงงจะเป็นการพฒั นาแหลง่ พลงั งานต่างๆมาใชป้ ระโยชน์ไดม้ ากยงิ่ งข้นึ
บรรณานุกรม 1. http://hanhyomin3114anc.blogspot.com/p/science.html 2. https://lordoffreedom.wordpress.com/2018/08/10/%E0%B9%80%E0%B8%8 B%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%9 F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B 2%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B 0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1-electricity-from-t/ 3. https://lordoffreedom.files.wordpress.com/2018/08/580_1.pdf
ประวัติผู้ศึกษา เร่ือง : เซลล์ไฟฟ้าจากใบมะขาม 1.นายธนากร วรรณทอง ประวัตสิ ่วนตวั วัน เดือน ปี เกดิ อายุ ที่อยู่ ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ันป.6 ร.ร.ปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2462 ช้ันม.4/3 ร.ร.ปัว 2.นายพทั ธดนย์ วงั แสง ประวตั ิส่วนตวั วัน เดือน ปี เกดิ อายุ ท่ีอยู่ ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ันป.6 ร.ร. ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2562 ช้ันม.4/5 ร.ร.ปัว 3.บงกชกร ช่วยพนั ธ์ ประวตั สิ ่วนตัว 29/03/46 อายุ 17 ท่อี ยู่ 6/6 บา้ นสวนดอก ตาบลวรนคร อาเภอปัว จงั หวดั น่าน ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ันป.6 ร.ร.วรนคร
ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2562 ช้ันม.4/5 ร.ร.ปัว เลขท่ี 18 4.นางสาวพิริยาภรณ์ สุขพูล ประวตั สิ ่วนตัว 01/08/2546 อายุ 17 ทอี่ ยู่ บา้ นเลขที่ 86 หมู่ 8 ตาบลปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน 5510 ประวตั ิการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ันป.6 ร.ร.ปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2562 ช้ันม.4/2 ร.ร.ปัว เลขที่ 36 5.นางสาวรวภิ ทั ร ศิวานนท์ ประวัติส่ วนตัว 09/07/2546 ท่ีอยู่ 174 หมู่ 8 ตาบลวรนคร อาเภอปัว จงั หวดั น่าน ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ.2558 ช้ันป.6 ร.ร.ปรางค์ ปี พ.ศ.2561 ช้ันม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2562 ช้ันม.4/4 ร.ร.ปัว เลขที่ 35 เพม่ิ เติม สาหรับขอ้ มูลของคนที่ไม่ไดใ้ ส่ขอ้ มูลลงไป เนื่องจากถามแลว้ ไมม่ ีใครตอบ ไม่มีใครสนใจ จึงสามารถใส่ขอ้ มูลไปไดแ้ ค่น้นั คะ่ ซ่ึงสามารถใส่ขอ้ มูลของคนอื่นได้ ตามเท่าที่รู้คะ่ แจง้ ใหท้ ราบ
จาก นางสาวพิริยาภรณ์ สุขพลู ขอบคุณคะ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: