แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดย วรรณกุล มีสวนทอง เอกสารประกอบการสอบสัมภาษณ์ ภาค ค
ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดทำขึ้นตามหลักสูตรแกรกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ( ฉบับ ปรับปรุง พุทธศักราช 2560 ) ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอน ให้บรรลุตามตัวชี้วัด เพื่อให้ นักเรียนมีลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตามท่ีกำหนด แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็ด้วย คำแนะนำจากเพื่อนครู และผู้ที่เกี่ยวข้องทุก คน จึงขอขอบคุณทุกทา่ นมา ณ โอกาสนี้ วรรณกลุ มีสวนทอง
สารบญั ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบญั ข เปา้ หมายของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ 1 สาระมาตรฐานการเรียนรู้ 2 สาระมาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวช้วี ดั ชั้นปี 5 โครงสรา้ งเวลาเรยี น 10 คำอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน 13 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 14 ภาคผนวก 23
1 เป้าหมายของวทิ ยาศาสตร์ ในการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตรม์ ุ่งเน้นใหผ้ ู้เรียนได้คน้ พบความร้ดู ้วยตนเองมากที่สดุ เพอ่ื ให้ได้ ท้งั กระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบการทดลอง แล้วนำผลท่ีได้มาจัดระบบ เป็น หลกั การ แนวคิด และองคค์ วามรู้ การจัดการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์จงึ มีเป้าหมายทสี่ ำคญั ดงั น้ี ๑. เพ่อื ให้เขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎี และกฎทเ่ี ป็นพ้ืนฐานในวชิ าวิทยาศาสตร์ ๒. เพื่อให้เขา้ ใจขอบเขตของธรรมชาติของวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละข้อจากดั ในการศึกษาวิชาวทิ ยาศาสตร์ ๓. เพ่อื ใหม้ ที ักษะท่ีสำคัญในการศึกษาค้นควา้ และคดิ ค้นทางเทคโนโลยี ๔. เพอ่ื ให้ตระหนักถงึ ความสัมพันธร์ ะหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนษุ ย์ และสภาพแวดล้อม ในเชิงทีม่ ีอิทธพิ ลและผลกระทบซึ่งกันและกัน ๕. เพือ่ นาความร้คู วามเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อสังคม และการ ดำรงชีวติ ๖. เพอ่ื พัฒนากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการจัดการ ทักษะ ใน การสอ่ื สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ ๗. เพื่อใหเ้ ป็นผทู้ ีม่ จี ิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี อยา่ งสรา้ งสรรค์ เรียนรูอ้ ะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชือ่ มโยงความรู้ กัก ระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการ สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาท่หี ลากหลาย ให้ผเู้ รยี นมีส่วนรว่ มในการเรยี นร้ทู ุกขน้ั ตอน มีการทากจิ กรรมดว้ ยการลงมือปฏิบัติ จรงิ อยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดบั ชนั้ โดยกาหนดสาระสำคญั ดงั น้ี วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ เรียนรู้เกีย่ วกบั ชีวิตในสงิ่ แวดล้อม องคป์ ระกอบของสิง่ มชี วี ติ การดำรงชีวิตของ มนษุ ย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพชื พนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ฒั นาการของสิง่ มีชีวติ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ เรยี นรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการเคลื่อนท่ี พลงั งาน และคล่ืน วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ เรยี นรู้เก่ยี วกบั โลกในเอกภพ ระบบโลก และมนษุ ยก์ ับ การเปลี่ยนแปลง ของโลก ชีววิทยา เรียนรู้เกี่ยวกับ การศึกษาชีววิทยา สารเคมีในสิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิต พันธุกรรมและ การถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสร้างและการทางานของส่วนต่างๆ ในพืชดอก ระบบและการทำงานในอวยั วะตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดล้อม เคมี เรียนรู้เกี่ยวกับ ปริมาณสาร องค์ประกอบและสมบัติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร ทักษะ และการแก้ปญั หาทางเคมี
2 ฟสิ กิ ส์ เรียนรู้เกย่ี วกับ ธรรมชาตแิ ละการคน้ พบทางฟิสิกส์ แรงและการเคลื่อนที่ และพลังงาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ โลกและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนำไปใช้ประโยชน์ การถ่ายโอนพลังงานความร้อนของโลก การเปลี่ยนแปลง ลกั ษณะ ลมฟ้าอากาศกับการดารงชีวิตของมนุษย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตร์กบั มนษุ ย์ เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยีเพื่อดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการ ออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และสงิ่ แวดล้อม วทิ ยาการคำนวณ เรียนรเู้ ก่ียวกบั การพัฒนาผเู้ รยี นให้มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศสอ่ื สารในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชวี ติ จริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงานการเปลีย่ นแปลงแทนที่ ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดล้อมรวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของส่ิงมชี ีวิต หนว่ ยพน้ื ฐานของส่ิงมชี ีวติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบตา่ งๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหนา้ ทขี่ องอวัยวะต่างๆ ของพชื ที่ทางานสมั พนั ธ์กนั รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๑.๑–ว ๑.๓ สำหรับผู้เรียนในระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ และผู้เรียนในระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔–๖ ทไี่ ม่เนน้ วทิ ยาศาสตร์ สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
3 มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวนั ผลของแรงที่กระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคลื่อนที่ แบบต่างๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๒.๑–ว ๒.๓ สำหรบั ผเู้ รยี นในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ และผู้เรยี นในระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔–๖ ที่ไม่เน้นวิทยาศาสตร์ สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว ฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสรุ ิยะที่สง่ ผลตอ่ สิ่งมีชีวิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมทั้งผลต่อส่ิงมีชวี ิต และสิ่งแวดล้อม หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๓.๑–ว ๓.๒ สำหรับผู้เรียนทุกคนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ และผ้เู รยี นในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔–๖ ทไี่ มเ่ น้นวทิ ยาศาสตร์ สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชวี ติ ในสงั คมทมี่ ีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพอ่ื แกป้ ัญหา หรือพฒั นางานอย่างมี ความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยค ำนึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม หมายเหตุ: มาตรฐาน ว ๔.๑ สำหรบั ผู้เรียนในระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑–๖
4 คณุ ภาพผ้เู รยี น จบชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ - เข้าใจโครงสร้างและการทำงานของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ และ ความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาตทิ ่พี บในระดับประเทศ - เขา้ ใจสมบตั ิและการจำแนกกลุ่มของวสั ดุ สถานะของสาร สมบัตขิ องสารและการทำให้สาร เกดิ การเปลย่ี นแปลง การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมขี องสาร การแยกสารอยา่ งง่าย และสารในชวี ติ ประจำวัน - เข้าใจลักษณะของแรงประเภทต่าง ๆ ผลที่เกิดจากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดัน หลักการเบื้องต้น ของแรงพยุง ส่วนประกอบและหน้าท่ีของสว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้า การถ่ายโอนพลังงานกลท่ีเกิดจาก แรงเสียดทานไปเป็นพลังงาน อืน่ สมบตั แิ ละปรากฏการณเ์ บื้องต้นของเสยี ง และแสง - เข้าใจลักษณะของดาวในเอกภพ และจำแนกประเภทของกลุ่มดาว ความสัมพันธ์ของดวงอาทิตย์ โลก และดวง จนั ทรท์ ม่ี ผี ลตอ่ การเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยอี วกาศ - เขา้ ใจองค์ประกอบและสมบัติของดนิ น้ำ และบรรยากาศ และปจั จัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ ผวิ โลก การ เกดิ ลมบก ลมทะเล ผลกระทบทเี่ กิดจากธรณพี ิบตั ภิ ยั และปรากกฏการณเ์ รือนกระจก - ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตามความสนใจ คาดคะเน คำตอบ หลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและสำรวจ ตรวจสอบโดย ใช้เคร่อื งมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศทเ่ี หมาะสมในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลทง้ั เชิงปริมาณ และคุณภาพ - ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ในการ แก้ปัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานรว่ มกนั เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ขี องตน เคารพ สิทธิของผูอ้ ื่น - วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบ ในรูปแบบที่ เหมาะสม เพ่อื ส่อื สารความรจู้ ากผลการสำรวจตรวจสอบไดอ้ ย่างมเี หตุผลและหลกั ฐานอา้ งองิ - แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจ ของ ตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรับในข้อมลู ทม่ี ีหลกั ฐานอา้ งอิง และรับฟังความคดิ เหน็ ผู้อ่นื - แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วง เป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผูอ้ นื่ อย่างอยา่ งสร้างสรรค์ - ตระหนกั ในคุณคา่ ของความรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ในความรแู้ ละกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ ดำรงชีวติ แสดงความชื่นชม ยกย่องและเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น และศึกษา หาความรูเ้ พิม่ เติม ทำโครงงาน หรือ ช้นิ งานตามที่กำหนดใหห้ รือตามความสนใจ - แสดงถึงความซาบซ้ึง หว่ งใย แสดงพฤตกิ รรมเกีย่ วกับการใช้ การดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างรู้คุณค่า
5 ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมชี วี ติ และความสัมพันธ์ ระหวา่ งสง่ิ มชี ีวติ กับส่ิงมีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งานการเปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไข ปญั หาสง่ิ แวดล้อมรวมท้ังนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ - - สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทางานสมั พันธก์ นั รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ชน้ั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ ๑. บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลาตน้ ใบและดอก สว่ นต่าง ๆ ของพชื ดอกทาหนา้ ท่ีแตกต่างกนั ของพชื ดอก โดยใชข้ อ้ มลู ท่รี วบรวมได้ - รากทาหนา้ ท่ีดดู นา้ และธาตอุ าหารขนึ้ ไปยงั ลาตน้ - ลาตน้ ทาหนา้ ท่ลี าเลียงนา้ ต่อไปยงั สว่ นต่าง ๆ ของพชื - ใบทาหนา้ ท่ีสรา้ งอาหาร อาหารท่พี ืชสรา้ งขนึ้ คือ นา้ ตาล ซ่งึ จะเปล่ยี นเป็นแปง้ - ดอกทาหนา้ ท่ีสืบพนั ธุ์ ประกอบดว้ ย ส่วนประกอบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ กลบี เลยี้ ง กลบี ดอก สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การ เปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรมท่มี ีผลต่อส่งิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการ ของสิ่งมชี วี ิต รวมทั้งนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ ๑. จำแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือน และ - สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด สามารถจัดกลุ่มได้โดยใช้ ความ ความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต เหมือนและความแตกต่างของลักษณะต่างๆ เช่น กลุ่มพืช ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์และกลุ่มที่ไม่ใช่พืช สร้างอาหารเองได้และเคลื่อนท่ีด้วย ตนเองไม่ไดก้ ลุ่มสัตว์กิน และสตั ว์ สิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร และเคลื่อนที่ได้กลุ่มที่ไม่ใช่พืชและ สัตวเ์ ช่น เหด็ รา จลุ นิ ทรยี ์ ๒. จำแนกพืชออกเปน็ พืชดอกและพชื ไม่มีดอก - การจำแนกพืช สามารถใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ ในการ โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์โดยใช้ข้อมูล ท่ี จำแนก ได้เป็นพชื ดอกและพชื ไม่มีดอก รวบรวมได้
6 ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๓. จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง - การจำแนกสัตว์สามารถใช้การมีกระดูกสันหลัง เป็นเกณฑ์ และ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใช้การมี ในการจำแนกได้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง เป็นเกณฑ์โดยใช้ข้อมูลท่ี กระดูกสันหลัง รวบรวมได้ ๔. บรรยายลกั ษณะเฉพาะท่ีสังเกต - สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั มหี ลายกล่มุ ไดแ้ ก่กล่มุ ปลา กลมุ่ สัตว์ ได้ของสัตว์ มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่ม สะเทินน้ำสะเทินบกกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนกและกลุ่ม สัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งแต่ละกลุ่ม จะมีลักษณะเฉพาะท่ี กลุ่มนก และ กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกดว้ ยนำ้ นม และ สังเกตได้ ยกตัวอยา่ ง ส่งิ มชี วี ติ ในแต่ละกลุม่ สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับโครงสร้างและ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.๔ ๑. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความ - วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน วัสดุที่มี แข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการ ความแข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุที่มี สภาพยืดหยุ่นจะ นำไฟฟ้า ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ เปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อมีแรง มากระทำและกลับสภาพเดิม จาก การทดลองและระบุการนำสมบัติเรื่อง ไดว้ สั ดทุ ่ี นำความรอ้ นจะรอ้ นได้เรว็ เม่ือไดร้ บั ความร้อน และ ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน วัสดุที่นำไฟฟ้าได้จะให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ ดังนั้นจึงอาจนำ แ ล ะ ก า ร น ำ ไ ฟ ฟ ้ า ข อ ง ว ั ส ด ุ ไ ป ใช ้ ใ น สมบัติต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อใช้ใน กระบวนการออกแบบ ชีวิตประจำวันผ่านกระบวนการ ออกแบบ ช้นิ งานเพื่อใช้ประโยชน์ ในชวี ิตประจำวนั ชิ้นงาน - วัสดุเป็นสสารเพราะมีมวลและต้องการที่อยู่ สสารมี ๒. แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นโดยการ สถานะเป็นของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ของแข็ง มีปริมาตร อภิปราย เกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุ และรูปร่างคงที่ของเหลวมี ปริมาตรคงที่แต่มีรูปร่าง อย่างมี เหตุผลจากการทดลอง เปลี่ยนไปตามภาชนะ เฉพาะส่วนท่ีบรรจขุ องเหลว ส่วนแก๊ส ๓. เปรียบเทียบสมบัติของสสารทั้ง ๓ สถานะ มปี ริมาตร และรูปรา่ งเปล่ยี นไปตามภาชนะที่บรรจุ จาก ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมวล การ ต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร ๔. ใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวล และปริมาตร ของ สสารท้ัง ๓ สถานะ สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
7 ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ป.๔ ๑. ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุจาก - แรงโนม้ ถว่ งของโลกเปน็ แรงดงึ ดดู ที่โลกกระทำต่อวัตถุมีทิศ หลักฐาน เชิงประจักษ์ ทางเข้าสู่ศูนย์กลางโลก และเป็นแรงไม่สัมผัส แรงดึงดูดท่ี ๒. ใช้เครื่องชั่งสปรงิ ในการวดั นำ้ หนักของวัตถุ โลกกระทำกับวัตถุหน่ึงๆ ทำใหว้ ตั ถุตกลงสู่พ้นื โลกและทำให้ ๓. บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการ วัตถุมีน้ำหนักวัดน้ำหนักของวัตถุได้จากเครื่องชั่งสปริง เปลยี่ นแปลง นำ้ หนักของวัตถขุ ้นึ กับมวลของวัตถโุ ดยวัตถุที่มีมวลมาก การเคลือ่ นทข่ี องวัตถจุ ากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ จะมีนำ้ หนกั มากวัตถุที่มมี วลน้อยจะมีนำ้ หนักน้อย - มวล คือ ปริมาณเนื้อของสสารทั้งหมดท่ีประกอบกันเป็น วัตถุซึ่งมีผลต่อความยากง่ายในการเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ของวัตถุวัตถุที่มีมวลมากจะเปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนที่ได้ยากกว่าวัตถุที่มีมวลน้อย ดังนั้นมวลของวัตถุ นอกจากจะหมายถึงเนื้อทั้งหมดของวัตถุนั้นแล้วยังหมายถงึ การต้านการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุน้ันดว้ ย สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งานปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งสสารและ พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ป.๔ ๑. จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใสตัวกลาง - เมื่อมองสิ่งต่างๆโดยมีวัตถุต่างชนิดกันมากั้นแสงจะทำให้ โปร่งแสง และวัตถุทึบแสง จากลักษณะการ ลักษณะการมองเห็นสิ่งนั้น ๆ ชัดเจนต่างกัน จึงจำแนกวัตถุ มองเหน็ ส่งิ ตา่ ง ๆ ผา่ นวตั ถนุ ัน้ เป็นเกณฑ์ ที่มากั้นออกเป็นตัวกลางโปร่งใสซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้ โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ ชัดเจนตวั กลางโปรง่ แสงทำให้มองเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ไม่ชัดเจน และวัตถุทึบแสงทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่าง ๆ นน้ั สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบ สุริยะ รวมทง้ั ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสุริยะทีส่ ่งผลต่อสิง่ มีชวี ิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ ชั้น ตัวช้ีวดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ป.๔ ๑. อธบิ ายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตก - ดวงจันทร์เป็นบริวารของโลก โดยดวงจันทร์หมุนรอบ ตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะที่โลกก็หมุนรอบตัวเองด้วย ของดวงจันทรโ์ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ เช่นกัน การหมุนรอบตัวเองของโลกจากทิศตะวันตกไปทิศ ตะวันออกในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากขั้วโลก เ ห น ื อ ท ำ ใ ห ้ ม อ ง เ ห ็ น ด ว ง จ ั น ท ร ์ ป ร า ก ฏ ข ึ ้ น ท า ง ด ้ า น ทิ ศ
8 ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตะวันออกและตกทางด้านทิศตะวันตกหมุนเวียนเป็นแบบ รูปซ้ำ ๆ ๒. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายแบบรูป - ดวงจันทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรงกลม แต่รูปร่างของดวงจันทร์ การเปล่ยี นแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ ที่มองเห็นหรือรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์บนท้องฟ้า และพยากรณร์ ปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ แตกต่างกันไปในแต่ละวันโดยในแต่ละวันดวงจันทร์จะมี รปู รา่ งปรากฏเป็นเสีย้ วท่มี ีขนาดเพมิ่ ขึน้ อยา่ งต่อเนือ่ งจนเต็ม ดวงจากนั้นรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะแหว่งและมีขนาด ลดลงอย่างต่อเนื่องจนมองไม่เห็นดวงจันทร์จากนั้นรูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์จะเปน็ เสี้ยวใหญข่ ึ้นจนเต็มดวงอีกครง้ั การเปล่ียนแปลงเช่นน้ีเป็นแบบรปู ซำ้ กนั ทุกเดอื น ๓. สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของ - ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมี ระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการ บรวิ ารประกอบดว้ ย ดาวเคราะหแ์ ปดดวงและบรวิ าร ซง่ึ ดาว โคจรของดาวเคราะหต์ า่ ง ๆ จากแบบจำลอง เคราะห์แต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากดวงอาทิตย์ แตกต่างกัน และยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์แคระ ดาว เคราะห์นอ้ ย ดาวหาง และวตั ถุขนาดเล็กอื่น ๆ โคจรอยู่รอบ ดวงอาทิตย์วัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ เมื่อเข้ามาในชั้นบรรยากาศ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดเป็นดาวตกหรือผีพุ่ง ไต้และอุกกาบาต สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ สิ่งมชี ีวติ และสงิ่ แวดล้อม ชนั้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ - - สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชวี ิตในสังคมทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ ใช้ความรู้ และทกั ษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ นื่ ๆ เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือพฒั นางานอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ สิง่ แวดลอ้ ม ชนั้ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ - -
9 สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมี จริยธรรม ชนั้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป.๔ ๑. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การ - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเปน็ การนำกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ อธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จาก ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พจิ ารณาในการแกป้ ัญหา การ ปญั หาอยา่ งง่าย อธิบายการทำงาน หรอื การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ - สถานะเรม่ิ ตน้ ของการทำงานที่แตกตา่ งกนั จะให้ผลลพั ธท์ ี่ แตกต่างกนั - ตัวอยา่ งปัญหา เช่น เกม OX โปรแกรมทีม่ ีการคำนวณ โปรแกรมท่ีมตี วั ละครหลายตัวและมกี ารสง่ั งานที่แตกต่าง หรอื มกี ารส่ือสารระหว่างกัน การเดินทางไปโรงเรยี น โดย วธิ ีการตา่ ง ๆ ๒. ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดย - การออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายเช่น การออกแบบโดย ใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาด ใช้storyboard หรือการออกแบบอัลกอริทมึ และแกไ้ ข - การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของคำสั่ง ให้ คอมพิวเตอร์ทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงานทีละคำสัง่ เมื่อพบ จุดที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ ผลลัพธ์ที่ถกู ต้อง - ตัวอย่างโปรแกรมที่มีเรื่องราว เช่น นิทานที่มีการโต้ตอบ กับผ้ใู ช้การ์ตูนสนั้ เล่ากจิ วตั รประจำวนั ภาพเคลือ่ นไหว - การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อื่นจะช่วย พฒั นาทักษะการหาสาเหตขุ องปัญหาได้ดีย่ิงขึน้ - ซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
รายวิชา ว๑๔๑๐๑ โครงสร้างรายวิชา 10 ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ วิทยาศาสตร์ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน ๑๒๐ ช่ัวโมง/ปี ภาคเรยี นท่ี ๑ ลำดบั ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก คะแนน ท่ี การเรียนรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชีวัด (ช่ัวโมง) ๒๐ 1. ความ ว 1.2 ป.4/1 พชื ดอกมสี ว่ นตา่ งๆที่สำคัญไดแ้ ก่ ราก ลำตน้ ใบ ดอกผล 22 ๒๐ หลากหลาย ว.1.3 ป.4/1-4 และเมล็ด ซึ่งส่วนต่างๆเหล่านี้จาทาหน้าที่ต่างกันไป ๑๐ ของส่งิ มีชวี ติ สิ่งมีชีวิตมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะลักษณะสำคัญ ๕๐ บางอย่างเหมือนกันหรือแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถใช้เป็น เกณฑ์ในการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่มีพืชและสัตว์ในการจำแนกพืชสามารถใช้ ลกั ษณะการมดี อกของพืชเป็นเกณฑ์และในการจำแนกสัตว์ สามารถใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ได้ ซึ่งสัตว์มี กระดกู สันหลังมี 5 กลุ่มและสัตว์มกี ระดกู สันหลงั แต่ละกลมุ่ จะมีลกั ษณะเฉพาะท่สี งั เกตได้ต่างกัน 2. แรงโน้มถว่ ง ว2.2 ป.4/1-3 แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นแรงดึงดูดที่โลกกระทำต่อมวล ๒๓ ของโลกและ ว 2.3 ป.4/1 ของวัตถุทุกชนิดที่อยู่บนโลกและที่อยู่ใกล้โลก ซึ่งมีทิศ ตวั กลางของ ทางเข้าสู่ศูนย์กลางของโลก ทำให้วัตถุมีน้ำหนักตกลงสู่พ้ืน แสง โลก ซึ่งสามารถวัดน้ำหนักของวัตถุได้โดยใช้เครื่องชั่งสปริง มวลของวัตถุมผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากจะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ได้ยากกว่า วัตถทุ ีม่ ีมวลนอ้ ย 3. วัสดุและสสาร ว 2.1ป.4/1-4 - สมบัติต่างๆของวัสดุที่เราสามารถสังเกตและทดสอบได้ ๑๕ เช่น ความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน การนำ ไฟฟา้ เปน็ ตน้ ซึง่ สามารถนำวัสดุทมี่ ีสมบตั ิในด้านตา่ ง ๆ มา ใช้ประโยชน์ให้ตา่ งกัน - สสารในชีวิตประจำวันมีหลายชนิด แต่ละชนิดอาจอยู่ใน สถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส ซึ่งสสารแต่ละสถานะ อาจมีสมบัติบางประการเหมือนกันหรือต่างกัน สามารถ สังเกตได้จากการต้องการที่อยู่ รูปร่าง การใช้เครื่องมือใน การวัดมวลและปริมาตร รวมตลอดภาคเรียนท่ี ๑ ๖๐
รายวชิ า ว๑๔๑๐๑ โครงสรา้ งรายวิชา 11 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ วิทยาศาสตร์ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ จำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง/ปี ภาคเรยี นที่ ๒ ลำดบั ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก คะแนน ที่ การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชีวดั (ชั่วโมง) ๑๔ 4. ระบบสรุ ิยะ ว 3.1ป.4/1-3 ดวงจันทร์โคจรรอบโลกพร้อมกบั หมุนรอบตัวเอง ในขณะท่ี ๒๐ ๖ และการ โลกหนุนรอบตัวเองจะทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ปรากฏ ๑๐ ปรากฏของ ขึ้นทางด้านทิศตะวันออกและตกทางด้านทิศตะวันตก ซ่ึง ดวงจนั ทร์ หมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้ำๆ ดวงจันทร์เป็นวัตถุที่เป็นทรง กลม แต่รูปร่างของ ดวงจันทร์ที่มองเห็นหรอื รูปร่างปรากฏ ของ ดวงจนั ทร์บนทอ้ งฟ้าแตกต่างกนั ไปในแต่ละวนั โดยใน แต่ละวันดวงจันทร์จะมีรูปร่างปรากฏเป็นเสี้ยวที่มีขนาด เพิ่มขึ้นอยา่ งต่อเน่ืองจนเต็มดวง จากนั้นรูปรา่ งปรากฏของ ดวงจันทร์จะแหว่ง และมีขนาดลดลงอย่างต่อเนื่องจนมอง ไม่เห็น ดวงจันทร์จากนั้นรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ จะ เป็นเสี้ยวใหญ่ขึ้นจนเต็มดวงอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เป็นแบบรูปซ้ำกันทุกเดือน ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวง อาทิตย์เป็นศูนย์กลางและมีดาวบริวารโคจรอยู่โดยรอบ ประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวง รวมทั้งดวงจันทร์บริวาร ของดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะห์น้อย ดาว หางและวัตถุขนาดเล็กอื่นๆโคจรรอบดวงอาทิตย์ ดาว เคราะหท์ โี่ คจรรอบดวงอาทิตยแ์ ต่ละดวงจะมีขนาดของดาว ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์และคาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ แตกต่างกันไป 5. ข้ันตอนวธิ ีใน ว 4.2 ป.4/1 ขัน้ ตอนวธิ หี รอื อัลกอริทมึ เป็นกระบวนการแกป้ ัญหาท่ีมีลา ๑๐ การแกป้ ัญหา ดับและชัดเจนสามารถคาดคะเนผลลัพธ์ได้ การอธิบาย อัลกอริทึมแบ่งได้เป็นการแสดงอัลกอริทึมด้วข้อความ การ แสดงอัลกอริทึมด้วยรหัสจาลอง และการแสดงอัลกอริทึม ดว้ ยผลงาน 6. การเขยี นโป ว 4.2 ป.4/2 โปรแกรมScratch สามารถนำมาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์เชิง ๑๐ รมแกรมอยา่ ง เช่น การสร้างนิทาน การสร้างเกม เป็นต้นการเขียน ง่าย Scratch โปรแกรมเป็นการสร้างลำดับของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ ทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หากมีข้อผิดพลาด ให้ตรวจสอบ การทำงานทีละคาสั่ง เมื่อพบจุดที่ทาให้ ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ท่ี ถูกต้อง การฝึกหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อื่นจะ ชว่ ยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของปญั หาไดด้ ยี ิ่งขน้ึ
ลำดบั ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา 12 น้ำหนัก ที่ การเรียนรู้ เรยี นร้/ู ตวั ชีวัด (ช่ัวโมง) คะแนน 7. การใช้งาน ว.4.2 ป. 4/3 อินเตอร์เน็ต เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกัน ๕ ๘ อินเตอร์เนต็ จำนวนมากและครอบคลุมไปทั่วโลก การค้นหาข้อมูล ๖ ความรู้จากอนิ เตอร์เน็ต ควรใชค้ ำค้นท่ตี รงประเด็น กระชับ ๖ จะทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและตรงความต้องการ การ ๕๐ ๑๐๐ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น พิจารณาประเภท ของเว็บไซด์ (หน่วยงานราชการ สำนักขา่ ว องค์กร) ผู้เขียน วันที่เผยแพร่ข้อมูล การอ้างอิงเมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ จากเว็ปไซด์ต่างๆจะตอ้ งนำเน้ือหามาพจิ ารณาเปรียบเทียบ แล้วเลือกข้อมลู ท่มี คี วามสอดคลอ้ งและสัมพันธ์กนั การทำรายงานและการนำเสนอข้อมูลจะต้อง นำข้อมูลมา เรียบเรียง สรุปเป็นภาษาของตนเอง ที่เหมาะสมกับ กลมุ่ เป้าหมายและวิธีการนำเสนอ 8. การนำเสนอ ว 4.2 ป. 4/4 การรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจากแหล่งต่างๆทาได้โดย ๕ ข้อมลู ดว้ ย ชอ กำหนดหวั ข้อท่ตี อ้ งการเตรยี มอุปกรณใ์ นการจดบนั ทกึ การ ฟต์แวร์ ประมวลผลอยา่ งง่าย เช่น เปรียบเทยี บ จัดกลุม่ เรียงลำดับ การหาผลรวมการวิเคราะห์ผล การสร้างทางเลือกที่เป็นไป ได้ และการประเมินทางเลอื ก 9. การใช้ ว4.2 ป.4/5 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในยุคดิจิทัล อย่างปลอดภัย ๑๐ เทคโนโลยี เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น เช่น อยา่ ง ไมส่ รา้ งขอ้ ความเท็จและส่งให้ผู้อ่ืน ไม่สรา้ งความเดือดร้อน ปลอดภัย แก่ผู้อื่นโดยการส่งสแปม ข้อความลูกโซ่ ส่งต่อโพสต์ที่มี ข้อมูลของผู้อื่น ส่งคำเชิญเล่นเกมไม่เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือการบ้านของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช้เคร่ือง คอมพิวเตอร์/ชื่อบัญชีของผู้อ่ืน การปกป้องข้อมูลส่วนตัว ช่วยให้ปลอดภัย เช่น การออกจากระบบเมื่อเลิกใช้งาน ไม่ บอกรหสั ผ่าน ไม่บอกเลขประจำตวั ประชาชน รวมตลอดภาคเรยี นท่ี ๒ ๖๐ รวมตลอดภาคเรยี น/ปีการศกึ ษา ๑๒๐
13 คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน รายวิชา ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๔ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ จำนวน ๑๒๐ ช่ัวโมง/ปี จำนวน ๒ น้ำหนกั ศึกษา เรียนรู้ บรรยาย รวบรวมข้อมูล ระบุ ออกแบบ ค้นหา และอภิปรายเก่ียวกบั หนา้ ท่ีของราก ลำต้น ใบ และ ดอก ของพืช ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์ มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้า สะเทินบก กลุ่ม สัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก และ กลุ่มสัตว์เลีย้ งลูกด้วยน้ำนม และยกตัวอย่าง สิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม สมบัติทางกายภาพของ วัสดุอย่างมีเหตุผลจากการทดลอง ผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ มวลของวัตถุที่มีผลต่ อการ เปลีย่ นแปลง การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตก ของดวงจนั ทร์ โดยใช้หลกั ฐาน เชิงประจักษ์ แบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ การทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปญั หา อยา่ งง่าย เขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย ตรวจหาข้อผิดพลาด และแกไ้ ข ใช้อนิ เทอรเ์ น็ตค้นหา ความรู้ และประเมิน ความน่าเชื่อถือของข้อมูล นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพื่อ แกป้ ญั หา ในชีวติ ประจำวนั โดยใช้ ซอฟตแ์ วร์หรือสือ่ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เข้าใจ สิทธแิ ละหนา้ ทข่ี องตน เคารพในสทิ ธิของผู้อน่ื แจ้งผู้เกยี่ วขอ้ งเมื่อพบข้อมูลหรอื บคุ คลที่ ไม่เหมาะสม เปรียบเทียบ จำแนก สังเกต สิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือน และความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิต ออกเป็น กล่มุ พืช กลุม่ สตั วแ์ ละกลมุ่ ท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ พืชออกเปน็ พชื ดอกและพชื ไม่มีดอก โดยใช้การมดี อกเปน็ เกณฑ์โดยใช้ข้อมูล ท่ีรวบรวมได้ สัตว์ออกเป็นสตั ว์มีกระดูกสันหลงั และสัตว ์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยใชก้ ารมีกระดูกสนั หลัง เป็นเกณฑ์ โดยใช้ ข้อมูลที่รวบรวมได้ สมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อนและการนำไฟฟ้า ของวัสดุ โดยใช้ หลักฐานเชิงประจักษ์ จากการทดลองและระบุการนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำ ไฟฟ้า ของวัสดไุ ปใชใ้ นชวี ิตประจำวันผา่ นกระบวนการ ออกแบบชิ้นงาน สมบตั ิของสสารทง้ั ๓ สถานะ จาก ข้อมูลที่ได้จาก การสังเกตมวล การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร วัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบ แสง จากลกั ษณะ การมองเห็นส่ิงตา่ ง ๆ ผ่านวตั ถุนนั้ เปน็ เกณฑ์ คาบการโคจร ของดาวเคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลอง โดย ใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ทดลอง ใช้เครอ่ื งมอื การนำสมบตั ิเรอื่ งความแขง็ สภาพยืดหยนุ่ การนำความรอ้ น และการนำไฟฟ้า ของวัสดุไปใช้ ในชีวติ ประจำวันผ่านกระบวนการ ออกแบบช้ินงาน เพ่ือวดั มวล และปรมิ าตร ของสสารทง้ั ๓ สถานะ ใช้เคร่ืองชั่งสปริงใน การวัดน้ำหนักของวัตถุโดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการปฏิบัติ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หลักฐานเชิง ประจกั ษ์ เพือ่ ให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ตง้ั ใจ มีความรบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรยี นรู้ ซ่ือสตั ย์ มจี ติ สานกึ มจี ติ วญิ ญาณนักวิทยาศาสตร์ รหสั ตัวชว้ี ดั ว ๑.๒ ป.๔/๑ ว ๑.๓ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ว ๒.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ว ๒.๒ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ว ๒.๓ ป.๔/๑ ว ๓.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ว ๔.๒ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕ รวม ๒๑ ตวั ช้ีวดั
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 14 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว๑๔๑๐๑ ปีการศกึ ษา 2566 ชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี 1 จำนวน ๑ ชั่วโมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวิต เร่ือง การจดั กลุ่มสิ่งมีชีวิต ครูผู้สอน นางสาววรรณกุล มีสวนทอง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์ ระหวา่ งสิ่งมีชีวติ กับสง่ิ มีชีวติ ตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ การถา่ ยทอดพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงแทนท่ใี นระบบนิเวศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มตี ่อทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมแนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ขปญั หาสิง่ แวดลอ้ มรวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัด ว. ๑.๓ ป.๔/๑ จำแนกสิ่งมีชีวติ โดยใชค้ วามเหมือน และความแตกตา่ งของลักษณะของสิง่ มชี วี ิต ออกเป็นกลุม่ พืช กลุ่มสัตว์ และกลมุ่ ทีไ่ มใ่ ชพ่ ืชและสตั ว์ 3. สาระสำคญั สิ่งมีชีวิตรอบตัวเรามีหลายชนิด ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีลักษณะสำคัญบางอย่างเหมือนกัน และมี ลักษณะ สำคญั บางอย่างแตกตา่ งกันไป โดยเราสามารถใช้ความเหมือนและความแตกตา่ งของลักษณะต่าง ๆ เชน่ การเคล่ือนท่ีและ การสรา้ งอาหารของส่ิงมชี วี ติ มาจดั กลมุ่ สิ่งมชี วี ิตออกจากกนั ได้ 3 กล่มุ คือ กลมุ่ พชื กลุ่ม สัตว์ และกล่มุ ทไี่ มใ่ ช่พชื และสตั ว์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. สามารถอธิบายความแตกต่างของลกั ษณะของสง่ิ มีชวี ติ แต่ละชนิดได้ (K) ๒. สามารถจัดกล่มุ ส่ิงมีชวี ิตได้ (P) ๓. มีความรับผดิ ชอบเขา้ ห้องเรียนและสง่ งานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 5. สาระการเรยี นรู้ การจำแนกส่ิงมีชีวติ โดยใชค้ วามเหมอื นและความแตกต่างของลกั ษณะต่าง ๆ ในมีส่ิงมชี วี ติ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ใบกิจกรรมที่ ๑.๑ เรอ่ื ง การจำแนกส่งิ มีชวี ิต
15 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี ๑ สรา้ งความสนใจ (engagement) ๑.๑ นักเรยี นและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิม เรื่อง ส่ิงมีชีวิตและสง่ิ ไม่มชี ีวิต โดยใช้โปรแกรมชื่อว่า Plicker ซ่ึงมี วธิ ีการดงั นี้ ๑. นักเรยี นแต่ละคนรับแผ่นป้ายที่เปน็ โค้ดโดยแตล่ ะคนจะได้แผ่นปา้ ยท่ีเป็นโคด้ ไม่ซ้ำกัน (ครูจะต้องเพิ่มรายชื่อของนกั เรียนทง้ั หมดลงในโปรแกรม Plicker กอ่ นท่ีจะนำมาใช้) ๒. ครเู ปิดคำถามจากโปรแกรม Plicker เพือ่ ใหน้ ักเรียนตอบคำถามจากสง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรูใ้ นชวั่ โมงที่แลว้ ๓. นกั เรยี นตอบคำถามโดยยกแผน่ ปา้ ยทเี่ ปน็ โคด้ ขึ้นมา โดยกระดาษจะมี 4 ด้านคือ ด้าน A B C D ถา้ นักเรยี นจะตอบคำถาม ซ่ึงคิดวา่ ด้านใดเปน็ คำตอบใหย้ กดา้ นนัน้ ข้นึ ตวั อย่างเชน่ นกั เรียนคนที่ 1 ตอบ A ก็ยกด้าน A ขึ้น นักเรยี นคนท่ี 2 ตอบ B ก็ยกด้าน B ขึน้ โดยคาํ ตอบจะต้องชี้ขึ้นไปทางทศิ เหนือเสมอ ๔. ครใู ชโ้ ทรศัพท์สแกนควิ อาร์โคด้ ของนักเรยี นแต่ละคน ถ้าครูสแกนคําตอบของนักเรียนแลว้ พบวา่ ข้นึ สี เขียวแสดงว่านักเรยี นตอบถกู แต่ถา้ ข้นึ สแี ดงแสดงว่านกั เรยี นตอบผิด ขัน้ ที่ ๒ สำรวจและคน้ หา (exploration) ๒.๑ นักเรยี นแต่ละคนรับแผ่นการ์ดรูปส่ิงมชี ีวิตตา่ ง ๆ คนละ 1 รปู โดยแตล่ ะคนจะได้แผ่นการ์ดรปู ท่ีไมซ่ ำ้ กัน และให้นักเรียนดำเนินดังน้ี ๑. นกั เรียนร่วมกนั จดั กลมุ่ แผ่นการ์ดรปู ส่งิ มีชวี ิตตา่ ง ๆ นกั เรียนสามารถใช้เกณฑใ์ ดในการจำแนกกลมุ่ ส่งิ มีชวี ิตได้ บา้ งจากน้นั ให้นักเรียนช่วยกันอธิบายคำตอบ ๒.๒ นกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาคน้ คว้าเร่ือง ลักษณะของส่ิงมีชวี ติ ท้งั ๓ กลมุ่ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ พน้ื ฐานชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ เล่ม ๑ หรือศกึ ษาจาก E-book เรือ่ ง การจำแนกส่ิงมีชวี ติ ที่มาจาก https://online.pubhtml5.com/mnzg/nvkq/ (E-book เร่อื งการจำแนกส่งิ มีชีวิต) ข้ันที่ ๓ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) ๓.๑ นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายและสรปุ ความรู้เกยี่ วกบั ลักษณะของส่งิ มชี ีวิตท้ัง 3 กลุม่ ดังนี้ (แนวทางการสรุป ๑. กลมุ่ พืช สามารถสรา้ งอาหารเองได้จากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง แตเ่ คล่อื นทดี่ ้วยตนเองไมไ่ ด้ ๒. กลมุ่ สตั ว์ ต้องกนิ สิ่งมีชวี ติ อนื่ เปน็ อาหาร แตส่ ามารถเคล่อื นไหวรา่ งกายและเคลือ่ นที่ได้ ๓. กลุ่มท่ีไมใ่ ช่พชื และสตั ว์ บางชนิดสรา้ งอาหารเองไม่ได้ และบางชนดิ ไมส่ ามารถเคลอ่ื นท่ีได้)
16 ขน้ั ท่ี ๔ ขยายความรู้ (elaboration) ๔.๑ นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายความรเู้ พิม่ เตมิ เกย่ี วกับ เรื่อง ดอกไม้ทะเล โดยตง้ั ประเด็นคำถาม คือ นักเรยี นคดิ ว่าดอกไม้ทะเลจัดอยใู่ นกลุ่มสง่ิ มีชวี ิตใด (แนวทางการอภปิ ราย ดอกไม้ทะเล หรอื ซีแอนนโี่ มน่ี (sea anemone) ไมใ่ ชพ่ ืช แตเ่ ป็นสตั ว์ทะเลจดั อยู่กลุ่ม เดยี วกันกับแมงกะพรนุ ) ขัน้ ท่ี ๕ ประเมิน (evaluation) ๕.๑ นักเรยี นร่วมทำกจิ กรรม “จบั ค่คู วามสัมพันธข์ องการจัดกลมุ่ ส่งิ มชี ีวติ ” โดยมีวิธีการดงั น้ี ๑. ครแู จกแผ่นป้ายให้กบั นกั เรยี นแต่ละคน โดยแตล่ ะคนจะได้แผน่ ปา้ ยท่ีไม่ซำ้ กัน โดยครอู ธิบายการใช้ สื่อการจบั คู่ความสมั พันธข์ องการจัดกลุ่มสง่ิ มชี ีวติ ใหน้ กั เรยี นฟงั อย่างละเอยี ด ๒. จากน้ันให้นักเรยี นแตล่ ะคนนำแผน่ ปา้ ยที่ได้ ออกมาแปะกับบอร์ดหน้าห้องให้ตรงกบั ประเภทของ กล่มุ มชี ีวติ โดยนักเรยี นจะตอ้ งคดิ หาคำตอบด้วยตนเอง ๓. เมอื่ นักเรียนคนแรกวง่ิ มาถึงโต๊ะนักเรยี นลำดับถัดไป ทำกจิ กรรมต่อจนกวา่ จะครบตามสมาชกิ ภาย ในห้อง ๔. เมอื่ จบกจิ กรรมนกั เรยี นและครรู ่วมกันตรวจสอบคำตอบและมอบรางวลั พร้อมกลา่ วคำชมเชย ๕.๒ นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามเพ่ือสรุปความคิดรวบยอด เร่อื ง การจัดกลุม่ สิ่งมชี วี ิต โดยใชค้ ำถาม ดังต่อไปนี้ คำถาม เม่ือจำแนกสงิ่ มชี ีวติ โดยใช้การเคลื่อนท่แี ละการสร้างอาหารเป็นเกณฑจ์ ะจดั ส่ิงมีชวี ิต ไดก้ ีก่ ลุ่ม อะไรบ้าง (แนวคำตอบ ๓ ประเภท ได้แก่ กลมุ่ พืช, กลุ่มสัตว์และกลุ่มท่ไี มใ่ ช่พืชและสัตว์ ) คำถาม ส่งิ มีชีวติ แต่ละกลมุ่ มีลกั ษณะอย่างไร (แนวคำตอบ กล่มุ พืช สามารถสร้างอาหารเองได้จากกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง แต่เคล่อื นทดี่ ว้ ย ตนเองไมไ่ ด้ กลมุ่ สัตว์ ต้องกนิ สิง่ มีชวี ิตอืน่ เป็นอาหาร แตส่ ามารถเคลื่อนไหวร่างกายและเคล่อื นที่ ได้ กลุ่มที่ไม่ใช่ พืชและสตั ว์ บางชนดิ สรา้ งอาหารเองไม่ได้ และบางชนดิ ไม่สามารถเคล่ือนที่ได้ ) ๕.๓ นักเรียนทำใบกจิ กรรมท่ี ๑.๑ เรื่อง การจำแนกสงิ่ มีชีวติ (E-book ใบงานเรื่องการจำแนกสง่ิ มชี ีวติ ) (E-book เฉลยใบงานเร่ืองการจำแนกส่งิ มชี วี ติ ) ๑๐. สอื่ การเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ (สสวท.) ๒. โปรแกรม Plickers พร้อมแผน่ ปา้ ยโค้ด ๓. ส่อื ประกอบการสอน “จบั คคู่ วามสมั พันธข์ องการจดั กลุม่ ส่ิงมชี ีวติ ” ๔. ใบกจิ กรรมที่ ๑.๑ เร่อื ง การจำแนกส่งิ มชี ีวิต
17 ๑๑ . การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การ ประเมิน รายการวัด - ตรวจใบกิจกรรมท่ี ๑.๑ - แบบประเมนิ ใบ กิจกรรมที่ ๑.๑ - คะแนนระดบั 2 12.1 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ขน้ึ ไป ถือว่าผ่าน 1. สามารถอธบิ ายความแตกตา่ ง - ประเมินการปฏบิ ตั ิ - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ - คะแนนระดบั 2 ของลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ แตล่ ะชนิดได้ กจิ กรรม 2. สามารถจดั กลมุ่ ส่ิงมีชีวิตได้ - การสงั เกต กิจกรรม ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น 3. มีความรบั ผิดชอบและมวี นิ ัย - การประเมิน - แบบสงั เกตการทำ - คะแนนระดบั 2 12.2 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน กิจกรรม ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด - แบบประเมนิ สมรรถนะ - คะแนนระดบั 2 12.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สำคญั ของผูเ้ รยี น ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - การประเมนิ - แบบประเมนิ - เกณฑ์คุณภาพ 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน คุณลักษณะอนั พงึ อยใู่ นระดับดี ถือ ประสงค์ วา่ ผา่ น
18 ใบกจิ กรรมวิชาวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมที่ 1.1 คะแนนทไี่ ด้ เร่อื ง การจดั กลุม่ สงิ่ มชี ีวติ ชื่อ - สกุล ____________________________________________________ ชน้ั ___________เลขท่ี______ ทักษะสร้างเสรมิ ความเข้าใจที่คงทน 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท แหล่งเรียนรู้/อุปกรณ์ บตั รภาพ 12 ใบ ขน้ั ตอน 1. สงั เกตสิง่ มีชวี ติ ในบตั รภาพทไี่ ดร้ บั และสืบคน้ ข้อมลู ลักษณะของสิง่ มชี วี ติ เหลา่ นั้น 2. จำแนกสงิ่ มีชีวิตเป็นกลุ่ม โดยใชก้ ารสร้างอาหารเองไดแ้ ละการเคล่ือนที่เองไดเ้ ป็นเกณฑ์ 3. นำเสนอผลการจำแนกสง่ิ มีชีวิตหน้าหอ้ งเรียนพรอ้ มให้เหตุผลของการจำแนกส่ิงมีชวี ติ เหล่านนั้ บัตรภาพ กระรอก แบคทีเรีย พรกิ ดอกไม้ทะเล ตำแยแมว ลนิ้ มังกร ปู รา ดาวทะเล สะระแหน่ ด้วง เหด็
19 คำถามประกอบกิจกรรม 1. กล่มุ พชื มสี ิง่ มชี วี ติ อะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. กลมุ่ สตั ว์มีสงิ่ มีชวี ติ อะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. กลุ่มที่ไม่ใชพ่ ืชและสัตวม์ สี ิ่งมีชีวติ อะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4. สิง่ มชี ีวิตท้ังหมดมีก่ีกลุ่ม และสง่ิ มีชวี ติ กลมุ่ ใดมจี ำนวนมากท่ีสดุ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. เกง่ มากคะ่ เดก็ ๆ
20 ใบกจิ กรรมวิชาวิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ใบกิจกรรมท่ี 1.1(เฉลย) เร่ือง การจดั กลุ่มส่งิ มีชีวติ ช่ือ - สกลุ ____________________________________________________ ชัน้ ___________เลขที่______ ทักษะสร้างเสริมความเขา้ ใจที่คงทน 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท แหล่งเรียนร/ู้ อุปกรณ์ บัตรภาพ 12 ใบ ขัน้ ตอน 1. สังเกตสิง่ มชี วี ิตในบัตรภาพทไี่ ดร้ ับและสบื ค้นข้อมูลลกั ษณะของส่งิ มีชีวิตเหลา่ น้ัน 2. จำแนกส่งิ มชี ีวิตเป็นกลุ่ม โดยใชก้ ารสรา้ งอาหารเองไดแ้ ละการเคลื่อนท่ีเองได้เป็นเกณฑ์ 3. นำเสนอผลการจำแนกสิ่งมีชีวิตหนา้ ห้องเรยี นพร้อมใหเ้ หตผุ ลของการจำแนกสงิ่ มชี วี ิตเหลา่ น้ัน บตั รภาพ กระรอก แบคทเี รีย พรกิ ดอกไมท้ ะเล ตำแยแมว ล้นิ มงั กร ปู รา ดาวทะเล สะระแหน่ ดว้ ง เห็ด
21 คำถามประกอบกิจกรรม (เฉลย) 1. กลุ่มพืชมสี ่ิงมีชีวิตอะไรบ้าง ..............พ...ร.กิ....ต..า..แ..ย..แ..ม..ว...ล..นิ.้ ..ม..งั..ก..ร...ส..ะ..ร.ะ..แ..น..่................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. กลุ่มสตั วม์ ีสงิ่ มีชีวิตอะไรบา้ ง ...............ก..ร..ะ..ร..อ..ก...ป..ู.ด...า..ว.ท...ะ..เ.ล...ด..ว้..ง...ด..อ. .ก..ไ.ม...ท้ ..ะ..เ.ล.......................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3. กลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตวม์ ีส่ิงมีชีวติ อะไรบ้าง ...................แ..บ..ค..ท...เี .ร..ีย...ร.า...เ.ห...ด็ .................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4. ส่ิงมีชวี ิตทั้งหมดมีกี่กลุม่ และสงิ่ มีชวี ติ กล่มุ ใดมีจำนวนมากท่ีสุด ...-..............ส...ิ่ง.ม...ีช..วี ..ิต..ท..งั้..ห..ม...ด..ท..ี.3...ก..ล..่ม.ุ ...ไ.ด..แ้..ก..่.ก...ล..มุ่ ..พ...ืช..,..ก..ล..่มุ...ส..ตั ..ว..,์..ก..ล..่มุ...ท..่ไี.ม...ใ่ .ช..่พ...ชื ..แ..ล..ะ..ส..ตั...ว..์ ................................................ ...-..............ส...ง่ิ .ม...ีช..วี ..ิต..ท..่ีม...จี ..า..น..ว..น..ม..า..ก..ท...่ีส..ดุ..ค...ือ...ก..ล..่มุ..ส..ต.ั ..ว.................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
22 เกณฑก์ ารประเมินใบกจิ กรรมที่ 1.1 เรอื่ ง การจดั กลมุ่ สิง่ มชี ีวิต ขอ้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน 321 0 ไมเ่ ขยี นคำตอบ 1 ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกตอ้ ง หรอื ไมส่ ามารถ ตอบคำถามได้ 4 ชนดิ 3 ชนดิ 1-2 ชนิด ไม่เขยี นคำตอบ หรอื ไม่สามารถ 2 ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกต้อง ตอบคำถามได้ ไม่เขียนคำตอบ 5 ชนดิ 3-4 ชนดิ 1-2 ชนิด หรอื ไม่สามารถ ตอบคำถามได้ 3 ตอบถูกต้อง ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกตอ้ ง ไมเ่ ขยี นคำตอบ หรือไม่สามารถ 3 ชนดิ 2 ชนิด 1 ชนดิ ตอบคำถามได้ 4 - สงิ่ มีชวี ิตทง้ั หมดที - สิ่งมีชวี ติ ทั้งหมด - ส่ิงมชี วี ติ ท้งั หมด ที 3 กลุม่ 3 กลุม่ ได้แก่ กลุ่ม ที 3 กลมุ่ พืช, กลมุ่ สตั ว์, กลุ่ม - สงิ่ มีชีวิตท่มี ี ท่ีไมใ่ ช่พืชและสตั ว์ จำนวนมากท่ีสดุ - สิ่งมชี ีวิตทมี่ ี คอื กลมุ่ สัตว์ จำนวนมากท่ีสุด คอื กล่มุ สตั ว์ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 6 – 8 คะแนน ระดับคุณภาพ ดีมาก 4 – 6 คะแนน ระดับคุณภาพ ดี 0 – 3 คะแนน ระดับคุณภาพ ปรับปรุง
24 แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบต่อเขา้ หอ้ งเรียนและส่งงานที่ไดร้ บั มอบหมาย คำชี้แจง : สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นแลว้ เตมิ ระดบั คะแนนลงทีป่ ฏบิ ัติได้ในช่องระดบั คะแนน ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน เข้าหอ้ งเรยี นและส่งงานที่ไดร้ ับมอบหมาย เกณฑก์ ารสังเกตพฤตกิ รรมความรบั ผิดชอบของผ้เู รียน รายการประเมนิ 3 คะแนน คำอธิบายคณุ ภาพ 1 คะแนน 1.เอาใจใสต่ ่อการเรียน เม่ือเกดิ ปญั หาหรือไมเ่ ขา้ ใจ 2 คะแนน เม่ือเกิดปญั หาหรอื ไม่เขา้ ใจ 2.เขา้ ห้องเรียนและส่งงานที่ บทเรยี นทุกครั้ง มักซกั ถาม บทเรยี นทุกครง้ั มักซกั ถาม ไดร้ บั มอบหมาย และมีความพยายามในการ เมือ่ เกดิ ปญั หาหรือไม่เข้าใจ และมีความพยายามในการ คน้ หาคำตอบอยเู่ สมอ บทเรียนทกุ ครัง้ มักซกั ถาม ค้นหาคำตอบบางคร้ัง 3.การสบื เสาะแสวงหา และมีความพยายามในการ ความรู้ เข้าหอ้ งเรียนและสง่ งานที่ คน้ หาคำตอบ เข้าห้องเรยี นและส่งงานท่ี ไดร้ บั มอบหมายตรงตาม ไดร้ ับมอบหมายตรงตาม 4.ความพยายามและเอาใจ เวลาทุกครง้ั เขา้ หอ้ งเรียนและสง่ งานที่ เวลาบางคร้ัง ใส่ต่อการปฏบิ ัติกิจกรรม ได้รับมอบหมายตรงตาม การเรียนรู้ สืบเสาะความรู้ทเ่ี ป็น เวลา สืบเสาะความรทู้ ีเ่ ป็น 5.การใชแ้ ละการเก็บ ประโยชน์ จากแหลง่ ข้อมลู ประโยชน์ จากแหล่งข้อมลู อปุ กรณ์การเรยี น/อปุ กรณ์ ต่างๆ ท่เี ช่อื ถือไดอ้ ย่เู สมอ สบื เสาะความรู้ทีเ่ ปน็ ต่างๆ เป็นบางคร้ัง การทดลอง ประโยชน์ จากแหล่งขอ้ มลู มีความตั้งใจทีจ่ ะปฏิบัติ ต่างๆ มคี วามต้ังใจทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม การเรยี รู้ให้สำเรจ็ กจิ กรรม การเรยี รู้ใหส้ ำเรจ็ ทกุ ครัง้ มคี วามตง้ั ใจทจี่ ะปฏิบัติ บางคร้ัง กิจกรรม การเรยี รู้ใหส้ ำเรจ็ เกบ็ อปุ กรณ์การเรยี น/ อยู่เสมอ เกบ็ อปุ กรณ์การเรยี น/ อุปกรณก์ ารทดลองทกุ ครง้ั อุปกรณก์ ารทดลองทกุ ครงั้ ได้อย่างถกู วิธีและเปน็ เก็บอปุ กรณ์การเรยี น/ ได้อยา่ งถกู วิธแี ละเป็น ระเบยี บเรียบรอ้ ย อปุ กรณก์ ารทดลองทกุ ครง้ั ระเบยี บเรยี บร้อยในบางครง้ั ไดอ้ ย่างถูกวิธีและเปน็ ระเบียบเรียบร้อยเกอื บทุก ครัง้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 10.00 – 15.00 ดี 5.00 – 9.99 พอใช้ ตำ่ กวา่ 5 ปรับปรุง
25 แบบประเมนิ สมรรถนะของนักเรยี น คำชแี้ จง : สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นแล้วเตมิ ระดบั คะแนนลงที่ปฏิบตั ิไดใ้ นช่องระดับคะแนน ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คะแนน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะของผู้เรยี น ประเด็นการ ระดับคะแนน ประเมิน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น สามารถนำเสนอขอ้ มลู จากการสังเกตและการ ความสามารถใน สามารถนำเสนอขอ้ มูล สามารถนำเสนอขอ้ มลู จาก วเิ คราะห์ ใหผ้ ูอ้ ่ืนเขา้ ใจได้ เพียงบางส่วน แมว้ า่ จะได้ การสอื่ สาร จากการสงั เกต และการ การสงั เกต และการ รบั คำชีแ้ นะจากครูหรอื ผอู้ ืน่ วเิ คราะห์ ใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจได้ วเิ คราะห์ ใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจได้ สามารถวิเคราะห์และ จำแนกสิง่ มีชีวิต ถกู ต้องดว้ ยตนเอง ถูกต้องจากการชแ้ี นะของ ได้อยา่ งถูกตอ้ งและ สมเหตุสมผล ครูหรือผู้อ่นื บางสว่ นแม้ว่าจะไดร้ ับคำ ช้ีแนะจากครหู รือผอู้ นื่ ความสามารถใน สามารถวิเคราะหแ์ ละ สามารถวิเคราะหแ์ ละ การคดิ และจำแนกส่ิงมีชวี ติ ได้ จำแนกส่งิ มชี วี ิตได้อย่าง อย่างถูกต้อง และสมเหตุ ถูกต้องและสมเหตุสมผล สมผลด้วยตนเอง โดยตอ้ งอาศยั การชีแ้ นะ จากครหู รอื ผู้อน่ื
26 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำช้แี จง : สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ ระดับคะแนน อันพึงประสงค์ ประเดน็ การประเมนิ 321 ด้าน 1. มวี ินยั 1.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงของช้ันเรยี น 1.2 มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ 2. ใฝ่เรียนรู้ 2.1 รจู้ กั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์และนำไปปฏิบัติได้ 2.2 รู้จกั บริหารเวลาให้เหมาะสม 2.3 ต้ังใจเรยี น 3. มงุ่ มนั่ ในการ 3.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ทำงาน 3.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสำเรจ็ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏิบัตชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั บิ างครง้ั เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 18-21 ดมี าก 14-17 ดี 11-14 พอใช้ ต่ำกว่า 11 ปรับปรงุ
27 บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ลงชอื่ (นางสาววรรณกลุ มีสสวนทอง) ครูผสู้ อน
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เอกสารประกอบการสอบสัมภาษณ์ ภาค ค
23
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: