รายงานการศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง เร่อื ง แนวทางการประยุกต์สกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นสถานศึกษา นายทวสี ิทธ์ แซมเพชร ตาแหนง่ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอดาเนนิ สะดวก ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอดาเนนิ สะดวก สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ราชบุรี สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
ก คานา ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้จัดทาโครงการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาก่อนแต่งต้ังใหม้ แี ละเล่ือนเป็นวิทยฐานะชานาญการและวิทยฐานะเช่ียวชาญ เพื่อให้ผู้เข้ารับการพัฒนาสามารถ วิเคราะห์บทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบและสามารถนาเสนอแนวทางการพัฒนางานในหน้าท่ีได้ตามมาตรฐานวิทย ฐานะ ระยะท่ี 92 หลักสูตรวิทยฐานะผู้อานวยการและรองผู้อานวยการชานาญการพิเศษ อบรมระหว่าง วันที่ 16 -19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 นั้น ในการน้ี นายทวีสทิ ธ์ แซมเพชร ตาแหนง่ ผู้อานวยการ กศน.อาเภอดาเนินสะดวก ได้เข้าร่วมรับการอบรมใน คร้ังนี้ จึงได้ดาเนินการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง จากตารา เอกสาร บทความ งานวิจัย สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และแหล่ง เรียนรู้อ่ืน ๆ ในหน่วยการเรียนรู้ ตามหลักสูตรวิทยฐานะผู้อานวยการและรองผู้อานวยการชานาญการพิเศษ ประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ การพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้อานวยการและรองผู้อานวยการ ชานาญการพเิ ศษ ได้แก่ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ กลยุทธ์การบรหิ ารจัดการสถานศึกษาสู่ความสาเร็จ และ ส่วนที่ ๒ การ วิเคราะห์บทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบและวางแผนพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงานของ ผู้อานวยการและรอง ผู้อานวยการชานาญการพิเศษ ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ ภาวะผู้นาทางวิชาการ และหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ อุดมการณใ์ นการบริหารจัดการสถานศึกษาสู่การปฏิบัติ สรปุ เป็นองค์ความรแู้ ละจดั ทารายงานฉบับน้ีขึ้น ผูจ้ ดั ทาหวังเป็นอยา่ งยงิ่ ว่ารายงานการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองเลม่ น้ี จะเปน็ ประโยชน์แก่ผู้สนใจ ในการนาไป ประยุกต์ใช้ในการการพัฒนาและยกระดับการบริหารสถานศึกษาให้บรรลุผลตามเปูาหมาย ให้ประสบผลสาเร็จ และ ขอขอบคุณนกั วชิ าการ ผู้เผยแพร่เนอื้ หาบทความ และผู้มสี ่วนเกีย่ วขอ้ งทุกทา่ นมา ณ โอกาสนี้ นายทวสี ทิ ธ์ แซมเพชร ผู้อานวยการ กศน.อาเภอดาเนนิ สะดวก
ข สารบัญ เรอ่ื ง หนา้ ส่วนที่ 1 การพฒั นาสมรรถนะในการปฏิบัติงานในหน้าทผี่ ูอ้ านวยการและรองผู้อานวยการ ชานาญการพิเศษ ......................................................................................................................... 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 กลยทุ ธ์การบรหิ ารจดั การสถานศึกษาสูค่ วามสาเร็จ ........................................ 1 1.1 การวางแผนกลยทุ ธแ์ ละการประเมนิ แผนงาน (งานโครงการ)......................................... 1 1.2 การเปลีย่ นแปลงการบริหารจดั การงานวิชาการของสถานศึกษาเพื่อผลติ และพฒั นาผู้เรียน หรือกาลังคนสู่ประชาคมอาเซียน................................................................................... 2 1.3 การมอบหมายงาน การกากบั ตดิ ตามงานและการส่งเสริมการพฒั นาครูเพื่อพัฒนาผู้เรยี น 3 1.4 การนากฎหมาย ระเบยี บ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารทีเ่ กี่ยวข้องไปใช้ในการบรหิ ารจดั การ สถานศกึ ษาและวิชาชีพ ................................................................................................. 4 1.5 การระดมทรัพยากรและการสรา้ งเครือข่ายความรว่ มมือจากทุกภาคสว่ น เพ่อื พัฒนา คณุ ภาพการบริหารจดั การสถานศึกษา .......................................................................... 4 1.6 การส่งเสริมสนับสนนุ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพอื่ การบริหารจัดการสถานศึกษาและ การจดั การเรียนรู้........................................................................................................... 5 ส่วนท่ี 2 การวิเคราะห์บทบาทหนา้ ทีค่ วามรับผิดชอบและวางแผนพฒั นาคณุ ภาพการปฏบิ ัตงิ านของผอู้ านวยการ และรองผู้อานวยการชานาญการพเิ ศษ........................................................................................... 6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 ภาวะผนู้ าทางวชิ าการ..................................................................................... 6 2.1 การบรหิ ารจัดการหลกั สตู รสถานศึกษา .......................................................................... 6 2.2 กระบวนการจดั การเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั .......................................................... 7 2.3 การสร้างพลงั เครือขา่ ยความร่วมมือเพ่ือปฏิรปู การเรยี นรู้............................................... 7 2.4 กระบวนการสรา้ งองคก์ รแหง่ การเรียนรู้ในสถานศกึ ษา................................................... 8 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 อุดมการณ์ในการบริหารจดั การสถานศกึ ษาสู่การปฏบิ ัติ ................................. 8 3.1 ผนู้ าด้านคณุ ธรรมจริยธรรมและการปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอยา่ งที่ดี..................................... 8 3.2 วนิ ยั และจรรยาบรรณวิชาชีพผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา.......................................................... 9 3.3 การมจี ติ สานึก ความมุง่ มั่น การสร้างศรทั ธาและมีอดุ มการณใ์ นวชิ าชีพ ......................... 9 สรปุ แนวทางการประยุกต์ส่กู ารปฏบิ ตั ิในสถานศึกษา ......................................................................... 10 ภาคผนวก ............................................................................................................................................ 11
1 สว่ นที่ 1 การพฒั นาสมรรถนะในการปฏิบัตงิ านในหน้าที่ผูอ้ านวยการ และรองผู้อานวยการชานาญการพเิ ศษ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 กลยุทธ์การบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษาสู่ความสาเรจ็ 1.1 การวางแผนกลยทุ ธ์และการประเมินแผนงาน (งานโครงการ) การวางแผนกลยุทธ์ เป็นการวางแผนเพื่อนาองค์กรไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวสู่วิสัยทัศน์ท่ีต้องการใน อนาคต การวางแผนกลยุทธจ์ งึ เปน็ การวางแผนในภาพรวมขององค์กร ทุกกลยุทธ์ท่ีกาหนดขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ช้ี อนาคตขององค์กรน้ัน การวางแผนท่ัวไป เป็นการวางแผนเพื่อแก้ปัญหา การปูองกันปัญหาหรือการพัฒนา ผลผลิตขององค์กร ดังนั้น การวางแผนทั่วไปจึงมีจุดมุ่งหมายเพียงเพ่ือการให้ได้แนวทางในการดาเนินงานท่ีทา ให้งานโครงการขององค์กรบรรลุผลสาเร็จอย่างมีประสิทธิภาพเท่าน้ัน การวางแผนที่มีการกาหนดวิสัยทัศน์ มี การกาหนดเปูาหมายระยะยาวท่ีแน่ชัด มีการวิเคราะห์อนาคตและคิดเชิงการแข่งขัน ท่ีต้องการระบบการ ทางานที่มีความสามารถในการปรับตัวสูง สาหรับการทางานในสิ่งแวดล้อมที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เพือ่ ใหท้ ันกบั การเปลยี่ นแปลงที่จะเกดิ ขน้ึ ความตอ้ งการระบบการทางานท่ีคล่องตัว ความต้องการดาเนินงานมี ประสทิ ธภิ าพสูงในการนาเปาู หมายในอนาคต ข้นั ตอนการวางแผนกลยุทธ์ ประกอบดว้ ย ข้ันตอนที่ 1 กาหนดทิศทาง เป็นการกาหนดทิศทางขององค์กรจะประกอบด้วย การกาหนด วสิ ัยทัศน์ การกาหนดภารกิจ และการกาหนดเปูาหมาย ขัน้ ตอนที่ 2 การประเมนิ องค์กรและสภาพแวดล้อมในการประเมินสภาพแวดล้อมขององค์กร นั้นจะประกอบไปด้วยการประเมินสภาพแวดล้อมภายนอก และการประเมินสภาพแวดล้อมภายใน โดยมี จุดมุ่งหมายเพ่ือให้ทราบถึงจุดแข็ง (Strength – S) จุดอ่อน (Weakness – W) โอกาส (Opportunity – O) และ อปุ สรรค (Threat - T) ข้ันตอนที่ 3 การกาหนดกลยุทธ์ เป็นการพัฒนาแผนระยะยาวบนรากฐานของโอกาสและ อุปสรรค ท่ีได้จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก และการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนที่ได้จากการ วิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มภายใน โดยองคก์ รจะตอ้ งกาหนดและเลือกกลยุทธท์ ด่ี ีทีส่ ุดท่ีเหมาะสมกบั องค์กรทสี่ ดุ ขั้นตอนที่ 4 การนากลยุทธ์ไปปฏิบัติ เป็นกระบวนการท่ีผู้บริหารแปลงกลยุทธ์และนโยบาย ไปสูแ่ ผนการดาเนินงาน กาหนดรายละเอยี ดดา้ นต่าง ๆ เชน่ ด้านงบประมาณ หรือวธิ กี าร ขั้นตอนท่ี 5 การประเมินผลและการเลือกทางเลือกกลยุทธ์ เป็นหน้าที่สาคัญท่ีเกี่ยวข้องกับการ ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลกลยทุ ธท์ ีน่ าไปปฏบิ ัติ ท้ังนี้ในการนากลยุทธ์ไปปฏิบัตินั้นมักจะเกิดข้อผิดพลาดที่ ต้องการการปรับปรุง เพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ กลยุทธน์ ัน้ จะกอ่ ใหเ้ กิดผลการปฏิบตั ิงานที่ตรงตามแผนที่ได้ตงั้ ไว้หรอื ไม่ ซึ่งในแง่ของการประเมินแผนงานโครงการ จะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการ
2 ดาเนนิ งาน เช่น ความก้าวหน้า ปญั หา และอุปสรรคความสาเร็จ หรือความล้มเหลวของโครงการเพื่อพิจารณา ถึงคุณค่า และการคาดคะเนถึงคุณประโยชน์ของแผนงาน โครงการ เพ่ิมประสิทธิภาพการบริหาร ตรวจสอบ และปรบั ปรุงแกไ้ ขการดาเนนิ งาน วเิ คราะห์ข้อดแี ละข้อจากัด เพ่ือเป็นการตัดสินใจในการสนับสนุน ตรวจสอบ วา่ การบรรลุเปาู หมายท่ีวางไวห้ รือไม่ ควรจะยกเลกิ หรือขยายการดาเนนิ งานต่อไป 1.2 การเปลยี่ นแปลงการบริหารจัดการงานวิชาการของสถานศกึ ษาเพื่อผลิตและพัฒนาผเู้ รียนหรือ กาลังคนสู่ประชาคมอาเซยี น การรวมตัวของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประชาคมอาเซียน สามารถเพิ่มอานาจ ต่อรองกับประชาคมอื่น ๆ ในโลกมากข้ึน ซ่ึงจะนาไปสู่ความเป็นหน่ึงเดียวในอาเซียน จึงส่งผลให้เกิดความพยายาม ในการขับเคล่ือนและเตรียมการเพ่ือก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนท่ีจะเกิดข้ึน การศึกษาจึงมีบทบาทสาคัญในการ ขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อม เพ่ือก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน สถานศึกษาจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องให้ จัดการเรียนรู้ เกี่ยวกับอาเซียน โดยการนาเรื่องอาเซียนเข้ามาบูรณาการ เพื่อให้นักเรียน ครู และบุคลากรทางการ ศึกษา ได้เกิดความตระหนัก ที่จะนาไปสู่ห้องเรียนและวิถีปฏิบัติในสถานศึกษา ฉะนั้นสถานศึกษาจะต้องผลิต เยาวชนคนรนุ่ ใหม่ให้สามารถดาเนนิ ชวี ิตในสังคมประชาคมอาเซยี นได้ จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องกาหนดกลยุทธ์เพื่อให้สถานศึกษาเข้าสู่ประชาคม อาเซียน ดงั นี้ กลยุทธ์ท่ี 1 พัฒนาองค์กรให้พร้อมบริการ การบริหารจัดการด้านอาคารสถานที่ให้สะอาด ร่มร่ืน สวยงาม ปลอดภัย เสริมสร้างบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้และการปฏิบัติงาน ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และระบบ เครอื ข่ายในการบริหารจัดการ กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาวิชาการเพ่ือการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ ICT พัฒนากระบวนการคิด พัฒนาการอ่าน การเขียน ห้องเรียนคุณภาพ สถานศึกษาต้องขับเคลื่อนการบริหารและการจัดการโดยใช้โรงเรียน เป็นฐาน (School Base Management : SBM) ตามแนวทางโรงเรียนผู้นาการเปลี่ยนแปลง เพ่ือรองรับการ กระจายอานาจประกอบด้วย 5 ด้าน คือ ด้านการนาการเปล่ียนแปลง ด้านหลักสูตร ด้านการวิจัยในชั้นเรียนและ การวางแผนพฒั นาตนเอง ( ID Plan ) ดา้ นการใช้ ICT ด้านระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และด้านการส่งเสริมอาชีพ อิสระ เพ่อื การมีรายได้ระหว่างเรียน กลยุทธ์ท่ี 3 พัฒนาครูและบุคลากรเพ่ือการปฏิบัติงาน พัฒนาครูและบุคลากรเพ่ือการปฏิบัติงาน ให้มี คุณธรรมนาความรู้ การจัดการศึกษา โดยยึดหลัก “คุณธรรมนาความรู้” พัฒนาผลงานครูและบุคลากรทางการ ศึกษา พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา กลยุทธ์ที่ 4 การพัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน จัดหลักสูตรการเรียนการสอน เทียบเคียงมาตรฐานสากล ขับเคลื่อนและเตรียมการเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนท่ีเกิดขึ้น จัดระบบประกัน
3 คุณภาพในสถานศึกษาอย่างต่อเน่ือง สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น แข่งขันได้ในระดับสากล บนพื้นฐาน ความเปน็ ไทยเพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนการดารงคณุ ภาพอย่างยงั่ ยืน กระทรวงศึกษาธิการกาหนดแนวการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน โดยกาหนดคุณลักษณะเด็กไทย ในประชาคมอาเซียนเป็นลักษณะ 3 ด้าน คือ หนึ่งด้านความรู้ รู้เกี่ยวกับประเทศอาเซียน และกฎบัตร อาเซียน สองด้านทักษะ/กระบวนการ ทักษะพื้นฐาน ส่ือสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา ภาษาอังกฤษและภาษา ประเทศในอาเซียนอีก อย่างน้อย 1 ภาษา สามด้านเจตคติ คือ มีความภูมิใจในความเป็นไทย/ความเป็นอาเซียน รว่ มกันรบั ผิดชอบต่อประชาคมอาเซียน มีความตระหนักในความเป็นอาเซียน มีวิถีชีวิตประชาธิปไตย ยึดมั่น ในหลักธรรมาภบิ าล (คารวะธรรม ปญั ญาธรรม สามคั คีธรรม) สันติวิธี/สันติธรรม ยอมรับความแตกต่างในการ นบั ถือศาสนา ดาเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวช้ีวัดคุณภาพครู ครูผู้สอนมีความรู้เก่ียวกับประชาคมอาเซียน ครูสามารถใช้ภาษาต่างประเทศใน การสื่อสาร ครูใช้หนังสือ ตาราเรียน และสื่อที่เป็นภาษาต่างประเทศในการจัดการเรียนรู้ ครูใช้สื่อ อิเล็กทรอนิกส์ (ICT) ในการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการเผยแพร่ผลงานท้ังระบบออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) ครูใช้เทคนิคและวิธีสอนที่หลากหลายในการจัดการเรียนรู้ ครูสามารถ แลกเปลยี่ นประสบการณใ์ นการจดั การเรียนรู้ทั้งในประเทศ และในกลุ่มประชาคมอาเซียน ครูใช้ประสบการณ์ การวจิ ยั ส่อื นวัตกรรมเพือ่ พฒั นาผ้เู รียนอย่างต่อเนือ่ ง ต ัว ชี ้ว ัด ค ุณ ภ า พ ผู ้บ ร ิห า ร ม ีว ิส ัย ท ัศ น ์ใ น ก า ร จ ัด ก า ร ศ ึก ษ า สู ่ป ร ะ ช า ค ม อ า เ ซ ีย น มีความสามารถในการบริหารจัดการภายใต้สภาวการณ์จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะในการใช้ ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสารและทักษะในการใช้ ICT มีความสามารถในการประสานภาคีเครือข่ายเพื่อความ ร่วมมือมีความสามารถในการนิเทศ ติดตามผลการดาเนินงาน มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการ ตดิ ตอ่ สอ่ื สารกับภาคเี ครือขา่ ยในกล่มุ ประชาคมอาเซียน 1.3 การมอบหมายงาน การกากบั ติดตามงานและการส่งเสริมการพฒั นาครเู พอื่ พัฒนาผู้เรียน การมอบหมายงาน การกากับติดตามงานและการส่งเสริมการพัฒนาครูเพ่ือพัฒนาผู้เรียนต้องยึด หลักการบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธ์ิ (RBM) โดยใช้หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคม ทีด่ ี (ตามระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี พ.ศ. 2542) หลักปฏิบัติ 6 ประการ หลักนิติธรรม (Rule of Law) หลักคุณธรรม (Ethics) หลักความโปร่งใส (Transparency) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หลักความรับผิดชอบ (Accountability) หลักความคุ้มค่า (Utility) ซึ่งความจาเป็นท่ีจะต้องมอบหมายงานให้ผู้ร่วมงาน ให้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติเพื่อให้การดาเนินงาน ต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์ตามเปูาหมาย โดยวิธีการกระจายอานาจไปตามสายงานและตามหน้าที่รับผิดชอบ โดยยดึ หลกั การ ดงั นี้
4 1. กาหนดหน้าทแี่ ละความรับผิดชอบให้ชัดเจน โดยคานึงถึงความรู้ความสามารถความสนใจ และความถนัด ตลอดทัง้ ภารกจิ หลกั ของโรงเรยี น โดยใหบ้ คุ ลากรมหี นา้ ทหี่ ลกั และหน้าทสี่ นบั สนุนประกอบกัน 2. ชแ้ี จงแนะนาแนวทางในการปฏบิ ัติงานให้ถกู ตอ้ งชดั เจน 3. ติดตาม กากบั การปฏิบัติงานของบคุ ลากรอยา่ งใกลช้ ิดและสม่าเสมอ 4. นเิ ทศใหค้ วามรู้ ความชว่ ยเหลอื สนับสนนุ ช่วยแกป้ ญั หาทีเ่ กิดขึ้น 5. ให้การบารุงขวัญกาลังใจหรือเสริมแรงอยา่ งต่อเนอื่ ง เหมาะสมและยุติธรรม 6. ประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ใช้ผลการประเมินประกอบการ วางแผนพจิ ารณาความดคี วามชอบหรือส่งเสริมความกา้ วหน้าต่อไป ส่วนการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Monitoring) เป็นเร่ืองที่สาคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นกระบวนการวัดผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง ตรวจสอบการใช้ ทรัพยากรในการปฏิบัติงานและสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับโครงการของรัฐได้ การการมอบหมายงาน การ กากับติดตามและการส่งเสริมการพัฒนา เป็นแนวทางช่วยให้บุคลากรในสถานศึกษาปฏิบัติงานอย่างมี ประสทิ ธิภาพ 1.4 การนากฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธกี ารทีเ่ กี่ยวข้องไปใชใ้ นการบรหิ ารจดั การ สถานศกึ ษา และวิชาชพี ตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2555 และ พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2553 หารบรหิ ารงานแบง่ เป็น 4 งาน ไดแ้ ก่ งานด้านบริหารงานวิชาการ งานด้านบริหารงานงบประมาณ งาน ด้านบริหารงานบุคคล งานด้านบริหารงานท่ัวไป ทั้งน้ีในการบริหารงานต้องใช้ทรัพยากรการบริหารท่ีมีอยู่ให้ เกิดประโยชน์สูงสุดในภารกิจท้ัง 4 งาน การบริหารของสถานศึกษา จะต้องการศึกษานโยบายของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร จุดเน้นและนโยบายของสานักงาน กศน. เพ่ือกาหนดเป็นนโยบายของสถานศึกษาโดยใช้ หลักบริหาร เทคนิควิธีและกระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคี เพื่อให้การบริหารสถานศึกษาบรรลุ เปาู หมายและวตั ถปุ ระสงค์ในทศิ ทางเดยี วกัน 1.5 การระดมทรัพยากรและการสร้างเครอื ข่ายความร่วมมอื จากทุกภาคส่วน เพ่อื พัฒนาคณุ ภาพการ บรหิ ารจัดการสถานศกึ ษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 58 ให้มีการระดม ทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน ทั้งจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน บุคคล ครอบครัว ชุมขน องค์กรชุมชน เอกขน องค์กรเอกชนองค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันลังคมอื่นและต่างประเทศมาใช้จัดการศึกษา ซึ่งการระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษาในสถานศึกษา
5 สามารถปฏิบตั ไิ ดห้ ลายวิธี เชน่ การขอรบั การสนับสนนุ จากผ้ปู กครอง โยผา่ นความเห็นชอบจากคณะกรรมการ สถานศกึ ษา การจดั ผา้ ปาุ การศกึ ษา แหลง่ ทรัพยากรเพอื่ การศึกษานัน้ เป็นตน้ สว่ นในการสรา้ งเครอื ขา่ ยนัน้ หมายถึง การทาใหม้ ีการตดิ ตอ่ สนบั สนนุ ให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารและการร่วมมือกันด้วยความสมัครใจ การสร้างเครือข่ายควรสนับสนุนและอานวยความสะดวก ให้ สมาชิกในเครือข่ายมีความสัมพันธ์กันฉันท์เพ่ือน ที่ต่างก็มีความเป็นอิสระมากกว่าสร้างการคบค้าสมาคมแบบ พ่ึงพิง นอกจากน้ีการสร้างเครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบติดต่อด้วยการเผยแพร่ข่าวสารแบบทางเดียว เช่น การส่งจดหมายขา่ วไปใหส้ มาชิกตามรายช่ือ แตจ่ ะตอ้ งมกี ารแลกเปล่ยี นข้อมูลข่าวสารระหว่างกนั ดว้ ย ความจาเป็นท่ีต้องมีเครือข่ายน้ันเป็นส่ิงสาคัญ การพัฒนางานหรือการแก้ปัญหาใด ๆ ท่ีใช้วิธี ดาเนินงานในรูปแบบที่สืบทอดกันเป็นวัฒนธรรมภายในกลุ่มคน หน่วยงาน หรือองค์กรเดียวกัน จะมีลักษณะ ไมต่ า่ งจากการปิดประเทศที่ไม่มีการติดต่อส่ือสารกับภายนอก การดาเนินงานภายใต้กรอบความคิดเดิม อาศัย ข้อมูลข่าวสารท่ีไหลเวียนอยู่ภายใน ใช้ทรัพยากรหรือส่ิงอานวยความสะดวกท่ีพอจะหาได้ใกล้มือ หรือถ้าจะ ออกแบบใหม่กต็ อ้ งใชเ้ วลานานมาก จะเปน็ อุปสรรคต่อการพฒั นางานอยา่ งย่ิงและไม่อาจแก้ปัญหาท่ีซับซ้อนได้ การระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษาในรปู แบบตา่ ง ๆ ต้องผ่านความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา และ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเครือข่ายท่ีเป็นทางการและเครือข่ายท่ีไม่เป็นทางการจะ ชว่ ยใหผ้ ู้บรหิ ารสามารถนาข้อมลู มาใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพการบริหาร 1.6 การสง่ เสริมสนับสนุนการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษาและการจัดการ เรยี นรู้ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 9 เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา กล่าวถึงเทคโนโลยีการศึกษาไว้ว่า รัฐจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนาและโครงสร้างพื้นฐานที่จาเป็นต่อการส่ง วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการส่ือสารในรูปอื่นเพื่อประโยชน์สาหรับการศึกษา การทะนุบารุง ศาสนา ศลิ ปะและวฒั นธรรมตามความจาเป็น รัฐส่งเสริมสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนา การ ผลิตและพัฒนาแบบเรียน ตารา ส่ือส่ิงพิมพ์อ่ืน วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยจัดให้มีเงิน สนบั สนุนและเปดิ ให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการศกึ ษา ใหม้ ีการพัฒนาบุคลากรท้ังด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียน ได้พัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกท่ีทาได้ อันจะนาไปสู่การแสวงหา ความร้ไู ด้ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชวี ติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดมาตรฐานเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารเพ่อื การศึกษา สาหรับสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานไว้ดงั นี้ 1. ด้านการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา จัดให้มีแผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารกระยะกลาง (3-5 ปี) และพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ท่ีอยู่ในแผนปฏิบัติการ
6 ประจาปี มีการสนบั สนนุ งบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพ่ือการเรียนการสอน มีระบบ กากับติดตามประเมินผลการดาเนินงานและรายงานผลอย่างต่อเนื่อง มีระบบงานข้อมูลสารสนเทศที่เป็น ปจั จุบนั ตามมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธกิ าร 2. ด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน จัดให้มีระบบเครือข่ายอินทราเน็ต และระบบเครือข่ายภายใน ใน สถานศึกษา มีระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้เพ่ือการบริหารจัดการกและการจัดการเรียน การสอน มีซอฟต์แวร์ที่จา เป็นสาหรับใช้ในสถานศึกษาท่ีไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ มีการจัดห้องเรียนที่หลากหลาย เช่น ห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ และ/หรือห้องเรียนคอมพิวเตอร์ มีระบบการบารุงรักษาและความมั่นคงของระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและการสอื่ สาร 3. ด้านการเรียนการสอน จัดให้มีหลักสูตรและแผนจัดการเรียนการสอนแต่ละสาระการ เรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเป็นเคร่ืองมือและการจัดการเรียนรู้ตามแผนฯ ที่กาหนด มี รูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่หลากหลาย มีประสิทธิภาพ โดยคานึงถึง กฎหมาย คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม มีระบบแนะแนวและให้คาปรกึ ษาทางการเรยี นร้แู ก่ผู้เรียน 4. ด้านกระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร เปน็ เครอื่ งมอื ในรูปแบบทห่ี ลากหลายในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ผู้เรียนมที กั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารในการเรียนรู้ ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอย่างมีคุณธรรม จริยธรรมและมี คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐานกาหนด 5. ด้านทรัพยากรการเรียนรู้ มีเว็บไซต์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน มีระบบจัดการแหล่ง การเรยี นรู้ มกี ารจัดรวบรวมสื่อนวตั กรรมการเรยี นการสอนดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างเป็น ระบบ ส่วนท่ี 2 การวิเคราะห์บทบาทหน้าที่ความรับผดิ ชอบและวางแผนพัฒนาคุณภาพการปฏบิ ตั ิงาน ของผู้อานวยการ และรองผู้อานวยการชานาญการพิเศษ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ภาวะผู้นาทางวิชาการ 2.1 การบริหารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา สถานศึกษาเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องมีหลักสูตรสถานศึกษาและนาหลักสูตรไปใช้ บุคคลสาคัญที่ จะต้องเปน็ ผนู้ าการใชห้ ลกั สตู รคือผบู้ ริหารโรงเรยี น ซง่ึ ตอ้ งดาเนินการด้านหลักสตู ร ดงั น้ี 1. การจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรท้องถ่ิน โดยคณะกรรมการจัดทาหลักสูตรโดยยึด หลกั สตู รแกนกลางของกระทรวงศึกษาธกิ ารเปน็ หลัก
7 2. การแปลหลักการและจุดหมายของหลักสูตร ให้เป็นแนวปฏิบัติเพื่อจัดแนวการเรียนการสอนให้ สนองต่อหลกั การและจุดหมายของ หลักสตู ร 3. วางแผนการเรียนการสอน โดยประชุมครูในโรงเรียนเพ่ือตรวจสอบหลักสูตร ร่วมกันศึกษาและทา ความเข้าใจหลกั สูตร คู่มือครู จัดอบรมครู โดยเชญิ วิทยากรผูช้ านาญการเปน็ ผู้ใหค้ วามรแู้ กค่ ณะครู สารวจเวลา เรยี นในรอบปีการศกึ ษา รว่ มกนั กาหนดแนวทางปฏบิ ัติใหเ้ ปน็ ไปตามแผนการสอน กาหนดกิจกรรมประเมินผล การศกึ ษา จัดเตรียมสภาพแวดล้อม เพอ่ื อานวยความสะดวกแกค่ รู และผปู้ ฏิบัตงิ านทุกฝุาย 4. สง่ เสรมิ ใหค้ รรู ่วมมอื กันในการพฒั นาการเรยี นการสอนโดยประชุมปรึกษากันเป็น ระยะ ๆ เก่ียวกับ ปัญหาการใช้หลกั สูตร และแนวทางการแก้ไขปญั หา 5. ส่งเสริมให้ครูร่วมกันวางแผน พัฒนาหลักสูตรปรับกระบวนทัศน์หลักสูตรให้เหมาะสมกับลักษณะ ของผเู้ รยี นและ สภาพทอ้ งถนิ่ 2.2 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ทเี่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้กาหนดลักษณะกระบวนการจัดการเรียนผู้เรียนเป็น สาคัญไว้ 9 ประการ คือ มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหลากหลายเหมาะสมกับผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียน รู้จักคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ และคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาหาความรู้แสวงหาคาตอบ และ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง นาภูปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี และส่ือที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ ฝึกและส่งเสริม คณุ ธรรม และจริยธรรมของผเู้ รียน ผ้เู รยี นได้รบั การพัฒนาสนุ ทรียภาพอยา่ งครบถ้วนทั้งด้านดนตรี ศิลปะ และ กีฬา ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย การทางานร่วมกับผู้อ่ืน และความรับผิดชอบต่อกลุ่มร่วมกัน จัดกิจกรม ให้ผู้เรียนรักสถานศึกษาของตนเองและมีความกระตือรือร้นในการเรียน สุดท้ายคือมีการประเมินพัฒนาการ ผ้เู รยี นดว้ ยวธิ ีการทหี่ ลากหลายและต่อเนอ่ื ง ทั้งนี้บทบาทของครูในยุคปัจจุบัน คือ ฝึกคิด คือ สอนให้ผู้เรียนคิดเองเป็น ฝึกให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้า ศึกษาให้ลึกซึ้งในเรื่องใดเรื่องหน่ึง และมีการวิจัยค้นคว้า และ ฝึกให้ผู้เรียนบริการสังคม คือ สิ่งท่ีเรียนจะมี คุณค่า เมื่อได้ใช้ความรู้นั้นให้เป็นประโยชน์ต่อ สังคม การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญคือการ เรียนรู้ท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนมากท่ีสุด วิธีดาเนินการ คือให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการบรรลุเป็นผู้มี ปัญญา ดว้ ยการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง โดยผา่ นประสบการณต์ รง 2.3 การสรา้ งพลังเครอื ข่ายความรว่ มมือเพ่ือปฏิรปู การเรยี นรู้ เพ่ือให้ได้ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารสถานศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ (2544) ได้กาหนดเกณฑ์คัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาต้นแบบเพื่อการปฏิรูป การเรียนรู้ไว้ 3 เกณฑ์ใหญ่คือ เกณฑ์ที่1 ผู้บริหารสถานศึกษา มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการเพ่ือ ส่งเสริมการปฏิบัติงานเพ่ือส่งเสริมการปฏิรูปการเรียนรู้ เกณฑ์ที่ 2 ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผู้นาทาง
8 วิชาการ เกณฑ์ท่ี 3 ผู้บริหารศึกษามีคุณธรรม จริยธรรมเป็นท่ียอมรับของสังคม และใช้ระบบคุณธรรมในการ บรหิ ารจัดการ 2.4 กระบวนการสรา้ งองค์กรแห่งการเรยี นร้ใู นสถานศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (2547 : 101) ได้ระบุว่าการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น องคก์ รแหง่ การเรียนรู้ จาเปน็ ตอ้ งผสานแนวคิดทงั้ หมดไวด้ ว้ ยกัน สามารถแบง่ เป็นขนั้ ตอนต่างๆ ประกอบดว้ ย 1. การสร้างบรรยากาศแบบเปิดให้สมาชิกในองค์กรได้มีโอกาสทราบถึงความจาเป็นและ ประโยชน์ ของการเปล่ยี นแปลง เพอ่ื มุง่ ไปสูก่ ารเปน็ องค์กรแหง่ การเรียนรู้ 2. ทาการพัฒนาวินัยท้ัง 5 ประการได้แก่ การเป็นบุคคลท่ีรอบรู้ (Personal mastery) การมีแบบ แผนความคิด (Mental models) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared vision) การเรียนรู้เป็นทีม (Team learning การคิดอย่างเป็นระบบ (System thinking) แก่สมาชิกทุกคนในองค์กร เพื่อเป็นการปรับพ้ืนฐาน วิธกี ารคิดและวิธกี ารปฏิบัตติ ่อตนเองและตอ่ องค์กร 3. ทาการพัฒนาองค์กรเรียนรู้ในระดับองค์กร คือ การสร้างระบบโครงสร้างพ้ืนฐานและระบบงาน ต่างๆให้พร้อมตอ่ การเรียนรู้ 4. ทาการพัฒนาตวั ผู้นาให้เกิดทกั ษะต่างๆต่อการเป็นผ้นู าทมี่ ีความเป็นเลศิ 5. กาหนดรูปแบบของการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและส่วนรวม ในส่วนที่ เก่ยี วกับหน้าท่แี ละความรับผิดชอบ 6. กาหนดมาตรการในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้และทักษะ เข้าสู่การปฏิบัติงานตามหน้าท่ีที่รับผิดชอบ โดยเป็น ลักษณะของงานทที่ า้ ทายและการสนับสนนุ 7. พฒั นาและสง่ เสริมระบบการทางานเปน็ ทมี โดยดาเนนิ การอย่างเปน็ ระบบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 อุดมการณใ์ นการบริหารจัดการสถานศึกษาสกู่ ารปฏิบัติ 3.1 ผูน้ าดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและการปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่างทดี่ ี คุณธรรมจริยธรรมของผู้บริหารก็นับว่าเป็นส่ิงที่มีความสาคัญและจาเป็นอย่าง ย่ิงกับการพัฒนา หนว่ ยงานท้ังระบบ ขา้ พเจา้ จงึ ปฏิบัตติ นเป็นแบบอยา่ ง โดยยึดคณุ ธรรมในการบรหิ าร ดังน้ี การครองตน ยึดหลักอิทธิบาท 4 คือคุณธรรมประจาตนในการท่ีจะทางานในหน้าที่ของตนให้ประสบ ความสาเรจ็ ได้แก่ 1. ฉันทะ คอื ความพอใจและเอาใจใสก่ ารงานในหน้าทขี่ องตน 2. วิริยะ คือ ความพากเพียร ในการประกอบหน้าที่การงาน 3. จิตตะ คือ ความเอาใจใส่ ฝักใฝุในการทางานไม่ทอดทิ้ง 4. วิมังสา คือ หมั่น พจิ ารณาหาเหตุผลและวธิ ีการทจ่ี ะทาให้การงานเจริญก้าวหนา้ อยู่เสมอ การครองคน ยึดหลกั สังคหวัตถุ 4 คอื คณุ ธรรมท่เี ปน็ เครื่องผูกมัดจติ ใจผู้อื่นและบุคคลท่ัวไป ได้แก่ 1. ทาน คือ การให้ ปันสิ่งของแก่บุคคลท่ีสมควรให้ปัน มีความเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อผู้อ่ืน 2. ปิยวาจา คือ มีวาจา
9 อ่อนหวาน สภุ าพเรยี บรอ้ ย 3. อัตถจรยิ า คือ ประพฤติตนเป็นผ้ทู าคุณ ประโยชน์ 4. สมานัตตา คือ เป็นคนวาง ตนเหมาะสม ไม่ถือตวั ไมถ่ ือยศศกั ด์ิ การครองงาน ยึดหลักฆราวาสธรรม 4 คือ คุณธรรมของผู้ครองเรือน 4 ประการ ได้แก่ 1. สัจจะ คือ ความจรงิ ใจ 2. ทมะ คอื การขม่ ใจ 3. ขนั ติ คอื ความอดทนอดกลั้น 4. จาคะ คือ การให้ การรูจ้ ักเสยี สละ 3.2 วินยั และจรรยาบรรณวิชาชีพผูบ้ ริหารสถานศึกษา การประพฤติปฏิบัติและรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพครู ต้องประกอบด้วย จรรยาบรรณต่อตนเอง ต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ี อุทิศเวลาให้กับงานราชการ พัฒนาตนเองด้วยการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ประพฤติตน เหมาะสมและเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแกน่ ักเรียนและเพือ่ นร่วมงาน จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ รักและศรัทธาในวิชาชีพ ครู ซ่ือสตั ยต์ ่อวิชาชีพ อบรม สงั่ สอนความรู้ คุณธรรมจรยิ ธรรม ทักษะชีวติ แกน่ กั เรยี นด้วยความเต็มใจและเป็น สุข และร่วมมอื กับองคก์ รพัฒนาวิชาชีพให้กา้ วหน้า จรรยาบรรณต่อผ้รู ับบรกิ าร ด้านนักเรียน รักและเมตตาต่อ ศิษย์ด้วยความจริงใจและเสมอภาค ด้านเพื่อนร่วมงาน เป็นกัลยาณมิตรกับเพื่อนร่วมงาน ให้ความร่วมมือใน การทางาน ช่วยเหลือให้คาปรึกษาให้บริการในด้านการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพของเพ่ือนครู ด้านชุมชน เป็นสมาชิกท่ีดีของชุมชน ให้บริการในด้านการใช้อาคารสถานท่ีให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน บริการ วัสดุอุปกรณ์ด้านส่ือและเทคโนโลยีทางการศึกษา ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการในการจัดกิจกรรมต่างๆกับชุมชน อย่างสม่าเสมอ จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ มีสัมพันธภาพท่ีดีกับเพ่ือนร่วมองค์กรทุกคน ยึดม่ันใน ความซ่ือสัตย์สุจริต ใช้ระบบธรรมาภิบาลในการทางานร่วมกับผู้อ่ืน มีความโปร่งใส เน้นประสานประโยชน์ จรรยาบรรณต่อสงั คม เป็นสมาชิกทีด่ ขี องสงั คม ชว่ ยเหลอื งานของสังคม ท้องถิ่น และชุมชนอย่างต่อเน่ือง เป็น ผู้นาครแู ละนักเรียนโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.3 การมีจิตสานกึ ความมุ่งมั่น การสรา้ งศรทั ธาและมีอุดมการณ์ในวชิ าชีพ หลักการทางานยึดหลักการการครองตน ครองคน ครองงาน เพื่อสร้างศรัทธาและมีอุดมการณ์ใน วิชาชพี ดังน้ี 1. รู้เด็ก รู้ผู้ร่วมงาน รู้ผู้บริหาร รู้ชุมชน หมายถึง ต้องทราบถึงข้อมูล สารสนเทศ ของผู้ท่ีจะทาการ ปฏสิ มั พันธด์ ้วย และตอ้ งเป็นไปอย่างกัลยาณมิตร 2. อุทิศตนให้ราชการ หมายถงึ ความมงุ่ ม่นั ในการทางานเพื่อทางราชการเป็นสาคัญ ยอมเสียสละเพ่ือ ปฏิบัติงานให้กับทางราชการ เชน่ หากมีภารกจิ เรง่ ดว่ น แม้เป็นวนั หยุด ก็พร้อมปฏบิ ัตหิ น้าที่เสมอ 3. ประสานงานเครือข่าย หมายถึง การใช้หลักการมีมนุษยสัมพันธ์ในการปฏิบัติงาน การสร้าง เครือข่ายการทางานทาให้งานมีทัง้ ปริมาณและคุณภาพท่ดี รี วมทัง้ นา่ เชอื่ ถือ 4. หลากหลายองค์ความรู้ ในการปฏิบัติงานใดๆ ก็ตาม ต้องใช้ความรู้ความสามารถหลายประการ ดังน้นั ผบู้ ริหารจะตอ้ งสง่ั สมองคค์ วามร้ไู ว้ใหม้ าก ต้องทาตนเป็นบคุ คลแห่งการเรียนรอู้ ยู่เสมอ
10 5. มุ่งเชิดชูคุณธรรม ผู้บริหารต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ตามหลักธรรม ของพระพุทธศาสนา และยกย่องเชิดชูผู้คนให้ปฏิบัติตนเป็นคนดี น้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั มาประยุกต์ใช้ จะได้อยู่ในสงั คมได้อยา่ งเป็นสขุ 6. เป็นผูน้ าประชาธปิ ไตย ปฏบิ ัตติ นให้อยใู่ นกรอบแห่งเหตุและผล ไม่ยึดอารมณ์ในการปฏิบัติงาน ยึด หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ประกอบด้วยหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลัก ความรับผดิ ชอบ หลักความคุ้มค่าและหลกั การมีสว่ นร่วม 7. จริงใจต่อภาระหน้าที่ หมายถึง การมีคุณธรรมอันสูงส่งในการปฏิบัติงานในหน้าท่ีอย่างเสมอต้น เสมอปลายไมใ่ ห้ มีความยอ่ หยอ่ น คณุ ธรรมนก้ี ค็ ือ “อทิ ธิบาท 4” อนั ประกอบดว้ ย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วมิ ังสา 8. มีจรรยาบรรณวิชาชีพ หมายถึง การยึดถือและน้อมนามาปฏิบัติย่างสมบูรณ์ ซึ่งจรรยาบรรณ วชิ าชพี ครู มีความเชอื่ มั่น ศรัทธา มีความพึงพอใจและภาคภมู ใิ จในศกั ด์ิศรแี ละเกยี รติยศแหง่ อาชีพ สรุปแนวทางการประยุกตส์ ู่การปฏิบัติในสถานศกึ ษา สถานศึกษาเป็นสถาบันทางสังคมท่ีมีหน้าที่จัดการศึกษาเพื่อพัฒนานักเรียนให้มี คุณลักษณะท่ีพึง ประสงค์ มคี วามรู้ คุณธรรมจริยธรรม สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกตสิ ขุ ภารกิจจึงมีความสาคัญอย่างยิ่ง เป็น ผู้มีหน้าที่เตรียมและพัฒนาคน จึงจาเป็นต้องปรับเปล่ียนวิธีคิดรูปแบบการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองเพ่ือให้ สามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีคุณภาพการพัฒนาสถานศึกษาเพ่ือให้เป็นเลิศซ่ึงจะกล่าวในประเด็น ตา่ งๆ ดงั นี้ ฉะนั้น บทบาทของผู้บริหารต่อการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ คือ ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ที่มีบทบาท สาคัญท่ีสุดที่จะนาพาสถานศึกษาไปสู่ความ เป็นเลิศ ผู้บริหารจึงต้องมีความรอบรู้ในการบริหาร มีวิสัยทัศน์ มี ความสามารถ รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ โปร่งใส เอาใจใส่และทุ่มเทให้กับการทางานอย่างจริงจัง โดย ยึดคุณภาพ นักเรียนเปน็ เปาู หมายสูงสุดในการบริหารสถานศึกษา ใช้มาตรฐานการศึกษาของชาติและมาตรฐานการศึกษา เปน็ แนวทางในการบรหิ ารจัดการ ยึดหลักธรรมมาภบิ าล ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางานและแก้ปัญหา เน้น การมีส่วนร่วมของทุกคนท่ีเก่ียวข้อง พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนอย่างแท้จริง มีสมรรถภาพ ในการจัดการความรู้ โดยใช้กรอบแนวทางจากยุทธศาสตร์ชาติ แผนบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล กฎหมาย ระเบียบ แบบแผนที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา โดยปรับให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความ ต้องการของสถานศึกษา ใหเ้ หมาะกับลักษณะสถานศึกษาที่เป็นเลิศ ซึ่งสถานศึกษาที่มีความเป็นเลิศนั้นจะต้อง มีสังคม บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่สามารถเอ้ืออานวยให้เป็นสถานท่ีแห่งการเรียนรู้ มีความพร้อมในด้าน ทรัพยากร วัตถุ เทคโนโลยี งบประมาณ และทรัพยากรบุคคล สามารถจัดการศึกษาได้อย่างดี ทั้งในด้านการ บริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้ ทาให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานกาหนด สามารถจัดการศึกษา สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน โดยมีองค์ประกอบต่างๆ ท้ังส่วนท่ีเป็นบริบท (Context) ปัจจัยนาเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Output)
11 ภาคผนวก ปกรณ์ ปรี ยากร. (1999). การวางแผนกลยทุ ธ:์ แนวคิดและแนวทางเชงิ ประยกุ ต์. เสมาธรรม ประดิษฐ์ ภิญโญภาสกุล. (2555). แผนกลยุทธ์ กุญแจสู่ความสาเร็จในการบริหารงานและธุรกิจ. กรุงเทพ: ประดิษฐ์ ภญิ โญภาสกลุ . สมเดชน์ ชืน่ เจรญิ . (2551). การศกึ ษาผู้นาการเปลย่ี นแปลงของผ้บู รหิ ารสถานศึกษาท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลของ สถานศกึ ษาขนาดเล็ก. การคน้ คว้าแบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ ครแู มนสรวง. กลยุทธ์การบริหารจัดการสถานศึกษาให้เข้าสปู่ ระชาคมอาเซียน. (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก https://mansuang1978.wordpress.com. (5 กุมภาพนั ธ์ 2564). ธีระ รุญเจริญ. (2548). สู่ความเป็นผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ. กรุงเทพฯ : ขุมทองอุตสาหกรรมและการ พิมพ.์ นิตย์ สัมมาพันธ์. (2546). ภาวะผู้นา : พลังขับเคล่ือนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ. พิมพ์คร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ : อินโน กราฟฟกิ ส์. มหาวิทยาลับราชภัฏลาปาง. (2556). คู่มือเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ. คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลบั ราชภัฏลาปาง. ลาปาง : ไมป่ รากฏสานกั พมิ พ์ ปรยี าพร วงศอ์ นตุ รโรจน.์ (2540). การนเิ ทศการสอน. กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ื่อกรงุ เทพ. ภารดี อนันต์นาวี. (2551). หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา. ภาควิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บูรพา. ชลบรุ ี : สานกั พมิ พ์มนตร.ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: