Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผลการฝึกอบรมโครงการอบรมพัฒนาครูผู้ช่วย

รายงานผลการฝึกอบรมโครงการอบรมพัฒนาครูผู้ช่วย

Published by chompoo marutavanich, 2021-02-03 06:29:45

Description: รายงานผลการฝึกอบรมโครงการอบรมพัฒนาฯ นางสาวชมพู มรุธาวานิช

Keywords: รายงานฝึกอบรม,โครงการพัฒนาครู,ครูผู้ช่วย

Search

Read the Text Version

1 รายงานผลการฝึกอบรมโครงการอบรมพฒั นาข้าราชการครแู ละบุคลากร ทางการศกึ ษา หลักสูตรการเตรียมความพรอ้ มและพฒั นาอยา่ งเขม้ ตาแหนง่ ครผู ูช้ ่วย สังกดั สานักงาน กศน. กลุ่มท่าจนี ถ่ินแม่กลอง นางสาวชมพู มรุธาวานชิ ตาแหน่ง ครูผู้ช่วย ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอดาเนินสะดวก สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั ราชบุรี สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก คานา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีมติอนุมัติบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตาแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจาเป็นพิเศษหรือมีเหตุพิเศษสังกัดสานักงาน กศน. เมื่อ วันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2563 นั้น และตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2551 มาตรา 19 (4) และมาตรา 56 บัญญัติให้มีหลักเกณฑ์และ วธิ กี ารเตรยี มความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตาแหน่งครูผชู้ ่วย เปน็ เวลาสองปีกอ่ นแต่งตงั้ ให้ดารงตาแหน่งครู เป็นไป อย่างมีระบบ เป็นมาตรฐาน บรรลุตามความมุ่งหมาย เพ่ือพัฒนาให้ครูผู้ช่วยมีความรู้ ความประพฤติ คุณลักษณะ เหมาะสม และมีคุณภาพส่งผลต่อผู้เรียน สานักงาน กศน. จึงจัดให้มีการอบรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมและ พัฒนาอยา่ งเข้ม ตาแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสานักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มท่าจีนถ่ินแม่กลอง ขึ้น เพ่ือให้ครูผู้ช่วยได้รับการ พัฒนาอยา่ งเขม้ ตามทก่ี ล่าวมาข้างตน้ น้นั ในการนี้ ดิฉัน นางสาวชมพู มรุธาวานิช ตาแหน่ง ครูผู้ช่วย เข้ารับการอบรมเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว และไดจ้ ดั ทารายงานผลการฝกึ อบรมพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หลักสูตรการเตรียมความพร้อม และพฒั นาอยา่ งเขม้ ตาแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด สานักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มท่าจีนถ่ินแม่กลอง เล่มนี้ขึ้น ผู้จัดทาได้สรุป องค์ความรู้ ท่ีได้จาการอบรมจัดทาเป็นรายงานเล่มนี้ ประกอบด้วยเนื้อหา จานวน 5 ด้าน ได้แก่ 1. วินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวิชาชพี 2. การจัดการเรยี นการสอน 3. การบริหารจัดการชั้นเรียน 4. การมีส่วนร่วมการ พัฒนาในสถานศึกษาและชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 5. ทักษะการใช้ภาษาและเทคโนโลยีดิจิทัล ตามหลักสูตรการ เตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตาแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสานักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มท่าจีนถิ่นแม่กลอง ข้ึน เพือ่ ใหค้ รูผชู้ ว่ ยไดร้ บั การพัฒนาอยา่ งเขม้ ตามท่ีกลา่ วมาข้างต้น นน้ั ผ้จู ดั ทาหวงั เปน็ อยา่ งย่ิงว่ารายงานสรปุ ผลการอบรมเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ ในการนาไปประยุกต์ใช้ ในการการพัฒนาและยกระดับคุณภาพผู้เรียนและสถานศึกษาให้บรรลุผลตามเปูาหมายให้ประสบผลสาเร็จและเพื่อ พัฒนาผู้เรียนที่เป็นกาลังสาคัญของชาติต่อไป และขอขอบคุณนักวิชาการ ผู้เผยแพร่เนื้อหาบทความ และผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกท่านมา ณ โอกาสน้ี นางสาวชมพู มรธุ าวานิช ครู ผูช้ ว่ ย กศน.อาเภอดาเนินสะดวก

ข สารบัญ เรือ่ ง หน้า 1 ข้อมลู ส่วนตวั ................................................................................................................................. 1 2 สรุปองค์ความรทู้ ไ่ี ด้รับและการนาไปใช้ประโยชน์ .......................................................................... 3 หมวดที่ 1 วินยั คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชพี ............................................. 3 หมวดที่ 2 การจัดการเรียนการสอน.................................................................................... 6 หมวดที่ 3 การบริหารจัดการชนั้ เรยี น.................................................................................. 9 หมวดที่ 4 การมีส่วนร่วมการพฒั นาในสถานศกึ ษาและชมุ ชนการเรียนรูท้ างวชิ าชีพ............. 12 หมวดที่ 5 ทักษะการใชภ้ าษาและเทคโนโลยดี จิ ิทลั .............................................................. 15 3 การมสี ่วนร่วมของกิจกรรม/ผลสาเร็จหรอื รางวลั ทไ่ี ด้รับจากการเข้ารว่ มโครงการ ............................ 17 4 ภาพกจิ กรรม ................................................................................................................................... 19

1 ส่วนท่ี 1 ขอ้ มูลสว่ นตัว ช่อื -สกลุ นางสาวชมพู มรุธาวานิช วันเกิด 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2531 ท่ีอยู่ปจั จุบนั 90/54 หมู่ 1 ตาบลหนองอ้อ อาเภอบ้านโปุง จ.ราชบุรี 70110 อีเมล์ [email protected] โทรศัพท์ 09 8247 4644 สถานศกึ ษาท่ีได้รบั การบรรจแุ ตง่ ตัง้ กศน.อาเภอดาเนินสะดวก สานักงาน กศน.จังหวดั ราชบรุ ี ประวัตกิ ารศึกษา : โรงเรียนนารีวฒุ ิ อนุบาล : โรงเรียนนารวี ุฒิ ประถมศึกษา : โรงเรยี นนารีวุฒิ มัธยมศกึ ษา : ศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาการจดั การธุรกิจทว่ั ไป ม.ศลิ ปากร : ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบรหิ ารการศึกษา ม.ศิลปากร ปรญิ ญาตรี : ประกาศนยี บัตรบัณฑติ (วชิ าชีพคร)ู ม.ราชภัฏนครปฐม ปรญิ ญาโท ประกาศนียบตั ร วชิ าชพี ประวัตกิ ารทางาน (ถ้ามี) : ครู วทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ฒั นบรหิ ารธุรกิจ 2554 - 2556 : เจ้าหนา้ ทีบ่ ันทกึ ข้อมูล กศน.อาเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 2556 - 2556 : ครู ศรช. กศน.อาเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 2556 - 2560 : ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอเมืองฯ จ.กาญจนบุรี 2560 - 2561 : ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอดาเนนิ สะดวก จ.ราชบุรี 2561 - 2563 : ครูผชู้ ่วย กศน.อาเภอดาเนินสะดวก จ.ราชบุรี 2563 – ปจั จุบัน

2 ประสบการณ์/ความสามารถพเิ ศษ - งานธุรการ สารบรรณ - งานจัดการเรยี นการสอน - การศกึ ษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - การจดั การศึกษาเพ่ือพฒั นาสังคมและชุมชน - การจัดการศกึ ษาเพื่อพฒั นาทักษะชวี ิต - การจดั การศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชพี - การจดั การศึกษาตามอัธยาศยั - ดิจทิ ลั ชมุ ชน - กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผ้เู รียน โครงการการเรยี นรู้แบบโครงงาน - กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน โครงการส่งเสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดว้ ยกระบวนการลูกเสอื - วิทยากรพีเ่ ลี้ยง โครงการลกู เสือมัคคุเทศกจ์ ังหวัดราชบุรี ข้อมูลทเี่ ขา้ รบั การอบรม - กลุม่ ท่ี 2 ชอ่ื กลุ่ม เนินท่าพนมสวนศรี - วทิ ยากรประจากลุ่ม 1. นางสาวจนั ทรท์ พิ ย์ สินธุวงษานนท์ ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการสานกั งาน กศน.จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ตาแหนง่ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอบาปลามา้ 2. นางสมควร วงษ์แก้ว

3 สว่ นที่ 2 สรุปองคค์ วามร้ทู ีไ่ ด้รับและการนาไปใช้ประโยชน์ หมวด 1 วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวิชาชพี 1.1 สรปุ องคค์ วามร้ทู ี่ได้รับจากการอบรม รายวิชา 1.1 วนิ ยั และการรักษาวินยั พระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 6 ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัย โดยข้าราชการพล เรอื น พนักงานราชการลกู จา้ งประจา ลูกจา้ งชั่วคราว ต้องรักษาวินัยโดยกระทาการหรือไม่กระทาการตามท่ีบัญญัติไว้ ในหมวดนี้โดยเคร่งครัดอยู่เสมอ และหมวด 7 ว่าด้วยการดาเนินการทางวินัย กระบวนการท้ังหลายที่กระทาเป็น วิธีการตามกฎหมายมาตรฐานทั่วไป หรือตามหลักเกณฑ์ เมื่อข้าราชการถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัย ได้แก่ การ สืบสวน การสอบสวน การต้ังเรื่องกล่าวหา การให้ พักราชการ และการให้ออกจากราชการไว้ก่อน การพิจารณา ความผิด การกาหนดโทษ และการลงโทษ ซง่ึ โทษทางวนิ ัย มี 5 สถาน คือ (1) ภาคทัณฑ์ (2) ตัดเงินเดือน (3) ลดข้ัน เงินเดือน (4) ปลดออก (5) ไลอ่ อก รายวิชา 1.2 คุณธรรม จริยธรรม คุณธรรม คือ ความดีงามท่ีถูกปลูกฝังขึ้นในจิตใจ จริยธรรม คือ การประพฤติปฏิบัติ การกระทาดี ตาม คุณธรรมที่มีอยใู่ นจิตใจ คณุ ธรรมจริยธรรมของครูตามหลักพุทธศาสนา จึงประกอบไปด้วยการทาบุญ ๑๐ วิธี เรียกว่า บุญกริ ยิ าวัตถุ ๑๐ ได้แก่ ๑. ให้ทาน (ทานมัย) การแบ่งปันผู้อื่นด้วยส่ิงของ เป็นการช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัว และความติดยึดใน วัตถุ นอกจากน้ีสง่ิ ของท่ีเราแบ่งปันออกไปกจ็ ะเปน็ ประโยชน์กับบุคคลหรือชุมชนโดยส่วนรวม ๒. รักษาศีล (ศีลมัย) เป็นการฝึกฝนที่จะ ลด ละ เลิกความชั่ว ไม่ไปเบียดเบียนใคร มุ่งที่จะทาความดี เอ้ือเฟอ้ื เผอื่ แผผ่ อู้ น่ื เป็นการหล่อเลี้ยงบม่ เพาะใหเ้ กิดความดงี ามและพฒั นาคุณภาพชวี ติ ไม่ใหต้ กต่า ๓. เจริญภาวนา (ภาวนามัย) การภาวนาเป็นการพัฒนาจิตใจและปัญญา ทาให้จิตสงบ ไม่มีกิเลส ไม่มีเรื่อง เศรา้ หมอง เห็นคณุ คา่ สง่ิ ตา่ ง ๆ ตามความเป็นจริง ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอย่อมเป็นหลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชีวิต มคี วามสุข คุณภาพชวี ติ ดีขน้ึ สูงข้นึ ๔. อ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนมัย) ผู้น้อยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อ ผู้น้อย และต่างก็อ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรมรวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพในความแตกต่างซ่ึงกันและกันทั้งใน ความคดิ ความเชือ่ และวิถปี ฏิบตั ขิ องบคุ คลและสังคมอน่ื เปน็ การลดความยึดม่นั ถือม่ันในความเปน็ ตวั ตน ๕. ช่วยเหลอื สงั คมรอบขา้ ง (ไวยาวัจจมัย) ชว่ ยเหลือสละแรงกาย เพือ่ งานส่วนรวม หรอื ชว่ ยผู้ทต่ี ้องการความ ช่วยเหลอื ๖. เปิดโอกาสใหค้ นอื่นมาร่วมทาบุญกบั เรา (ปัตติทานมัย) หรือในการทางานก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วม ทา รว่ มแสดงความคดิ เหน็ รวมไปถงึ การอทุ ิศส่วนบุญให้แก่ผู้ท่ีล่วงลบั ไปแลว้ ๗. ยอมรับและยินดีในการทาความดี (ปัตตานุโมทนามัย) เป็นการชื่นชมยินดีหรืออนุโมทนาไม่อิจฉาหรือ ระแวงสงสยั ในการกระทาความดีของผู้อ่ืน

4 ๘. ฟังธรรม (ธรรมสวนมัย) บ่มเพาะสติปัญญาให้สว่างไสว ฟังธรรมะ ฟังเรื่องท่ีดีมีประโยชน์ต่อสติปัญญา หรอื มีประโยชน์ต่อการดาเนนิ ชวี ติ ทีด่ ี เป็นความจรงิ ความดี ความงาม ๙. แสดงธรรม (ธรรมเทศนามัย) ใหธ้ รรมะและขอ้ คิดทดี่ กี ับผู้อ่ืน แสดงธรรมนาธรรมะไปบอกกล่าว เผื่อแผ่ให้ คนอ่ืนได้รับฟงั ใหเ้ ขาได้รู้จักวธิ กี ารดาเนินชีวิตทด่ี ี เป็นเรือ่ งของความจรงิ ความดี ความงาม ๑๐. ทาความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม (ทิฏฐุชุกรรม) มีการปรับทิฏฐิ แก้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น ความเข้าใจใหถ้ กู ตอ้ งตามธรรม ใหเ้ ป็นสมั มาทัศนะอยเู่ สมอ เปน็ การพฒั นาปัญญาอย่างสาคัญ เม่ือทาสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะรวมกันเป็นการทาความดีจาก 3 ส่ิง คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม โดยมี ศีล 5 เปน็ ตวั กากบั ความดี รายวิชา 1.3 จรรยาบรรณวชิ าชพี พระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี ๑๐ การศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ ผเู้ รียน ๔ ดา้ น ได้แก่ มที ัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพ้ืนฐานชีวิตที่ม่ันคง มีคุณธรรม มีงานทามีอาชีพ เป็นพลเมือง ดี ดังนั้นครูจึงเป็นบุคคลสาคัญท่ีจะพัฒนาผู้เรียน ซึ่งครูเหล่านั้นจะต้องมี จรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งหมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนที่กาหนดขึ้นเป็นแบบแผน ในการประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติ ตาม ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพและแบบแผนพฤติกรรมตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพ ดงั นี้ 1. จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ตอ้ งมีวินยั ในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวชิ าชพี บคุ ลิกภาพ และวิสยั ทศั น์ ให้ทันตอ่ การพฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองอยู่เสมอ 2. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องรกั ศรัทธา ซ่อื สัตย์สจุ ริต รบั ผดิ ชอบตอ่ วิชาชพี และเปน็ สมาชิกทด่ี ีขององคก์ รวชิ าชีพ 3. จรรยาบรรณต่อผูร้ บั บริการ ซงึ่ เปน็ หัวใจสาคัญของผู้ประกอบวิชาชพี ประกอบดว้ ย - ผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องรกั เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ สง่ เสรมิ ให้กาลงั ใจแกศ่ ิษย์ และผรู้ บั บริการ ตามบทบาทหน้าท่โี ดยเสมอหนา้ - ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ต้องส่งเสรมิ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสยั ท่ีถูกต้องดงี ามแก่ ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าท่ีอยา่ งเตม็ ความสามารถ ดว้ ยความบริสทุ ธิ์ใจ - ผปู้ ระกอบวิชาชพี ทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏบิ ัตติ นเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี ทงั้ ทางกาย วาจา และ จิตใจ - ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ต้องไม่กระทาตนเปน็ ปฏิปกั ษต์ ่อความเจรญิ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และสังคมของศษิ ย์ และผรู้ ับบริการ - ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องใหบ้ ริการด้วยความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไมเ่ รียกรับ หรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใชต้ าแหนง่ หนา้ ท่โี ดยมชิ อบ 4. จรรยาบรรณต่อผู้รว่ มประกอบวชิ าชีพ ผูป้ ระกอบวิชาชพี ทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกอ้ื กลู ซง่ึ กันและกนั อย่างสรา้ งสรรค์ โดยยึดม่นั ในระบบคณุ ธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ 5. จรรยาบรรณต่อสงั คม ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤตปิ ฏิบัตติ นเป็นผู้นาในการอนุรักษ์ และ พัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปญั ญา ส่ิงแวดล้อม รกั ษาผลประโยชน์ ของสว่ นรวม และยดึ มั่นใน การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข

5 รายวิชา 1.4 การดารงชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นรากฐานการวางแผนการใช้ชีวิตบนหลักการความพอเพียงของคนไทย ส่ิง สาคญั กค็ อื ความพอเพยี งในการดารงชวี ติ ซึ่งเปน็ เง่ือนไขพน้ื ฐานท่ีทาให้คนไทยสามารถพึ่งตนเอง และดาเนินชีวิตไป ได้อย่างมีศักด์ิศรี สามารถในการควบคุมและจัดการส่ิงต่างๆ ในชีวิต รวมท้ังความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ตามหลักการบนพ้ืนฐานของ ทางสายกลาง และความไม่ประมาท หรือท่ีรู้จักกันคือ หลัก 3 ห่วง 2 เงอ่ื นไข โดยคานึงถึงหลกั การ 3 ประการ ได้แก่ ความพอประมาณ หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับการดารงชีวิต การ ดาเนินธุรกิจอย่างพอเพียงตามความสามารถ และศักยภาพของตนท่ีมีอยู่ และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม ตลอดจนพึงนึกถึงผลท่ีจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้นๆ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความ พอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะ เกิดขึ้นจากการกระทานนั้ ๆ อยา่ งรอบคอบ ภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันเป็นการเตรียมความพร้อม ความรู้ ท่ีจะรับผลกระทบ และการเปล่ียนแปลงต่างๆท่ีจะเกิดขึ้นโดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต ทง้ั ใกลแ้ ละไกล เพอ่ื ปอู งกนั และลดความเสีย่ งจากการเปลี่ยนแปลง โดยการดาเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงท่ีดีจะต้องอยู่ภายใต้เง่ือนไข ความรู้ และคุณธรรม ดังนี้ เง่ือนไขที่ 1 เงื่อนไขความรู้ คือ มีความรอบรู้เก่ียวกับ วิชาการต่างๆที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนาความรู้ เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพ่ือประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ คุณธรรม ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการ ดาเนินชวี ิต เงอื่ นไขที่ 2 เงือ่ นไขคุณธรรม คือ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มี ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชวี ิต เราสามารถนาหลักการข้างต้น มาใช้พัฒนาในทุกอาชีพประกอบกันเป็น มิติ 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ เป็น การพออยพู่ อกิน มคี วามขยันมานะประกอบสมั มาชพี ให้พ้นจากคามยากจน ใจ เน้นจิตใจที่รู้จักพอ พอดี พอประมาณ พอใจส่ิงท่ีมี สังคม มุ่งให้สังคมมีความสุข เมตตาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วัฒนธรรม เป็นการมุ่งเน้นให้เกิดวิถีการ ประหยัด เรยี บงา่ ย ไม่ฟงุู เฟอู รายวชิ า 1.5 จิตวญิ ญาณความเป็นครู ครตู ้องมคี วามรกั ในวิชาชพี มีความศรัทธาในวิชาชพี และมีจิตวิญญาณของความเป็นครู โดยหลักการท่ีจะยึด ไวป้ ระจาใจทกุ ขณะทป่ี ระกอบภารกิจของครูมีอยู่ 3 ประการ คือ เต็มรู้ มีความรู้และทักษะในเร่ืองวิชาการ เต็มใจ มี ความรกั ความศรทั ธาในความเปน็ ครู เตม็ เวลา เสยี สละเวลาทางานอยา่ งเต็มทเ่ี ตม็ กาลัง การเป็นครูไมใ่ ชเ่ พยี งแตก่ ารประกอบอาชีพครู แตส่ ิง่ ที่ต้องทาคือการเป็นแบบอย่างท่ีดี และส่งเสริมผู้เรียนให้ สามารถพฒั นาตนเองได้อยา่ งมีศกั ยภาพ รายวิชา 1.6 จิตสานกึ ความเปน็ ครู การมีจิตสานึกสาหรับความเป็นครูนั้น เป็นส่ิงที่ครูทุกคนควรพึงมีติดตัวอยู่ตลอดเวลา การตระหนักถึง บทบาทและหนา้ ที่ของครใู นการปฏบิ ตั ิงานด้วยความจรงิ ใจ มีความรบั ผิดชอบ ทาหน้าท่อี ย่างเตม็ ความสามารถ และมี ความศรทั ธาในวิชาชีพของตน ซ่ึงผู้เป็นครูจึงต้องควบคุมและเข้มงวดกับตนเองอย่างมากในด้านความรู้ความสามารถ เทคนิควิธีการสอน ความประพฤติ และคุณธรรม ในการใช้เป็นเคร่ืองกาหนดสติในการทางาน โดยการเป็นครูตาม อุดมการณ์ รกั งาน สงู้ าน เอาใจใส่งาน ไม่ใช่การเป็นครูตามหน้าที่ เพ่อื ให้ไปถงึ เปูาหมายท่วี างไว้

6 1.2 ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากการฝึกอบรม 1.2.1 ตอ่ ตนเอง ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรมต่อตนเอง สามารถใช้ความรู้ ความเข้าใจมาพัฒนาตนเองในการ ทางาน ทาให้ตนเองมกี รอบการพัฒนาตนเองชดั เจน มีการวิเคราะห์เปูาหมายหน้าท่ีของครูกับส่ิงท่ีตนเองเป็นอยู่ และ รักษามาตรฐานในการปฏิบัติงาน ปฏิบัติตนตามกฎหมาย และกฎระเบียบของสถานศึกษา อย่างเคร่งครัด มีการวาง แผนการพัฒนาอยา่ งมีรูปแบบและใกล้เคียงส่งิ ทเี่ ป็นจริง 1.2.2 ต่อหนว่ ยงาน เม่ือครูมีความเชี่ยวชาญในงานและมีประสิทธิภาพในการทางานมากข้ึน จะทาให้องค์กรมีแผนการ พัฒนาศักยภาพขององค์กรเพื่อแข่งขันกับองค์กรอ่ืน มีแนวทางการทางานรูปแบบใหม่ๆได้อย่างไม่กลัวการ เปลี่ยนแปลงตามแบบหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รักษาผลประโยชน์ของราชการอย่างเต็มที่ มีการเบิกจ่าย วัสดุของทางราชการอย่างคมุ้ คา่ และประหยัด ไมห่ าประโยชน์จากตาแหน่งหน้าที่ ท่ีได้รับมอบหมายงาน ตรวจผลงาน ผ้เู รยี นด้วยความยุติธรรม เทีย่ งตรง และมีมาตรฐานการวดั และประเมนิ ผลเดียวกันกับผเู้ รียน 1.3 แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะทไี่ ด้รับจากการฝึกอบรมคร้งั นี้ ไปปรับใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แก่หน่วยงาน แนวทางในการนาความรู้ ทักษะที่ได้รับจาก หมวด 1 วินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ดังนี้ - นาความรู้และการปฏิบัติตามวินัยและการรักษาวินัยมาเป็นแนวทางในการดาเนินงานของบุคลากรใน องค์กร - นาความรู้ ทักษะ วินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ใช้เป็นกรอบในการบริหารงานบุคคล ขององคก์ รด้วยกลยุทธก์ ารพฒั นาคน เชน่ การสรรหา พฒั นา รกั ษา อยา่ งมีมาตรฐาน จะทาให้องค์กรมีแผนการพัฒนา ศักยภาพของบคุ ลากรเพอื่ แข่งขนั กับองคก์ รอนื่ 1.4 ความต้องการการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เพ่ือส่งเสริมให้สามารถนาความรู้และทักษะท่ีได้รับไปปรับใช้ใน การปฏิบัตงิ านใหส้ ัมฤทธผิ์ ล สร้างและพัฒนากรอบมาตรฐานในการบริหารงานบุคคลขององค์กรด้วยกลยุทธ์การพัฒนาคน ภายใต้วินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพของความเป็นครูทีด่ ี หมวด ๒ การจดั การเรียนการสอน 2.1 สรุปองค์ความรู้ท่ีไดร้ บั จากการอบรม รายวิชา 2.1 การวิเคราะหห์ ลกั สตู รมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ัดผลการเรียนรู้ หลักสตู ร หมายถึง ประสบการณ์ต่าง ๆ ทจ่ี ดั โดยสถานศึกษา ท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา เพื่อพัฒนา ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองจนสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายท่ีกาหนดไว้ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร

7 ประกอบด้วย จุดมุง่ หมายของหลักสูตร เนอ้ื หา ยุทธศาสตรก์ ารเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การประเมนิ ผล วัสดุ/ส่ือ โดยรูปแบบของหลักสตู รไดแ้ ก่ หลักสูตรรายวชิ า หลกั สูตรบูรณาการ และหลักสตู รเพื่อชีวติ และสงั คม สาหรบั หลักสูตร กศน.51 เป็นหลักสูตรทป่ี ระกอบด้วย หลักการ จุดมุ่งหมาย กลุ่มเปูาหมาย โครงสร้าง การ จัดหลักสูตร สาระการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงสาระการเรียนรู้มีจานวน 5 สาระ ดังนี้ สาระทักษะการ เรยี นรู้ สาระความรพู้ นื้ ฐาน สาระการประกอบอาชีพ สาระทักษะการดาเนินชีวิต สาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ า 2.2 การออกแบบการจัดการการเรียนรทู้ เี่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั และส่งเสรมิ กระบวนการคิด การออกแบบการจัดการการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั และส่งเสริมกระบวนการคิด ต้องวิเคราะห์และจัด กิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้เรียน ส่ิงที่ควรพิจารณาในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ คือ ผู้เรียน จุดมุ่งหมาย วิธีการ และการประเมินผล และสิ่งท่ีมีความจาเป็นสาหรับผู้สอนในศตวรรษท่ี 21 ท่ีควรมี ตามทฤษฎี TPACK Model ที่มี องค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วนที่ผู้สอนควรรู้และเข้าใจก่อนที่ จะออกแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนครับ โดย สามารถแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วนหลกั ได้แก่ 1. ความรูด้ ้านเทคโนโลยี (Technological Knowledge) หรอื TK หมายถึง ความรู้ความสามารถของผู้สอน ท่ีเกยี่ วข้องกับการประยกุ ตใ์ ชส้ อื่ อปุ กรณด์ า้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศึกษา รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ ประกอบการเรียนการสอนทีม่ คี วามสอดคล้องและมีความเหมาะสมกบั เนื้อหาวิชาและผู้เรียน 2. ความร้ดู า้ นวิธกี ารสอน (Pedagogical Knowledge) หรือ PK หมายถึง ความรู้ความสามารถของผู้สอนที่ นามาประยุกต์ใช้เพื่อเปน็ แนวทางการเรียนการสอนใหก้ บั ผ้เู รียน หรือท่เี ก่ียวกับวิธีการถ่ายถอดความรู้ไปสู่ผู้เรียน รวม ไปถึงกลยทุ ธ์ หรอื กระบวนการ, การปฏบิ ตั ิ หรอื วิธกี ารสอนทงั้ ในและนอกชน้ั เรยี น ในส่วนนีไ้ ม่ร่วมถึงทฤษฎีการศึกษา และวธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3. ความรดู้ ้านเนื้อหา (Content Knowledge) หรือ CK หมายถึง สาระ ข้อมูล แนวคิด หลักการท่ีเก่ียวข้อง กบั เนือ้ หาวิชาการในหลกั สตู รที่ต้องการทจี่ ะถา่ ยทอดไปยังผู้เรยี น รายวิชา 2.3 การจดั กจิ กรรมการเรียนรูท้ ีเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ และส่งเสริมกระบวนการคดิ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ มีแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ถือว่าผู้เรียนสาคัญท่ีสุด ครูต้อง เปล่ียนจากผู้สอนเป็นผู้อานวยความสะดวก มีกระบวนการส่งเสริมศักยภาพของแต่ละบุคคล โดยเน้นหลักการให้ เสรีภาพกับผเู้ รยี น เรยี นรดู้ ว้ ยตนเองตามความสนใจ การจัดกระบวนการเรียนรู้ของ กศน.เป็นหลักสูตรแบบบูรณาการ โดยใช้ ONIE MODEL เป็นขั้นตอนท่ี สาคัญ ในการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย กระบวนการหลัก ๆ ได้แก่ 1. การกาหนดสภาพปัญหาท่ีต้องการในการ เรียนรู้ (Orientation) 2. การแสวงหาความรู้และข้อมูลต่าง ๆ (New Way of Learning) 3. การนาความรู้ไป ประยุกต์ใช้ (Implementation) 4. การประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation) องค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ถูกนามา เป็นประเด็น ในการกาหนดกระบวนการจัด การเรียนรู้เป็นการรวบรวมเนื้อหาสาระของวิชาการต่างๆ ที่มีลักษณะ เหมือนกนั หรอื คลา้ ยกนั ให้เชื่อมโยงสมั พันธเ์ ปน็ สิง่ เดียวกัน โดยการตั้ง เป็นหัวเร่ืองขน้ึ ใหม่ และมีหัวข้อย่อยตามเนื้อ หาสาระที่สามารถจัดการเรียนรู้ในเรื่องเดยี วกนั ได้ และยังใหโ้ อกาสกบั ผูเ้ รียนในการปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองให้มาก ท่ีสุด

8 รายวชิ า 2.4 การเลือก หรือสรา้ ง หรือพัฒนาสื่อเทคโนโลยแี ละแหล่งเรียนรู้ การเลือก หรือสร้าง หรือพัฒนาสื่อเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ เป็นงานสาคัญที่ครูต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในเร่อื งของ การเลือก คือ การเลอื กใช้ส่ือให้เหมาะสมกับผู้เรียน การสร้าง คือ การสร้างสื่อแพลตฟอร์มต่างๆ ให้เป็น ฐานข้อมูลของผู้เรียน การพัฒนา คือ การพัฒนาสะสมฐานข้อมูลเพ่ือเป็นข้อมูลสาหรับการปรับปรุง ผลิต พัฒนา นวัตกรรมจนไดร้ ูปแบบที่เหมาะสมกับผเู้ รียน รายวิชา 2.5 การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็นเปูาหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ในทุกระดับ ซ่ึงการวัดผล เป็นกระบวนการที่ได้มาซึ่งตัวเลขเพื่อเป็นการแบ่งกลุ่มคะแนน ส่วนการประเมินผล เป็น กระบวนการต่อเน่อื งจากการวดั คือ นาตัวเลขหรือสัญลกั ษณ์ท่ีไดจ้ ากการวัดมาตีค่าอย่างมีเหตุผล โดยเทียบกับเกณฑ์ หรอื มาตรฐานท่ีกาหนดไว้ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้มีประโยชน์สาหรับ ผู้เรยี น ครู และสถานศึกษา กล่าวคือ สาหรับผู้เรียนการ วดั และประเมินผลจะทาให้ผเู้ รยี นรู้ถึงพื้นฐานของตนว่ามมี ากนอ้ ยเพียงใด สาหรับครู การวัดและประเมินผลจะทาให้รู้ ว่าผ้เู รียนมีพน้ื ฐานเท่าใดแต้องเพิ่มเติมในส่ิงใด ส่วนสาหรบั สถานศึกษา การวดั และประเมินผลทาให้สถานศึกษาได้รู้ถึง ศักยภาพของผู้เรียนและครูเพ่ือนาไปพัฒนาสู่มาตรฐานท่ีกาหนดไว้ได้ ท้ังน้ีการวัดและประเมินผลจะต้องคานึงถึง คุณภาพ สามารถวดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เพ่ือใหเ้ กดิ การตดั สินอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง 2.2 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการฝึกอบรม 2.2.1 ต่อตนเอง ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากความรใู้ นหมวดท่ี ๒ การจดั การเรียนการสอน สามารถนามาใช้ในการทางานได้ โดยตรง ซ่ึงครูจาเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อการสอนอิเล็กทรอนิกส์ และหม่ันศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากเอกสาร ตารา อินเทอร์เน็ต และสื่อต่าง ๆ อยู่ เสมอ เพอ่ื ใหส้ ามารถนามาสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้ใู ห้ผู้เรยี นได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2.2.2 ตอ่ หนว่ ยงาน การจัดการเรียนการสอนเป็นหัวใจสาคัญใจการจัดการศึกษานอกระบบ ทั้งน้ี บทบาทครูและ กระบวนการจัดการเรียนการสอน จึงเป็นแนวทางสาคัญสาหรับนาไปใช้พัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา ให้มี ผลสัมฤทธ์ิที่สูงข้ึน เป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ของสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545) โดยระบุไว้ในแนวการจัด การศึกษาใหถ้ อื ว่าผู้เรียนมคี วามสาคญั ทีส่ ุด 2.3 แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะที่ได้รบั จากการฝกึ อบรมครั้งน้ี ไปปรับใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ ก่หนว่ ยงาน แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะทไ่ี ดร้ ับจาก หมวด 2 การจดั การเรยี นการสอน ดงั น้ี - เป็นแนวทางพัฒนาครู เพื่อจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ นวัตกรรม ที่จะนาไปใช้กับผู้เรียนเพื่อพัฒนา ผเู้ รยี น และผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ให้เป็นไปตามเปูาหมายของสถานศึกษา

9 - สามารถนาความรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนมาปรังปรุงและพัฒนาการดาเนินงานด้านการจัดการเรียน การสอนของสถานศกึ ษาใหม้ ีประสิทธิภาพมาข้ึน 2.4 ความต้องการการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เพื่อส่งเสริมให้สามารถนาความรู้และทักษะที่ได้รับไปปรับใช้ใน การปฏบิ ัติงานใหส้ มั ฤทธิ์ผล มีกระบวนการจัดทาแผนการสอนหลักของสถานศึกษาท่ีสามารถนาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของ กศน.ตาบลในสถานศกึ ษา และพัฒนาบุคลากรอย่างตอ่ เนื่อง หมวด ๓ การบรหิ ารจัดการช้ันเรียน 3.1 สรุปองค์ความรทู้ ี่ไดร้ บั จากการอบรม รายวชิ า 3.1 การบริหารจดั การช้นั เรียน การบริหารจัดการชั้นเรียน มีองค์ประกอบที่สาคัญ คือ ครู ผู้เรียน และปฏิสัมพันธ์ของครูกับผู้เรียน เป็น วิธีการดาเนินการให้ช้ันเรียนได้อยู่ในสภาพความพร้อมท่ีจะดาเนินการเรียนการสอนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งมีจุดมุ่งหมาย ได้แก่ มีความปลอดภัยในชั้นเรียน มีคุณธรรม จริยธรรม คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สามารถดาเนินการระบบดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น ประเภทของบรรยากาศการเรียนรู้สามารถจาแนกออกไดด้ ังน้ี 1. บรรยากาศทางจิตวิทยา เป็นลักษณะของบรรยากาศท่ีเกิดข้ึนโดยการกระทาของ ผู้เรียนที่ส่งผล ต่อความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของผู้เรียน ถ้าลักษณะบรรยากาศทางจิตวิทยาเป็นไปในทางบวก ผู้เรียนจะเกิด ความรู้สกึ อบอนุ่ ใจ ผ่อนคลาย ทาใหเ้ กิดการเรยี นรู้ได้โดยงา่ ย และมีผลทาใหร้ ้สู กึ มคี วามสุขในการเรียนรู้ ทาให้เป็นผู้ท่ี รกั และใฝุในการเรยี นรู้ 2. บรรยากาศทางกายภาพ เป็นลักษณะของบรรยากาศท่ีเกิดจากการจัดอาคารสถานที่ ส่ือวัสดุ อปุ กรณ์ ท่สี อดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ และสภาพของผู้เรียน การจัดบรรยากาศทางกายภาพท่ีตอบสนองผู้เรียน และการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ จะทาใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับความสะดวก และดาเนนิ กจิ กรรมดว้ ยความราบรื่น สง่ ผลให้การเรียนรู้ ดาเนนิ ไปด้วยดี ไมต่ ดิ ขัดไม่ร้สู กึ วา่ มคี วามยงุ่ ยาก ทาให้ผู้เรียนรกั ทจ่ี ะเรียนและเป็นผู้เรียนท่ีกระตือรือร้น มีความสนใจ ต่อส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั 3. บรรยากาศทางสังคม เป็นบรรยากาศที่เกิดจากผลการปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มท่ีอยู่ ร่วมกันและทา กิจกรรมร่วมกัน การมบี รรยากาศทางสงั คมท่เี ปน็ มติ รต่อกนั จะทาให้ผู้เรียนรู้สึก อบอุ่นใจเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันและ กัน มีการอยู่ร่วมกันฉันท์มิตร ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคมและการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นเปูาหมายประการ หน่งึ ของการจดั การศกึ ษา หอ้ งเรยี นในศตวรรษท่ี 21 ไดแ้ ก่ 1. สภาพแวดล้อมชวนให้อยากเรียนรู้ ห้องเรียนควรมีสภาพแวดล้อมเช้ือเชิญให้ผู้เรียนเกิดความ ต้องการที่จะเรียนรู้ และเอ้ือให้ครูกับนักเรียนใกล้ชิดกันมากที่สุด นอกจากน้ีครูยังควรจัดหาอุปกรณ์ท่ีใช้สาหรับการ จัดการเรียนรู้อย่างน้อยก็ในระดับพื้นฐานให้แก่นักเรียน โดยเฉพาะพื้นท่ีบริเวณผนังห้อง ไม่ควรปล่อยไว้ให้โล่งเปล่า แตค่ รสู ามารถสรา้ งใหก้ ลายเป็นพนื้ ทีส่ าหรบั การเรยี นรทู้ ี่ไม่จากัดเฉพาะในกระดานดา

10 2. ผูเ้ รยี นมีความเขา้ ใจและปฏบิ ัติตามกฎของห้องเรยี น ครเู ป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในการวางแผนและ ออกแบบการจัดการเรียนการสอนในช้ันเรียน รวมทั้งการวางกฎเกณฑ์ กระบวนการ และแจ้งให้ผู้เรียนทราบถึง กจิ กรรมต่างๆ ทจี่ ะเกดิ ขึ้นตลอดปกี ารศกึ ษา ท้งั นีค้ วรตดิ ประกาศไวใ้ นท่ีทงี่ ่ายตอ่ การมองเห็น 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ ในห้องเรียนควรมีบรรยากาศการเคล่ือนไหว เสียงหัวเราะ แมแ้ ต่การพูดคุยสง่ เสียงดงั ก็ยังได้ เพราะมันแสดงใหเ้ ห็นถงึ การเรียนรู้ในเชิงรุก ซึ่งแตกต่างจากห้องเรียน ทเี่ งยี บสงบอย่างในอดีต 4. สมาชกิ ในหอ้ งมคี วามเคารพซง่ึ กันและกัน คุณครูและนักเรียนปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ และ ให้เกียรติกนั ผ่านทางการปฏบิ ัติและทางวาจา รวมท้งั นา้ เสยี งเวลาพดู คยุ กนั 5. ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตัวเอง ห้องเรียนท่ีดีคือ ห้องเรียนท่ีนักเรียนในห้องเรียนฟัง คณุ ครู แตก่ ารฟังและการยอมปฏิบัติตามกตกิ าไม่ได้มาจากการกลัวการลงโทษ หรือแรงกระตุ้นเชิงลบ ในทางกลับกัน น้ัน นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้มีความเข้าใจในความสาคัญของการประพฤติตัวท่ีดีเพื่อผลดีท่ีจะเกิดขึ้นต่อตนเองใน ระยะยาว ซ่ึงนับเป็นหน้าท่ีอันสาคัญของครูในการสรรหาวิธีการที่หลากหลายที่จะกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดความอยาก เรียนรแู้ ละ มุ่งสู่เปูาหมายของความสาเร็จในอนาคต รายวิชา 3.2 ระบบดูแลชว่ ยเหลือผูเ้ รียน ระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนมีความมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีระบบคุณภาพในการดาเนินงานดูแลช่วยเหลือ ผู้เรียน และเพื่อให้สถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง มีการทางานร่มกัน โดยมีข้ึนตอนการ ดาเนนิ งาน ดังนี้ 1. รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ศึกษาและรวบรวมข้อมูลพ้ืนฐานของนักเรียนเป็นรายบุคคล จัดเตรียมเครื่องมือเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล หาข้อมูลเพิ่มเติมโดยนาเครื่องไปใช้ในการเก็บข้อมูล และปรับปรุง ขอ้ มูลใหเ้ ป็นปัจจบุ นั และเก็บรวบรวมข้อมูลอยา่ งเป็นระบบ 2. คดั กรอง จาแนกกล่มุ นกั เรยี น ดาเนินการวิเคราะห์ คัดกรองนักเรียนตามเกณฑท์ กี่ าหนด 3. จัดกิจกรรมต่างๆ เพ่ือส่งเสริมพัฒนา โดยการเยี่ยมบ้าน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับ โรงเรียนจะตอ้ ง จัดกจิ กรรมพฒั นาใหเ้ หมาะสมกบั กลุ่มนกั เรียน 4. ปูองกัน แก้ไข เพ่ือประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ในการช่วยเหลือแก้ไข และปูองกัน ก่อน เกิดปัญหา 5. สง่ ต่อ เป็นดาเนินการส่งต่อภายในไปยังบุคคลหรือฝุายที่เกี่ยวข้องกรณีท่ีครูไม่สามารถช่วยเหลือ หรอแกไ้ ขปัญหาต่อไปได้ ท้ังน้ีเพื่อให้ผู้เรียน รู้จักตนเอง สามารถพึ่งตนเองได้ มีสุขภาพกาย จิต และนิสัยที่ดี มีทักษะการหลีกเลี่ยง พฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น ตลอดจนเป็นสมาชิกท่ีดีต่อครอบครัว ชุมชน สังคม มี เจตคติทีด่ ี และประกอบอาชีพสจุ ริต รายวิชา 3.3 การอบรมบม่ นิสยั ให้ผูเ้ รยี นมีคณุ ธรรม จริยธรรม การอบรมบม่ นิสยั ใหผ้ เู้ รียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และค่านิยมที่ดีงาม ซ่ึง ในเกณฑ์การจบหลักสูตรของ กศน. ได้ระบุการประเมินคุณธรรม เป็นเงื่อนไขหน่ึงท่ีผู้เรียนทุกคนต้องได้รับการ ประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด เพื่อเสริมสร้างความตระหนัก และกระตุ้นจิตสานึกในการพัฒนาคุณธรรม

11 ของผู้เรยี น ใน 9 คณุ ธรรม และ 2 คุณลกั ษณะ คณุ ธรรมเบื้องตน้ ทใ่ี ช้เป็นหลกั ในการประเมิน แบ่งออกเปน็ 3 กลุ่ม คือ - กลมุ่ ท่ี 1 คุณธรรมเพ่ือการพัฒนาตน ประกอบดว้ ย 1.สะอาด 2. สุภาพ 3. กตญั ญกู ตเวที - กลมุ่ ท่ี 2 คณุ ธรรมเพื่อการพฒั นาการทางาน ประกอบดว้ ย 4. ขยัน 5. ประหยดั 6. ซือ่ สัตย์ - กลมุ่ ท่ี 3 คุณธรรมเพอ่ื การพฒั นาการอยู่รว่ มกัน ในสังคม ประกอบดว้ ย 7. สามัคคี 8. มีนา้ ใจ 9. มีวินยั - คุณลักษณะ 10. รักชาตศิ าสน์กษัตริย์และรกั ษาความเป็นไทย 11. ยดึ มนั่ ในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมขุ ซ่ึงบทบาทของครู มดี ังน้ี - สรา้ งความเข้าใจใหผ้ เู้ รยี นเห็นความสาคญั - ชแี้ จงวธิ ีการและเกณฑก์ ารประเมนิ - แนะนาผูเ้ รยี น - บูรณาการรม่ กบั การจดั การเรยี นรู้ - สรา้ งสรรคก์ ิจกรรมทีห่ ลากหลาย - บันทึกผลการประเมิน - สรุปผลการประเมนิ - วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ และวเิ คราะห์รปู แบบในการจัดกจิ กรรต่อไป 3.2 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับจากการฝึกอบรม 3.2.1 ต่อตนเอง ครสู ามารถนาแนวทางการบริหารจดั การช้นั เรยี นมาใช้ในหอ้ งเรยี น กศน.ตาบล เพ่ือสร้างบรรยากาศ ท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ที่จะส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เม่ือบรรยากาศเอ้ือต่อการเรียนรู้จะทาให้ผู้เรียนอยากมาเรียน มากข้นึ สามารถแกป้ ญั หาของผู้เรียนท่ไี ม่อยากมาเรียนได้อกี ทางหน่ึง

12 3.2.2 ต่อหน่วยงาน เมอ่ื ผ้เู รียน มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะท่ีสาคัญตามเปาู หมายขององค์กร จะทาให้องค์กร มีคณู ภาพ เปน็ ท่ีน่าเช่อื ถือของบุคคลทว่ั ไปและหนว่ ยงานอน่ื ๆ 3.3 แนวทางในการนาความรู้ ทักษะที่ได้รับจากการฝึกอบรมครง้ั น้ี ไปปรบั ใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนแ์ กห่ นว่ ยงาน แนวทางในการนาความรู้ ทักษะท่ไี ดร้ บั จาก หมวด ๓ การบรหิ ารจดั การช้ันเรียน ได้แก่ - ครูสามารถนาแนวทางการบริหารจัดการช้ันเรียนมาใช้ในห้องเรียน กศน.ตาบล เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อ ตอ่ การเรียนร้ทู ีจ่ ะส่งผลตอ่ การเรยี นรขู้ องผู้เรยี น - สามารถนาระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน มาช่วยเหลือผู้เรียนได้ตรงต่อสภาพปัญหา จนสามารถแก้ไขปัญหา ยอ่ ยท่เี ป็นปญั หาสะสมของสถานศึกษาได้ - สามารถนาความรมู าพัฒนาบ่มนิสยั ใหผ้ ้เู รียนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม สร้างสถานศกึ ษาทม่ี ีคณุ ภาพ 3.4 ความต้องการการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เพ่ือส่งเสริมให้สามารถนาความรู้และทักษะที่ได้รับไปปรับใช้ใน การปฏบิ ตั งิ านใหส้ ัมฤทธผ์ิ ล - พัฒนาระบบดูแลช่วยเหลอื ให้ครอบคลุมปัญหามากข้ึน - ผลกั ดัน สนับสนุนการสร้างบรรยากาศท่ีเอ้อื ตอ่ การเรยี นร้ขู อง กศน.ตาบลในแตล่ ะแหง่ หมวด 4 การมสี ่วนรว่ มการพฒั นาในสถานศกึ ษาและชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชพี 4.1 สรุปองคค์ วามรทู้ ี่ได้รบั จากการอบรม รายวชิ า 4.1 การทางานเปน็ ทมี สร้างทีมงาน (Team Work) ให้มีศักยภาพเพื่อการทางานระบบทีม (Teamwork) ที่มีประสิทธิภาพ การ ทางานเป็นทีมนน้ั หมายถึงการทางานรว่ มกนั ของสมาชิกหรอื พนกั งานในองค์กรมากกว่า 1 คนขน้ึ ไป โดยหัวใจสาคัญก็ คือทุกคนนั้นจะต้องมีเปูาหมายเดียวกัน และเต็มใจร่วมกันปฏิบัติภารกิจต่างๆ เพ่ือให้บรรลุเปูาหมายจนไปสู่ ความสาเรจ็ องคป์ ระกอบทีเ่ ป็นพน้ื ฐานของทีมงาน หรือการทางานเปน็ ทมี (Teamwork) 1. T = Target - เปูาหมาย 2. E = Empathy - ความเห็นอกเหน็ ใจ 3. A = Application - การมสี ่วนร่วม 4. M = Moral - มีคณุ ธรรม 5. W = Welfare - ความปลอดภยั 6. O = Open Mind - เปิดใจกวา้ ง 7. R = Responsibility - ความรบั ผดิ ชอบ 8. K = Knowledge – ความรเู้ ชิงวชิ าการ

13 เลขาธกิ าร กศน.เน้นยา้ การทางานให้ประสบความสาเร็จต้องมี 3 P - Professional มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญในงานท่ีรับผิดชอบ รู้ลึก รู้ละเอียดไม่หยุดนิ่งที่จะ เรียนรูอ้ ยา่ งต่อเนอ่ื ง - Proactive การทางานเชงิ รกุ เพราะงานของ กศน.คือความผาสกุ ของประชาชน เราต้องเดินเข้าหา ประชาชนไม่ใชใ่ หป้ ระชาชนเดินเขา้ หาเรา - Public relation การให้ความสาคัญกับงานประชาสัมพันธ์ เพราะในโลกยุคปัจจุบัน ต้องมีการ สร้างการรบั รูใ้ นเน้อื งานขององคก์ รสปู่ ระชาชนอยา่ งมีประสิทธภิ าพ รายวิชา 4.2 งานตามภารกจิ บริหารงานของสถานศึกษา กฎกระทรวง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐ งานการบริหาร ของ กศน.จะประกอบไปด้วยงานหลกั 5 งาน ได้แก่ 1. งานบรหิ ารทว่ั ไป เป็นงานสนบั สนนุ เกี่ยวกับการปฏิบตั ิงานท้งั หมดของสถานศกึ ษา 2. งานบริหารวิชาการ เป็นงานท่ีสาคัญที่สุดของสถานศึกษา เนื่องจากเป็นการบริหารงานในหน้าท่ีหลักใน การจัดระบบการเรียนการสอนของสถานศึกษา 3. งานงบประมาณ เปน็ งานแผนการใช้จา่ ยเงินของสถานศกึ ษา 4. งานบริหารทัพยากรบคุ คล เป็นงานที่มุ่งการส่งเสริมและพัฒนาการปฏิบัติงานของบุคคลกรทางการศึกษา ของสถานศกึ ษา 5. งานกิจการนกั ศกึ ษา เป็นงานที่เกยี่ วกับกิจกรรมของนักศกึ ษาทนี่ อกเหนือจากการจัดการเรียนการสอน รายวิชา 4.3 ชมุ ชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชพี PLC หรอื ชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพ มาจากภาษาอังกฤษสามคา คือ Professional หรือ \"มืออาชีพ\" หมายถึง การทางานที่เป็นที่ยอมรับ นับถือ การทางานด้วยความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือเก่งในเรื่อง นั้น ๆ การทางานอย่างมืออาชีพ จึงเป็นการทางานที่คนทาต้องรู้และเข้าใจประเด็น ปญั หาและความตอ้ งการ สาเหตุ หรอื หลักการในการแกป้ ัญหารู้ว่าตอ้ งทาอะไร ใช้วิธกี ารอย่างไร จงึ บรรลุเปาู หมาย Learning หรือการเรียนรู้ หมายถึง การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของบุคคลอย่างค่อนข้างถาวรอัน เป็นผลมาจากการฝึกฝนหรอื การมปี ระสบการณ์ Community หรือชุมชน หมายถึง การรวมตัวของกลุ่มคนท่ีร่วมกันทากิจกรรมทางสังคมท่ีเป็นการ สมคั รใจ รวมถงึ กลุ่มความสนใจต่าง ๆ องคป์ ระกอบของชุมชนการเรยี นร้ทู างวชิ าชีพในบรบิ ทสถานศึกษา ประกอบด้วย องค์ประกอบท่ี 1 วสิ ยั ทศั นร์ ว่ ม องคป์ ระกอบที่ 2 ทีมร่วมแรงร่วมใจ องคป์ ระกอบท่ี 3 ภาวะผนู้ ารว่ ม องคป์ ระกอบที่ 4 การเรียนรแู้ ละการพฒั นาวชิ าชพี องค์ประกอบที่ 5 ชุมชนกัลยาณมิตร องค์ประกอบที่ 6 โครงสรา้ งสนับสนนุ ชุมชน วฒั นธรรมองค์กร

14 ดังนั้น ครูจาเป็นต้องสร้างความตระหนัก ต่อวิชาชีพครูท่ีต้องเน้นและเห็นคุณค่าของความจาเป็นต้องพัฒนา ครูให้มีความเป็นมืออาชีพยิ่งข้ึน โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้แห่งวิชาชีพ ซ่ึงจะส่งผลให้การ ปฏบิ ตั ิงานมีประสทิ ธผิ ลมากขึน้ และช่วยให้ผลสมั ฤทธท์ิ างการศกึ ษาของผู้เรยี นสูงตามไปด้วย 4.2 ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการฝึกอบรม 4.2.1 ต่อตนเอง - ช่วยให้การทางานเป็นระบบที่ดีขนึ้ มีการแบ่งงานออกไปตามหน้าที่และความรับผิดชอบ ทาให้งาน บรรลุเปาู หมายตามทก่ี ลมุ่ และทีมงานต้องการ - เพ่ิมความรู้สึกผูกพันต่อเปูาหมายของสถานศึกษามากขึ้น โดยเพิ่มความกระตือรือร้นท่ีจะปฏิบัติ ให้บรรลุเปาู หมายอยา่ งแขง็ ขนั และร่วมกนั รับผดิ ชอบเป็นกลมุ่ ตอ่ ผลสาเร็จของนักเรยี น 4.2.2 ตอ่ หนว่ ยงาน - การทางานท่ีมีระบบการทางานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมทาให้องค์กรมีประสิทธิผลและ เกิดความสาเร็จ บรรลุเปูาหมายที่วางไว้ได้ องค์กรที่ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ย่อมสร้างผลสาเร็จได้อย่างยอด เย่ียมเชน่ กนั และนน่ั ก่อใหเ้ กดิ การพฒั นาองค์กรตลอดจนบุคลากรท่ีจะก้าวหน้าต่อไปเรอื่ ยๆ - PLC จะทาให้องค์กรมีการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างแท้จริง ด้วยกลยุทธ์การสร้างความ รว่ มมอื ทย่ี ึดเหน่ียวกนั ด้วยวสิ ยั ทัศน์ร่วม มุ่งการเรียนร้ขู องผ้เู รยี น การเรียนรู้และพฒั นาวิชาชพี และชุมชนกัลยาณมิตร แสดงถึงการ รวมพลังของครแู ละนกั การศึกษา ท่เี ป็นผ้นู าร่วมกัน ทางานร่วมกัน แบบทีมร่วมแรงร่วมใจ มุ่งเรียนรู้เพื่อ พฒั นาตนเอง พัฒนาวชิ าชีพ 4.3 แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะท่ีได้รบั จากการฝึกอบรมครัง้ น้ี ไปปรบั ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์แก่หน่วยงาน - สามารถนาการทางานเป็นทีม มาใช้ในสถานศึกษา ช่วยให้เกิดความร่วมมือกันของสมาชิกในทีมงาน สร้าง ผลงานใหอ้ อกมามคี ณุ ภาพ และสามารถพัฒนาต่อยอดต่อไป ช่วยเหลือกัน ช่วยแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนอยู่ตลอดเวลาได้ อย่างเหมาะสมและถูกต้อง - สามารถนามาปฏิบัติเพ่ือให้ทราบข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ท่ีจาเป็นต่อวิชาชีพได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ขึ้น สง่ ผลดีต่อการปรบั ปรงุ พัฒนางานของสถานศึกษา 4.4 ความต้องการการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เพ่ือส่งเสริมให้สามารถนาความรู้และทักษะท่ีได้รับไปปรับใช้ใน การปฏิบัติงานใหส้ มั ฤทธ์ผิ ล - อบรม พฒั นา ตอ่ ยอดการทางานเป็นทมี ให้มีประสทิ ธิภาพ - จดั ระบบ PLC อย่างเป็นรปู ธรรม

15 หมวด ๕ ทกั ษะการใชภ้ าษาและเทคโนโลยดี จิ ิทัล 5.1 สรปุ องคค์ วามรู้ท่ีได้รบั จากการอบรม รายวิชา 5.1 การใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพ่อื ตนเอง ทักษะความเข้าใจและใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ลั หรอื Digital literacy หมายถึง ทักษะในการนาเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการส่ือสาร การปฏิบัติงาน และการทางาน ร่วมกัน หรือใช้เพ่ือพัฒนากระบวนการทางาน หรือระบบงานในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ทักษะ ดังกล่าวครอบคลุมความสามารถ 4 มิติ ได้แก่ การใช้ (Use) เข้าใจ (Understand) การสร้าง (create) เข้าถึง (Access) เทคโนโลยดี จิ ิทัล ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ทักษะทางดา้ นดจิ ิตอล 8 ทักษะ 1. อัตลักษณ์ในโลกดิจิตอล (Digital identity) จะต้องมีทักษะในการสร้าง บริหารอัตลักษณ์และ ชอื่ เสยี งในโลกออนไลนข์ องตวั เองใหเ้ ป็น 2. การใช้เครื่องมือและสื่อดิจิตอล (Digital use) คือ ทักษะในการใช้เคร่ืองมือและสื่อในยุคดิจิตอล เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด 3. การอยู่ในโลกดิจิตอลอย่างปลอดภัย (Digital safety) หมายถึงทักษะในการบริหารจัดการความ เสีย่ งในโลกออนไลน์ 4. ความปลอดภัยในโลกดิจติ อล (Digital security) การมีความสามารถในการตรวจสอบเบ้ืองต้นว่า ตนเองมีภัยคุกคามในโลกไซเบอร์หรือไม่ และครอบคลุมไปถึงการปูองกัน การหลีกเลี่ยง และจัดการอย่างถูกวิธีเมื่อ เจอภยั คกุ คามหรือถกู ละเมิดความปลอดภยั ดว้ ย 5. การแสดงอารมณ์ในโลกดิจิตอลอย่างชาญฉลาด (Digital emotional intelligence) คือทักษะ ในการเขา้ สงั คมในโลกออนไลน์ 6. การสื่อสารในโลกดิจิตอล (Digital communication) คือ ความสามารถในการสื่อสาร ปฏสิ มั พันธ์ และรว่ มมอื กบั ผู้อ่นื โดยใชเ้ ทคโนโลยีและส่ือดจิ ิตอล 7 .การบริหารจัดการลิขสิทธ์ิดิจิตอล (Digital Rights) หมายถึงความเข้าใจในสิทธิเฉพาะตัว และ สิทธิทางกฎหมาย รวมไปถงึ สทิ ธิความเป็นสว่ นตัว ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา เสรภี าพในการแสดงความคดิ เหน็ 8. การรู้ดิจิตอล (Digital Literacy) หมายถึง การรู่เท่าทันเทคโนโลยี ความสามารถในการค้นหา ประเมนิ ใชป้ ระโยชน์ แบ่งปนั และสรา้ งสรรคเ์ น้อื หา รวมไปถงึ ความสามารถในการคดิ อยา่ งเป็นระบบ รายวิชา 5.2 ทกั ษะการใช้ภาษาและเทคโนโลยดี จิ ิทลั เพ่ือพัฒนาผเู้ รยี น ทักษะการใช้ภาษาและเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือพัฒนาผู้เรียน โดยชุดเคร่ืองมือ Google ซึ่งมีประโยชน์ในการใช้ งานได้ง่าย ประหยัดเวลา จัดระเบียบห้องเรียน มีฐานข้อมูล ส่ือสารได้ชัดเชน ปลอดภัย เข้าถึงได้ทุกท่ี ทุกเวลา เช่น Google Classroom สามารถเป็นช่องทางการจัดการเรียนการสอนได้ตลอดเวลา และมีไดฟ์สาหรับจัดเก็บข้อมูล อยา่ งเป็นระบบ

16 5.2 ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั จากการฝึกอบรม 5.2.1 ต่อตนเอง ประโยชน์ หมวด ๕ ทักษะการใช้ภาษาและเทคโนโลยีดิจิทัล ท่ีมีต่อตนเอง คือ นาเทคโนโลยีมาช่วย ในการทางานให้รวดเร็วย่งิ ขึน้ ลดขอ้ จากดั ในเรอื่ งของเวลาและสถานที่ สร้างสรรค์ผลงานได้มากข้ึน แก้ไขปัญหาต่างๆ ไดด้ ยี ิง่ ขึน้ 5.2.2 ตอ่ หนว่ ยงาน หนว่ ยงานสามารถนาเทคโนโลยมี าช่วยในการบริหารจดั การ ใหร้ ะบบการทางานมคี วามรวดเร็ว และ มปี ระสทิ ธิภาพมาข้ึน 5.3 แนวทางในการนาความรู้ ทกั ษะที่ได้รบั จากการฝึกอบรมครั้งนี้ ไปปรบั ใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ กห่ นว่ ยงาน - สามารถนาความรู้ท่ีได้รับมาประยุกต์ใช้ การสร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์ แก้ไขปัญหาของ หน่วยงานโดยไม่ตอ้ งจากัดเวลาและสถานที่ - สามารถประชุมออนไลนไ์ ดท้ ุกท่ี ทกุ เวลา 5.4 ความต้องการการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เพื่อส่งเสริมให้สามารถนาความรู้และทักษะที่ได้รับไปปรับใช้ใน การปฏบิ ัติงานใหส้ มั ฤทธ์ผิ ล . - จัดอบรมการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีท่จี าเป็น และนามาใช้ใหเ้ ป็นรปู ธรรม

17 ส่วนท่ี 3 การมีส่วนรว่ มของกจิ กรรม/ผลสาเรจ็ หรอื รางวัลท่ไี ดร้ บั จากการเข้าร่วมโครงการ - ผลงานที่ไดจ้ ากการเขา้ รว่ มโครงการ เช่น ตัวอยา่ งบนั ทึกการเรยี นรู้ (ภาพประกอบ)

18

19 สว่ นที่ 4 ภาพกจิ กรรม - พิธเี ปิด

20 - พฒั นากายพฒั นาจิต

21 - ภาพการฝกึ อบรม

22 - ภาพการสอบประมวลความรู้

23 - ภาพการมอบวฒุ ิบัตร - ภาพกิจกรรมอน่ื ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook