ภูมลิ กั ษณ์ภูเขาและหุบเขา ⚫ ภูเขามงบลอ็ ง : ปรากฏการณ์เปลยี่ นแปลงของเปลือกโลกทเ่ี กดิ จากกระบวนการ แปรสัณฐานของเปลือกโลก มงบลอ็ ง (Mont Blanc) หรือภูเขาสีขาว ต้งั อยใู่ นเทือดเขาแอลป์ ดา้ นตะวนั ออก เป็นสัณเขตแดนระหวา่ งฝรั่งเศสกบั อิตาลี ภูเขาลูกน้ีสูงประมาณ 4,810 เมตร ซ่ึงนบั เป็นยอดสูงสุดของเทือกเขาแอลป์ ภูเขามงบลอ็ ง มีริ้วรอยทเ่ี กิดจากการ กร่อนโดยธารน้าแขง็ ใหเ้ ห็นอยมู่ าก ประกอบดว้ ยยอดเขาสูงกวา่ 4,000 เมตร หลายสิบยอด ภูเขามงบลอ็ ง ส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยหินตะกอน ส่วนบริเวณเชิง เขาเป็นหินทรายและหินปูน ซ่ึงค่อนขา้ งอ่อน จึงสึกกร่อนไป ส่วนหินอคั นีท่ีมี ความแขง็ มาก เม่ือหินเน้ือออ่ นท่ีคลุมหินอคั นีสึกกร่อนไปจึงทาใหภ้ ูเขามงบลอ็ งมี ยอดเขาที่สันเขาแหลมคมดูแปลกตา
ภูเขามงบลอ็ ง
กระบวนการเกิดปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์เปลือกโลกบริเวณ ภูเขามงบลอ็ งในปัจจุบนั ถือกาเนิดมาพร้อมกบั เทือกเขาแอลป์ เมื่อแผน่ เปลือกโลกสองแผน่ ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของเปลือกโลก ท้งั หมด แผน่ หน่ึงคือ แผน่ เปลือกโลกยเู รเชีย และอกี แผน่ หน่ึง คือ แผน่ เปลือกโลกแอฟริกา เคลื่อนที่มาชนกนั และครูดสีกนั ทาใหเ้ กิดแรงกดดนั มหาศาลส่งผลใหเ้ ปลือกโลกเกิดรอยคดโคง้ และโก่งตวั เป็นภูเขาและทิวเขาที่เห็นในปัจจุบนั
⚫ หุบเขาทรุดเกรตริฟต์ (Great Rift Valley) : ปรากฏการณ์ เปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกเกิดจากกระบวนการทรุดตวั ตาม รอยเล่ือนของเปลือกโลก หุบเขาทรุดเกรตริฟต์ มีจุดเริ่มตน้ ในประเทศซีเรียบริเวณแม่น้า จอร์แดน และทะเลเดดซี จากบริเวณน้ีเปลือกโลกจะเกิดรอย แยกยาวต่อมาตามความยาวของอ่าวอากาบา และทะเลแดงแลว้ จึงวกกลบั เขา้ สู่ทวปี แอฟริกา ทาใหเ้ กิดแอง่ รูปพดั กวา้ งใหญ่ชื่อ ดานาคิล (Danakil) ในประเทศเอธิโอเปี ย ผา่ นประเทศเคนยา แทนซาเนีย มาสิ้นสุดที่ประเทศโมซมั บิก
หุบเขาทรุดเกรตริฟตเ์ ป็นหุบเขาที่แผน่ ดินทรุดตวั ลงไปเป็นแอ่งความ กวา้ งของแอ่งวดั ได้ 100 กิโลเมตร ลึกประมาณ 450-800 เมตร มี ความยาวท้งั สิ้น 6,750 กิโลเมตร ซ่ึงเกือบเท่ากบั 1 ใน 5 ของเสน้ รอ บวงโลก กระบวนการเกิดหุบเขาทรุดเกรตริฟต์ เกิดข้ึนจากแรงบีบ อดั ภายใตเ้ ปลือกโลก เปลือกโลกส่วนหน่ึงยบุ ลงทาใหเ้ กิดผาชนั หรือ ภูเขาท่ีเกิดจากรอยเล่ือนของเปลือกโลก เปลือกโลกจะเล่ือนต่อไป เป็นข้นั ๆ คลา้ ยข้นั บนั ได ในระหวา่ งเกิดรอยเลื่อนแผน่ ดินตรงกลาง จะทรุดลงเป็นแอง่ กราเบน หินหนืดจะเอ่อข้ึนตามรอยเลื่อนแลว้ ไหล ออกมาจากภูเขาไฟหรือตามรอยร้าวในพ้ืนที่หุบเขา กลายเป็นที่ราบ หินบะซอลต์
หุบเขาเกรตริฟต์
ภูมลิ กั ษณ์อื่น ๆ ของโลก 1. ภูมิลกั ษณ์ของโลกทมี่ ีสภาพเป็ นถา้ ถ้า (cave) คือ ช่องหรือโพรงขนาดต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นพ้ืนดิน โดยมีช่องทางทะลุเขา้ ออกมกั ปรากฏอยตู่ ามบริเวณภูเขา หรือ หนา้ ผา หรือตามชายฝั่งทะเล หากเป็นถ้าอยบู่ ริเวณภูเขาหรือ หนา้ ผา เรียกวา่ ถ้าใตด้ ิน ถ้าอยตู่ ามชายฝั่งทะเลเรียกวา่ ถ้า ทะเล
ถา้ ทะเล
ถา้ ฟราซาสซี
2. ภูมิลกั ษณ์ของโลกทม่ี ีสภาพเป็ นแหล่งนา้ พแุ ละนา้ พรุ ้อน น้าพุ (spring) เป็นน้าท่ีไหลออกมาจากใตด้ ิน อาจเรียกส้นั ๆวา่ พุ กไ็ ด้ มกั ใชเ้ รียกในกรณีท่ีน้าไหลออกมามีกาลงั แรงพอสมควร จนพงุ่ ข้ึนสูงจากพ้นื ผวิ ดิน ถา้ เป็นน้าที่ไหลซึมออกมาชา้ ๆก็ เรียกวา่ น้าซึม หรือ น้าซบั
3. ภูมลิ กั ษณ์ของโลกทมี่ สี ภาพเป็ น นา้ ตกและแก่ง น้าตก (waterfall) เป็นภูมิลกั ษณ์ที่ เกิดในบริเวณท่ีมีธารน้าไหลจาก ระดบั พ้ืนท่ีท่ีอยใู่ นระดบั สูง ลงมาสู่ แอ่งน้าในบริเวณท่ีต่ากวา่ ส่วน แก่ง (rapid) เป็นภูมิลกั ษณ์ท่ีเป็นโขดหิน ขนาดแตกต่างกนั ขวางก้นั ลาน้า ส่งผลใหก้ ระแสน้าลดระดบั ความ รุนแรงของการไหลลงได้
ภูมอิ ากาศ ภูมิอากาศ (climate) หมายถึง ลกั ษณะอากาศของบริเวณใดบริเวณ หน่ึงในระยะเวลานาน หรือลกั ษณะอากาศเฉล่ียของภูมิภาคใดภูมิภาคหน่ึง ในช่วงเวลานานเป็น เดือน ปี หรือร้อยปี หาไดโ้ ดยการตรวจบนั ทึกสภาพ อากาศประจาวนั เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน ความกดอากาศ แลว้ นาผลมาหา คา่ เฉลี่ย เพ่อื สรุปลกั ษณะภูมิอากาศของภูมิภาคน้นั จึงเรียกภูมิอากาศอีกอยา่ ง วา่ อากาศประจาถ่ิน เช่น ภูมิอากาศของจงั หวดั ยะลา มีฝนตกมากกวา่ 60 มิลลิเมตรทุกเดือน และมีอุณหภูมิสูงตลอดปี คือ เฉล่ียมากกวา่ 18 องศา เซลเซียส ทุกเดือน เป็นภูมิอากาศร้อนช้ืน เป็นตน้ ภูมิอากาศมีความสาคญั ต่อ การศึกษาวิชาภูมิศาสตร์มาก แต่มีความหมายแตกต่างกบั ลมฟ้าอากาศ
ลมฟ้าอากาศ (Weather) คือ สภาวะ อากาศของบริเวณใดบริเวณหน่ึงท่ีเกิดข้ึน ในระยะส้นั ๆ และมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา เช่น ลมฟ้าอากาศของจงั หวดั นนทบุรี เม่ือวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2546 มี อุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียล ฝนตก เลก็ นอ้ ยวดั ได้ 10 มิลลิเมตร เป็นตน้ ลมฟ้า อากาศมีความสาคญั ทางดา้ นอุตอนิยมวยิ า แต่มีความสาคญั นอ้ ยต่อการศึกษาวิชา ภูมิศาสตร์
เกณฑ์การกาหนดเขตภูมอิ ากาศของโลก นกั ภูมิศาสตร์ไดพ้ ยายามจาแนก ลกั ษณะภูมิอากาศของโลกออกเป็น กลุ่มๆ และกาหนดขอบเขตพ้ืนท่ีท่ีมี ลกั ษณะภูมิอากาศน้นั ๆ โดยใชค้ ่าเฉลี่ย ขององคป์ ระกอบหลายชนิดเป็น ตวั กาหนด ไดแ้ ก่ ละติจูด อณุ หภูมิ หยาดน้าฟ้า มวลอากาศ พชื พรรณ ธรรมชาติ และดิน
การแบ่งเขตภูมอิ ากาศแบบเคปิ เปน การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปน โดย ดร.วลาดิเมอร์ เคิปเปน (Waldimir Koppen) ชาวเยอรมนั ไดค้ ิดระบบการแบ่ง เขตภูมิอากาศข้ึนในปี ค.ศ. 1918 โดยใชข้ อ้ มูลอณุ หภูมิของอากาศ และปริมาณน้าฝนเฉลี่ยในรอบปี หรือรายเดือนเป็นเกณฑใ์ นการ จาแนก แต่มิไดใ้ ชข้ อ้ มูลความกดอากาศ ทิศทางลม และพายเุ ขา้ มา ประกอบการพิจารณา โดยแบ่งเขตภูมิอากาศของโลกออกเป็น 5 กลุ่ม โดยใชต้ วั อกั ษรภาษาองั กฤษตวั ใหญ่ ไดแ้ ก่ A B C D และ E แทนกลุ่มภูมิอากาศ ดงั น้ี
A แทนกล่มุ ภูมิอากาศร้อนและชุ่มชื้น ไม่มีฤดูหนาว อณุ หภูมิปานกลางของ อากาศทุกเดือนสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส ปริมาณนา้ ฝนตกไม่น้อยกว่า 875 มิลลเิ มตรต่อปี และใช้ตัวอกั ษรภาษาองั กฤษตวั ใหญ่และตัวเลก็ แทนลกั ษณะ ภูมิอากาศย่อยๆ ดงั นี้ f ทุกๆ เดือนหยาดนา้ ฟ้ารวมจะมคี ่า 6 เซนตเิ มตร หรือมากกว่า m มฤี ดูแล้งส้ันๆ หยาดนา้ ฟ้ารวมของเดือนทแี่ ห้งแล้งทส่ี ุดจะมคี ่าตา่ กว่า 6 เซนตเิ มตร แต่จะมคี ่าเท่าหรือมากกว่า 10 – (R / 25) (R หมายถงึ ค่าของหยาดน้าฟ้ารวมตลอดปี ทมี่ หี น่วยเป็ นเซนติเมตร) w แห้งแล้งในฤดูหนาว ปริมาณหยาดนา้ ฟ้ารวมของเดือนทแี่ ห้งแล้งทส่ี ุดจะ มี ค่าน้อยกว่า 10 – (R / 25) s แห้งแล้งในฤดูร้อน แต่จะพบอย่นู ้อยมากในเขตอากาศแบบ A
B แทนกลุ่มภูมิอากาศแหง้ แลง้ อตั ราการระเหยของน้ามากกวา่ ปริมาณ น้าฝนท่ีตกลงมา ศกั ยภาพการระเหยของน้ามีจานวนจากดั กลุ่มน้ีใช้ ปริมาณน้าฝนเป็นเกณฑ์ ในการพิจารณา ความแหง้ แลง้ หรือความชุ่มช้ืน มากหรือนอ้ ยกาหนดไดจ้ ากสูตรขา้ งล่างน้ี R < 2T + 28 เมื่อปริมาณนา้ ฝนร้อยละ 70 หรือมากกว่าตกในช่วง 6 เดือนที่ R < 2T อณุ หภูมสิ ูงทส่ี ุด R < 2T + 14 เมื่อปริมาณนา้ ฝนร้อยละ 70 หรือมากกว่าตกในช่วง 6 เดือนท่ี อุณหภูมติ า่ สุด เม่ือช่วงเวลาไม่ถงึ ครึ่งปี มีฝนตกร้อยละ 70 หรือมากกว่า ( R หมายถงึ หยาดน้าฟ้ารวมต่อปี มีหน่วยเป็ นเซนติเมตร ) ( T หมายถงึ อณุ หภูมเิ ฉลยี่ ตลอดปี มหี น่วยเป็ นองศาเซลเซียส )
สัญลกั ษณ์อกั ษรตวั ท่ี 2 ของกลุ่ม B คือ S สเตป็ ป์ หรือกง่ึ แห้งแล้ง W ทะเลทราย h ค่าเฉลยี่ ของอุณหภูมติ ลอดปี เท่ากบั 18 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า k ค่าเฉลยี่ ของอณุ หภูมติ ลอดปี ตา่ กว่า 18 องศาเซลเซียส
C แทนกลุ่มภูมิอุ่นและชุ่มช้ืนในละติจูดกลาง ในฤดูหนาวอากาศอบอุ่น ค่อนขา้ งเยน็ อุณหภูมิเดือนท่ีหนาวท่ีสุดโดยเฉล่ียต่ากวา่ 18 องศาเซลเซียส แต่สูงกวา่ - 3 เซลเซียส เป็นเขตภูมิอากาศ ที่มีท้งั ฤดูหนาวและฤดูร้อน ปรากฏอยา่ งเด่นชดั สัญลกั ษณ์อกั ษรตวั ที่ 2 ของกลุ่ม C คือ w เดือนทหี่ ยาดนา้ ฟ้าตกมากทส่ี ุดในฤดูร้อนจะมคี ่ามากกว่าเดือนท่ีแห้ง แล้งทสี่ ุดในฤดูหนาวอย่างน้อย 10 เท่า s เดือนทหี่ ยาดนา้ ฟ้าตกมากทส่ี ุดในฤดูหนาวจะมคี ่ามากกว่าเดือนท่แี ห้ง แล้งทสี่ ุด ในฤดูร้อนอย่างน้อย 3 เท่า หยาดนา้ ฟ้าท่ีตกในเดือนทแี่ ห้ง แล้งทสี่ ุดจะมคี ่าตา่ กว่า 4 เซนตเิ มตร f หยาดนา้ ฟ้าทตี่ กลงมาทุกเดือนจะมคี ่าเกนิ กว่า 3 เซนตเิ มตร
สัญลกั ษณ์อกั ษรตวั ที่ 3 ของกลุ่ม C a เดือนทอี่ บอุ่นทส่ี ุดจะมอี ณุ หภูมเิ ฉลยี่ สูงกว่า 22 องศาเซลเซียส และ อย่างน้อย 4 เดือน ทอี่ ุณหภูมขิ องอากาศต้องสูงกว่า 10 องศาเซลเซียส b ไม่มเี ดือนใดเลยทอ่ี ุณหภูมขิ องอากาศสูงกว่า 22 องศาเซลเซียส แต่ อย่างน้อย 4 เดือน ทมี่ อี ณุ หภูมเิ ฉลยี่ สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส c 1 ถงึ 3 เดือน อุณหภูมเิ ฉลย่ี สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส
D กล่มุ ภูมอิ ากาศชุ่มชื้นในเขตละตจิ ูดกลาง ในฤดูหนาวอากาศหนาวเยน็ อย่าง รุนแรง อณุ หภูมขิ องเดือนทห่ี นาวทส่ี ุดโดยเฉลย่ี ตา่ กว่า –3 องศาเซลเซียส แต่เดือน ทอ่ี บอุ่นทส่ี ุดจะมอี ณุ หภูมเิ ฉลย่ี สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส สัญลกั ษณ์อกั ษรตัวท่ี 2 ของกลุ่ม D w เดือนทหี่ ยาดนา้ ฟ้าตกมากทส่ี ุดในฤดูร้อนจะมคี ่ามากกว่าเดือนท่ีแห้ง แล้งทส่ี ุดในฤดูหนาวอย่างน้อย 10 เท่า s เดือนทห่ี ยาดนา้ ฟ้าตกมากทส่ี ุดในฤดูหนาวจะมคี ่ามากกว่าเดือนท่ี แห้งแล้งทสี่ ุด ในฤดูร้อนอย่างน้อย 3 เท่า หยาดนา้ ฟ้าท่ีตกในเดือนที่ แห้งแล้งทส่ี ุดจะมคี ่าตา่ กว่า 4 เซนติเมตร f หยาดนา้ ฟ้าทต่ี กลงมาทุกเดือนจะมคี ่าเกนิ กว่า 3 เซนตเิ มตร
สัญลกั ษณ์อกั ษรตวั ท่ี 3 ของกล่มุ D a เดือนทอี่ บอ่นุ ทส่ี ุดจะมอี ุณหภูมเิ ฉลย่ี สูงกว่า 22 องศาเซลเซียส และ อย่างน้อย4 เดือน ทอ่ี ุณหภูมขิ องอากาศต้องสูงกว่า 10 องศาเซลเซียส b ไม่มเี ดือนใดเลยทอี่ ณุ หภูมขิ องอากาศสูงกว่า 22 องศาเซลเซียส แต่ อย่างน้อย 4 เดือน ทม่ี อี ณุ หภูมเิ ฉลยี่ สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส c 1 ถึง 3 เดือน อณุ หภูมเิ ฉลยี่ สูงกว่า 10 องศาเซลเซียส d อณุ หภูมเิ ฉลยี่ เดือนทหี่ นาวทส่ี ุดตา่ กว่าหรือเท่ากบั -38 องศาเซลเซียส
E กลุ่มภูมิอากาศข้วั โลก ไม่มฤี ดูร้อน อณุ หภูมิเฉลยี่ ของเดือนทอ่ี บอุ่น ทสี่ ุดตา่ กว่า 10 องศาเซลเซียส สัญลกั ษณ์อกั ษรตวั ที่ 2 ของกลุ่ม E T อณุ หภูมเิ ฉลย่ี ของเดือนทอี่ บอ่นุ ทสี่ ุดสูงกว่า 0 องศาเซลเซียส แต่ตา่ กว่า 10 องศาเซลเซียส F อุณหภูมเิ ฉลย่ี ของเดือนทอ่ี บอุ่นทส่ี ุดเท่ากบั 0 องศาเซลเซียสหรือตา่ กว่า
การแบ่งเขตภูมิอากาศของโลกตามระบบเคปิ เปน เขตภูมิอากาศแบบร้อนช้ืน ( Humid Tropical Climate “A” ) เป็นเขตภูมิอากาศร้อนและชุ่มช้ืน ไม่มีเดือนใดเลยที่อณุ หภูมิ ของอากาศเฉล่ียต่ากวา่ 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของอากาศสูง ตลอดปี ไม่มีฤดูหนาวท่ีแทจ้ ริง แยกเป็น 3 เขตยอ่ ย คือ
เขตภูมิอากาศแบบป่ าร้อนชื้น ( Tropical Rain Forest Climate “Af”) ลกั ษณะภูมิอากาศร้อนและชุ่มช้ืนตลอดปี อุณหภูมิเฉล่ียตลอดปี สูงกวา่ 18 องศา เซลเซียส พบบริเวณจากแนวเส้นศูนยส์ ูตร ไปจนถึงบริเวณละติจูดท่ี 5 - 10 องศา เหนือ และใต้ บริเวณที่มีลกั ษณะ ภูมิอากาศร้อนช้ืนตลอดปี
เขตภูมอิ ากาศแบบมรสุมร้อน ( Tropical Monsoon Climate “Am” ) ลกั ษณะภูมิอากาศอยใู่ นเขตร้อน มีฤดู แลง้ ส้นั ๆ ประมาณ 1 – 2 เดือน มกั พบ บริเวณชายฝ่ังดา้ นตน้ ลมระหวา่ ง ละติจูดท่ี 15 – 20 องศาเหนือ และใต้ อาจเป็นลมประจาปี หรือลมประจาฤดู กไ็ ด้ จึงมกั ทาใหเ้ กิดฝนตกหนกั ในช่วง ที่บริเวณน้นั ไดร้ ับแสงจากดวงอาทิตย์ มาก
เขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อน ( Tropical Savanna Climate “Aw” ) เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ เขตภูมิอากาศแบบ สะวนั นา ลกั ษณะภูมิอากาศมีฤดูแลง้ สลบั กบั ฤดูฝนอยา่ งเด่นชดั โดยมกั มี สถานที่ต้งั อยถู่ ดั จากเขตภูมิอากาศแบบ ป่ าร้อนช้ืนข้ึนไปยงั เขตละติจูดสูง หรือ ทางตอนในของแผน่ ดิน โดยพบอยู่ ระหวา่ งละติจูดท่ี 5 - 20 องศาเหนือ และใต้
เขตภูมอิ ากาศแห้งแล้ง ( Dry Climate “ B ” ) เขตภูมิอากาศแหง้ แลง้ หมายถึงบริเวณท่ีมีอตั ราการระเหยของน้า มากกวา่ ปริมาณหยาดน้าฟ้าที่ตกลงมา เป็นเขตภูมิอากาศที่ครอบคลุมพ้นื ที่บน โลกมากที่สุด พบไดใ้ นเขตร้อนและเขตละติจูดกลาง โดยในเขตร้อนพบ ระหวา่ งละติจูดท่ี 15 – 20 องศาเหนือ และใต้ และบริเวณละติจูด 30 องศา บริเวณพ้ืนท่ีตอนกลางหรือทางดา้ นทิศตะวนั ตกของทวปี มกั เป็นบริเวณที่ อากาศลอยต่าลงและมีลมพดั ออกไป ในเขตละติจูดกลางมกั พบบริเวณ ตอนกลางของทวีปซ่ึงมีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีลมพดั ออกใน ฤดูหนาว และอยไู่ กลจากภาคพ้ืนมหาสมุทรซ่ึงเป็นแหล่งความช้ืนท่ีสาคญั แบ่งแยกยอ่ ยไดเ้ ป็น 2 เขตภูมิอากาศ
เขตภูมอิ ากาศแบบทะเลทราย ( Desert Climate “ BWh” , “BWk” ) เป็ นเขตภูมิอากาศท่ีมีสภาพความแห้งแลง้ มากท่ีสุด เกือบไม่มีฝนตกเลย เป็นเขต ภูมิอากาศที่พบบริเวณระหวา่ งละติจูดที่ 15 – 30 องศาเหนือ และใต้
สาหรับอุณหภูมิในเขตทะเลทราย หรือเขตแหง้ แลง้ จะแตกต่างกนั ออกไปตาม ท่ีต้งั ในแต่ละเขตละติจูด ถา้ อณุ หภูมิของ อากาศเฉล่ียตลอดปี เท่ากบั หรือสูงกวา่ 18 องศาเซลเซียส จะเป็นทะเลทรายในเขตร้อน (BWh) แต่ถา้ หากอณุ หภูมิเฉลี่ยของอากาศ ตลอดปี ต่ากวา่ 18 องศาเซลเซียส จะเป็น ทะเลทรายในเขตอบอุ่น (BWk) โดยทวั่ ไป แลว้ ถา้ หากเป็นทะเลทรายในเขตร้อน อุณหภูมิเฉล่ียของอากาศจะสูงมาก
เขตภูมอิ ากาศแบบสเตป็ ป์ ( Steppe Climate “ BSh” , “BSk” ) เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ เขตภูมิอากาศก่ึงแหง้ แลง้ (Semi – arid) ปรากฏอยใู่ นส่วน ต่างๆ คือ ทวปี อเมริกาเหนือ ต้งั แต่แนว เส้นเมริเดียนท่ี 100 องศาตะวนั ตก ไป จรดแนวเทือกเขาร็อกก้ี และต้งั แต่แนว ละติจูดที่ 20 – 54 องศาเหนือ ในลาติน อเมริกา
นอกจากน้นั มกั พบอยเู่ กือบรอบภูมิอากาศแบบ ทะเลทรายละติจูดต่า ยกเวน้ ทางดา้ นทิศตะวนั ตก เป็นเขตเช่ือม ภูมิอากาศทะเลทรายกบั อากาศช้ืน และมกั พบบริเวณขอบของ บริเวณที่มีมวลอากาศเขตร้อนท่ีแหง้ แลง้ และอากาศลอยต่าลง ในปี หน่ึงๆ จะมีระยะหน่ึงที่ลมและพายหุ มุนพดั ผา่ นเขา้ มาถึง บริเวณน้ีและนาฝนมาตก
เขตภูมิอากาศแบบสเตป็ ป์ ท่ีปรากฏอยใู่ นเขตละติจูดต่า อุณหภูมิโดยเฉล่ียของอากาศตลอดปี จะเท่าหรือสูงกวา่ 18 องศา เซลเซียส เรียกวา่ “ ภูมิอากาศสเตป็ ป์ ในเขตร้อน (BSh) ” ส่วน ในเขตละติจูดกลาง อณุ หภูมิของอากาศโดยเฉล่ียจะต่ากวา่ 18 องศาเซลเซียส เรียกวา่ “ ภูมิอากาศสเตป็ ป์ เขตอบอนุ่ (BSk) ”
เขตภูมิอากาศแบบอบอ่นุ ชื้น ( Humid Mesothermal Climate “ C” ) เป็นเขตภูมิอากาศที่ปรากฏอยใู่ นเขตละติจูดกลาง อุณหภูมิ ของอากาศเดือนที่หนาวที่สุดต่ากวา 18 องศาเซลเซียส แต่สูงกวา่ -3 องศาเซลเซียส เป็นเขตภูมิอากาศที่อยใู่ นแนวปะทะของมวลอากาศ เขตร้อนจากข้วั โลก ปริมาณน้าฝนข้ึนอยกู่ บั ทิศทางการพดั พาของลม ประจาถ่ิน แบ่งออกเป็น 3 เขตยอ่ ย ดงั น้ี
1. เขตภูมอิ ากาศแบบเมดเิ ตอร์เรเนียน ( Mediterranean Climate “Csa” ,“Csb ” ) เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ “เขตภูมิอากาศก่ึงเขตร้อนที่แหง้ แลง้ ในฤดู ร้อน” (Dry -Summer Subtropical Climate) มีลกั ษณะอากาศแหง้ แลง้ ในฤดูร้อน แต่จะมีฝนตกในฤดูหนาว เนื่องจากอยใู่ นเขต อิทธิพลของมวลอากาศอบอุน่ และช้ืนจากภาคพ้ืนสมุทร และมี พายพุ ดั เขา้ สู่ชายฝ่ัง ส่วนในฤดูร้อนไดร้ ับอิทธิพลจากมวลอากาศ แหง้ ภาคพ้นื ทวปี ที่จมตวั ลงมาทาใหอ้ ากาศแหง้ แลง้
โดยถา้ บริเวณใดอุณหภูมิของ อากาศโดยเฉลี่ยตลอดปี เท่าหรือสูงกวา่ 22 องศาเซลเซียส จะเป็นเขตภูมิอากาศแบบ เมดิเตอร์เรเนียนร้อน (Csa) แต่ถา้ หาก อุณหภมิของอากาศโดยเฉล่ียตลอดปี ต่า กวา่ 22 องศาเซลเซียส จะเป็นเขต ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนอบอุ่น (Csb) ซ่ึงโดยทว่ั ไปจะปรากฏอยบู่ ริเวณ ชายฝั่งทะเล
2. เขตภูมิอากาศชุ่มชื้นกง่ึ เขตร้อน ( Humid Subtropical Climate “Cfa” ,“Cwa” ) มกั พบบริเวณชายฝ่ังตะวนั ออกของทวปี จึงไดร้ ับอิทธิพลจากมวล อากาศช้ืนภาคพ้ืนสมุทร บริเวณที่มีลกั ษณะอากาศชุ่มช้ืนก่ึงเขต ร้อน เขตภูมิอากาศแบบ Cfa จะมีฝนตกตลอดท้งั ปี เดือนที่มีฝนตก นอ้ ยที่สุดจะมีคา่ มากกวา่ 3 เซนติเมตร แต่ในเขตภูมิอากาศแบบ Cwa จะมีอากาศแหง้ แลง้ ในช่วงฤดูหนาว แต่ปริมาณน้าฝนท่ีตก ตลอดปี ของเขตภูมิอากาศแบบชุ่มช้ืนก่ึงเขตร้อนจะแปรผนั อยู่ ระหวา่ ง 75 - 150 เซนติเมตรต่อปี
3. เขตภูมิอากาศชายฝั่งตะวนั ตก ( Marine West Coast Climate “Cfb” ,“Cfc” ) เป็นเขตภูมิอากาศที่มีอากาศอบอุน่ และชุ่มช้ืนตลอดท้งั ปี พบบริเวณ ชายฝ่ังตะวนั ตกของทวปี ต่างๆ ในบริเวณเขตละติจูดท่ี 40 – 60 องศา เหนือ และใต้ จึงไดร้ ับอิทธิพลจากมวลอากาศภาคพ้ืนสมุทร อณุ หภูมิและปริมาณหยาดน้าฟ้า ในช่วงฤดูร้อนอณุ หภูมิของอากาศ โดยเฉลี่ย ต่ากวา่ 22 องศาเซลเซียส แต่อยา่ งนอ้ ย 4 เดือนที่อุณหภูมิ ของอากาศเฉลี่ยประมาณ 10 องศาเซลเซียส หรือสูงกวา่
ซ่ึงในการแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิปเปนใชส้ ญั ลกั ษณ์ Cfb แต่ถา้ หากเขตภูมิอากาศแบบชายฝ่ังตะวนั ตกท่ีมีอากาศเยน็ ในฤดู ร้อนใชส้ ญั ลกั ษณ์ Cfc ซ่ึงลกั ษณะอากาศโดยทว่ั ไปในช่วง 1 – 3 เดือนอุณหภูมิของอากาศเฉลี่ยสูงกวา่ 10 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดู ร้อนอณุ หภูมิของอากาศร้อนท่ีสุดเฉลี่ยประมาณ 12 – 21 องศา เซลเซียส ส่วนฤดูหนาวเดือนท่ีหนาวท่ีสุดมีค่าอณุ หภูมิเฉล่ีย ประมาณ 0 – 9 องสาเซลเซียส สาหรับปริมาณน้าฝนที่ตกลงมาใน บริเวณท่ีราบมีปริมาณเฉล่ีย 75 – 100 เซนติเมตร
เขตภูมิอากาศแบบเยน็ ชื้น ( Humid Microthermal Climate “ D” ) เป็ นเขตภูมิอากาศในละติจูดกลางที่ฤดูหนาวมีอากาศหนาว เยน็ อยา่ งรุนแรง ภูมิอากาศที่ไดร้ ับอิทธิพลจากภาคพ้ืนทวปี มากกวา่ ภาคพ้ืนสมุทร จึงทาใหพ้ ิสยั ของอณุ หภูมิแตกต่างกนั มากในรอบปี แบ่งเป็น 3 เขต ดงั น้ี
1. เขตภูมิอากาศชุ่มชื้นภาคพืน้ ทวปี ทร่ี ้อนในฤดูร้อน ( Humid Continental Hot Summer Climate “ Dfa” , “Dwa” ) ลกั ษณะภูมิอากาศจะร้อนและชุ่มช้ืนในฤดูร้อน พบในอเมริกาเหนือ ต่อจากแนว เขตภูมิอากาศแบบสเตป็ ป์ ในแถบตะวนั ตกกลางของ สหรัฐอเมริกามายงั ชายฝั่งตะวนั ออก และอยเู่ หนือเขตภูมิอากาศ แบบชุ่มช้ืนก่ึงเขตร้อนในยโุ รป
2. เขตภูมิอากาศชุ่มชื้นภาคพืน้ ทวปี ทอ่ี บอุ่นในฤดูร้อน ( Humid Continental Mild Summer Climate “ Dfb” , “Dwb” ) เป็นเขตภูมิอากาศท่ีอากาศอบอุน่ ในฤดูร้อน มีความแตกต่างจาก เขตภูมิอากาศแบบชุ่มช้ืนภาคพ้ืนทวปี ท่ีร้อนในฤดูร้อน คือ ใน ฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเยน็ กวา่ ส่วนในฤดูร้อนอากาศจะเยน็ สบายกวา่ และมีหยาดน้าฟ้าตกลงมาในปริมาณนอ้ ยเนื่องจากอยู่ ในเขตละติจูดท่ีสูงกวา่ เขตภูมิอากาศแบบ Dfb มีหยาดน้าฟ้าตก ตลอดท้งั ปี แต่ถา้ เป็นเขตภูมิอากาศแบบ Dwb จะมีอุณหภูมิ อากาศแหง้ แลง้ และหนาวเยน็ ในฤดูหนาว
3. เขตภูมอิ ากาศกง่ึ ข้วั โลกภาคพืน้ ทวปี ( Continental Sub-Arctic Climate “Dfc” , “Dwc” , “Dfd” และ “Dwd” ) เป็นเขตภูมิอากาศท่ีมีอากาศหนาวเยน็ มากในช่วงฤดูหนาวเน่ืองจาก ไดร้ ับอิทธิพลจากล่ิมความกดอากาศสูงท่ีแผล่ งมาปกคลุม เขต ภูมิอากาศก่ึงข้วั โลกภาคพ้ืนทวปี มกั พบบริเวณซีกโลกเหนือ
ลกั ษณะอากาศปลีกยอ่ ย แตกต่างกนั อยู่ เคิปเปนจึงไดแ้ บ่ง ออกเป็นเขตยอ่ ย ไดแ้ ก “Dfc” มีสภาพภูมิอากาศโดยทวั่ ไปเยน็ มี ฤดูร้อนส้นั ๆ นอ้ ยกวา่ 4 เดือน ท่ีมีอุณหภูมิของอากาศเฉล่ียสูงกวา่ 10 องศาเซลเซียส แตถ้ า้ หากสภาพอุณหภูมิของอากาศเยน็ มากกวา่ น้ี ใชส้ ญั ลกั ษณ์ “Dfd” ในฤดูหนาวอากาศเยน็ จดั มาก เดือนท่ีหนาว ท่ีสุดอณุ หภูมิเฉล่ียต่ากวา่ -38 องศาเซลเซียส
ส่วนสญั ลกั ษณ์ “Dwc” หรือ “Dwd” น้นั จะมีอณุ หภูมิ ของอากาศคลา้ ยคลึงกนั กบั ท่ีกล่าวมาแลว้ แต่จะแตกต่างกนั คือ หยาดน้าฟ้าท่ีตกลงมาจะมีอากาศแหง้ แลง้ ในช่วงฤดูหนาว ส่วน “Dfc” และ “Dfd” จะมีหยาดน้าฟ้าตกตลอดท้งั ปี ปริมาณหยาด น้าฟ้าท่ีตกลงมาตลอดปี เฉล่ียต่ากวา่ 30 เซนติเมตร
เขตภูมิอากาศแบบข้วั โลก ( Polar Climate “ E ” ) เป็นเขตภูมิอากาศที่มีความหนาวเยน็ อยา่ งรุนแรง ทุกเดือนของ ปี มีอุณหภูมิของอากาศเฉล่ียต่ากวา่ 10 องศาเซลเซียส หยาดน้า ฟ้าท่ีตกลงมาส่วนใหญ่อยใู่ นรูปของหิมะ แบ่งออกเป็น 2 เขต ยอ่ ย ดงั น้ี
1. เขตภูมอิ ากาศแบบทรุนดรา ( Tundra Climate “ ET ” ) อากาศตลอดปี มีอณุ หภูมิต่า อากาศหนาวเยน็ มาก
2. เขตภูมอิ ากาศแบบพืดนา้ แขง็ ( Ice Cap Climate “ EF ” ) อากาศหนาวเยน็ ตลอดปี พ้นื ดินปกคลุมดว้ ยหิมะและ น้าแขง็ เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ “ทะเลทรายข้วั โลก” (Polar Desert) พบในเขตทวปี แอนตาร์กติกาในซีกโลกใต้
3. เขตภูมอิ ากาศเขตทสี่ ูง ( Highland Climate “ H ” ) เป็นลกั ษณะภูมิอากาศในเขตพ้นื ท่ีท่ีมีความสูงและ ตาแหน่งละติจูดท่ีเปลี่ยนแปลงไป
เรื่อง ประชากร มนุษยเ์ ช้ือชาติคอเคซอยด์ กระจายแพร่หลายในยโุ รป อเมริกา เหนือ-ใต้ มีรูปร่างสูงใหญ่ ผวิ ขาว ขนตามลาตวั สีน้าตาล ผมสีทอง ริมฝีปากบาง จมูกโด่ง นยั น์ตาสีน้าเงิน หรือฟ้า มีเช้ือชาติ ยอ่ ยเป็น พวกนอร์ดิก เซลติค อามาเนีย และออสเตรเลียน เป็นเผา่ พนั ธุ์มนุษยท์ ่ี มีความหลากหลาย และมีพฒั นาการจาเพาะสาหรับการดารงชีวิตอยู่ ในเขตอบอุน่ (temperate) มีศีรษะท่ีมีรูปร่างต่างๆ กนั แต่ที่เหมือนกนั คือมีจมูกโด่งและผมเป็นลอน ผวิ สีน้าตาลหรือสีอ่อน แบ่งเป็นกลุ่ม ยอ่ ยคือ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106