Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยกรุงธนบุรี

ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยกรุงธนบุรี

Published by Porawan banjong, 2019-12-16 23:32:19

Description: ความสัมพันธ์กับต่างประเทศในสมัยกรุงธนบุรี

Search

Read the Text Version

ความสัมพนั ธ์ กบั ต่างประเทศในสมัยกรุงธนบุรี

อาณาจกั รกรุงธนบุรีแม้จะดารงอยู่ได้เพยี ง 15 ปี แต่กรุงธนบุรีกไ็ ด้มกี ารพฒั นา ทางด้าน ความสัมพนั ธ์กบั ต่างประเทศอย่างรวดเร็ว ความสัมพนั ธ์กบั ต่างประเทศในสมยั กรุง ธนบุรี มลี กั ษณะสาคญั 2 ประการ คือ

1) การป้องกนั ประเทศจากการรุกรานของต่างชาติ 2) การแผ่ขยายอานาจไปยงั อาณาจักรข้างเคยี ง เป็ นลกั ษณะ การเผชิญหน้าทางการทหาร เพื่อเสริมสร้างความมนั่ คงแก่ บ้านเมือง ท้งั นีเ้ พ่ือประโยชน์ทางด้านความมน่ั คงและความ ปลอดภยั จากการรุกรานของข้าศึก อกี ท้งั เพ่ือประโยชน์ ทางด้านเศรษฐกจิ และการค้าของ อาณาจักรธนบุรี ลกั ษณะ ความสัมพนั ธ์กบั ต่างชาตสิ มยั กรุงธนบุรีเป็ นความสัมพนั ธ์ท่ี เกดิ ขนึ้ ในระยะส้ัน ๆ เพยี ง 15 ปี ได้แก่ ความสัมพนั ธ์กบั รัฐ เพ่ือนบ้าน ความสัมพนั ธ์กบั ประเทศ ในทวปี เอเชีย และ ความสัมพนั ธ์กบั ประเทศในทวปี ยโุ รป

ความสัมพนั ธ์ กบั รัฐเพื่อนบ้าน

1. ความสัมพนั ธ์กบั พม่า ความสัมพนั ธ์ระหว่างไทยกบั พม่าในสมยั กรุงธนบุรี จะเป็ นไปใน รูปของ ความขดั แย้ง การทาสงคราม โดยไทยเป็ นฝ่ ายต้งั รับการ รุกรานของพม่า หลงั จากได้รับเอกราชต้อง ทาสงครามกบั พม่าถงึ 10 คร้ัง ส่วนใหญ่พม่าเป็ นฝ่ ายปราชัย คร้ังสาคญั ทสี่ ุด คือ ศึกอะแซหวุ่นกี้ ตเี มืองเหนือ ในปี พ.ศ. 2318 คร้ังน้ัน เจ้าพระยาจกั รี (รัชกาลที่ 1)

และเจ้าพระยาสุรสีห์ สองพน่ี ้อง ได้ร่วมกนั ป้องกนั เมือง พษิ ณุโลกอย่างสุดความสามารถ แต่พม่ามกี าลงั ไพร่พล เหนือกว่าจงึ ตหี ัก เอาเมืองได้ ความขดั แย้งระหว่างไทยกบั พม่า เกดิ ขนึ้ เกือบตลอดรัชกาล ในสมยั กรุงธนบุรี และเป็ น บ่อเกดิ ของสงคราม ดงั นี้ คร้ังที่ 1 ปี พ.ศ. 2310เป็ นการรบ ทคี่ ่ายโพธ์ิสามต้น ก่อนหน้าทจ่ี ะสถาปนา กรุงธนบุรีไทย เป็ นฝ่ ายชนะ เป็ นการกอบก้เู อกราชของพระเจ้าตากสิน มหาราช

คร้ังที่ 2 ปี พ.ศ. 2310 เป็ นการรบกนั ทบ่ี างก้งุ เขตแดนระหว่างเมือง สมุทรสงครามกบั ราชบุรีไทยเป็ นฝ่ ายชนะ คร้ังท่ี 3 ปี พ.ศ. 2313เป็ น การรบเมื่อพม่าตเี มืองสวรรคโลกไทยสามารถตี กองทพั พม่าแตก พ่ายหนีไป คร้ังที่ 4 ปี พ.ศ. 2313 เป็ นการรบเม่ือคร้ังสมเดจ็ พระเจ้า ตากสินมหาราช ยกทัพไปตีนครเชียงใหม่คร้ังแรก แต่ไม่ประสบ ผลสาเร็จ เนื่องจากขาดเสบยี ง คร้ังท่ี 5 ปี พ.ศ. 2315เป็ นการรบเม่ือ พม่ายกทัพมาตเี มืองพชิ ัยในคร้ังแรก โปสุพลา แม่ทัพพม่ายกทพั ไป ช่วยเมืองเวยี งจันทน์รบกบั หลวงพระบาง ขากลบั แวะตเี มืองพชิ ัย แต่พม่ากลบั ถูกไทยตแี ตกพ่ายไป คร้ังที่ 6 ปี พ.ศ. 2316 เป็ นการรบ เม่ือพม่ายกทัพมาตีเมืองพชิ ัย เป็ นคร้ังท่ี 2

แต่กองทพั พม่าตไี ม่สาเร็จ กองทัพไทยตที พั พม่าแตกพ่ายไปในการ รบคร้ังนีพ้ ระยาพชิ ัย ได้ต่อสู้ จนได้วรี กรรม เป็ นทรี่ ู้จกั กนั ทวั่ ไปใน นาม “พระยาพชิ ัยดาบหัก” คร้ังท่ี 7 ปี พ.ศ. 2317เป็ นการรบกบั พม่า เม่ือไทยยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ คร้ังท่ี 2 ปรากฏว่า กองทพั ไทย ชนะ ยดึ นครเชียงใหม่กลบั คืนจากพม่าได้ เพราะชาวล้านนาออกมา สวามิภกั ด์กิ บั ไทยสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงแต่งต้งั ให้พระ ยาจ่าบ้าน เป็ น พระยาวเิ ชียรปราการ ปกครองนครเชียงใหม่ พระยา กาวลิ ะ ซึ่งเป็ นต้นราชวงศ์กาวลิ ะ ปกครองนครลาปาง และ พระยา ลาพูน เป็ น พระยาวยั วงศา ปกครองเมืองลาพูน การรบในคร้ังนีไ้ ด้ เมืองเชียงใหม่ ลาปาง ลาพูน และน่าน กลบั มาอยู่ในราชอาณาจกั ร ไทย คร้ังท่ี 8 ปี พ.ศ. 2318

เป็ นการรบกบั พม่าทบ่ี างแก้ว ราชบุรีในขณะ เดนิ ทพั สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช ตรัสว่า “อย่าให้ผู้ใดแวะบ้านเรือนเด็ดขาด”แต่พระยาโยธา ขัดรับส่ัง แวะเข้าบ้าน เมื่อพระองค์ทรงทราบจึงพโิ รธ ทรงตัดศีรษะพระยาโยธาด้วยพระ หัตถ์ ของพระองค์ และนาศีรษะไปเสียบประจานทป่ี ้อมวชิ ัยประสิทธ์ิในการรบ คร้ังนีก้ องทพั พม่าถูก กองทพั ไทยตแี ตกพ่ายกลบั ไป คร้ังท่ี 9 ปี พ.ศ. 2319 เป็ น การรบกบั พม่าคร้ังสาคญั เพราะการ ทาสงครามคร้ังนีศ้ ึกใหญ่กว่าทุกคร้ัง ใน สมยั กรุงธนบุรี การรบคร้ังนีก้ องทพั พม่ามแี ม่ทพั คือ อะแซหวุ่นกเี้ ป็ นผู้นาท่ี เช่ียวชาญศึก ยกทพั มาตหี ัวเมืองทางเหนือของไทย ฝ่ ายกรุงธนบุรีมี แม่ทพั หน้าท่ีสาคญั คือ เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) (ต่อมา คือ พระบาทสมเด็จพระ พทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) และเจ้าพระยาสุรสีห์พษิ ณวาธิราช (บุญมา) ในการรบคร้ังนีพ้ ม่ายกพลมา 30,000 คน เข้าล้อมเมืองพษิ ณุโลก อกี 5,000 คน ล้อมเมืองสุโขทยั ส่วนเมืองพษิ ณุโลก มพี ล ประมาณ 10,000 คน เท่าน้ัน

สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกทพั ไปช่วยรบ หลายคร้ัง แต่พม่าไม่สามารถยดึ เมืองพษิ ณุโลกได้ ต้อง ยกทพั กลบั ไป คร้ังท่ี 10 ปี พ.ศ. 2319 เป็ นการรบเมื่อ พม่ายกทพั มาตีเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าจงิ กจู า โปรดให้ เกณฑ์ทพั พม่า มอญ 6,000 คน ยกมาตเี มืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2319

พระยาวเิ ชียรปราการได้พจิ ารณาเห็นว่า นครเชียงใหม่ไม่มพี ล มากมายขนาดทีจ่ ะป้องกนั เมืองได้ จงึ ให้ประชาชนพลเรือนอพยพ ลงมาอยู่ทเ่ี มืองสวรรคโลก สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช จงึ โปรด เกล้าฯ ให้พระยาสุรสีห์คุมกองทพั เมืองเหนือขนึ้ ไปสมทบกองกาลงั พระยากาวลิ ะ เจ้าเมือง นครลาปาง ยกไปตีเมืองเชียงใหม่คืนสาเร็จ และทรงปล่อยให้นครเชียงใหม่เป็ นเมืองร้างถงึ 15 ปี จนถงึ สมัยกรุง รัตนโกสินทร์จงึ ได้ฟื้ นฟูขนึ้ อกี คร้ัง ตลอดเวลาต้งั แต่ ปี พ.ศ. 2310 - 2319 อาณาจกั รธนบุรีต้องทาสงคราม เพ่ือปกป้องอาณาจกั รไทยให้ พ้นจากการคุกคามของกองทพั พม่า โดยทก่ี องทพั พม่าไม่สามารถ ยดึ ครองเอาดนิ แดนของกรุงธนบุรีได้ จงึ นับว่าอานาจทางการทหาร และกองทพั ไทยมคี วามเข้มแขง็ จนพม่าไม่อาจเอาชนะไทยได้

2 ความสัมพนั ธ์กบั กมั พชู า กมั พชู าเป็ นเมืองขึน้ ของไทยมาต้งั แต่สมัย กรุงศรีอยุธยา หลงั กรุงศรีอยุธยาเสีย กรุงให้แก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 กมั พูชากต็ ้ังตนเป็ นอสิ ระ จากไทย แต่คร้ันเวลา ล่วงมา 2 ปี สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช โปรดให้ยกกองทพั ไปตเี มือง เสียมราฐ และพระตะบอง ได้ท้งั 2 เมือง สมเดจ็ พระนารายณ์รามาธิบดีกษัตริย์ กมั พูชาใน ขณะน้ันส่งกองทพั กมั พูชาโจมตีเมืองตราด เมืองจนั ทบุรี แต่ไม่ สาเร็จเพราะถูกกองทพั จนั ทบุรี ตีแตกพ่ายไปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จงึ ให้ยกทพั ไปตกี มั พูชา การรบคร้ังนีไ้ ทยจึงได้ เมืองบนั ทายมาศ จากน้ันจึง เตรียมการเข้าโจมตเี มืองพนมเปญ อกี ท้งั ให้พระยาจักรียกทพั ไปตี เมืองพระ ตะบอง เมืองโพธิสัตว์ เมืองบริบูรณ์ และเมืองบนั ทายเพชร สมเด็จพระนารายณ์ รามาธิบดี เห็นว่าสู้ไม่ได้จึงทงิ้ เมืองบันทายเพชรหนีไปขอพง่ึ ญวนให้มาช่วยรบ กบั ไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จงึ ยกทพั ตไี ด้เมืองพนมเปญ

และทรงอภิเษกพระรามราชา พระราชวงศ์ของสมเด็จพระนารายณ์- รามาธิบดเี ป็ นกษตั ริย์กมั พูชาโดยขนึ้ ตรงต่อกรุงธนบุรี ต่อมาในปี พ.ศ. 2323 เกดิ การแย่งชิงอานาจในอาณาจักรกมั พชู า ทาให้ เกดิ การจลาจลขนึ้ กษตั ริย์ กมั พชู าทกี่ รุงธนบุรีให้การสนับสนุนถูกสาเร็จโทษในปี พ.ศ. 2322 ทาให้ กมั พชู าตกอยู่ภายใต้อทิ ธิพลของญวน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจงึ ทรง โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก(ทองด้วง) เป็ นแม่ทัพใหญ่ และเจ้าพระยาสุรสีห์เป็ นแม่ทพั หน้า ยกทพั ไปตีกมั พชู า ในปี พ.ศ. 2323 และ หากตีกมั พชู าได้แล้ว โปรดให้สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึกจัดการอภเิ ษกให้ เจ้าฟ้ากรมขุนอนิ ทรพทิ กั ษ์ พระราชโอรสขึน้ เป็ นกษตั ริย์ครองกมั พชู า แต่ ขณะทก่ี องทพั ไทยกาลงั จะตีกมั พูชาอยู่น้ัน เกดิ การจลาจลในกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซ่ึงเป็ นแม่ทพั ใหญ่จาเป็ นต้องยกทพั กลบั กรุง ธนบุรี สงครามระหว่างไทยกบั กมั พูชาจงึ ยุตลิ ง

3. ความสัมพนั ธ์กบั ล้านช้าง (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวใน ปัจจุบัน) ในสมัยนี้ พระยานางรอง เจ้าเมืองนางรอง ซ่ึงเป็ นเมืองขนึ้ ของเมืองนครราชสีมา ได้เอาเมืองนางรองไปขนึ้ ต่อเจ้าโอ เจ้าเมือง นครจาปาศักด์ิ ซึ่งต้งั ตนเป็ นอสิ ระในสมยั น้ัน อาณาจกั ร 95 ล้านช้าง มปี ัญหาภายในราชวงั จงึ ได้แตกพรรคพวก ได้แบ่งเป็ น 3 อาณาจักร ได้แก่ หลวงพระบาง เวยี งจนั ทน์ และจาปาศักด์ทิ าให้อาณาจกั รล้าน ช้างอ่อนกาลงั ลง พระเจ้าตากสินมหาราชได้ที เลยหาข้ออ้างทาศึกกบั ล้านช้าง การทาศึกกบั ล้านช้างเกดิ ขนึ้ 2 คร้ัง ดงั นี้

การตเี มืองจาปาศักด์ใิ นปี พ.ศ. 2319 สาเหตุเน่ืองจากพระยานางรอง (คาดว่าเป็ นเมืองนครนายก) เกดิ ขดั ใจกบั เจ้าเมืองนครราชสีมา จึงคดิ กบฏ ต่อไทยไปขอขนึ้ กบั เจ้าโอ เจ้าเมืองจาปาศักด์ิ สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช จึงทรงโปรดให้ เจ้าพระยาจักรียกทพั ไปตีเมืองนางรอง เจ้าเมืองนางรองถูก จับประหารชีวติ ในปี พ.ศ. 2320 และโปรดให้เจ้าพระยาสุรสีห์ ยกทัพไป ปราบนครจาปาศักด์ทิ ่เี ตรียมยกทพั มาตเี มืองนครราชสีมาหรือเมืองใดเมือง หน่ึง มีผลทาให้ กรุงธนบุรี ได้เมืองจาปาศักด์ิ เมืองอตั ตะปื อ สุรินทร์ สังขะ และ ขุขนั ธ์ เป็ นเมืองขึน้ หลงั จาก เสร็จสงคราม สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช โปรดให้เล่ือนเจ้าพระยาจักรี เป็ น สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก พฤิ กมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรถบาท มุลกิ ากร บวรรัตนปรินายก

ดารงตาแหน่ง สมุหนายก นับเป็ นการพระราชทานยศสูงทส่ี ุดเท่าท่ี เคยมี ในปี พ.ศ. 2321 เจ้านครเวยี งจันทน์แห่งล้านช้างส่งกองทัพ มารับ พระวอเสนาบดเี มืองเวยี งจนั ทน์ พระวอ จงึ พาสมัครพรรค พวกหนีมาอ่อนน้อมต่อกรุงธนบุรี โดยมาต้งั ถนิ่ ฐานอยู่ที่ ตาบล ดอนมดแดง ริมแม่นา้ มูล จงั หวดั อุบลราชธานี และเจ้าสิริบุญสาร ได้ส่งกองทพั มาปราบและจบั พระวอฆ่าจนเสียชีวติ สมเดจ็ พระ เจ้าตากสินมหาราช จงึ โปรดให้ สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก และพระยาสุรสีห์ ยกทพั ไปตเี มืองเวยี งจนั ทน์ได้เป็ นผลสาเร็จ ขณะทไี่ ทย ยกทพั ไปน้ัน เจ้าร่มขาว เจ้าผู้ครองหลวงพระบาง มา ขอสวามภิ กั ด์ติ ่อไทย และส่งกองทพั มาช่วยตี เวยี งจันทน์ เจ้าสิริบุญสาร สู้ไม่ได้จงึ หลบหนีไป

ทาให้กรุงธนบุรีได้เมืองเวียงจนั ทน์ หลวงพระบาง และหวั เมืองอ่ืน ๆ ท่อี ยู่ตดิ กับอาณาจกั รญวนเป็ นหวั เมืองประเทศราช นอกจากนีส้ มเดจ็ เจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกได้อัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏมิ ากร (พระแก้วมรกต) และพระบาง ซ่งึ ประดษิ ฐานอยู่ท่ี เวียงจนั ทน์กลับมาประดษิ ฐานท่กี รุงธนบุรี

4. ความสัมพนั ธ์กบั ล้านนา ล้านนาเป็ นเมืองทก่ี องทพั พม่าเข้ามาคุกคาม บ่อยคร้ัง แต่ไทยกพ็ ยายามขบั ไล่ พม่าออกไปจากล้านนาได้สาเร็จทุกคร้ัง แต่ไทยกไ็ ม่สามารถ รักษาเมือง ล้านนาไว้ได้ เพราะเมื่อทพั กรุงธนบุรีออกจากเมืองล้านนา ทพั พม่ากเ็ ข้ามา คุกคาม เมืองล้านนาอกี สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชเห็นว่าเมืองล้านนาเป็ น เมืองซึ่งพม่าใช้เป็ นฐาน ทพั ทุกคร้ังทพ่ี ม่ายกทพั มาตเี มืองไทย ทุกคร้ังทพี่ ม่า มารบกบั ไทย พม่าจะใช้เมืองล้านนาเป็ น สถานที่เกบ็ คลงั เสบยี ง ดังน้ัน ในปี พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจงึ ต้องทรงยกทพั ไป ตีเมือง เชียงใหม่ และเมื่อตเี มืองเชียงใหม่ได้สาเร็จ เมืองล้านนากเ็ ป็ นอสิ ระ โดยมกี รุง ธนบุรี คุ้มครองป้องกนั 1.5 ความสัมพนั ธ์กบั มลายู หลงั จากกรุงศรีอยุธยาเสีย แก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 หัวเมืองมลายู ได้แก่ เมืองปัตตานี ไทรบุรี กลนั ตัน และตรังกานู ที่เคยเป็ นเมืองขึน้ ของไทยมาตลอด

5. ความสัมพนั ธ์กบั มลายู หลงั จากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 หัว เมืองมลายู ได้แก่ เมืองปัตตานี ไทรบุรี กลนั ตนั และตรัง กานู ทีเ่ คยเป็ นเมืองขนึ้ ของไทยมาตลอด

สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ต้งั ตนเป็ นอสิ ระในสมัยกรุงธนบุรี สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชยกทพั ไปตี เมืองนครศรีธรรมราช สงขลา พทั ลงุ แต่มิได้ยกทพั ไปตเี มืองมลายู มีแต่ออกอบุ ายให้ เจ้าพระยานครศรีธรรมราชไปยืมเงนิ เมืองปัตตานี และไทรบุรี เมืองละ 1,000 ช่ัง สาหรับทจี่ ะซื้อเครื่องศาสตราวุธ เพื่อหยง่ั ท่าที พระยาไทรบุรี และพระยาปัตตานี ดูว่าจะทาประการใด แต่ท้งั สอง เมืองไม่ยอมให้ขอยืม สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชกม็ ไิ ด้ยกทัพไป ตหี ัวเมืองมลายู เพราะเห็นว่าขณะน้ันเป็ นการเกนิ กาลงั ของ พระองค์ ท่ีจะยกทพั ไปปราบ จงึ ปล่อยให้หัวเมืองมลายูเป็ นอสิ ระ ต่อไป

6. ความสัมพนั ธ์กบั จนี คนไทยกบั คนจนี ในสังคมไทยสมัยกรุงธนบุรีต่างกม็ ี ความ สัมพนั ธภาพอนั ดี เพราะท้ังสองฝ่ ายนับถือพระพทุ ธศาสนาเหมือนกนั แม้จะต่างนิกายกต็ าม แม้แต่สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชกท็ รงมเี ชื้อ สายจีนทางพระบิดา อกี ท้งั ทหารไทยและจีน ต่างร่วมป้องกนั กรุงธนบุรี ในการสู้รบกบั พม่า แต่ความสัมพนั ธ์ส่วนใหญ่ของไทยกบั จีนเป็ นเร่ือง การค้าขาย ในสมัยกรุงธนบุรีปรากฏว่า มสี าเภาของพ่อค้าจนี เข้ามา ตดิ ต่อค้าขายตลอดรัชกาล และทางไทยกไ็ ด้เอาใจใส่ในการทานุบารุง การค้าขายทางเรือเป็ นอย่างมาก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงส่ง สาเภาหลวงออกไปทาการติดต่อค้าขายกบั เมืองจนี อยู่เสมอ นับได้ว่าจนี เป็ นชาตทิ ี่ สาคญั ทีส่ ุดที่ติดต่อทางการค้าด้วย

ในสมัยกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2324 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงส่ง คณะทูตชุดหน่ึง มเี จ้าพระยาศรีธรรมาธิราช เป็ นหัวหน้าคณะ ออกไปเจริญ สัมพนั ธไมตรีกบั พระเจ้ากรุงจีน ในแผ่นดินพระเจ้าเกาจงสุนฮ่องเต้(พระเจ้า กรุงต้าฉิ่ง) ณ กรุงปักกงิ่ เพื่อขอให้ทางจีนอานวยความสะดวกให้แก่ไทยในการ จดั แต่งสเภาหลวง บรรทุกสินค้าออกไป ค้าขายทเี่ มืองจนี ต่อไป โดยขอให้จีน ยกเว้นค่าจงั กอบและขอซื้อสิ่งของบางอย่าง เช่น อฐิ เพ่ือ นามาใช้ในการสร้าง พระนคร และขอให้ทางจีนช่วยหาต้นหนสาเภา สาหรับจะแต่งเรือออกไป ซื้อทองแดงทปี่ ระเทศญป่ี ่ ุน เข้ามาใช้สร้างพระนครเช่นเดยี วกนั ปรากฏว่า คณะ ทูตไทยทอี่ อกไป เจริญสัมพนั ธ์ทางพระราชไมตรีกบั พระเจ้ากรุงจีนคร้ังนีค้ ุม เรือส าเภาบรรทุกสินค้าออกไปด้วยถงึ 11 ลาในพระราชสาส์นท่ีสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช ทรงมีไปยงั พระเจ้ากรุงต้าฉิ่งในคร้ังน้ัน ปรากฏในจดหมายเหตุ จีนว่า

สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราชทรงออกพระนามของพระองค์เองเป็ น ภาษาจนี ว่า “แต้เจยี ว” มีคาเตม็ ว่า เสี้ยมหลอก๊กเจยี งแต้เจยี ว ความสัมพนั ธ์ระหว่างกรุงธนบุรี และจนี ก่อให้เกดิ ผลดใี นด้าน เศรษฐกจิ ของกรุงธนบุรี เน่ืองจากพ่อค้าจนี สามารถเดนิ ทางเข้ามา ค้าขายได้สะดวก ทาให้เศรษฐกจิ ของประเทศฟื้ นตัวได้รวดเร็ว ด้าน การเมืองทาให้ฐานะของ สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช มคี วามชอบ ธรรม และด้านความม่ันคง ทาให้กรุงธนบุรีสามารถ ซื้อยทุ ธปัจจยั เช่น กามะถนั และกระทะเหลก็ จากจนี เพ่ือนามาทาปื นใหญ่ไว้ต่อสู้กบั ข้าศึก โดยเฉพาะพม่าสาหรับป้องกนั อาณาจกั ร เป็ นต้น

ความสัมพนั ธ์ กบั ประเทศในทวปี ยุโรป

1. ความสัมพนั ธ์กบั ฮอลนั ดา ในปี พ.ศ. 2313ชาวฮอลนั ดาจากเมืองปัตตาเวยี (จาการ์ตา) และพวกแขก เมืองตรังกานูได้เข้าเฝ้าฯ สมเดจ็ พระเจ้าตาก สินมหาราช เพื่อถวายปื นคาบศิลาจานวน 2,200 กระบอก และต้นไม้เงนิ ต้นไม้ทอง เป็ นการแสดงความสัมพนั ธไมตรี ทดี่ ตี ่อกนั

2. ความสัมพนั ธ์กบั องั กฤษ ในตอนปลายสมยั กรุงธนบุรี มีความสัมพนั ธ์กบั องั กฤษ แต่มไิ ด้เป็ น การค้าขาย กบั พ่อค้าองั กฤษเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยา บรรดาฝร่ังชาติต่าง ๆ ทเี่ ดนิ ทางเข้า มาค้าขาย ในเอเชียมีการแย่งชิงอานาจทางการค้ากนั เป็ นอนั มาก ด้วยเหตุนี้ องั กฤษจงึ มคี วามประสงค์ท่ี จะได้สถานทตี่ ้งั ทางด้านแหลมมลายูสักแห่ง สาหรับทาการค้าขายแข่งกบั พวกชาวฮอลนั ดา องั กฤษเห็นว่า เกาะหมาก(ปี นัง) มคี วามเหมาะสม จึงได้พยายามเจรจาเกลยี้ กล่อมกบั พระยาไทรบุรี ผู้มี อานาจปกครองเกาะนีเ้ พื่อจะขอเช่า ในปี พ.ศ. 2319 พ่อค้าชาวองั กฤษชื่อ ร้อย เอก ฟรานซิส ไลต์ หรือท่ีไทยเรียกว่า กะปิ ตนั เหลก็ ซึ่งสานักกรุงธนบุรีติดต่อ ให้เป็ นผู้จดั หาอาวุธให้ไทยสาหรับใช้ ต่อสู้กบั พม่า ภายหลงั ฟรานซิส ไลต์ ได้รับพระราชทานยศเป็ น พระยาราชกปิ ตนั ในฐานะทมี่ ี ความดีความชอบ เป็ นผู้จัดหาอาวุธให้กบั ไทย

3. ความสัมพนั ธ์กบั โปรตุเกส กรุงธนบุรีมีความสัมพนั ธ์ด้านการค้าขายกบั โปรตุเกส โดยมีหลกั ฐาน ปรากฏในจดหมายเหตุของบาทหลวงฝรั่งเศสซ่ึงเข้ามาอยู่ในกรุง ธนบุรีในตอนน้ัน มคี วามตอนหนึ่งว่า เมื่อเดือนกนั ยายน พ.ศ. 2322 มเี รือแขกมวั ร์จากเมืองสุรัต ซ่ึงขณะน้ันเป็ นเมืองขนึ้ ของ โปรตุเกส เข้ามาค้าขาย ณ กรุงธนบุรี และทภี่ ูเกต็ มีพวกโปรตุเกสอยู่ 2-3 คน อยู่ ในความปกครอง ของบาทหลวงฟรังซิสแกงของโปรตุเกส จงึ อาจเช่ือ ได้ว่า ในสมัยกรุงธนบุรีไทยได้มกี ารตดิ ต่อ ค้าขายสมาคมกบั ชาว โปรตุเกสอยู่บ้าง โดยทางไทยได้เคยส่งสาเภาหลวงออกไปค้าขายยงั ประเทศอนิ เดยี จนถงึ เขตเมืองกวั เมืองสุรัต อนั เป็ นอาณานิคมของ โปรตุเกสอยู่ในคร้ังน้ัน

แต่ทว่า ในตอนน้ันยงั มไิ ด้ถงึ กบั มกี ารส่งทูตเข้ามาหรือออกไป เจริญทางสัมพนั ธไมตรีอย่างเป็ นทางการ แต่อย่างใด กล่าวได้ว่า ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศไทยสมยั กรุงธนบุรี โดยส่วนใหญ่ จะมีความสัมพนั ธ์กบั อาณาจกั รทวปี เอเชียท่ีเป็ นประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้เคยี ง เพราะเป็ นช่วงทไ่ี ทย ต้องทาการสู้รบกบั อาณาจกั รเพ่ือน บ้านหลายคร้ัง ภายหลงั จากการเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 ท้งั นีเ้ พ่ือความมั่นคงและป้องกนั อาณาจกั รให้พ้นจากถูกยดึ ครองของข้าศึกศัตรู และในขณะเดยี วกนั กเ็ ป็ นการขยายพระราช อาณาเขตออกไปให้กว้างขวาง ความสัมพนั ธ์กบั ประเทศเพื่อนบ้าน ในทวปี เอเชียสาหรับกรุงธนบุรี กเ็ พ่ือผลประโยชน์ทางด้านการค้า

สาหรับความสัมพนั ธ์กบั ประเทศในทวปี ยโุ รปน้ัน กรุง ธนบุรียงั ไม่ได้ มคี วามสัมพนั ธ์กบั ทวปี ยุโรป (ชนชาติตะวนั ตก) ในทางการทูต แต่สมเดจ็ พระเจ้าตากสิน มหาราช ทรงเปิ ดโอกาสให้บาทหลวงชาตติ ะวนั ตกท่ีนับถือ คริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลกิ เข้ามาเผยแผ่ศาสนาใน กรุงธนบุรีได้ และในบางคร้ังกใ็ ห้บาทหลวงได้มโี อกาส แลกเปลย่ี นความ คดิ เห็นและกราบทูลเกย่ี วกบั เรื่องศาสนา แด่พระองค์อกี ด้วย

กจิ กรรมท้าย ความสัมพนั ธ์กับต่างประเทศในสมยั กรุงธนบุรี (ให้ผู้เรียนศกึ ษาเนือ้ ท่บี ันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ ประกอบแผนภาพ)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook