บทที่ 2 หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์และอุปกรณต์ ่อพ่วงหลักการทางานของคอมพวิ เตอร์ การทางานของคอมพวิ เตอร์ไม่วา่ จะเป็นแบบใดหรือประเภทใด มคี วามซบั ซอ้ นมากน้อยเพยี งใด กม็ พี ้ืนฐานการทางานทางานประกอบดว้ ยหน่วยสาคัญ 4 หนว่ ย คือ 1. หนว่ ยรับขอ้ มลู (Input Unit) ทาหน้าทรี่ ับขอ้ มลู คาส่งั จากผใู้ ช้เข้าไป โดยผู้ใช้เป็นผู้ป้อนคาส่ังไปยังเครือ่ งคนาไปทาการประมวลผล หากไมส่ ามารถส่งข้อมูลไปยังเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ความสามารถของเครือ่ งคอมพวิ เตอร์กจ็ ะลดน้อยลงประวตั นิ กั เรยี น ประวตั คิ รูอาจารย์ การคดั คะแนนสอบ การจัดทาตารางสอน ใช้คอมพิวเตอรใ์ นงานห้องสมุด เป็นต้น ตวั อยา่ งใดา้ นการศึกษา เชน่ โปรแกรมรายงานการลงทะเบยี นเรยี น โปรแกรมตรวจสอบด้านเอกสาร งานพมิ พ์ต่าง ๆ เปน็ ตน้ 2. หนว่ ยประมวลผล (Processing Unit) รบั ข้อมูลแลว้ สง่ ไปยงั หน่วยประมวลผล ซึง่ ทาหนา้ ที่ในการคิดคานวณหขอ้ มูล โดยทาตามโปรแกรมทเี่ กบ็ ไวใ้ นหนว่ ยความจาหลกั 3. หนว่ ยความจาหลกั (Main Memory) ซ่งึ เป็นหนว่ ยความจาท่ีหนว่ ยประมวลผลสามารถอ่านเขยี นไดร้ วดเร็วมเกบ็ ไวท้ ห่ี น่วยความจาหลักนี้ เพ่ือให้หน่วยประมวลผลนามาตีความและกระทาตามได้อยา่ งรวดเร็ว สว่ นหนว่ ยความจาสารอหรือโปรแกรมท่ีมจี านวนมาก และหากจะใชง้ านก็มกี ารถา่ ยจากหน่วยความจาสารองมายงั หนว่ ยความจา และนาขอ้ มูลท่ีเกบ็ ไว 4. หน่วยแสดงผล (Output Unit) เป็นหนว่ ยท่ีนาขอ้ มูลทไ่ี ด้รับการประมวลผลมาแสดง หน่วยแสดงผลขอ้ มลู หมท่รี ับขอ้ มูลจากการประมวลผลของหนว่ ยประมวลผลกลาง เม่ือหนว่ ยประมวลผลกลางของเครื่องคอมพิวเตอรท์ าการประมวลแลว้ ผลลพั ธ์จะถกู สง่ มาเก็บไว้ในหน่วยความจาเพ่ือส่งไปยังหน่วยแสดงผล เพือ่ รายงานผลที่ได้จากการประมวลผลให้ผ้ใู ชง้ าน โดของตัวเลข ตัวอกั ษร ภาพกราฟกิ เสียง เปน็ ตน้ สามารถเขยี นการทางานของเครอื่ งคอมพิวเตอร์เป็นบล็อกไดอะแกรมง่าย ๆ โดยมอี งคป์ ระกอบพ้นื ฐานหลกัProcess และ Output ดังรปู ที่ 2.1 อธบิ ายขนั้ ตอนการทางานของคอมพวิ เตอร์ จากรปู ท่ี 2.1ขนั้ ตอนท่ี 1 รับขอ้ มลู เขา้ (Input) เร่ิมตน้ ด้วยการนาขอ้ มูลเข้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซงึ่ สามารถผา่ นทางอปุ กรณ์ชนิดต่าง ๆ แล้วแตช่ นดิ ของข้อมูลที่จะปอ้ นเปน็ การพิมพข์ อ้ มลู จะใชค้ ยี ์บอรด์ เพอื่ พิมพ์ขอ้ ความหรือโปรแกรมเขา้ เคร่ือง ถา้ เป็นการเขียนภาพจะใชเ้ ครื่องอ่านพกิ ดั ภาพ
ปากกาชนิดพิเศษสาหรบั เขียนภาพ หรือถา้ เป็นการเลน่ เกมกจ็ ะมกี ้านควบคมุ สาหรับเคลอื่ นตาแหน่งการเลน่ บนจอภาพ และ เช่น สแกนเนอร์ กลอ้ งวิดโี อ ไมโครโฟน หน้าจอแบบสมั ผัส เปน็ ตน้ ข้ันตอนท่ี 2 ประมวลผลขอ้ มูล (Process) เมื่อนาข้อมลู เขา้ มาแล้ว เคร่อื งจะดาเนินการกับขอ้ มลู ตามคาสงั่ ทไ่ี ด้รบั เพ่ือให้ได้ผลลพั ธ์ตามที่ตอ้ งการ เรยี กการทา ประมวลผล” ซ่ึงอาจมีไดห้ ลายอย่าง เช่น นาขอ้ มูลมาหาผลรวม นาข้อมูลมาจดั กล่มุ นาข้อมูลมาหาค่ามากท่ีสุดหรอื น้อยที่สุด เ ขั้นตอนท่ี 3 แสดงผลลัพธ์ (Output) เม่ือคอมพวิ เตอรป์ ระมวลผลคาสงั่ ไปตามโปรแกรมที่กาหนดไว้เสรจ็ เรียบร้อย กจ็ ะแสดงผลลัพธ์จากการประมวลผล ทราบโดยผ่านอุปกรณต์ า่ ง ๆ โดยทว่ั ไปจะแสดงผา่ นทางจอภาพ หรอื เรยี กกันโดยทั่วไปว่า “จอมอนิเตอร์” (monitor) หรอื พิมพ กระดาษ โดยใชเ้ ครื่องพมิ พ์ (Printer) ลาโพง หรอื โปรเจ็คเตอร์ เป็นตน้ข้ันตอนท่ี 1 รบั ข้อมลู เข้า (Input) เร่ิมตน้ ด้วยการนาขอ้ มูลเขา้ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ซง่ึ สามารถผา่ นทางอปุ กรณ์ชนิดตา่ ง ๆ แลว้ แต่ชนิดของขอ้ มลู ท่ีจะป้อนเข้าไป เช่น ถ้าเปน็ การพิมพข์ ้อมลู จะใชค้ ยี ์บอร์ด เพอ่ื พิมพข์ อ้ ความหรอื โปรแกรมเข้าเครื่อง ถ้าเปน็ การเขียนภาพจะใช้เครอื่ งอ่านพกิ ัดภาพกราฟิก โดยมปี ากกาชนดิ พิเศษสาหรับเขียนภาพ หรือถ้าเป็นการเลน่ เกมกจ็ ะมีก้านควบคุม สาหรับเคลื่อนตาแหน่งการเล่นบนจอภาพ และอุปกรณอ์ ่ืน ๆ เช่น สแกนเนอร์ กล้องวดิ ีโอ ไมโครโฟน หนา้ จอแบบสมั ผัส เปน็ ตน้ ขัน้ ตอนที่ 2 ประมวลผลข้อมลู (Process) เม่อื นาขอ้ มลู เข้ามาแล้ว เคร่อื งจะดาเนินการกบั ขอ้ มูลตามคาส่ังที่ไดร้ บั เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามท่ตี ้องการเรียกการทางานน้ีวา่ “การประมวลผล” ซึ่งอาจมไี ด้หลายอยา่ ง เชน่ นาข้อมูลมาหาผลรวม นาขอ้ มูลมาจัดกล่มุนาขอ้ มูลมาหาคา่ มากทสี่ ุดหรอื น้อยที่สุด เป็นต้น ข้นั ตอนท่ี 3 แสดงผลลัพธ์ (Output) เมอื่ คอมพวิ เตอรป์ ระมวลผลคาส่ังไปตามโปรแกรมทีก่ าหนดไว้เสร็จเรียบรอ้ ย ก็จะแสดงผลลัพธจ์ ากการประมวลผลมาแสดงให้ผใู้ ช้ทราบโดยผา่ นอปุ กรณ์ต่าง ๆ โดยทัว่ ไปจะแสดงผ่านทางจอภาพ หรือเรียกกันโดยทว่ั ไปวา่ “จอมอนเิ ตอร์” (monitor) หรอื พมิ พ์ขอ้ มูลออกทางกระดาษ โดยใช้เครอ่ื งพมิ พ์ (Printer) ลาโพงหรือโปรเจ็คเตอร์ เปน็ ตน้. อปุ กรณ์ตอ่ พว่ งกบั คอมพิวเตอร์ เปน็ อุปกรณต์ า่ ง ๆ ทนี่ ามาเชอ่ื มตอ่ กบั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ลักษณะของอปุ กรณ์ที่นามาต่อพว่ งนน้ั สว่ นใหญ่จะอยภู่ ายนอกเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ สามารถมองเหน็ จับตอ้ งได้ อปุ กรณ์ดงั กลา่ ว คือ อุปกรณร์ บั ขอ้ มูลเขา้ (Input Devices) เป็นอปุ กรณฮ์ ารด์ แวร์ตา่ ง ๆ ท่สี ามารถให้เรานาขอ้ มลู โปรแกรมคาสั่งสง่ ไปยังคอมพิวเตอรไ์ ด้ ปจั จบุ นัมหี น่วยรบั ขอ้ มลู ท่ีมหี ลากหลายอุปกรณ์ คอื 1. คีย์บอร์ด (Keyboard) หรอื แปน้ พมิ พ์
คียบ์ อรด์ หรือแปน้ พิมพ์ เป็นอปุ กรณ์หลกั ในการป้อนขอ้ มลู ตวั อักษร ตวั เลข และสัญลกั ษณ์ต่างๆ คียบ์ อร์ดทใี่ ช้งานบนเครือ่ งคอมพิวเตอรต์ ง้ั โต๊ะ ในปัจจบุ ันได้มีปุ่มเพิ่มขึ้นมากมาย เพอื่ ความสะดวกต่อการ ใช้งาน สามารถแบ่งชนิดของคยี ์บอรด์ เป็นกลุ่มไดด้ ังน้ี กลุ่มท่ี 1 แบบ 82 คีย์ เป็นคยี ์บอร์ดของ Apple Standard Keyboard กลุ่มท่ี 2 แบบ 83-84 คีย์ เปน็ คยี บ์ อร์ดรนุ่ เก่า แบบ XT (Extended Technology) กลมุ่ ท่ี 3 แบบ 101 คยี ์ เป็นคียบ์ อรด์ มาตรฐาน รุน่ ใหม่ แบบ AT (Advanced Technology) เพ่ิมปมุ่ พิเศษเพือ่ สนบั สนนุ การใช้โปรแกรมระบบปฏิบตั ิการวินโดวส์ กลมุ่ ท่ี 4 แบบ 102 คยี ์ เพิม่ ปมุ่ Macro คยี ์ 1 ปมุ่ เพ่ือสะดวกในการสง่ั คาสั่งหลาย ๆ คาส่ัง กลุ่มที่ 5 แบบ 104 คยี ์ เพิ่มปุ่มคยี ว์ นิ โดวส์ 2 ปมุ่ กลุ่มท่ี 6 แบบ 108 คีย์ขน้ึ ไป เพม่ิ ปมุ่ ฟังกช์ น่ั อานวยความสะดวก กลุ่มที่ 7 แบบ Notebook & Palm Keyboard ปมุ่ ต่าง ๆ บนคยี ์บอร์ด หรือแป้นพมิ พ์ สามารถแบง่ ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มปมุ่ อกั ขระ (Typing Keys) คอื ตวั อกั ษร (A-Z) ก-ฮ ตัวเลข (0-9) เครอ่ื งหมายและ สญั ลักษณต์ ่าง ๆ 2. กลุ่มปมุ่ ตัวเลขและเครอื่ งหมายคานวณ (Numeric Keypad) คอื ใชเ้ ฉพาะการคานวณ 3. กลุ่มปุ่มฟงั กช์ ัน่ (Function Keys) คือ ปุ่ม F1-F12 เป็นปมุ่ คยี อ์ านวยความสะดวกในการใช้ คาสั่งจะใช้ตา่ งกันในแตล่ ะโปรแกรมท่ใี ชง้ าน 4. กลุ่มปุม่ ควบคุมต่าง ๆ (Control Keys/Command Keys) คอื ปมุ่ ท่ีใชส้ าหรับควบคุมการใช้ คาสัง่ ตา่ ง ๆ พอรต์ คียบ์ อรด์ ใชเ้ ช่อื มกบั คอมพวิ เตอร์ ไดแ้ ก่ 1. ขวั้ ต่อแบบดีไอเอน็ หรอื ดิน (DIN : Deutsches Institut Fur Normung) เป็นขวั้ ต่อขนาด ใหญ่แบบ 5 pin 2. ขวั้ ตอ่ แบบพีเอสทู (PS/2) หรอื เรียกอีกชือ่ หนง่ึ วา่ Mini-Din เป็นข้วั ขนาดเล็กแบบ 6 pin (IBM PS/2) ปัจจุบนั ส่วนใหญ่ใชข้ ั้วต่อแบบพีเอสทู 3. ขัว้ ต่อแบบยเู อสบี (USB : Universal Serial Bus) เปน็ ข้วั แบบ USB 4 pin รนุ่ ใหม่ต่อเช่ือม กับคยี บ์ อร์ดผ่านทางพอรต์ ยเู อสบี เป็นพอรต์ ท่มี ีความอเนกประสงคม์ ากทส่ี ุด เพราะปัจจุบันมี อปุ กรณร์ องรบั การเช่ือมตอ่ กบั คอมพวิ เตอร์โดยใช้พอรต์ ยเู อสบีมากมาย เช่น เครอ่ื งพมิ พ์ สแกนเนอร์ โมเดม็ กล้องดจิ ติ อล หรอื เครื่องอา่ นการด์ รดี เดอร์ และธัมบ์ไดร์ฟหรอื เรยี กกนั ว่า แฮนดด์ ีไดร์ฟหรอื แฟลชไดร์ฟ
4. คียบ์ อรด์ แบบไร้สาย (Wireless) ใชแ้ สงอนิ ฟราเรดหรอื คลืน่ ความถข่ี องวทิ ยุเปน็ ตัวรบั ส่ง ขอ้ มูลระหวา่ งแปน้ พมิ พไ์ ปยังคอมพวิ เตอร์ โดยคอมพวิ เตอร์ตอ้ งมตี วั รับส่งข้อมูลทีแ่ ป้นพิมพส์ ง่ มา ดว้ ย เช่น ตัวรบั สง่ แสงอนิ ฟราเรด หรอื ตวั รับส่งคลน่ื ความถ่ีวิทยุ 5. คียบ์ อรด์ แบบอนาคต พฒั นาตามยคุ สมยั โดยเฉพาะยุคโลกไรพ้ รมแดน คียบ์ อร์ดเลเซอรใ์ ช้ หลกั การฉายแสงเลเซอรเ์ ปน็ รปู คยี บ์ อร์ดไปบนพื้นผิวของโต๊ะ ผูใ้ ช้สามารถกดคียบ์ อรด์ บนโตะ๊ ได้ เลย 6. คยี ์บอรด์ ยคุ ปัจจบุ นั ทรี่ องรับหลายภาษา มีดไี ซน์ทนั สมยั บางรนุ่ สามารถกนั นา้ หรือนาไปลา้ ง ทาความสะอาดในนา้ ได้ บางรนุ่ ใช้พลังงานแสงอาทิตยแ์ ทนแบตเตอร่ี 2. เมาส์ (Mouse) เมาสเ์ ป็นอปุ กรณ์ที่ใชส้ าหรับเลือ่ นเคอร์เซอร์ หรือตัวชีต้ าแหน่ง ซึง่ ใชใ้ นการควบคมุ และเคลอ่ื นย้ายไปยังตาแหน่งบนจอภาพ รวมทัง้ การเลือกดว้ ยการคลิก รูปแบบของเมาส์ตามปกตจิ ะมีปุ่มให้คลิก 3 รปู แบบ คอื แบบท่ี 1 ปมุ่ สาหรับเครอ่ื ง Macintosh แบบที่ 2 ปุ่ม สาหรับเครอ่ื ง PC แบบท่ี 3 ป่มุ สาหรับเคร่อื ง PC การคลิกเมาส์ปกตมิ ปี ุม่ เพ่อื ใหค้ ลกิ 2 ปุ่ม คอื คลิกซ้าย และคลิกขวา ส่วนพอร์ตในการเชอ่ื มตอ่เมาส์แบบ Serial ซง่ึ เปน็ พอร์ตแบบเกา่ ปัจจุบนั นยิ มใชแ้ บบ PS/2 และพอรต์ แบบยูเอสบี การทางานของเมาสม์ ักจะมลี ูกล้อ ซ่ึงอย่รู ะหวา่ งปุม่ คลกิ ซา้ ยและคลกิ ขวา ลูกล้อเล่ือนสามารถใช้น้วิ เลื่อนลกู ล้อขน้ึ ลงได้ ทาให้ผใู้ ชง้ านเลื่อนหนา้ ขนึ้ หรอื ลงเพอ่ื อ่านข้อมลู ได้สะดวกข้นึ และยังมเี มาสช์ นดิ อ่ืน ๆเชน่ เมาส์ไรส้ าย เมาส์ออปติคลั เมาส์แทรก็ บอล แทรก็ แพด และพอร์ติง้ สต๊ิก พอร์ตสาหรบั เชอื่ มต่อเมาสก์ บั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์แบบต่าง ๆ 1. พอร์ตแบบอนกุ รม (Serial Port) เปน็ พอรต์ แบบขนาน ลกั ษณะของพอร์ตตวั ผู้ มี ขาสัญญาณ 9 ขา ส่วนใหญใ่ ชก้ ับอุปกรณร์ นุ่ เกา่ ๆ เชน่ โมเด็ม เมาส์ 2. พอร์ตแบบพเี อสทู (PS/2) เปน็ พอร์ตทรงกลม ขนาดเล็ก รุน่ เก่าใช้ต่อเขา้ กับเมาสห์ รอื คยี ์บอร์ด แบบ PS/2 ปจั จบุ ันไมน่ ยิ ม หากใชพ้ อร์ต PS/2 สามารถใชอ้ ะแดปเตอร์แปลงหัวได้ 3. พอรต์ แบบยูเอสบี (USB) เป็นพอร์ตเชอ่ื มต่อทน่ี ยิ มใชก้ ันในปจั จบุ นั รบั สง่ ขอ้ มูลไดส้ ูงกวา่ และ รวดเรว็ ขน้ึ 4. แบบไรส้ าย (Wireless) ใชแ้ สงอินฟราเรดหรือคลื่นความถี่ของวทิ ยุเปน็ ตัวรบั ส่งขอ้ มูล 3. สแกนเนอร์ (Scanner)
เปน็ อปุ กรณ์ตอ่ เช่อื มคอมพิวเตอร์แบบกราฟกิ ซ่ึงมีการแบ่งกลุม่ ของเครอื่ งสแกนเนอร์หลายชนดิดว้ ยกัน คือ เครอื่ งสแกนเนอร์หรือเครือ่ งสแกนภาพ เคร่อื งอา่ นบารโ์ คด้ และเครือ่ งอา่ นอักขระโอซีอาร์ 3.1.เครื่องสแกนเนอร์หรอื เครือ่ งสแกนภาพ (Image Scanners) ใช้สาหรับสแกนภาพหรอื เอกสารต่าง ๆ หลกั การทางานของเครอื่ งสแกนภาพจะแปลงขอ้ มลู อนาล็อกให้เป็นดจิ ิตอล ดว้ ยการสอ่ งแสงไปยังวัตถุหรอื เอกสารทีสแกน จากนนั้ แสงทสี่ อ่ งไปยงั วัตถุจะสะทอ้ นกลับมา และสง่ ไปยงั CCD (Charge CoupledDevice) ซง่ึ เป็นเซลล์ท่ไี วต่อแสงภาพหรอื วัตถุทไ่ี ด้จากการสแกน ก็จะอยใู่ นรูปแบบของไฟลร์ ปู ภาพและสามารถนาภาพท่ีสแกนมาทาการตกแตง่ ด้วยโปรแกรมตกแตง่ ภาพได้ เชน่ โปรแกรม Photoshop เปน็ ตน้ ประเภทของสแกนเนอร์ สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คอื 1. สแกนเนอร์แบบใส่กระดาษ (Desktop Scanner) มีลกั ษณะเป็นแท่นแนวราบ เลอื่ น กระดาษเอง เรียกว่า “SheetFed Scanner) 2. สแกนเนอรแ์ บบวางกระดาษ (Flatbed Scanner) แบบนจ้ี ะมกี ระจกเพ่ือใชส้ าหรับวาง ภาพท่ตี ้องการหัวสแกนเลอ่ื นอา่ นข้อมูลจากกระดาษ ซ่งึ มคี ุณภาพดีกวา่ แบบอนื่ 3. สแกนเนอรแ์ บบมอื ถือ (HandHeld Scanner) เปน็ สแกนเนอร์ขนาดเลก็ ผู้ใช้ต้องเล่ือน หัวสแกนเนอรไ์ ปบนหนงั สอื หรือรูปภาพเอง พอรต์ สาหรับเช่อื มต่อสแกนเนอร์กบั เครื่องคอมพวิ เตอร์แบบตา่ ง ๆ 1. พอร์ตแบบขนาน (Parallel Port) เปน็ พอร์ตแบบรนุ่ เก่า ใช้เช่อื มต่อกับเคร่อื งพมิ พแ์ ละ เครือ่ งสแกนเนอร์ ปัจจบุ ันพัฒนาพอร์ตแบบ USB ขน้ึ มาใช้และไดร้ บั ความนิยมกวา่ 2. พอรต์ แบบยเู อสบี (USB) ปจั จุบันนยิ มใช้ เพราะมคี วามรวดเรว็ ในการส่งขอ้ มลู สงู กวา่ พอรต์ แบบขนาน และตดิ ตั้งใช้งานง่าย 3.2.เคร่อื งอา่ นบาร์โค้ด (Bar Code Readers/Bar Code Scanners) เป็นเครือ่ งอา่ นรหสั แทง่ หรอืบาร์โคด้ ซ่ึงมกั ใช้กบั งานห้องสมุด ห้างสรรพสนิ ค้า และซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ นาเครื่องอา่ นบารโ์ คด้ มาใชอ้ ่านข้อมูลแทนการคียข์ ้อมูลผ่านทางคยี ์บอร์ด ทาให้มีความรวดเรว็ ไมผ่ ดิ พลาด อย่างไรกต็ าม รหสั บารโ์ ค้ดก็มีอย่หู ลายรูปแบบดว้ ยกนั ซง่ึ เปน็ ไปตามมาตรฐานต่าง ๆ ทาให้รปู แบบของแถบรหัสสีดาและสขี าวนนั้ มคี วามกวา้ งท่ีแตกต่างกนั 3.3. เครื่องอ่านอักขระดว้ ยระบบแสงหรือโอซีอาร์ (Optical Character Recognition :OCR) เป็นอปุ กรณส์ าหรบั อา่ นข้อมูลประเภทตัวอักษรหรือสญั ลกั ษณ์พเิ ศษจากหนา้ กระดาษเพอ่ื สง่ ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์โดยตรง ปจั จบุ นั มีอปุ กรณ์ลกั ษณะนี้หลายรปู แบบ คือ แบบท่ี 1 Optical Scanner เป็นอปุ กรณ์ทใี่ ช้อ่านหนงั สือ ทม่ี ีตวั เลข ตวั อกั ษรหรอื ลายมือ เช่นใบเสรจ็ รับเงินใบส่งั ซอ้ื สินคา้ เปน็ ตน้ แบบที่ 2 Bar Code Recognition Device เปน็ อุปกรณท์ ใ่ี ช้อ่านรหสั แท่ง (Bar Code) เปน็ รหสัที่ใชแ้ ทนขอ้ มูลต่าง ๆ เชน่ ชนดิ ราคา หรือชื่อสินคา้ เป็นต้น
แบบที่ 3 Optical Mark Recognition (OMR) เปน็ อุปกรณใ์ ช้อา่ นสญั ลักษณ์ หรือเครือ่ งหมายท่ีระบายด้วยสารคาร์บอน (ดนิ สอดาต้ังแต่ 2B ขึน้ ไป) บนแบบฟอร์ม เชน่ ตรวจข้อสอบแบบปรนัย หรือคานวณผลการวจิ ยั จากแบบสอบถาม เป็นตน้ 3.4. เคร่ืองเอม็ ไอซีอาร์ (Magnetic-Ink Character Recognition Reader : MICR) เปน็ เคร่อื งอ่านสญั ลักษณ์ทเี่ ปน็ ไดท้ ั้งตวั เลข0-9 และรวมถงึ สญั ลักษณ์พิเศษ 4 ตัว 4. ปากกาแสง (Light Pen) หรือสไตลสั (Stylus) เปน็ อปุ กรณ์รบั ขอ้ มลู อิเล็กทรอนิกส์อีกชนิดหนง่ึ ทม่ี เี ซลล์แบบ Photoelectric ไวตอ่ แสงทางานคล้ายกับเมาส์ ลกั ษณะเปน็ ปากกาทใ่ี ช้สาหรับช้ตี าแหนง่ บนจอภาพโดยตรง เพอื่ บอกตาแหน่งที่ตอ้ งการส่วนใหญ่มักนาไปใช้กบั งานด้านการออกแบบกราฟกิ ปัจจบุ ันจัดเปน็ อุปกรณอ์ นิ พตุ ท่มี กั ใช้งานกบั อปุ กรณ์พกพาตา่ ง ๆ เช่น คอมพวิ เตอรม์ ือถอื (Handheld PC) ปาล์มคอมพิวเตอร์ หรอื พอ็ กเกต็ ซีพี รวมทัง้ แทบ็เล็ต (Tablet) และโทรศพั ทม์ ือถอื 5. จอภาพแบบสัมผสั (Touch Screen) เปน็ จอภาพแบบพิเศษ เปน็ อปุ กรณ์แสดงผลข้อมลู และยงั ใช้เป็นอุปกรณน์ าเขา้ ขอ้ มูลได้อีกจอภาพแบบสัมผสั มักนาไปใช้กับธุรกจิ ร้านค้า โรงแรม สายการบนิ พิพธิ ภณั ฑ์ สถานบนั เทงิ คาราโอเกะรวมท้ังธรุ กจิ ธนาคาร เช่น เครอ่ื งเอทเี อม็ (ATM) ซึ่งผู้ใช้งานเพียงนานิ้วกดไปยงั ตาแหนง่ ที่ตอ้ งการบนจอภาพ เช่นเลือกอาหาร หรือเลือกเพลงท่ีตอ้ งการดว้ ยการกดชอื่ ที่ต้องการบนจอภาพ เปน็ ตน้ 6. ไมโครโฟน (Microphones)
เป็นอุปกรณ์ที่ใชส้ าหรับรับเสยี ง โดยเสยี งทพ่ี ดู ผ่านไมโครโฟนน้ันจะถกู ส่งไปยังการด์เสียง (Sound Card) เพ่อื แปลงสญั ญาณเป็นสญั ญาณดิจิตอล และจดั เกบ็ ลงในคอมพวิ เตอร์ และนาไปประมวลผลต่อไปได้ และการด์ เสยี งก็สามารถแปลงสัญญาณดจิ ิตอลเปน็ สญั ญาณอนาลอ็ กและส่งเสียงผา่ นลาโพงให้เราไดย้ ิน ปจั จบุ ันมักมกี ารสอ่ื สารกบั คอมพิวเตอร์ดว้ ยเสียง ไมว่ ่าจะเป็นเรือ่ งของการใชเ้ สียงเพ่ือสั่งให้คอมพวิ เตอรท์ างาน การจดจาเสยี ง (Speech Recognition) และการใช้เสียงในการกาหนดรหัสผ่าน เป็นต้น 7. จอยสตก๊ิ (Joy Stick) เปน็ อปุ กรณท์ ี่ใชส้ าหรับเลน่ เกมคอมพิวเตอร์ มีก้านบงั คับที่ใช้ควบคุมทศิ ทางโยกข้ึนลงหรือซ้ายขวา มีการทางานเชน่ เดียวกับเมาส์ ยงั มีปมุ่ ฟงั ก์ชันพิเศษต่าง ๆ เพอื่ เลือกใชใ้ นขณะเล่นเกม 8. กล้องดจิ ติ อล (Digital Cameras)
มีลกั ษณะการทางานคล้ายกล้องถ่ายรปู ท่ัวไป แต่กลอ้ งดิจิตอลใชง้ านได้คล่องตวั และสะดวกกว่า มีความละเอยี ดสงู ไมต่ ้องใช้ฟิล์ม ภาพท่ีได้จะจัดเก็บในรปู แบบของไฟล์ดจิ ิตอลทบี่ นั ทึกลงในหนว่ ยความจาของสกุลไฟล์ TIFF, RAW หรอื JPG และสามารถนาไฟล์ภาพจากกลอ้ งดจิ ิตอลมาอดั เป็นรปู ถ่ายได้ นอกจากการถา่ ยภาพนิง่ กลอ้ งดจิ ิตอลยังมีฟังกช์ นั การถ่ายภาพตอ่ เนื่องเชน่ เดียวกบั กล้องวดิ โี อ สามารถบันทกึ ภาพเคลื่อนไหวพรอ้ มเสยี งไดแ้ ตก่ ็ยังมีข้อจากดั ด้านระยะเวลาในการถา่ ยวิดีโอ เนอ่ื งจากจาเปน็ ตอ้ งใช้ความจขุ องหน่วยความจาในการบันทกึ ภาพคอ่ นข้างสูง จากความสามารถและความสะดวกของกล้องดจิ ติ อลปจั จุบันนิยมใชก้ ลอ้ งดิจิตอลกนั มากขน้ึ และแนวโนม้ มจี านวนเพ่ิมมากขนึ้ อนั เนื่องมาจากกลอ้ งมรี าคาถูกลงสามารถจัดเกบ็ ไฟล์ในคอมพวิ เตอร์ อกี ทง้ั มีประสิทธภิ าพสงู ประโยชน์ของกลอ้ งดิจติ อล 1. รวดเร็ว สามารถนามาใช้งานไดท้ นั ที ไม่ตอ้ งผา่ นกระบวนการล้างอดั ภาพ 2. ใชง้ านง่ายระบบการทางานเปน็ ลกั ษณะอตั โนมตั ิ 3. ประหยัดคา่ ใช้จ่าย ไม่ต้องซอ้ื ฟลิ ม์ เพราะอาศยั อุปกรณ์บันทกึ ที่สามารถบันทกึ หรือ ลบขอ้ มลู และสามารถนามาใช้งานใหม่ได้3.อุปกรณท์ ี่ใช้ในการบนั ทึกข้อมลู ของกลอ้ งดจิ ิตอลและอุปกรณด์ จิ ิตอลอื่น ๆ อุปกรณ์ดิจิตอลยุคใหม่แทบทกุ ประเภท เช่น กล้องดิจติ อล โทศัพท์มอื ถอื เคร่ืองปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครือ่ งเลน่ เพลง นอกจากมหี นว่ ยความจาภายใน ยงั มีการด์ หนว่ ยความจา ใชบ้ นั ทกึ ข้อมลู โดยมีให้เลอื กใช้งานกันหลายรปู แบบ เพื่อเหมาะสมกับการใช้งานทีแ่ ตกต่างกัน อุปกรณแ์ สดงผลข้อมลู (Output Devices)
เปน็ อุปกรณ์ฮารด์ แวรใ์ ด ๆ ที่ใช้แสดงผลลพั ธท์ ไี่ ด้จากการประมวลผล ซ่ึงมีหลากหลายอปุ กรณ์ ถา้แสดงบนจอภาพจะเรียกว่า “ซอฟตแ์ วรก์ อ็ บป้ี” (Soft Copy) เนอื่ งจากขอ้ มลู ทแ่ี สดงบนจอภาพเปน็ ข้อมลู ในลกั ษณะช่ัวคราว สว่ นขอ้ มลู ทแ่ี สดงบนเครือ่ งพมิ พ์ในรูปแบบเอกสารจะเรยี กว่า “ฮาร์ดกอ็ บปี้” (Hard Copy) 1. จอภาพ (Monitor) เปน็ อุปกรณ์แสดงผลท่นี ิยมใชเ้ พ่อื แสดงผลลัพธ์ของข้อมูลสารสนเทศ ไม่วา่ จะเปน็ ในรูปแบบของขอ้ ความ รูปภาพ กราฟิกหรอื วิดโี อ จอภาพเปน็ เรื่องท่ีจาเปน็ สาหรับการใชไ้ มโครคอมพิวเตอร์ วิวฒั นาการของการแสดงผลไดพ้ ัฒนากา้ วหน้าข้นึ มาตรฐานการแสดงผลทใ่ี ช้กับไมโครคอมพิวเตอรม์ พี น้ื ฐานมาจากการพัฒนาของบรษิ ัทไอบีเอม็ ในยคุ แรกตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2524 บรษิ ทั ไอบีเอ็มไดพ้ ัฒนาระบบแสดงผลที่ใชก้ บั จอภาพสเี ดยี วหรอื ท่ีเรียกวา่ “โมโนโครม” หรือเอ็มดีเอ (Monochrome Display Adapter : MDA) แสดงผลได้เฉพาะตวั อกั ษร 25 บรรทดั บรรทดั ละ 80 ตัวอักษร หากตอ้ งการแสดงผลในภาวะกราฟกิ ตอ้ งเลอื กการแสดงผลที่เรียกว่า “ซีจเี อ” (Color Graphic Aapter : CGA) แสดงสีและกราฟิกได้ความละเอยี ดนอ้ ย ตอ่ มาบริษทั เฮอรค์ ิวลสิ ออกแบบแผงวงจรแสดงผลเรียกกนั วา่ แผงวงจรเฮอร์คิวลิส (HerculisCard) หรือเอชจีเอ (Herculis Graphic Adapter : HGA) บางครัง้ เรียกวา่ โมโนโครมกราฟิกอะแดปเตอรห์ รือเอม็ จีเอ (Monochrome Graphic Adapter : MGA) บริษัทไอบเี อม็ ไดพ้ ฒั นามาตรฐานการแสดงผลบนจอภาพขึ้นอกี โดยปรบั ปรุงจากเดมิ เรยี กวา่ อจี ีเอ (Enhance Graphic Adapter : EGA) สามารถแสดงสีได้ 16 สี ความละเอียด 640 X 350 จดุ ต่อมาเพิม่ จานวนสยี งั ไม่เพียงพอกับซอฟต์แวร์ทไ่ี ด้รับการพฒั นาให้ใช้กับระบบปฏิบัตกิ ารวินโดวส์และโอเอสทู ไอบเี อ็มจงึ สรา้ งมาตรฐานความละเอียดสเี อ็กซว์ ีจเี อ (Extra Video Graphic Array : XVGA) เปน็แผงวงจรทป่ี รบั ปรงุ มาจากแผงวงจรวีจเี อ แสดงกราฟิกดว้ ยความละเอยี ดสูงขนึ้ เปน็ 1,024 X 768 จุด และ
แสดงสีไดม้ ากกวา่ 256 สี มาตรฐานหัวเชอื่ มตอ่ (Connector) ใชแ้ บบ 9 ขา ตวั เช่อื มต่อสาหรบั แผงวงจรแบบวจี ีเอ (VGA) และเอสวจี เี อ (SVGA) เปน็ แบบ 15 ขา การที่หัวตอ่ ไมเ่ หมือนกันทาให้ใช้จอภาพรว่ มกนั ไม่ได้ จอภาพสามารถแบ่งออกตามลักษณะของสที ี่แสดงผลได้ 2 ลกั ษณะ คอื 1. จอภาพสีเดียว (Monochrome Monitor) เปน็ จอภาพทใ่ี ช้กันสมัยเรมิ่ ใชง้ านคอมพิวเตอร์ ปจั จบุ นั ไมเ่ ปน็ ท่นี ยิ มกัน ลักษณะการแสดงผลเปน็ แบบสเี ดยี ว เช่น ตัวอกั ษรเป็นสเี ขียว สสี ม้ และ สขี าว 2. จอภาพสี (Color Monitor) ลกั ษณะการแสดงผลจะอาศยั สญั ญาณดิจติ อลเช่นกัน เปน็ จดุ เลก็ ๆ แต่ละจุดประกอบดว้ ยแม่สีของแสงสแี ดง เขียว และนา้ เงิน (Red, Green, Blue : RGB) ซ่งึ เรยี กว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) โดยระยะห่างของจดุ ทงั้ สามนเ้ี รียกว่า ดอตพติ ช์ (Dot Pitch) และ เมอ่ื มกี ารรวมตวั ของจดุ สที งั้ สามก็จะเรียกว่า “พิกเซล” (Pixel) แสดงความละเอียดในแนวตัง้ และ แนวนอนของจอภาพ เช่น 640 X 480, 800 X 600, 1,024 X 768 และ 1,280 X 1,024 เปน็ ต้น ถา้ มขี นาดของพกิ เซลมาก จอภาพจะมคี วามละเอียดสงู มากข้นึ จอภาพท่ใี ชส้ าหรบั แสดงผลข้อมูลแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คอื ประเภทที่ 1 จอภาพแบบซอี ารท์ ี (Cathode Ray Tube : CRT Monitors) จอภาพแบบซอี าร์ที เป็นการแสดงผลบนจอภาพที่รบั สัญญาณภาพแบบอนาล็อก พฒั นามาจากหลอดภาพโทรทัศนด์ ้วยการใช้หลอดภาพแสดงผล และเนอ่ื งจากเปน็ จอภาพท่ีใชเ้ ทคโนโลยหี ลอดภาพจึงจาเปน็ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ทาใหเ้ กดิ ความรอ้ นเมอื่ ใช้งานนาน ๆ จอภาพแบบซอี ารท์ ีสามารถแบง่ออกเปน็ 2 ชนดิ 1. จอภาพแบบธรรมดา (Shadow Mask) ลักษณะของพืน้ ผวิ หนา้ จอมคี วามโคง้ ราคาจะถกู 2. จอภาพแบบแบน (Flat Square) ลักษณะของภาพแสดงสีและแสงได้สมจริงกว่าจอภาพแบบ ธรรมดา และช่วยถนอมสายตาเม่ือต้องใช้งานเป็นเวลานาน ๆ ประเภทท่ี 2 จอภาพแบบแอลซีดี (Liquid Crystal Display : LCD Monitors) จอภาพแบบแอลซีดี มีขนาดเล็ก บางและเบา ใช้วตั ถุทีเ่ ปน็ ผลกึ เหลว (Liquid Crystal) แทนการใช้หลอดภาพและใช้หลิดฟลูออเรสเซนตใ์ นการผลิตแสงสวา่ ง จึงสง่ ผลให้จอภาพแบบแอลซีดีนนั้ ใช้พลังงานไฟฟา้น้อยกว่าจอภาพแบบซอี าร์ที จอภาพแบบแอลซดี ีเปน็ จอภาพแบบแบนเรียบ (Flat-Panel Display) มักใช้บนเคร่อื งคอมพวิ เตอร์โนต้ บุ๊กและเคร่อื งพีดเี อทั่วไป ในปัจจบุ ันเริ่มนิยมนาจอภาพแบบแอลซดี ีมาใชก้ บั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ตง้ั โตะ๊ แตย่ ังมรี าคาแพงกว่าจอภาพแบบซอี ารท์ ี ประเภทที่ 3 จอภาพแบบแอลอีดี (LED Monitors) จอภาพแบบแอลอดี ี ใชแ้ หล่งกาเนิดแสงจากหลอดไฟ LED มีฟิลเตอร์ ผนกึ แกว้ ครสิ ตลั มีมิตภิ าพมากกวา่ คมชัดกวา่ บางกว่า ประหยดั ไฟมากกว่า และรองรบั เทคโนโลยขี องอนาคต แตม่ รี าคาสูง
นอกจากน้ี ก็ยงั มีจอภาพชนิดอืน่ ๆ เชน่ จอภาพแบบพลาสมา (Plasma Display) ซง่ึ เป็นจอภาพขนาดใหญแ่ ละบาง สามารถแสดงภาพท่ีมขี นาดใหญแ่ ละมคี วามละเอียดสูงได้ ซ่งึ จอภาพแบบพลาสมาบางรุ่นจะตดิ ต้งั ไว้กับผนังหอ้ งและใช้สาหรับดูทีวี ราคาคอ่ นขา้ งสูง การพจิ ารณาขนาดของจอภาพไว้ใช้งาน ควรพจิ ารณาความเหมาะสมกบั ลกั ษณะงานเป็นหลกั สาคัญขนาดของจอภาพซีอารท์ ที ั่วไปจะมขี นาดเริ่มต้นที่ 15” 17” 19” 21” และ 27” จอภาพขนาด 15 นิ้ว ถอื วา่เพยี งพอต่อการใชง้ านท่ัวไป หากงานสว่ นใหญเ่ ป็นงานออกแบบทางกราฟิกหรอื ดูภาพยนตร์ ก็ควรเลอื กจอภาพทีม่ ีขนาดใหญ่ย่อมดกี วา่ เพราะสามารถมองวัตถไุ ดช้ ดั เจนกวา่ จอภาพขนาดเล็ก และกาหนดความละเอยี ดจอภาพไดม้ ากกว่าจอภาพขนาดเล็ก อุปกรณอ์ ่นื ๆ ที่จะชว่ ยให้จอภาพมีประสิทธภิ าพสงู ขึน้ (Equipment Used and Performance) และช่วยให้การนาเสนอภาพมคี ุณภาพยง่ิ ขน้ึ คอื “การด์ จอภาพ” (VGA Card) เปน็ อุปกรณท์ ี่สาคัญทที่ าใหก้ ารกาหนดสแี ละความละเอียด จะเห็นไดว้ ่าผู้ที่นิยมใชเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์นามาใชง้ านดา้ นการออกแบบ หรือเล่นเกม มักเลอื กใชก้ าร์ดจอที่มีประสทิ ธภิ าพสูง ทาให้ภาพสมจรงิ และเป็นระบบสามมิติ นอกจากน้ี ชิปประมวลผลภายในการ์ดและหนว่ ยความจาบนการ์ดจอภาพ ชว่ ยใหก้ ารประมวลผลภาพตา่ ง ๆ มีความรวดเร็วขึ้น ส่วนจอภาพกค็ วรใช้จอภาพทมี่ ีขนาดใหญ่ จะไดภ้ าพท่ีสวยงามและคมชัด 2. เครื่องพิมพ์ (Printer) เปน็ อปุ กรณ์แสดงผลมาตรฐานชนดิ หนึ่งทใี่ ชส้ าหรบั พิมพ์ขอ้ มลู ลงในกระดาษ หรือเรยี กว่า ฮาร์ดก็อบป้ี (Hard Copy) ปัจจบุ นั มเี ครอื่ งพมิ พห์ ลายประเภทใหเ้ ลือกใช้งาน สามารถแบ่งเครื่องพิมพไ์ ดเ้ ป็น 5 ประเภทคือ 2.1. เครือ่ งพิมพ์แบบความร้อน (Thermal Printer) เปน็ เครอ่ื งพิมพ์ท่ีให้คุณภาพในการพิมพส์ งู สดุ ใชว้ ิธเี คลือบสารเคมบี างอย่างลงบนกระดาษ จากนนั้ เพิม่ ความรอ้ นลงไปในกระดาษ ซงึ่ จะทาให้เกิดภาพข้นึ เม่อื ถูกความรอ้ น ซ่งึ มีอยู่ 2 ประเภท 1. Thermal Wax Transfer มีคณุ ภาพและราคาที่ตา่ ทางานโดยการกล้ิงริบบอนท่ีเคลือบแวกซไ์ ปบนกระดาษ เพ่ือเพม่ิ ความร้อนใหก้ บั ริบบอนจนแวกซ์ละลายและเกาะตดิ อยูบ่ นกระดาษ 2. Thermal dye Transfer ใชห้ ลกั การเดยี วกับ Thermal Wax แต่ใชส้ ียอ้ มแทนแวกซ์ซ่งึ เป็นเครอ่ื งพมิ พ์ทีม่ คี ุณภาพสูง โดยสามารถพิมพภ์ าพสไี ดใ้ กลเ้ คยี งกับภาพถ่าย แต่ราคาเครื่องและคา่ ใช้จ่ายในการพิมพจ์ ะสูงมาก 2.2. เคร่อื งพมิ พแ์ บบเขม็ เป็นเคร่อื งพมิ พท์ ีใ่ ช้หวั เข็มในการพิมพต์ วั อกั ษร หรอื เรียกอีกอย่างหนง่ึ ว่า หัวพิมพ์แบบกระแทก โดยพิมพ์แบบกระแทกกับแถบผ้าหมึก เพอ่ื ใหป้ รากฏตัวอักษรลงบนกระดาษตามตอ้ งการสามารถแบง่ ออกเป็น 6 ประเภท คือ
1. เครอ่ื งพมิ พแ์ บบดอตเมทรกิ ซ์ (Dot Matrix Printer) หรอื แบบจดุ นิยมใช้กันในยคุเริ่มใช้งานเคร่ืองคอมพวิ เตอร์มี 2 ชนิด คอื แบบ 9 pin และแบบ 24 pin เนื่องจากความเร็วในการพิมพ์ค่อนข้างชา้ และการพิมพ์รปู ภาพคุณภาพตา่ ทาใหไ้ มไ่ ดร้ ับความนยิ ม ข้อดีคือ ทนทาน ผ้าหมึกถกู พิมพ์สาเนาได้ จึงนยิ มนามาใช้ในการพิมพใ์ บเสร็จรบั เงนิ หรือเอกสารที่ต้องการทาสาเนา ขอ้ เสยี คอื พิมพเ์ สยี งดัง พิมพไ์ ดช้ า้ และงานคอ่ นขา้ งหยาบ 2. เครอ่ื งพิมพ์บรรทดั (Line printer) เป็นเคร่ืองพิมพ์แบบกระแทกที่มคี วามเร็วสูงกว่าแบบดอตเมทริกซ์ นิยมใช้พิมพข์ อ้ มูลจานวนมาก ๆ ในระบบเครอื ข่าย เชน่ พมิ พ์ข้อมูลท่เี ก็บเหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ขนึ้ในระบบ (Log File) คุณภาพของการพิมพ์ขน้ึ อยกู่ บั หวั เขม็ และความเรว็ ในการพมิ พต์ ัวอกั ษร โดยนับเปน็จานวนตัวอักษรท่ีสามารถพิมพไ์ ดต้ อ่ วนิ าที (Character Per Second : CPS) ข้อดีคอื ราคาหมกึ ถกู ทนทานพมิ พ์สาเนา พิมพ์กระดาษตอ่ เนื่องได้ ข้อเสยี คอื เสยี งดงั กวา่ เครอื่ งพมิ พแ์ บบอื่น ๆ 3. เครอื่ งพมิ พ์แบบพน่ หมึก (Ink Jet Printer) การทางานจะใช้หลักการพน่ หมกึ ซ่ึงสามารถพมิ พไ์ ด้ทง้ั ตัวอักษรและรปู ภาพแบบสีและขาวดา ขนาดเลก็ ความเร็วในการพิมพ์ประมาณ 5-12 แผน่ตอ่ นาที สาหรับการพมิ พ์หมกึ ดา และถ้าเป็นเครอื่ งรนุ่ ใหญ่สามารถพมิ พไ์ ด้ถงึ 20 แผ่นขึ้นไปตอ่ นาที เครื่องพมิ พ์แบบพ่นหมกึ ปจั จบุ ันนิยมใชก้ นั มาก เนอื่ งจากราคาเครอื่ งถูกและยงั สามารถพมิ พไ์ ด้ละเอียดสูง แต่ราคาหมกึแพง ขอ้ ดคี อื พิมพ์ไดล้ ะเอียดสูง คมชัด เสยี งเงียบ ขอ้ เสยี คือ พมิ พ์แบบพน่ หมึกหากพิมพจ์ านวนมาก หมึกจะเลอะ คุณภาพของเครื่องพิมพแ์ บบพน่ หมกึ พจิ ารณาจากความเรว็ ในการพิมพโ์ ดยวดั เปน็ จานวนหนา้ ท่สี ามารถพมิ พ์ได้ต่อนาที (Page Per Minute : PPM) ประมาณ 5-12 หน้าตอ่ นาที และความละเอียดของจุดต่อหน่งึนว้ิ (Dot Per Inch : dpi) ประมาณ 180-1,400 dpi 4. เครื่องพมิ พแ์ บบเลเซอร์ (Laser Printer) เปน็ เคร่อื งพมิ พ์ที่นยิ มใช้กับงานเอกสารท่วั ไป ราคาคอ่ นขา้ งแพง คุณภาพการพมิ พค์ มชัดกวา่ เร็วกว่าเครื่องพิมพแ์ บบอืน่ ๆ ลกั ษณะคล้ายกับเครอ่ื งถา่ ยเอกสาร โดยหมกึ ท่ใี ช้จะเปน็ ผงหมึก (Toner) ทบ่ี รรจุไวใ้ นตลบั เครื่องพมิ พเ์ ลเซอรท์ ี่ใช้ส่วนใหญ่เป็นขาวดาทเ่ี น้นความคมชัดของงานพมิ พเ์ อกสารและความรวดเร็ว โดยความละเอยี ดของตวั อักษรอยทู่ ี่ 300 หรอื 600dpi ส่วนเครื่องพมิ พเ์ ลเซอร์รนุ่ ใหญม่ ีความละเอียดอยทู่ ี่ 1,200-1,800 dpi สาหรบั ความเร็วของเครือ่ งพมิ พ์เลเซอรท์ ่วั ไปอยู่ที่ 10-20 แผ่นข้ึนไปต่อนาที 5. เคร่อื งพมิ พ์แบบวาดภาพ/พลอ็ ตเตอร์ (Plotter) เป็นเคร่อื งพมิ พ์ท่ใี ชใ้ นงานออกแบบ (Computer Aid Designs : CAD) สาหรบั การวาดภาพเพ่ือใช้กับงานพิมพท์ มี่ ีการสร้างรูปภาพกราฟกิ เช่น พมิ พ์เขียว แผนผัง แผนที่ และ Chart ตา่ ง ๆ ที่มคี วามละเอียด ซบั ซ้อนของภาพสงู หรือภาพท่ีมขี นาดใหญเ่ กนิ กวา่ จะพมิ พ์ท่เี ครื่องพิมพ์ธรรมดาได้ จึงเหมาะสาหรบั งานพมิ พด์ า้ นสถาปัตยกรรม วศิ วกรรมงานตกแต่งภายใน งานศลิ ปะ เป็นต้น เคร่ืองพมิ พ์นใี้ ชป้ ากกาในการพมิ พ์มากกว่า 1 ด้าม เพอื่ ใหไ้ ดภ้ าพท่มี ี
ความละเอียด ความคมชัดของภาพสูงและถ้ามีปากกาเพมิ่ มากขน้ึ ทาให้คุณภาพความละเอยี ด ความคมชัดของภาพสูงมากขน้ึ ด้วย อุปกรณ์แสดงผลเสรมิ อืน่ ๆ ที่สามารถเลือกใชง้ านตามความเหมาะสม เช่น เครื่องฉาย (Projectors) ลาโพง หูฟงั และแฟกซ์ (Fax) เปน็ ตน้ 6. เครอ่ื งมลั ตฟิ ังก์ชนั (Multifunction) เปน็ เคร่อื งที่มีอุปกรณ์หลาย ๆ อยา่ งรวมอย่ใู นเครอื่ งเดียวกัน เช่น เคร่ืองพมิ พท์ มี่ ที ้ังเครอ่ื งพิมพ์-สแกนเนอร์-ถา่ ยเอกสาร และแฟกซร์ วมอยู่ในเครื่องเดยี วกันเปน็ แบบ All-in-One อาจเปน็ แบบพ่นหมึกหรือแบบเลเซอร์3. การใช้งานคอมพิวเตอร์ 3.1. การใชจ้ อคอมพิวเตอร์และสว่ นประกอบด้านหน้าจอภาพและหลังจอภาพแบบ CRT 1. ปุ่มเปดิ /ปดิ สวิตซ์จอภาพ 2. ปมุ่ Brightness ปรับความสวา่ งของจอภาพ ปรับให้พอดกี ับสายตาผู้ใช้งาน 3. ปุ่ม Contrast ปรบั ความคมชัดของตัวอกั ษร ปรับให้พอดีกบั สายตาผใู้ ชง้ าน
ด้านหลังจอภาพคอมพวิ เตอร์ ทุกรนุ่ จะมสี ายไฟอยู่ 2 เสน้ คอื สายไฟท่ตี อ่ เข้ากับปล๊ักไฟกับสายไฟทต่ี ่อเข้ากบั ซพี ียูหรอื เครื่องคอมพวิ เตอร์ 3.2. การใช้ซีพยี ู และสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของซพี ยี ู กล่องท่ีหอ่ หุม้ อุปกรณต์ ่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกกันวา่ เคส (Case) ท่ีนิยมใชก้ นั ในปัจจุบนัมี 5 แบบ คือ 1. แบบ Full Tower จะมรี ูปร่างสงู ท่ีสุดและมีน้าหนักมากกว่าเคสรนุ่ อื่น ๆ 2. แบบ Medium Tower มีขนาดเลก็ ลงมาตามลาดบั จะมีลวดลายท่ีแตกตา่ งกนั ขึ้นอย่กู บั บริษัทผผู้ ลติ ลักษณะสูงขน้ึ ด้านบนเป็นแบบแนวตง้ั 3. แบบ Mini Tower มีลกั ษณะเลก็ ลงมาอกี ลาดบั หนงึ่ มลี วดลายทีแ่ ตกต่างกนั ขนึ้ อย่กู บั บริษทั ผผู้ ลิต 4. แบบ Desktop มลี กั ษณะราบตามแนวนอน 5. แบบ Slimline มลี ักษณะราบตามแนวนอน4. ขอ้ ควรระวังเกย่ี วกับการใช้คอมพวิ เตอร์ การดแู ลการเปิดปิดเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ คือ อยา่ เปิดปิดติดต่อกันในชว่ งเวลาสัน้ ๆ เพราะทุกครง้ั ที่เปิดอุปกรณ์แต่ละสว่ นของเคร่อื งจะมไี ฟฟ้าเขา้ ไปเลีย้ ง ซงึ่ จะทาใหอ้ ุปกรณน์ ้ันรอ้ นแต่เมื่อปดิ เคร่อื งอปุ กรณ์นนั้ ก็เยน็ ลง การเปลีย่ นแปลงอณุ หภูมบิ อ่ ย ๆ ทาให้วงจรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ภายในเครอ่ื งเสื่อมอายุเร็วขึน้ และการปดิเปดิ เครอื่ งทนั ที อาจจะเกิดไฟกระชาก ทาให้วงจรอเิ ล็กทรอนิกสภ์ ายในเสยี หายได้ หากการทางานเครื่องคอมพิวเตอรไ์ ม่ตลอดเวลา ก็ใหเ้ ปิดทง้ิ ไว้ตลอดเวลาทางานก็ได้ และเมื่อเสรจ็ งานแลว้ ค่อยปิด สาหรับเรอ่ื งการประหยัดไฟฟ้า ปจั จบุ ันเครือ่ งพีซีสนบั สนนุ การประหยัดพลงั งาน เมอื่ พีซไี มไ่ ด้ถกู ใช้ในชว่ งระยะเวลาหนง่ึ เครื่องจะทาการตัดระดับไฟฟา้ ทีเ่ ล้ียงตัวเองลง ทาให้ไม่กินไฟฟา้ มาก หรืออาจปิดเฉพาะจอคอมก็ได้ 1. วธิ ีปิดเคร่ืองอยา่ งถูกวธิ ี
การปิดเคร่อื งอย่างถกู วิธเี ป็นเรือ่ งท่ีไม่ควรละเลย เพราะขณะทางานขอ้ มูลบางสว่ นจะถกู โหลดไว้ในหน่วยความจาแรม RAM เม่อื ปดิ เคร่ืองขอ้ มลู ที่อยู่ในหน่วยความจาแรม RAM จะหายไปทันทโี ดยไม่มกี ารกู้คนื มาไดเ้ ลย เพราะฉะนนั้ กอ่ นจะปิดเครอ่ื งจะต้องตรวจสอบวา่ บนั ทึกไฟล์งานที่เปิดหรอื ยัง วธิ ีท่ีปอ้ งกันการสูญหายของขอ้ มลู อย่างงา่ ย ๆ ก็คือ ทุกครง้ั ท่ีจะปิดเครือ่ งให้ออกจากโปรแกรมท่ที างานอยู่ จากนน้ั คอ่ ยปดิ เคร่อื งโดยคลกิ ปมุ่ Start แล้วคลิก Turn Off Computer เสมอ อยา่ ปิดเคร่ืองโดยกดท่สี วิตซ์จอภาพ และสวติ ซซ์ ีพยี ู 2. เครอื่ งแฮงก์บ่อย ๆ การทางานกับคอมพวิ เตอรส์ ิ่งหนง่ึ ทีต่ อ้ งทาความเขา้ ใจ คือ โปรแกรมอาจจะหยดุ ทางานเฉย ๆ ณเวลาใดเวลาหนึง่ อาการอย่างน้ีเรียกว่า “ระบบแฮงก์” เกดิ ขน้ึ มาโปรแกรมจะค้างอย่อู ย่างนน้ั อาการเชน่ นีเ้ กดิจากหลายสาเหตุ เป็นได้ท้ังฮารด์ แวร์และซอฟตแ์ วร์ วิธีแกไ้ ขกค็ ือ การกดปุ่ม Ctrl + Alt + Del แล้วคลกิป่มุ End Task หรือถ้าใชไ้ มไ่ ด้ ตอ้ งรีเซตเครอ่ื งใหมก่ ค็ ือ บูตระบบใหมด่ ว้ ยการกดปมุ่ Power ค้างไว้จนไฟดับแลว้ เปิดใหม่ หรอื กดปุม่ รีเซตเลย 3. หอ้ งอยา่ ใหอ้ ากาศร้อนมากและขนึ้ มาก เคร่อื งคอมพวิ เตอรก์ ลวั ชืน้ มากกวา่ กลัวความกลวั แตก่ ไ็ มค่ วรร้อนจนเกนิ ไปสรุป หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์ ไมว่ ่าจะเปน็ แบบใดหรือประเภทใด มีความซับซอ้ นมากนอ้ ยเพียงใดก็มีพน้ื ฐานการทางานเหมือนกัน การทางานประกอบด้วยหน่วยสาคญั 4 หน่วย คอื 1. หน่วยรับขอ้ มลู (Input Unit) 2. หน่วยประมวลผล (Processing Unit) 3. หนว่ ยความจาหลกั (Main Memory) 4. หน่วยแสดงผล (Output Unit) อุปกรณต์ ่อพว่ งกบั คอมพิวเตอร์ คอื อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ที่นามาเชอื่ มต่อกับเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ลักษณะของอปุ กรณ์ท่ีนามาต่อพ่วงนนั้ ส่วนใหญ่จะอยู่ภายนอกเครอื่ งคอมพิวเตอร์ สามารถมองเห็นจับตอ้ งได้ อปุ กรณ์ คอือุปกรณ์รับขอ้ มลู เข้า (Input Devices) อปุ กรณ์แสดงผลข้อมูล (Output Devices) การใชง้ านคอมพวิ เตอรแ์ ละขอ้ ควรระวงั เกยี่ วกบั การใชค้ อมพิวเตอร์ คอื 1. วธิ ีปดิ เครอ่ื งอยา่ งถกู วิธี การป้องกนั การสญู หายของข้อมลู อย่างงา่ ย ๆ กค็ ือ ทกุ ครั้งท่จี ะปดิเครอื่ งให้ออกจากโปรแกรมทท่ี างานอยู่ จากนนั้ คอ่ ยปิดเครอื่ งโดยคลกิ ปุ่ม Start แล้วคลิก Turn OffComputer เสมอ 2. เครอ่ื งแฮงก์บอ่ ย ๆ โปรแกรมอาจจะหยดุ ทางานเฉย ๆ ณ เวลาใดเวลาหนง่ึ อาการอย่างนี้เรียกว่า “ระบบแฮงก”์ วิธแี กไ้ ขกค็ ือการกดปุ่ม Ctrl + Alt + Del แล้วคลกิ ปุม่ End Task หรือถา้ ใช้ไมไ่ ดต้ อ้ งรีเซตเครอ่ื งใหม่คอื บูตระบบใหม่ด้วยการกดปมุ่ Power ค้างไวจ้ นไฟดบั แลว้ เปิดใหม่ หรือกดป่มุ รีเซตเลย 3. ห้องอยา่ ใหอ้ ากาศร้อนมากและชื้นมาก เครอ่ื งคอมพิวเตอร์กลัวชื้นมากกว่ากลวั ความร้อน แต่ก็ไมค่ วรรอ้ นจนเกนิ ไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: