1 บทท่ี 1 บทนำ ทีม่ ำและควำมสำคญั ของโครงงำน 1. หลกั กำรและเหตผุ ล ในปจั จบุ ันพลงั งำนที่เรำนำมำใชใ้ นชวี ิตประจำวันไดจ้ ำกแหลง่ ต่ำงๆ ท่ีอยู่รอบตัวเรำ เช่น พลังงำนจำกนำ พลังงำนจำกลม พลังงำนไฟฟ้ำ และพลังงำนจำกเชือเพลิงชนิดต่ำงๆ พลังงำน เหล่ำนีนบั วนั จะมคี วำมจำเปน็ ในชีวติ ประจำวันมำกย่ิงขึน และแหล่ง พลังงำนบำงแหล่งนับวนั จะนอ้ ยลง พลังงำนไฟฟ้ำเป็นส่ิงจำเป็นต่อ ผใู้ ช้อปุ กรณ์ไฟฟำ้ และเปน็ ส่ิงอำนวยควำมสะดวกในเกอื บทกุ ประเภท และจำเป็นต้องใช้พลังงำนไฟฟ้ำเข้ำมำเก่ียวข้อง ทำให้เกิดควำม ต้องกำรใช้พลังงำนไฟฟ้ำมำกขึน จึงส่งผลให้พลังงำนไฟฟ้ำไม่ เพียงพอ เรำต้องหำพลังงำนทดแทนหรือดุปกรณ์ท่ีช่วยลดกำรใช้ งำนพลังงำนไฟฟ้ำ โดยมนุษย์ยังสำมำรถดำรงชีวิตประจำวันได้ ตำมปกติ ดังนัน ผู้จัดทำโครงงำนนจี ึงไดเ้ ลือกโครงงำนเรื่องไฟฉกุ เฉนิ แบบพกพำด้วยแผงโซล่ำเซลล์ เพ่ือเป็นอีกทำง เลือกหน่ึงในกำร ช่วยลดค่ำใช้จ่ำยที่เก่ียวกับพลังงำนไฟฟ้ำ อีกทังยังสำมำรถเพิ่ม ประสิทธิภำพของอุปกรณไ์ ด้ และมปี ระโยชนม์ ำกมำย ดังนี 1. เปน็ แหลง่ พลังงำนท่ใี ชไ้ ม่มวี ันหมด 2. พลังงำนแสงอำทติ ย์สำมำรถใชไ้ ด้จรงิ ใน ชีวิตประจำวนั 3. ไวใ้ ช้ในยำมฉุกเฉนิ หรือเมอื่ ไฟฟำ้ ดบั 4. มีขนำดเล็ก สำมำรถพกพำไปนอกสถำนทไี่ ด้ หรือนำไปตังแคมป์ 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพ่ือศกึ ษำกำรทำงำนของแผงโซล่ำเซล 2.2 เพื่อพฒั นำและนำมำตอ่ ยอดสร้ำงอำชพี สร้ำงรำยได้ 2.3 เพื่อประดษิ ฐ์และทดลองไฟฉกุ เฉนิ แบบพกพำด้วย พลงั งำนแสงอำทติ ย์
2 2.4 เพอื่ นำควำมรทู้ ีไ่ ด้จำกกำรเรียนวิชำกำรไฟฟำ้ มำ ประยุกต์ใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนใ์ นรปู แบบของโครงงำน 2.5 ชว่ ยรกั ษำสิง่ แวดลอ้ มดว้ ยกำรลดกำรใช้ ทรพั ยำกรธรรมชำติ 3. เปำ้ หมำย เชงิ ปรมิ ำณ ไฟฉกุ เฉินแบบพกพำด้วยแผงโซล่ำเซลล์ จำนวน 1 ชนิ เชงิ คณุ ภำพ นักศึกษำมีควำมคิดท่ีจะนำแผงโซล่ำเซลล์มำใช้ เป็นแนวคิด เพื่อประดิษฐ์ส่ิงใหม่ๆ ขึนมำซ่ึงสำมำรถนำมำใช้ได้จริง ชินงำน แข็งแรงและคงทน และสำมำรถนำมำตอ่ ยอดหำรำยได้เสริม 1 สำมำรถนำไฟฉกุ เฉนิ แบบพกพำด้วยแผงโซลำ่ เซลลม์ ำใชง้ ำนได้ จริง 2 สำมำรถนำไปเปน็ อำชพี เสรมิ ได้ 3 เปน็ กำรนำเอำแผงโซล่ำเซลมำประดษิ ฐ์เป็นไฟฉุกเฉินและสำมำรถ ใช้ในบำ้ นได้เมื่อเวลำไฟฟำ้ ดบั 4 ชว่ ยลดตน้ ทนุ ในกำรผลติ ไฟฟ้ำไวใ้ ช้เอง 4. ขอบเขตของโครงงำน ศกึ ษำจำกเวบ็ ไซต์และสอบถำมบคุ คลทร่ี ูเ้ กยี่ วกบั แผงโซล่ำ เซลล์ 5. ระยะเวลำดำเนนิ งำน 8 ธันวำคม 2562 – 8 มกรำคม 2562 6. สถำนทด่ี ำเนนิ กำร ศรช. ชุมชนเพชรพระรำม แขวงบำงกะปิ เขตห้วยขวำง กรงุ เทพ 10310 7. ประโยชนท์ คี่ ำดวำ่ จะไดร้ บั จำกโครงงำน
3 6.1 สำมำรถนำพลงั งำนแสงอำทติ ยม์ ำใชไ้ ด้ 6.2 มีควำมร้คู วำมเขำ้ ใจหลักกำรทำงำนของโซลำ่ เซลล์ 6.3 คำนวญควำมคมุ้ คำ่ ระหวำ่ งกำรใชไ้ ฟฟ้ำกับกำรใช้ พลังงำนแสงอำทิตย์ 6.4 ชว่ ยลดคำ่ ใชจ้ ำ่ ยค่ำไฟฟำ้ ในบำ้ นได้ 6.5 ชว่ ยลดกำรใชท้ รัพยำกรธรรมชำติ ลดควำมเสี่ยงต่อ สง่ิ แวดลอ้ ม บทที่ 2 เอกสำรและงำนวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในกำรทำโครงงำนเรื่องไฟฉุกเฉนิ แบบพกพำด้วยแผงโซลำ่ เซลล์ กลุ่มผศู้ กึ ษำไดร้ วบรวมแนวคิดทฤษฎหี ลัก กำรตำ่ งๆ จำก เอกสำรและงำนวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ้ งดังนี
4 1. ขอ้ มลู เก่ียวกบั แผงโซลำ่ เซลล์ 2. ขอ้ มลู เกย่ี วกบั แบตเตอรร์ ี่ 3. ขอ้ มูลเก่ยี วกบั หลอดไฟ 4. ขอ้ มูลเกย่ี วกบั สตำรเ์ ตอร์ 5. ขอ้ มูลเกยี่ วกบั สำยไฟ 2.1 เนอื หำ ทฤษฏี ควำมรตู้ ำ่ งๆ ในกำรศกึ ษำโครงงำน เร่ืองไฟฉุกเฉินแบบพกพำด้วยแผงโซ ล่ำเซลล์ คณะผู้ศึกษำได้ค้นคว้ำ รวบรวมข้อมูลจำกเอกสำรที่ เกี่ยวข้องและจำกเว็ปไซด์บนเครือข่ำยอินเตอร์เน็ต โดยขอเสนอ ตำมลำดับ ดงั นี 2.1.1 ขอ้ มลู เกยี่ วกบั แผงโซลำ่ เซลล์ โซล่ำเซลล์ (2557 : เว็ปไซด์) กล่ำววำ่ ควำมหมำยของ Solar Cell หรือ PV มีช่ือเรียกกันไปหลำยอย่ำง เช่น เซลล์แสงอำทิตย์ เซลล์สุริยะ หรือเซลล์ Photovoltaic โดยแยกออกเป็น Photo หมำยถึง แสง และ Volt หมำยถึงแรงดันไฟฟ้ำ เม่ือรวมคำแล้ว หมำยถึง กระบวนกำรผลิตไฟฟ้ำจำกกำรตกกระทบแสงบนวัตถทุ ่ีมี ควำมสำมำรถในกำรเปลี่ยนพลังงำนแสงเป็นพลังงำนไฟฟ้ำได้ โดยตรง แนวควำมคดิ นีได้ถูกคน้ พบมำตังแต่ ปี ค.ศ. 1839 แต่ เซลล์แสง อำทิตย์ก็ยังไม่ถูกสร้ำงขึนมำ จนกระทั่งใน ปี ค.ศ. 1954 จึงมีกำรประดิษฐ์เซลล์แสงอำทิตย์ และได้นำไปใช้เป็นแหล่ง จ่ำย พลงั งำนให้กับดำวเทยี มในอวกำศเม่ือ ปี ค.ศ. 1959 ดังนันสรปุ ไดว้ ่ำ เซลลแ์ สงอำทติ ย์ คอื สิ่งประดิษฐ์ทที่ ำจำกสำรกงึ่ ตัวนำ เช่น ซลิ ิคอน (Silicon) แกลเล่ียม อำร์เซไนด์ (Gallium Arsenide) อินเดียม ฟอสไฟด์ (Indium Phosphide) แคดเมยี ม เทลเลอไรด์ (Cadmium Telluride) และคอปเปอร์ อินเดียม ไดเซเลไนด์ (Copper Indium Diselenide) เปน็ ตน้
5 ซง่ึ เม่ือได้รับแสงอำทติ ยโ์ ดยตรงกจ็ ะเปลยี่ นเป็นพำหะนำไฟฟำ้ และ จะถูกแยกเป็นประจุไฟฟำ้ บวกและลบเพ่อื ใหเ้ กิดแรงดันไฟฟำ้ ท่ีขวั ทงั สองของเซลล์แสงอำทิตย์ เม่ือนำขัวไฟฟำ้ ของเซลลแ์ สงอำทิตย์ต่อ เข้ำกับอุปกรณ์ไฟฟ้ำกระแส ตรง กระแสไฟฟ้ำจะไหลเข้ำสู่อุปกรณ์ เหล่ำนัน ทำใหส้ ำมำรถทำงำนได้ 2.1.2 หลกั กำรทำงำนทว่ั ไปของเซลลแ์ สงอำทติ ย์ โซล่ำเซลล์ (2557 : เว็บไซด์) กล่ำวว่ำ เม่ือมีแสงอำทิตย์ ตกกระทบแผงโซล่ำเซลล์ แสงอำทิตย์จะเกิดกำรสร้ำงพำหะไฟฟ้ำ ประจุลบและบวกขึน ได้แก่ อิเล็กตรอน และโฮล โครงสร้ำง รอยต่อพีเอ็น จะทำหน้ำท่ีสร้ำงสนำม ไฟฟ้ำภำยในเซลล์ เพ่ือแยก พำหะนำไฟฟ้ำชนิดโฮลไปที่ขัวบวก (ปกติที่ฐำนจะใช้สำรก่ึงตัวนำ ชนิดพีขัวไฟฟ้ำด้ำนหลังจึงเป็นขัวบวกส่วนด้ำนรับแสงใช้สำรกึ่ง
6 ตัวนำ ชนิดเอ็นขัวไฟฟ้ำจึงเป็นขัวลบ) ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้ำแบบ กระแสตรง ท่ีขัวไฟฟ้ำทังสอง เมื่อต่อให้ครบวงจรไฟฟ้ำจะเกิด กระแสไฟฟ้ำไหลขึน นคี อื ตวั อยำ่ งทนี่ กั ศกึ ษำต้องทำ >> กลมุ่ ตนเองทำเรอ่ื งอะไรก็ ใสข่ อ้ มลู ในเรอื่ งนนั ๆลงไป ต้องไดข้ อ้ มลู 10 หนำ้ ขนึ บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินโครงงำน 3.1 วสั ดอุ ปุ กรณ์ 3.1.1แผงโซล่ำเซลล์ 3.1.2แบตเตอรร์ ่ี 3.1.3ชำร์จเจอร์ 3.1.4 สำยไฟ + ขวั หลอด + ตวั คมี แบต 3.1.5ไมอ้ ัด 1 แผน่ 3.1.6นอ๊ ต + บำนพบั
7 3.1.7หลอดไฟ 3.2 วธิ กี ำรดำเนนิ โครงงำน 3.2.1 ประชมุ สมำชกิ ในกลุม่ เพ่ือศกึ ษำ และเลอื กหวั ขอ้ สนใจ ในกำรทำโครงงำน 3.2.2 นำเสนอหวั ข้อโครงงำน ทไ่ี ด้จำกกำรเลอื กหวั ขอ้ ทส่ี นใจ ของกลุ่มทำงำนกบั ครทู ีป่ รึกษำโครงงำน 3.2.3 วำงแผนกำรจัดทำโครงงำน โดยเขียนแบบรำ่ งโครงงำน 3.2.4 นำแบบร่ำงโครงงำนมำจดั ทำโครงงำนทีส่ มบรู ณ์ 3.2.5 นำโครงงำนท่สี มบรู ณ์แลว้ มำจดั ทำเปน็ ชนิ งำน และ รูปเล่มโครงงำน ตกแตง่ ภำพและตวั หนงั สือ 3.2.6 นำเสนอผลงำนตำมโครงงำนหนำ้ ชนั เรยี น 3.2.7 ประเมนิ ผลงำนกำรจดั ทำโครงงำน 3.2 วธิ แี ละขนั ตอนกำรทำโครงงำน 1. นำไมอ้ ัดมำตัดตำมขนำดทเ่ี รำตอ้ งกำร (แตต่ ้องวดั ขนำดให้ ใส่แผงโซล่ำเซลลไ์ ด้) 2. นำไมม้ ำปดั ขอบให้เรยี บและสวยงำม 3. นำไมอ้ ัดมำประกอบเปน็ กลอ่ ง 4. ติดบำนพบั สำหรับ เปิด - ปดิ กล่อง 5. นำแผงโซล่ำเซลลม์ ำติดตงั กับฝำกลอ่ ง 6. นำแบตเตอรร์ ีแ่ ละชำจร์เจอรม์ ำตดิ ตงั เขำ้ กบั แผงโซ่ล่ำเซลล์ 1. นำไมอ้ ดั มำตดั ตำมขนำดทต่ี อ้ งกำร 2. และเอำ เคร่ืองปัดให้เรยี บ
8 3.นำไมท้ ี่ตัดแลว้ มำประกอบเปน็ กลอ่ ง
9 4. ตดิ บำนพบั และแผงโซล่ำเซลล์ 5. ประกอบเสรจ็ สมบรู ณ์
10 3.4 บนั ทกึ ผลกำรปฏบิ ตั งิ ำนอปุ สรรค วธิ แี กไ้ ข อุปสรรคในกำรทำงำน คือ 3.4.1 เวลำเพ่อื นในกลุม่ ไมค่ อ่ ยตรงกัน 3.4.2 ตอ้ งเลือกดอกสวำ่ นใหเ้ หมำะกบั ไมท้ จ่ี ะเจำะและอยำ่ ง ระวงั ไมง่ นั ไมอ้ ำจแตกได้ 3.4.3 เวลำมไี มพ่ อเพรำะเพอ่ื นๆ ต่ำงกม็ งี ำนประจำทำค่ะ 3.5 วธิ แี กไ้ ข 3.5.1 หำเพ่ือนในกลมุ่ คนทพี่ อจะมเี วลำว่ำงมำช่วยกนั ทำ 3.5.2 เจำะไมอ้ ยำ่ งเบำมือและระมัดระวงั เพรำะไมอ้ ำจแตกได้ และมจี ำนวนจำกดั
11 บทที่ 4 ผลของกำรดำเนนิ โครงกำร ผลกำรดำเนินงำนเป็นไปตำมเป้ำหมำยและจุดประสงค์ของ โครงงำนท่ีตังไว้ ทำให้เกิดสินค้ำแปลกใหม่ไปจำกเดิมและทำให้ ผบู้ รโิ ภคสนใจมำกและสรำ้ งรำยได้ใหแ้ ก่สมำชกิ ในกลมุ่ อกี ทงั ยังใช้ เวลำวำ่ งใหเ้ กิดประโยชน์ และยังสำมำรถนำสง่ิ ของเหลอื ใช้มำใช้ให้ เกิดประโยชน์อกี ด้วย กำรผลติ ในครงั นมี ีตน้ ทุน 1000 บำท ตำรำงท่ี 1 บนั ทกึ ผลและกำรดำเนนิ งำน ลำดบั ขนั ตอนกำรดำเนนิ งำน ปญั หำอปุ สรรค/แนวทำงแกไ้ ข ที่ 1 ขนั วำงแผน ปญั หำ/อปุ สรรค
12 1.ศกึ ษำและหำขอ้ มูล สมำชกิ ในกลมุ่ ตกลงทีจ่ ะทำ ไซตท์ ตี่ ่ำงกนั 2.นำเสนอหวั ขอ้ แนวทำงแกไ้ ข โครงงำน ร่วมกันคิดถึงควำมยำกงำ่ ยของ 3.สง่ แบบรำ่ งโครงงำน ไซต์ที่จะทำและใหป้ ระโยชนต์ อ่ ร่ำงกำยมำกน้อยเพียงใด และ ตกลงกันได้ว่ำจะทำใส่อะไรดี จงึ เกดิ มำเปน็ โครงงำนนีได้ 2 ขนั เตรยี ม ปญั หำ/อปุ สรรค 1.จดั หำวสั ด/ุ อปุ กรณ์ 1.สับปะรดแพง 2.กำรผลติ บรรจุภัณฑ์ 2.ทดลองกำรทำ แนวทำงแกป้ ญั หำ โครงงำน 1.หำซอื สับปะรดแถวๆบ้ำนและ 3.ออกแบผลติ ภัณฑ์ เกิดกำรตอ่ รองรำคำในกำรซอื สับปะรด 2.แบ่งหน้ำทใี่ นกำรผลติ บรรจุ ภัณฑใ์ หช้ ัดเจนขนึ 3 ขนั ดำเนนิ กำร ปญั หำ/อปุ สรรค 1.เริ่มปฏบิ ัตแิ ละลงมอื ทำ ผูบ้ ริโภคใหค้ วำมเหน็ วำ่ ใสป้ ลำ 2.นำผลติ ภณั ฑว์ ำงขำย ทูมกี ำ้ งเลก็ นอ้ ย ตำมท้องตลำด3.จดั ทำ แนวทำงแกป้ ญั หำ รปู เลม่ โครงงำน แยกกำ้ งปลำทูออกเปน็ สองรอบ เพื่อตรวจสอบกำ้ งทยี่ งั คง เหลอื อยู่ 4 ขนั ประเมนิ ผล ปญั หำ/อปุ สรรค 1.ตรวจสอบรำยได้ บญั ชีมปี ญั หำ กำไร-ขำดทนุ แนวทำงแกป้ ญั หำ ตรวจสอบบญั ชีอีกครงั 2บันทึกผล สรปุ ผล 3.นำเสนอโครงงำน
13 บทท่ี 5 สรปุ กำรดำเนนิ โครงงำน 5.1 สรปุ ผลกำรดำเนนิ โครงงำน 5.1.1 ไดศ้ ึกษำกำรทำชนั วำงหนังสอื ซ่งึ เปน็ เร่ืองทกี่ ล่มุ สนใจ ได้อย่ำงละเอยี ดลึกซงึ มำกขึน และทำให้มีควำมเข้ำใจมำกขนึ 5.1.2 ไดศ้ กึ ษำและพัฒนำเรอื่ งกำรประกอบไมใ้ หเ้ ปน็ ชินงำน 5.1.3 ได้เผยแพร่ควำมรู้และพัฒนำให้เกิดรำยได้ให้ผู้ทสี่ นใจ ไดศ้ กึ ษำ โดยสำมำรถจัดทำเปน็ รปู แบบเว็บไซตไ์ ดแ้ ละสอนวิธกี ำรทำ ได้ 5.1.4 ไดน้ ำควำมรทู้ ไี่ ดจ้ ำกกำรเรยี นวชิ ำชอ่ งทำงกำรพัฒนำ อำชีพ / ช่องทำงกำรขยำยอำชพี มำประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชนใ์ น รูปแบบของโครงงำน 5.2 ปญั หำและอปุ สรรคในกำรทดลอง กำรพฒั นำเวบ็ ไซต์ ยงั เปน็ กำรพฒั นำทเ่ี ปน็ งำนงำ่ ยๆ ยงั ตอ้ ง อำศัยควำมชำนำญและเวลำในกำรจดั ทำให้มำกขนึ เพอ่ื ใหง้ ำนท่ที ำ มคี วำมครอบคลมุ และมคี ุณภำพมำกยง่ิ ขนึ 5.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงในกำรพฒั นำ เน่อื งจำกหวั ข้อทใ่ี ช้ทำโครงงำนนเี ปน็ หวั ข้อตำมทกี่ ล่มุ สนใจ ซงึ่ บำงครงั อำจไม่เปน็ หวั ขอ้ ทำงวชิ ำกำรมำกนัก ควรนำหัวขอ้ ทำง วชิ ำกำรมำจดั ทำเปน็ โครงงำนเพ่อื ประโยชนต์ ่อกำรศึกษำ ผลกำรประเมนิ 1. ประเมนิ ผลจำกกำรนำเสนอหน้ำชนั เรยี น 2. ประเมนิ ผลจำกแบบสอบถำม 3. ประเมนิ ผลจำกกำรทดลองใช้
14 บรรณำนกุ รม . สบสู่ มนุ ไพรคื อะไร. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ ำ : www.ziimphope.blogspo t.com. วนั ท่ีสืบค้นขอ้ มลู 26 พฤศจกิ ำยน 2558. . สบแู่ ละวธิ ที ำ สบ.ู่ (ออนไลน์). แหลง่ ท่ีมำ : www.siamchemi.com. วนั ท่ีสืบคน้ ขอ้ มลู 26 พฤศจิกำยน 2558. . กลเี ซอรนี บรสิ ทุ ธค์ิ อื อะไรมปี ระโยชน์ อยำ่ งไร. (ออนไลน์). แหลง่ ท่มี ำ : www.oboncare.com. วันท่ีสบื คน้ ข้อมลู 26 พฤศจิกำยน 2558. Aekapoj Poosathan. รปู แบบกำรเขยี นโครงงำน คอมพวิ เตอร.์ (ออนไลน์). แหล่งท่ีมำ : www.slideshare.n et>AekapojPoosathan. วนั ทส่ี บื คน้ ข้อมลู 2 ธนั วำคม 2558.
15 Nipitpon Chantada. กำรเขยี นอำ้ งองิ เวบ็ ไซสท์ ี่ ถกู ตอ้ ง. (ออนไลน์). แหลง่ ทมี่ ำ : www.nppi3enz.in>refer ence-wehsite. วันท่ีสบื ค้นข้อมูล 2 ธันวำคม 2558. ภำคผนวก อปุ กรณ์
16 แผงโซลำ่ เซลล์ แบตเตอรร์ ่ี ชำจรเ์ จอร์ ตวั คบี ขัวแบตเตอร์ร่ี หลอดไฟและ ขวั หลอดไฟ
17 บำนพบั
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: