26 นิทานอีสป สอนเด็กก่อนนอน โดย จิรัชญา
คำนำ การนำเอานิทานไปเล่าเรื่องประกอบคำสอนให้เด็ก ๆ ได้ฟัง ย่อมจะเป็นเครื่องทำให้เพลิดเพลิน และเสริม แบ่งปัน ความรู้ แบ่งเบาภาระที่จะต้องสอนเนื้อหาอย่างเดียว โดย อาศัยบุคลาธิษฐานเป็นตัวอย่างประกอบ นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้อะไร นอกจากนี้นิทานแต่ละเรื่องยังให้ข้อเท็จจริง และช่วยในด้านการอ่าน การเขียน การใช้ภาษาที่ถูกต้อง เป็นการเพิ่มทักษะในด้านการเห็น การฟัง และการทำตาม เยี่ยงอย่างอันดีนั้นด้วยการศึกษาเรื่องนิทาน จึงเป็นปัจจัย ให้เกิดความรู้ทั้งทางทฤษฎีและแนว ปฏิบัติด้วยทั้งสอง ทาง จนนำไปสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี หากเกิดความผิด พลาด ประการใดก็ขอมา ณ โอกาสนี้ด้วย
สารบัญ หน้า เรื่อง 1 2 ชายหนุ่มกับม้าพยศ 3 หมาป่ากับนกกระเรียน 4 หนูเมืองกับหนูนา 5 สุนัขจิ้งจอกกับอีกา 6 สิงโตป่วย 7 ราชสีห์กับหนู 8 ลากับหมาป่า 9 นกนางแอ่นเตือนภัย 10 กบเลือกนาย 11 ชาวประมงกับปลาตัวน้อย 12 กระต่ายกับกบ 13 สุนัขจิ้งจอกกับนกกระสา 14 หม้อสองใบ 15 วัวสี่ตัวกับราชสีห์ 16 ชายหัวล้านกับแมลงวัน 17 สุนัขจิ้งจอกและหน้ากาก 18 เทพารักษ์กับคนตัดไม้ 19 นกเหยี่ยวแดงกับนกพิราบ 20 แม่ปูกับลูกปู 21 งูกับปู 22 หมาจิ้งจอกตกบ่อ 23 สุนัขจิ้งจอกหางด้วน 24 สุนัขจิ้งจอกกับพวงองุ่น 25 สุนัขจิ้งจอกกับเม่น 26 ตั๊กแตนกับนกเค้าแมว 27 บรรณานุกรม
ชายหนุ่มกับม้าพยศ ชายหนุ่มคนหนึ่งคิดว่าตนเองเป็นคนขี่ม้าที่เก่งที่สุด เมื่อเห็นม้ากินหญ้าอยู่ริมคอกจึง กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า แต่หารู้ไม่ว่าม้านั้นไม่พร้อมที่จะยังให้ขี่ มันรู้สึกหนักเหมือนอะไรอยู่บนหลัง มันตกใจและยากที่จะตวบคุมตนเอง มันจึงวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง ชายหนุ่มคน นั้นไม่รู้จะทำเช่นไร เขาได้แต่ตกใจ ม้ามุ่งหน้าด้วยความรวดเร็วปานจรวด ทันใดนั้นเพื่อนของคนขี่ม้าเห็นจึงร้องถามว่า \"นี่! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ม้าของเจ้านี่มันช่างรวดเร็วดีจัง\" \"ข้าก็ไม่รู้ว่ามันจะรีบร้อนไปไหน เพราะตัวข้าไม่ได้บอกให้มันออกวิ่งเลย มันพาข้าไปเองต่างหาก\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทำการสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบถึงผลเสียที่จะตามมา 1
หมาป่ากับนกกระเรียน ชายหนุ่มคนหนึ่งคิดว่าตนเองเป็นคนขี่ม้าที่เก่งที่สุด เมื่อเห็นม้ากินหญ้าอยู่ริมคอกจึง กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า แต่หารู้ไม่ว่าม้านั้นไม่พร้อมที่จะยังให้ขี่ มันรู้สึกหนักเหมือนอะไรอยู่บนหลัง มันตกใจและยากที่จะตวบคุมตนเอง มันจึงวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง ชายหนุ่มคน นั้นไม่รู้จะทำเช่นไร เขาได้แต่ตกใจ ม้ามุ่งหน้าด้วยความรวดเร็วปานจรวด ทันใดนั้นเพื่อนของคนขี่ม้าเห็นจึงร้องถามว่า \"นี่! เจ้าจะรีบไปไหนกัน ม้าของเจ้านี่มันช่างรวดเร็วดีจัง\" \"ข้าก็ไม่รู้ว่ามันจะรีบร้อนไปไหน เพราะตัวข้าไม่ได้บอกให้มันออกวิ่งเลย มันพาข้าไปเองต่างหาก\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทำการสิ่งใดต้องคิดให้รอบคอบถึงผลเสียที่จะตามมา 2
หนูเมืองกับหนูนา กาลครั้งหนึ่ง หนูเมืองได้ไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่ชนบท ลูกพี่ลูกน้องของมันเป็นหนูที่เป็นกันเองและ มันรักมิตรเช่นหนูเมืองมาก ดังนั้นมันจึงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ให้หนูเมืองกินทั้งถั่ว เนยแข็ง และขนมปังอย่างไม่อั้น หนูเมืองประหลาดใจกับอาหารพวกนี้จึงพูด ว่า “ญาติที่รักข้าไม่เข้าใจเลย เจ้าทนกินอาหารกระจอกๆ พวกนี้ได้อย่างไร เอาเถอะข้าคิดว่านั่นเป็น เพราะเจ้าคงไม่อาจหวังอะไรที่ดีกว่านี้ได้ มากับข้าสิ แล้วข้าจะแสดงให้เห็นวิธีการใช้ชีวิต ถ้าเจ้าได้อยู่ ในเมืองสักอาทิตย์ เจ้านะแปลกใจว่าเคยทนกับสภาพชีวิตในชนบทได้อย่างไร” ไม่นานนักหนูสองตัวก็เดินทางเข้าเมือง และสุดท้ายทั้งคู่มาถึงบ้านพักของหนูเมืองในตอนดึก “เจ้า คงอยากได้เครื่องดื่มช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าหลังจากที่เดินทางมาแสนไกล” เจ้าหนูเมืองพูด อย่างสุภาพ และพาเพื่อนหนูไปยังห้องอาหารที่ใหญ่โต ที่นั่นพวกมันได้พบเศษอาหารที่เหลืออยู่จาก งานเลี้ยงชั้นเลิศ เจ้าหนูสองตัวไม่รอช้า รีบกินเค้กเยลลี่ รวมถึงของอร่อยอื่นๆ อีกมากมาย ทันใด นั้นเอง ทั้งสองก็ได้ยินเสียงเห่าหอน “อะไรน่ะ” หนูนาถาม “ก็แค่พวกหมาเท่านั้น”หนูเมืองตอบ “เท่านั้นหรือ!” หนูนาร้อง “ข้าไม่ชอบเสียงดนตรีแบบนี้ในระหว่างอาหารเย็นเลย”แล้วประตูก็เปิดออก สุนัขตัวใหญ่สองตัววิ่งเข้ามาเจ้าหนูสองตัวจึงต้องรีบกระโดดลงมาแล้ววิ่งหนีไป “ลาก่อนญาติที่รัก” เจ้าหนูนาเอ่ย “เฮ้ย ทำไมรีบกลับนักล่ะ” “อืมม์” เจ้าหนูนาตอบ “ข้ายอมกินถั่ว ในความสงบ ดีกว่ากิน เค้กในความหวาดกลัว” นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก 3
สุนัขจิ้งจอกกับอีกา ในวันหนึ่งขณะที่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในป่านั้น มันก็เผอิญสังเกตเห็นกาตัวหนึ่งคาบ เนื้อชิ้นใหญ่บินผ่านมาจึงเอ่ยทักทายขึ้น ว่า “สวัสดีเจ้ากา ข้าว่าดวงตาของเจ้าช่างดูสวยงามราวกับ ดวงตาของเหยี่ยวก็ไม่ปาน” เมื่อได้ยินคำสรรเสริญเยินยอจากสุนัขจิ้งจอกเช่นนั้น กาจึงค่อยๆ บินไปเกาะที่กิ่งไม้ใกล้ๆ สุนัข จิ้งจอกจึงกล่าวต่อว่า “เมื่อข้าได้เห็นเจ้าใกล้ๆ แล้ว ปีกของเจ้านี่ช่างดูเหมือนกับปีกอันแข็งแรงของ นกอินทรีย์เสียจริง” เมื่อได้ฟังดังนั้นกาก็รู้สึกพอใจในคำกล่าวของสุนัขจิ้งจอกเป็นอย่างมาก สุนัขจิ้งจอกก็ยังคง กล่าวต่อไปว่า “ข้าชักอยากฟังเสียงของเจ้าดูเสียเหลือเกินว่าจะไพเราะสักเพียงใด” กาได้ยินเช่นนั้น จึงอ้าปากเพื่อเปล่งเสียงร้องให้สุนัขจิ้งจอกฟัง ทำให้เนื้อชิ้นใหญ่ที่กำลังคาบอยู่นั้นตกลงมาที่พื้น สุนัขจิ้งจอกสบโอกาสจึงรีบเข้าไปคาบเนื้อชิ้นนั้นก่อนที่จะรีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ชอบพูดประจบประแจง มักต้องการผลประโยชน์จากเราเสมอ 4
สิงโตป่วย กาลครั้งหนึ่ง มีสิงโตตัวหนึ่งได้มาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มันนอนป่วยรอความตายใกล้ๆ ถ้ำของ มัน มันหายใจอย่างแผ่วเบา สัตว์ต่างๆ พากันมารายล้อมรอบตัวสิงโต และเขยิบเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เมื่อ เห็นว่าสิงโตช่วยตัวเองไม่ได้ พวกสัตว์แน่ใจว่าสิงโตกำลังจะตาย พวกมันคิดกับตัวเองว่า “ตอนนี้ถึง เวลาแล้วที่จะเอาคืนคู่ปรับเก่าที่แสนดุร้าย” ดังนั้นหมูป่าจึงเข้ามาและเอาเขี้ยวแทงไปที่ตัวสิงโต แล้ว กระทิงตัวหนึ่งก็ใช้เขาของมันขวิดสิงโต ทว่าสิงโตยังคงนอนแน่นิ่งช่วยตัวเองไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวก มัน ด้วยเหตุนี้เมื่อเจ้าลารู้สึกปลอดภัยดีแล้วมันจึงหันหางไปทางสิงโตและใช้เท้าหลังถีบหน้าสิงโต “นี่ คือความตายแบบสองเท่าตัว” สิงโตคราง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พวกขี้ขลาดตาขาวเท่านั้นที่ดูหมิ่นพระราชาที่กำลังจะตาย 5
ราชสีห์กับหนู ราชสีห์เจ้าป่าตัวหนึ่งกำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ หนูตัวหนึ่งวิ่งเล่นซุกซนจนเผลอไต่ขึ้นไป บนร่างของราชสีห์ทำให้ราชสีห์ตกใจตื่น คำรามด้วยความโกรธและตะปบจับหนูไว้ เจ้าหนูกลัวจนตัว สั่นร้องอ้อนวอนขอชีวิตว่า \"ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด แล้วสักวันข้าจะกลับมาช่วยเหลือท่าน เป็นการตอบแทน\" ราชสีห์หัวเราะลั่น \"หนูตัวจ้อยเช่นเจ้าจะช่วยอะไรเจ้าป่าอย่างข้าได้ แต่เอาเถอะ เมื่อเจ้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าก็จะปล่อยเจ้าเอาบุญแล้วกัน\" หลายวันต่อมา ขณะที่ราชสีห์ออกล่าเหยื่อบังเอิญพลาดท่าไปติดกับดักของนายพรานเข้า ราชสีห์ พยายามดิ้นหนีเท่าไรก็ไม่หลุดจึงได้แต่ร้องคำรามอย่างสิ้นหวัง เจ้าหนูได้ยินเสียงร้องของราชสีห์ก็จำได้ รีบวิ่งมาช่วยกัดแทะบ่วงทีละเส้นจนขาดออกในที่สุด ราชสีห์จึงรอดชีวิตมาได้ เพราะความช่วยเหลือจากหนูตัวเล็กๆ นี่เอง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าดูถูกผู้ด้อยกว่าเรา เพราะเขาอาจเป็นผู้ที่ช่วยเหลือเราก็เป็นได้ 6
ลากับหมาป่า ลาตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าในทุ่งแย่างเพลิดเพลิน บังเอิญหมาป่าตัวหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าก็คิดจะจับลากิน เป็นอาหาร ลารู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัวจึงแกล้งทำเป็นเจ็บเท้า แล้วขอร้องให้หมาป่าช่วย \"ท่านช่วยดึง หนามที่ตำเท้าข้าอยู่ออกให้หน่อยได้ไหม\" หมาป่าถามว่า \"แล้วทำไมข้าถึงต้องช่วยเจ้าด้วยล่ะ\" \"ถ่า ท่านไม่ดึงหนามออกก่อน แล้วท่านกินข้าเข้าไป หนามมันก็จะไปตำคอท่านน่ะสิ\" หมาป่าเห็นว่าลาพูด มีเหตุผล จึงก้มลงไปจะดึงหนามออกจากเท้าลา ลาได้จังหวะก็เตะเช้าที่หน้าหมาป่าเต็มแรงแล้วรีบวิ่ง หนีไป หมาป่าได้แต่บ่นกับตัวเองว่า \"ทำไมข้าถึงได้พยายามช่วยมันทั้งที่ข้ารู้วิธีการฆ่ามันแท้ ๆ\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความประมาททำให้คนฉลาดมีโอกาสเสียท่าคนที่โง่กว่าได้ 7
นกนางแอ่นเตือนภัย ณ ฟาร์มแห่งหนึ่ง มีเหล่านกอยู่มากมายต่างพากันมาอาศัยอยู่ ทำให้พืชผลที่ถูกปลูกไว้ได้รับความ เสียหาย วันหนึ่งชายผู้เป็นเจ้าของฟาร์มจึงได้นำเมล็ดฝ้ายมาหว่านเอาไว้ เมื่อนกนางแอ่นตัวหนึ่งเห็น เข้าก็รีบตะโกนบอกเพื่อนๆ ว่า “พวกเรามาช่วยกันทำลายเมล็ดฝ้ายเหล่านี้กันเร็วเข้า มันจะถูกเก็บ เกี่ยวนำมาถักทอเป็นตาข่ายสำหรับจับพวกเรา” เมื่อนกตัวอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นต่างก็พากันหัวเราะในความคิดที่เหลวไหลของนกนางแอ่น เวลาผ่าน ไปเมล็ดฝ้ายก็ได้เจริญงอกงามจนกลายเป็นต้น นกนางแอ่นจึงได้พยายามเตือนเพื่อนๆ อีกครั้ง แต่ก็ ไม่มีนกตัวใดเชื่อในคำเตือนของนกนางแอ่นแม้แต่ตัวเดียว นกตัวหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าอย่าวิตก กังวลไปเลย เจ้าของฟาร์มคงนำฝ้ายเหล่านั้นไปทอผ้ามากกว่านะ” แต่แล้วในที่สุดเจ้าของฟาร์มก็ได้นำฝ้ายไปถักทอเป็นเชือกและสานเป็นตาข่ายสำหรับดักจับนก และเหล่านกก็ถูกจับไปหมด เหลือแต่เพียงนกนางแอ่นตัวเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงรับฟังคำเตือนของผู้ที่หวังดีกับเรา 8
กบเลือกนาย ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ มีกบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่อย่างมีความสุข วันหนึ่งพวกมัน ปรึกษากันว่าน่าจะมีกษัตริย์มาปกครอง พวกมันจึงไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์ เทพจูปิเตอร์จึงได้ โยนขอนไม้ก้อนหนึ่งลงมาในทะเลสาบแห่งนี้ พวกกบต่างตื่นเต้นดีใจพากันขึ้นไปร้องเพลงเต้นระบำ กันอยู่บนท่อนไม้นั้น หลายวันต่อมาพวกกบต่างเบื่อราชาขอนไม้ที่ได้แต่ลอยน้ำไปมา จึงไปวิงวอนขอให้เทพจูปิเตอร์ส่ง กษัตริย์มาให้ใหม่อีกครั้ง เทพจูปิเตอร์จึงได้ส่งปลาไหลลงมา แต่ปลาไหลก็เอาแต่มุดอยู่ในรูพวกมัน จึงได้ไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์อีกครั้ง คราวนี้เทพจูปิเตอร์ได้ส่งนกกระสาลงมา นกกระสาได้ไล่จิกกินกบไปทีละตัวๆ ทุกวันจนกบแทบไม่ เหลือ ส่วนกบที่เหลือก็ไปร้องขอต่อเทพจูปิเตอร์อีกครั้ง เทพจูปิเตอร์นั้นด้วยความรำคาญพวกกบ จึงกล่าวว่า “หากพวกเจ้าไม่พอใจในความเป็นอยู่แบบเดิม พวกเจ้าก็จงทนเผชิญกับหายนะที่ร้องขอ กันต่อไปเถอะ” นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การไม่รู้จักพอในสิ่งที่มีอยู่ย่อมเกิดผลร้ายตามมา 9
ชาวประมงกับปลา ตัวน้อย ชาวประมงคนหนึ่ง นั่งตกปลาอยู่ริมทะเลเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่ได้ปลาสักตัว เขาจึงนั่งต่อไปจน เวลาเย็น เพราะหวังว่าจะได้ปลากลับไปบ้าง ในที่สุดก็มีปลาตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งมาติดเบ็ด ลูกปลาจึง ร้องขอชีวิตว่า \"ได้โปรดเถอะท่าน ข้ายังตัวเล็กเกินกว่าจะให้ท่านกินได้ในตอนนี้ ถ้าท่านปล่อยข้ากลับ ลงไปยังแม่น้ำ อีกไม่นานข้าก็จะเติบโตขึ้น แล้วท่านจะนำข้าไปปรุงอาหารชั้นเลิสได้\" ชาวประมง หัวเราะแล้วพูดว่า \"ไม่หรอก เจ้าปลาน้อย ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เรื่องอะไรเจ้าจะกลับมาให้ข้าจับอีกเล่า\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของที่ได้มาแม้เพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย 10
กระต่ายกับกบ กระต่ายป่าฝูงหนึ่งมีนิสัยขี้ขลาด ชอบตื่นตกใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง จึงมักโดนสัตว์ตัวอื่น ๆ แกล้งอยู่ เป็นประจำ พวกมันรู้สึกเหนื่อยล้ากับการต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้เหลือเกิน จึงตัดสินใจ จะจบชีวิตลงด้วยการกระโดดลงน้ำ แต่พอเจ้ากระต่ายวิ่งไปถึงสระน้ำ บรรดากบซึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ ริมสระก็ตกใจนึกว่ามีอันตรายมา พากันกระโดดหนีลงน้ำอย่างรวดเร็ว กระต่ายตัวหนึ่งเห็นดังนั้น จึงบอกกับกระต่ายตัวอื่น ๆ ว่า \"ช้าก่อนเพื่อน ๆ เราอย่าคิดฆ่าตัวตายกันเลย เห็นมั้ยว่ายังมีสัตว์อื่นที่ อ่อนแอและขี้ขลาดกว่าพวกเราเสียอีก\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่เป็นทุกข์กว่าเราอยู่เสมอ 11
สุนัขจิ้งจอกกับนกกระสา กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…มีสุนัขจิ้งจอกกับนกกระสา เพิ่งเริ่มคบหากับได้ไม่นาน และมันสองตัวมัก จะไปหามาสู่กันเป็นประจำ และดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ จนกระทั่งวันหนึ่งสุนัข จิ้งจอกได้เชิญนกกระสามาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน แต่สุนัขจิ้งจอกกลับแกล้งนกกระสาด้วยการไม่มีสิ่งใดมาเลี้ยงต้อนรับเลย นอกจากน้ำซุปที่ใส่ใน จานแบนๆ ซึ่งวางไว้อยู่ตรงหน้านกกระสาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สุนัขจิ้งจอกสามารถใช้ลิ้นตวัดกิน ซุปได้อย่างง่ายดาย แต่ในทางกลับกันนกกระสาทำได้เพียง ใช้ปลายจงอยปากของมันจุ่มลงไปในน้ำ ซุป นกกระสายังรู้สึกหิวแต่ก็ต้องปล่อยให้อาหารมื้อนั้นเหลือไว้ แล้วสุนัขจิ้งจอกก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอโทษนะ เจ้าคงจะไม่ชอบน้ำซุป” “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก” นก กระสาตอบ “ข้าหวังว่าอีกไม่นานเจ้าจะไปเยี่ยมข้าเป็นการตอบแทน และรับประทานอาหารมื้อเย็นกับ ข้าบ้าง” ทั้งสองจึงมีการกำหนดวันนัดกันขึ้นเพื่อที่สุนัขจิ้งจอกจะได้ไปเยี่ยมนกกระสาบ้าง เมื่อวันนัดหมายมาถึงมันทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะ อาหารทั้งหมดที่นำมาเลี้ยงนั้นถูกบรรจุอยู่ในเหยือก ทรงสูงปากแคบ ซึ่งสุนัขจิ้งจอกไม่สามารถเอาปากใหญ่ๆของมันใส่ลงไปได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่มันจะ ทำได้คือเลียที่ขอบด้านนอกของหยือก และนกกระสาก็กล่าวว่า “ข้าจะไม่ขอโทษสำหรับอาหารเย็น มื้อนี้หรอกนะ” แล้วสิ่งที่สุนัขได้รับในวันนี้ก็ทำให้มันนึกถึงสิ่งที่เคยทำไว้กับนกกระสา นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การกระทำใดๆที่ไม่ดีต่อผู้อื่น สักวันหนึ่งเราอาจได้รับสิ่งนั้นกลับมา 12
หม้อสองใบ ณ ริมฝั่งแม่น้ำ มีหม้อสองใบถูกนำมาวางทิ้งไว้ ใบหนึ่งทำจากทองเหลือง ส่วนอีกใบทำจากดินเผา เมื่อระดับน้ำสูงขึ้น หม้อทั้งสองใบก็ถูกพัดให้ลอยไปตามกระแสน้ำ ตอนนี้เองหม้อดินเผาได้ พยายามที่จะรักษาระยะห่างจากหม้อทองเหลืองอย่างเต็มที่ แม้ว่าหม้อทองเหลืองจะร้องตะโกนว่า “ไม่ต้องกลัวหรอกเพื่อนเอ๋ย ข้าจะไม่ชนเจ้าหรอก” หมอดินเผา ขอร้องว่า \"ได้โปรด อย่าเข้ามาใกล้ข้ามากกว่านี้เลย ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะแตกออกเป็น เสี่ยงๆ ได้ หากเจ้าชนข้าเพียงครั้งเดียว\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงอยู่ให้ห่างผู้ที่จะเป็นภัยต่อเรา 13
วัวสี่ตัวกับราชสีห์ เรื่องมีอยู่ว่า ราชสีห์ตัวหนึ่งมักจะเข้าไปหากินบริเวณทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของวัวทั้ง 4 บ่อย ครั้งที่ราชสีห์พยายามเข้าจู่โจมพวกวัว แต่เมื่อไดก็ตามที่มันเข้าใกล้ วัวทั้ง 4 จะหันหางเข้าหากัน ดัง นั้นไม่ว่าราชสีห์จะวิ่งไปทางไหนก็หนีไม่พ้นเขาของพวกวัว ราชสีห์จึงไปพูดยุแหย่วัวทีละตัวเพื่อให้มันแตกคอกัน \"พวกเพื่อนของเจ้าหน่ะไปพูดกับวัวตัวอื่น หาว่าเจ้าอ่อนแอเป็นตัวถ่วง ต้องคอยปกป้องอยู่ตลอด\" ราชสีห์พูดแบบนี้กับวัวทุกตัว จนกระทั่ง วันหนึ่งวัวทั้ง 4 เกิดทะเลาะกันและก็แยกย้ายกันไป ราชสีห์จึงใช้โอกาสนี้จับวัวกินเป็นอาหารได้อย่าง สะดวก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย 14
ชายหัวล้านกับ แมลงวัน ในวันที่แสนร้อนระอุวันหนึ่งในฤดูร้อน มีชายหัวล้านคนหนึ่งนั่งพักเหนื่อยหลังจากทำงานเสร็จ ไม่ นานก็มีแมลงวันตัวหนึ่งบินมาตอมที่หัวของเขา มันบินวนไปมาจนเขาเริ่มรำคาญ จึงใช้มือตบ แมลงวัน แต่ก็พลาดไปโดนหัวตัวเองหลายครั้ง แมลงวันหัวเราะชอบใจพูดจาเยาะเย้ยว่า\"ท่าน พยายามจะตีข้าแต่ทำไมกลับตีโดนแต่หัวของตัวเอง ช่างน่าขำเสียจริง ฮ่า ๆ ๆ\" จากนั้นมันก็บินเล่นรอบหัวของชายหัวล้านอย่างสนุกสนาน ทำให้ชายหัวล้านโกรธมาก จนทนไม่ ไหว เขาจึงลุกขึ้นไล่ตบแมลงวันและพูดว่า \"ข้าจะต้องจัดการเจ้าให้ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องทำร้ายตัวเอง มากกว่านี้ก็ตาม\" แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็ยังคงตีโดนแต่หัวตัวเองอยู่นั่น นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การจองเวรและการล้างแค้นจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง 15
สุนัขจิ้งจอกและ หน้ากาก สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งแอบเดินเข้าไปในห้องเก็บของของโรงละคร มันรื้อค้นข้าวของเละเทะไปหมด ทันใดนั้นมันก็มีแสงแวววาวส่องมาจากของสิ่งหนึ่ง มันจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ และพบว่าสิ่งนั้นคือ หน้ากากที่มนุษย์ใช้ส่วมใส่เพื่อความสวยงาม เวลาแสดงบนเวที สุนัขจิ้งจอกจึงอุทานว่า \"โอ้ เจ้าช่าง งดงามอะไรเช่นนี้ แต่เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้าช่างไม่มีคุณค่าอะไรเลย ในเมื่อเจ้าปราศจากสมองโดยสิ้นเชิง\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความงดงามอยู่ที่สติปัญญา มิใช่ที่รูปร่างหน้าตาภายนอก 16
เทพารักษ์กับคน ตัดไม้ ชายตัดไม้คนหนึ่งทำขวานหลุดมือตกลงไปในบึง เขานั่งโศกเศร้าอยู่ริมฝั่งด้วยความเสียดาย เทพารักษ์สงสารจึงปรากฏกายขึ้นและช่วยงมขวานคืนให้ ครั้งแรก เทพารักษ์งมเอาขวานทองคำขึ้นมา แต่ชายตัดไม้ปฏิเสธว่า \"ขวานเล่มนี้ไม่ใช่ของ ข้าพเจ้าหรอก\" ครั้งที่สอง เทพารักษ์งมขวานเงินขึ้นมาให้ ชายตัดไม้ก็ปฏิเสธอีก ครั้งสุดท้าย เทพาลักษ์นำขวานเหล็กเก่าคร่ำคร่ามาให้ ชายตัดไม้ก็ดีใจมาก ที่ได้ขวานของตนคืน เทพารักษ์ชื่นชมความซื่อสัตว์ของเขา จึงมอบขวานทองคำและขวานเงินให้ด้วย เพื่อนของชายตัดไม้ รู้เรื่องนี้ก็นึกอิจฉาอยากได้บ้าง จึงไปยังริมบึงและแกล้งทำขวานหลุด มือตกน้ำ เมื่อเทพารักษ์ปรากฏกายขึ้นและงมขวานทองคำขึ้นมาให้ ชายผู้นี้ก็รีบตอบว่าเป็นขวาน ของตน เทพารักษ์เห็นว่าเขาเป็นคนโป้ปดโลภมาก จึงหายตัวไปทันที เพื่อนของชายตัดไม้จึงไม่ได้ แม้แต่ขวานของตนคืน นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้มีความสัตย์ ย่อมได้รับผลดีตอบแทน 17
นกเหยี่ยวแดง กับนกพิราบ นกพิราบฝูงหนึ่งหวาดกลัวนกเหยี่ยวที่คอยโฉบจับกินเป็นอาหาร จึงประชุมปรึกษาหาทางแก้ไข นก เหยี่ยวแดงตัวหนึ่งอยากกินนกพิราบจึงออกอุบายเสนอว่า \"ทำไมไม่ให้ข้าเป็นหัวหน้าฝูงล่ะ ข้าก็แข็งแรงไม่แพ้นกเหยี่ยว คุ้มครองดูแลพวกเจ้าได้ปลอดภัย แน่\" ฝูงนกพิราบหลงเชื่อจึงให้นกเหยี่ยวแดงเป็นหัวหน้าฝูง นกเหยี่ยวแดงก็ตั้งตนเป็นพระราชา สวม มงกุฏอย่างสง่างาม \"ในเมื่อพวกเจ้ายินดีให้ข้าเป็นพระราชาของพวกเจ้าแล้วข้าก็ควรจะได้กินนกพิราบตัวอ้วนๆ เพื่อ ให้มีกำลังใจปกป้องพวกเจ้าได้\" นับตั้งแต่นั้นมา นกเหยี่ยวแดงก็จับนกพิราบกินทุกวัน โดยไม่ต้องโฉบจับให้เหนื่อย ฝูงนกพิราบได้ รับความเดือดร้อนมากต่างรำพึงกันว่า \"สมน้ำหน้านักเชียวที่โง่เขลายอมให้ศัตรูร้ายเป็นหัวหน้าฝูง จึงต้องพบความลำบากอย่างนี้\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้แข็งเแรงมักใช้อำนาจข่มแหงผู้อื่น 18
แม่ปูกับลูกปู เช้าวันหนึ่งแม่ปูพาลูก ๆ ออกมาเดินหาอาหารที่ชายหาด แม่ปูเห็นลูกปูเดินเฉไปเฉมา ไม่เป็นระเบียบจึง บอกลูกปูว่า \"ลูก ๆ จ๋า เดินแบบนี้ไม่สวยเลยนะจ๊ะ ไหนลองเดินตรง ๆ หน่อยซิ\" ลูกปูจึงพูดกับแม่ว่า \"ถ้าอย่างนั้นแม่ช่วยเดินให้พวกหนูดูหน่อยสิคะ พวกหนูจะได้เดินตาม\" แม่ปูจึงเดินให้ลูกดู แต่มันก็ไม่ สามารถเดินให้ตรงได้เช่นเดียวกัน หลังจากวันนั้น แม่ปูจึงไม่กล้าสอนลูกในสิ่งที่ตนทำไม่ได้อีกเลย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะสอนใคร ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้เสียก่อน 19
งูกับปู ณ ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง งูกับปูเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ปูมีนิสัยชอบเดินไป ด้านข้าง ส่วนงูชอบเลืื้อยคดเคี้ยวไปมา วันหนึ่ง ปูเห็นงูเลื้อยคดเดี้ยวไปมาดูน่ารำคาญ ปูจึงบอกให้งู เดินเหมือนมันแต่งูไม่ยอมทำตาม ปูโมโหมาก เมื่องูเผลอมันจึงใช้ก้ามของมันหนีบที่คองูจนตาย เมื่อ เห็นร่างของงูยึดตรงแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ เจ้าปูก็พูดว่า \"ถ้าเจ้าเลื้อยตรง ๆ อย่างนี้เสียแต่แรก เจ้าก็ คงไม่ต้องโดนลงโทษแบบนี้หรอก\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะสอนใคร ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้เสียก่อน 20
หมาจิ้งจอกตกบ่อ หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินซุ่มซ่ามพลัดตกลงไปในบ่อน้ำลึก และพยายามตะเกียกตะกายจนเอื้อมเกาะ ขอบบ่อไว้ได้ ไม่นานนักมีหมาป่าตัวหนึ่งเดินผ่านมา หมาจิ้งจอกจึงตะโกนขอความช่วยเหลือ \"ช่วย ดึงข้าขึ้นจากบ่อน้ำนี่ที ข้าจะหมดแรงอยู่แล้ว\" หมาป่าซะโงกหน้าถามด้วยความห่วงใยว่า \"ทำยังไงถึงตกลงไปได้ล่ะ แล้วอยู่อย่างนี้นานรึยัง ไม่มี ใครผ่านมาช่วยเจ้าเลยเหรอ\" หมาจิ้งจอกพยายามควบคุมอารมณ์แล้วพูดขึ้นว่า \"ข้าก็หวังให้เจ้าช่วยนี่แหละ รีบดึงข้าขึ้นไปก่อน เถอะ แล้วข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียดเลย\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การลงมือช่วยเหลือย่อมดีกว่าเพียงพูดแสดงความเห็นใจ 21
สุนัขจิ้งจอกหางด้วน สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งหลุดออกจากกับดักของนายพรานมาได้เพราะดิ้นหนีจนหางขาดติดอยู่ที่กับดัก หมาจิ้งจอกรู้สึกอับอายมากที่หางด้วนเมื่อกลับเข้าฝูงจึงพูดจาหว่านล้อมให้สุนัขจิ้งจอกทุกตัวตัด หางทิ้งจะได้หางด้วนเหมือนกับตน “ข้าเพิ่งคิดออกว่า หางที่เป็นพวงยาวนี่มันช่างเกะกะ รุ่มร่ามจริงๆ วิ่งก็ช้า ข้าจึงตัดหางทิ้งซะ… ทำให้สง่างาม โดดเด่น และวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย พวกเจ้าก็น่าจะตัดหางทิ้งเหมือนข้านะ” แล้ว เพื่อนๆของมันทั้งหมด ต่างก็คล้อยตามไปกับวาจาที่เจ้าเล่ห์นั่น สุนัขจิ้งจอกอาวุโสตัวหนึ่ง ที่คอยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆจึงพูดขึ้นว่า “พวงหางที่ดูสวยงามของ พวกเราเป็นสิ่งที่มีค่า เราควรภาคภูมิใจกับมันแล้วข้าก็เห็นว่าสุนัขจิ้งจอกหางด้วนไม่เห็นมีอะไรวิเศษ ตรงไหน! เจ้าอย่าพยายามมาหลอกพวกเราให้ยากเลยดีกว่า เจ้าอับอายที่ไม่มีหาง ก็เลยคิดจะให้พวก เราตัดหางทิ้งเหมือนอย่างเจ้าใช่ไหมล่ะ” ในเวลานั้น สุนัขจิ้งจอกหางด้วนรู้สึกสมเพชตัวเอง และอับอายเป็นอย่างมากส่วนเพื่อนสุนัข จิ้งจอกตัวอื่น เมื่อได้ฟัง ก็พากันเมินหน้าหนีไม่มีตัวใดหลงเชื่อและและคิดอยากคบค้าสมาคมกับ สุนัขจิ้งจอกหางด้วนอีกเลย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 1) “สิ่งที่ตนเห็นว่าน่าอับอาย ก็ไม่ควรหว่านล้อมให้ผู้อื่นเห็นดีด้วย” 2) “ผู้มีปัญญาย่อมไม่คล้อยตามคำพูดของใครง่ายๆ” 22
สุนัขจิ้งจอกกับ พวงองุ่น สุนัขจิ้งจอกผู้หิวโหยตัวหนึ่งเดินผ่านมายังไร่องุ่น มันเห็นพวงองุ่นสุกฉ่ำห้อยอยู่บนกิ่งไม้สูง มันจึง พูดว่า \"พวงองุ่นพวงนั้นคงจะพอช่วยดับกระหายให้ข้าได้บ้าง\" มันกระโดดขึ้นคว้าพวงองุ่นแต่ก็ พลาด มันจึงหาวิธีอื่น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ไม่สามารถคว้าพวงองุ่นลงมากินได้สักที ในที่สุด มันก็ล้มเลิกความตั้งใจ ก่อนจะบ่นกับตัวเองว่า \"องุ่นนั่นคงจะเปรี้ยวมาก ไม่เห็นจะน่ากินสักนิด\" แล้วมันก็เดินจากไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ทำสิ่งใดไม่สำเร็จ มักหาเรื่องตำหนิว่าสิ่งนั้นด้อยค่า
หมูโง่กับหมาป่า สุนัขจิ้งจอกผู้หิวโหยตัวหนึ่งเดินผ่านมายังไร่องุ่น มันเห็นพวงองุ่นสุกฉ่ำห้อยอยู่บนกิ่งไม้สูง มันจึง พูดว่า \"พวงองุ่นพวงนั้นคงจะพอช่วยดับกระหายให้ข้าได้บ้าง\" มันกระโดดขึ้นคว้าพวงองุ่นแต่ก็ พลาด มันจึงหาวิธีอื่น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ไม่สามารถคว้าพวงองุ่นลงมากินได้สักที ในที่สุด มันก็ล้มเลิกความตั้งใจ ก่อนจะบ่นกับตัวเองว่า \"องุ่นนั่นคงจะเปรี้ยวมาก ไม่เห็นจะน่ากินสักนิด\" แล้วมันก็เดินจากไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ทำสิ่งใดไม่สำเร็จ มักหาเรื่องตำหนิว่าสิ่งนั้นด้อยค่า 24
สุนัขจิ้งจอกกับเม่น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังว่ายน้ำข้ามลำธาร แต่ต้านแรงกระแสน้ำเชี่ยวไม่ไหว จึงเสียหลักถูกน้ำซัดไป ติดอยู่ที่ซอกโขดหินกลางลำธาร สุนัขจิ้งจอกพยายามดิ้นรนจนหมดแรงแต่ก็ดิ้นไม่หลุดฝูงเหลือบ จึงพากันบินมาตอมดูดเลือดอย่างหิวโหย เม่นตัวหนึ่งเดินมาดื่มน้ำที่ลำธาร เห็นฝูงเหลือบรุมกัดหมาจิ้งจอกก็สงสาร \"เจ้าคงจะเจ็บปวดมาก ข้าจะไล่เหลือบพวกนี้ให้นะ\" สุนัขจิ้งจอกรีบห้าม \"ไม่ต้องหรอก เพราะเหลือบฝูงนี้ดูดเลือดข้าจนอิ่มแปล้แล้วล่ะ จึงแค่บิน ตอมเฉยๆ ขืนเจ้าไล่เหลือบฝูงนี้ไป เหลือบฝูงใหม่ก็จะแห่มาดูดเลือดข้าอีก คราวนี้ข้าคงไม่มีทางรอด แน่\" นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การหลีกหนีจากความทุกข์ตรงหน้า อาจได้พบความทุกข์ที่ใหญ่หลวงกว่า 25
ตั๊กแตนกับ นกเค้าแมว มีนกเค้าแมวตัวหนึ่งออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืนและนอนหลับในตอนกลางวัน บ่ายวันหนึ่ง นกเค้าแมวได้ยินตั๊กแตนส่งเสียงร้องดังหนวกหู จนมันไม่สามารถนอนหลับได้ มันจึงขอให้ตั๊กแตน หยุดร้อง แต่ตั๊กแตนไม่ยอมหยุด กลับร้องดังขึ้นกว่าเดิม นกเค้าแมวหงุดหงิดมาก มันคิดอยากจะ กำจัดเจ้าตั๊กแตน จึงชวนเจ้าตั๊กแตนให้ไปที่รังของมัน โดยบอกว่า \"หากเจ้าได้ดื่มน้ำทิพย์ที่เทวดามอบ ให้ข้า เจ้าจะมีเสียงที่ไพเราะยิ่งกว่านี้อีก\" ตั๊กแตนได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลง และกระโดดไปที่รังของ นกเค้าแมว นกเค้าแมวจึงจัดการกินเจ้าตั๊กแตนเป็นอาหารทันที นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโลภมักนำความหายนะมาสู่ตน 26
บรรณานุกรม http://www.kalyanamitra.org/th/Aesop_list.php
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: