หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การเคลอื่ นทแี่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลอ่ื นท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย เวลา 12 ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ เข้าใจการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย ธรรมชาติของคลนื่ เสียงและการไดย้ ิน ปรากฏการณ์ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั คลน่ื แสงและการเห็น ปรากฏการณ์ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั แสง รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 1. ทดลองและอธิบายลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย การกระจัด ความเร็วและ ความเร่งของวัตถุที่มีการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย พร้อมทั้งคานวณปริมาณต่างๆ ที่ เก่ียวข้องกับการเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย 2. ทดลองและอธบิ ายการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย อธิบายความถี่ธรรมชาติของวัตถุและการเกิดการสั่นพ้อง พร้อมท้ังคานวณปริมาณต่างๆ ท่ี เกี่ยวขอ้ ง และอธิบายการนาความรู้เร่อื งการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย ไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ิตประจาวนั 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้เพมิ่ เติม 1) การเคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยเป็นการเคลอื่ นท่ีของวัตถทุ กี่ ลบั ไปกลับมาซ้ารอยเดิมผ่าน ตาแหน่งสมดลุ โดยมีคาบและแอมพลจิ ูดคงตวั และมกี ารกระจดั จากตาแหนง่ สมดลุ ท่ีเวลาใด ๆ เป็นฟงั ก์ชนั แบบไซน์ โดยปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง มคี วามสมั พนั ธ์ตามสมการ x A sin(t ) v A cos(t ) v A2 x2 a A2 sin(t ) a 2x 2) การสัน่ ของวัตถุติดปลายสปรงิ และการแกวง่ ของลกู ต้มุ อยา่ งง่ายเป็นการเคลอ่ื นทแี่ บบฮาร์มอนิก อย่างงา่ ยทีม่ ีขนาดของความเรง่ แปรผันตรงกบั ขนาดของการกระจัดจากตาแหนง่ สมดลุ แต่มที ิศ ทางตรงข้าม โดยมคี าบการส่นั ของวตั ถุทตี่ ิดอยูท่ ปี่ ลายสปริง และคาบการแกว่งของลูกตุม้ ตามสมการ T 2 m เเละ T 2 L ตามลาดับ k g 1
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 3) เมือ่ ดึงวัตถุท่ีติดปลายสปริงออกจากตาแหนง่ สมดุลแล้วปล่อยใหส้ ่ัน วัตถุจะสน่ั ด้วยความถ่ี เฉพาะตัว การดงึ ลูกตุม้ ออกจากแนวดงิ่ แลว้ ปลอ่ ยใหแ้ กวง่ ลูกตุ้มจะแกวง่ ด้วยความถ่ีเฉพาะตวั เชน่ กัน ความถี่ทีม่ คี ่าเฉพาะตัวน้ี เรียกว่า ความถ่ธี รรมชาติ เม่ือกระตุ้นให้วตั ถสุ น่ั ด้วยความถ่ีทม่ี ีค่า เทา่ กบั ความถธี่ รรมชาติของวตั ถุ จะทาให้วตั ถุสัน่ ด้วยแอมพลจิ ูดเพิ่มข้นึ เรยี กว่า การสั่นพ้อง 2.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การเคล่ือนทขี่ องวัตถุทมี่ ีลักษณะแบบกลับไปกลบั มาซ้าเสน้ ทางเดมิ ใชเ้ วลาในการเคลื่อนทีแ่ ตล่ ะรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวตั ถุคงตัว ณ ทุกตาแหนง่ ของการเคลื่อนที่ ซง่ึ การเคลอ่ื นท่แี บบนี้ เรยี กวา่ การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยการเคลื่อนท่ีแบบนี้จะมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการ กระจัดจากตาแหน่งสมดุลท่ีเวลาใด ๆ เป็นฟังก์ชันแบบไซน์ เมื่อพิจารณาสมการความเร่งของเงาวัตถุของที่เคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่าเสมอ โดยใช้วิธีการทาง คณติ ศาสตร์ จะเห็นไดว้ า่ เหมือนกบั สมการความเร่งของวัตถุที่เคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย จึงสรุปได้ ว่า เงาของวตั ถทุ เ่ี คล่อื นทีเ่ ปน็ วงกลมสม่าเสมอกาลงั เคลอื่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง เชน่ เดยี วกบั การเคล่อื นท่ขี องมวลตดิ สปริงเบา จึงสรุปไดว้ า่ การแกว่งของลูกตุม้ อยา่ งง่ายเปน็ การเคล่ือนท่ี แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย การสั่นพ้องเป็นปรากฏการณ์ที่ระบบกวัดแกว่งหนึ่ง ๆ ถูกกระทาโดยแรงขับเคลื่อนภายนอกที่มี ความถ่ีเทา่ กับความถ่ธี รรมชาตขิ องระบบ แลว้ ทาให้แอมพลจิ ดู ในการกวัดแกว่งของระบบนั้น ๆ เพิ่มมาก ขน้ึ โดยจะเรียกความถ่ีของแรงขับเคลื่อนท่ีใช้กระตุ้นว่า ความถ่ีสั่นพ้อง โดยความถ่ีเฉพาะตัวของระบบ หน่งึ ๆ จะเรียกว่า ความถธ่ี รรมชาติ 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินยั รบั ผิดชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการทดลอง 3. มุง่ ม่ันในการทางาน 3) ทักษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการสือ่ สาร 5) ทักษะการทางานร่วมกนั 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 2
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย 5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - แผนผงั มโนทัศน์ เรื่อง การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย 6. การวดั และการประเมินผล รายการวดั วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 6.1 การประเมินช้นิ งาน/ - ตรวจแผนผงั - แบบประเมินชิน้ งาน/ - ระดับคณุ ภาพ 2 ภาระงาน (รวบยอด) มโนทัศน์ เรอ่ื ง ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์ การเคล่อื นทแี่ บบ ฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย 6.2 การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กอ่ นเรียน หนว่ ยการ ก่อนเรียน หนว่ ยการ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรียนรู้ที่ 1 เรยี นรูท้ ี่ 1 การเคล่ือนท่ีแบบ การเคลือ่ นที่แบบ การเคล่ือนทแี่ บบ ฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย ฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย ฮาร์มอนกิ อย่างง่าย 6.3 การประเมนิ ระหวา่ ง - ใบงานที่ 1.1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม 1) การเคลื่อนท่ีแบบ - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย - ตรวจแบบฝกึ หดั ของลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย - ประเมินการปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2 ของวัตถุติดปลาย กิจกรรม สปริง กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์ 2) เงาของวัตถทุ ี่ - ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 - ใบงานที่ 1.2.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เคล่ือนทเ่ี ปน็ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วงกลมสมา่ เสมอ 3) การแกว่งของ - ตรวจใบงานที่ 1.3.1 - ใบงานท่ี 1.3.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ลูกตุ้มนาฬกิ า - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ อย่างงา่ ย - ประเมินการปฏบิ ัติ - แบบประเมินการปฏิบตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2 กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 4) การสน่ั พอ้ ง - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 5) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานท่นี าเสนอ - ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย รายการวดั วธิ วี ัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ 6) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 8) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมิน อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มน่ั คุณลักษณะ ในการทางาน อันพึงประสงค์ 6.4 การประเมนิ หลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น - แบบทดสอบ หลงั เรียน หน่วยการ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 หลงั เรยี น หน่วยการ เรียนรทู้ ่ี 1 การเคลื่อนที่แบบ เรียนรู้ที่ 1 การเคลื่อนทแ่ี บบ ฮาร์มอนกิ อย่างง่าย การเคลอ่ื นที่ ฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย 7. กิจกรรมการเรียนรู้ แผนที่ 1 : การเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของวัตถุติดปลายสปริง เวลา 5 ช่วั โมง วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) แผนที่ 2 : เงาของวัตถุท่เี คลอื่ นท่เี ปน็ วงกลมสม่าเสมอ เวลา 1 ชว่ั โมง วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 : การแกว่งของลูกตุม้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย เวลา 4 ชว่ั โมง วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) แผนท่ี 4 : การสนั่ พอ้ ง เวลา 2 ชว่ั โมง วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) (รวมเวลา 12 ชั่วโมง) 4
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 8. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย 3) ใบงานที่ 1.1.1 เร่อื ง ระบบมวล-สปริงเบา 4) ใบงานท่ี 1.2.1 เรือ่ ง เงาของวัตถุที่เคลื่อนทเี่ ปน็ วงกลมสม่าเสมอ 5) ใบงานท่ี 1.3.1 เรอื่ ง การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ยของลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย 6) วัสด-ุ อปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการทากิจกรรมการเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวัตถุที่ตดิ ปลายสปรงิ 7) วัสด-ุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทากจิ กรรมการแกวง่ ของลูกตมุ้ อยา่ งงา่ ย 8) อปุ กรณ์สาธติ การทดลอง เช่น ลกู กลมเหล็ก เชือก 9) PowerPoint เรื่อง ปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กีย่ วกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 10) PowerPoint เรอ่ื ง เงาของวตั ถุทเ่ี คลื่อนท่ีเปน็ วงกลมสมา่ เสมอ 11) PowerPoint เรอ่ื ง การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬิกาอยา่ งงา่ ย 12) PowerPoint เร่อื ง การส่นั พ้อง 13) วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกับเครอ่ื งเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY 14) วีดทิ ศั น์เกีย่ วกบั การเคล่อื นท่ขี องชงิ ชา้ สวรรค์ จาก https://www.youtube.com/watch?v=ZRkGg3IWUpk 15) QR code เรื่อง ลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) อนิ เทอร์เน็ต 5
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกับอนุภาคหนึ่งท่ีเคลื่อนที่แบบ 6. สปริงมวลเบายาว 10 เซนติเมตร และมีค่าคงตัวของสปริงเป็น ฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 100 นิวตันต่อเมตร ถ้าสปริงถูกดึงให้ยืดออกจนมีความยาวเป็น 1. ตาแหนง่ สมดลุ จะมีอัตราเร็วต่าสดุ 11 เซนตเิ มตร จงหาแรงดงึ กลบั ของสปรงิ 2. ตาแหน่งสมดลุ จะมีอัตราเร่งสูงสดุ 1. –0.1 นวิ ตัน 2. 0.1 นวิ ตัน 3. ตาแหน่งสมดลุ จะมีอตั ราเร็วสูงสดุ 3. –1 นิวตัน 4. 1 นวิ ตนั 4. ตาแหนง่ ปลายสดุ จะมีอตั ราเรง่ ต่าสดุ 5. 10 นวิ ตัน 5. ความเรว็ จะมีทศิ ช้ีเข้าสตู่ าแหน่งสมดลุ เสมอ 7. ท่ีตาแหน่งปลายสุดของการกวัดแกว่ง การกระจัดของวัตถุจะ 2. การเคลอ่ื นท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายเปน็ อย่างไร มีขนาดสูงสุด การกระจัดสูงสุดนี้เรียกว่าอะไร 1. เคลื่อนทว่ี นไปมา 1. สมดุล 2. เคล่อื นท่ีในแนวดงิ่ 2. อนพุ ันธ์ 3. เคลื่อนท่ใี นแนวราบ 3. ฟังกช์ นั 4. เคลอื่ นทแ่ี บบไรท้ ศิ ทาง 4. แอมพลิจูด 5. เคลอื่ นท่ีกลับไปมาซ้าทางเดมิ 5. ฮารม์ อนิก 3. ข้อใดไม่ใช่การเคล่ือนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 8. ถ้าต้องการให้ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งเร็วขึ้น จะต้องทาอย่างไร 1. การแกวง่ ของชิงช้า 1. ลดความยาวเชือก 2. การแกวง่ ของลูกตุม้ นาฬิกา 2. เพิม่ ความยาวเชือก 3. การเคลอ่ื นทีข่ องกระสุนปนื ใหญ่ 3. เปลยี่ นเปน็ เชอื กชนดิ อื่น 4. การแกวง่ ของเรอื ไวกิ้งในสวนสนุก 4. ลดมวลของลูกตมุ้ นาฬิกา 5. การเคลอ่ื นที่ของวัตถตุ ิดปลายสปริง 5. เพ่มิ มวลของลูกต้มุ นาฬกิ า 4. แรงดงึ กลบั ของสปรงิ คอื แรงอะไร 9. ปรากฏการณ์การสน่ั พ้องเกิดขึ้นเม่อื ใด 1. แรงทใี่ ช้ในการหมนุ สปริง 1. เกิดขน้ึ เมื่อวัตถแุ กวง่ กลับไปมา 2. แรงทีพ่ ยายามดึงสปรงิ ใหย้ ืดออก 2. เกิดขน้ึ เมื่อวัตถุแกว่งไปมาได้การกระจดั สูงสุด 3. แรงท่ีพยายามกดสปรงิ ใหห้ ดสัน้ ลง 3. เกิดขึน้ เม่ือวัตถุถูกทาใหส้ ่ันเทา่ กบั ความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุ 4. แรงท่ีพยายามดึงสปริงกลบั ไปส่คู วามยาวเดมิ 4. เกดิ ข้ึนเม่ือวัตถุถูกทาให้สั่นมากกว่าความถธ่ี รรมชาติของวัตถุ 5. แรงทใ่ี ชบ้ ิดสปริงให้กลบั ไปอย่ใู นรูปทรงเดมิ 5. เกิดขน้ึ เม่ือวัตถุถูกทาใหส้ ั่นน้อยกวา่ ความถี่ธรรมชาติของวัตถุ 5. กฎที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างแรงดึงกลับของ 10. ขอ้ ใดเปน็ ผลจากปรากฏการณก์ ารสน่ั พ้อง สปรงิ กบั ระยะยืดหดของสปรงิ คอื กฎในข้อใด 1. ลูกตุ้มนาฬิกาหลดุ ออกจากเชือก 1. กฎของฮุก 2. ระฆงั ส่งเสียงดงั กงั วานเม่ือถูกเคาะ 2. กฎของเคน 3. กระจกที่อยูใ่ นบรเิ วณท่ีมเี สยี งดงั แตก 3. กฎของเชอ 4. พื้นถนนบริเวณที่รถบรรทุกวิ่งผ่านสน่ั 4. กฎของนวิ ตัน 5. แผน่ ดินไหวเน่ืองจากเปลือกโลกเคลือ่ นที่ 5. กฎของสปรงิ เคิล เฉลย 1. 3 2. 5 3. 3 4. 4 5. 1 6. 3 7. 4 8. 1 9. 3 10. 3 6
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลือ่ นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 6. การสนั่ พอ้ งเกดิ ขึ้นเมื่อใด 1. ข้อใดเปน็ การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 1. รถเล้ยี วโคง้ ในถนนโค้ง 1. เกดิ ข้นึ เม่ือวัตถแุ กวง่ กลบั ไปมา 2. การหมุนของใบพดั ลม 2. เกิดขน้ึ เม่อื วตั ถแุ กว่งไปมาได้การกระจัดสูงสดุ 3. การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกา 3. เกดิ ขน้ึ เมื่อวตั ถถุ ูกทาให้สั่นเท่ากบั ความถ่ีธรรมชาติของวัตถุ 4. ลกู บอลทีเ่ ตะลอยไปในอากาศ 4. เกิดข้นึ เม่ือวัตถถุ ูกทาใหส้ ั่นมากกว่าความถ่ีธรรมชาติของวัตถุ 5. การเคลื่อนทขี่ องกระสนุ ปืนใหญ่ 5. เกดิ ขน้ึ เม่ือวตั ถถุ ูกทาใหส้ ่ันน้อยกวา่ ความถี่ธรรมชาติของวัตถุ 2. ท่ีตาแหนง่ สมดลุ ของวตั ถุทีเ่ คลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนิก 7. สปริงมวลเบายาว 20 เซนติเมตร และมีค่าคงตัวของสปริงเป็น อยา่ งงา่ ย ขนาดของความเร่งคอื ข้อใด 200 นิวตันตอ่ เมตร ถ้าสปริงถูกดึงให้ยืดออกจนมีความยาวเป็น 1. ขนาดความเร่งจะแปรผันตรงกับอัตราเรว็ 15 เซนตเิ มตร จงหาแรงดึงกลับของสปรงิ 2. ขนาดความเรง่ จะแปรผกผันกับอัตราเรว็ 1. –0.10 นิวตัน 2. 0.10 นวิ ตัน 3. ขนาดความเรง่ จะมคี ่าสูงสดุ 3. –10 นิวตัน 4. 10 นวิ ตนั 4. ขนาดความเรง่ จะมคี า่ ต่าสุด 5. 20 นิวตัน 5. ขนาดความเร่งจะมคี า่ เป็นศูนย์ 8. ที่ตาแหน่งปลายสุดของการกวัดแกว่ง การกระจัดของวัตถุจะ 3. การเคล่ือนที่กลับไปมาซ้าทางเดิมเป็นการเคลื่อนท่ี มีขนาดสูงสุด การกระจัดสูงสุดนี้เรียกว่าอะไร อยา่ งไร 1. สมดุล 1. การเคลือ่ นท่ีแนวด่ิง 2. อนุพันธ์ 2. การเคลอ่ื นทแ่ี นวตรง 3. ฟงั กช์ นั 3. การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 4. แอมพลิจดู 4. การเคล่อื นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ 5. ฮาร์มอนิก 5. การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย 9. กฎที่กลา่ วถงึ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดงึ กลับของสปริงกับระยะ 4. ข้อใดเปน็ ผลจากปรากฏการณก์ ารสั่นพ้อง ยดื หดของสปริงคือกฎในขอ้ ใด 1. ลกู ตุ้มนาฬิกาหลดุ ออกจากเชือก 1. กฎของฮคุ 2. การปรบั ชอ่ งวทิ ยุให้ตรงกับความถ่ี 2. กฎของเคน 3. ระฆงั ส่งเสยี งดงั กงั วานเม่ือถูกเคาะ 3. กฎของเชอ 4. พน้ื ถนนบรเิ วณทร่ี ถบรรทกุ ว่ิงผ่านสั่น 4. กฎของนิวตัน 5. แผ่นดินไหวเน่ืองจากเปลือกโลกเคลื่อนท่ี 5. กฎของสปริงเคิล 5. แรงดงึ กลับของสปริงคือแรงอะไร 10. ถ้าต้องการให้ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งช้าลง จะต้องทาอย่างไร 1. แรงท่ใี ช้ในการหมุนสปริง 1. ลดความยาวเชือก 2. แรงท่ีพยายามดึงสปริงให้ยืดออก 2. เพิ่มความยาวเชือก 3. แรงทพ่ี ยายามกดสปรงิ ให้หดสั้นลง 3. เปลย่ี นเป็นเชือกชนิดอ่ืน 4. แรงทีพ่ ยายามดึงสปรงิ กลับไปส่คู วามยาวเดมิ 4. ลดมวลของลูกตุ้มนาฬิกา 5. แรงทใ่ี ช้บดิ สปริงให้กลับไปอยู่ในรูปทรงเดิม 5. เพิ่มมวลของลูกตุ้มนาฬิกา เฉลย 1. 3 2. 5 3. 5 4. 2 5. 4 6. 3 7. 3 8. 4 9. 1 10. 2 7
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินผลงานแผนผงั มโนทศั น์ คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการทก่ี าหนด แลว้ ขดี ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 1 ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ท่กี าหนด 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4 ความเป็นระเบยี บ รวม ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ............../................./................ เกณฑป์ ระเมนิ แผนผังมโนทัศน์ ประเดน็ ทปี่ ระเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกั บ ผลงานสอดคล้องกั บ ผลงานสอดคล้องกั บ ผ ล ง านไม่ ส อด ค ล้ อง จดุ ประสงคท์ กี่ าหนด จดุ ประสงคท์ ุกประเด็น จุดประสงค์เปน็ สว่ นใหญ่ จดุ ประสงคบ์ างประเดน็ กบั จดุ ประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม เน้ือหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน ถกู ตอ้ งของเนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ถกู ตอ้ งเปน็ บางประเด็น ไมถ่ กู ตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิด ผล ง านแ สด ง ออกถึ ง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด สรา้ งสรรค์ ค วามคิ ด ส ร้ าง ส ร ร ค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ แ ป ล ก ใ ห ม่ แ ล ะ เ ป็ น ใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความเป็น ผ ล ง า น มี ค ว า ม เ ป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เ ป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง เป็ นร ะ เ บีย บ แ ต่ ยั ง มี ระเบียบแต่มขี อ้ บกพร่อง ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ มี ข้ อ ความประณตี ข้อบกพร่องเล็กนอ้ ย บางสว่ น บกพรอ่ งมาก เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 51-60 ดมี าก 41-50 ดี 30-40 พอใช้ ตา่ กวา่ 30 ปรบั ปรงุ 8
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แบบประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แผนฯ ที่ 1 และ 3 คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมของนกั เรียนตามรายการท่กี าหนด แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ตี รง กับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 1 การปฏิบตั กิ ารทากิจกรรม 2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 3 การบนั ทกึ สรุปและนาเสนอผลการทากจิ กรรม รวม ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ ................./................../.................. เกณฑก์ ารประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 1. การปฏบิ ตั ิ ทากจิ กรรมตามข้ันตอน 32 ต้องให้ความชว่ ยเหลือ และใชอ้ ุปกรณ์ได้อย่าง ทากจิ กรรมตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือ อยา่ งมากในการทา กิจกรรม ถกู ตอ้ ง และใชอ้ ุปกรณไ์ ดอ้ ย่าง บา้ งในการทากจิ กรรม กจิ กรรม และการใช้ ถกู ตอ้ ง แต่อาจตอ้ ง และการใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์ 2. ความ มคี วามคลอ่ งแคลว่ ได้รับคาแนะนาบ้าง ทากจิ กรรมเสรจ็ ไม่ คลอ่ งแคล่ว ในขณะทากิจกรรมโดย ทันเวลา และทา ในขณะปฏิบตั ิ ไม่ตอ้ งได้รับคาช้แี นะ มคี วามคลอ่ งแคล่ว ขาดความคล่องแคล่ว อปุ กรณ์เสียหาย กจิ กรรม และทากิจกรรมเสรจ็ ในขณะทากิจกรรมแต่ ในขณะทากิจกรรมจึง ทนั เวลา ตอ้ งได้รบั คาแนะนาบ้าง ทากิจกรรมเสร็จไม่ ตอ้ งให้ความช่วยเหลือ 3. การบันทึก สรปุ บนั ทึกและสรปุ ผลการ และทากิจกรรมเสรจ็ ทันเวลา อยา่ งมากในการบนั ทึก และนาเสนอผล ทากิจกรรมไดถ้ กู ต้อง ทนั เวลา สรุป และนาเสนอผล การปฏบิ ตั ิ รัดกมุ นาเสนอผลการ การทากิจกรรม กจิ กรรม ทากจิ กรรมเป็นขั้นตอน บันทึกและสรุปผลการ ตอ้ งให้คาแนะนาในการ ชดั เจน ทากิจกรรมไดถ้ กู ต้อง บนั ทกึ สรุป และ แตก่ ารนาเสนอผลการ นาเสนอผลการทา ทากจิ กรรมยังไม่เป็น กจิ กรรม ข้ันตอน 9
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 10-12 ดมี าก 7-9 ดี 4-6 พอใช้ 0-3 ปรบั ปรุง 10
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 ความถกู ต้องของเน้ือหา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก ดี 11–13 พอใช้ ปรับปรุง 8–10 ตา่ กว่า 8 11
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคล่ือนทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ ืน่ 3 การทางานตามหน้าทที่ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 4 ความมีน้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก ดี 11–13 พอใช้ ปรบั ปรงุ 8–10 ตา่ กว่า 8 12
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเคล่ือนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน การมี ลาดับท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนักเรียน ความ ฟังคนอื่น ตามท่ไี ดร้ ับ น้าใจ การ 15 คิดเหน็ มอบหมาย ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ คะแนน 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ............./.................../............... ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก ดี 11–13 พอใช้ ปรับปรุง 8–10 ต่ากวา่ 8 13
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่สร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบัตติ ามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามที่โรงเรียนจัดขน้ึ 2. ซอ่ื สัตย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ งและเป็นจริง 2.2 ปฏิบัตใิ นสิง่ ท่ีถูกต้อง 3. มีวินยั รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจาวัน 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัติได้ 4.2 รู้จักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชอ่ื ฟังคาสง่ั สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรยี น 5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และส่ิงของของโรงเรยี นอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และร้คู ุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน 6. มุ่งมัน่ ในการทางาน 6.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทางานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 ร้จู ักชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน 8.2 รู้จักการดูแลรกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสงิ่ แวดล้อมของหอ้ งเรยี นและ โรงเรียน ลงช่ือ .................................................. ผูป้ ระเมิน ............/.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัติชดั เจนและสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน 51-60 ดมี าก พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิบางครงั้ 41-50 ดี 30-40 พอใช้ ต่ากวา่ 30 ปรับปรงุ 14
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิดปลายสปรงิ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1 การเคลอื่ นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของวัตถุตดิ ปลายสปริง เวลา 5 ชว่ั โมง 1. ผลการเรียนรู้ ทดลองและอธบิ ายลกั ษณะการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย การกระจัด ความเร็วและความเร่งของ วัตถุทมี่ ีการเคลือ่ นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย พร้อมทงั้ คานวณปริมาณตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอ นิกอย่างง่าย 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายลักษณะการเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของระบบมวล-สปริงเบาหรอื วตั ถตุ ดิ ปลายสปรงิ ได้ (K) 2. คานวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วข้องกับการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยของระบบมวล-สปรงิ เบาหรือ วัตถุตดิ ปลายสปริงได้ (P) 3. ปฏิบัติกจิ กรรมการเคล่อื นท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวตั ถุทีต่ ดิ ปลายสปริงไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นลาดบั ข้นั ตอน (P) 4. มีความใฝ่เรียนรู้และมคี วามมงุ่ ม่นั ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ - การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายเป็นการเคล่ือนท่ี ของวัตถุที่กลับไปกลับมาซ้ารอยเดิมผ่านตาแหน่งสมดุล โดยมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการกระจัดจาก ตาแหน่งสมดุลท่ีเวลาใด ๆ เป็นฟังก์ชันแบบไซน์ โดย ปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง มีความสัมพนั ธต์ ามสมการ x A sin(t ) v A cos(t ) v A2 x2 a A2 sin(t ) a 2x 16
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถุติดปลายสปรงิ 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเคล่ือนที่ของวัตถุท่ีมีลักษณะแบบกลับไปกลับมาซ้าเส้นทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนที่แต่ละรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวัตถุคงตัว ณ ทุกตาแหน่งของการเคล่ือนที่ ซึ่งการเคล่ือนท่ีแบบนี้ เรียกว่า การเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย โดยการเคลื่อนทีแ่ บบนจี้ ะมีคาบและแอมพลิจูดคงตวั และมีการกระจดั จาก ตาแหนง่ สมดุลทเ่ี วลาใด ๆ เป็นฟังก์ชนั แบบไซน์ 5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการทดลอง 3. มุ่งมั่นในการทางาน 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการทางานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขั้นนา ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นกั เรยี นทราบ จากน้นั ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนของ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย เพอ่ื ตรวจสอบความรูเ้ ดิมของนกั เรียน เป็นรายบุคคลกอ่ นเข้าสกู่ ิจกรรม 2. ครูนาอุปกรณส์ าธติ การทดลอง ลกู กลมเหล็ก เชือก จากนั้นครนู าลกู กลมเหลก็ มาผกู กบั เชอื กแล้ว แขวนลูกกลมเหลก็ ให้อย่ใู นแนวด่งิ จากนั้นครูดงึ ลูกกลมเหล็กออกจากตาแหนง่ สมดลุ แล้วปลอ่ ย ให้ลกู กลมเหลก็ เคลอ่ื นท่ี โดยครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนสงั เกตลกั ษณะการเคลอื่ นท่ขี องลกู กลมเหลก็ และร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นอย่างอสิ ระโดยไม่มกี ารเฉลยว่าถกู หรอื ผิด 17
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวัตถุติดปลายสปรงิ 3. ครถู ามคาถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน รายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 เพื่อเป็นการนาเขา้ สบู่ ทเรียนและตรวจสอบความรเู้ ดิมเกยี่ วกบั เรื่อง การเคล่ือนทแ่ี บบ ฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย ของนกั เรยี นวา่ “ลกู ตุม้ นาฬิกามลี กั ษณะการเคลื่อนทอ่ี ยา่ งไร” (แนวตอบ : ลกู ตุ้มนาฬิกามลี ักษณะการเคลอ่ื นทแี่ บบแกวง่ กลับไปกลบั มาซ้าแนวเส้นทางเดมิ และ ใชเ้ วลาในการแกวง่ แตล่ ะรอบเท่าเดมิ ) 4. นกั เรยี นตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Understanding Check ในหนงั สือเรยี น รายวชิ าเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 โดยบนั ทกึ ลงในสมุดประจาตวั จากนน้ั ครกู ล่าว เชอื่ มโยงเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน ข้นั สอน ข้ันที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูเปิดวดี ทิ ัศน์เกี่ยวกับเครื่องเคาะจงั หวะ (Metronome) ใหน้ กั เรยี นดู จากนั้นครตู งั้ ประเด็น คาถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรียนวา่ “การเคลื่อนที่ของเครอ่ื งเคาะจงั หวะมลี กั ษณะเปน็ อยา่ งไร และ เรยี กการเคลื่อนทนี่ นั วา่ อะไร” (แนวตอบ : มีลักษณะแกว่งกลบั ไปกลับมาซา้ เสน้ ทางเดิม ซึ่งเรียกการเคล่อื นที่แบบนวี า่ การเคลือ่ นที่ แบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย (Simple Harmonic Motion ; SHM)) 2. ครสู ุม่ เลขทีน่ ักเรียนจานวน 3-4 คน ให้ยกตัวอย่างการเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยท่ีพบเหน็ ในชวี ิตประจาวนั มาคนละ 1 ตัวอยา่ ง (แนวตอบ : ตวั อย่างการเคล่ือนทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย เชน่ การส่นั ของโมเลกลุ ในสสาร การแกว่ง ของลูกตุ้มนาฬิกา การแกวง่ ชงิ ช้า เป็นต้น) 3. ครูให้นกั เรยี นจับคกู่ ับเพ่อื นในชน้ั เรียนคละกันตามความเหมาะสม ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันศึกษาคน้ คว้า ข้อมูลเกีย่ วกบั การเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย ระบบมวล-สปริงเบา และกฎของฮกุ จากหนงั สอื เรียน รายวิชาเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เล่ม 1 หรือจากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ แลว้ ร่วมกันสรุปข้อมูลทไ่ี ด้ลงในสมุดประจาตวั (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานกลมุ่ ) 18
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเคลือ่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของวตั ถุติดปลายสปรงิ ช่วั โมงท่ี 2 ขั้นสอน ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มนกั เรียนจานวน 3 คู่ ออกมานาเสนอผลจากการศึกษาข้อมลู หนา้ ช้นั เรยี น โดยครคู อยอธิบาย เพ่ิมเติมในสว่ นทีบ่ กพร่อง (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การน้าเสนอผลงาน) 2. ครยู กตวั อยา่ งโจทย์เกย่ี วกบั กฎของฮกุ โดยครูเขยี นโจทย์และแสดงวธิ ีทาใหน้ ักเรยี นดูบนกระดาน ดงั น้ี วตั ถุมวล 4 กโิ ลกรัม เคลือ่ นทบี่ นพน้ื ลื่นด้วยความเรง่ 3 เมตรตอ่ วนิ าที2 เข้าชนสปริงทีม่ ีค่านจิ สปรงิ เทา่ กับ 200 นวิ ตนั ตอ่ เมตร จงหาว่าสปริงจะหดจากตาแหนง่ สมดลุ เท่าใด วิธที า จากสมการ F ma F (4)(3) F 12 N จากสมการ Fs kx 12 (200)(x) x 12 200 x 0.06 m ดังนัน้ สปริงจะหดจากตาแหน่งสมดลุ เทา่ กับ 6 เซนตเิ มตร 3. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาภาพการเคลือ่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวัตถุรูปทรงลูกบาศก์ ที่ติดปลายสปรงิ ที่วางบนพ้ืนไรแ้ รงเสยี ดทาน จากหนงั สอื เรียน รายวิชาเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 4. จากนนั้ ครอู ธิบายเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั การเคลื่อนทข่ี องวัตถุท่ีติดปลายสปริงวา่ “เมื่อดงึ วัตถุออกไประยะ หน่ึงแลว้ ปลอ่ ย สปริงจะดึงวตั ถใุ ห้กลับสูต่ า้ แหนง่ สมดุล และเน่ืองจากวตั ถมุ โี มเมนตมั วตั ถจุ ะไถล ผา่ นต้าแหนง่ สมดุลและกดอัดสปรงิ จนกระทั่งหยุดเคลอ่ื นที่ สปรงิ ก็จะผลักกลับไปยังต้าแหน่งสมดุล อีกครัง ซงึ่ ตา้ แหนง่ ทีว่ ตั ถมุ กี ารกระจัดสงู สดุ เรยี กวา่ แอมพลจิ ดู (amplitude)” 19
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 การเคล่ือนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิดปลายสปรงิ ช่ัวโมงท่ี 3 ขนั้ สอน ข้นั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นโดยตั้งคาถามวา่ “การเคลื่อนท่ีของวัตถุท่ีติดกลับปลายลวดสปริง มีลักษณะการเคล่ือนท่ีเป็นอย่างไร” (แนวตอบ : มีลกั ษณะการเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย) 2. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจของนกั เรยี น แล้วใหแ้ ต่ละกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เก่ยี วกับเรอื่ ง ผลเฉลยของสมการการกระจัด ความเรว็ ของวัตถทุ ่ีเคล่อื นที่แบบ ฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย ความเร่งของวตั ถุที่เคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย และกราฟความสมั พนั ธ์ ระหว่างตาแหน่ง ความเร็ว ความเร่ง กับเวลาการเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย โดยศกึ ษาจาก หนังสือเรยี น รายวิชาเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 หรอื แหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ นต็ 3. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภิปรายเร่ืองท่ีไดศ้ กึ ษา จากนั้นใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนเขยี นสรปุ ความรู้ ทีไ่ ด้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมดุ ประจาตัว เพื่อนาสง่ ครูท้ายชว่ั โมง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ ) ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูสมุ่ นกั เรยี นให้ออกมานาเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรยี น โดยสุม่ ออกมาเพียง 3 กลมุ่ ซึง่ ครเู ปน็ คน เลือกวา่ จะใหก้ ลุ่มไหนนาเสนอเร่อื งอะไร ตามหวั ขอ้ เรื่อง ดังตอ่ ไปน้ี ผลเฉลยของสมการการกระจัด ความเรว็ ของวตั ถุท่ีเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย ความเร่งของวตั ถทุ เ่ี คลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งตาแหนง่ ความเร็ว ความเร่ง กับเวลาการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนิก อย่างงา่ ย (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการน้าเสนอผลงาน) 5. ขณะทน่ี ักเรียนแตล่ ะกลุ่มกาลงั นาเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกขอ้ มลู เพิ่มเติมในเร่อื งนนั้ ๆ ใหน้ กั เรียนทกุ คนไดม้ คี วามเข้าใจท่ีถกู ตอ้ งมากยง่ิ ขึน้ 20
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 1 การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถตุ ดิ ปลายสปรงิ ชว่ั โมงท่ี 4-5 ขน้ั สอน ขน้ั ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนโดยตัง้ ประเดน็ คาถามวา่ “ปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กยี่ วข้องกับ การเคลือ่ นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย สามารถแสดงได้ดว้ ยสมการทเ่ี ปน็ ฟังก์ชันแบบใด และมสี มการใดบ้าง” (แนวตอบ : สามารถแสดงได้ดว้ ยสมการที่เป็นฟังกช์ นั แบบแบบไซน์ โดยมีสมการ ดงั นี x A sin(t ) v A cos(t ) เเละ a A2 sin(t ) ) 2. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ (กลมุ่ เดมิ ) จากชัว่ โมงท่ีผ่านมา เพ่ือร่วมกนั ศึกษากิจกรรม การเคล่อื นที่แบบ ฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของวัตถุที่ติดปลายสปริง จากหนงั สอื เรียน รายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 โดยครใู ชร้ ปู แบบการเรียนรแู้ บบร่วมมอื มาจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยกาหนดใหส้ มาชิก แตล่ ะคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าทขี่ องตนเอง ดังนี้ สมาชกิ คนที่ 1-2 ทาหนา้ ที่ เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการทากิจกรรมการเคลอ่ื นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถทุ ี่ตดิ ปลายสปรงิ (ชุดทดลองปฏิบตั กิ ารฮาร์มอนิกของสปริง) สมาชิกคนท่ี 3-4 ทาหนา้ ที่ อ่านวธิ กี ารทากจิ กรรม และนามาอธบิ ายให้สมาชิกภายในกล่มุ ฟัง สมาชิกคนท่ี 5 ทาหน้าท่ี บันทึกผลการทดลอง (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรม) 3. ครูแจ้งจดุ ประสงคข์ องกิจกรรม การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวัตถุท่ตี ดิ ปลายสปริง ให้นกั เรียนทราบ เพอื่ เป็นแนวทางการปฏบิ ัตทิ ี่ถูกตอ้ ง จากน้นั ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ทากจิ กรรมตาม ขน้ั ตอน จากหนังสอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันแลกเปล่ยี นความรูแ้ ละวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล ร่วมกัน ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 5. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรม ในระหวา่ งทนี่ ักเรยี นนาเสนอครคู อย ใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ิมเติมเพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจทถ่ี กู ต้อง (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการน้าเสนอผลงาน) 6. นักเรยี นร่วมกนั ตอบคาถามท้ายกิจกรรม การเคลือ่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถุทีต่ ิดปลาย สปรงิ โดยให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภิปรายเพื่อหาคาตอบ 7. ครูสมุ่ เลือกนักเรยี น 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานาเสนอคาตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นาเสนอคาตอบของกลมุ่ ตนเองเรยี บรอ้ ยแล้ว นกั เรยี นและครูอภิปรายผลท้ายกิจกรรมการทดลอง และเฉลยคาถามทา้ ยกจิ กรรม 21
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคล่ือนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 1 การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวตั ถุตดิ ปลายสปรงิ ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 8. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสอบถามเนือ้ หา เร่ือง การเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย และให้ความรู้ เพิม่ เติมจากคาถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรื่อง ปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวกับ การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย ในการอธิบายเพม่ิ เตมิ 9. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชน้ั เรียนตามความสมัครใจของนักเรยี น จากนั้นร่วมกันศึกษา ตัวอย่างท่ี 1.2-1.4 จากหนังสือเรียน รายวิชาเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 10. ครูสุ่มนกั เรียน 3 คู่ ออกมาแสดงวิธกี ารคานวณหาผลลพั ธท์ ี่ไดร้ ่วมกนั ศกึ ษา ครอู าจจะเสนอแนะ หรอื อธิบายเพ่มิ เตมิ ในตวั อยา่ งนน้ั ๆ จากนนั้ ครูให้นักเรยี นทาใบงานท่ี 1.1.1 เรือ่ ง ระบบมวล-สปริงเบา ทาเสรจ็ แลว้ นาสง่ ครู 11. นกั เรียนทา Topic Question เรื่อง ระบบมวล-สปรงิ เบา จากหนงั สอื เรยี น รายวิชาเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 ขอ้ 1-2 ลงในสมดุ ประจาตวั 12. นกั เรียนแต่ละคนทาแบบฝกึ หดั เร่อื ง ระบบมวล-สปรงิ เบา จากแบบฝกึ หดั รายวิชาเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 เป็นการบ้านสง่ ในชั่วโมงถดั ไป ขนั้ สรุป ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคล่ือนท่แี บบฮาร์มอนิก อย่างงา่ ย เพื่อตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนักเรียน 2. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นจากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจาตัว 3. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานที่ 1.1.1 เร่อื ง ระบบมวล-สปริงเบา 4. ครตู รวจ Topic Question เรอ่ื ง ระบบมวล-สปรงิ เบา ในสมุดประจาตวั 5. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เร่ือง ระบบมวล-สปริงเบา จากแบบฝึกหดั รายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เล่ม 1 6. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล และการทางานกล่มุ 7. ครวู ดั และประเมนิ ผลกจิ กรรม การเคลือ่ นท่แี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ยของวตั ถทุ ตี่ ิดปลายสปรงิ 8. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั การเคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยว่า “การเคล่ือนที่แบบ ฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย เป็นการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุทก่ี ลบั ไปกลบั มาซา้ รอยเดิมผ่านตา้ แหนง่ สมดลุ โดยมี คาบและแอมพลจิ ูดคงตัว และมีการกระจัดจากตา้ แหนง่ สมดลุ ทเ่ี วลาใด ๆ เป็นฟงั กช์ นั แบบไซน์ โดยปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง มีความสัมพนั ธ์ตามสมการ” 22
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคลอ่ื นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 1 การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปรงิ x A sin(t ) v A cos(t ) v A2 x2 a A2 sin(t ) a 2x 7. การวดั และประเมินผล รายการวัด วธิ วี ดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจแบบทดสอบ การเคล่อื นท่ีแบบ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย - ระดับคุณภาพ 2 กอ่ นเรยี น หนว่ ยการ กอ่ นเรยี น หนว่ ยการ ผา่ นเกณฑ์ - ใบงานท่ี 1.1.1 เรยี นร้ทู ่ี 1 เรยี นรู้ที่ 1 การเคล่ือนที่ - แบบฝกึ หดั - ระดับคุณภาพ 2 - แบบประเมินการปฏิบตั ิ ผ่านเกณฑ์ การเคลื่อนทแ่ี บบ แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย กิจกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย - แบบประเมนิ การ นาเสนอผลงาน 7.2 การประเมนิ ระหว่าง - แบบสงั เกตพฤติกรรม การจัดกิจกรรม การทางานรายบุคคล 1) การเคลอ่ื นที่แบบ - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย - ตรวจแบบฝึกหัด (ระบบมวล-สปรงิ ) 2) กจิ กรรม - ประเมินการปฏบิ ตั ิ การเคล่อื นทแ่ี บบ กจิ กรรม ฮารม์ อนิกอย่างง่าย ของวตั ถุท่ีตดิ ปลาย สปรงิ 3) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ ผลงาน 4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล 23
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลือ่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย แผนฯ ที่ 1 การเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวตั ถุติดปลายสปรงิ รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 5) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 6) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพ 2 รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมั่นในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย 2) แบบฝึกหดั รายวชิ าเพิม่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 การเคลือ่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 3) วัสด-ุ อุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการทากจิ กรรมการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของวัตถทุ ่ีตดิ ปลายสปรงิ 4) ชุดทดลองปฏิบตั กิ ารฮารม์ อนกิ ของสปริง 5) อุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ลกู กลมเหล็ก เชอื ก 6) ใบงานที่ 1.1.1 เรอ่ื ง ระบบ-มวลสปริงเบา 7) PowerPoint เร่อื ง ปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวกับการเคลือ่ นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 8) วีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกับเครื่องเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY 9) สมดุ ประจาตัว 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) อนิ เทอร์เน็ต 24
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 1 การเคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวตั ถตุ ดิ ปลายสปรงิ ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง ระบบ-มวลสปรงิ เบา คาชแ้ี จง : แสดงวธิ คี านวณหาผลลัพธ์ของโจทยต์ ่อไปนี้ กล่องมวล 1.00 กโิ ลกรมั ผกู ตดิ กบั สปริงทม่ี คี ่าคงตวั 25.0 นวิ ตนั ตอ่ เมตร กวดั แกวง่ บนพื้นไรแ้ รงเสยี ดทาน เม่อื พจิ ารณาทเ่ี วลา t = 0 พบว่า กลอ่ งถูกปล่อยจากอยนู่ ่ิงทต่ี าแหน่ง x = –3.00 เซนตเิ มตร ก) จงหาคาบของการเคล่ือนท่ีของกล่อง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข) จงหาอัตราเรว็ สงู สุดของกลอ่ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ค) จงหาอัตราเรง่ สงู สดุ ของกล่อง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ง) จงหาตาแหนง่ ความเรว็ และความเร่งเปน็ ฟังกช์ นั ของเวลา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 25
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเคล่ือนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย เฉลย แผนฯ ท่ี 1 การเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวตั ถุตดิ ปลายสปรงิ ใบงานท่ี 1.1.1 เร่อื ง ระบบ-มวลสปรงิ เบา คาช้แี จง : แสดงวิธีคานวณหาผลลัพธ์ของโจทย์ต่อไปน้ี กล่องมวล 1.00 กิโลกรมั ผกู ติดกบั สปรงิ ที่มคี า่ คงตวั 25.0 นวิ ตันตอ่ เมตร กวัดแกว่งบนพืน้ ไรแ้ รงเสียดทาน เมือ่ พจิ ารณาทเี่ วลา t=0 พบวา่ กล่องถูกปล่อยจากอยู่นงิ่ ทตี่ าแหน่ง x = –3.00 เซนตเิ มตร ก) จงหาคาบของการเคลอ่ื นท่ขี องกลอ่ ง วธิ ีทา คานวณหาความถเ่ี ชิงมมุ ของกลอ่ ง 2 k 25.0 5.00 rad / s T m 1.00 คานวณหาคาบของการเคลอื่ นท่ขี องกลอ่ ง T 2 2 1.26 s 5.00 ดงั นั้น คาบของการเคลอื่ นทขี่ องกลอ่ งเทา่ กับ 1.26 วนิ าที ข) จงหาอตั ราเร็วสงู สดุ ของกลอ่ ง วิธที า จากโจทย์ จะได้ว่า แอมพลิจดู (A) = 3.00 10-2 เมตร คานวณหาอตั ราเรว็ สงู สุดของกล่อง vmax A (5.00)(3.00 102 ) 0.150 m / s ดงั น้ัน อตั ราเร็วสงู สดุ ของกลอ่ งเท่ากบั 0.150 เมตรต่อวนิ าที ค) จงหาอัตราเรง่ สงู สดุ ของกลอ่ ง วธิ ที า คานวณหาอัตราเร่งสูงสุดของกล่อง amax 2A (5.00)2 (3.00 102 ) 0.750 m / s ดงั นั้น อตั ราเร็วเรง่ สูงสดุ ของกล่องเท่ากบั 0.750 เมตรตอ่ วนิ าที2 26
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 1 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถุติดปลายสปรงิ ง) จงหาตาแหน่ง ความเรว็ และความเร่งเป็นฟงั ก์ชันของเวลา วธิ ที า สมการตาแหนง่ (x) ความเรว็ (v) และความเร่ง (a) เป็นฟงั กช์ ันของเวลา สามารถแสดงได้ ดังสมการ x A sin(t ) v Acos(t ) a A2 sin(t ) ดงั นั้น ตาแหนง่ ความเร็ว และความเร่งเป็นฟังกช์ ันของเวลา แสดงได้ ดงั สมการ x (3.00 102 m)sin(5.00t) v (0.150 m / s)cos(5.00t) a (0.750 m / s2 )sin(5.00t) 27
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย ................................. แผนฯ ที่ 1 การเคลอ่ื นทแี่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิดปลายสปรงิ ................................ ) 9. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย ....... ข้อเสนอแนะ ลงช่อื ( ตาแหน่ง 10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ด้านสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์ ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มปี ญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี)) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแก้ไข 28
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 2 เงาของวัตถทุ ีเ่ คลอ่ื นทีเ่ ปน็ วงกลมสม่าเสมอ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เงาของวตั ถทุ ี่เคล่ือนที่เปน็ วงกลมสม่าเสมอ เวลา 1 ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ ทดลองและอธิบายลกั ษณะการเคล่อื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย การกระจัด ความเร็วและความเร่งของ วตั ถทุ ม่ี กี ารเคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย พร้อมทั้งคานวณปริมาณต่างๆ ที่เกยี่ วขอ้ งกับการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอ นกิ อย่างงา่ ย 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายการเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของเงาของวตั ถทุ ่เี คล่อื นท่เี ป็นวงกลมสม่าเสมอได้ (K) 2. สามารถคานวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของเงาของวัตถทุ ่ี เคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่าเสมอได้ (P) 3. มคี วามมุ่งมั่นในการเรียนรู้และการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายตลอดเวลา (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรูเ้ พิ่มเตมิ - การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายเป็นการเคลื่อนท่ี ของวัตถุที่กลับไปกลับมาซ้ารอยเดิมผ่านตาแหน่งสมดุล โดยมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการกระจัดจาก ตาแหน่งสมดุลท่ีเวลาใด ๆ เป็นฟังก์ชันแบบไซน์ โดย ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง มคี วามสมั พันธ์ตามสมการ x A sin(t ) v A cos(t ) v A2 x2 a A2 sin(t ) a 2x 4. สาระส่าคญั /ความคดิ รวบยอด เม่อื พจิ ารณาสมการความเรง่ ของเงาวตั ถุของท่ีเคล่ือนท่เี ปน็ วงกลมสม่าเสมอ โดยใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ จะเห็นได้วา่ เหมือนกับสมการความเร่งของวัตถุท่ีเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จึงสรุปได้ว่า เงาของวัตถุที่ เคลือ่ นท่เี ป็นวงกลมสมา่ เสมอกาลังเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย 29
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย แผนฯ ท่ี 2 เงาของวตั ถทุ เ่ี คลอ่ื นท่เี ปน็ วงกลมสมา่ เสมอ 5. สมรรถนะสา่ คัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส่าคัญของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ยั รับผิดชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสอื่ สาร 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 3) ทักษะการวเิ คราะห์ 4) ทักษะการทางานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1 ขั้นนา่ ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเกยี่ วกบั การเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย จากนัน้ ครเู ปดิ วดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกับการเคล่ือนทีข่ องชิงช้าสวรรค์ ใหน้ กั เรยี นดู 2. เมือ่ นกั เรียนดวู ีดทิ ัศน์จบ ครตู ัง้ คาถามกระตุ้นความสนใจนกั เรยี นว่า “ชิงชา้ สวรรคม์ ีลักษณะ การเคลื่อนทแ่ี บบใด และถา้ พิจารณาเงาของกระเชา้ ใดกระเช้าหนึ่งของชงิ ช้าสวรรค์ทต่ี กลงบนพื้น เงานน้ั จะมีลักษณะการเคลอ่ื นแบบใด” โดยใหน้ ักเรียนช่วยกนั ตอบคาถามอย่างอสิ ระไมม่ ีการเฉลย ว่าถูกหรือผดิ (แนวตอบ : ชิงชา้ สวรรค์มลี กั ษณะการเคลอื่ นท่แี บบวงกลมสม่าเสมอ และเมื่อพจิ ารณาเงาของ กระเชา้ ที่ตกลงบนพน้ื เงาน้ันจะมลี กั ษณะการเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย) 30
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเคลอ่ื นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แผนฯ ที่ 2 เงาของวตั ถทุ เี่ คลอ่ื นทเ่ี ปน็ วงกลมสม่าเสมอ ขนั้ สอน ขน้ั ท่ี 2 ส่ารวจค้นหา (Explore) 1. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 3 คน ตามความสมคั รใจของนกั เรียน จากนั้นครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่ม ร่วมกันศกึ ษาเกยี่ วกับเงาของวัตถุทเ่ี คลื่อนทแ่ี บบวงกลมสมา่ เสมอโดยนาไปเปรียบเทยี บกับ การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย จากหนังสือเรียน รายวิชาเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เล่ม 1 หรอื แหล่งการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เนต็ แล้วร่วมกันสรุปความรู้ท่ีศึกษาลงใน สมุดประจ่าตวั (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการท่างานกล่มุ ) 2. ครตู ัง้ ประเด็นคาถามโดยให้นกั เรยี นแต่ละคนรว่ มกนั อภิปรายและแสดงความคดิ เห็นว่า “ถา้ พิจารณาเงาของวตั ถเุ คลื่อนทเ่ี ปน็ วงกลมสม่าเสมอจะมลี ักษณะการเคลอื่ นท่เี ปน็ อยา่ งไร” (แนวตอบ: เงาของวัตถจุ ะเกิดการกวดั แกว่งกลับไปกลับมาซ้า่ เส้นทางเดมิ และมีระยะทางในการกวดั แกวง่ แตล่ ะรอบเท่าเดมิ และใชเ้ วลาในการกวัดแกว่งแต่ละรอบเทา่ เดมิ จงึ กล่าวได้ว่า เงาของวัตถุ ที่เคล่อื นท่ีเปน็ วงกลมสม่าเสมอเคล่อื นแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย) 3. ให้แต่ละกล่มุ ศกึ ษาเกีย่ วกบั สมการความเรง่ ของเงาของวตั ถุทเี่ คลอื่ นท่เี ปน็ วงกลมสมา่ เสมอวา่ สมการ เป็นแบบใด และเมื่อนาไปเปรยี บเทยี บกบั สมการความเร่งของวัตถุท่เี คลอื่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย ซ่งึ ครูเป็นผู้สงั เกตการณแ์ ละให้คาปรกึ ษาเม่อื นักเรยี นมีขอ้ ซกั ถาม ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูส่มุ นกั เรียนจานวน 4 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลการศกึ ษาข้อมูลหน้าช้ันเรียน เมื่อนำเสนอ ครบเเล้ว นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกนั ว่า “สมการความเร่งของเงาเหมอื นกบั สมการความเรง่ ของวัตถุที่เคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จึงท่าใหส้ รุปได้ว่า เงาของวัถตุทเ่ี คล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่าเสมอมลี ักษณะการเคลือ่ นท่ีแบบ ฮาร์มอนิกอย่างง่าย” (หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนา่ เสนอผลงาน) ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 5. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นสอบถามเนือ้ หา เรื่อง เงาของวตั ถุทเ่ี คลือ่ นท่เี ป็นวงกลมสม่าเสมอ และใหค้ วามรเู้ พิ่มเติมจากคาถามของนกั เรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เร่ือง เงาของวัตถุท่ี เคลือ่ นทเ่ี ป็นวงกลมสมา่ เสมอ ในการอธบิ ายเพิ่มเติม 6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาตัวอย่างที่ 1.5-1.6 จากหนงั สือเรยี น รายวิชา เพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เลม่ 1 จากนน้ั ครูใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 1.2.1 เร่ือง เงาของวัตถุ ที่เคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่าเสมอ เม่อื ทาเสรจ็ แล้วนาส่งครู 7. นักเรียนทา Topic Question เร่อื ง เงาของวัตถุที่เคลือ่ นทเี่ ป็นวงกลมสม่าเสมอ จากหนงั สือเรียน รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 ข้อ 3 ลงในสมุดประจาตัว 8. นักเรียนแตล่ ะคนทาแบบฝึกหดั เรอื่ ง เงาของวัตถทุ เ่ี คลื่อนทเี่ ป็นวงกลมสมา่ เสมอ จากแบบฝึกหัด รายวิชาเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตรฟ์ ิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 เป็นการบา้ นส่งในชว่ั โมงถัดไป 31
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลือ่ นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 2 เงาของวตั ถทุ เ่ี คลอื่ นทเ่ี ปน็ วงกลมสม่าเสมอ ขัน้ สรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงานท่ี 1.2.1 เรื่อง เงาของวตั ถุทเี่ คลื่อนที่เปน็ วงกลมสม่าเสมอ 2. ครูตรวจ Topic Question เร่ือง เงาของวัตถทุ เ่ี คล่อื นทีเ่ ป็นวงกลมสมา่ เสมอ ในสมุดประจาตัว 3. ครตู รวจสอบแบบฝึกหดั เรอ่ื ง เงาของวัตถทุ เ่ี คล่อื นที่เปน็ วงกลมสมา่ เสมอ จากแบบฝึกหดั รายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เล่ม 1 4. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล และการทางานกลมุ่ 5. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกี่ยวกับเงาของวัตถุท่ีเคล่ือนท่ีเป็นวงกลมสม่าเสมอว่า “เงาของวัตถุท่ีเคล่ือนที่ เป็นวงกลมสมา่ เสมอ ถ้าเราน่าไปเปรียบเทียบกับการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ซึ่งแสดงให้ เห็นว่าเงาของวัตถุท่ีเคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่าเสมอก่าลังเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย” 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธีวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ 7.1 การประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานที่ 1.2.1 - ใบงานที่ 1.2.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกิจกรรม - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) เงาของวัตถทุ ี่ - ระดบั คุณภาพ 2 เคลื่อนทเ่ี ปน็ ผา่ นเกณฑ์ - ระดบั คุณภาพ 2 วงกลมสมา่ เสมอ ผ่านเกณฑ์ - ระดับคณุ ภาพ 2 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ การ ผ่านเกณฑ์ นาเสนอผลงาน - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลงาน - แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การทางานรายบุคคล 3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทางานกลมุ่ ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล - แบบประเมิน คณุ ลักษณะ 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม อนั พงึ ประสงค์ ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ 5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ัย อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทางาน 32
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 2 เงาของวตั ถทุ ่ีเคลอื่ นทีเ่ ป็นวงกลมสมา่ เสมอ 8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี น รายวชิ าเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 2) แบบฝึกหดั รายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 3) ใบงานท่ี 1.2.1 เร่ือง เงาของวตั ถทุ ี่เคล่อื นทเี่ ปน็ วงกลมสม่าเสมอ 4) PowerPoint เรื่อง เงาของวตั ถทุ ี่เคล่ือนที่เปน็ วงกลมสม่าเสมอ 5) วีดทิ ศั นเ์ กี่ยวกับการเคลอ่ื นท่ขี องชิงช้าสวรรค์ จาก https://www.youtube.com/watch?v=ZRkGg3IWUpk 6) สมุดประจาตัว 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) อนิ เทอร์เนต็ 33
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การเคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 2 เงาของวตั ถุทเ่ี คลอ่ื นทเ่ี ป็นวงกลมสมา่ เสมอ ใบงานท่ี 1.2.1 เร่อื ง เงาของวัตถุทเ่ี คล่ือนท่ีเปน็ วงกลมสมา่ เสมอ คา่ ช้แี จง : แสดงวิธคี า่ นวณหาผลลพั ธ์ของโจทยต์ ่อไปนี้ นักเรยี นยนื อย่ดู ้านหลังรถยนตค์ ันหน่ึงทีก่ าลังแล่นดว้ ยอตั ราเร็ว 1.20 เมตรต่อวินาที แล้วสังเกตเห็นว่า ดินน้ามันที่ ติดอยทู่ ่ีขอบล้อรถยนตท์ กี่ าลังกวดั แกว่งแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย ถ้ารัศมีของล้อรถยนต์เป็น 0.300 เมตร จงหาคาบ ของการกวัดแกว่งของดนิ น้ามนั ดินนา้ มัน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 34
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 2 เงาของวตั ถุท่ีเคลอื่ นที่เปน็ วงกลมสม่าเสมอ ใบงานที่ 1.2.1 เฉลย เร่อื ง เงาของวตั ถุทเ่ี คลือ่ นท่เี ปน็ วงกลมสม่าเสมอ ค่าชแี้ จง : แสดงวิธีค่านวณหาผลลัพธ์ของโจทยต์ อ่ ไปนี้ นักเรียนยนื อยู่ดา้ นหลงั รถยนต์คนั หนงึ่ ที่กาลังแลน่ ดว้ ยอตั ราเร็ว 1.20 เมตรต่อวินาที แล้วสังเกตเห็นว่า ดินน้ามันที่ ติดอยทู่ ี่ขอบลอ้ รถยนต์ท่กี าลงั กวดั แกว่งแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย ถ้ารัศมขี องล้อรถยนต์เป็น 0.300 เมตร จงหาคาบ ของการกวัดแกวง่ ของดนิ น้ามัน ดินนา้ มัน วธิ ที ่า เมอื่ ดนิ นา้ มนั ที่ติดอยู่ท่ีขอบล้อรถยนตท์ กี่ าลงั กวัดแกว่งแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย แสดงวา่ ดนิ น้ามันเคล่อื นท่ี แบบวงกลมสม่าเสมอ สาหรับการเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม คานวณหาความเรว็ เชิงมมุ ของดินน้ามนั จากสมการ v r v r 1.20 0.300 4.00 rad / s คานวณหาคาบของการกวัดแกว่งของดินนา้ มัน จากสมการ 2 T T 2 2 T 4.00 T 1.57 s ดังน้ัน คาบของการกวัดแกว่งของดนิ นา้ มันเท่ากบั 1.57 วนิ าที 35
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 การเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 2 เงาของวตั ถุที่เคลอื่ นที่เปน็ วงกลมสม่าเสมอ 9. ความเหน็ ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ................................. ( ................................ ) ต่าแหน่ง ....... 10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข 36
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 3 การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬิกาอยา่ งงา่ ย แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย เวลา 4 ชวั่ โมง 1. ผลการเรียนรู้ ทดลองและอธิบายการเคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถุติดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย อธิบาย ความถ่ีธรรมชาติของวัตถุและการเกิดการส่ันพ้อง พร้อมท้ังคานวณปริมาณต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และอธิบายการนา ความรเู้ ร่อื งการเคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของลกู ต้มุ อยา่ งงา่ ยได้ (K) 2. คานวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกบั การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของลกู ตมุ้ อย่างงา่ ยได้ (P) 3. ปฏิบัตกิ ิจกรรมการแกวง่ ของลูกต้มุ อย่างง่ายได้อย่างถูกตอ้ งและเปน็ ลาดบั ขน้ั ตอน (P) 4. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้และมคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรูเ้ พ่ิมเติม - การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายเป็นการเคลื่อนที่ ของวัตถุท่ีกลับไปกลับมาซ้ารอยเดิมผ่านตาแหน่งสมดุล โดยมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการกระจัดจาก ตาแหน่งสมดุลที่เวลาใด ๆ เป็นฟังก์ชันแบบไซน์ โดย ปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วข้อง มีความสัมพนั ธ์ตามสมการ x A sin(t ) v A cos(t ) v A2 x2 a A2 sin(t ) a 2x 37
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การเคล่อื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 3 การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เติม สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน - การสั่นของวัตถุติดปลายสปริง และการแกว่งของลูกตุ้ม อย่างง่ายเป็นการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายท่ี มี ขนาดของความเร่งแปรผันตรงกับขนาดของการกระจัด จากตาแหน่งสมดุล แต่มีทิศทางตรงข้าม โดยมีคาบการ ส่ันของวัตถุท่ีติดอยู่ที่ปลายสปริง และคาบการแกว่งของ ลูกตมุ้ ตามสมการ T 2 m เเละ T 2 L ตามลาดับ k g 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด สม ก า ร ควา ม เ ร่ ง ขอ ง ลู ก ตุ้ม อ ย่ า ง ง่ า ย จ ะ แป ร ผั น ต รง กั บ ก า ร ก ร ะ จั ด แล ะ มี ทิ ศต ร ง กั น ข้ า ม กั บ ก า ร แก ว่ ง เชน่ เดียวกับการเคลื่อนทข่ี องมวลตดิ สปริงเบา จงึ สรปุ ไดว้ ่า การแกว่งของลูกตุ้มอย่างง่ายเป็นการเคลื่อนท่ีแบบ ฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทักษะการทดลอง 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 3) ทกั ษะการส่ือสาร 4) ทักษะการวิเคราะห์ 5) ทักษะการทางานร่วมกนั 6) ทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 38
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย แผนฯ ที่ 3 การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬิกาอยา่ งงา่ ย 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 ข้นั นา ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรยี น เรอ่ื ง เงาของวัตถทุ ีเ่ คลอื่ นทเ่ี ป็นวงกลมสมา่ เสมอ จากนนั้ ครูแจ้ง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นกั เรียนทราบ 2. นกั เรยี นใช้โทรศพั ทม์ อื ถือสแกน QR Code เรื่อง ลูกตมุ้ อยา่ งง่าย จากหนงั สอื เรยี น รายวิชา เพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตรฟ์ ิสกิ ส์ ม.5 เล่ม 1 เพ่ือเปดิ วดี ทิ ศั น์ เรื่อง ลูกต้มุ อย่างงา่ ย จากนน้ั ครตู ัง้ คาถาม กระตนุ้ ความคดิ นักเรยี นว่า “ลูกตมุ้ นาฬิกามีลักษณะการเคลือ่ นท่ีเป็นอย่างไร และจัดวา่ ลูกตมุ้ นาฬิกาเป็นลูกตุ้มอย่างง่ายหรอื ไม่ อยา่ งไร” โดยใหน้ กั เรยี นช่วยกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น อยา่ งอสิ ระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผิด จากน้นั ครูกลา่ วเชอ่ื มโยงเขา้ สู่กจิ กรรมการเรยี นการสอน (แนวตอบ : ลูกตุม้ นาฬกิ ามลี กั ษณะการเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย และลูกตุ้มนาฬกิ าจัดวา่ เปน็ ลูกต้มุ อย่างง่ายเพราะลูกตมุ้ นาฬกิ าถกู แขวนด้วยเชือกทมี่ คี วามยาวคงตัว มปี ลายตรึงแนน่ และมีการ แกว่งกลับไปกลบั มารอบตาแหน่งสมดุล) ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สารวจค้นหา (Explore) 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจของนกั เรยี น จากน้นั ให้นักเรยี นแต่ละ กลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มลู เก่ยี วกับเรอ่ื ง การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย จากหนงั สือเรยี น รายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตรฟ์ ิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 หรือจากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ แลว้ รว่ มกนั สรุปความรทู้ ่ีศึกษาลงในสมดุ ประจาตวั (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ) 2. ครูส่มุ นกั เรยี นจานวน 2 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลการศกึ ษาข้อมูลหน้าชนั้ เรียน ในระหว่างทน่ี ักเรยี น นาเสนอ ครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติมเพื่อให้นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 3. ครูถามคาถามทา้ ทายการคดิ ข้นั สงู โดยใช้คาถาม H.O.T.S จากหนงั สือเรียน รายวิชาเพ่มิ เติม วิทยาศาสตรฟ์ สิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 ว่า “ความรูเ้ ร่อื งคาบการแกว่งของลกู ต้มุ นาฬกิ าอย่างง่าย มีประโยชนอ์ ย่างไร ในชวี ติ ประจาวนั ” (แนวตอบ : ข้นึ อย่กู บั ดุลยพินจิ ผู้สอน ตวั อย่าง เชน่ ช่วยในการปรบั เวลาของนาฬกิ าแบบลูกตมุ้ เม่อื เวลาทแี่ สดงคลาดเคลือ่ น เชน่ ถ้าเวลาท่แี สดงเดนิ ช้าไปก็จะปรบั ความยาวของเชือกทผ่ี กู กับลูกตุ้ม นาฬิกาส้นั ลง เพื่อใหล้ ูกตมุ้ นาฬิกาแกวง่ เรว็ ขนึ้ และถา้ เวลาที่แสดงเดินเร็วไปกจ็ ะปรับความยาวของ เชือกทีผ่ ูกกับลกู ตุ้มนาฬิกาใหย้ าวขน้ึ เพอื่ ให้ลกู ตมุ้ นาฬกิ าแกวง่ ชา้ ลง) 39
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 3 การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย ชว่ั โมงท่ี 2-3 ข้ันสอน ขั้นที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) (ต่อ) 1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นโดยตัง้ คาถามว่า “การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬกิ าอย่างง่าย คืออะไร และมลี ักษณะการเคลอื่ นท่อี ย่างไร” โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อธบิ ายและแสดงความคดิ เห็น (แนวตอบ : ลูกตมุ้ อย่างงา่ ย คอื วัตถุขนาดเล็กทถ่ี กู แขวนด้วยเชอื กเบาท่ีมคี วามยาวคงตวั โดยปลาย เชือกอีกดา้ นหน่งึ ตรงึ แนน่ และลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ยจะมีลักษณะการเคลอ่ื นที่ ดงั น้ี เมื่อวัตถุถกู ดงึ ออกจาก แนวสมดุลเลก็ น้อยแล้วปล่อย วตั ถจุ ะมกี ารแกว่งกลับไปกลับมารอบตาแหน่งสมดลุ ) 2. นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจของนักเรยี น จากนน้ั ให้แต่ละกลุม่ รว่ มกันศึกษากิจกรรม การแกวง่ ของลูกตุ้มอยา่ งง่าย จากหนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เลม่ 1 โดยครูใชร้ ูปแบบการเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื มาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกาหนดให้ สมาชิกแตล่ ะคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหนา้ ทีข่ องตนเอง ดังน้ี สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทาหนา้ ที่ เตรยี มวัสดอุ ุปกรณ์ใชใ้ นการทากจิ กรรมการแกว่งของลูกตมุ้ อย่างง่าย สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทาหนา้ ท่ี อ่านวิธกี ารทากิจกรรม และนามาอธบิ ายใหส้ มาชิกภายในกลมุ่ ฟงั สมาชิกคนท่ี 5-6 ทาหน้าท่ี บนั ทึกผลการทากจิ กรรม (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรม) 3. ครูแจง้ จุดประสงค์ของกิจกรรม การแกวง่ ของลูกตุม้ อยา่ งง่าย ใหน้ ักเรยี นทราบเพอื่ เปน็ แนวทาง การปฏบิ ตั ทิ ีถ่ ูกต้อง จากน้ันให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทากิจกรรมตามขน้ั ตอน จากหนงั สอื เรียน รายวิชา เพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั แลกเปลย่ี นความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกจิ กรรม แล้วอภิปรายผล รว่ มกนั ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรม ในระหวา่ งทน่ี ักเรยี นนาเสนอครคู อย ให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความเขา้ ใจที่ถกู ต้อง (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการนาเสนอผลงาน) 6. นักเรยี นร่วมกนั ตอบคาถามท้ายกิจกรรม การแกวง่ ของลูกตมุ้ อยา่ งงา่ ย โดยให้นกั เรียนแต่ละกลุ่ม รว่ มกนั อภปิ รายเพือ่ หาคาตอบรว่ มกนั 7. ครสู มุ่ เลือกนกั เรียน 2-3 กลุ่ม ใหอ้ อกมานาเสนอคาตอบของกลุม่ ตนเอง เมอ่ื นกั เรียนแต่ละกลุ่ม นาเสนอคาตอบของกลุ่มตนเองเรยี บร้อยแลว้ นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายผลทา้ ยกิจกรรม และเฉลยคาถามทา้ ยกิจกรรม 40
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลื่อนทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย แผนฯ ที่ 3 การแกวง่ ของลกู ตุ้มนาฬกิ าอยา่ งงา่ ย ชว่ั โมงที่ 4 ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 8. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเน้ือหา เรื่อง การแกวง่ ของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย และใหค้ วามรู้ เพิ่มเติมจากคาถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง การแกว่งของลูกตมุ้ นาฬกิ า อย่างงา่ ย ในการอธบิ ายเพม่ิ เติม 9. นกั เรียนแต่ละคนศึกษาตวั อยา่ งท่ี 1.7 จากหนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 จากน้ันครสู มุ่ เลขที่นกั เรียนจานวน 2-3 คน ออกมาแสดงวธิ กี ารคานวณหาผลลัพธ์ทีไ่ ด้ ศกึ ษาครอู าจจะเสนอแนะ หรอื อธบิ ายเพ่ิมเติมในตวั อยา่ งนนั้ ๆ 10. จากนน้ั ให้นักเรียนแต่ละคนทา Topic Question เรอ่ื ง การแกวง่ ของลูกตมุ้ นาฬกิ าอย่างง่าย จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 ข้อ 4-5 ลงในสมุดประจาตวั 11. นักเรยี นจบั คกู่ ับเพ่อื นในช้นั เรียนตามความสมัครใจของนกั เรยี น จากน้นั ครใู ห้นกั เรียนทา ใบงานท่ี 1.3.1 เรอ่ื ง การแกวง่ ของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย 12. ครสู ุ่มนักเรียนจานวน 3 คู่ ออกมาเฉลยใบงานที่ 1.3.1 เรือ่ ง การแกว่งของลูกต้มุ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย โดยครใู หน้ ักเรียนรว่ มกันพิจารณาว่าคาตอบใดถูกตอ้ ง จากนนั้ ครูเฉลยคาตอบที่ถูกต้องใหน้ ักเรียน 13. ครูมอบหมายให้นักเรยี นทา Unit Question 1 เร่ือง การแกว่งของลกู ตุ้มนาฬกิ าอยา่ งง่าย จากหนังสือเรยี นรายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 ลงในสมดุ ประจาตวั ส่งเป็นการบา้ น ในช่ัวโมงถัดไป ขนั้ สรุป ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทาใบงานท่ี 1.3.1 เรอื่ ง การแกว่งของลกู ตุม้ นาฬกิ าอย่างง่าย 2. ครตู รวจ Topic Question เรอื่ ง การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬิกาอยา่ งง่าย ในสมดุ ประจาตวั 3. ครูตรวจแบบฝึกหัดจาก Unit Question 1 เรื่อง การแกว่งของลูกตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย ในสมดุ ประจาตัว 4. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พฤติกรรมการทางานรายบคุ คล และการทางานกลมุ่ 5. ครูวัดและประเมนิ ผลการปฏิบตั ิกิจกรรม การแกว่งของลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย 6. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เกีย่ วกับการแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ยว่า “การแกวง่ ของลูกตุม้ นาฬกิ าเปน็ การเคลอื่ นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย คาบหรอื ความถีข่ องการกวัดแกว่งจะไม่ข้นึ อยกู่ ับ มวลของลูกตุม้ และแอมพลจิ ดู แต่จะขึน้ อยกู่ ับความเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วง และความยาวของเชือก เทา่ น้นั เมื่อเชอื กยาวขึ้น คาบในการกวดั แกว่งก็จะเพิ่มขึ้น” 41
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 3 การแกว่งของลกู ต้มุ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย 7. การวดั และประเมินผล รายการวดั วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 การประเมินระหวา่ ง - ตรวจใบงานท่ี 1.3.1 - ใบงานท่ี 1.3.1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การจดั กิจกรรม - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การแกว่งของ ลกู ตมุ้ นาฬิกา อยา่ งง่าย 2) กจิ กรรม - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมินการปฏบิ ัติ - ระดบั คุณภาพ 2 กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์ การแกว่งของ กิจกรรม - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2 ลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 3) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การทางานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ ทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล 5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ 6) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมีวนิ ยั อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มัน่ ในการทางาน 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน รายวิชาเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ ฟิสกิ ส์ ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคลอื่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 2) วัสด-ุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทากิจกรรมการแกว่งของลูกตมุ้ อยา่ งง่าย 3) ใบงานที่ 1.3.1 เรอ่ื ง การแกว่งของลกู ตุม้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย 4) PowerPoint เรอ่ื ง การแกวง่ ของลูกตมุ้ นาฬิกาอยา่ งงา่ ย 5) QR code เรอ่ื ง ลูกตุม้ อย่างงา่ ย 6) สมดุ ประจาตัว 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) อินเทอร์เนต็ 42
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย แผนฯ ท่ี 3 การแกวง่ ของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย ใบงานที่ 1.3.1 เรอื่ ง การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย คาชี้แจง : แสดงวธิ ีคานวณหาผลลพั ธ์ของโจทยต์ ่อไปน้ี ลูกตุ้มอย่างง่ายมคี วามยาว 5.00 เมตร ถกู แขวนอยใู่ นสถานที่ตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ ก) ลูกต้มุ ถูกนาไปแขวนในลิฟต์ทกี่ าลังเคล่อื นที่ขึ้นด้วยความเร่ง 5.00 เมตรตอ่ วินาท2ี จงหาคาบของการ กวดั แกวง่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข) ลูกตุ้มถูกนาไปแขวนในลฟิ ต์ทกี่ าลงั เคลื่อนทลี่ งด้วยความเรง่ 5.00 เมตรต่อวินาท2ี จงหาคาบของการ กวดั แกว่ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ค) ลกู ต้มุ ถกู นาไปแขวนไวใ้ นรถบรรทุกท่เี คลอ่ื นทตี่ ามแนวราบด้วยอตั ราเร่ง 5.00 เมตรตอ่ วนิ าท2ี จงหาคาบ ของการกวัดแกวง่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 43
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคลอื่ นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย เฉลย แผนฯ ที่ 3 การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย ใบงานที่ 1.3.1 เรอื่ ง การแกวง่ ของลูกต้มุ นาฬกิ าอยา่ งง่าย คาช้แี จง : แสดงวธิ ีคานวณหาผลลพั ธ์ของโจทยต์ อ่ ไปนี้ ลกู ตมุ้ อย่างง่ายมคี วามยาว 5.00 เมตร ถกู แขวนอยู่ในสถานท่ีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ก) ลกู ตุม้ ถกู นาไปแขวนในลิฟต์ทกี่ าลังเคลอ่ื นท่ีข้นึ ด้วยความเรง่ 5.00 เมตรตอ่ วินาท2ี จงหาคาบของการ กวัดแกว่ง วธิ ที า คานวณหาความความเร่งใหม่ของลกู ตมุ้ (g) (g) 9.81 5.00 14.81 m / s2 คานวณหาคาบของการกวดั แกวง่ T 2 L g T (2)(3.14) 5.00 14.81 T 3.64 s ดงั นั้น คาบของการกวัดแกว่งเท่ากบั 3.64 วนิ าที ข) ลกู ตมุ้ ถูกนาไปแขวนในลิฟต์ทกี่ าลงั เคลอ่ื นทลี่ งด้วยความเรง่ 5.00 เมตรต่อวินาท2ี จงหาคาบของการ กวัดแกว่ง วิธีทา คานวณหาความความเรง่ ใหม่ของลูกตุ้ม (g) (g) 9.81 5.00 4.81 m / s2 คานวณหาคาบของการกวัดแกว่ง T 2 L g T (2)(3.14) 5.00 4.81 T 6.41 s ดังนั้น คาบของการกวดั แกว่งเท่ากับ 6.41 วนิ าที 44
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย แผนฯ ท่ี 3 การแกว่งของลกู ตุ้มนาฬกิ าอยา่ งงา่ ย ค) ลกู ตมุ้ ถูกนาไปแขวนไว้ในรถบรรทุกทเี่ คลอ่ื นที่ตามแนวราบดว้ ยอตั ราเร่ง 5.00 เมตรตอ่ วินาท2ี จงหาคาบ ของการกวัดแกวง่ วิธที า คานวณหาความความเรง่ ใหมข่ องลกู ตมุ้ (g′) (g) (9.81)2 (5.00)2 11.01 m / s2 คานวณหาคาบของการกวดั แกว่ง T 2 L g T (2)(3.14) 5.00 11.01 T 4.21 s ดงั น้ัน คาบของการกวัดแกวง่ เท่ากบั 4.21 วินาที 45
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลอื่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย แผนฯ ท่ี 3 การแกวง่ ของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย 9. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ................................. ( ................................ ) ตาแหนง่ ....... 10. บนั ทึกผลหลังการสอน ดา้ นความรู้ ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์ ด้านอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข 46
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย แผนฯ ที่ 4 การสั่นพ้อง แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 4 การสัน่ พอ้ ง เวลา 2 ช่วั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ ทดลองและอธบิ ายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวตั ถตุ ดิ ปลายสปริงและลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย อธบิ ายความถ่ี ธรรมชาตขิ องวตั ถุและการเกิดการสัน่ พ้อง พร้อมท้งั คานวณปริมาณตา่ งๆ ทเ่ี ก่ียวข้อง และอธิบายการนาความรเู้ รอื่ ง การเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการสน่ั พ้อง ความถ่สี ัน่ พอ้ ง และความถีธ่ รรมชาตขิ องวตั ถไุ ด้ (K) 2. คานวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการสัน่ พ้องได้ (P) 3. สามารถเขียนแผนผงั มโนทศั น์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นลาดับขั้นตอน (P) 4. มีความมงุ่ มนั่ ในการเรียนร้แู ละการทางานที่ไดร้ ับมอบหมายตลอดเวลา (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา สาระการเรยี นรู้เพม่ิ เตมิ - เมื่อดึงวัตถุท่ีติดปลายสปริงออกจากตาแหน่งสมดุล แลว้ ปล่อยให้ส่ัน วัตถุจะสั่นด้วยความถ่ีเฉพาะตัว การดึง ลูกตุ้มออกจากแนวด่ิงแล้วปล่อยให้แกว่ง ลูกตุ้มจะแกว่ง ด้วยความถ่ีเฉพาะตัวเช่นกัน ความถี่ท่ีมีค่าเฉพาะตัวน้ี เรียกว่า ความถ่ีธรรมชาติ เมื่อกระตุ้นให้วัตถุส่ันด้วย ความถ่ีท่ีมีค่าเท่ากับ ความถ่ีธรรมชาติของวัตถุ จะทาให้ วตั ถุส่ันด้วยแอมพลิจดู เพิ่มขึน้ เรยี กว่า การสั่นพอ้ ง 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การส่ันพ้องเป็นปรากฏการณ์ท่ีระบบกวัดแกว่งหนึ่ง ๆ ถูกกระทาโดยแรงขับเคล่ือนภายนอกที่มีความถี่ เท่ากับความถธ่ี รรมชาติของระบบ แล้วทาให้แอมพลจิ ดู ในการกวดั แกวง่ ของระบบน้นั ๆ เพม่ิ มากขึน้ โดยจะเรยี ก ความถี่ของแรงขับเคลื่อนทีใ่ ชก้ ระตนุ้ วา่ ความถส่ี ่ันพ้อง โดยความถี่เฉพาะตัวของระบบหน่ึง ๆ จะเรียกวา่ ความถ่ี ธรรมชาติ 47
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย แผนฯ ท่ี 4 การส่ันพ้อง 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 1) ทกั ษะการสงั เกต 2) ทักษะการสือ่ สาร 3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน 3) ทักษะการวเิ คราะห์ 4) ทกั ษะการทางานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงที่ 1 ขนั้ นา ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากบั นักเรียนเก่ียวกับลักษณะการเคลอ่ื นทีข่ องชิงช้าว่า “เวลาแกว่งชิงชา้ ผูท้ อี่ อกแรงแกว่ง ชงิ ช้าจะต้องออกแรงผลกั คนทน่ี ่ังบนชิงชา้ อยา่ งไร จงึ จะทาใหช้ ิงช้าแกวง่ สงู ขน้ึ ” จากนัน้ ให้นักเรียน รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็นอย่างอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถูกหรอื ผิด 2. ครูถามคาถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน รายวชิ าเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 เพ่ือเปน็ การนาเขา้ ส่บู ทเรยี นวา่ “หากต้องการผลกั ชิงช้าให้แกวง่ สงู ข้นึ กวา่ เดิมจะตอ้ งออกแรง ผลักอยา่ งไร” โดยใหน้ ักเรียนช่วยกนั รว่ มกันอภิปรายอย่างอสิ ระ จากนั้นครูกล่าวเช่อื มโยงเขา้ สู่ กิจกรรมการเรียนการสอน (แนวตอบ : จะต้องออกแรงผลกั คนทีน่ ง่ั บนชงิ ช้าดว้ ยจงั หวะทีเ่ หมาะสม จงึ จะทาใหช้ งิ ช้าแกวง่ ข้นึ ไป สงู ขน้ึ กว่าเดมิ แตถ่ ้าผลกั ด้วยจงั หวะทชี่ ้าหรอื เร็วไปเล็กนอ้ ย ชงิ ชา้ จะแกวง่ ต่าลง) 48
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การเคลือ่ นท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 4 การสน่ั พอ้ ง ขนั้ สอน ขนั้ ทื่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูสมุ่ เลขท่ีนักเรยี นจานวน 3-4 คน ใหย้ กตัวอย่างการสัน่ พ้องทีพ่ บเหน็ ในชวี ติ ประจาวนั มาคนละ 1 ตัวอยา่ ง (แนวตอบ : ตวั อย่างการสน่ั พอ้ งทีพ่ บเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน เชน่ การปรับช่องวิทยใุ ห้ตรงกบั ความถ่ี ท่สี ถานปี ล่อยออกมา นกั ร้องโอเปร่าร้องโนต้ เสียงสูงที่มีความถเ่ี ฉพาะ เปน็ ตน้ ) 2. นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ กล่มุ ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจของนกั เรียน โดยให้แต่ละกลุม่ ศกึ ษา ค้นควา้ ขอ้ มูลเกย่ี วกบั เรอ่ื ง การส่ันพ้อง จากหนงั สอื เรียน รายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 หรอื จากแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต แลว้ ร่วมกนั สรุปความรู้ท่ศี กึ ษาลงใน สมดุ ประจาตัว (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ) 3. ครูส่มุ นกั เรียนจานวน 2 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลการศึกษาข้อมูลหนา้ ช้นั เรยี น ในระหว่างทีน่ กั เรยี น นาเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมเพ่อื ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจทีถ่ ูกตอ้ ง (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนาเสนอผลงาน) ชว่ั โมงที่ 2 ขน้ั สอน ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนโดยตั้งประเดน็ คาถามวา่ “ถา้ วตั ถุถูกทาใหส้ ัน่ เท่ากบั ความถ่ี ธรรมชาตขิ องวตั ถุ วัตถจุ ะเปน็ อยา่ งไร” โดยให้นกั เรยี นรว่ มกันอธบิ ายและแสดงความคดิ เห็น (แนวตอบ : เนื่องจากความถีธ่ รรมชาตเิ ป็นความถเ่ี ฉพาะตวั ของระบบหนึ่ง ๆ เม่ือวตั ถุถูกทาส่นั ให้ เท่ากบั ความถธ่ี รรมชาติจะทาให้วัตถุแกวง่ ดว้ ยแอมพลจิ ดู สูงสุด แต่ถ้าวตั ถุถกู ทาใหส้ ั่นน้อยกว่าหรอื มากวา่ ความถี่ธรรมชาติของวัตถุ จะทาใหแ้ อมพลจิ ูดของการกวดั แกว่งลดลง) 2. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม (กล่มุ เดมิ ) จากช่ัวโมงทผี่ า่ นมา จากนั้นใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันทา Topic Question เรื่อง การสั่นพอ้ ง ข้อ 1-2 จากหนังสือเรยี น รายวิชาเพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 ลงใน สมุดประจาตัว โดยครคู อยให้คาปรกึ ษาเมื่อนกั เรยี นมขี อ้ สงสัย 3. ครูขออาสาสมคั รนกั เรยี นให้ออกมาแสดงวธิ ีการคานวณหาผลลพั ธจ์ าก Topic Question หน้าชั้นเรียน โดยใหเ้ พือ่ นในชนั้ เรียนรว่ มกันพิจาณาวา่ คาตอบถกู ตอ้ งหรือไม่ จากนน้ั ครูเฉลยคาตอบ ทีถ่ ูกตอ้ งใหน้ กั เรียน 49
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 4 การส่นั พ้อง ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 4. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนอ้ื หา เรอ่ื ง การสั่นพอ้ ง และใหค้ วามรูเ้ พม่ิ เติมจากคาถามของ นกั เรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เรือ่ ง การสั่นพ้อง ในการอธบิ ายเพิ่มเติม 5. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรอื่ ง การเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนิก อยา่ งง่าย ในหนงั สือเรยี น รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ม.5 เลม่ 1 โดยบันทึกลงในสมุด ประจาตวั 6. ครูมอบหมายให้นักเรยี นทา Unit Question 1 เรือ่ ง การส่นั พอ้ ง จากหนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพ่มิ เติม วิทยาศาสตรฟ์ สิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 โดยทาลงในสมุดบนั ทกึ ประจาตวั ส่งเปน็ การบา้ นในชว่ั โมงถัดไป 7. นกั เรยี นแต่ละคนทาแบบฝกึ หดั เรอื่ ง การสั่นพ้อง จากแบบฝกึ หดั รายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ ฟิสกิ สม์ .5 เลม่ 1 8. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย เพอ่ื เปน็ การวัดความรู้หลงั เรียนของนกั เรียน 9. นักเรยี นแตล่ ะคนนาความรู้ท่ีได้จากการเรยี นของหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิก อยา่ งงา่ ย มาเขยี นเป็นแผนผงั มโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมท้งั ตกแตง่ ใหส้ วยงาม ข้นั สรปุ ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 การเคลือ่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลังเรยี นของนกั เรยี น 2. ครตู รวจสอบผลการตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่ือง การเคลอ่ื นที่ แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย จากหนังสือเรยี น รายวชิ าเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เลม่ 1 ในสมุดประจาตัว 3. ครตู รวจ Topic Question เร่อื ง การสนั่ พอ้ ง ในสมดุ ประจาตัว 4. ครูตรวจแบบฝกึ หดั จาก Unit Question 1 เรื่อง การสน่ั พอ้ ง ในสมุดประจาตวั 5. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรอ่ื ง การสนั่ พอ้ ง จากแบบฝกึ หดั รายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 6. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคาถาม พฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล และการทางานกล่มุ 7. ครูวัดและประเมนิ ผลจากช้ินงานแผนผงั มโนทัศน์ เร่อื ง การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย 8. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เกยี่ วกบั การส่ันพ้องว่า “การสั่นพอ้ ง เป็นปรากฏการณ์ที่ระบบกวัดแกวง่ ถูกกระทาโดยแรงขบั เคล่อื นภายนอกทีม่ ีความถ่ีเท่ากบั ความถ่ีธรรมชาติของระบบ ทาให้แอมพลจิ ูด ในการกวัดแกว่งของระบบเพิ่มมากขึ้น” 50
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย แผนฯ ท่ี 4 การสัน่ พอ้ ง 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 7.1 การประเมินระหวา่ ง การจดั กจิ กรรม 1) การสัน่ พอ้ ง - ตรวจแบบฝกึ หดั 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผลงาน นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 ทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ และมงุ่ มน่ั ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ 7.2 การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน - ประเมนิ ตามสภาพจริง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 หลงั เรียน หน่วยการ หลงั เรียน หนว่ ยการ การเคลื่อนทแี่ บบ ฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย เรียนรู้ที่ 1 เรียนรทู้ ี่ 1 การเคล่ือนที่ การเคล่อื นท่แี บบ แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย ฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 7.3 การประเมินชนิ้ งาน/ - ตรวจแผนผังมโนทัศน์ - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง การเคล่อื นที่ ภาระงาน (รวบยอด) แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.5 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย 2) แบบฝกึ หัด รายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย 3) PowerPoint เร่ือง การส่ันพอ้ ง 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรยี น 2) อินเทอร์เนต็ 51
Search